เจอของจริงวิ่งหนีป่าราบ

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย Angel_Of_Dream, 27 กรกฎาคม 2008.

  1. ผีเสื้อราตรี

    ผีเสื้อราตรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,141
    ค่าพลัง:
    +283
    ถูก jaah
     
  2. ผีเสื้อราตรี

    ผีเสื้อราตรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,141
    ค่าพลัง:
    +283
    แล้วตอนนี้จิตอยู่ไหนเอ่ย^-^
     
  3. บุคคลทั่วไป 3 คน

    บุคคลทั่วไป 3 คน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,938
    ค่าพลัง:
    +1,253
    แหม....ก็.......ครับ ตามนั้น

    แต่ลงท้าย ถูกไหม.....ถูกไหม...... นี่คุ้นๆ
     
  4. แพน้อย

    แพน้อย Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    202
    ค่าพลัง:
    +25

    ก็ให้พูดไปตามสภาวะจริงที่ปฎิบัติมา
    สภาวะธรรม
    บางประโยคอาจจะสวนทางครู หรือไม่มีปริยัติมากำกับ
    เทียบตามสภาวะธรรมที่เขย่งสุดสุดของแพเอง
    แต่ก็เป็นการซื่อสัตย์กับอารมณ์ตนเองถูกไหม
    อารมณ์ธรรม
    เห็นอะไร รู้อะไร ก็พูดไปตามนั้น
    ปัจจุธรรม
    สภาวะจิตเป็นเรื่องอธิบายยาก ต้องเข้าไปดูจิตตามจริง ถูกไหม
    ปัจจุบันจิต
     
  5. แอ๊บแบ้ว

    แอ๊บแบ้ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,335
    ค่าพลัง:
    +2,544
    บ้านพลังจิต
    ทางเข้าบ้านอ่ะ ...อันนี้ต้องพลังจิตสูงหน่อยอ่ะ...
    [​IMG]ไม่งั้นขนดินกลับบ้านบานเลยอ่ะ....อิอิอิ

    .......................................................................
    นี่ซุ้มทางเข้าอ่ะ ..... ตอนนี้พังและ ..........เศ้ราอ่ะ...
    ..ยืนไว้อาลัยให้ซุ้มประตูอ่ะ .... ก้อนอิฐ...ปูน...จะได้ไปสู่ที่ชอบๆอ่ะ..
    [​IMG] จิตเสื่อมอ่ะ...นอกซุ้มประตูมีที่ตั้งกว้างไม่ไปอ่ะ ......สงสารแต่ยามอ่ะเคยพิงประตูยามเหงาอ่ะ.....
    ........................................................................
    นี้ยามหมู่บ้านอ่ะ(ภาพในอดีต).......
    [​IMG].ตอนนี้หายเหงาและ ..
    ...หายไปและ..โดนรถปูนเต็มๆ...กำลังยืนเหงาๆหลังพิงเสาซุ้มประตูอยู่อ่ะ.....เฮ้อเศร้าอ่ะ
    ...............................................................................
    ถึงและบ้านพลังจิตอ่ะ[​IMG] บางทีก็ชอบไปนั่งเล่นอยู่ใต้บันไดอ่ะ...เลยต้องทำทางไว้อ่ะ....ส่วนตั๊วส่วนตัวอ่ะ+_+!
    ............................................................................
    นี่ภายในบ้านอ่ะ[​IMG] จะขึ้นลงชั้นบนที่....ต้องพลังจิตสูงมากๆอ่ะ
    ...............................................................................
    นี่เพื่อนบ้านอ่ะ[​IMG] ....... บางทีก็สนใจเพื่อนบ้านมากมายๆ
    ...................................................................................................
    นี่ห้องน้ำอ่ะ[​IMG]บางทีก็เต็มอ่ะ [​IMG]
    ...............................................................................................
    นี่อ่ะป้ายทางเข้าห้องน้ำอ่ะ.....
    [​IMG]เพื่อนบ้านเขาแอบเป็นห่วงไม่ได้อ่ะ
    .........................................................................................................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • image010.jpg
      image010.jpg
      ขนาดไฟล์:
      28.7 KB
      เปิดดู:
      2,831
    • image006.jpg
      image006.jpg
      ขนาดไฟล์:
      40.1 KB
      เปิดดู:
      1,049
    • image013.jpg
      image013.jpg
      ขนาดไฟล์:
      47.5 KB
      เปิดดู:
      169
    • C910667013.jpg
      C910667013.jpg
      ขนาดไฟล์:
      69.7 KB
      เปิดดู:
      152
    • C680511325.jpg
      C680511325.jpg
      ขนาดไฟล์:
      18.4 KB
      เปิดดู:
      159
    • [LoOkKaEW]-F-0801114101.jpg
      [LoOkKaEW]-F-0801114101.jpg
      ขนาดไฟล์:
      29.6 KB
      เปิดดู:
      872
    • C13085125.jpg
      C13085125.jpg
      ขนาดไฟล์:
      33.1 KB
      เปิดดู:
      160
    • image008.jpg
      image008.jpg
      ขนาดไฟล์:
      28.2 KB
      เปิดดู:
      147
    • image015.jpg
      image015.jpg
      ขนาดไฟล์:
      18.8 KB
      เปิดดู:
      137
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 กรกฎาคม 2008
  6. อวิโรธนะ

