"รักไร้พ่าย" เปิดใจฟ้า

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย รักไร้พ่าย, 30 พฤษภาคม 2008.

  1. รักไร้พ่าย

    รักไร้พ่าย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    886
    ค่าพลัง:
    +2,861
    ชีวิตคนมีหลากหลายเป็นภาพสะท้อนของสิ่งที่เราเคยตัดสินใจ
    และเพราะการดำเนินชีวิตของผู้คนที่ยังไม่เข้าใจอะไรหลายๆ
    อย่างเกี่ยวกับตนเอง จึงทำให้คนเรานั้นไม่อาจสมหวังในสิ่งที่ปารถนา
    ไม่ใช่เพราะเราผิด แต่เพราะเรายังไม่รู้ในสิ่งที่ควรรู้

    หากเราได้รู้และเข้าใจ "ความลับ" ต่างๆของอีกด้านหนึ่งชองชีวิต
    ที่ถูกปกปิดไว้ เราก็สามารถเดินไปสุ่ทางแห่งชีวิตที่ถูกต้องและ
    มีความสุขได้กับสิ่งที่เราปารถนา

    ผมอยากจะมานำเสนอเรื่องราวต่างๆ และประสบการณ์ของผม
    ที่ได้เจอผุ้คนที่หลากหลาย ผู้คนที่ผมได้เจอจากชีวิตจริงและ
    จากการได้อ่านหนังสือเกี่ยวกับประวัติของผู้คน ที่มีวิถีชีวิต
    ที่ต่างกันไป ทั้งประสบความสำเร็จและล้มเหลว
    และรู้ว่าสาเหตุเหล่านั้นเกิดจากอะไร

    และจากการที่ผมได้อ่านหนังสือเกี่ยวกับจิตวิญญาณ ความสำเร็จ
    จิตใต้สำนึกมามาก จึงอยากจะมาแชร์ความรู้ ความคิดเห็นต่างๆ
    ให้ทุกท่านได้อ่านกัน และเบื้องหลังของการมาแชร์ความรู้นี้
    ที่จริงแล้วก็เพื่อตัวผมเเอง เพราะหากผมจะให้ความรู้
    ผมเพิ่มพูนได้

    วิธีที่ดีที่สุดคือการแบ่งปันความรู้ให้ผุ้อื่นนั่นเอง
    เหมือนไฟจากเทียนจุดไปยังเทียนต่อไป

    ผมเชื่อว่าความรู้ต่างๆเหล่านี้ไม่ต่างกับหนังสือ แนว
    The Secret , The Key หรือ The Top Secret
    ใครชอบอ่านแนวนี้ผมว่าอยากให้มาอ่านในกระทู้นี้
    เพราะผมได้รวบรวม ความลับต่างๆมากมายที่คนไม่รู้มาเปิดเผยกัน

    ผมเชื่อว่า หนังสือแนว The Secret
    สามารถสร้างความสำเร็จให้กับชัวิตได้จริง

    [​IMG]

    และผมก็เชื่อว่า เกินกว่า 80 เปอร์เซนต์
    ของผู้ที่อ่านหนังสือนี้จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงตนเอง
    ไปสู่เป้าหมายความสำเร็จตามที่หนังสือเหล่านี้บรรยายได้

    ไม่ใช่เพราะหนังสือไม่ดี แต่เพราะเรายังขาดความเข้าใจ
    อะไรบางอย่างที่หนังสือไม่ได้บอกไว้
    และผมก็จะมาบอกความ
    ลับของความลับอีกทีหนึ่ง

    ผมยังรู้ด้วยว่าทำไม เจ เค โรลลิ่ง ผู้เขียน Harry Potter
    จึงประสบความสำเร็จมากมาย ทั้งๆที่เธอมีชีวิตที่ยากจน
    อย่าร้าง แต่กลับกลายเป็นผุ้ที่ร่ำรวยติดอันดับโลก

    [​IMG]

    เพราะว่าเธอ เชื่อในบางสิ่ง และสิ่งนั้นผมก็เชื่อเช่นกัน
    จนทำให้ผมและเธอมาอยู่ในเส้นทางที่ถูกต้องเหมือนกัน
    เพราะผมก็เคยมีช่วงที่ตกต่ำ และไต่เต้าตนเองมาถึงจุดที่คนอื่นก็อยาก
    เป็นเหมือนผม ไม่ใช่เพราะผมเก่ง แต่ผมรู้ และเชื่อในความลับนี้
    และเชื่อหรือไม่ว่าคุณก็ทำได้

    ผมชอบศึกษาในสิ่งที่คนอื่นอาจไม่ศึกษา
    และมองลึกในสิ่งที่คนอื่นมองเพียงผิวเผิน

    เช่น ชื่อของคน คนทั่วไปอาจมองเป็นเพียงความหมาย
    หรือความไพเราะ แต่คุณรู้หรือไม่ครับว่าชื่อเหล่านี้ล้วนแฝงด้วย
    ความเป็นไปของชีวิตของเจ้าชื่อนั้น

    ลองเอาชื่อที่คนมักใช้กันบ่อยๆ เช่น

    คนชื่อ สมชาย คนที่ใช้ชื่อนี้ทุกคนมักจะเป็นคนเจ้าชู้ มีเสน่ห์
    และมักพัวพัน กับเรื่องรักใคร่ๆ จนต้องเสียหน้า
    ที่การงาน และทำอะไรต้องเหน็ดเหนื่อยกว่าจะสำเร็จ

    คนชื่อ สมหวัง คนทั่วไปอาจมองความหมายของชื่อคือ
    ความสมหวังในสิ่งที่ปารถนา
    หรือความไพเราะ ว่าชื่อนี้เชยๆ
    แต่ความจริง คนชื่อสมหวัง ต้องผิดหวังทั้งชีวิต
    ทั้งหน้าที่การงานจะต้องถูกแย่งไป อมทุกข์
    และผิดหวังในความรัก และผู้หญิงนำทุกข์มาให้

    คนชื่อ วีระชัย จะเป็นคนที่มีความคิดเฉียบขาด
    ใจเด็ดเดี่ยว ผู้ใหญ่ช่วยเหลือ
    แต่ต้องถูกเอาเปรียบ ถูกหลอกเพราะเชื่อคนง่าย
    ถูกใส่ร้ายนินทา มีทั้งพุทธิจริตและโมหะจริต

    หรือทำไม คนที่เกิดวันที่ 29 ทุกคนจึงต้องขัดแย้งในตนเอง
    นำมาซึ่งความทุกข์ใจ และผิดหวังกับชีวิตมากมาย

    ทำไมคนเกิดวันที่ 18 จึงเป็นผู้ที่ขอเวรขอกรรมมาเกิดเพื่อสร้างบารมี
    จึงได้เจออุปสรรคมากมาย และห่างไกลจากความรัก

    ทำไมผู้ชายเกิดวันที่ 8 ต้องมักมัวเมากับอบายมุข การพนัน
    แหล่งมั่วสุม

    ทำไมคนเกิดวันที่ 24 จึงเป็นคนที่มีความสุข มากมายกับชีวิต

    แต่ทำไมคนเกิดวันที่ 17 ต้องมาแก้ปัญหาชีวิตจากคนรอบข้าง
    เพราะเจ้ากรรมนายเวรมากเกิดเป็นคนใกล้ชิด

    ทำไมคนเกิดวันที่ 4 จึงต้องมาสัมพันธ์กับคนที่เกิดวันที่ 8 ,17, 26, 22
    ผมมีคำตอบครับ
    [​IMG]

    สิ่งเหล่านี้เราอาจเรียกว่าโหราศาตร์ มันก็เป็นศาสตร์หนึ่งในการ
    เข้าใจชีวิต แม้จะยังไม่ใช่ทั้งหมดของการรู้จักชีวิต แต่ก็จำเป็นสำหรับ
    ผุ้ที่จิตใจยังอ่อนแอ และต้องการเข้าใจชีวิตที่เหนือขึ้นไปของระดับ
    การรู้จักชีวิตของคนนั้น
    แต่หมอดูยังไม่เข้าใจในความลับนี้ เขาเพียงแค่รู้ความเป็นไปของชีวิตบางส่วน
    และวิเคระห์ไปตามทฤษฏี

