ใครได้ดู รายการของ ทพ. สม สุจีราบ้าง ?

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย WebSnow, 17 มิถุนายน 2008.

  1. WebSnow

    WebSnow ผู้ก่อตั้งเว็บพลังจิต ทีมงาน Administrator

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2003
    โพสต์:
    8,702
    กระทู้เรื่องเด่น:
    129
    ค่าพลัง:
    +64,016
    ผมโทรไปเมืองไทยเห็นหลานและพี่สาวเล่าให้ฟัง ว่า นพ สม สุจีรา พูดเกี่ยวกับพลังจิต

    มีใครได้ดูบ้าง แล้วมี clip ไหม
     
  2. ภัทรศีล

    ภัทรศีล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    358
    ค่าพลัง:
    +2,806
    เข้ามารอดูด้วยคนค่ะ
     
  3. nasana

    nasana สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +6
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มิถุนายน 2008
  4. MBNY

    MBNY Administrator ทีมงาน Administrator

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2003
    โพสต์:
    6,860
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +22,504
    ขอขอบคุณ คุณnasanaค่ะ ช่วยแป่ะให้ค่ะ

    สำหรับ ตอนที่ 1 ช่วงที่ 1


    [​IMG]

    <EMBED id=single src=http://www.manytv.com/manyplayer1.swf width=460 height=410 type=application/x-shockwave-flash quality="high" allowfullscreen="true" flashvars="file=http://www.manytv.com?bVHRYwDmWL63xlzJtZm3/Y3a22iIBtuA&width=460&height=400&showdigits=false&logo=http://manytv.com/m.png&link=http://www.manytv.com&linktarget=_blank&largecontrols=true&autostart=true&image=flvplayer.php?img=bVHRYwDmWL63xlzJtZm3/Y3a22iIBtuA">​



    คลิกต่อได้เลยค่ะ.. ​


    ตอนที่ 1 ช่วงที่ 2 http://johjai.manytv.com/videos/3024-_6_2551_2.php


    ตอนที่ 2 ช่วงที่ 1 http://johjai.manytv.com/videos/3120-_2_13_2551_1.php


    ตอนที่ 2 ช่วงที่ 2 http://johjai.manytv.com/videos/3119-_2_13_2551_2.php



    ..หรือ..​


    ดูรายการ ''สุริวิภา'' ตอนสัมภาษณ์ ''ทพ. สม สุจีรา'' ทั้ง 2 ตอน (แบบคมชัด)​

    ย้อนหลังได้ที่เว็บ http://www.me.in.th/live/

    โดยคลิ๊กที่ช่อง 9 เลือก วันที่ 6 มิถุนายน 2551​

    เลื่อนขีดแดง ไปที่เวลา 22.15 น. (ตอนแรก)​

    สำหรับตอนที่ 2 ล่าสุด เลือก วันที่ 13 มิถุนายน 2551 เวลาประมาณ 22.15
     
  5. NCK2046

    NCK2046 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    628
    ค่าพลัง:
    +3,793
    อ่านหนังสือคุณหมอ 3 เล่มแล้วค่ะ

    เป็นผู้ที่รู้จริงคนหนึ่ง และสามารถอธิบายเรื่องกฏแห่งกรรมให้เข้าใจง่าย น่าสนุก

    อยากให้หนังสือคุณหมอแปลเป็นภาษาอังกฤษแล้วส่งออกไปทั่วโลกจัง
     
  6. dekart

    dekart เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    106
    ค่าพลัง:
    +203
    ทพ.สม สุจีรา ครับ ไม่ใช่ นพ.สม สุจีรา
     
  7. บุษบากาญจ์

    บุษบากาญจ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    9,476
    ค่าพลัง:
    +20,271
    ดูอยู่เหมือนกันค่ะ
     
  8. วิญญาณนิพพาน

    วิญญาณนิพพาน ทีมงานอาสาฯ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    22,463
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +21,012
    ผมได้ดูครับ ท่านเป็นคนที่น่าสนใจมากๆคนหนึ่ง
     
  9. yeepun

    yeepun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    202
    ค่าพลัง:
    +425
    ขอขอบพระคุณมากค่ะ ที่นำมาลงให้ดูกัน ตอนนี้ดิชั้นไม่ได้อยู่เมืองไทย ไม่ได้ดูรายการทีวีของเมืองไทยเลยค่ะ ไม่รู้เรื่องว่าเขามีอะไรบ้าง .. โชดดีมีคนใจดี ใจกุศลมาแบ่งปันให้ดูกัน ดีมากๆเลยค่ะ ขออนุโมทนาด้วยนะค่ะ
     
  10. boqboq

    boqboq สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +1
    อยากทราบสถานที่ ทพ.สม สุจิรา ไปฝึกวิปัสสนาครับ ไม่ทราบว่าเป็นที่ใด มีใครฟังทันมั้ยครับ ขอบคุณครับ
     
  11. nondanun

    nondanun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    5,980
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +32,611
    หมอสมฝึกปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานจากพระอาจารย์ภัททันตะ ครับ
    [​IMG]

    เดี๋ยวผมจะเอาประวัติท่านมาโพสให้อ่านนะครับ
     
  12. nondanun

    nondanun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    5,980
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +32,611
    [​IMG]พระ อาจารย์ มีนามเดิมว่า หม่องขิ่น ถือกำเนิดในสกุล ตวยเต้าจี้ ซึ่งเป็นสกุลขุนนางชั้นสูงของพม่า พระอาจารย์เกิดเมื่อ ๑ ๗ฯ ๘ ปีกุน พุทธศักราช ๒๔๕๔ ที่ตำบลจวนละเหยียน อำเภอเยสะโจ จังหวัดปะดุกกู่ ประเทศพม่า โยมบิดามีนามเดิมว่า อุโพอ้าน โยมมารดามีนามว่า ดอร์เปียว มีพี่น้อง ๓ คน ท่านเป็นบุตรคนสุดท้อง

    ชีวิตในช่วงปฐมวัย
    พระ อาจารย์ได้รับการศึกษาขั้นต้นเมื่อปีพุทธศักราช ๒๔๖๑ อายุได้ ๗ ปี เริ่มเรียนหนังสือตั้งแต่หลักสูตร นะโม พุทธายะ สิทธัง ไปจนถึงทศมหาชาดก ซึ่งเป็นหลักสูตรพื้นฐานการศึกษาที่กุลบุตรของพม่าจะต้องเรียนในสมัยนั้น

    พระอาจารย์ได้เข้าสู่ร่มผ้ากาสาวพัตร์
    พระ อาจารย์ได้บรรพชาเป็นสามเณรเมื่อปีพุทธศักราช ๒๔๖๙ อายุได้ ๑๕ ปี โดยมีพระภัททันตะ ญาณมหาเถระ เจ้าอาวาสวัดโชติการาม เป็นพระอุปัชฌาย์ และในเวลาต่อมาก็อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ได้รับฉายาว่า อาสโภ ณ พัทธสีมาวัดจวนละ เหยียน อำเภอเยสะโจ จังหวัดปะดุกกู่ เมื่อวันที่ ๒๑ กรกฎาคม ๒๔๗๓ โดยมี
    - พระภัททันตะ ญาณมหาเถระ เป็นพระอุปัชฌาย์
    - พระภัททันตะ อูเกลาสมหาเถระ เป็นพระกรรมวาจาจารย์
    - พระภัททันตะ อูปัญญามหาเถระ เป็นพระอนุสาวนาจารย์

