พระอรหันตปฏิสัมภิทาญาณ ของแท้ครับ

พระอรหันตปฏิสัมภิทาญาณ


หั ว ข้ อ เ รื่ อ ง ที่ ๒๘ : ปัจจุบันนั้นสำคัญกว่า
โ ด ย : หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต วัดป่าสุทธาวาส อ.เมือง จ.สกลนคร

สิ่งที่ล่วงไปแล้ว ไม่ควรไปทำความผูกพัน เพราะเป็นสิ่งของที่ล่วงไปแล้วอย่างแท้จริงแม้จะ
ทำความผูกพัน และมั่นใจในสิ่งนั้น กลับมาเป็นปัจจุบันก็เป็นไปมิได้ ผู้ทำความสำคั_มั่นหมาย
นั้นเป็นทุกข์แต่ผู้เดียว โดยความไม่สมหวังตลอดไป

อนาคต ที่ยังไม่มาถึง ก็เป็นสิ่งไม่ควรยึดเหนี่ยวเกี่ยวข้องเช่นกัน
อดีต ควรปล่อยไว้ตามอดีต อนาคตก็ควรปล่อยไว้ตามกาลของมัน
ปัจจุบัน เท่านั้นที่จะสำเร็จเป็นประโยชน์ได้ เพราะอยู่ในฐานะที่ควรทำได้ ไม่สุดวิสัย



http://www.dhammathai.org/store/talk/talk28.php

 

กระทู้นี้ ค่อยดูมีสาระหน่อย สาธุด้วยครับ
คนเราชอบหาแต่ทางเกิด ไม่หาทางดับ เฝ้าคอยแต่อนาคต จมปลักกับอดีต ละทิ้งปัจจุบัน
2500กว่าปีเอง ชาวพุทธก็เอาแต่เฝ้ารอพระศรีอารีย์ ทั้งๆที่จะพุทธเจ้าองค์ไหน พระธรรมก็เหมือนกัน
ชอบติดกับบารมี อิทธิฤิทธิ์ ทะเลาะกันเองว่าใครจะเหนือใคร ใครถูกใครผิด สุดท้ายก็ตกเป็นเหยื่อของกิเลสโดยไม่รู้ตัว จิตฟุ้งซ่าน คอยแต่หลอกตัวเอง เหมือนคนบ้าก็ไม่ปาน ดีกับเลว ถูกกับผิด มันใกล้กันนิดเดียว
เหมือนดาบที่มี 2 คม ถ้าอยู่ในมือคนขาดสติ ไม่แค่จะบาดตัวเองแต่ยังทำร้ายคนอื่นด้วย

 

[b-wai] [b-wai] [b-wai]
กราบอนุโมทนา .. ขอบัณฑิตทุกท่านเจริญในธรรมเจ้าค่ะ...

 

โอ้... อนุโมทนาด้วยครับ นานๆจะเห็นคนที่รู้แจ้งบ้าง

คนเราจะเกิดกันซักกี่ภพกี่ชาติเชียวครับ

ทำปัจจุบันให้ดีที่สุดก็พอแล้ว


จริงมั้ย

 

ปู่มั่น ท่านก็เป็นครูบาอาจารย์ของเราองค์หนึ่ง ในโลกทิพย์ ท่านเคยมาสงเคราะห์เราอยู่ 2-3 ครั้ง ก็ถือเป็นพระมหากรุณาของท่าน ที่ทำให้เราเข้าใจเรื่อง กรรมเป็นเผ่าพันธ์ได้ดีขึ้น มีคราวนึง ท่านมาชี้แนะเรื่องเกี่ยวกับบุพการี

ครูบาอาจารย์ท่านเคยบอกไว้ว่า ปู่มั่นท่านเป็นพระมหาโพธิ์สัตว์ รอคิวเป็นพระพุทธเจ้าองค์ที่แปด นับจากพระศรีฯเป็นองค์ที่ 1 ดังนั้นคุณสมบัติที่ท่านมีนั้นคือบารมีของพระมหาโพธิสัตว์ปัญญาธิกะ แบบพระพุทธโคดม ครับ ท่าน "ผ่านภูมิอรหันต์" มาอย่างน้อย 2 รอบ คือขั้นปกติบารมี กับขั้นอุปบารมี ดังนั้นท่านจึงไม่ใช่พระอรหันต์อย่างที่หลายคนเข้าใจกัน บารมีท่านสูงระดับใกล้จะเป็นพระพุทธเจ้าแบบปัญญาธิกะอยู่แล้วครับ