    การจะเข้าใจชีวิตได้ ต้องมองมันแบบ
    Integrate คือการมองแบบบูรณการ ไม่ใช่มองแบบแยกส่วน
    และเราต้องอาศัยหลายศาสตร์มาประยุกต์รวมกัน
    จึงจะเข้าใจชีวิตที่แท้จริงและเข้าถึงศาสตร์สากลของจักรวาล

    เพราะด้วนศวสตร์นี้
    เราจึงเข้าใจทุกอย่างได้และนำมาซึ่งความสุขและความสำเร็จ
    แต่เพราะการละเลยในการรับรู้ เราจึงรู้เพียงครึ่งๆกลาวๆ
    จึงทำให้มันเป็นเหมือน ความลับ

    คนที่มีทุกข์ ผิดหวังกับชีวิต ผมพูดได้เลยว่าเขาไม่รู้จักตนเอง
    ที่แท้จริง เขาจึงมีชีวิตเช่นนั้น

    แม้แต่ผู้ที่รู้ธรรม สอนธรรมได้กระจ่าง แต่เมื่อมีอะไรมากระทบใจ
    เขาจึงไม่อาจเอาธรรมมาสอนใจตนเองได้ ปล่อยให้อารมณ์กระจิดกระเจิงไป


    หรือผู้ที่เคยไปปฏิบัติธรรมอย่างจริงจัง เมื่อกาลเวลาผ่านไป
    เขาจึงกลับมาใช้ชีวิตแบบปรกติ และมีความรู้สึกอารมณ์ที่เหมือนเดิม
    ก่อนไปปฏิบัติธรรม

    ผมอยากให้พวกเราเปลี่ยนวิถีชีวิตเพื่อเดินเข้าสุ่ทางแห่งความสุข
    ความสำเร็จ ตามวิถีทางที่มันควรเป็น โดยอาศัยศาสตร์หลายๆแขนง ทั้ง
    โหราศาตร์ ธรรม พลังจิตใต้สำนึก มาช่วยเปิดความลับของฟ้า

    และผมจะพยายามมาบอกเคล็ดลับ ทฤษฏีต่างๆ จากหนังสือระดับ
    Best Seller ระดับโลก หลายๆเล่มและจากธรรมต่างๆ วาทะเด็ดของบุคคลสำคัญ
    เพื่อให้เราได้มีความสุขและสมหวังกับชีวิต

    [​IMG]

    ความรู้ที่วิเศษแค่ไหน หากมันไม่สามารถยกระดับจิตสำนึก
    หรือเปลี่ยนวิถีชีวิตของเราได้
    นั่นก็เหมือนจิ้งจอกที่เฝ้ามองผลองุ่น

    มีความรู้ลึกซึ้งแต่มีชีวิตที่ย่ำแย่ ไม่มีความสุขก็เหมือนความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด

    ผมจึงไม่อยากให้ผมหรือใครต้องมีความรู้ล้นหัวแล้วยังต้องมาทุกข์ใจกับชีวิต
    ผมก็มั่นใจว่าหากคุณได้ตามอ่านกระทู้นี้ไปเรื่อยๆ 80
    เปอร์เซนต์ของคนที่อ่านจะค้นพบตัวเองครั้งใหญ่ เหมือนที่ผมได้พบแล้ว

    ผมจึงมาเปิดใจฟ้า !!
    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 มิถุนายน 2008
  2. tenis

    tenis เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    343
    ค่าพลัง:
    +1,228
    ชอบ ชอบ หนุก ๆ
    เขียนต่อ ๆ คะ
     
  3. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    หุหุ
     
  4. malee123

    malee123 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2008
    โพสต์:
    484
    ค่าพลัง:
    +2,843
    แล้วไม่เห็นบอกเลยว่า คนที่เกิดวันที่ 13 unlucky number ที่ฝรั่งว่าไว้น่ะ จะเป็นอย่างไร ????
     
  5. นายพิสิฐวงศ์

    นายพิสิฐวงศ์ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +11
    มีสาระจริงๆ ผมเกิดวันที่ 17 ครับ มีแต่เจ้ากรรมนายเวรเป็นคนใกล้ชิดทั้งนั้น เอาปัญหามาให้ เอาความทุกข์มาให้ไม่ได้เว้นวันเลยครับ ทั้งที่เราไม่เคยสร้างปัญหาเลย อยากจะรู้เหมือนกันครับ ว่าพอจะมีทางแก้ไขมั้ยครับ กำลังตั้งใจตามอ่านอยู่นะครับ
     
  6. เกสรช์

    เกสรช์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    827
    ค่าพลัง:
    +1,401
    ขออนุโมทนา สาธุคะ

    คุณรักไร้พ่ายเขียนได้ดีนะคะ น่าค้นหาและติดตามรอตอนต่อไปอยู่นะคะ

    โชคดีคะ:cool:
     
  7. Nu_Bombam

    Nu_Bombam เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    1,030
    ค่าพลัง:
    +4,914
    ขอติดตามด้วยคนครับ
     
  8. nu778i

    nu778i สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2008
    โพสต์:
    44
    ค่าพลัง:
    +16
    เกิดวันที่ 17 ค่ะและก็เป็นอย่างที่ว่าไว้จริงค่ะ แล้วทำไมคนเกิดวันที่ 4 จึงต้องมาสัมพันธ์กับคนที่เกิดวันที่ 8 ,17, 26, 22 ด้วยล่ะค่ะ แล้วสัมพันธ์กันอย่างไรคะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 พฤษภาคม 2008
  9. รักไร้พ่าย

    รักไร้พ่าย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    886
    ค่าพลัง:
    +2,861
    ผมขอเริ่มต้นด้วยการเล่าประสบกาณณ์ชีวิตของผมช่วงเวลาหนึ่ง
    ที่ได้สร้างสิ่งที่หลายๆคนต่างก็อึ้ง หรือเรียกว่าปาฏิหารย์
    แต่เป็นปาฏิหารย์ที่ไม่ได้อาศัยอิทธิฤทธิ์วิเศษอะไร

    แต่เป็นสิ่งที่คนที่ได้มารุ้จักผมได้เปลี่ยนวิถีชีวิต
    ตนเองแบบหน้ามือเป็นหลังมือมาแล้วทั้งสิ้น

    เพื่อนที่ทำงานผมคนหนึ่ง เธอทำงานที่นี่มา 6 ปี เงินเดือน
    หมื่นสอง เธอมักเป็นโรคไมเกรน คือปวดหัวเพราะเครียดในเรื่องงาน
    ถ้างานไม่เสร็จ เธอจะรุ้สึกกดดัน แต่เธอก็มีความฝันอยากจะ
    ทำงานที่เธอรัก เป็นธุรกิของตัวเอง เพียงแต่เธอไม่กล้าเพราะ
    กลัวล้มเหลว
    เมื่อผมได้คุยกับเธอ นิสัยผมจะคุยอะไรที่ค่อนข้างลึกไปถึงความ
    รู้สึกภายใน
    หลังจากนั้นเธอได้ตัดสินใตลาออกจากงานและได้ไปทำสิ่งที่เธอรัก
    ได้วิ่งไปตามความฝันของเธอ ทั้งๆทีก่อนหน้านี้
    เธอไม่กล้าแม้แต่จะพูดความฝันให้ใครฟัง เพราะไม่เชื่อว่าจะทำได้

    เพียงไม่นานเธอกลับมาบอกผมว่า เธอได้ทำฝันของ
    เธอเป็นจริง เธอเปิดโรงเรียนสอนคอมพิวเตอร์ มีลูกค้าเต็มตลอด
    แถมงานยังล้นมือและได้ขยายกิจการไปทำทำธุรกิจถ่ายหนังด้วย
    ทุกวันนี้เธอยุ่งกับงานมาก และสนุกกับความฝันของตัวเอง