    ภาคคันถะธุระ
    พระอาจารย์ได้รับการศึกษา ดังนี้คือ
    ๑. ระเบียบวินัย ข้อวัตรปฏิบัติต่างๆ
    ๒. ไวยากรณ์บาลีมหากัจจายน์
    ๓. อภิธรรมมัตถสังคหอรรถกถา
    ๔. ศึกษาปริยัติธรรมชั้นสูงที่มหาวิสุตารามมหาวิทยาลัย

    วุฒิธัมมาจริยะ
    เมื่ออายุได้ ๒๗ ปี ๗ พรรษา พระอาจารย์สอบได้วุฒิชั้น
     
  13. kittitpx

    kittitpx เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    570
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +2,000
    คิดเหมือนกันเลยครับ ผมว่าจะต้องได้รับความสนใจอย่างมากแน่
    ทำให้มีคนต่างชาติมาสนใจศาสนาพุทธมากขึ้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 มิถุนายน 2008
  14. PrasertN

    PrasertN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    104
    ค่าพลัง:
    +195
    สำหรับบางคำตอบยังเป็นการคาดเดาเอาเท่านั้น
    หลวงพ่อฤๅษีลิงดำเคยบอกว่าอยากรู้อะไร ฝึกทิพจักขุญาณ แล้วสอบถามพระพุทธเจ้า
    ใครได้ทิพจักขุญาณแล้วช่วยบอกที
    ขอขอบพระคุณล่วงหน้า
     
  15. พชร (พสภัธ)

    พชร (พสภัธ) ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    5,746
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +49,866
    นี่คุณ...เอาชื่อครูบาอาจารย์มาอ้าง ระวังจะ"ลงนรก"ไม่รู้ตัวนะ(ลุงพุฒชอบ) คนอื่นเค้าเป็นลูกศิษเก่าๆของท่านเค้ายังไม่กล้าทำแบบนี้เลย สิ่งไหนที่ท่านสอนคุณชอบใจก็ทำตาม ความรู้แบบสำนักอื่นที่คุณไม่คุ้นเคยก็ไม่ต้องไป"บีด"เค้า เสียชื่อครูบาอาจารย์หมด....
     
  16. theliger

    theliger เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2007
    โพสต์:
    735
    ค่าพลัง:
    +219
    นับว่าสุดยอดครับ
     
  17. meekung555

    meekung555 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มกราคม 2008
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +18
    ขอบ คุณจริง ๆ ขอรับ โฮะ ๆ ตามหา มาซะนานนน

    อยากดู แต่ว่า วันนั้นกลับมาแล้ว ถึงตอนจะจบ พอดี

    เสียดายมาก

    ขอบคุณครับ
     
  18. ศีล5

    ศีล5 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +12
    ขออนุญาติถอดเทปนำมาให้อ่านกันค่ะ บางทีภาพคลิปวีดีโอโหลดนานมาก


    ทันตแพทย์ สม สุจิรา [ 6 มิถุนายน 2551] ช่วงที่ 2
    สุริวิภา : คุยอยู่กับผู้เขียนหนังสือหลายเล่มค่ะ ที่เชื่อมโยง เอาธรรมะ กับวิทยาศาสตร์เข้าด้วยกัน
    อย่างเช่น หนังสือไอสไตร์พบพระพุทธเจ้าเห็น และล่าสุดก็คือหนังสือเดอะท็อปซีเคร็ด
    เห็นคุณหมอบอกว่าจะออกมาอีกหลายเล่มเลย

    ทพ. : สองเดือนหน้าครับ สี่เล่ม

    สุริวิภา : สี่เล่มรวดเดียวเลยหรือค่ะ เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับอะไรค่ะ
    ทพ. : เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับจิตวิทยาความรักครับ
    ก็คือว่า ผมอยากจะเขียนเรื่องเกี่ยวกับจิตวิทยาความรัก เพราะผมจบมาทางนี้โดยตรง
    แล้วก็จิตวิทยาครอบครัว เรื่องความรักมีปัญหาเยอะมากนะครับ บางคนก็ยอมเสียชีวิต
    เพื่อความรัก

    สุริวิภา : อกหักรักคุด
    ทพ. -- คือผมผ่าฟันคุดมาเยอะ 555+ แก้ยากกว่าฟันคุดเยอะครับ

    สุริวิภา -- 555+ แต่ว่าคุณหมอสามารถเขียนลงไปในหนังสือได้นะค่ะ
    ทพ. -- อ้อ...ได้ๆครับ

    สุริวิภา -- งั้นเราคุยถึงเรื่องที่เราค้างกันไว้ เมื่อเบรกที่แล้วนะค่ะ ว่าเรื่องของเวรกรรมแต่ชาติปางไหน
    เวรกรรมมีจริงมั้ยคุณหมอ ถามจริงๆ พิสูจน์ได้มั้ย

    ทพ. -- เอ่อ...มีจริง มันเริ่ม มาจากปฏิสนธิแล้วครับ เรื่องของกรรมนะ
    ทีนี้เนี่ยะ บางคนบอกว่า "กฏแห่งกรรม" ถ้ามันมีจริง กรรมเก่ามันตามมา เราก็นอนรับกรรมไปดิ
    ไม่ต้องไปสู้กับมัน ในเมื่อยังไง เราก็ต้องรับกรรมอยู่แล้ว
    สุริวิภา -- แล้วเป็นอย่างนั้นมั้ยค่ะ

    ทพ. -- จริงๆไม่ใช่นะ คือใน "อิทธิบาท 4" จะมี
    ฉันทะ = ชอบ วิริยะ = เพียร จิตตะ = จิตที่มุ่งมั่น วิมังสา = จิตวิเคราะห์
    กฎแห่งกรรมจะแสดงผลในส่วนของฉันทะเท่านั้นเอง
    เช่น คนที่เกิดมา ชอบศิลปะแต่กำเนิด ชอบดนตรีแต่กำเนิด มีพรสวรรค์ทางด้านกีฬา
    นี่คือ ฉันทะ นะ แต่ วิริยะ จิตตะ วิมังสา นั้น คือ วิริยะ คือ ความเพียร
    จิตตะ คือ จิตที่มุ่งมั่น วิมังสา คือ จิตวิเคราะห์ อันนั้นคือกรรมปัจจุบันครับ

    สุริวิภา -- อันนั้นเราต้องทำเอง
    ทพ. -- ใช่ เพราะฉะนั้น ถ้าเราเกิดมา ฉันทะไม่ดี กรรมเก่าไม่ดีนะ แต่ถ้าเรามีความเพียร
    มีจิตที่มุ่งมั่นนะ แล้วก็มีความคิดวิเคราะห์ที่ดีนะ มันสามารถพลิกกลับได้เลยครับ คือเราสามารถ
    สร้างวาสนาได้ ไม่ใช่รอให้วาสนามาสร้าง

    สุริวิภา -- ไม่ใช่รอให้วาสนามาตามเรา
    ทพ. -- ครับ พระพุทธเจ้าถึงบอกว่า คนล่วงทุกข์ได้เพราะความเพียร เพราะว่ากรรมเก่ามันทำอะไรไม่ได้
    เราอาจจะล้มเหลวในชีวิต ทำงานนี้แล้วล้มเหลวไปซักครั้งสองครั้ง พลังกรรมมันส่งไปแค่นั้นเองครับ
    คนที่พยายามเป็นครั้งที่สาม นั่นคือประสบความสำเร็จ

