วิปัสสนาญาณ เกิดขึ้นได้อย่างไร

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย วิมุตติ, 20 พฤษภาคม 2008.

  1. seng sun dan

    seng sun dan สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    75
    ค่าพลัง:
    +5
    จะรู้ได้อย่างไรว่าติดสมมุตติ
    ถ้ามีเหตุขึ้น เรายังต้องเตือนตัวเอวว่าเป็นเป็นสมมุตติหรือไม่ นั่นแหละ พวกหลอกตัวเอง
     
  2. พลัjจิต

    พลัjจิต สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    361
    ค่าพลัง:
    +18
    ถ้าว่าไตรลักษณ์มันมีอยู่ตลอดก็แสดงว่ามันเป็นของที่มีอยู่ใช่ปะ แล้วมันเกิด แล้วดับ หรือมันดับแล้วเกิดหรือมันทั้งเกิดทั้งดับ หรือมันไม่เกิดไม่ดับ
     
  3. พลัjจิต

    พลัjจิต สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    361
    ค่าพลัง:
    +18
    ไม่มีใครถามเราเลยว่าไปเอารถดับเพลิงมาจากไหน หรือรู้กันแล้ว
     
  4. dhammadasa

    dhammadasa Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2008
    โพสต์:
    679
    ค่าพลัง:
    +69
    ขอชมเชย กระทู้สร้างสรร
    คนตอบก็สรรหา
    แม้บางประโยคไม่นำพา
    ถึงยังไงก็ไม่ว่ากัน
     
  5. to2504

    to2504 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,449
    ค่าพลัง:
    +1,230
    ช่วยบอกหน่อยสิคะ ว่าเอามาจากไหน
     
  6. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,074
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    เอามาจากเพลิง
     
  7. พลัjจิต

    พลัjจิต สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    361
    ค่าพลัง:
    +18
    อย่างนี้พอน่าสนหน่อย
     
  8. seng sun dan

    seng sun dan สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    75
    ค่าพลัง:
    +5
    [​IMG]
    ตอบอย่างนี้ เอารูปออกดีกว่า ...รถดับเพลิงมาจากสถานีดับเพลิง เข้าใจไหม
     
  9. to2504

    to2504 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,449
    ค่าพลัง:
    +1,230
    แสดงว่า มันเกิดขึ้นเอง มันก็ต้องดับของมันเองอ่ะเหรอ ถูกป่าวคะ
     
  10. seng sun dan

    seng sun dan สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    75
    ค่าพลัง:
    +5
    การที่เอาคำพูดไปพิจารณาตามความเข้าใจ
    มันก็เข้าใจได้ระดับหนึ่ง
    แต่รสของธรรม มันอีกเรื่อง
    บัณฑิตปริยัติผู้เจนจบ ล้วนตอบด้วยถ้อยคำฉะฉาน
    แต่หาเข้าถึงไม่
    วิธีตรวจสอบ คือดูทางที่ปฎิบัติ และผลของอารมณ์เป็นสมุทเฉท
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 พฤษภาคม 2008
  11. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    เซ็ง สันดาน นี่ใครเนี่ย
    เข้าใจหาคำมาพูด ผมชอบ
     
  12. พลัjจิต

    พลัjจิต สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    361
    ค่าพลัง:
    +18
    จะอธิบายให้ฟังนะ ก็เอามาจากการปฎิบัตินั้นละ อย่างเช่น อสุภะหรือกรรมฐาน หรือ สติปัฎฐาน เป็นต้น การใช้จิตดูนั้น เราดูให้รู้ว่า จิตเราจะมีปฎิกริยา กับกิเลศ หรือไม่ถ้ามี จะหาวิธีใดเข้าช่วยให้เบาบางลงได้ ก็แล้วแต่จริตของใครของมัน เมื่อจิตรับรู้แล้วว่ากิเลศเบาบางแล้ว จะเกิดรถดับเพลิงมาดับกิเลศนั้น เมื่อกิเลศนั้นดับ สิ่งนั้นก็ไม่เกิด จะดับได้แค่ใหนมันขึ้นอยู่กับอินทรีย์ของแต่ละบุคคล ไม่ต้องถามนะว่ารถดับเพลิงรูปร่างมันเป็นยังไง ปฎิบัติไปเลื่อยๆเดียวหายสงสัยเอง
     
  13. พลัjจิต

    พลัjจิต สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    361
    ค่าพลัง:
    +18
    ไปก่อนนะ บายคับ
     
  14. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    ขันธ์ เซ็ง สัน ดาน ........มะ...มี..อะไร....เเค่นี้...อ่ะ...ว่างต่อ
     
  15. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,074
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    สิ่งที่เกิดเองมี สิ่งที่ถูกทำให้เกิดมี
     
