หิน,อัญมณีบำบัด

หินบำบัดได้อย่างไร
14 Mar 2006

<dd>หิน บำบัด คือการนำพลังของหินสีชนิดต่างๆ ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติมาใช้เพื่อบำบัดอาการต่างๆ ที่เกิดขึ้นทั้งทางจิตใจและทางร่างกายให้ดีขึ้นมันจะสามารถได้ผลดีก็ต่อ เมื่อมีการแลกเปลี่ยนพลังงานระหว่างตัวเราเองและหินที่มีพลังด้วยเช่นกัน การจะแลกเปลี่ยนพลังงานระหว่างกันได้ก็ต้องอาศัยการสัมผัสแตะต้องหินชนิด นั้น และเหนืออื่นใดก็ต้องเริ่มต้นที่การมีความเชื่อมั่นในพลังของหินเสียก่อนว่า จะสามารถช่วยได้ และยิ่งจะส่งผลดีมากขึ้นไปอีก หากทดสอบได้ว่าหินชนิดนั้นๆ มีคุณสมบัติที่ตรงกับความต้องการและมีพลังอยู่เต็ม</dd>
<dd>หินหรือ คริสตรัลมีแรงสั่นสะเทือนที่ดีซึ่งมีผลต่อโลกและสรรพสิ่งทั้ง หลาย หินสีและคริสตัลชนิดต่างๆ นั้นมีส่วนประกอบในทางเคมีที่เหมือนกันกับส่วนประกอบของร่างกาย มนุษย์ หินสีและคริสตัลเหล่านี้ล้วนมีคลื่นความถี่ที่สั่นสะเทือนสูงมาก ส่งผลต่อร่างกายของคนเรา หากเราอยู่ในรัศมีที่คลื่นความสั่นสะเทือนนั้นส่งไปถึง หินบำบัดนั้นไม่เพียง แต่จะบำบัดร่างกายเท่านั้นยังบำบัดจิตใจของคนเราได้ดีเยี่ยม </dd>
การบำบัดด้านจิตใจนี้เองที่มีความละเอียดอ่อนกว่าการบำบัดด้านร่างกาย แล้วยังทำให้เกิดสมาธิ มีสติปัญญาดี และเปลี่ยนทัศนคติในการมองโลกมองชีวิตเสียใหม่ได้ดีอีกด้วย
;aa15

 

หิน บำบัดคือหินแร่ที่เกิดจากธรรมชาติ มีพลังดีๆ อยู่ในตัวมันเอง แต่มีคุณสมบัติในการรับพลังงานอย่างหนึ่งเข้าไว้และถ่ายทอดออกมาเป็นพลังงาน อีกอย่างหนึ่ง พลังแห่งหินสีและคริสตัลจะสามารถเปลี่ยนรูปได้ด้วยการเก็บกักพลังเอาไว้ และพลังเหล่านั้นก็จะเจริญเติบโตหรือเพิ่มขึ้นได้ แต่อย่างไรก็ตามหินสีและคริสตัลไม่สามารถกลั่นกรองพลังได้ว่าสิ่งไหนเป็น พลังดีๆ และสิ่งไหนมีพลังในด้านลบ เมื่อมีพลังไหลเวียนเข้ามาหรือถ่ายทอดให้กับผู้ที่มาสัมผัสหรือพยายามสื่อ สารกับหิน
ดังนั้นหินไหนมีพลังมากก็จะสามารถดูด ซับพลังอื่นๆ ได้มากเช่นกัน และหากผู้ที่มาสัมผัสและถ่ายทอดคลื่นให้หินสีชนิดต่างๆ นั้นมีพลังด้านลบ เช่น เจ็บป่วย ทุกข์ยาก หรือมีอาการต่างๆ หินที่มีพลังมากๆ ก็จะดูดซับพลังด้านลบต่างๆ เหล่านั้นเอาไว้ เมื่อกักเก็บเอาไว้มากๆ เข้าจนเต็ม การที่จะถ่ายทอดพลังที่กักเก็บเอาไว้ออกมาก็จะเกิดขึ้น และอาจจะเปลี่ยนรูปหรือถ่ายออกมาในรูปแบบต่างๆ กัน อาจไม่ใช่ด้านลบที่รับมาโดยตรง เช่น ไม่ใช่ว่าเมื่อได้ดูดพลังความเครียดจากคนหนึ่งมาแล้วจะต้องถ่ายทอดออกมาเป็น พลังความเครียดให้อีกคนหนึ่งด้วย แต่อาจออกมาในรูปอื่นๆ ซึ่งบอกไม่ได้ว่าจะเปลี่ยนรูปไปเป็นฉันใด แต่ที่สำคัญคือโดยรวมแล้วเราเรียกว่าเป็นกานถ่ายพลังด้านลบออกมานั้นเอง