    สุริวิภา -- ลุกขึ้นมา
    ทพ. -- สำเร็จครับ เพราะว่า กรรมเก่ามันหมดพลังแล้วไง

    สุริวิภา -- อันไหนมันจะเป็นกรรมเก่า กรรมใหม่ เราจะแยกแยะยังไงค่ะ คุณหมอ
    ทพ. -- คือว่าถ้าเป็นกรรมปัจจุบันเนี่ยะ ถ้าเรามีสติอยู่ตลอดนะ เราจะแยกออกว่า ไอ้สิ่งที่เราเจอหนะ
    มันเป็นกรรมชาติก่อน หรือว่ากรรมปัจจุบัน ซึ่งบางทีเนี่ยะ วจีกรรม กายกรรม บางอย่าง ที่เราทำไป เมื่อ 5 ปีที่แล้วนั้น เราลืมแล้วครับ
    วจีกรรมเนี่ยะ เราลืมกันง่าย บางทีเราว่าใครไปเนี่ยะเราลืม ต้องระวัง

    สุริวิภา -- งั้นเอาเข้าที่วิธีแก้เลยคุณหมอ
    ทพ. -- วิธีแก้คือ เราต้องมีสติตลอด

    สุริวิภา -- จะได้ไม่ต้องสร้างกรรมใหม่อยู่เรื่อยๆ คุณอย่าลืมนะว่า ถ้าคุณขาดสติ คุณก็กำลังจะสร้างกรรมใหม่
    อยู่เรื่อยๆ แล้ววันเวลามันจะทำให้คุณลืม เหมือนอย่างที่คุณหมอบอก อย่าง 5 ปี 7 ปี 10 ปี อย่าว่าแต่ปีที่แล้วเลย
    ดิฉันพูดอะไรไว้ยังลืม

    ทพ. -- ใช่ เพราะฉะนั้นเราจะต้องมีสติตลอด ต้องคิดก่อนพูดจะทำอะไร ที่สำคัญก็คือ ต้องคิดดีด้วยไง
    คือ ต้องคิดบวกตลอด คือบางทีอารมณ์ ทางลบของเราต้องระวังครับ เช่น เห็นคนอื่นประสบความสำเร็จเนี่ยะนะ แล้วเราอิจฉานะ
    หรือว่าเสียใจที่เราไม่ประสบความสำเร็จอย่างเค้า อะไรอย่างนี้นะ
    ผมอธิบายในหนังสือแล้วว่า เดอะท็อปซีเคร็ด ว่าคนที่คิดแบบนี้เนี่ยะ
    จิตใต้สำนึกมันจะบันทึกไว้ว่าความสำเร็จ
    แล้วก็ความเสียใจ เพราะฉะนั้น เค้าจะไม่มีวันประสบความสำเร็จ
    อย่างนั้นเลย

    สุริวิภา -- ความสำเร็จจะไม่มาอยู่ใกล้ชิด
    ทพ. -- ความสำเร็จจะไม่มาอยู่กับเค้าเลย แล้วเค้าจะมาโทษว่า เป็นกรรมเก่ากรรมเก่า จากชาติไหนก็ไม่รู้แต่ชาตินี้แหละครับ แต่เค้าลืมไปไง
    คือมันเป็นความคิดนึงที่มันแว๊บขึ้นมา แล้วเค้าลืมเปลี่ยนความคิดนั้น
    เป็นไปในเชิงบวก คือคนที่เค้าประสบความสำเร็จ
    ในชีวิตเนี่ยะ เค้าจะชื่นชมในความสำเร็จของคนอื่น
    แล้วเค้าจะสามารถดึงส่วนดีๆของคนนั้น เข้ามาสู่ในตัว

    สุริวิภา -- เพราะฉะนั้นวิธีการ ไม่ต้องคิดอะไรทั้งนั้นเลยนะค่ะ
    คิดบวกตลอด เห็นคนประสบความสำเร็จ
    เห็นคนมีความสุข เราก็ต้องมีความสุขยินดี กับเค้าด้วยความจริงใจ

    ทพ. -- คิดบวกตลอด ภาษาพุทธเค้าเรียกว่า ร่วมอนุโมทนาด้วยไง
    สุริวิภา -- ถ้าอย่างนั้น คนเราเกิดมาสวย หล่อ จน รวย แบบนี้ มันมีอะไรเหนี่ยวนำ เป็นเพราะว่า กรรมแต่ชาติปางไหน หรือว่าที่เราสะสมกันมาหรือว่าอย่างไร

    ทพ. -- อย่างสวย หล่อ จน รวย เนี่ยะ มันเป็นรูปธรรมที่เกิดจากดีเอ็นเอ
    ใช่มั้ย ที่นี้เนี่ยะนักวิทยาศาสตร์ สงสัยกันมากว่า
    ทำไมฝาแฝดสองคนเนี่ยะ เหมือนกันทุกประการ แต่ทำไม
    มีนิสัยไม่เหมือนกัน เค้าก็ไปศึกษาในกรณีที่ฝาแฝดหลายๆคู่
    ตัวติดกัน ศีรีษะติดกัน เช่นอย่างกรณีของอินจัน ต่างกันเยอะครับ
    จันเนี่ยะ จะชอบดื่มสุรา จะใจค่อนข้างร้อน จะร้อนมาก
    อินเนี่ยะ จะชอบนั่งสมาธิ จะไม่ดื่มสุรา ใจเย็น

    สุริวิภา -- คือจะแตกต่างกันออกไป คนละคั่วเลย
    ทพ. -- ทั้งๆที่ตัวติดกันดีเอ็นเอยิ่งเหมือนกัน แถมใช้เลือดด้วยกันอีก แต่ขณะที่จันเมา อินไม่เมานะครับนักวิทยาศาสตร์งงนะครับ

    สุริวิภา -- โอ้ย...จริงเหรอคุณหมอ
    ทพ. -- ที่จริงตัวติดกันคนนึงเมาแต่อีกคน ไม่เมาครับ เค้าก็เอ๊ะ พิสูจน์ยากมากเลย มันต้องมี นามธรรมอีกตัวนึง มาคุมรูปธรรมไง สิ่งนั้นก็คือ "จิต"
    เพราะฉะนั้นเราอย่าไปมองว่า หล่อ สวย รวย จน คือคนที่
    เกิดมาหล่อแล้วชีวิตล้มเหลว เยอะนะครับ
    เราจับความรู้สึกของตัวเราเองดีกว่าครับ เราอย่าไปมองว่า
    เค้าหล่อเค้าสวย เค้ารวย ข้อนึงข้อดีก็คือว่า
    เค้าอาจจะมีกรรมเก่าที่ดีของเค้า แต่ลองไปดูอีกข้อนึงสิว่า
    คนหล่อจะได้ภรรยาไม่ค่อยดีนะ

    สุริวิภา -- 5555+ คือกำลังจะมองของเรื่องความสมดุล เป็นเรื่องของบัลล๊านกันมั้ยค่ะคุณหมอคนหล่อมาก อาจจะได้คู่ที่ไม่สวยเท่า
    ทพ. -- คือแล้วแต่ว่า จิตเค้าเป็นยังไง คือว่าคนที่สวยมากๆเนี่ยะ
    ตั้งแต่เด็ก ผิวพรรณดีอะไรอย่างเงี่ยะ
    บางทีเค้าก็ได้รับการตามใจได้รับการเอ็นดู คนมาจีบ มากันตั้ง 4-5 คนใช่มั้ย แน่นอน เค้าต้องเลือกคนที่

