พลังและสง่าราศี

[FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]

​

[/FONT] ​

[FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]ตอนที่ 1[/FONT]

[FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]ชีวิตมนุษย์ที่ตกอยู่ในวังวนแห่งกรรม ต้องเวียนว่ายมาเกิดในชาติและภพภูมิต่างๆๆ นั้น จะประกอบด้วยสังขารและวิญญาณ [/FONT]
[FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]
สังขารนั้นจะเปลี่ยนไปตาม กรรมที่ได้ทำไว้ ถ้าทำดี ภพภูมิก็จะดีขึ้น ถ้าทำกรรมเลว ภพถูมิก็จะต่ำลง เหมือนเรียนหนังลสือ สอบตก ต้องถูกลดชั้น

วิญญาณนั้นจะไม่เปลี่ยนรูป แต่เปลี่ยนสีประจำตัวที่เรียกว่า ออร่า
สีของออร่าจะบอกคุณลักษณะของวิญญาณว่า ได้ผ่านการเรียนรู้มาเท่าใดแล้ว เมื่อได้ครบและสอบได้ สีนั้นก็จะเต็ม และได้ บิงโก กลายเป็นแสงที่อยู่นิ่ง และมีอำนาจ โดยไม่ต้องไปวนเวียนอีกต่อไป
ที่ทางพุทธะ หมายถึงการหลุดพ้น หรือ นิพพาน นั่นเอง[/FONT]

[FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]ออร่า หรือแสงประจำตัว เมื่อครบถ้วนจะต้องมี เจ็ดสีในอัตราส่วนที่เท่าๆกัน บุคคลธรรมดาที่ยังไม่บรรลุจึงมีไม่ครบทุกสี และยังไม่เต็มทุกสี

พระพุทธองค์ ที่ทรง เข้า นิพพานไปแล้ว ไม่มีการเกิด การตายอีกต่อไป จึงกลายเป็ยแสงอยู่ในจักรวาล ทรงอยู่ในทุกๆๆที่ที่มีแสง จึงทรงอยู่รอบๆๆตัวเรา
เวลาเราสวดมนต์ระลึกถึงพระพุทธองค์ เราจะรู้สึกว่าพระองค์มาอยู่ใกล้ๆๆเรา และอยู่ในตัวเรา เวลาเราอัญเชิญพระมารมี ท่านก็จะแผ่บารมีแสงออกมา เป็นแถบสี ที่เรียกว่า "ฉัพพรรณรังสี" อันสวยงามและมีพลังบารมี

คนที่มีอำนาจจิตเมื่อ ขอบารมีจากพระพุทธองค์ และพระองค์ให้ออกมาเป็นแสงอันสวยงาม เมื่อตั้งจิตขอพลัง

กลุ่มแสงนั้น ก็จะค่อยๆๆ ลอยช้าๆๆเข้ามาสู่ตัวเราเหมือนกลุ่มหมอกสี ค่อยๆๆ ลอยมาเข้าตัวเราในความเร็วประมาณ 1 เมตรต่อ 1 วินาที เป็นพลังที่ให้ความเย็ยสบายและให้ความอุ่นใจ[/FONT]

[FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]กายสังขารของเรา เมื่อยังอยู่ คือยังไม่ตาย เราก็ยังมี กายใน ที่แสดงให้เห็นเป็นแสงออร่า รอบๆๆตัว

เมื่อเรายังอยู่ในโลก กายเราก็มีแสง และสิ่งต่างๆๆที่อยู่รอบตัวเราไม่ว่า ผู้คน ข้าวของ ของใช้ เครื่องประดับกาย แก้วแหวน เงินทอง เสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม ยา รักษาโรค บ้าน ที่นอน อาหาร ฯลฯ ก็ล้วนแล้วแต่มีแสง และมาเกี่ยวข้องกับ ตัวเรา ทำให้เกิด ปรากฏการณ์ที่มนุษย์เรียกว่า การมี"ราศี"
ที่เราบางครั้ง จะพูดว่า "เขาไม่มีราศี หรือว่า เขามีราศี" นั้นเป็นของแท้และสำคัญมากๆๆที่ผู้คนไม่รู้และไม่เข้าใจ และสมควรที่จะต้องเข้าใจเพื่อตัวเองและครอบครัวของตัวเอง[/FONT]

[FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]จตุปัจจัยที่ใกล้ตัวเราที่มีนักสังคมวิทยาได้ กำหนดไว้การมีชีวิตที่ดีต้องมี สิ่งต่อไปนี้ มีสี่อย่างคือ [/FONT]
[FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]
อาหาร เสื้อผ้า ที่อยู่อาศัย และยารักษาโรค

ประการแรก คือ อาหาร
กายหยาบของเราแต่ละคน จะไม่เหมือนกัน เพราะ ต่างคนต่างกินอาหารที่ชอบไม่เหมือนกัน กินประเภทอาหารตามที่มีและหาได้ตามท้องถิ่นที่อยู่
คนอยู่บนดอยและไกลทะเล จะกินเนื้อและผักมากกว่าปกติ