    อวิโรธนะ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    88
    ค่าพลัง:
    +6
    ทุกครั้งที่คุณลงนั่ง ปัญญาการเห็นจะถูกต่อยอด
    มากบ้างน้อยบ้าง สำคัญคือปัญญาที่ติดออกมาจะมีกำลังเพียงใด
    บางอย่างเราก็ใช้โยนิโสพิจารณาหลังออกสมาธิ ทวนเหตุการณ์ที่ผ่านมา
    ตรงนี้เข้าใจว่า อาศัยคิดคือตัวนี้นะ

    ข้างในสมาธิอาจใช้เวลานั่งเท่าเดิม
    สภาวะที่เกิดอาจเป็นตัวเดิม แต่ความระเอียดในการเห้นธรรมย่อมต่างออกไป
    สำคัญ คือ หาฐานใจให้เจอ แล้วแยกออกมาเป็นผู้ดู
    ยิ่งเข้าเร็ว สติดี ย่อมเห็นชัด
    เห็นอาการต้นกิเลส กลางกิเลส ปลายกิเลสจนดับ
    ตรงนี้เหมือนทางแยกให้เข้าไปทวนรู้
    บางทีเห็นอนิจัง เป็นอารมณ์
    บางทีเห็นทุกข์ขัง เป็นอารมณ์
    บางทีเห็นอนัตตา เป็นอารมณ์
    บางทีเห็นสายปฎิจา เป็นอารมณ์
    มันจะค่อยไล่ไปหาต้นตอ

    อริโตเติ้ลเคยตั้งคำถามว่า
    ก้อนดินหนึ่งก้อน หากเราผ่ากลางในกลาง ไปเรื่อยๆ
    จนเป็นรูปปรมนูที่เล็กที่สุด
    ถามว่าดินจะอยู่หรือหายไป....
     
  7. ผีเสื้อราตรี

    ผีเสื้อราตรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,141
    ค่าพลัง:
    +283
    แอ๊บแบ้วอารมณ์ดีจัง มีเรื่องทุกข์ใจบ้างไหมเนี้ย
     
  8. อวิโรธนะ

    อวิโรธนะ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    88
    ค่าพลัง:
    +6
    ;8
     
  9. อวิโรธนะ

    อวิโรธนะ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    88
    ค่าพลัง:
    +6
    จิตอยู่ที่หมาหลงรึเปล่า กิ้ว กิ้ว
     
  10. แพน้อย

    แพน้อย Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    202
    ค่าพลัง:
    +25
    สภาวะธาตุ จากหยาบสู่ละเอียด
    อัตตากลายเป็นอนัตตา
     
  11. บุคคลทั่วไป 3 คน

    บุคคลทั่วไป 3 คน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,938
    ค่าพลัง:
    +1,253
    ...............