    ครั้งหนึ่งผมรู้จักกับอาซิ้มแก่ๆ คนหนึ่งที่ขายของอยู่ที่ห้าง
    เซนทรัลพระราม3 เป็นห้องเช่าเล็กๆอยู่ชั้น 6 ลาน XY Arena
    ตอนนั้นห้างนี้เงียบยังกะป่าช้า คนไม่ค่อยมาเดินเลย
    อาซิ้มแกขายของกำไรต่อชิ้น 5 บาท มั่ง 10 บาท มั่ง
    วันๆขายได้ไม่กี่ชิ้น

    ลูกค้าแทบไม่มีเลย หลังจากที่ผมรู้จักกับอาซิ้มไม่นาน
    แกมีลูกค้าเข้าร้านตลอด และบางวันคนเข้ามาซื้อของร้าน
    แกพร้อมกัน
    50 กว่าคน แกไม่ได้ขายวันละเป็นชิ้นๆอีก แต่ขายวันละเป็นโหลๆ
    แถมยังขายส่งอีก วันละหลายแสน

    [​IMG]

    ผมรู้จักพี่คนหนึ่งขายของอยู่มาบุญครอง
    ก่อนหน้านั้นเขาเจ๊งหุ้นมาเพราะเศรษฐกิจฟองสบู่
    เขาขายไปวันๆ ไม่รู้เรื่องสินค้าเลย ถูกลูกค้าโกง
    บางวันขายไม่ได้สักชิ้น เพราะขายไม่เป็น เพราะไม่รู้จักสินค้า
    เมื่อเขามารู้จักผม ร้านของเขาเป็นร้านที่คนมาซื้อมากที่สุด
    มีชื่อเสียงที่สุดในมาบุญครองในบรรดาร้านที่ขายของประเภทเดียวกัน

    ทุกเสาร์ อาทิตย์ลูกต้าแน่น ขนาดต้องมานั่งออกันตรง
    ลานทางเดินโรงหนัง SF Cinema ชั้น 7
    จนคนแทบเดินไม่ได้เลยเขาบอกผมว่าไม่ว่าผมจะทำอะไร
    เขาขอช่วยผมเต็มที่ เป็นแบบนี้มาหลายปี แม้แต่ยามยังอึ้งเลย

    [​IMG]

    ผมมีเพื่อนคนหนึ่งเรียนจบเอแบคที่เดียวกับผม
    เขาเคยทำงานประจำเป็นกราฟิกดีไซน์
    ให้กับบริษัทแห่งหนึ่ง
    และมีความฝันอยากทำสิ่งที่เขาปารถนา แต่ทุนเขาไม่มี
    ไม่รู้เรื่องการตลาด
    ไม่รู้จักผู้คนในวงการ แต่เขารู้จักผมซึ่งพอจะรู้จักตลาด
    นิดหน่อยตอนแรกเขาและผมช่วยกันไปโปรโมทสินค้าเพื่อ
    หาทุนแต่โดนปฏิเสธจากนายทุนทั้งหลาย

    แต่ให้หลังจากนั่นเพียงไม่ถึง 2 ปี จากคนที่มีเพียงความฝัน
    เขากลายเป็นเศรษฐีร่ำรวย เขาซื้อบ้านใหม่ เปิดบริษัทเป็นของตัวเอง
    มีรถ 4 คัน และยี่ห้อเบนซ์ด้วย

    สินค้าของเขากลายเป็นแบรนเนมอันดับหนึ่งของเมืองไทย
    สามารถชนะสินค้าคู๋แข่งที่ผลิตจากเมืองนอกที่เป็นเจ้าตลาดอยู่
    และนำเข้าจากบริษัทที่มีชื่อเสียงมากที่มีสินค้าวางขายตาม 7 11
    และห้างชั้นนำ สินค้าทุกชิ้นของบริษัทนี้ประสบความสำเร็จ
    เพราะนำเข้าแต่ของแบรนเนม ยกเว้น
    สินค้าที่ชนิดเดียวกับเพื่อนผม ต้องเจ๊งไปเพราะถูกสินค้าเพื่อน
    แย่งตลาดไปหมด และยี่ห้อที่ผลิตออกมาทีหลังเจ๊งไปหมด
    เหมือนโดนคำสาปเลย
    เพื่อนผมเขาพิมพ์ชื่อผมลงไปในกล่องสินค้า
    ทุกชิ้นเพื่อขอบคุณผม

    ผมรุ้จักพี่คนหนึ่งเป็นคนดีมาก ผมบอกให้พี่เขาทำนิตยสาร
    แต่เขาและผมไม่มีความรู้เรื่องสิ่งพิมพ์มาก่อน
    ตอนออกมาเล่มแรก ภาพเบลอทั้งเล่ม
    ถูกสปอนเเซอร์ด่าเละเลย คนอื่นบ่นอีก

    แต่หลังจากนั้นอีกไม่ถึง 2 ปี เขาเปิดสำนักพิมพ์ออกหนังสือ
    หลายยี่ห้อ สปอนเซอร์ต้องแย่งกันเพื่อขอซื้อ Ad
    เขาซื้อรถเชพโรเรทป้ายแดง ซื้อบ้านหลังใหม่

    [​IMG]

    นี่เป็นตัวอย่างคร่าวๆ เกี่ยวกับผู้คนที่ได้มารู้จักผม
    ผมมีอะไรดี ผมมีอะไรวิเศษ ขนาดนั้นหรือ
    ผมไม่มีอิทธิฤทธิ์อะไร ไมมีของขลัง

    เพียงแต่พวกเขาทั้งหมด เชื่อผม เท่านั้นเอง

    และเมื่อถึงคราวที่ผมอยากทำความฝันของตัวเอง
    คือการทำธุรกิจของตนเอง
    เชื่อไหมครับว่า คนในวงการธุรกิจนั้นรู้จักผมหมด
    ตั้งแต่ เอเย่นใหญ่ ,Distributor , retailor เจ้าของบริษัท
    เจ้าของร้าน ผมแค่ตัวคนเดียวไม่มีทุน ไม่มีแม้แต่ร้าน

    แต่สามารถมีอำนาจต่อรองกับพวกเหล่านี้ได้
    ผมได้เสนอโปรเจคใหญ่โดยผมเป็น
    เจ้าของโครงการ เมื่อผมไปเสนอโครงการนี้เพียงแค่
    พูดปากเปล่า
    พวกเขาตกลงจะร่วมมือกับผม เพราะเขาเชื่อใน
    ศักยภาพของผม
    ที่ผมเคยช่วยคนอื่นให้สำเร็จมาแล้ว

    และพวกเขามีทางเลือกแค่ 2 ทาง คือ
    เป็นคู่แข่งการค้ากับผม และ
    มาร่วมหุ้นกับผม พวกเขาเลือกวิธีที่ 2
    ทำให้ผมได้ทำโปรเจคนั้นด้วย
    ทุนที่ผมไม่ได้ลงเงินเลย เรียกว่าจับเสือมือเปล่า

    และตอนนั้นผมเพิ่งจบเอแบคมาหมาดๆ และไม่มีความ
    รุ้ด้านค้าขายเลย

    สิ่งที่พวกเขากลัวผม ไม่ใช่เพราะความรู้ความสามารถของผม
    แต่ใจเขาที่กลัวใจผม เพราะใจเขาอ่อนแอ
    และชุ่มไปด้วยความโลภที่กำลังแปรสภาพเป็นความกังวล

    แต่ใจผมตอนนั้น เปี่ยมไปด้วยพลังแห่งจิตวิญญาณ
    และผมเพียงแค่เดินตามความรุ้สึกภายในเท่านั้น

    ที่พูดมาบางคนอาจจะว่าเวอร์ ไม่เป็นไรครับ
    นี่แค่มาเกริ่นๆ เรียกน้ำย่อยเท่านั้น

    ขอให้จำคำพระพุทธพจน์นี้ไว้

    "สรรพสิ่งทั้งหลายมีใจเป็นใหญ่
    มีใจเป็นหัวหน้า ทุกสิ่งสำเร็จได้ด้วยใจ"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 มิถุนายน 2008
  10. paibula

    paibula เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    110
    ค่าพลัง:
    +1,270
    มาติดตามด้วยครับ สนใจ
     