หากใครปรารถนาหรือปฏิบัติแบบสายปู่มั่น หรือปรารถนามากับสายปู่มั่น ก็คงจะต้องรออีกหลายอสงไขยครับ ใครจะปรารถนาแบบไหนเลือกเอาเองครับ ตามสะดวก

 

ช่วยกันด้วยครับ อย่าให้ใครมาทำลายพระพุทธศาสนา ด้วยการยัดเยียดความเชื่อผิดๆ สร้า้งความสับสน ช่วยกันรักษาพระธรรมคำสอน ด้วยครับ

 

ครับ ความจริงเรื่องการยึดติดครูอาจารย์หรือการยึดติดว่าอยากจะรอพบพระศรีอาริย์นั้น คงเป็นเรื่องที่ว่ากันไม่ได้ เพราะบางทีท่านเหล่านั้นอาจมีบุญวาสนาหรือเป็นบริวารกันมาก่อน ต้องรออาจารย์
อีกนัยหนึ่งท่านเหล่านั้นบารมีอาจจะยังไม่ถึงในปัจจุบันก็ได้ เพราะการจะเป็นสาวกภูมิก็ต้องบำเพ็ญมาอย่างน้อย 1 อสงไขย ไม่ใช่ว่านึกจะนิพพานโดยไม่บำเพ็ญมาเลยก็ย่อมเป็นไปไม่ได้ แต่เรื่องนี้ก็พูดลำบาก บางคนบารมีถึงแล้วแต่โมหะบังตาเลยไม่ไปไหนเสียทีก็มีเยอะไป แต่ส่วนใหญ่ผู้ที่มีอารมณ์รักในพระนิพพาน บารมีมักจะสูงพอจะเข้าได้แล้วเป็นส่วนใหญ่เพราะถ้าบารมีไม่พอ จะไม่รู้จักหรือไม่มีอารมณ์รักในพระนิพพานเลย
ดังนั้นเล่นกันง่ายๆ อธิษฐานและเดินตามคำอธิษฐานว่า " ข้าพจะนิพพานชาตินี้ ถ้าไม่ได้จะขอพบพระศรีอาริย์และนิพพานในชาตินั้น " ก่อนและหลังสร้างบุญกุศลทุกครั้ง

 

เมื่อมีแขกหรืออุบาสกอุบาสิกาไปกราบนมัสการหลวงปู่ แต่หลวงปู่มีปรกติไม่เคยถามถึงเรื่องอื่นไกล มักถามว่า ญาติโยมเคยภาวนาบ้างไหม? บางคนก็ตอบว่าเคย บางคนก็ตอบว่าไม่เคย ในจำนวนนั้นมีคนหนึ่งฉะฉานกว่าใคร เขากล่าวว่า ดิฉันเห็นว่าพวกเราไม่จำเป็นต้องมาวิปัสสนาอะไรให้มันลำบากลำบนนัก เพราะปีหนึ่งๆ ดิฉันก็ฟังเทศน์มหาชาติจบทั้ง ๑๓ กัณฑ์ ตั้งหลายวัด ท่านว่าอานิสงส์การฟังเทศน์มหาชาตินี้จะได้ถึงศาสนาพระศรีอาริย์ ก็จะพบแต่ความสุขความสบายอยู่แล้ว(สีลัพพตปรามาส-ผู้เขียน) ต้องมาทรมานให้ลำบากทำไม ฯ

"สิ่งประเสริฐอันมีอยู่เฉพาะหน้าแล้วไม่สนใจ กลับไปหวังไกลถึงสิ่งที่เป็นเพียงการกล่าวถึง เป็นลักษณะของคนที่ไม่เอาไหนเลย ก็ในเมื่อมรรคผลนิพพานในศาสนาสมณโคดมในปัจจุบันนี้ยังมีอยู่อย่างสมบูรณ์ กลับเหลวไหลไม่สนใจ เมื่อถึงศาสนาพระศรีอาริย์ ก็ยิ่งเหลวไหลมากกว่านี้อีก."
หลวงปู่ดูลย์ อตุโล

 

ผมอ่านหนังสือประวัติหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต เขียนโดยหลวงตาบัว (ศิษย์องค์สำคัญ) แน่ใจว่าหลวงปู่มั่นเป็นสาวกภูมิอรหันต์ครับ ท่านยังเอ่ยปากชวนครูบาศรีวิชัยให้ลาพุทธภูมิเถอะแล้วไปนิพพานเสียชาตินี้ ถ้ายังอยากเป็นพระพุทธเจ้ายังต้องเหนื่อยอีกนาน (แต่ครูบาฯไม่ลา บอกตั้งใจแล้ว หลวงปู่มั่นก็ไม่ว่าอะไร)
เอ.....แต่ถ้าเป็นคนละมั่นกันก็ขอโทษด้วย

