เจริญอานาปานุสติสามารถให้เกิดทิพย์จักขุได้ปาวคับ

เจริญอานาปานุสติสามารถให้เกิดทิพย์จักขุได้ปาวคับ

 

อานานปานสติ ทำให้เกิดความสงบ ละนิวรณ์ได้

หมดนิวรณ์บ้าง ก็เห็นสิ่งที่นิวรณ์ปิดได้บ้าง

 

ได้แน่นอนครับ อ่านหนังสือพระท่านที่ปฏิบัติ พระเกจิดังๆจิ ท่านได้ แตท่านไม่อ้างตัวเองนะ เพราะ.....

 

พอทำไปแล้ว คิดว่าคงไม่อยากได้หรอกนะ ภูมิจิตภูมิธรรม มันสูงขึ้น ตอนนี้ความหยากมันมี

 

ได้แน่นอน ครับ แต่การที่จะ จับอานาปาฯ ที่ให้ผลได้สูงสุด ควรจะมี ครูุ อาจารย์ คอยแนะนำ ด้วยครับ

 

โดยเนื้อของลมหายใจนั้นมีทั้ง ดิน น้ำ ลม ไฟ ครบ

ดังนั้น การทำอานาปานสตินั้นจะได้ผลเหมือนกสิณ ดิน น้ำ ลม และ ไฟ

ที่เหลือก็เป็นกายคตาจำนวนมาก แล้วแต่จะใช้ธาตุลมส่วนไหน เพราะ
ธาตุลมนั้นแทรกอยู่ในอวัยวะน้อยใหญ่ของเราทั้งหมด

สิ่งเดียวที่ต้องระวัง คือ มันเคลิ้มง่ายถ้าสติหย่อนเกินไป แต่ถ้าสติให้มาก
เกินไปจนเป็นเผลอเข้าไปบังคับลม ไม่ปล่อยไปตามธรรมชาติก็หมดสติ
หรือมีทิฏฐิเห็นผิดได้

อานาปานสติ จึงเป็นของ มหาบุรุษ หรือ ผู้มีปัญญาอันยิ่ง ไม่เช่นนั้นจะ
ไม่สำเร็จทั้งหมด จะครึ่งๆกลางๆ ก็ออกไปเด่นดังเสียก่อน

คนที่เดินอานาปานสติจนถึงที่สุดจึงไม่นิยมแสดงฤทธิ์เป็นจริต

 

พุทโธ ทำพระสายปู่มั่นเป็น อรหันต์และมีอภิญญากันนับไม่ถ้วนแล้วครับ

เช่น หลวงปู่แหวน หลวงปู่ขาว หลวงปู่ฝั่น หลวงปู่ตื้อ หลวงปู่สิม เป็นต้น

อนุโมทนาครับ^^

 

ไม่ต้องสงสัยเลย พระอริยเจ้าในอดีตก็ได้จากอาณาฯกันเยอะ เร่งปฏิบัติเถอะ

 

ปัญหา อานาปานสติมีอานิสงส์อย่างไรบ้าง ?

พุทธดำรัสตอบ

“ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เมื่ออานาปานสติอันภิกษุเจริญแล้ว พอกพูนแล้วอย่างนี้ พึงหวังได้ผลานิสงส์ ๗ ประการ คือ

จะได้เสวยพระอรหัตตผลในปัจจุบันทันด่วน ๑
ถ้าไม่ได้เสวยพระอรหัตตผลในปัจจุบันทันด่วน จะได้เสวยในเวลาใกล้ตาย ๑
ถ้าในปัจจุบันก็ไม่ได้เสวย ในเวลาใกล้ตายก็ไม่ได้เสวย เนื่องจากสังโยชน์เบื้องต่ำ ๕ ประการสิ้นไป จะได้เป็นพระอนาคามีประเภทอันตราปรินิพพายี ๑
ประเภทอุปหัจจปรินิพพายี ๑
ประเภท อสังขารปินิพพายี ๑
ประเภทสสังขารปรินิพพายี ๑
ประเภทอุทธังโสโตอกนิฏฐคามี ๑

“ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เมื่ออานาปานสติอันภิกษุเจริญแล้ว กระทำให้มากแล้วอย่างนี้แล พึงหวังได้ผลานิสงส์ ๗ ประการเหล่านี้แล....”

ผลสูตรที่ ๒ มหา. สํ. (๑๓๑๖ )
ตบ. ๑๙ : ๓๙๗-๓๙๘ ตท. ๑๙ : ๓๖๕
ตอ. K.S. ๕ : ๒๗๘

-------------------------------------------

ในมุมมองของผม จะได้รับอานิสงส์ทั้ง ๗ ประการ ก็ต่อเมื่อเจริญอย่างถูกทางเท่านั้น คือ"จะต้องเป็นผู้รู้ลม"
ถ้าไปเพ่งลม จ้องลม บังคับลม ถือว่าเป็นอัถกิลมะถานุโยค คือการทรมานกายแใจละตนเอง
ผลที่ได้ก็เป็นแค่สมถะกรรมฐานแบบฤาษีชีไพร

 

ดูกร มหานามะ อริยสาวกนั้นอาศัยจตุตถฌาน มีอุเบกขาเป็นเหตุให้สติบริสุทธิ์อยู่
ย่อมระลึกชาติที่เคยอยู่อาศัยในกาลก่อนได้เป็นอันมาก...
...เธอย่อมเห็นหมู่สัตว์ที่กำลังจุติ กำลังอุบัติ เลว ประณีต มีผิวพรรนดี-ทราม
ด้วยทิพย์จักษุอันบริสุทธิ์ ล่วงวิสัยจักษุของมนุษย์

( เสขปฏิปทาสูตร )

แม้อุปจารฌาน ของสมาธิใดก็ตาม ก็สามารถเห็นได้ เพียงแต่ไม่ชัดเจนเท่าจตุตถฌาน

 

ขึ้นอยู่กับกำลังของจิตที่ฝึกนั้น
ขึ้นอยู่กับปัญญาในการเดินกรรมฐานหมวดที่เกี่ยวข้องกับทิพยจักขุญาณด้วยครับ

มโนมยิทธิแบบวัดท่าซุง ก็ขึ้นกรรมฐานด้วยอานาปานสติครับ