  11. รักไร้พ่าย

    รักไร้พ่าย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    886
    ค่าพลัง:
    +2,861
    ที่เกริ่นมานี้ ไม่ได้ชี้ให้คุณเห็นว่าผมเป็นอะไรหรือทำอะไร
    แต่แค่เพียงอยากชี้ให้เห็นถึงสิ่งที่ผม เชื่อในอะไร

    หากคุณไม่รู้จักชีวิตที่แท้จริง คุณก็ไม่อาจค้นพบคำตอบ
    ของชีวิตได้เลย

    คุณอาจค้นพบแต่ในหนังสือสัจธรรม ธรรม
    หรือหลักแห่งจิตวิญญาณ ตำรา คำบอกเล่า
    ประสบการณ์ต่างๆ เกี่ยวกับคนอื่น

    ในขณะที่คุณกำลังวิ่งวนเพื่อหาสิ่งต่างๆจากโลกภายนอก
    มาเติมชีวิต ที่คุณคิดไปเองว่าสิ่งนั้นจะสามารถทำให้ชีวิตสมบูรณ์ได้

    เช่น ตอนเป็นเด็กประถม หรือมัธยมคุณคิดว่า
    อยากเรียนให้จบเร็วๆจะได้เรียนต่อมหาลัย
    เพื่อจะได้มีชีวิตที่ดีขึ้น
    พอได้เรียนมหาลัย

    คุณก็ยังไม่พบชีวิตที่ดีขึ้น ก็อยากให้จบเร็วๆ จะได้ทำงาน
    และมีชีวิตที่ดีขึ้น แต่พอเรียนจบได้ทำงาน คุณก็ยังไม่พบ
    และคิดว่าอยากก้าวหน้าในหน้าที่การงาน
    เพื่อจะได้มีความสุขในชีวิตเสียที

    แล้วคุณก็คิดว่าหากมีครอบครัว ชีวิตจะดีขึ้นกว่านี้

    แล้วตอนนี้คุณเจอสิ่งที่คูณต้องการแล้วหรือยัง

    ต่อให้คุณหาไปทั้งชีวิต คุณก็ไม่เจอมัน
    ถ้าคุณยังเข้าใจชีวิตแบบเดิมๆ

    แต่แท้ที่จริงแล้วตัวตนเดิมแท้ของคุณคอยกระซิบ
    คุณอยู่ทุกขณะเวลา
    แต่คุณไม่ได้เฉลียวใจฟัง

    คุณที่แท้จริงคือความสมบูรณ์ในตัวเองอยู่แล้ว
    เป็นจิตวิญญาณที่มีพลังอยู่เต้มเปี่ยม
    และมีศักยภาพมากมายเหนือขีดจำกัดใดๆ
    เพียงแต่รอคุณซึ่งเป็นตัวตนที่หลงทาง
    เพราะมัวแต่ไปจดจ่ออยู่กับโลกภายนอก
    และมัวแต่ค้นหาตัวเองจากภาพมายาที่คิดว่าเป็นจริง

    เปรียบเหมือนคุณคือนกอืนทรีย์ที่ไม่รู้จักตัวเอง แต่ไปเห็นไก่
    ก็คิดว่าตัวเองเป็นไก่ และเลียนแบบพฤติกรรมแบบไก่
    คือไปตามจิกกินข้าวเปลือก หรือตัวหลอน
    ตามพื้นดิน เห็นแล้วช่างเป็นภาพที่น่ารัก
    ไร้เดียงสาอะไรเช่นนี้

    หากเมื่อใดที่คุณค้นพบตัวเองว่าคุณเป็นนกอินทรีย์จ้าวเวหา
    คุณจะกลับไปเป็นไก่น้อยอีกหรือไม่

    เชื่อว่าคุณจะไม่บินต่ำเหมือนไก่ แต่คุณจะเหินทะยานให้สูงเสียดฟ้า
    และมีสายตาอันเฉียบคมมองเหยื่อได้จากที่สูง
    และมีกรงเล็บอันแหลมคม
    นั่นคือ คุณได้เข้าสู่เส้นทางแห่งจิตวิญญาณแล้ว

    เราทุกคนสามารถเลือกทางเดินขีวิตได้เอง
    จะเลือกจะเต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก ความสุข
    หรือความหวาดกลัว ระแวง

    ดังคำกล่าวที่ว่า

    "ชีวิตคนเหมือนโต๊ะที่เต็มไปด้วยอาหารเลิศรส
    วางอยู่ตรงหน้า แต่มีคนหน้าโง่บางคนทำให้ตัวเองต้องหิวจนตาย"

    [​IMG]


    ทุกวันนี้ คุณกำลังใช้ชีวิตเพื่อค้นหาตนเอง โดยผ่านประสบการณ์
    ที่ได้ติดต่อสัมพันธ์กับผู้อื่น ความเป็นไปต่างๆ ความรู้สึกที่ได้รับ
    ทั้งสุข ทุกข์จริงๆทีแล้วเป็นผลมาจากการ ความคิด ความเชื่อ
    และการตัดสินใจของคุณเองในอดีต โดยที่คุณจะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม
    แต่สิ่งทีเกิดขึ้นทั้งหมดเป็นเพียงภาพสะท้อนความเป็นคุณทั้งหมดเลย

    เมื่อถึงจุดหนึ่งคุณจะพบว่า สิ่งที่คุณค้นหาจากภายนอกไม่ได้ให้คุณค่า
    ที่แท้จริง ไม่ว่าจะเป็นการงานที่ทำอยู่ เงินทองที่ได้ ความรักที่มี
    เพราะคุณมีสิ่งเหล่านี้ แต่ต้องรับภาระมากมายที่เกิดขึ้นเป็น
    ปัญหาที่ทำให้ให้คุณตกอยุ่ในสภาพกดดัน วิตกกังวล เพราะลึกๆในใจแล้ว
    คุณกลัวสูญเสียมันไปในวันหนึ่ง

    วิธีที่คุณจะพิทักษ์สิ่งเหล่านี้เอาไว้ให้ได้
    คือคุณต้องครอบครองมันให้ได้ทุกวิถีทาง
    และพยายามขจัดบุคคล หรือเหตุการณ์
    ที่คิดว่าน่าจะมาคุกคามต่อสิ่งที่คุณครองครองนี้
    โดยวิธีการต่างๆนานา

    แม้ว่าจะต้องมีใครบางคนต้องสูญเสีย
    และผิดหวังจากการกระทำของคุณก็ตาม

    และนั่นเท่ากับว่าคุณได้เดินออกจากเส้นทางแห่งสัจธรรม
    ออกจากจิตวิญญาณอันศักดิ์สิทธิ์
    จากศักยภาพอันยิ่งใหญ่
    และความสุขแท้ที่เปี่ยมคุณค่า

    ถ้าเมื่อใดที่คุณอยากจะลองค้นหาตัวตนโดยวิถีทางจากภายใน
    วิธีที่เข้าถึงได้มีหลายทาง เช่น นั่งสมาธิ
    ทำพิธีกรรม หรือไปฝึกวิชาพิศดารต่างๆมากมาย
    วิธีที่กล่าวมานี้ แม้จะเป็นวิชาที่ดีเลิศปานใด
    แต่เมื่อคุณได้ฝึกไปสักระยะ คุณก็จะก้าวถอยอออกมา
    ด้วยเพราะความคิดว่ามันยากบ้าง ไม่คุ้นเคยบ้าง หรือรู้สึกเบื่อ
    คุณก็พยายามหาข้ออ้างให้กับตัวเอง

    แต่ความจริงที่คุณไม่ประสบความสำเร็จจากวิธีเหล่านี้
    เพราะคุณกำลังกระโดดข้ามขั้นตอน ขั้นตอนที่ข้ามไป
    คือความเข้าใจตนเอง