    เอาใจเก่งที่สุด ซึ่งอาจจะไม่ใช่คนที่นิสัยดีไง ในทางตรงกันข้าม คนที่ไม่สวยเนี่ยะ คนที่มาจีบเค้าจริงๆก็คือ
    คนนั้นต้องรักจริง เค้ามองข้ามความไม่สวยได้อย่างไร จริงมั้ย

    สุริวิภา -- อิๆๆ เพ้อๆๆๆ (แซวผู้ชม)
    ทพ. -- จริงๆ ผมสังเกตุมาหลายคู่แล้วครับ โดยเฉพาะเพื่อนผม คนที่ไม่สวยแล้วแต่งงานเนี่ยะ ครอบครัวมีความสุขมาก แล้วคือสามีชอบรักมาก
    คือเค้ารักมาก รักที่ความไม่สวยนี่แหละ คือความสวยมันไม่จีรังไง
    คนที่สวยเนี่ยะ แต่งไปพอถึงจุดนึงสามีไม่รัก เพราะสามีเค้าชอบความสวย
    พอเค้าอายุมากขึ้นเด็กรุ่นใหม่ขึ้นมาก็สวย

    สุริวิภา -- ก็ชอบใหม่ไปเรื่อย
    ทพ. -- แน่นอน เพราะว่าตอนมาจีบเค้าก็สวยนี่
    เพราะฉะนั้นคนที่มาจีบเค้าก็หลงความสวย
    เพราะฉะนั้น มันไม่ใช่จุดที่จะมาตัดสินการประสบความสำเร็จในชีวิตนะครับ ความหล่อความสวยไม่ใช่

    สุริวิภา -- ถ้างั้น เนื้อคู่ละค่ะคุณหมอ มีจริงมั้ยค่ะ เนื้อคู่จากชาติภพที่แล้ว แล้วชาตินี้มีจุดมาให้เจอะเจอกันอะไรอย่างงี้
    ทพ. -- มันเป็นเรื่องของความรู้สึกนะ คือ คนเราหนะ เสียชีวิตไปแล้วนะ คือตอนแรกที่ผมคิดนะ คนเราเสียชีวิตแล้ว ก็นอนหลับแล้วทุกอย่างมันหายไปเลยใช่มะ
    มันไม่มีจริงอะไรอย่างนี้นะ พอกำหนดสติถึงจุดนึงก็จะรู้แล้วครับ
    ว่าคนเรามีดวงจิตชนิดนึง ที่มันเกิดดับเกิดดับอยู่ตลอดเลยนะ
    เพราะฉะนั้นเวลาเราเกิดใหม่เนี่ยะ บางคนก็ชอบอันนั้นอันนี้

    ตั้งแต่กำเนิด อย่างที่ผมบอกว่าชอบศิลปะมาตั้งแต่กำเนิดเนี่ยะ
    มันเป็นความรู้สึกนะ ซึ่งจริงๆเราจำไม่ได้แล้วว่าเพราะอะไร
    แต่จริงๆมันสั่งสมมาครับ ศิลปินระดับอัฉริยะจริงๆเนี่ยะเค้าจะรู้
    เวลาเค้าจะทำงานเนี่ยะ เค้าจะบิ้วความรู้สึกก่อน
    เพื่อดึงความรู้สึกมา ไม่ใช่อยู่ๆ พลุค เกิดมาชาตินี้วาดรูปได้งดงามขนาดนี้


    อย่างอาจารย์เฉลิมชัยจะเน้น มันมาจากจิตวิญญาณ ใช่ปะ มันมาจากจิตวิญญาณ พยายามเน้น ก็คือ
    ก็มันมาจากจิต มันมาจากความรู้สึก คือมันสั่งสมมาหลายชาติภพมาก

    สุริวิภา -- อาจารย์กำลังจะบอกว่า ถ้าสมมุติว่า ชาตินี้หนูแหม่มมีโอกาส เป็นคนอย่างเห็นนี่แหละ แล้วมีความรู้สึกใฝ่ฝัน ไม่ต้องใฝ่ฝัน แค่รู้สึกว่า
    ถ้าเกิดอีกครั้ง อยากจะเจอคนแบบไหน เราสามารถกำหนดได้ ก่อน

    ทพ. -- สร้างความรู้สึกดีๆกับเค้าไว้ ไม่ใช่อยากจะเจอคนแบบไหน เราต้อง อยากจะเจอคนนี้อีกครั้งนึงใช่มั้ย
    สุริวิภา -- สร้างความรู้สึกดีๆกับเค้าไว้

    ทพ. -- ครับ เราต้องสร้างความรู้สึกดีๆกับเค้าไว้ จิตเค้าจะเก็บไว้ด้วย ไอ้การเก็บของจิตมันลึกล้ำ กว่าสมองเยอะนะ คือบางทีมันข้ามส่วนของจิตสำนึกไปเลย
    คือพอเราสร้างความรุ้สึกให้เค้าประทับใจเนี่ยะ
    พอเกิดใหม่เจอกันอีกครั้งนึงเนี่ยะ ความรู้สึกมันจะชนกัน
    เค้าถึงบอกว่า ถ้าทำบุญร่วมกัน ชาติหน้าก็มาเจอกันอีก

    สุริวิภา -- ถ้าอย่างงั้นในกรณีที่เราเกลียดคนแบบนี้
    ทพ. -- อย่าไปยุ่งกับเค้า ถ้าชาตินึงเราเกลียดเค้ามาก
    โมโหเค้า ไปด่าเค้า ไปต่อยเค้า
    ต่อสู้กับเค้า มันจะยิ่งทำให้เค้าฝังใจเราไง เจอกันอีก
    หลีกเลี่ยงได้เลย

    สุริวิภา -- เออ..ถ้าอย่างงั้นเราบอกว่า ชาติหน้าเจอกัน
    ทพ. -- เจอแน่ เพราะฉะนั้นถ้าเราเจอคนนิสัยไม่ดีนะ เพราะฉะนั้นหลีกเลี่ยง ถ้าหลีกเลี่ยงได้นะ

    สุริวิภา -- ตัดไฟแต่ต้นลม
    ทพ. -- ทางที่สองก็ ถ้าหลีกไม่ได้ ก็ทำใจให้เป็นกลาง ก็คือมองที่ความไม่ดีของเค้า ก็ไม่ต้องไปเกลียดอะไรเค้ามาก ก็มองว่าเค้าเป็นอย่างนั้นเค้าก็เป็นอย่างนั้น

    สุริวิภา -- จิตเรานี่มันเป็น ลึกล้ำมากเลยนะค่ะอาจารย์
    ทพ. -- ลึกล้ำครับ ลึกล้ำกว่าสมองเยอะ คือทางการแพทย์เค้าบอกว่า ทุกสิ่งทุกอย่างมันอยู่ในสมอง
    แต่เค้าก็งงว่า คนไข้ที่เป็นเอาล์ไซเมอร์ ที่สมองมันฝ่อไปหมดแล้วเนี่ยะ
    ยังมีความรู้สึกนะ รัก โลภ โกรธ หลง มีครับ
    ถามคนๆนี้ทำไมถึงชอบ แต่ว่าเค้าจำลูกตัวเองไม่ได้
    จำว่าเค้าชอบใครได้ ความรู้สึกยังอยู่
    แต่เค้าจำไม่ได้ว่าชอบเพราะอะไร หรือเค้าโกรธคนนี้เพราะอะไร แต่เค้ามีความรู้สึกว่า
    คนนี้ เดินมาหาเค้าๆจะไม่ชอบหน้าเลย เค้าโกรธ