 

อย่างไรก็ตาม การจะนำหินและคริสตัลมาใช้ในการบำบัดรักษาอาการต่างๆ ให้ดีขึ้นได้นั้น ต้องอาศัยพลังแห่งความรัก พลังแห่งความอาทรห่วงใยอันแท้จริงร่วมด้วย ไม่ว่าเราจะบำบัดตังเองหรือบำบัดผู้ป่วยอื่นๆ ซึ่งเป็นเรื่องไม่ยากเย็นอะไรเลยเนื่องจากคนเราทุกคนล้วนมีความรักอยู่ในใจ กันทุกคน แต่พลังแห่งความรักนั้นจะยิ่งใหญ่มากหรือ ไม่ก็ขึ้นอยู่กับความรู้สึกในใจของแต่ละคนด้วย เพราะบางคนนั้นเป็นโรคขาดความรัก ไม่รู้จักแม้แต่จะรักตัวเองจำเป็นต้องให้หินค่อยๆ บำบัดให้ก่อเกิดความรักขึ้นในใจตัวเองเสียก่อน เรียกพลังแห่งรักให้กลับคืนมา แล้วการบำบัดรักษาก็จะเริ่มต้นขึ้นได้
เมื่อ มีความเชื่อ มีศรัทธาและมีความรักเกิดขึ้นแล้ว ก็ควรจะต้องทำความรู้จักกับหินของตัวเองด้วยว่ามีพลังหรือไม่และมีพลังเป็น เช่นไร หินที่แม้จะกำเนิดจากธรรมชาติ และมาจากแหล่งเดียวกันก็ไม่ได้แปลว่าจะมีพลังเท่ากันทุกก้อน บางก้อนหากผ่านการเจียระไนแล้วก็อาจจะมีพลังลดน้อยลงจนถึงกับหมดไปด้วยก็ได้ หินที่ผ่านมือมาหลาย คน วางไว้แล้วมีคนมาหยิบจับสัมผัสรวมถึงถ่ายคลื่นพลังไม่ดีออกจากตัว หินก็จะดูดซึมพลังเหล่านั้นเอาไว้หากนำไปใช้โดยไม่รู้ว่าพลังนั้นเป็นเช่นไร มีด้านดีหรือด้านลบ

 

อย่างไร ก็อาจจะได้รับพลังไม่ดีที่ถ่ายออกมาก็เป็นได้ จึงจำเป็นอยู่ดีที่คุณจะต้องสัมผัสพลังของหินให้ได้ ถ้าไม่สามารถทำได้ด้วยตัวเองก็ควรอาศัยผู้รู้ อาศัยผู้ขายที่มีความรู้ความสามารถในด้านนี้จะช่วยให้การนำหินมาใช้ในด้าน ของการบำบัดนั้นเกิดผลดี ไม่เสียเปล่า และเมื่อวัดพลังดีๆ ของหินได้แล้ว ก็ควรจะล้างพลังเหล่านั้นให้บริสุทธิ์
จากนั้นก็ตั้งโปรแกรมไม่ให้หินดูดซึมพลังด้านลบเอาไว้ด้วย จะได้ไม่ต้องเครียดกับความรู้สึกว่าหินได้ดูดซึมพลังด้านลบจากตัวเราออกมา แล้วนำไปไว้ที่ไหน ถ่ายพลังลบออกไปหมดหรือเปล่า เพราะการตั้งโปรแกรมเสียก่อนตั้งแต่เริ่มต้นก็เท่ากับสร้างเกราะป้องกันให้ กับเอากินเอาไว้ก่อน จะทำให้หินไม่ดูดซึมและเก็บกักพลังด้านลบเอาไว้ รับมาก็ปล่อยออกไปเลย
อย่างไรก็ดี ยังมีหินอีกมากมายที่ไม่มีพลัง เพราะผ่านการเจียระไน ผ่านการเผาหรือเป็นหินที่ได้รับการสังเคราะห์หรือกระทำโดยผ่านกระบวนการ ต่างๆ ก็ไม่สามารถส่งพลังให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีๆ ขึ้นได้ แต่ก็ไม่ได้แปลว่าจะใช้ไม่ได้เสียเลยทีเดียวนะคะ เพระาถ้าไม่ได้เน้นเรื่องการบำบัด ก็ใช้ในเรื่องของการเป็นเครื่องประดับสวยงามได้
แล้วยังมีเรื่องของสีเข้ามาเกี่ยวข้อง พลังของสีต่างๆ ก็สามารถบำบัดร่างกายและจิตใจเราได้เช่นกัน เช่น
สีฟ้าจะทำให้จิตใจกระปรี้กระเปร่า
สีเขียวจะทำให้เกิดความร่าเริงสนุกสนาน
สีน้ำเงินทำให้เกิดความสงบ มีความเชื่อมั่นตัวเอง
สีแดงกระตุ้นการทำงานของระบบไหลเวียนของโลหิต