    หากคุณยังคุ้นเคยกับการใช้ชีวิตแบบอัตตาเป็นใหญ่
    มองโลกด้วยสายตาของกิเลส

    แล้วจู่ๆจะมาฝึกวิธีต่างๆเหล่านี้ ย่อมเป็นการฝืนตัวเอง
    เพราะคุณกำลังแยกชีวิตประจำวัน กับชีวิตการฝึกออกจากกัน
    เพราะคุณจะฝึกด้วยฝืนความคุ้นเคยของตัวเอง
    คุณจึงรู้สึกเหนื่อย และเลิกร้างไปในที่สุด

    ผมเคยบอกแล้วว่า ถ้าเรามองโลกแบบแยกส่วน เราจะสับสน
    และค้นพบตัวเอง ความสุข ไม่เจอสักที
    คุณต้องมองโลกแบบบูรณาการเท่านั่น

    และสาเหตุสำคัญที่สุด เพราะความอยาก ด้วยความโลภ
    เพราะนั่นไม่ใช่วิถีทางที่ถูกต้องของการค้นหาตัวตนที่แท้
    เพื่อเพิ่มคุณค่าให้กับตัวเอง

    แต่หากคุณได้ลองมาเดินตามวิธีทางของผม มันจะง่ายกว่ามาก
    และได้ผลที่ดีด้วย


    วิธีนี้คือ "การเข้าใจ" ไม่ต้องไปนั่งฝึก นั่งเพ่ง
    ไม่ต้องเอาพลังจักรวาลอะไรมาเปิดจักรในตัวเอง
    เมื่อคุณเข้าใจแล้ว
    คุณแทบไม่ต้องทำไรยุ่งยากอีก ง่ายกว่าปลอกกล้วยเสียอีก
    และสนุกกับมันด้วย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 มิถุนายน 2008
  12. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    ผมมีพระไตรปีฎกแล้วครับ
     
  13. nu778i

    nu778i สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2008
    โพสต์:
    44
    ค่าพลัง:
    +16
    สรุปพี่รักไร้พ่ายหมายถึง ให้เราชนะใจตัวเอง(คือรู้ถึงจิตใจตัวของเราเองก่อน) ถึงจะไปดูใจคนอื่น ชนะใจตนชนะใจคนทั้งโลกใช่ไหมคะ
     
  14. รักไร้พ่าย

    รักไร้พ่าย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    886
    ค่าพลัง:
    +2,861
    เรากำหนดชะตาชีวิตของ
    เราด้วยความเชื่อเราเอง:boo:

    ผมขอยกตัวอย่างของคนที่มีความเชื่อที่กำหนดชีวิตตัวเอง

    เมื่อไม่นานมานี้ ผมได้ไปนวดตัวเพื่อสุขภาพ
    ผมได้คุยกับหมอนวดผู้หญิที่มานวดให้ผม
    ผมได้พูดคุยกับเธอ เรื่องราวชีวิตความเป็นอยุ่:p
    [​IMG]
    เธอบอกว่าเธอเป็นคนต่างจังหวัด มาทำงานกรุงเทพ
    และรายได้จากการนวดแทบไม่พอใช้จ่าย
    เช่าห้องพักอยู่คนเดียว

    ผมมักชอบศึกษาความเป็นไปของขีวิตคน
    และพยายามรู้จักคนด้วยวิธีการต่างๆ เช่น พูดคุยซักถาม
    หรือใช้หลักโหราศาสตร์ เช่น การดูชื่อ และวันเกิด

    [​IMG]

    ผมได้ถามชื่อจริงเธอ เธอบอกว่า เธอชื่อ ปริญญา
    ผมก็แปลกใจชื่อนี้ เป็นชื่อผู้ชาย
    ผมวิเคราะห์ดูชื่อเพื่อจะได้รู้จักนิสัย ความเป็นไปของชีวิต
    ปรากฎว่าชื่อนี้ หากเป็นผู้ชาย จะประบความสำเร็จในชีวิต
    เป็นเจ้านายคน เป็นผู้นำ และมีเกียรติยศ ชื่อเสียง

    แต่ถ้าเป็นผู้หญิงจะต้องเป็นโสด
    ผมได้ถามอายุ เธอตอบว่า อายุ 34

    เธอเกิดปีเสือ และเธอบอกว่าเกิดตอนกลางคืน
    [​IMG]
    ปีเสือกลางคืนจะต้องเป็นคนหากินลำบาก อยู่อย่างแร้นแค้น
    และต้องหากินเพียงลำพัง

    ผมถามว่าเธอมีครอบครัวหรือยัง
    เธอบอกว่าเธอเป็นโสดยังไม่มีแฟน

    เธอบอกว่าอยากแต่งงาน มีครอบครัวที่ดี
    แต่ยังหาแฟนไม่ได้

    จริงๆแล้ว เธอก็เป็นคนหน้าตาใช้ได้ ผิวขาว หุ่นดี
    ผมดูแล้วว่า อายุเธอเข้ากลางคนแล้ว ยังไม่มีครอบครัว แถมยัง
    มีวิถีชีวิตที่ลำบากอีก หากเป็นอย่างนี้ต่อไปคงต้องเหนื่อยยากน่าดู

    ผมถามเธอว่ามีความฝันว่าอยากทำอะไร เธอบอกว่าเธออยาก
    เปิดร้านขายสมุนไพรเพื่อสุขภาพ

    เธอบอกว่ามันคงไม่เป็นความจริงไม่ได้หรอก
    เธอไม่มีทุน และเรียนจบเพียงแค่ ป 6
    จะเปิดร้านนั้นได้ยังไง

    เธอบอกว่าเธออยากตายไปให้พ้นๆในชาตินี้
    เธอเชื่อว่าเป็นเพราะเวรกรรมที่กำหนดให้เป็นแบบนี้
    (cry)
    ผมพยายามให้กำลังใจให้เธอมีความหวังในชีวิต
    แต่เธอไม่เชื่อท่าเดียว และจะเน้นย้ำกับตัวเองว่า
    เธอเปลี่ยนชีวิตไม่ได้

    นี่แหละครับวิถีชีวิตของคนที่ถูกกำหนดด้วยความ
    เชื่อของตัวเองให้เป็นไปดังที่ตนหวังไว้
    เธอเลือกวิถีชีวิตแบบนี้ ทั้งๆที่เธอไม่รู้ตัว
    เธอไม่รู้กระบวนการของจิตใจ และจิตวิญญาณ

    หลังจากนั้นผมก็มานวดบ่อยขึ้นและได้พบเธออีก
    ผมจะชวนเธอพูดถึงความฝันของเธอ
    และเธอก็เริ่มเล่าความปารถนาของเธอ
    และเธอมีความสุขกับภาพฝันที่เห็นได้เล่า ได้เห็น
    ตัวเองในอนาคต

    โดยผมก็พยายามตามเชียร์ และให้กำลังใจ
    ตลอดและเธอก็มีกำลังใจขึ้นกว่าเดิม
    [​IMG]
    เธอบอกว่าเธอโชคดีมากที่ได้มาเจอผม และผมเป็นเพียง
    คนดียวที่ทำให้เธอรู้สึกว่าชีวิตนี้มีความหวัง
    ไม่ได้อยู่แบบซังกะตายกับชีวิตในปัจจุบัน

    ทุกอย่างเปลี่ยนได้เสมอ เพราะทุกสิ่งในโลก
    ล้วนผันแปรไปตามความเชื่อของคน

    [​IMG]

    จากนั้นเธอได้ไปเรียนภาษาเพิ่ม ไปเรียนคอมพิวเตอร์
    ไปดูทำเลที่ร้าน และได้ตั้งเห็นภาพตัวเองกำลังขายของในร้าน
    แล้วเธอก็มาเล่าให้ผมฟัง
    ผมก็เชียร์เธอขึ้นไปอีก

    ผมเชื่อว่าในที่สุดเธอจะสมปารถนาแน่นอน
    เพราะเมื่อคนเรามีความเชื่อ มีจินตนาการ
    และความมุ่งมั่น และหล่อเลี้ยงหัวใจด้วย
    ศรัทธาอันยิ่งใหญ่ แล้วความสำเร็จจะหนีไปไหนเสีย
    เหมือนที่หลายๆคนที่เคยมองชีวิตแง่ลบแบบนี้
    เปลี่ยนชีวิตตนเองมานักต่อนักแล้ว