    :)
     
  12. แพน้อย

    แพน้อย Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    202
    ค่าพลัง:
    +25
    บางทีเห็นอนิจจัง เป็นอารมณ์
    บางทีเห็นทุกข์ขัง เป็นอารมณ์
    บางทีเห็นอนัตตา เป็นอารมณ์


    กฏไตรลักษณ์
    1. อนิจจัง ไม่เที่ยง
    2. ทุกขัง เป็นทุกข์
    3. อนัตตา ไม่มีตัวตน

    แพน้อยชักทุกข์อยากฟังธรรมต่อ
    ต้องเข้าประชุมแล้ว ค้างชื่อไว้นะคะ
     
  13. แอ๊บแบ้ว

    แอ๊บแบ้ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,335
    ค่าพลัง:
    +2,544
    มีอ่ะอยากมีบ้านสวยๆ......ไม่รู้จะเลือกหลังไหนดีอ่ะ....ดีไปหมดอ่ะ......
     
  14. แอ๊บแบ้ว

    แอ๊บแบ้ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,335
    ค่าพลัง:
    +2,544
    นี่อ่ะบ้านช่วยเลือกหน่อยอ่ะ.......ทำใจลำบากอ่ะ.....หุหุหุ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • ATT785332.jpg
      ATT785332.jpg
      ขนาดไฟล์:
      49.9 KB
      เปิดดู:
      46
    • ATT785334.jpg
      ATT785334.jpg
      ขนาดไฟล์:
      24.4 KB
      เปิดดู:
      53
    • ATT785336.jpg
      ATT785336.jpg
      ขนาดไฟล์:
      35.9 KB
      เปิดดู:
      53
    • ATT785338.jpg
      ATT785338.jpg
      ขนาดไฟล์:
      28.4 KB
      เปิดดู:
      50
    • ATT785340.jpg
      ATT785340.jpg
      ขนาดไฟล์:
      54.1 KB
      เปิดดู:
      56
    • ATT785342.jpg
      ATT785342.jpg
      ขนาดไฟล์:
      46.2 KB
      เปิดดู:
      39
    • ATT785346.jpg
      ATT785346.jpg
      ขนาดไฟล์:
      12 KB
      เปิดดู:
      55
    • ATT785348.jpg
      ATT785348.jpg
      ขนาดไฟล์:
      52 KB
      เปิดดู:
      60
    • ATT785350.jpg
      ATT785350.jpg
      ขนาดไฟล์:
      41 KB
      เปิดดู:
      48
    • ATT785352.jpg
      ATT785352.jpg
      ขนาดไฟล์:
      48.3 KB
      เปิดดู:
      41
  15. อวิโรธนะ

    อวิโรธนะ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    88
    ค่าพลัง:
    +6
    . เป็นทุกข์เพราะความคิด

    <!--mstheme-->


    หลังจากหลวงปู่ดูลย์ได้รับคำแนะนำ พร้อมทั้งรับ การบ้าน จากพระอาจารย์ใหญ่แล้ว จึงได้กราบลาและปลีกตัวไปบำเพ็ญภาวนาตามลำพัง

    หลวงปู่นั่งเข้าที่ทำสมาธิ ประเดี๋ยวเดียวจิตก็สงบ แล้วยกหัวข้อธรรม ซึ่งเป็นการบ้านที่ว่า สพฺเพ สงฺขารา สพฺพสญฺญา อนตฺตา ขึ้นพิจารณาเพียงชั่วประเดี๋ยวเดียวก็เกิดความสว่างแจ้งในธรรม คือเห็น ปฏิจฺจสมุปฺบาท กระจ่างชัดตลอดสาย นั่นคือ

    เห็นความเป็นมาของสังขารทั้งหลายว่า เกิดจากความคิดปรุงแต่งของวิญญาณที่ได้รู้จากอายตนะของตนนั่นเอง เมื่อละสังขารเหล่านี้ได้ ความทุกข์ก็ดับหมดตลอดสาย และนี่คือหลักการของปฏิจจสมุปบาท

    แม้จะไม่มีคำอธิบายโดยพิสดารในที่นี้ แต่เมื่อนำคำสอนของหลวงปู่ในหนังสือ หลวงปู่ฝากไว้ มาพิจารณา จะเห็นว่าท่านพูดสั้นๆ เพียงว่า

    คนสมัยนี้เขาเป็นทุกข์เพราะความคิด

    ที่ใจเป็นทุกข์เพราะเกิดความยึดมั่น แล้วมีการปรุงแต่งในความคิดขึ้น และอุบายที่จะละความทุกข์ก็คือ หยุดการปรุงแต่ง แล้วปล่อยวางให้เป็น