ที่มา : พลังมหัศจรรย์แห่งหินสีและอัญมณีเพื่อสุขภาพและสิริมงคล จุฑามาศ ณ สงขลา เขียน

 

ขอบคุณครับสำหรับความรู้ครับ

 

ขอบคุณค่ะ

 

1. ทฤษฎีคลื่นสั่นสะเทือน (Vibrational Theory)ร่างกายของคนเราประกอบขึ้นจากคลื่นสั่นสะเทือนทั้งสิ้น โดยสามารถวัดออกมาเป็นกราฟ เช่น การวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจ คลื่นสมอง เป็นต้น ถ้าคลื่นใดทำงานผิดปกติ ก็เกิดอาการไม่สบาย

วาง ‘หยก’ บริเวณหน้าอก คลื่นพลังจากหยกจะไปปรับคลื่นสั่นสะเทือนหัวใจ สักพักอาการแน่นหน้าอกจะหายไป

2. ทฤษฎีจักระ (Chakra Theory)
จาก หลักการเบื้องต้นของอินเดียโบราณ ถือว่าพลังแห่งชีวิตของคนจะเคลื่อนไหวอยู่ในร่างกายสองแนว ในลักษณะเป็น‘เกลียว’ และเป็น‘จุดตัดกัน’ ตรงตำแหน่งกลางของลำตัว
แนวเคลื่อนของพลังแห่งชีวิตมีด้วยกัน 7 แห่ง

2.1 ก้นกบ (จุดราก) เชื่อมอยู่กับฐานของกระดูกสันหลัง
อัญมณีที่ใช้ คือ บลัดสโตน ช่วยควบคุมและสร้างภูมิต้านทานให้กับร่างกาย

2.2 ท้องน้อย (ใต้สะดือ) ตรงกับรังไข่และอัณฑะ
อัญมณีที่ใช้ คือ โกเมน ช่วยในเรื่องสมดุลของจิตใจ

2.3 เหนือสะดือ (บริเวณช่องกระบังลม) เป็นจุดรวมใยประสาท ตรงกับต่อมผลิตอินซูลินในตับอ่อน และต่อมหมวกไต
อัญมณีที่ใช้ คือ พลอยตาเสือ ช่วยในเรื่องของพลังอำนาจ

 

2.4 หน้าอก (บริเวณหัวใจ) ตรงกับต่อมไทมัส
อัญมณีที่ใช้ คือ โรส ควอตซ์ ช่วยในเรื่องของความรักและความเมตตา

2.5 ลำคอ (บริเวณคอหอย) ตรงกับต่อมไทรอยด์ และพาราไทรอยด์
อัญมณีที่ใช้ คือ เทอร์คอยส์ ช่วยในเรื่องของการสื่อสารและการแสดงออก