    ผมมั่นใจได้อย่างไร ว่าเธอจะไปถึงฝั่งฝัน
    ผมรู้จาก
    1 ประสบการณ์ของผมครับ เริ่มแรกคน
    ที่เคยมีมุมมองชีวิตที่คับแคบกับตนเอง ต่อเมื่อ
    เขาได้เจอสิ่งที่เป็นดั่งกระจกสะท้อนให้เขาเห็นถึง
    จิตวิญญาณภายใน เขาจะเปลี่ยนตนเองได้

    2 รู้จากชื่อ เพราะชื่อปริญญานี้ตกดาวแห่งความ
    สำเร็จในหน้าที่การงาน

    3 ความไม่เลิกล้มที่จะอยู่กับความฝันของตัวเอง

    ผมเจอคนแบบนี้มามากมาย ที่มีทัศนคติกับตัวเองเป็นแบบนี้
    เคยมองชีวิตในแง่ร้าย
    คนส่วนใหญ่ที่มีวิถีชีวิตที่ยากลำบาก
    เต็มไปด้วยความทุกข์เพราะเขาเอาความจริง
    ที่เป็นในชีวิตมาเป็นตัวกำหนดอนาคต และใส่ความ
    เชื่อเข้าไปนี่คือชีวิตที่เป็นไปตามความเชื่อของคน

    มีคนเดียวในโลกที่ไม่สามารถเปลี่ยนชีวิตตนเองในทางที่ดีได้
    คนนั้น คือคนที่ไม่มีความใฝ่ฝัน
    ความเชื่อนั้นเปลี่ยนได้ มุมมองชีวิตคนก็เปลี่ยนได้
    แต่หากไร้ความฝัน มีชีวิตอยู่ก็หมือนซากศพที่เดินได้
    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 มิถุนายน 2008
  15. nu778i

    nu778i สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2008
    โพสต์:
    44
    ค่าพลัง:
    +16
    แล้วเปิดใจฟ้านี่
    <!-- / message --><!-- edit note -->เหมือนกับพี่ซันไหมคะ แล้วทำไมคนเกิดวันที่ 4จึงต้องมาสัมพันธ์กับคนที่เกิดวันที่ 8 ,17, 26, 22 ด้วยล่ะค่ะ แล้วสัมพันธ์กันอย่างไรคะ
    <!-- / message --><!-- edit note -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 มิถุนายน 2008
  16. รักไร้พ่าย

    รักไร้พ่าย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    886
    ค่าพลัง:
    +2,861
    สิ่งที่สำคัญในชีวิตของคนเรา และมีอิทธิพลที่สุด
    สำหรับชีวิตและเป็นต้นเหตุแห่งการผลักดันตัวเองให้เดินไปตามนั้น

    สิ้งนั้นคือ ความรู้สึก

    เมื่อเรามีความรู้สึกแบบใด เรามักคล้อยตาม
    มัน และนำมันมาตีค่า และตัดสินพิพากษาด้วยการ
    ตรวจสอบกับความเชื่อที่เราได้ยึดเป็นสรณะ
    และขึ้นตอนสุดท้ายคือการแสดงออกผ่านช่องทางการพูด
    และการกระทำไปตามความเชื่อเรานั้น


    เมื่อเรารู้ต้นเหตุของการเคลื่อนไหวของชีวิต
    นั่นคือความรู้สึก ซึ่งมีมากมายหลายประการ
    แต่เมื่อสืบสาวให้ลึกลงไปจนถึงใต้ก้นบึ้งของความรู้สึกปรากฏว่า
    มีความรู้สึกอยู่เพียง 2 อย่างเท่านั้น

    คือ ความรัก และ ความกลัว

    [​IMG]
    ความรัก คือความเมตตา ความปารถนาดี ความเป็นหนึ่งหนึ่งเดียว การให้

    ความกลัวคือ การหดหู การปกปิด การไม่แน่ใจ ความไม่รู้

    [​IMG]

    หากชีวิตคนมีแต่ความรักเต็มเปี่ยมไปทุกห้วงห้วใจ โลกนี้
    และชีวิตคนคงไม่มีปัญหา ไม่มีทุกข์ และไม่มีการเบียดเบียน

    แต่ในความเป็นจริง เรารู้แก่ใจว่า ความทุกข์ของผู้คน
    เป็นภาพสะท้อนของ
    การกระทำที่มีต้นเหตุมาจากความกลัว

    มาทำความรู้จักกับความกลัวกันเถอะ
    แล้วมันจะไม่น่ากลัวอีกต่อไป เมื่อหมดความกลัวเมื่อไหร่
    ก็พูดได้ว่าสามารถยกกองทุกข์ออกจากใจไปถมทะเลได้เลย

    ความกลัวนี่แหละครับ ตัวดี เป็นตัวบงการความทุกข์
    มายัดเยียดใส่ชีวิตเรา
    มีใครอยากทุกข์บ้างครับ แล้วมีผู้ใดอยากกลัวบ้าง

    ไม่มีใช่ไหมครับ แล้วทำไมเราจึงทุกข์ แล้วจึงกลัวเล่า
    เพราะว่าเรา ไม่เข้าใจความกลัวเป็นอย่างนั่นเอง

    [​IMG]

    ความกลัวมันเกิดจากความไม่รู้ ไม่เข้าใจในสิ่งที่เรากลัว
    หากเพียงแค่เรารู้และเข้าใจ ไม่มีทางเลยที่ความกลัวจะอยู่ได้
    และเมื่อหมดกลัวในสิ่งใด ก็หมดทุกข์ในสิ่งนั้น

    ขอตัวอย่าง มีชายคนหนึ่งมาจากต่างจังหวัด
    เข้ามาหางานทำในกรุงเทพ
    เขาถือเป้ใส่เสื้อผ้า ข้างในมีเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัว
    ขณะที่เขากำลังยืนรอรถเมลล์อยู่ เขาได้เกิดท้องเสีย
    และได้วางเป้นั้นตรงป้านรถเมลล์ แล้วได้เข้าไปในห้าง
    ที่อยู่ใกล้ๆป้ายรถเมมล์

    ในช่วงนั้นมีข่าวเรื่องการลอบวางระเบิดในที่สาธารณะ
    เมื่อคนแถวป้ายรถเมล์สังเกตุเห็นเป้
    วางอยู่จึงสงสัยว่าเป้นั้นน่าจะมีระเบิดซ่อนอยู่ จึงได้โทรเรียกตำรวจ
    และตำรวจมาเห็นก็กันผู้คนให้ออกห่าง และเรียกหน่วยกู้ระเบิดมา
    จากนั้นนักข่าวได้มาทำข่าว มีผู้มาสังกตุการณ์มากมาย

    เมื่อชายเจ้าของเป้เดินออกมาจากห้างหลังเสร็จธุระส่วนตัว
    ได้เดินมายังเป้ของเขาและหยิบขึ้นสะพาย
    ทุกคนเห็นชายคนนั้นหยิบเป้
    ต่างตกกตะลึง และสังสัยว่าเหตุใดชายคนนั้นจึงไม่กลัวระเบิด
    ผู้สื่อข่าวได้เข้าไปถาม
    ชายคนนั้นตอบกลับว่า นี่มันเป้ของผม !!
    ข้างในมีเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัว แล้วเขาก็เปิดเป้นั้นให้ดู
    เป็นเสื้อผ้าตามที่เขาได้บอกไว้
    [​IMG]

    จากตัวอย่างนี้เราเห็นได้ว่า ผู้คนที่เห็นเป้วางอยู่ทำให้สงสัย
    และตีความไปต่างนานา ตามความเชื่อของเขา และช่วงนั้นข่าวการ
    วางระเบิดแพร่ไปทั่ว ทำให้ความเชื่อของผู้คนน้อมไปในทางความ
    เชื่อว่าที่ว่าในเป้นั้นอาจมีระเบิด และเกิดความกลัวขึ้น