 

อนุโมทนาครับ ผมชอบมากที่สุดเลยครับคือพระสัทธรรมบริสุทธิ์มากกว่าจะเอาปาฏิหาริย์ซึ่งพระพุทธเจ้าท่านก็บอกว่าไม่ใช่ทางที่จะพ้นจากกองทุกข์ได้ ผมว่ามันก็หลงติดหลงตัวว่าเรานี้เก่ง เรานี้แน่กว่าใคร ทุกคนต้องเชื่อเรา เราคือที่สดแล้ว แต่ผมว่า มันก็ไม่ใช่สิ่งที่เป็นสิ่งที่จะพ้นจากทุกข์ พ้นจากวัฏฏสงสารได้เลยอ่าครับ ศึกษาตามพระธรรมยังดีกว่า

 

หลวงปู่มั่นเข้านิพพานแล้ว หลักฐานก็เห็น ๆ กันอยู่แล้ว อัฐิธาตุท่านสวยงามมาก....อรหันต์เที่ยงแท้แน่นอน ดูได้จากอัฐิธาตุของท่าน ไม่มีเป็นอย่างอื่น นิพพานแน่นอน.

 

หลวงปู่มั่นตามที่ผมศึกษามาท่านบรรลุพระอรหันต์เข้าพระนิพพานแล้ว ผมเองก็ถือว่าเป็นศิษในสายของท่านคนหนึ่งถือว่ารุ่นสอง รุ่นแรกคือชุดหลวงปู่ทีมีชื่อเสียงทั้งหลายนั่นแหละ ศิษรุ่นแรกของหลวงปู่มั่นหนึ่งในนั้นก็มีหลวงปู่แว่นธนปาโล วัดถ้ำพระสบาย อ.แม่ทะ จ. ลำปางรวมอยู่ด้วยองค์หลวงปู่แว่นนี่แหละที่ผมบากหน้าไปหาท่านเมื่อปี2529เพื่อขอให้ท่านบวชให้ซึ่งท่านก็ให้โกนหัวนุ่งขาวห่มขาวรักษาศีลแปดศึกษาข้อวัตรปฏิบัติก่อนเป็นเวลาสามเดือนตอนนั้นผมยังครึ้มๆว่าเป็นชีปะขาวนี่ดีเหมือนกันเวลาเราได้อภิญญาพระวินัยไม่ห้ามพระวินัยห้ามฉะเพาะพระ ต่อมาเมื่อหลวงปู่ท่านเห็นว่าสมควรท่านก็หาเจ้าภาพบวชให้จำได้ว่าอยู่ในตัวเมืองลำปางเป็นร้านค้าส่งอะไรก็จำไม่ได้ จำชื่อได้ว่าชื่อร้านจิบไต๋โดยบวชที่วัดป่าสำราญนิวาส อ.เกาะคา จ. ลำปาง หลวงปู่หลวง กตปุญโญ เป็นพระอุปัฐชา หลวงปู่แว่นเป็นพระคู่สวด อีกองค์จำชื่อท่านไม่ได้ ได้รับฉายาว่า ปัญญาพโล สายของหลวงปู่มั่นคำสอนเน้นหนักไปในเรื่องจุลศีล และทางมหาสติปัตฐานแต่หลายองค์ศิษของหลวงปู่มั่นที่เป็นพระอภิญญาเนื่องจากส่วนมากพระของท่านจะอยู่ป่า วัดก็จะเป็นวัดป่าเกือบจะทั้งหมด ในสมัยนั้นที่ผมถือเป็นบูรพาจารย์ตามสำนวนหนังจีนกำลังภายในเรียกว่าสุดยอดของแผ่นดินจอมยุทธภพมีสุดยอดปรมาจารย์ปู่อยู่สามท่านคือ 1หลวงปู่ปานวัดบางนมโค 2หลวงปู่ครูบาศรีวิชัยนักบุญของล้านนา 3หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ผมไม่ทันท่านทั้งสามแต่ศิษของท่านทั้งสามผมมีความเคารพปารถนาที่จะไปฝากตัวเป็นศิษของท่านใดท่านหนึ่งเมื่อมีโอกาศผมจึงได้มีวาสนาได้เข้าไปอยู่ในขอบเขตของท่านทั้งสาม คือ 1ชอบและเรียนรู้แนวทางพระกรรมฐานจากพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุง 2แต่เวลาที่จะบวชก็มีเหตุให้ได้ไปบวชในสายของพระป่าสายหลวงปู่มั่นบวชนิกายธรรมยุตที่ถือธุดงค์เป็นวัตร์ตามสายของท่าน 