    นี่คือหลักการ แต่การจะทำเช่นนั้นได้ต้องอาศัยภาวนา ทำใจให้สงบ จึงจะเกิดพลัง มีสติปัญญามองเห็นเหตุเห็นผล แล้วจิตก็จะมีการปล่อยวางได้ เมื่อละความยึดมั่นได้ ความทุกข์ในสิ่งนั้นก็หมดไป

     
  16. แอ๊บแบ้ว

    แอ๊บแบ้ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,335
    ค่าพลัง:
    +2,544
    นี่ก็อีกอ่ะ.....ท่านเลือกสักหลังอ่ะ...
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • ATT785364.jpg
      ATT785364.jpg
      ขนาดไฟล์:
      37.7 KB
      เปิดดู:
      58
    • ATT785366.jpg
      ATT785366.jpg
      ขนาดไฟล์:
      15.4 KB
      เปิดดู:
      51
    • ATT785372.jpg
      ATT785372.jpg
      ขนาดไฟล์:
      77.5 KB
      เปิดดู:
      41
    • ATT785374.jpg
      ATT785374.jpg
      ขนาดไฟล์:
      25.8 KB
      เปิดดู:
      56
    • ATT785376.jpg
      ATT785376.jpg
      ขนาดไฟล์:
      36.5 KB
      เปิดดู:
      56
    • ATT785378.jpg
      ATT785378.jpg
      ขนาดไฟล์:
      107.1 KB
      เปิดดู:
      45
    • ATT785380.jpg
      ATT785380.jpg
      ขนาดไฟล์:
      28.8 KB
      เปิดดู:
      39
    • ATT785384.jpg
      ATT785384.jpg
      ขนาดไฟล์:
      11.2 KB
      เปิดดู:
      56
    • ATT785386.jpg
      ATT785386.jpg
      ขนาดไฟล์:
      9.2 KB
      เปิดดู:
      51
    • ATT785388.jpg
      ATT785388.jpg
      ขนาดไฟล์:
      33 KB
      เปิดดู:
      43
    • ATT785392.jpg
      ATT785392.jpg
      ขนาดไฟล์:
      12.7 KB
      เปิดดู:
      51
    • ATT785396.jpg
      ATT785396.jpg
      ขนาดไฟล์:
      35.3 KB
      เปิดดู:
      49
    • ATT785398.jpg
      ATT785398.jpg
      ขนาดไฟล์:
      21.8 KB
      เปิดดู:
      46
    • ATT785400.jpg
      ATT785400.jpg
      ขนาดไฟล์:
      42.3 KB
      เปิดดู:
      57
    • ATT785402.jpg
      ATT785402.jpg
      ขนาดไฟล์:
      27.1 KB
      เปิดดู:
      43
  17. อวิโรธนะ

    อวิโรธนะ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    88
    ค่าพลัง:
    +6
    อริยสัจแห่งจิต


    "เราได้ตริตรองพิจารณาตามหัวข้อหลักของกัมมัฏฐานที่ได้รับจาก พระอาจารย์ใหญ่
    ที่ว่า สพฺเพสงฺขารา สพฺพสญฺญา อนตฺตา
    ก็บังเกิดความสว่างไสวรู้แจ้งตลอดว่า

    เมื่อสังขารขันธ์ดับไปแล้ว ความเป็นตัวตนจักไม่มี เพราะไม่ได้เข้าไปเพื่อปรุงแต่ง ครั้นเมื่อความปรุงแต่งขาดไป และสภาพแห่งความเป็นตัวตนไม่มี ความทุกข์จะเกิดขึ้นแก่ใครได้อย่างไร"

    ดังได้เคยเล่าถึงในตอนต้นแล้วว่า ความรู้ในธรรมะดังกล่าวก็คือ ความรู้แจ้งในหลัก ปฏิจฺจสมุปฺบาท คือ เหตุและผลของการเวียนว่ายตายเกิดนั่นเอง