คนอยู่ใกล้แม่น้ำ อยู่ตามที่ราบก็จะกินผัก กินผลไม้และปลาน้ำจืด เป็นหลัก

คนที่อยู่ใกล้ทะเลก็จะกินปลาทะเล ผลิตภัณ์จากทะเล มากว่าธรรมดา

หลักการกินมีอยู่ว่า ต้องกินอาหารที่ ร่างกายขาด อย่าไปกินอาหารที่เป็นส่วนเกิน ต้องกินอาหารที่ มีแสงออร่า ที่มีความถี่ที่เข้ากับตัว เป็นการเสริมตัวให้มีออร่า สว่างเพิ่มขึ้นแผ่กว้างออกไป ยิ่งมีแสงออร่า ออกไปไกลมากๆๆ ราศีก็จะยิ่งแรง ทำอะไรก็จะดี ดวงดี โชคชะตาดี ค้าขายดี สุขภาพดี
[/FONT]

[FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]การเลือกกินอาหารที่ดี มีออร่าที่เหมาะแก่ตัว ทำอย่างไร [/FONT]
[FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]
ขนมปัง ได้เคยแนะนำวิธีเลือกกินอาหารมาแล้วโดยใช้หลัก "ฝ่ามือ อรหันต์" ที่ ทุกคนมี แต่ไม่เคยสนใจ

ฝ่ามือของทุกคนมี จักระ อยู่ที่ฝ่ามือทั้งสองข้าง
จักระคือ อวัยวะพิเศษ ที่หมุนอยู่บนมือเหมือนพัดลม ดูดพลังแสงเข้ามาป้อนกายใน หรือกายละเอียด
จักระบนฝ่ามือ เป้นรากฝอยหรือสาขาของ จักระใหญ่ ที่ มีอยู่ 7 แห่งตามร่างกาย คือ ที่

ตรงตำแหน่งฝีเย็บใต้ก้นพลังแสงแด ง(จักระ 1)

ตรงก้นกบปลายกระดูกสันหลัง ดูดพลังแสง สีส้ม
(จักระ 2))

ตรงตำแหน่งเหนือ สะดือ ประมาณ 2 นิ้ว ดูดพลังแสงสีเหลือง (จักระ 3)

ตรงตำแหน่งระดับ หัวใจ ดูดพลังแสงสีเขียว
(จักระ 4 )

ตรงตำแหน่งคอ ดูดพลังแสงสีน้ำเงิน (จักระ 5)

ตรงตำแหน่งหน้าผาก ระหว่างคิ้ว ดูดพลังแสงสี ม่วง ผจักระ 6)

ตรงตำแหน่ง ขวัญบนศีรษะ ดูดพลังแสงสีคราม
(จักระ 7)[/FONT]

[FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]และเมื่อมาอยู่บนมือ [/FONT]
[FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]
นิ้วโป้ง คือ รากดูดพลังของ จักระ1
นิ้วชี้ คือ รากดูดพลังของ จักระ 2
นิ้วกลางคือ รากดูดพลังของจักระ 3
นิ้วนาง คือรากดูดของจักระ 4
นิ้วก้อย คือ รากดูดพลังของจักระ5
ใจกลางฝ่ามือ คือ รากดูดของจักระ 6

จักระ 7 ยังคงอยู่ที่ขวัญบนศีรษะเหมือนเดิม

จักระหรือรากดูดพลังที่มือ ดูดพลังแสงได้อย่างไรและได้อะไร[/FONT]

 

ตอนที่ 2

[FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]กายมนุษย์และสังขารอยู่ได้ด้วย ระบบพลังงาน ชีวะ-เคมี (Bio-Chemistry) อันสลับซับซ้อน ที่ทางการแพทย์เรียกว่า ระบบ เมตาบอริสซึ่ม (Metabolism) : เป็นการเผาพลาญเพื่อให้เกิดพลังงาน โดยธาตุที่จำเป็นในการดำรงชีวิต

ธาตุบนโลกมีมากกว่า ร้อยชนิด เรียง
กันไปตาม วาเลนซี่ และน้ำหนักอะตอม ตามตารางธาตุในตำราเคมี-ฟิสิก

โดยเริ่มจาก อะตอมของ ไฮโดรเจน ซึ่งเป็นธาตุที่เบาที่สุด จนถึงธาตุยูเรเนียม ใช้ทำระเบิดปรมาณูอันเป็นธาตุหนักที่อยู่ท้ายๆๆตาราง
ธาตุที่สำคัญของการดำรงชีวิตมีอยู่สี่ธาตุ คือ ไฮโดรเจน ออกซิเจน และ คาร์บอน หรือรวมกันเรียกว่า ธาตุไฮโดรคาร์บอน

อาหารธาตุเหล่านี้กายหยาบเอาเข้าไปในตัวผ่านทางปาก กระเพาะอาหาร ลำใส้เล็ก น้ำย่อย น้ำดี เอนไซน์ช่วยในการย่อยอาหารและจะถูกดูดเข้าไปในกระแสโลหิตเข้าไปในเม็ดเลือดเโดยผ่านผิวปุ่มดูดซึมธาตุอาหารที่อยู่ที่ผนังลำใส้
อาหารธาตุจะเป็นเชื้อพลังงานให้เกิดกำลังและความร้อนตามส่วนต่างๆของร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณกล้ามเนื้อที่ต้องใช้กำลัง[/FONT]

[FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]ปกติคนเราจะกินอาหารทางปาก ยกเว้นบางคนที่พิการ หรือเจ็บป่วยก็จะใช้วิธีการอื่นเช่นเจาะคอ หรือ ฉีดเข้าเส้นเลือดโดยตรง ฯลฯ

กายในหรือกายทิพย์ซึ่งเป็นกายคู่แฝดก็ต้องการอาหารเช่นกัน เมื่อกายในเป้นแสง จึงต้องการอาหารที่เป้นแสงเพื่อการคงสภาพ อาหารที่ว่าก็คือ แสงทิพย์หรือ แสงออร่า นั่นเอง

กายหยาบมีทางเข้าของอาหารคือปาก แต่ของกายใน คือ จักระ หรืกพัดลมหมุนดูดแสงที่มีอยู่รอบๆๆตัว

กายทิพย์มีพัดลมดูดพลังใหญ่อยู่เจ้ด จุดที่เป้นแกนสำคัญ และมีรากฝอยดูดเล็กๆๆกระจายรอบร่างกาย ตามเส้นเมอริเดียน จุดฝังเข้ม ที่ฝ่ามือ นิ้วมือ ฯลฯ

เสมือนต้นไม้ใหญ่จะต้องมีรากแก้วและต้องมีรากฝอยแผ่กระจายออกกว้างเพื่อการดูดอาหารได้มากกว่าและมีคุณภาพมากกว่า[/FONT]

[FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]ทันทีที่เราหยิบเอาอาหารเข้าปาก ขณะทีธาตุอาหารจะผ่านปากเข้าไปนั้น กายทิพย์ก้ดูดออร่าของอาหารนั้นเรียบร้อยแล้ว
โดยมือที่จับจะเริ่มสำรวจวิเคราะห็อาหารและเริ่มการดูดออร่าเข้าไป จะเห็นได้ว่า คนบางคนที่กินข้าวโดยใช้มือ จะรู้สึกว่ารสชาติอาหารจะอร่อยกว่าปกติ เพราะทั้งมือและปากต่างก็กินพร้อมๆๆกัน
การใช้ช้อน ตะเกียบหรือภาชนะอย่างอื่นไม่ได้ให้การสัมผัสโดยตรง

การที่มือเราเป็นด่านแรกในการดูดอาหารแสงออร่าจึงเท่ากับเป้นด่านแรกในการปะทะ วิเคราะห์และกรอง กายทิพยืจึงให้มีการป้องกันการกินอาหารที่ไม่ดี อาหารที่ไม่เหมาะกับสุขภาพของคนผู้นั้นในขณะนั้น ซึ่งจะไม่เหมือนกันแล้วแต่ละคน เพราะเงื่อนไข สุขภาพที่ต่างกัน[/FONT]

[FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]ถ้าเราฉลาดพอและเข้าใจ มือที่มีพลังในการดูดพลังเราก็จะมีเครื่องมือตรวจอาหารที่ดีที่สุด โดยไม่ต้องซื้อหา
เราตั้งจิตให้มั่น รวบรวมสมาธิมาไว้ที่มือ ค่อยๆเลื่อนมือไปช้าๆๆเหนืออาหาร ห่างกันประมาณ 2 นิ้ว เราจะรู้สึกสัมผัสกับคลื่นและความถี่บางอย่าง

กระแสคลื่นนั้น จะบอกถึง ความร้อน ความเย็น ความนุ่ม ความแสบ ความคัน การผลักดัน การทิ่มแทง ฯลฯ ความรู้สึกสัมผัสเหล่านั้นสะท้อนถึง ของกายทิพยืว่า สิ่งนั้นเหมาะหรือไม่ ที่จะกิน ชอบหรือไม่ชอบ ควรกินหรือไม่

ถ้ารู้สึกอุ่นก็แปลว่า ถ้ากินเข้าไปก็จะได้พลังงาน ตามความอุ่นที่สัมผัสได้
ถ้าร้อน ก็แปลว่า ถ้ากินเข้าไป ก็จะได้พลังงานเกิน จะทำให้กายไม่สะบาบ อาจมีอาการร้อนใน

ถ้ารู้สึกว่าเย้น ก็แปลว่า กินได้ กายจะสะบาย
ถ้ารู้สึกว่าแสบหรือคัน แปลว่าไม่เหมาะที่จะกิน กายอาจจะแพ้
ถ้ารู้สึกถูกผลักหรือ ทิ่มแทง แปลว่า เป็นพิษ กินไม่ได้
ดังนั้นทุกคนควรจะเข้าใจอำนาจพลังสัมผัสที่มือ ที่จะช่วยให้มีการกินอาหารที่ปลอดภัย เป็นสิ่งที่ดี และวิเศษสุดที่เรามีอยู่แล้วไม่ต้องไปซื้อหาที่ใหน และไม่โกงตัวเราด้วย[/FONT]
[FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed][/FONT]

 