    สุริวิภา -- คือมันเป็นความรู้สึก
    ทพ. -- คือมันมีเหตุกันมาก่อน แต่ เค้าบอกเค้าจำไม่ได้ คือเรื่องจิตมันลึกลับมาก
    สุริวิภา -- เป็นเรื่องที่ลึกลับแล้วก็ละเอียดอ่อนค่ะ คุณผู้ชมค่ะ
    เพราะว่าในวันศุกร์นี่เนี่ยะ
    ต้องขอเก็บคุณหมอไว้คุยกันในวันศุกร์หน้า ยังมีอีกมากมายหลายเรื่องที่ตัวดิฉันสงสัย
    รวมทั้ง คุณผู้ชมอีกหลายๆท่านก็คงจะสงสัย เป็นเรื่อง ผีเทวดานางฟ้านรกสวรรค์
    มีจริงหรือไม่ วันนี้หมดเวลาแล้ว
     
  19. ปิยธรรมโม

    ปิยธรรมโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    473
    ค่าพลัง:
    +349
    อนุโมทนาท่านเจ้าของกระทู้ครับ ดี และมีประโยชน์
    เป็นอีกแง่มุมหนึ่งที่น่าสนใจ
    ถือเป็น ปัจจัตตังครับ สาธุ..[​IMG]
     
  20. ศีล5

    ศีล5 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +12
    ขออนุญาติถอดเทปมาให้อ่านกันค่ะ