3ได้มีโอกาสบวชชีปะขาวเหมือนหลวงปู่ครูบาศรีวิชัย ครูบาอภิชัยขาวปี เราเองก็ถูกสังคมตราหน้าว่าฉ้อโกงเป็นคนเลวชาติจนอยู่กับชาวเมืองเขาไม่ได้เห็นตัวเองนุ่งขาวห่มขาวยังครึ้มใจในตอนนั้นมันสุขใจบอกไม่ถูกว่าเราได้มีโอกาสได้อยู่ในร่มเงาบรรยากาศของบูรพาจารย์ปู่ทั้งสาม เราเป็นคนอย่างไรคนอื่นไม่รู้ไม่สำคัญหลวงปู่หลวงพ่อรู้เป็นพอ เลยพอที่จะรู้แนวทางของทั้งสามสาย ขณะที่บวชในความฝันขณะเจริญพระกรรมฐานก็จะมีหลวงปู่ตื้อ กับหลวงปู่แหวน สุจินโน ท่านมักจะมาในฝันบ่อยๆหลวงปู่ท่านมาท่านจะยิ้มสดชื่นมาก เวลาอยู่ป่ามีความรู้สึกว่าครูบาอาจารย์ที่เราเคารพอยู่ใกล้ๆตัวตลอดถึงแม้จะไม่เห็นองค์ท่านแต่ปรากกฏการณ์รอบตัวในที่เปลี่ยวในที่สงัดแบบนั้นทำให้มีความกล้าหาญเบิกบานมากรู้สึกเลยว่าพระที่เรามองไม่เห็นท่านนั้นมากมายจริงๆถ้าเราอยู่ในพระสัจจะธรรมคำสั่งสอนแล้วนั้นเรามีครูบาอาจารย์คุ้มครองแนะนำตลอด ที่พูดมายึดยาวท้าวความหลังเพราะอยากจะบอกให้รู้ว่า ศิษหลวงปู่มั่นนั้นก็มีอยู่ในนี้รู้อะไรมาพอสมควรว่าอะไรคืออะไร ขอยืนยันตามตำราเล่มของผมท่านพระบูรพาจารย์พระเดชพระคุณหลวงปู่มั่น ท่านจบกิจเจ้าพระนิพพานแล้วนานแล้ว
ยังมีอีกหลายอย่างที่วันหน้าจะมาพูดอีกเพราะบางอย่างผมมักจะเสือกอยู่ในเหตุการณ์นั้นๆโดยบังเอิญแม้เรื่องของหลวงพ่อฤษีทั้งสองที่อยู่ในป่าผมก็เคารพนับถือคิดถึงท่านหวังว่าสักวันจะได้มีวาสนาได้เห็นท่านสมัยที่ท่านยังมีขันธ์ห้ากายเนื้ออยู่ พูดถึงท่านคราวใดก็เกิดปีติยินดีบอกไม่ถูกจนมีครั้งหนึ่งผมนุ่งห่มจีวรสีมันออกจะหนักไปทางแดงๆหน่อยเป็นชุดสำรอง ปกติชุดของพระธรรมยุติจะออกสีเหลืองหม่นๆเรียกว่าสีแก่นขนุน ก็ไปกราบหลวงพ่อวัดท่าซุงพอกราบเสร็จเงยหน้าขึ้นหลวงพ่อก็บอกว่าคุณก็เอากับเขาบ้างซิห่มสีแดงๆก็เป็นลิงแดงกับเขาชอบเป็นลิงไม่ไช่หรือ ใจตอนนั้นมันฟูบอกไม่ถูกไม่ได้ตอบท่านว่าอย่างไรเพราะปีติมันมากน้ำตามันจะไหลท่าเดียวยังครึ้มๆมาจนทุกวันนี้คิดว่าสักวันจะทรงอภิญญาสมาบัติตามแบบฉบับของท่านอาจารย์ทั้งหลายให้จงได้ เพราะฉะนั้นใครที่เที่ยวไปอ้างว่าเป็นลิงแดงลิงเขียวอยู่อยู่ในป่านั้นไม่ใช่คณะของหลวงปู่ปานคณะของหลวงพ่อวัดท่าซุงแน่เพราะที่หลวงพ่อวัดท่าซุงเรียกชื่อว่าลิงแดงนั้นนั่งหัวโด่อยู่นี่ตอนนี้กำลังเสียท่าบรรดาวัวเขาอ่อนหลายวัวรุมสกรัมอยู่นี่ยังไม่รู้เลยว่าจะหาทางแหวกวงล้อมออกไปอีกได้เมื่อไร 12 กุมภาพันธ์ 2549