ตอนที่ 3

[FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]ปัจจัยที่ 2 เสื้อผ้าและเครื่องนุ่งห่ม

แต่เดิมมนุษย์ไม่มีการนุ่งผ้า ต่อมาเมื่อมีการสังคมมากขึ้น จึงมีความอายและมีภูมิอากาศเข้ามาเกี่ยวข้องเช่นความหนาวเย็น มนุษย์จึงเริ่มมองหาสิ่งต่างๆมาปิดป้องตัวถึงแม้จะอยู่ตามถ้ำก้ตาม

สิ่งที่นำมาปิด ก็คือสิ่งใกล้ตัวตามธรรมชาติ คือใบไม้ ใบตอง ต่อมาเมื่อมนุษย์รู้จักการนำ หนังสัตว์มาใช้ รู้จักการถักทอ รู้จักการสังเคราะห์เส้นใยเคมีเพื่อการทอ จึงทำให้ในปัจจุบัน มนุษย์มีทางเลือก เสื้อผ้า อาภรณ์และเครื่องนุ่งห่มสารพัดชนิด และต่อมาวิชาการด้านสีและการย้อมสีก้าวหน้าไปมาก เราจึงเห้นเสื้อผ้าในสารพัดเท่าเราจะนึกได้[/FONT]

[FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]เสื้อผ้าอาภรณ์ที่เกี่ยวข้องกับตัวเรา เช่นเสื้อ กางเกงทั้งนอกและใน ผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน ฟูก เบาะรองเก้าอี้ ผ้าปูโต๊ะ ฯลฯ ล้วนแล้วแต่มีพลังและแสงออร่าตามะรรมชาติ
ที่อาจจะให้พลังออร่าที่เป็นบวกเพื่อเสริมพลังออร่าของคนแต่ละคน หรือ อาจจะให้ผลในทางตรงกันข้ามคือเป็นลบก็ได้ แล้วแต่พื้นฐานของคนๆนั้น

เสื้อผ้านั้นอยู่ติดกับกายมนุษยืมากที่สุด จึงสำคัญที่สุด เพราะ สามารถกำหนดชะตาชีวิตของเราได้มากอย่างที่เราไม่เคยได้คิดกันมาก่อน

ถ้าพลังออร่าของเสื้อผ้าอาภรณ์ มีพลังออร่าที่เป้น
บวกแก่เรา ก็จะเสริมพลังออร่าหรือราศีให้แก่เรา จะทำให้เรามีความสะบายใจ จิตใจแจ่มใส สมองปลอดโปร่ง โชคชะตา ดวง โชคลาภจะไหลมาเทมา ภ้าพลังออร่านั้นเป็นลบแก่ตัวคน เขาผู้นั้นก้จะมีแต่ความหดเหี่ยวในหัวใจ รู้สึกท้อแท้ ดวงตก มีแต่ความโชคร้าย นับตั้งแต่ก้าวย่างออกจากบ้านเลยทีเดียว[/FONT]

[FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]จะทดสอบได้อย่างไร

ประการแรก เรื่องเนื้อผ้า
ในหลักการคือ คนต้องอยู่กับธรรมชาติให้มากที่สุด กลมกลืนไปกับธรรมชาติให้มากที่สุด ก็จะดีที่สุด

เราก็จะเห้นได้ว่า การใช้ผลิตภัณฑ์จากธรมชาติเช่นการใส่เสื้อผ้า จาก ผ้าฝ้าย หรือ ลินิน หรือ ไหมจะใส่แล้ว จะรู้สึกสะบายมากกว่าใส่เสื้อผ้าที่มาจาก เคมีสังเคราะห์ พวก ไนล่อน เทล่อน โปลีเอสเตอร์นี่เป็นประการแรก เรามีทางเลือกอยู่ประตูเดียว คือใช้ของจากธรรมชาติจะได้ออร่าที่ดีกว่า การใช้ สารสังเคราะห็ทางเคมี
เรื่องต่อมา คือสีของเสื้อผ้า
สีแต่ละสีจะมีความถี่ทางธรรมชาติ แตกต่างกันไป ตามตารางวัดความถี่ ซึ่งก็เกี่ยวข้องโดยตรงกับ พลังออร่า
ให้เราลองใฃ้นิ้วชี้มือซ้าย (เพราะใกล้หัวใจ จะรับสัมผัสได้เร็วและแน่นอน) แตะ เสื้อผ้าที่เราจะใส่ แล้วสังเกตุ ความรู้สึกของใจ ที่หัวใจว่า มีความเปลี่ยนแปลงใหม

ถ้ารู้สึก ซาบซ่า หัวใจพองโต ความรู้สึกแล่นขึ้นสมอง หายใจโปร่ง ตัวเบาคล้ายกับจะลอย แปลว่า พลังออร่าของสีนั้น เสริมและเหมาะกับตัวเรา