    ทันตแพทย์ สม สุจิรา ตอน 2 [ 13 มิถุนายน 2551] ช่วงที่ 1

    <?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p> </o:p>
    สุริวิภา : คนเราเกิดจากร้อยพ่อพันธุ์แม่ค่ะ คุณผู้ชม<o:p></o:p>
    เพราะฉะนั้น ความรู้สึกนึก ความนึกคิด บุคลิก ย่อมแตก<o:p></o:p>
    ต่างกัน เป็นเรื่องธรรมดา หรือแม้ว่า เกิดมาเป็นแฝด คุณหมอได้พูดเมื่อศุกร์ ที่แล้วว่า แฝดอินจันตัวติดกันแท้ๆ บุคคลิก ความรู้สึกนึกคิด นิสัย ยังไม่เหมือนกัน <o:p></o:p>
    ไม่ใช่โดยเฉพาะเพศหญิงเพศชายแล้วนะค่ะ โดยปัจจุบันมีเพศที่สามที่สี่ ผุดขึ้นมาอีก ต้องบอกว่าคุณหมอเป็นคนนึงที่ ค้นคว้าทั้งของเรื่องวิทยาศาสนตร์ จิตวิทยา รวมไปถึงเรื่องของธรรมะด้วย ก็เลยได้คำตอบว่าทำไม ผู้ชายผู้หญิงถึงได้มีความแตกต่างกัน คุณหมอได้เห็นอะไร <o:p></o:p>
    ระหว่างเพศหญิงกับเพศชาย<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ทพ. : คือประสิทธิภาพในการรับผัสสะ หรือรับสัมผัสนะครับ ระหว่างหญิงกับชายต่างกันเยอะมาก ผัสสะที่สำคัญที่สุดคือตา ตาผู้หญิงสามารถเห็นชัดได้กว่าผู้ชายสามเท่านะ คือในทางการแพทย์เค้าสงสัย ว่าทำไมผู้หญิงถึงสามารถเห็นสีชัดกว่า เค้าไปวิจัยที่ระดับดีเอ็นเอ ยีนส์ของการสร้างโปรตีนรับแสงของตัวตานี่นะครับ มันจะอยู่ในโครโมโซมเอ็กซ์ (X) ซึ่งเพศหญิงจะมีโครโมโซมเพศหญิงเอ็กซ์เอ็กซ์สองตัว (XX) แต่เพศชายจะเป็นโครโมโซมเอ็กซ์วายซ์ (XY) เช่นเห็นเพชร ผู้ชายเห็นมันก็คือแสงแค่นั้นเองใช่มะ ผู้หญิงจะเห็นสีด้วย<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    สุริวิภา : อุ้ย....เห็นไปถึงเหลี่ยมเลยค่ะ <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ทพ. : เพราะฉะนั้นในงานเลี้ยงราตรีเนี่ยะ เวลาเดินลงไปเนี่ยะ ตาผู้หญิงจะสะดุด พรึ่บๆๆๆ ไปหมดเลยนะ ตาผู้ชายไม่รู้สึกครับ เพราะฉะนั้นกิเลส ที่เกิดกับผู้ชายจะน้อยกว่า เพราะเค้าไม่เห็นไง<o:p></o:p>
    สุริวิภา : บางคนเนี่ยะนะ เห็นขนาดก้นมันตัดแบบ มุมแหลมหรือมุม อย่างนี้เลยนะ<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ทพ. : เออ..ตาเค้าละเอียดมาก ตาผู้หญิงสามารถมองข้างๆได้ด้วย โดยที่ไม่ต้องหันศรีษะ ตาผู้หญิงสามารถมองได้ถึง 180 องศาเลยนะครับ เพราะว่าเคยมีงานวิจัยไว้ว่า เวลาผู้หญิงเดินห้างเนี่ยะ แอบมองผู้ชาย มากกว่าผู้ชายแอบมองผู้หญิง เพียงแต่ว่าผู้หญิงมองแล้วไม่รู้ มองแล้วไม่รู้ว่าแอบมอง คือเค้าสามารถชายตามองข้างๆโดยที่ศรีษะอะไรเหมือนเดิมเลย <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    สุริวิภา : คือลำคอยังแข็งตั้งตรงอยู่ ตาสายตาเฉลือบไปมอง อุ้ย! ตาย อะไรอย่างงี้ <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ทพ. : ใช่ ผู้หญิงถึงค้อนได้ไงครับ แต่ผู้ชายจะค้อนไม่ได้นะ เพราะว่าตามันจะกลับมาตรงกลาง <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    สุริวิภา : อุ้ย! ผู้หญิงไม่ใช่แค่เฉพาะตาค่ะ หน้าเน้อคอนี่ไปหมดเลยค่ะ อย่างนี้เลย อันนี้เป็นความแตกต่าง<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ทพ. : ครับ เฉพาะตานะ หูผู้หญิงก็แยกเสียงได้ชัดกว่าผู้ชาย แยกได้แม้กระทั่งน้ำเสียง เพราะว่าคลื่นเสียงเนี่ยะจะไปแปล เค้าเคยเอาคลื่นสมองมาวัดตอนระหว่างฟังเสียงนะครับ สมองผู้ชายข้างซ้ายจะรับเสียง <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    แต่ผู้หญิงเวลาฟังเสียงสมองซีกขวาจะทำงาน ซึ่งสมองซีกขวาจะเป็นสมองส่วนความรู้สึก สมองซีกซ้ายจะเป็นเรื่องของเหตุผล กับประสาท เพราะฉะนั้นผู้หญิงเนี่ยะ ถ้าเวลาเค้าฟังเสียงเนี่ยะ เค้าสามารถแยกเสียงออกจากความรู้สึกได้ เช่นใครมาบอกด้วยน้ำเสียงประชดเนี่ยะ นินทาเนี่ยะ จะรู้สึกทันทีเลย <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    สุริวิภา : อุ้ย! รู้สึกทันทีเลยค่ะ จะไวกว่าผู้ชายถูกมั้ยค่ะ<o:p></o:p>
    ทพ. : จะไว ผู้ชายลองคุณไปพูดประชดเค้าสิ ประชดเท่าไหร่บางทีไม่สะเทือนเลย เพราะว่าหูเค้าแยกน้ำเสียงไม่ได้ <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    สุริวิภา : ไม่ได้เกิดจากความเย็นชาของเค้านะค่ะ แต่ว่ามันจากประสาทสัมผัสของเค้า<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ทพ. : ไม่ใช่ ผู้ชายไม่ค่อยรู้สึก นอกจากว่ากันตรงๆ ดูหมิ่นกันซึ่งหน้าคือ สมองซีกขวามันจะทำงาน<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    สุริวิภา : มันเป็นเรื่องของเหตุผล<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ทพ. : นั่นแหละ คุณไม่มีเหตุผลเลยคุณทำอย่างนี้ คือนั่นแหละ สมองซีกซ้ายมันถึงจะค่อยทำงาน มันถึงจะตีความออกมาว่า โดนว่านะ อะไรอย่างเนี่ยะ<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    สุริวิภา : แล้วทำไมเรื่องจู้จี้ขี้บ่น ผู้หญิงทำไมเป็นกว่าผู้ชายค่ะ <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ทพ. : ก็คือผัสสะ มันมาตลอด เช่น ระหว่างนอนเค้าเคยวัดความสามารถทางหูนะ ผู้ชายที่หลับสนิทหูจะไม่ได้ยินอะไรเลยนะครับ คือหลับสนิทจริงๆ ตื่นขึ้นมาสดชื่น แต่ผู้หญิงเนี่ยะ ให้หลับสนิทยังไง หูยังได้ยินอยู่ 30% <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    สุริวิภา : 30% เยอะนะค่ะ<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ทพ. : เยอะครับ เพราะฉะนั้นเสียงน้ำ ที่หยดบนสังกะสีเนี่ยะ บางทีผู้ชายหลับปุ๋ยแล้วไม่รู้สึกอะไรเลย แต่ผู้หญิงหลับอยู่ มันได้ยินตลอดนะ เพราะฉะนั้นคล้ายๆกับว่า มันไม่ได้พักหนะ จิตมันไม่ได้พักใช่มะ ไม่ใช่เฉพาะตากับหูสิวันๆ ผู้หญิงเจออะไรตั้งเยอะใช่ปะ จมูกกลิ่น ผู้หญิงรับกลิ่นได้ดีกว่าผู้ชายสามเท่านะ ได้ดีกว่าซึ่งเราไม่รู้เลยนะ เพราะฉะนั้น เซ้นซิทีฟ หอมก็ดีใจมากสุขมาก หอม คือเหม็นก็เหม็นเป็นสามเท่า<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    สุริวิภา : เวลาเหม็นหนูจะเหม็นแบบว่า อื้อหือ...<o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    ทพ. : เหม็นเป็นสามเท่าค่ะ จมูกเค้าไว โดยเฉพาะช่วง ประจำเดือนมา คือ ฮอร์โมนเอสโตรเจนกับโปรเจสเตอโรนเนี่ยะ มันจะกระตุ้นให้การรับกลิ่นดีขึ้นอีกหลายเท่า <o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    สุริวิภา : เรื่องของอารมณ์ด้วย<o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    ทพ. : เพราะฉะนั้นเวลาเรารับกลิ่นมาก ทุกข์เวทนาจะเยอะ ตา หู จมูก ลิ้นก็เหมือนกัน ลิ้นผู้หญิงรับรสชาดิได้หลากหลายมาก <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    สุริวิภา : รับรสได้หลากหลายกว่า<o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    ทพ. : ซึ่งบางทีก็เป็นจุดอ่อน เพราะว่าความหลากหลายที่ทำให้ลังเล เวลาทำกับข้าวออกมาบางที กุ๊กที่ชื่อเสียงดีๆจะเป็นผู้ชายซะมากกว่า เพราะเค้าไม่ลังเลไง คือประสิทธิภาพสูง แต่บางทีกลับไม่ใช่เรื่องดีนะ คือมันละเอียดไปไง ผิวหนังก็เหมือนกันครับ ผิวหนังของผู้หญิงอ่อนนุ่มกว่าผู้ชายเยอะนะครับ หลายเท่าตัว ผู้หญิงสามารถสื่อความรู้สึกผ่านผิวหนังได้นะ ผู้หญิงที่เป็นเพื่อนกันเนี่ยะ เวลาเดินด้วยกันเนี่ยะ จะจูงมือกันใช่มั้ย<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    สุริวิภา : ก็อบอุ่นเป็นเพื่อนรักกัน<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ทพ. : อืม..รู้สึกได้มันอบอุ่น แบบนี้ใช่มั้ย คือเค้าสื่อความรู้สึกผ่านผิวหนังได้ แต่ถ้าเห็นเพื่อนผู้ชายเดินจูงมือกันนะ สงสัยไว้ก่อน เลยว่าผิดปรกติ<o:p></o:p>