2.6 หน้าผาก (จุดดวงตาที่ 3 กึ่งกลางระหว่างคิ้ว) ตรงกับต่อมใต้สมอง
อัญมณีที่ใช้ คือ ลาพิส ช่วยในเรื่องของการรับรู้และมองเห็น

2.7 กลางกระหม่อม (ส่วนบนของศีรษะ) ตรงกับต่อมไพเนียล
อัญมณีที่ใช้ คือ อาเกต ช่วยในเรื่องของปัญญาและสติ

ตัวอย่างอัญมณีและการวาง
วาง ‘ลาพิส’ ไว้ที่หน้าผาก ลำคอ กลางหน้าอก ท้อง และท้องน้อย เพื่อปรับการทำงานทั่วร่างกายให้เกิดความสมดุล สุขภาพดีขึ้น

 

3. ทฤษฎีการถ่ายเทพลังงาน (Exchange Energy Theory)
หากร่างกายทำงานผิดปกติ ความสมดุลของพลังในร่างกายจะเปลี่ยนไป ทำให้เกิดอาการไม่สบาย
วาง ‘โรส ควอตซ์’ ตรงหน้าอก พลังจากควอตซ์สีชมพู จะไปกระตุ้นให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่า สดใส มีชีวิตชีวาขึ้น

4. ทฤษฎีดูดพิษ (Toxic Deduction Theory)
ว่ากันว่า หินสีตระกูล ‘ควอตซ์’ สามารถดูดซับพลังลบ ปวดตรงไหน เอาควอตซ์วางตรงนั้น อาการเจ็บปวดจะหายไป
วาง ‘ควอต์ใส’ บนเข่าทั้งสองข้าง นาน 10 นาที อาการปวดเข่าจะค่อยๆหายไป

5. ทฤษฎีเหมือนรักษาเหมือน (Like Cures Like Theory)
ได้รับอิทธิพลมาจากตะวันตก ในอังกฤษและเยอรมนีมักใช้ทฤษฎีนี้ในการรักษาโรค
พลอยตาเสือ (Tiger’s Eye) รักษาอาการที่เกี่ยวกับตา
หินหยดเลือด (Blood Stone) รักษาอาการเกี่ยวกับเลือด เช่น เลือดออก ปวดประจำเดือน

6. ทฤษฎีสี (Color Theory)
หิน สีถูกแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มสีร้อน เช่น แดง ส้ม เหลือง และกลุ่มสีเย็น เช่น ม่วง ฟ้า เขียว ตามหลักการความเชื่อของโลกตะวันออก ก็แบ่งโรคตามอาการที่เป็น ร้อนกับเย็นเช่นกัน ดังนั้นจึงใช้สิ่งเย็นมารักษาโรคร้อน ตรงกันข้ามใช้สิ่งร้อนมารักษาโรคเย็น
ใช้ เทอร์ควอยส์ ซึ่งอยู่ในกลุ่มหินสีเย็น มารักษาโรคเครียด ใจร้อนก้าวร้าว

7. ทฤษฎีโปรแกรมจิต (Mind Programming Theory)
ทฤษฎีสมัยใหม่ที่ได้รับความนิยมมาก ดั่งการตั้งความฝัน แล้วต้องทำให้ได้ เป็นการตั้งเจตจำนง แล้วต้องทำให้บรรลุ
การบำบัดด้วยอัญมณีก็เช่นกัน ผู้รักษาเป็นคนตั้งโปรแกรมจิตว่าต้องการให้อัญมณีนี้ช่วยอะไร

คุณอาจเลือกสวมใส่อัญมณีแก้โรคที่เป็นอยู่ หรือเลือกไปนวดตามสปาที่มีโปรแกรมอัญมณีบำบัด
ทั้งนี้ ไม่ใช่ว่าอัญมณีบำบัดจะรักษาโรคได้ทันที หากต้องค่อยเป็นค่อยไป โดยประสานกับวิธีทางธรรมชาติอื่นๆด้วย เช่น ต้องปรับอาหาร เปลี่ยนพฤติกรรม และออกกำลังกาย บริหารจิตให้สงบ บวกใช้สมุนไพรควบคู่ไปด้วยนะจ๊ะ

ที่มา : ผู้จัดการออนไลน์

 