แต่ถ้ารูสึก มึนตึบ หนักใจ หายใจไม่ออกเหมือนมีอะไรมากดทับที่หน้าอก หายใจลำบากเหมือนหัวใจถูกบีบ ความรู้สึก เลื่อนลงมาข้างล่าง ลงมาที่ ท้อง ลงมาที่ ขาหรือเท้า แปลว่า ออร่านั้นไม่ส่งเสริม แต่จะต่อต้านตัวเรา ทำให้ ดวงตก โชคไม่ดี ตั้งแต่สวมใส่เสื้อตัวนั้น
ก็อยากจะขอให้ทุกท่านที่เข้าใจ ฝึกทดลองทางจิตดู ถ้าไม่แน่ใจในการตรวจสอบ ให้มาที่ บูธ 053 บนสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน ตรงข้ามตลาด อตก เพราะเป้นเรื่องที่สำคัญมาก เกี่ยวกับชีวิตและการเป้นอยู่[/FONT]

[FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]พลังออร่าของเสื้อผ้านั้น บางคนก็สามารถเข้าใจโดยไม่รู้ตัว จากการสัมผัสเขาจะรู้สึกว่า เสื้อบางตัวใส่แล้วสะบาย ก็จะใส่อยู่อย่างนั้น
เรียกว่า เสื้อตัวเก่งใส่จนเปื่อยขาด ก็ไม่ยอมเปลี่ยน โดยเฉพาะชุดนอน แถมบางตัวเห็นสวยดี ซื้อมาใหม่ ก็ใส่เพียงครั้งเดียวก็ไม่ใส่อีกเลย..นั่นคือการรู้โดยสัญชาตญาณ โดยไม่รู้ตัว

จากการตรวจสอบที่ผ่านมาพบว่า เสื้อผ้าส่วนใดที่ใกล้หัวใจ หรืออยู่ทางซีกซ้ายของร่างกายจะมีผลกระทบกับพลังออร่ามากที่สุด
เสื้อนั้นอยู่ติดแนบกับหัวใจ จะมีผลกระทบมากกว่า กางเกงที่อยู่ส่วนล่าง บางครั้งพบว่า บางคนใส่กางเกงผิดสีผิดออร่า แต่ใส่เสื้อถูกสีถูกออ่า
เมื่อชั่งน้ำหนักในการบวกลบ ของพลังของทั้งสองชิ้นระหว่างเสื้อกับกางเกง เสื้อมักจะชนะเพราะอยู่ใกล้หัวใจกว่า เขาผู้นั้นจึงพอใส่เสื้อกางเกงชุดนั้นได้
แต่พลังที่ดีกว่าก็เหลือน้อนเพราะถูกลบล้างไป สู้การใส่เสื้อ และกางเกงที่ให้พลังออร่าในทางบวกเท่านั้นจะดีกว่า
ขอให้ทุกคนที่เข้าใจ ลองสละเวลาเพียงสั้นๆๆพิจารณาเลือกเสื้อผ้าก่อนใส่ดูว่า จะได้ พลังออร่าที่เป็นบวก เสริมราศีแก่ตัว ให้ มีโชคดี มีความสะบายใจ ปลอดโปร่งและวันนั้นเป้นวันที่โลกเป็นของเราหรือเปล่า[/FONT]

 

ข้อความทั้งหมดนี้ผมเอามาจากอาจารย์ ขนมปัง ท่านเปิดบูช 53 ที่สถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน กำแพงเพรช 1 เปิดวันพุธ / พฤหัส / ศุกร์ 13.00-18.00 / เสาร์ อาทิตย์ 9.00-18.00 ว่างๆ ลองให้ท่านดูว่า แสง ออร่า ของท่านมีสีอะไรมั่ง และดูว่า เป็น โรคอะไรมั่ง

 

กำลังต้องการข้อมูลเรื่องจักระบนฝ่ามืออยู่พอดีเลยครับ เพราะกำลังทำการทดสอบวิจัยอะไรบางอย่างอยู่ เยี่ยมมากครับ ^^

 

ขอบคุณครับ....ได้ความรู้ดี

 

ตอนที่ 4

[FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]นอกจากเสื้อผ้าอาภรณ์แล้ว บางคนยังมีสิ่งของประดับกายรอบตัวเพื่อเสริมสง่าราศีให้เด่นขึ้นและมีความเชื่อว่าจะทำให้ ตัวตนมีความสุขและความเจริญ ซึ่งสามารถแยกออกไปตามหลักของวิชาธาตุได้คร่าวๆๆ ดังนี้
ธาตุเหล็ก เช่น นาฬิกาข้อมือ สร้อยสะเตนเลส ปากกา ฯลฯ
ทองคำ เช่น สร้อยคอ กำไลมือ กำไลเท้า ตุ้มหูฯลฯ
อัญมณี เช่น เพชร พลอยหลากสี หินสี
ทองคำขาว เช่น สร้อยคอ สร้อยข้อมือ ฯลฯ
พลาสติก เช่น หวี แปรง ลูกปัด ฯลฯ[/FONT]

[FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]ธาตุสิ่งของเหล่านี้ ล้วนแล้วแต่มีพลังออร่าด้วยกันทั้งสิ้น ที่เด่นชัดที่สุดคือ อัญมณี
ได้มีการศึกษาเรื่องนี้กันอย่างกกว้างขวาง จนเป้นหลักวิชาการที่ เรียกว่า " พลังแห่งสีสัน อัญมณี คริสตัล " ได้มีการทดลอง และกำหนดค่าต่างๆ ในการที่จะประดับ ให้คล้องจอง ตามราศีที่เกิด
เรื่องดังกล่าวมีส่วนถูกอยู่บางส่วน วิธีที่ดีที่สุด คือ สัมผัสด้วยตนเอง ข้อสำคัญคือ ต้องใส่ของประดับเหล่านั้น ให้ถูกธาตุ ถูกสีของอัญมณี จากประบการณืในการตรวจมานานพบว่า ในกรณีย์ที่ใช้ อัญมณี ชิ้นเดียวโดดๆ ก็จะสัมผัสได้ผลในตัวมันเอง แต่ถ้าสร้อยนั้นยาวมีอัญมณีหลายชิ้นหลายสี จะสามารถพบและรู้ได้โดย ของพลังรวม
พลังรวมหัก ลบกันไประหว่างสีต่างๆๆที่ไม่เหมือนกันจนกว่าจะขบที่จะเป็นบวก หรือ ลบ ของเราได้ แน่ๆๆ
ดังนั้นถ้าเราอยากจะมีชีวิตที่ดี มีความสุขก็ต้องใส่ของประดับกายให้ถูกต้อง[/FONT]

[FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]ธาตุสิ่งของเหล่านี้ ล้วนแล้วแต่มีพลังออร่าด้วยกันทั้งสิ้น ที่เด่นชัดที่สุดคือ อัญมณี
ได้มีการศึกษาเรื่องนี้กันอย่างกกว้างขวาง จนเป้นหลักวิชาการที่ เรียกว่า " พลังแห่งสีสัน อัญมณี คริสตัล " ได้มีการทดลอง และกำหนดค่าต่างๆ ในการที่จะประดับ ให้คล้องจอง ตามราศีที่เกิด
เรื่องดังกล่าวมีส่วนถูกอยู่บางส่วน วิธีที่ดีที่สุด คือ สัมผัสด้วยตนเอง ข้อสำคัญคือ ต้องใส่ของประดับเหล่านั้น ให้ถูกธาตุ ถูกสีของอัญมณี จากประบการณืในการตรวจมานานพบว่า ในกรณีย์ที่ใช้ อัญมณี ชิ้นเดียวโดดๆ ก็จะสัมผัสได้ผลในตัวมันเอง แต่ถ้าสร้อยนั้นยาวมีอัญมณีหลายชิ้นหลายสี จะสามารถพบและรู้ได้โดย ของพลังรวม
พลังรวมหัก ลบกันไประหว่างสีต่างๆๆที่ไม่เหมือนกันจนกว่าจะขบที่จะเป็นบวก หรือ ลบ ของเราได้ แน่ๆๆ
ดังนั้นถ้าเราอยากจะมีชีวิตที่ดี มีความสุขก็ต้องใส่ของประดับกายให้ถูกต้อง[/FONT]

[FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]สิ่งของประดับกายอีกชิ้นหนึ่งที่จำเป็นและผู้คนทั้งชายหญิงมากกว่า 70 %ใช้โดยแขวนหรือเหน็บติดไว้กับตัว ...นั่นคือพระเครื่อง/ของขลัง/วัตถุนิยม พระเครื่องนั้นเป็นที่รู้กันว่า มีมวลสารและอภิญญาซึ่งสามารถ สัมผัสและวัดขนาดแรงของพลังได้ ว่าเป็นประเภทใด มีความแรงเท่าใด ความแรงของพระเครื่องมีรัศมีของการป้องกัน ตั้งแต่ 0.80-10.00 ม ซึ่งเป็นจำนวนที่มากที่สุด แต่บางองค์เป็นการบรรจุพลังแบบเทพเข้าไว้ จึงมีรัศมีการป้องกันได้ อืนฟินิตี้ หรือไปได้ไกล ถึง 3 โลก ตรีมัลติ พระเครื่แองที่แรงเมื่อเอามือสัมผัส เราจะรู้สึกเหมือนกำลังว่ายน้ำ ในแม่น้ำ
องค๋ใหน เหมือนมีน้ำเหนียวมากๆๆ ก็แปลว่า พลังแรงมาก ถ้าองค์ไหนว่ายน้ำ โจ๋งเจ๋งหมือนไม่มีน้ำ ก็แปลว่า พลังอ่อน พลังส่งออกไปไม่ไกล ถ้าพลังแรงเหนียวมาก เหมือนมีน้ำเหนียวมาอยู่ล้อมรอบตัวเราห่างเป็นเกราะออกมาประมาณ2-10 เมตร นี่คือเหตุผลว่า ทำไมยิงคนไม่เข้า ทำไมเมื่อมีการยิงปืน จึงยิงออกไม่ออกจากปากกระบอกปืน หรือยิงไม่ถูก[FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]ถ้าคนยิงปืน ถือปืนอยู่ในรัศมีบรรยากาศที่มีน้ำ ก็เหมือนถือปืนอยู่ในน้ำ ปืนแช่น้ำ เมื่อยิงออกไป ปืนก็จะไม่ลั่น เหมือนกระสุนด้าน ปืนลั่นไก ดัง แชะ แชะ ๆๆๆๆๆๆๆๆ[/FONT][/FONT]
[FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed][/FONT]
[FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed][FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]หรือถ้ายิงปืนนั้นอยู่นอกรัศมีที่คุ้มกัน เมื่อกระสุนปืนนั้นวิ่งเข้ามาในรัศมี ก็เหมือนกับวิ่งมาชนน้ำ ทำให้เกิดการหันเห กระสุนก็จะเลี้ยวไป เหมือนกับว่าเราเอาก้อนแผ่นหินปาวิ่งแฉลบไปบนผิวน้ำ ทำให้เกิดสภาวะที่มีอภิญญาที่เรียกว่า"แคล้วคลาด" นั่นเอง พระเครื่องที่มีพลังสีแดง จะมีอภิญญาด้าน คงกระพัน ยิงไม่เข้า พลังจะคล้าย น้ำเหนียวมาวหุ้มตัวเรา ป้องกันการถูกยิงได้ พระเครื่องที่มีสี ส้ม/แสด จะมีอภิญญาด้าน แคล้วคลาด ทำให้รอดพ้นจากอันตรายทั้งปวง พระเครื่องที่มีสีม่วง จะมีอภิญญา ด้านพุทธมารมีป้องกันความชั่วร้าย และถ้าม่วงเข้มมากๆๆ ก็จะป้องกันคุณไสย และทำน้ำมนต์ได้ พระเครื่องที่มีสีเขียว จะมีอภิญญาด้านเมตตามหานิยม ทำอะไรสำเร็จได้โดยง่าย มีพลังความเย็น เป็นพลังที่ถูกดันผลักออก ไปรอบๆๆตัว เอาความเย็นไปสัมผัสคนอื่น ทำให้ผู้อื่นมีความปรารถนาดี และอยากจะช่วยเรา พระเครื่องที่มีสีฟ้าหรือน้ำเงิน จะมีอภิญญาด้าน โชคลาภ ค้าขายดีพลังจะเป็นพลังดูด ดูดเอาความโชคดีของคนอื่นมาให้เรา ช่วยทำให้ค้าขายเจริญ พระเครื่องที่มีสี เงินหรือ โกโก้ จะเป็นแบบเทพ ช่วยในด้าน แคล้วคลาด และให้ความสำเร็จ[/FONT]
[/FONT]

 

เก่งจัง

ช่วยเป็นกำลังใจให้แล้วนะ

(bb-flower

 

แฮ่ๆๆ

 

ข้อความทั้งหมดนี้ผมเอามาจากอาจารย์ ขนมปัง ท่านเปิดบูช 53 ที่สถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน กำแพงเพรช 1 เปิดวันพุธ / พฤหัส / ศุกร์ 13.00-18.00 / เสาร์ อาทิตย์ 9.00-18.00 ว่างๆ ลองให้ท่านดูว่า แสง ออร่า ของท่านมีสีอะไรมั่ง และดูว่า เป็น โรคอะไรมั่ง
-------------------------------------------------------------------------
อย่าลืมบอกค่าน้ำลายด้วยล่ะ
100 เดียวครับ

 

เหนื่อยใจ....

อย่าลืมบอกให้หมดด้วยล่ะว่า เงิน 100 อาจารย์เค้าไปทำบุญบริจาคหมด...

 

ดีมากๆเลยค่ะ ก้อยอยากไปดูบ้างจัง เพราะรู้สึกว่าตอนนี้จิตใจมันหดหู่มาก ไม่รู้เป็นเพราะอะไร จะทำอะไรก็รู้สึกมันเบื่อ มันเซ็ง โชคไม่ดีเลย... จะเกี่ยวกับพวกออร่า หรือฮวงจุ้ย ที่อยู่ อะไรหรือเปล่า...

 

[FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]ปัจจัยที่สาม ที่อยู่อาศัย
ตั้งแต่โบราณมา มนุษย์เริ่มต้นด้วยการอาศัย ตามธรรมชาติ อยู่กับแม่น้ำ ต้นไม้ ภูเขา ถ้ำตามแหล่งอาหารกระจัดกระจาย และต่อมาอยู่กันเป็นชุมชน

เมื่อชุมชนใหญ่ขึ้นสิ่งที่ตามมาคือ ระบบ สาธารณุประโภค ชุมชนยิ่งใหญ่ขึ้นจนเกินขนาด ปัญหาที่ตามมาคือ น้ำ อากาศหายใจ และสภาวะสิ่งแวดล้อมเป็นพิษ

ในเมืองใหญ่ๆๆ มองไปทางไหน ก็เห็นแต่ป่าคอนกรีต เต็มไปด้วยตึกรามบ้านช่อง ที่มีแต่ความแข็ง ไม่มีการอ่อนเหมือนบ้านในชนบท ทำให้จิตใจของผู้คนในเมืองใหญ่มีแต่การแก่งแย่ง แข่งกันเพื่อคงชีวิตไว้