    จะเห็นได้ว่าเมื่อความกลัวเกิดจากความไม่รู้
    ความกลัวเป็นความรู้สึกฝังรากลึกในจิตใจ เมื่อเกิดขึ้นกับผู้ใด
    ไม่ว่าเขามจะมีฐานะทางสังคมมากน้อยแค่ไหน
    ก็ไม่อาจลบความกลัวไปจากใจได้
    จากตัวอบ่างนี้ แม้แต่ตำรวจผู้กล้าหาญ
    หรือหน่วยกู้ระเบิดที่ถูกฝึก
    มาให้รับมือกับระเบิดก็ยังกลัวของในเป้นั้น

    แต่เมื่อชายคนนั้นเปิดเป้ให้ดู ทุกคนจึงหายกลัวไปได้
    ที่หายกลัวเพราะเขา รู้ และเข้าใจในสิ่งที่เห็น

    นี่คือบทสรุปของต้นเหตุของความกลัว คือ

    ความไม่รู้

    [​IMG]

    เมื่อเราทุกข์ใจกับชีวิต ไม่ว่าเรื่องนั้นจะหนักสาหัสปานใด
    มันมีต้นเหตุมาจากแหล่งเดียวกันทั้งสิ้น คือความกลัว
    และสามารถสลายความกลัวด้วย เข้าใจ ในสิ่งนั้น
    ไม่ใช้ด้วยการต่อต้านมัน
    เพราะเมื่อเราต่อต้านมัน เท่ากับไปเพิ่มดีกรีความกลัวขึ้นไปอีก

    หากเราอยากสลายทุกข์ให้สิ้นไปจากชีวิต วิธีเดียวเท่านั้น
    ที่จะทำได้ นั่นคือเราต้อง เข้าใจ ในชีวิต
    ไม่ใช่ไปหาทางออกกับชีวิตด้วยวิธีการต่างๆ

    บางคนจะดับทุกข์ด้วยการเพิ่มทุกข์ คือไปพึ่งของมึนเมา
    บางคนไปพึงหมอดู หรือไสยศาสตร์ [​IMG]
    [​IMG]

    บางคนไปปรึกษาระบายกับคนใกล้ชิด

    บางคนไปฝึกนั่งเพ่งอะไรต่อมิอะไร เพื่อจะดับทุกข์

    ต้องถามตัวเองว่าผลที่ได้รับจากวิธีนี้ได้ผลกับเรามากน้อยแค่ไหน
    ถ้าได้ผล ก็จงใช้วิธีนี้ แต่ถ้าไม่ได้ก็ขอให้หาวิธีใหม่

    บางคนเข้าหาธรรม ที่ดูเหมือนจะช่วยได้
    แต่หลายคนยังดับทุกข์ไม่ได้
    แม้จะได้ธรรมซึ่งขึ้นชื่อว่าสิ่งประเสริฐเลิศค่าแล้ว

    ที่เป็นเช่นนี้ เพราะเราเพียงท่องธรรม รู้ในธรรมในเชิงความคิด
    ที่ถ่ายทอดโดยภาษา แต่ยังไม่ได้ประจักษ์ซึ้งให้ถึงแก่นใจ

    การเข้าให้ถึงแก่นไม่ใช่ไปท่องธรรมได้หมดทุกตัวอักษร หรือจำธรรม
    ได้หมด สอนธรรมแก่ใครๆได้
    แต่ถึงกระนั้นก็ไม่อาจการันตีได้ว่า จะดับทุกข์ในใจได้

    ผมเคยบอกแล้วว่า หากจะนำชีวิตไปในทางแห่งจิตวิญญาณ
    อันเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขที่แท้ได้ มีวิธีเดียวเท่านั้น คือ
    การเข้าใจ
    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 มิถุนายน 2008
  17. รักไร้พ่าย

    รักไร้พ่าย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    886
    ค่าพลัง:
    +2,861
    ใจเย็นๆ นะครับ ผมกำลังจะอธิบายให้เข้าใจแบบค่อยเป็นค่อยไป

    เรื่องตัวเลขนี้ เดี๋ยวจะอธิบายให้เข้าใจ
    แต่ต้องขอปูพื้นฐานเรื่อง ความเข้าใจ ก่อน

    แต่ขอบอกเป็นนัยก่อนก็ได้ว่า

    คนที่เกิดวันที่ 4 ,8, 13,17, 22, 26, 31
    ไม่ว่าเกิดวันไหนตามที่บอกนี้
    จะต้องสัมพันธ์กันกับเลขในกลุ่มนี้

    อดีตนายกรัฐมนตรีของไทยคนหนึ่งที่ท่านมาจากนักธุรกิจที่ร่ำรวย
    ด้านโทรคมนาคม ท่านเกิดวันที่ 26 กรกฏา

    และภรรยาของท่านเกิด วัน ที่ 22 พฤศจิกายน

    26กับ 22 ใช่ไหมครับ เกิดอะไรขึ้นครับ
    วิบากกรรมครั้งใหญ่ใช่ไหมครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 มิถุนายน 2008
  18. รักไร้พ่าย

    รักไร้พ่าย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    886
    ค่าพลัง:
    +2,861
    คุณเกิดวันที่ 4 ขอบอกว่าคุณเป็นคนที่อาจจะต่างจากคนทั่วไป
    ด้วยวิบากรรมของคุณในอดีตชาติ คุณเป็นคนที่ไม่ธรรมดา

    ผมจะอธิบายให้ฟังทีหลัง

    เรื่องทำนายเลขวันเกิดนี่ ขอทำความเข้ใจก่อนว่า
    ไม่ใช่การดูดวงนะครับ

    หากใครอยากดูดวงผมตั้งกระทู้ดูดวงให้แล้ว ในห้องดูดวง
     
  19. รักไร้พ่าย

    รักไร้พ่าย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    886
    ค่าพลัง:
    +2,861
    ความกลัวที่เรารู้สึกว่า น่ากลัวที่สุด นั่นคือ

    การกลัวตาย

    [​IMG]


    ไม่มีอะไรที่ทำให้เรารู้สึกกลัวไปมากกว่า
    การตายเพราะมันเป็นความรู้สึกของสัญชาติญาณ


    แต่เมื่อคุณเข้าใจในชีวิตตามที่ผมบอกแล้ว คุณก็จะเข้าใจว่า
    ที่เรากลัวตายกันนี้ เรากลัวใครตาย
    เราตาย

    แล้วเรานี่คือใคร
    เราในที่นี้ก็คือ กิเลสเรา เรากลัวจะพลัดพราก
    สูญเสียความเป็นเรา ที่ประกอบด้วยรูปร่างกาย จิตใจ
    และที่สำคัญเรากลัวสูญเสีย ความจำ
    ความสำนึกในตัวตนความเป็นเรา ที่ประกอบไปด้วยเรื่องราวต่างๆ
    สิ่งเหล่านี้มันไม่อยู่จริง มันมีอยู่แต่ในความคิดความจำเท่านั้น

    คนที่กลัวมหันตภัย กลัวภัยพิบัติ หรือพวกวิตกจริตที่มักกลัวสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น
    แสดงว่าเขายังไม่เข้าใจในชีวิตแบบบูรณาการ


    ที่จริงแล้วที่เรากลัวตายเพราะเรากลัวจะสูญเสีย
    ความคิดที่มีแต่เรื่องราวต่างๆเกียวกับเราทั้งนั้น

    แต่เพราะเราไม่เข้าใจชีวิตดีพอนั่นเอง จึงมองชีวิตเพียงแค่ผิวเผิน

    หากเรามองลึกลงไป และทำความเข้าใจกับชีวิต
    เราจะประจักษ์ได้ว่า

    หากเราตายไป ก็จะเกิดอีก เพราะก่อนมาเกิดชาติ
    นี้เราก็เคยตายมาแล้ว

    แล้วจะตายอีก ก็ต้องเกิดอีก จนกว่าจะหยุดเกิด


    แสดงว่าเกิดแล้ว ตาย ตายแล้ว เกิด เป็นเรื่องธรรมดาของธรรมชาติ


    แต่ที่เรากลัวจริงๆไม่ได้กลัวตาย แต่กลัวจะสูญเสียเรื่องราว
    ความทรงจำเกี่ยวกับตัวเราที่เรียกว่าอัตตา และ กิเสล ที่ยึดว่าเป็นตัวเรา