มีอบรมที่กระทู้นี้แต่ไม่รู้รายละเอียดเหมือนที่ผมหาข้อมูลมาหรือเปล่านะครับ
http://palungjit.org/showthread.php?t=104085&page=99

 

ชอบหินสีค่ะ แต่ชอบเพราะความสวยงามค่ะ ในเรื่องของการบำบัดยังไม่เคยทดลองเลยค่ะ

 

โมทนาสาธุ คนจะล่วงทุกข์ได้เพราะความเพียร สาธุ สาธุ สาธุ

 

ดีครับที่ มีคนออกมายืนยันว่า หินสี หรือ พลอยสี หินมณีใต้น้ำ นั้นมีพลังพิเศษ ที่ บำบัดโรคได้...และราคาก็แตกต่างกันไป ตามเนื้อแร่ธาตุนั้น
ผมก็เคยเสนอแนวทางนี้ มาก่อนหลายปี แต่ได้ ลดลงไปเพราะ
ในเวบมีบุคคลหลายคนที่ ต่อต้าน เรื่อง หินมีพลังในการบำบัด
บอกว่า..เป็นพวกหลอกลวง คนให้ เสียเงิน..ทั้งๆๆที่หินไม่มีพลังอะไร
หาว่า พลอยสี เม็ด ละ ไม่เกิน3 บาท(พลาสติค).
.เอามาหลอก ขายชาวบ้าน เม็ดละเป็น ร้อย เป็นพันบาท
อย่าเพิ่งท้อ นะครับ ถ้า โดนโจมตี แบบที่ผม โดนมาแล้ว

 

ดีครับที่มีคนสนใจแบบนี้วันงานเอาหินไปส่องพลังเล่นดีกว่าจะได้เห็นกันชัดๆครับ

 

ไปเรียนด้วยคนครับ แต่ไม่รู้จักอาคารธนาคารกรุงไทยครับ

ช่วยแนะนำเส้นทางด้วยครับ ขอบคุณครับ

 

ไปลงชื่อที่กระทู้นี้ครับhttp://palungjit.org/showthrea...104085&page=99
ในนั้นมีแผนที่ด้วยแต่ไม่รู้หน้าไหนลองอ่านย้อนไปซัก 2-3 หน้าครับ

 

1. อัญมณีสีแดง
สีแดงจัดเป็นสีร้อนซึ่งจะกระจายพลังความร้อนออกมาตลอดจึงเป็นสีที่ให้พลังความเข้มแข็งทั้งร่างกายและจิตใจรวมทั้งกระตุ้นให้เกิดการกระตือรือร้นอยู่เสมอนอกจากนี้ยังช่วยให้เกิดความรู้สึกที่มั่นคงในเวลาที่ภาวะจิตใจตกต่ำหรือเกิดความหวาดกลัวสีแดงจะช่วยให้สามารถตั้งสติได้รวดเร็วขึ้นตลอดจนช่วยสร้างสมดุลให้ร่างกายและจิตใจได้กลุ่มอัญมณีเช่นทับทิมโกเมนปะการังเป็นต้น

ทับทิม ( RUBY )
พลังบำบัด : ช่วยกระตุ้นและสร้างพลังเสริมสร้างความสมดุดระหว่างร่างกายและจิตใจความรู้สึก และ จิตวิญญาณโน้มนำให้เกิดความสำเร็จกระตุ้นการทำงานของม้ามต่อมอะดรีนัลและระบบหมุนเวียนโลหิต

โกเมน ( GARNET )
พลังบำบัด : ช่วยบำบัดอาการเฉื่อยชาและอาการหดหู่ซึกเศร้าจะช่วยปรับสมดุลสำหรับผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ ทางเพศซึ่งให้ผลดีทั้งเพศหญิงและเพศชายกระตุ้นการหมุนเวียนของเลือดเหมาะกับผู้ที่มีความดันเลือดต่ำ

ปะการัง ( CORAL )
พลังบำบัด : ช่วยให้มีสติปัญญาแจ่มใสลดอาการวิตกกังวลมีผลดีต่อระบบย่อยอาหารและการดูดซึม

 