ในต่างจังหวัด บ้านเรือนจะกระจายออกไปทางกว้าง ตัวเรือนจะค่อนข้างโปร่ง เย็นสะบาย ไม่ต้องเน้นเรื่องเตรื่องปรับอากาศ มีพื้นที่บริเวณเพื่อการพักผ่อน เดินเล่น รับและปล่อยพลัง จากตัวออกไปสู่ธรรมชาติ[/FONT]

[FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]ในเมืองหลวงหรือเมืองใหญ่ๆ ผู้คนจะอยู่กันอย่างแออัด ในเมืองจึงเต็มไปด้วยตึกใหญ่ ทาวเฮ้าส์ คอนโดมีเนียม ซึ่งเหมือนกับว่าคนขังตัวเองอยู่ในคุก
ผู้คนไม่มีโอกาศที่จะ หยียบดิน สัมผัสต้นไม้ ทำให้คนขาดการติดต่อสัมผัสกับธรรมชาติ ดังนั้นในภาพรวม สุขภาพของคนในเมือง จะสู้คนในชนบทไม่ได้[/FONT]

 

คือว่า แสงออร่า ที่ออกมาจากอาหารนี่ออกมาเพราะวิตามินในอาหารหรือเป็นที่ภายนอกของอาหารอะคับ แล้วถ้าออกมาจากรูปร่างภายนอกของอาหารจริง พอเรากินเป็นวิตามินอะไรพวกนี้เข้าไปก็จะส่งผลไปไม่ถึงกายทิพย์หรอคับ

 

ครับผมใช้แล้วครับ เพราะกาย2กายนี้สัมพันกันครับ

 

ภาพประกอบสวยจังค่ะ ให้ความรู้สึกเหมือนในบทความเลย ขอบคุณที่ให้ข้อมูลดีๆ

 

เห็นมีคำถามเกี่ยวกับออร่าของอาหาร ขอขยายความดังนี้
ออร่า เป็นแสงที่มาจาก อาหารทั้งมวล (หมดทั้งก้อน) เป็นแสงที่มีความถี่และมีการสั่น (Vibration) ที่จะมีผลด้านสีและแสงที่เสริมหรือลบ พลังของตัวเรา
ถ้าเสริม วันนั้น ราศีเราจะเพิ่มขึ้น ตัวจะ สะบายใจ ทำอะไรก็สำเร็จ โชคก็จะดี
แต่ถ้า เป็นพลังที่หักล้างกัน ราศีก็จะลด จะทำให้ดวงตก ทำอะไรก็จะไม่สำเร็จ

นอกจากอาหารแล้ว สิ่งที่ใกล้ตัวและมีอิทธิพลมากคือ เสื้อผ้าที่ใส่ในแต่ละวัน
บางคนใส่เสื้อสีตามวัน เช่น อาทิตย์สีแดง วันจันทร์ สีเหลือง วันอังคาร สีชมพู ฯลฯ
ซึ่งเมื่อศึกษา เรื่องออร่ามากๆๆ พบว่า ไม่จริง คนทุกคนที่อยากสำเร็จในชีวิต ต้องใส่ สีเสื้อที่มีพลังเสริมตัว ใส่ให้ถูกสี
คนที่มีพลังจิต หรือสมาธิจะทำได้ง่าย เพียง เอามือแตะที่เสื้อ/กางเกง/กระโปรง แล้ว ถามใจตัวเองว่า เป็นอย่างไร
ถ้า หัวใจพอง สมองพองออก แปลว่า ดี
แต่ถ้า ใจหด หายใจไม่ออก สมองถูกบีบ ก็แปลว่า ใส่ไม่ได้
อยากให้ หลายๆๆท่านลองทดลองดู
บางคนรู้ตัวโดยอัตโนมัติ คือ จะใส่เสื้อตัวเก่ง ตลอดเวลา
บางตัวซื้อมาเพราะคิดว่า สวย แต่จะใส่ครั้งเดียว

ขอเน้นอีกครั้งว่า ใส่เสื้อผ้า อาภรณ์ผิดสี ดวงตก ชะตาตก หงุดหงิด ทำอะไรก็ล้มเหลวหมด

 

แร่บางชนิดเลือกเจ้าของๆมันได้จริงหรือปล่าวครับ ผมเคยไปที่ร้านขายแร่คนขายแต่งตัวแบบ ยิปซีๆ หน่อย พอผมเลือเสร็จ เขาก็พูดกับแร่ว่า
"เค้าได้เลือกแล้วนะ" ผมงงครับ ผ่านไปประมาณไม่ถึงสัปดาห์แร่ซึ่งเป็นก้อนที่ยังไม่ผ่านการเจียรที่ผมซื้อมาแล้วเก็บไว้ในกระเป๋าอย่างดี
ได้หายไปอย่างไร้ร่องรอยเลยครับ ผมไม่เชื่อว่าผมทำมันหาย
หรือเป็นเพราะ ธาตุของผมกับแร่เข้ากันไม่ได้ครับ??

 

น่าสนใจค่ะ จะไปลองดูแสงออร่ามั่งค่ะ

 

มีเกิด มีแก่ มีเจ็บ มีตาย ยึดอยู่ พึงอยู่ในหลัก ตถาตา ( เช่นนั้นเอง )