    สุริวิภา : คิดลบไว้เลย คิดออกในทางลบไว้เลย<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ทพ. : เพราะว่าผู้ชายผิวหนังหยาบกว่าผู้หญิงหลายเท่า เค้าจะไม่รู้สึกสะเทือนอะไรเลย ถึงเราจะเห็นผู้ชายมีดบาดเลือดออกเนี่ยะ เค้าจะเฉยๆนะ ที่นี้ผู้หญิงความเซ้นส์ของผิวหนัง มันจะทำให้มีความรู้สึกอึดอัดตัว บางทีอากาศร้อนไปหน่อยมันจะเซ้นส์กว่าผู้ชาย หรือถ้าคันเนี่ยะก็จะคันเป็นสองเท่าสามเท่า ของผู้ชาย เพราะฉะนั้นเค้าถึงได้บอกว่า เอ๊ะ..ผู้หญิงหงุดหงิดทำไมถึงได้หาสาเหตุไม่ได้ มันมาจากทั้ง 6 ทวารเลย <o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    สุริวิภา : ถ้าอย่างนั้นทวารทั้ง 6 มีอะไรบ้างค่ะ คุณหมอ<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ทพ. : ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ แล้วใจเนี่ยะ ผู้หญิงจะเซ้นซิทีฟ ในนามธรรม มากกว่าผู้ชาย ความรักความห่วงใย อะไรอย่างเนี่ยะพวกนี้ สังเกตุว่าแม่จะห่วงลูก มากกว่าพ่อ คือสิ่งที่เป็นนามธรรม ผู้หญิงจะสะเทือนมากกว่าผู้ชาย แล้วนามพวกนี้มันจะมากระทบใจเร็วมากครับ ความห่วงใยความอบอุ่น อะไรพวกนี้ครับ<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    สุริวิภา : เมื่อได้ทราบรายละเอียดมาขนาดนี้แล้วเนี่ยะ ดิฉันเชื่อนะค่ะว่า สามีภรรยาน่าจะมีความเข้าใจกันมากขึ้น เพื่อนหรือว่าเพศหญิงเพศชาย คงจะเข้าใจเรื่องนี้มากขึ้น ถ้าเป็นเรื่องของเพศที่สาม เป็นเรื่องของตุ๊ดเกย์ทอมดี้ เอาให้รวมเลยคุณหมอ เพศที่สามเหล่านี้มีคำอธิบายมั้ยค่ะในเรื่องของวิทยาศาสตร์ จิตวิทยา รวมทั้งธรรมะ <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ทพ. : วงการแพทย์กับวงการจิตวิทยาเนี่ยะ เค้าจะมีการร่วมประชุมกันบ่อยๆ รวมไปถึงจิตแพทย์ด้วย เค้าก็สรุปออกมาว่า สิ่งแวดล้อมมีส่วนสำคัญ แต่สาเหตุที่ทำให้เกิดพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศเนี่ยะ เกิดจากลักษณะของเด็กคนนั้นเอง คือ ให้เราเลี้ยงยังไงก็ไม่ใช่ความผิดของคนเลี้ยง ถ้าเค้าเกิดจะผิดปรกตินะ <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    สุริวิภา : ถ้าเค้าจะเป็น<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ทพ. : ใช่ครับ นี่ผิดปรกติ จนเมื่อมีการวิเคราะห์ดีเอ็นเอทั้งหมด ที่เพิ่งเสร็จสิ้นไปเมื่อไม่กี่ปีนี้ ดีเอ็นเอของมนุษย์สามารถวิเคราะห์ได้ทั้งหมดแล้ว เค้าบอกว่าการเป็นเกย์เป็นตุ๊ดเนี่ยะ มันมีดีเอ็นเอส่วนนึงผิดปรกติ ที่มีแนวโน้มจะเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว ตอนนี้เค้าก็เลยสรุปออกมาว่า โอกาศที่คนจะเป็นกระเทยเนี่ยะ เกิดจากยีนต์ครับ <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    สุริวิภา : เกิดจากยีนต์นะค่ะ<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ทพ. : คือเกิดจากดีเอ็นเอ เค้าเกิดมาเพื่อจะเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นไม่ต้องเสียใจครับพ่อแม่ ที่เลี้ยงเสร็จแล้วลูกเป็นกระเทยไม่ต้องเสียใจ แต่ขอให้เค้าเป็นคนดีมีความสามารถ แล้วก็เป็นอย่างที่เค้าเป็น <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    สุริวิภา : ให้เค้ามีความสุขนะค่ะ<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ทพ. : ครับให้เค้ามีความสุข แล้วก็ต้องยอมรับ เกย์ที่ยิ่งใหญ่ของโลกก็เยอะนะ รีโอดาโน่วาราดีนชี่ก็เป็นเกย์นะ พระเจ้าอเล็กซ์ซรานเดอร์มหาราชก็เป็นเกย์นะ จักรพัทภูยีก็เป็นเกย์นะ เยอะแยะเลยครับ ที่เป็นเกย์<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    สุริวิภา : แล้วเรื่องของทางธรรมะละค่ะมีคำอธิบายเรื่องนี้ว่าอย่างไร<o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    ทพ. : เรื่องของธรรมะบอกว่า ผมเคยถามพระอาจารย์ใหญ่ท่านบอกว่า จิตมันเกิดผิดที่ คือพระพุทธเจ้าท่านบอกว่า กรรมเก่าก็คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ใครที่ตัดผัสสะทางนี้ไม่หลง เวทนาทางตาหูจมูกลิ้นกายใจได้เนี่ยะ จะไปเกิดในชั้นอรูปพรหม ก็คือจะไม่มีทวารนี้อยู่เลย แต่ถ้าใครยึดติดกับทวารนี้มากๆเนี่ยะ ถ้ายังมีบุญอยู่มากเนี่ยะ เค้าก็จะมาเกิดในรูปของเพศหญิง เพราะว่าเพศหญิงประสิทธิภาพทวารดีกว่าเพศชาย เพราะฉะนั้นจิตหญิงที่ไปเกิดในร่างหญิงเนี่ยะ จะถูกใจ ตาเห็นสีชัดมาก ผิวหนังเซ้นซิทีฟเร็วมาก <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    สุริวิภา : หูได้ยิน<o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    ทพ. : อืม..หูได้ยินดีมาก แต่พวกเกย์นี่เค้าจะอึดอัดมาก กับทวารที่มันไม่ได้ประสิทธิภาพอย่างที่เค้าต้องการ เพราะฉะนั้นพวกเกย์จะพยายามใช้หู จะพูดลิ้นวันๆจะพูดเยอะ ตาก็จะชายบางทีดูแล้วมันขัดมาก ทำให้เค้าต้องฝืนธรรมะชาติมาก แล้วร่างกายของเค้าเป็นผู้ชาย เพราะฉะนั้นถึงจุดนึงเค้าทำไม่ได้อย่างนั้น เค้าก็จะทุกข์ทรมาน กับความรู้สึกที่มันไม่ได้อย่างใจ ซึ่งก็จะตรงข้ามกับทอม <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    สุริวิภา : ทอมเป็นยังไงค่ะ<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ทพ. : จะเซ้นซิทีฟ ตามันจะเห็นเวอร์ไปเลย แต่จิตเป็นผู้ชาย อุ้ย..