    และกลัวเพราะไม่รู้ว่าว่าเมื่อตายไปเราจะมีสภาพชีวิตแบบไหน

    เพราะไม่รุ้จึงกลัว

    เพราะความกลัวเกิดจากความไม่รู้ ดั่งที่ผมบอกไว้แล้ว


    คำว่ารู้ หรือ เข้าใจ นี่เองที่เป็นกุญแจสำคัญที่สุด
    ที่จะไขให้เราเข้าไปสู่ ตัวตนแก่นแท้ของเรา ที่เรียกว่า จิตวิญญาณ
    [​IMG]

    ความเข้าใจ ที่เราเรียกกัน ในทางธรรมจะเรียกว่า
    สัมมาทิฐฎิ หรือ โยนิโสมนสิการ หรือ ปัญญา
    สุตตมยปัญญา จินตามยปัญญา หรือภาวนมยปัญญา

    จะเรียกอะไรก็แล้วแต่ แต่ภาษาไทยเรียกให้เข้าใจง่ายๆว่า


    ความเข้าใจ


    ความเข้าใจนี้ไม่ใช่การรู้จักเหตุผลด้วยการมองสรรพสิ่ง
    ด้วยการแบ่งแยกส่วน
    ระหว่างเรากับสิ่งอื่น หรือคนอื่นออกจากกัน
    แต่เป็นการมองทุกส่วนสัมพันธ์
    เป็นหนึ่งเดียวกันหมดระหว่างเรา ผู้อื่น โลก จักรวาล
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 มิถุนายน 2008
  20. รักไร้พ่าย

    รักไร้พ่าย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    886
    ค่าพลัง:
    +2,861
    ที่อยากให้เข้าใจที่สุด คือการเข้าใจในตัวตนของเราที่อยู่ภายใน
    คือ จิตวิญญาณ อันบริสุทธิ์

    ที่มีคุณสมบัติ

    ความรักอันบริสุทธิ์ต่อทุกสิ่ง เป็นหนึ่งเดียวกับทุกสิ่ง

    ความเป็นอิสระไม่ยึดติดอยู่ในกรอบหรือขอบเขตใดๆ

    มีปัญญาหยั่งรู้ในทุกสิ่งและพร้อมจะให้คำตอบที่ถูกต้อง
    แก่เราเสมอหากเราต้องการ

    มีความสมดุลและเป้นหนึ่งเดียวกับทุกสิ่ง

    มีความสร้างสรรค์ระดับอัจฉริยะ

    มีอำนาจในตนเอง ที่จะเหนี่ยวนำทุกสิ่งเข้ามาหาตัวเอง
    เพื่อสร้างความสมดุลกับทุกสิ่ง

    คุณสมบัติเหล่านี้มีอยู่ในทุกคน
    เพียงแต่เราไม่ได้มองเข้าไปข้างใน
    เพื่อจะเข้าใจในตัวตนที่แท้จริงนี้

    หากเราเข้าใจในจิตวิญญาณ และสามารถติดต่อกับเขาได้
    สิ่งที่เราจะได้รับคือ

    ความร่ำรวย มั่งคั่งด้วยเงินทอง ทรัพย์สมบัติที่ไม่มีวันหมดสิ้น
    [​IMG]

    อิสระภาพในตัวเอง ไม่ต้องอยู่ในกรอบใต้บังคับของใคร
    เป็นเจ้านายตนเอง และเป็นตัวของตัวเอง
    [​IMG]

    ความเป็นที่รัก และเป็นที่ยอมรับของผู้คน
    [​IMG]


    ความคิดสร้างสรรค์ที่ไว้เป็นเครื่องมือสร้างตนเอง สร้างอาชีพที่ดี
    สร้างฐานะตนเอง
    [​IMG]


    มีอำนาจบารมีในตนเอง ที่ไม่ต้องพึ่งอำนาจภายนอก
    [​IMG]



    ความสุขแท้ ที่เกิดจากความรักของจิตวิญญาณ
    [​IMG]


    รักแท้ และสัมพันธภาพที่ดีกับคนรัก
    [​IMG]

    สุขภาพที่แข็งแรง ปราศจากโรค
    [​IMG]


    สิ่งเหล่านี้คือคุณค่าที่แท้จริงของชีวิต
    ที่เกิดได้เฉพาะเมื่อเราเข้าถึงจิตวิญญาณเท่านั้น

    เมื่อเราใช้พลังแห่งความรัก
    คือการปารถนาดีต่อทุกสิ่ง และต้องการให้ผู้อื่นมีความสุข
    ด้วยกฏแห่งการสะท้อนกลับของจักรวาล

    เราจะได้รับความรักตอบกลับในรูปแบบต่างๆ
    เช่น ความร่ำรวย รักแท้ การยอมรับ

    แต่เพราะเราไมเข้าใจ และไม่ยอมมองเข้าไป
    ภายในตัวตนแก่นแท้ของเรา

    เมื่อเรามองหาความสุขแท้จากภายนอก
    ด้วยสายตาของความไม่รู้และความกลัว
    เราจึงแสวงหาอำนาจเพื่อมาปกป้องตัวตนแบบผิดๆ
    ด้วย เงินทอง ชื่อเสียง หรือวัตถุสิ่งของ
    เพื่อหวังจะได้ความสุขแท้

    แต่อำนาจที่แท้ของเราไม่มี
    มันกลับไปอยู่กับสิ่งเหล่านี้ต่างหาก
    หากหมด เงินทอง หมดยศศักดิ์ เราก็หมดอำนาจไปด้วย

    เมื่อเรามองทุกสิ่งแบบแยกส่วน ไม่ได้มองด้วยจิตวิญญาณ
    เราจะแยกเราออกจากคนอื่น
    เราจึงพร้อมที่จะสร้างความสำเร็จ และความชอบ
    ธรรมให้กับตนเองด้วยการเหยียบย่ำผู้อื่น

    หรือยอมคบหากับผู้อื่นเพื่อหวังให้เขาเป็นบันไดให้เรา
    ก้าวไปครอบครองอำนาจจากภายนอกนั้น

    เมื่อเราได้อำนาจภายนอกนั้นมา เราจะยึดติดกับมัน
    เพราะความกลัวว่ามันจะสูญหายไป ถูกแย่งไป เราจึงกังวล
    เป็นทุกข์ ระแวง ไม่ไว้ใจใคร
    และมองคนอื่นในแง่ร้าย
    สุดท้ายเราจึงไม่เจอความสุขที่แท้เลย

    เรามัวแต่หาความปลอดภัยให้กับตัวตนจอม
    ปลอมของเราที่เกิดจากการมองโลกแบบบิดเบือน
    และพยายามจะหาอำนาจจากภายนอกมาป้องกันอัตตาตัวเอง

    อยากจะถามว่า ทุกวันนี้เรามีความสุขระดับไหน
    หรือเต็มไปด้วยความทุกข์ใจ ความกังวล
    ความขาดแคลนเงินทอง ขาดรัก ขาดเพื่อนแท้
    หรือเต็มไปด้วยสารพัดโรค
    และใช้ชีวิตที่เหลือหมดไปกับการรักษาโรค

    หมดไปกับความฝันลมๆแล้งๆว่าสักวันจะรวย
    หรือคาดหวังว่าจะเจอรักแท้ หรือรักใหม่ที่ดีกว่าเดิม

    และถามว่าหากเราได้ความร่ำรวย ความรัก ยศศักดิ์ ความสุข
    มาครอบครองแล้ว แล้วจะมั่นใจหรือว่าสิ่งเหล่านี้จะ
    อยู่ยั้งยืนยงกับเราตลอดไปด้วยการเข้าใจชีวิตจากมุมมองของอัตตา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 มิถุนายน 2008

แชร์หน้านี้

Loading...