    นอกจากนี้ หลวงปู่ยังได้ค้นพบธรรมะที่เป็นหัวใจ คำสอนในพระพุทธศาสนา และได้รู้ซึ้งถึงแก่นในเหล่าธรรมทั้งหลาย แล้วสรุปลงเป็น อริยสัจแห่งจิต ด้วยถ้อยคำของหลวงปู่เอง ว่า

    จิตส่งออกนอกเพื่อรับสนองอารมณ์ทั้งสิ้น เป็นสมุทัย
    ผลอันเกิดจากจิตที่ส่งออกนอกแล้วหวั่นไหว เป็นทุกข์
    จิตเห็นจิตอย่างแจ่มแจ้ง เป็นมรรค
    ผลอันเกิดจากจิตเห็นจิตอย่างแจ่มแจ้ง เป็นนิโรธ

    หลวงปู่เล่าว่า "เมื่อพิจารณาตามหลัก อริยสัจ ๔ โดยเห็นแจ้งดังนี้แล้ว ย่อมหมายถึงการผ่านเลยแห่งความรู้ใน ปฏิจฺจสมุปฺบาท ไปแล้ว เนื่องเพราะความรู้ในเหตุแห่งทุกข์ การดำรงอยู่แห่งทุกข์ และวิธีดับทุกข์นั้น คือ แก่นกลางแท้จริงของปฏิจจสมุปบาท"

    ที่สำคัญยิ่งก็คือ ธรรมะใน อริยสัจ ๔ นี้ เป็นธรรมะหมวดแรก ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงตรัสรู้ ภายใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ เมื่อ ๒๕๐๐ กว่าปีมาแล้ว ซึ่งหลวงปู่ดูลย์ อตุโล เป็นศิษย์ตถาคต ผู้หนึ่งที่สามารถให้ อรรถาธิบายได้อย่างแจ่มแจ้ง


    http://www.geocities.com/pudule/history/history017.htm
     
  18. อวิโรธนะ

    อวิโรธนะ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    88
    ค่าพลัง:
    +6
    ดูจิตเมื่ออารมณ์สงบแล้ว

    ให้สติจดจ่ออยู่ที่ฐานเดิมเช่นนั้น เมื่อมีอารมณ์อะไรเกิดขึ้น
    ก็ให้ละอารมณ์นั้นทิ้งไป มาดูที่จิตต่อไปอีก
    ไม่ต้องกังวลใจ พยายามประคับประคองรักษาให้จิตอยู่ในฐานที่ตั้งเสมอๆ
    สติคอยกำหนดควบคุมอยู่อย่างเงียบๆ (รู้อยู่)
    ไม่ต้องวิจารณ์กิริยาจิตใดๆ ที่เกิดขึ้น เพียงกำหนดรู้แล้วละไปเท่านั้น
    เป็นไปเช่นนี้เรื่อยๆ ก็จะค่อยๆ เข้าใจกิริยาหรือพฤติแห่งจิตได้เอง
    (จิตปรุงกิเลส หรือ กิเลสปรุงจิต)

    ทำความเข้าใจในอารมณ์ความนึกคิด สังเกตอารมณ์ทั้งสาม คือ ราคะ โทสะ โมหะ

    ( หลวงปุ่ดุลย์)
     
  19. แอ๊บแบ้ว

    แอ๊บแบ้ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,335
    ค่าพลัง:
    +2,544
    ชื่อกลอน เจริญธรรมนำปัญญา
    ..........................................................................................
    เจริญธรรมนำปัญญาโน้มนำมาพัฒนาตน
    รื้อภพพ้นชาติอันอับจนตั้งใจสนให้พ้นภัย
    เจริญธรรมแล้วโน้มออกตนใครเล่าเข้ามาสน
    หากตนมิพึ่งตนแล้วใครเล่าจะพึ่งได้ล่ะท่านเอย
    .................................................................................
    [​IMG].....
    เจริญธรรมแล้วโน้มออกตนใครเล่าเข้ามาสน
    หากตนมิพึ่งตนแล้วใครเล่าจะพึ่งได้ล่ะท่านเอย
    ....... _/|\_ อนุโมทนา ^_^
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 กรกฎาคม 2008
  20. แอ๊บแบ้ว

    แอ๊บแบ้ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,335
    ค่าพลัง:
    +2,544
    ประวัติหลวงปู่มั่นตอนที่51ลูกศิษย์กับอาจารย์โต้นรกสวรรค์กัน
    ..........(ความตอนหนึ่งว่า)........................