2. อัญมณีสีน้ำเงินและฟ้า
เป็นสีเย็นช่วยชำระล้างอารมณ์และจิตใจทำให้สงบเยือกเย็นพิจารณาปัญหาได้อย่างรอบคอบช่วยกระตุ้น ให้เกิดความคิดสร้างสรรค์กลุ่มอัญมณีเช่นเทอร์ควอยส์โซดาไลต์บลูแซฟไฟร์ลาพิสลาซูรี่

เทอร์ควอยส์ ( TURQUOISE)
พลังบำบัด : ช่วยคลายความวิตกกังวลและเพิ่มความมีชีวิตชีวากระตุ้นสมองให้ทำงานได้ดีบรรเทาอาการปวดศีรษะ และเจ็บคอจนถึงการอักเสบติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ

โซดาไลต์ ( SODALITE )
พลังบำบัด : ช่วยให้จิตใจสงบผ่องใสขจัดความกลัวเพิ่มศักยภาพด้านการสื่อสารและสร้างสรรค์ช่วยป้องกันรังสีเอกซเรย์ตลอดจนปรับสมดุลระบบการเผาผลาญในร่างกายช่วยรักษาลำคอและระบบเสียงกระตุ้นการสร้างเซลล์และรักษาเนื้อเยื่อกล้ามเนื้อรวมทั้งลดความดันโลหิต

บลูแซฟไฟร์ ( BLUE SAPPHIRE )
พลังบำบัด : ช่วยควบคุมสติอารมณ์และเผชิญสถานการณ์ต่างๆได้ดีขึ้นรู้สึกเชื่อมั่นรวมทั้งเสริมสร้างความสัมพันธ์กับผู้อื่นได้ดีบรรเทาอาการติดเชื้อบำบัดอาการทางสมองตลอดจนโรคเกี่ยวกับระบบประสาท

 

3. อัญมณีสีเหลือง
รังสีของแสงที่กระจายออกมาจะส่งพลังแม่เหล็กของสีในทางบวกซึ่งจะช่วยสร้างแรงบันดาลใจกระตุ้นให้เกิดความกระปรี้ประเปร่าและระงับความร้อนรนกระวนกระวายนอกจากนี้ยังเป็นสีแห่งสติปัญญาอีกด้วย กลุ่มอัญมณีเช่นบุษราคัมไทเกอร์อายซิทริน

บุษราคัม ( YELLOW SAPPHURE )
พลังบำบัด : สร้างความรื่นรมย์และความสมดุลของฮอร์โมนป้องกันหวัดวัณโรคและช่วยให้ปอดทำงานดีขึ้น ถ้าวางบุษราคัมไว้ใต้หมอนจะช่วยสงบประสาทและเสริมสร้างพลังระหว่างที่ร่างกายพักผ่อนด้วย

ไทเกอร์อาย ( TIGER

 

4. อัญมณีสีม่วง
สีม่วงสะท้อนถึงความเป็นผู้มีจิตใจดีมีเมตตาพร้อมมอบความรักให้ผู้อื่นอย่างไม่มีเงื่อนไขเป็นสีที่ช่วยให้คลายความรู้สึกอิจฉาริษยาหรืออาฆาตและช่วยเพิ่มพูนความรักและนับถือตัวเองช่วยบรรเทาความเศร้าโสกจากการสูญเสียกลุ่มอัญมณีเช่นแอเมธิสต์เลพิโดไลต์

แอเมธิสต์ ( AMETHYST )
พลังบำบัด : ช่วยเพิ่มศักยภาพให้สมองข้างขวาซึ่งทำงานเกี่ยวกับความคิดสร้างสรรค์ช่วยขจัดความเครียดเยียวยาอาการหดหู่และฝันร้ายควบคุมหรือระงับอารมณ์โกรธผู้ที่มีอาการเมาให้ดื่มน้ำแช่หินชนิดนี้จะสร่างเมาเร็วขึ้นและไม่ค่อยมีอาการเมาค้างนอกจากนี้นังส่งผลดีต่อผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับเม็ดเลือดเนื่องจากช่วยในการ ฟอกเลือดและกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือด

เลพิโดไลต์ ( LEPIDOLITE )
พลังบำบัด : ช่วยให้มีสมาธิในการตัดสินใจส่งผลดีต่อระบบประสาทบำบัดความผิดปกติเกี่ยวกับข้อต่อ