ทรมานมาก <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    สุริวิภา : ตัดตอนเลยค่ะคุณหมอ ถ้าไม่ต้องการเกิดไปเป็นแบบ เกย์ตุ๊ดทอมอีกแล้ว พูดถึงเรื่องฝ่ายธรรมะนะค่ะ เราต้องทำยังไง<o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    ทพ. : ต้องตัดตัณหาในชาตินี้ให้ได้ คนที่เป็นเกย์เนี่ยะ จะชอบผู้ชายด้วยกัน ความชอบเนี่ยะจะเหนี่ยวนำให้เค้าเกิดเป็นชายอีกครั้งนึง ทั้งที่จิตเค้าเป็นหญิง เพราะฉะนั้นเมื่อเสียชีวิตไปเนี่ยะ แม้สมองเราจะคิดว่าเราอยากเป็นผู้หญิงใช่มั้ย คือคนบางคนคิดว่า ถ้าฉันอยากเป็นผู้หญิงชาติหน้าฉันจะเกิดไปเป็นผู้หญิง แต่จริงๆตอนที่จะตายเนี่ยะ สมองมันจะตายก่อนเพื่อนเลยนะ พอสมองตายความรู้สึกหายหมดเลยครับ ความรู้สึกที่เราอยากจะเกิดเป็นผู้หญิงนั้นไม่ได้ จิตใต้สำนึกมันจะขึ้นมาแทนที่ พระพุทธศาสนาจะบอกไว้ว่า ภวังค์จิต มันจะบันทึกเฉพาะความรู้สึกไว้ เพราะฉะนั้นความรู้สึกว่าเราชอบเพศชาย นั่นแหละครับ มันวูบไปเกิดในร่างของชายเลย คือจิตใต้สำนึกมันทำงานคนละส่วน กับจิตสำนึก จิตสำนึกเราอยากเป็นผู้หญิง แต่จิตใต้สำนึกเราชอบเพศชาย เพราะฉะนั้นมันจะดึกดูดให้เราไปเกิดเป็นชายในร่างหญิง จิตหญิงในร่างชายอีก <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    สุริวิภา : คือจิตสำนึกเนี่ยะมันไปพร้อมสมองแล้ว จิตใต้สำนึกมันยังอยู่ <o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    ทพ. : มันเป็นภวังค์จิต<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    สุริวิภา : ความรู้สึกชอบชาย เพราะฉะนั้นเค้าต้องตัด <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ทพ. : ก็คือชาตินี้ไม่ต้องผูกพันกับผู้ชาย คือถึงไม่ชอบผู้หญิงก็คือไม่ต้องผูกพันกับผู้ชายด้วยกัน <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    สุริวิภา : ยากใช้มั้ยค่ะ<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ทพ. : ยากครับ ก็คือมันเป็นเวทนาที่มันเหนี่ยวนำเราไง คือถ้าเราตัดไม่ได้ มันก็ตกในตามเกมส์ของกรรม เพราะว่าที่เป็นอย่างนี้ก็กรรมเก่าส่วนนึง แล้วก็หลังจากนี้เรายังตัดตัณหาไม่ได้อีก มันจะมีความผูกพันใหม่เข้ามา <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    สุริวิภา : มันเป็นกรรมที่เราผูกพัน ทำให้มันขึ้นมาใหม่<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ทพ. : แล้วเราไปชอบผู้ชายเนี่ยะ จิตใต้สำนึกมันจะบันทึกไว้ว่า ชอบผู้ชาย <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    สุริวิภา : ถ้าอย่างนั้นในปัจจุบันนี้มีเยอะเหลือเกิน ที่พ่อแม่เองหวาดระแวงกลัว ว่าลูกเนี่ยะจะเป็นเพศที่สาม เพราะฉะนั้นต้องทำยังไง<o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    ทพ. : คือในทางการแพทย์เนี่ยะ เค้าบอกว่า มันมียีนส์ตัวนึงเรียก อินเน็ตทีเรเตอร์ยีนต์ คือยีนส์เริ่มต้น เพราะฉะนั้นแนวโน้มคนที่จะเป็นกระเทยหรือเป็นเกย์เนี่ยะ เค้าจะมียีนส์ตัวนี้อยู่ในตัว จริงมั้ย แต่พ่อแม่สามารถ ทำให้มันเป็นยีนส์ฝ่อได้ ก็คือ ลักโปรโมรเตอร์ไป สิ่งกระตุ้นทั้งหลาย สิ่งที่จะทำให้เค้ากระตุ้นยีนส์ตัวนี้ออกมา ก็ได้ครับ ก็คือว่า พยายามส่งเสริมให้เค้า สมมุติว่าถ้าเค้าเป็นผู้ชาย ก็ให้ไปเล่นกีฬา ก็คือให้สนใจในทางของเพศชาย ก็ได้ ส่วนใหญ่เนี่ยะ กระเทยเนี่ยะ จะถาวรกว่าทอมครับ คือถ้าเลี้ยงลูกผู้หญิงแล้วกลัวเป็นทอมเนี่ยะ ไม่ต้องกลัว เท่าไหร่ ทอมหายได้นะ เท่าที่สังเกตุในทางจิตวิทยา ทอมหายได้<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    สุริวิภา : คือการเป็นทอมอาจจะง่ายต่อการที่จะไม่เป็น<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ทพ. : คือเค้าวิเคราะห์ว่า คือทอมมันอาจจะเกิดจากการเก็บกดในวัยเด็ก หรืออะไรซักอย่างนึง อาจจเห็นว่าแม่โดนรังแกมาก จนรู้สึกว่าเพศหญิงนี่อ่อนแอมาก เราไม่เป็นดีกว่า อะไรอย่างนี้นะครับ หรือว่าเคยถูกหักอก แล้วก็เข็ดละกับผู้ชาย มาชอบผู้หญิงด้วยกันดีกว่า คือเรื่องของทอมส่วนมากจะเป็นเรื่องของทางจิตวิทยา แต่เกย์เนี่ยะเป็นเรื่องของยีนส์เลยครับ เพราะฉะนั้นถ้าเลี้ยงลูกเป็นเกย์เนี่ยะ ลูกชายต้องกลัวมากกว่าเลี้ยงลูกสาวเป็นทอม แล้วเกย์เป็นกันเยอะครับ เอ่อ..ในการทางแพทย์กำหนดตัวเลขมาที่ประมาณ 6% คือผู้ชาย 100 คน จะเป็นเกย์ 6 คน โดยมาตรฐานสากลเลย <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    สุริวิภา : ก็เยอะนะ<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ทพ. : มากกว่าถูกรางวัลเลขท้าย 2 ตัว 6 เท่า เพราะฉะนั้นเลือกคู่ดูดีๆ ว่าเป็นเกย์หรือเปล่า จริงๆครับ เยอะครับเยอะ แล้วก็เกย์เนี่ยะมันสามารถเหนี่ยวนำกันได้ด้วย ซึ่งแปลกมาก เค้าบอกว่าผู้ชายเนี่ยะมีความชื่นชอบผู้ชายด้วยกันอยู่ในตัวทุกคนนะ <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    สุริวิภา : หมายถึงคุณหมอกำลังจะพูดถึง ประจุคั่วบวกประจุคั่วลบ ระหว่างเพศชายกับเพศชาย <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ทพ. : มีครับ<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    สุริวิภา : ถ้าเมื่อไหร่ที่ได้มีโอกาศลอง <o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    ทพ. : มีสิทธิที่จะชอบ<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    สุริวิภา : มีสิทธิติดยาว<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ทพ. : มีสิทธิครับมีสิทธ เค้าบอกว่า ในสมัยสงครามโลกครั้งที่สองเนี่ยะ กองทัพของฮีทเลอร์เนี่ยะ เป็นเกย์ประมาณสามแสนคนครับ เยอะมาก เพราะช่วงนั้นรบระหว่างสงครามไม่มีทางออก ก็เห็นเพื่อน เอ้ย...ก็ดีเหมือนกันนะ ไปๆมาๆเป็นเกย์กันครึ่งกองทัพ คือฮีทเลอร์จะมีกองทัพของตัวเองด้วย นั่นแหละ ครึ่งนึงของสามแสนก็เยอะ ต้องระวังครับ ถ้าลูกเราไปอยู่ในสังคมของคนที่เป็นเกย์ มีแนวโน้มที่จะเป็น <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    สุริวิภา : เพราะฉะนั้น ถ้าสมมุติว่า ในเรื่องของยีนส์เราหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็ต้องทำใจเหมือนอย่างเช่นคุณหมอแนะนำ <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ทพ. : คือถ้าเราพยายามอย่างที่สุดแล้วใช่มั้ยครับ จนมีความรู้สึกว่า เนี่ยะ...เราได้แค่นี้แล้วเค้ายังเป็นอยู่เนี่ยะ ก็ต้องยอมรับ <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    สุริวิภา : มองทุกอย่างให้เป็นความจริง<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ทพ. : คือส่วนนึงเนี่ยะ ที่พ่อแม่กลัวลูกจะเป็นเกย์ ก็เพราะกลัวว่าจะล้มเหลวในชีวิต แต่เท่าที่ผมสังเกตุส่วนใหญ่จะประสบความสำเร็จ ในชีวิตซะด้วย <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    สุริวิภา : มีหลายคนที่สามารถเป็นบทพิสูจน์ ให้เราได้เห็นแล้วว่าเค้าสามารถมีความสุข ในสังคมนี้ได้ ทัดเทียมกับทั้งชายจริงหญิงแท้ ช่วงหน้าคุณผู้ชมค่ะ เป็นสิ่งที่เรา ไม่คุยไม่ได้ ไม่พูดไม่ได้คือ เทคนิคทำอย่างไรให้เรามีความสุขแบบ ยืนยาวเลยนะค่ะ ช่วงหน้าติดตามค่ะ <o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
     

แชร์หน้านี้

Loading...