    ....ธรรมนั้นอยู่ฟากตาย ถ้าใครกลัวตายเสียดายทุกข์ ชอบถือเอาความสนุกในการเกิดว่าเลิศเลอ ผู้นั้นต้องจัดว่าลืมตัวมัวประมาทและชอบผัดเพี้ยนเลื่อนเวลาว่า เช้า สาย บ่าย เย็น ไม่อยากบำเพ็ญความดีสำหรับตนในเวลาที่เป็นฐานะพอทำได้อยู่ ความประมาททั้งนี้ยังจะพาให้หลั่งน้ำตาด้วยความทุกข์ในสงสาร ไม่อาจประมาณได้ว่ายังอีกนานเท่าไร จึงจะผ่านพ้นแหล่งกันดารอันเป็นที่ทรมานไปได้ จึงขอฝากปัญหาธรรมเหล่านี้ไว้กับท่านทั้งหลายนำไปขบคิดด้วยว่า เราจะเป็นฝ่ายคืบหน้ากล้าตายด้วยความเพียรหมายพึ่งธรรม ไม่เหลียวหลังไปดูทุกข์ที่เคยเป็นภาระให้แบกหาม ด้วยความเจ็บแสบและปวดร้าวในหัวใจมาเป็นเวลานาน หรือยังจะเป็นฝ่ายเสียดายความตายแล้วกลับมาเกิดอีก อันเป็นตัวมหันตทุกข์ที่แสนทรมานอีกต่อไป รีบพากันนำไปพิจารณา อย่ามัวเมาเฝ้าทุกข์และหายใจทิ้งเปล่า ๆ ดังที่เป็นมาและเป็นอยู่เวลานี้ จะช้าทางและเสียใจไปนาน

    เพราะโรงดัดสันดานกิเลส ตัวพาให้ว่ายบกอกแตกแบกกองทุกข์ไม่มีเวลาปลงวางนั้น มิได้มีอยู่ในที่อื่นใดและโลกไหน ๆ แต่มีอยู่กับผู้ตั้งหน้าบำเพ็ญด้วยการใช้หัวคิดปัญญาศรัทธาความเพียร เป็นเครื่องมือบุกเบิกเพื่อพ้นไปนี้เท่านั้น ไม่หยุดหย่อนนอนใจว่ากาลเวลายังอีกนาน สังขารยังไม่ตายร่างกายยังไม่แก่ ซึ่งเป็นความคิดที่ทำให้แย่ลงโดยถ่ายเดียว ผู้เป็นนักบวชและนักปฏิบัติจึงไม่ควรคิดอย่างยิ่ง

    อนึ่ง ผู้จะพาให้ผิดพลาดและพาให้ฉลาดแหลมคมก็มีอยู่กับใจดวงเดียวจะเป็นผู้ผลิต ไม่มีอยู่ในที่ใด ๆ จึงไม่ควรตั้งความหวังไว้กับที่ใด ๆ ที่มิได้สนใจดูตัวเอง ตัวจักรเครื่องทำงาน คือกายวาจาใจที่กำลังหมุนตัวกับงานทุกประเภทอยู่ทุกขณะ ว่าผลิตอะไรออกมาบ้าง ผลิตยาถอนพิษคือธรรมเพื่อแก้ความไม่เบื่อหน่ายและอิ่มพอในความเกิดตาย หรือผลิตยาบำรุงส่งเสริมความมัวเมาเหมาทุกข์ ให้มีกำลังขยายวัฏวนให้ยืดยาวกว้างขวางออกไปไม่มีสิ้นสุด หรือผลิตอะไรออกมาบ้าง ควรตรวจตราดูให้ละเอียดถี่ถ้วน ไม่เช่นนั้นจะเจอแต่ความฉิบหายล่มจม ไม่มีวันโผล่ตัวขึ้นจากทุกข์ที่โลกทั้งหลายกลัว ๆ กันได้เลย”
    .......(มีต่อ)
    อ่านเพิ่มเติมที่ http://palungjit.org/showthrea...97#post1388697
     

แชร์หน้านี้

Loading...