  16. หล่อด้วยใจดีด้วย

    หล่อด้วยใจดีด้วย สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2008
    โพสต์:
    129
    ค่าพลัง:
    +7
    เฮ้อ พยายามอ่านแล้วอ่านอีก อืมม์ ไม่ใช่เซ็งสันโดด อ้าว ผ่านๆๆ ขออภัยๆ
     
  17. seng sun dan

    seng sun dan สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    75
    ค่าพลัง:
    +5
    คารมคมคาย ใช่คมมีด
    หาใช้ตัดกิเลสเพียงวาจาได้ไม่
    วิปัสสนา หาใช่ยึดคำรู้ แต่ให้เข้าไปรู้โดยไม่ยึด
    การตรองซึ่งโยนิโส อุปมาลิงเห็นมังคุด
    ใช่จะเห็นเนื้อใน
     
  18. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    แล้ว เมื่อไร จะบอกซะที

    ว่า วิปัสสนาญาน คือ อะไร หว่า

    รอจน ยาน หมดเเล้ว

    สันโดษ เซ็ง สัน ดาน ไร้กรรม

    มะ มีอะไร พูดถึงเพื่อน สนิท เฉยๆ
     
  19. nu778i

    nu778i สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2008
    โพสต์:
    44
    ค่าพลัง:
    +16
    ย่างไปทางนี้จะได้ไม่ต้องเสียเวลามาก เทศน์โดยท่านเจ้าคุณโชดกแห่งวัดมหาธาตุ กทม.
    ย่างไปทางไหน?
    ความมุ่งหมายของการฟังเทศน์มีอยู่ 5 ประการ
    1.ฟังเทศน์เอาบุญ
    2.ฟังเทศน์เอาความรู้
    3.ฟังเทศน์เอาเป็นอุปนิสัยปัจจัย
    4.ฟังเทศน์เพื่อปฏิบัติตาม
    และ5.ฟังเทศน์เพื่ออุทิศส่วนบุญให้พ่อแม่ ครูบาอาจารย์ เป็นต้น
    ในประการแรก ฟังเทศน์เอาบุญ ...ได้บุญตรงไหน?...เราต้องเข้าใจคำว่า"บุญ"ซะก่อน บุญ แปลว่าชำระ ชำระกาย ชำระวาจา ชำระใจของเราให้สะอาดนั้นคือบุญ ทีนี้กาย วาจา ใจเราไปเปื้อนอะไรมา?..ตอบง่ายๆเปื้อนบาป บาป คือ โลภะ โทสะ โมหะ มีอยู่ 3 ชั้น
    -บาปอย่างหยาบ ล่วงออกมาทางกาย ทางวาจา ฆ่าสัตว์,ลักทรัพย์,ประพฤติผิดประเวณีนัตั้งแต่มดดำมดแดงเป็นต้น ตลอดจนถึงแมลงสาบจิ้งจกตุ๊กแก ก็เป็นบาปทั้งนั้น ลักทรัพย์ของราคาบาทเดียวถ้าเป็นพระก็บาปแล้ว ประพฤติผิดประเวณีไปข่มขืนอนาจารหรือผิดลูกผิดเมียเขา ก็เป็นบาป พูดเท็จพูดคำหยาบพูดส่อเสียดพูดเพ้อเจ้อก็เป็นบาป ...นี้ออกมาทางกาย บุญก็จะได้ชำระบาปทั้งหลายเหล่านี้ ไม่ให้มันเกิดขึ้น
    -ทีนี้ยังมีบาปอย่างกลาง เรียกว่า นิวรณ์ มีอยู่ 5 ตัว
    1.กามฉันทะ พอใจในรูปในเสียงในกลิ่นในรสในโผสทภะ อันธรรมดาสามัญ คนเรานี้ ก็จะคิดว่ามันบาปอะไร พอใจในรูปสวยๆ อยากได้เสื้องามๆ อยากจะได้ต้นไม้งามๆ อยากจะได้รถสวยๆ ..ก็ของใช้ของสอย ตลอดจนนกงามๆ ผ้าเช็ดหน้างามๆผ้าเช็ดตัวงามๆมันไม่น่าจะเป็นบาปก็อาจจะคิดอย่างนั้น.. แต่นี่เป็นบาปอย่างกลาง มันเป็นกิเลสอย่างกลาง แต่บาปตัวนี้มันไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อนแต่มันอาจจะทำตัวเราให้เดือดร้อนได้ เดือดร้อนตรงไหน?..อยากได้มันก็ต้องไปหาใช่ไหมล่ะ เหนื่อยแสนเหนื่อยก็ต้องทนหา อันนี้เราอยากจะได้รูปสวยๆ ฟังเสียงเพราะๆ อยากจะได้กลิ่นหอมๆอยากจะได้รสอร่อยๆ อยากจะได้สัมผัสอันอ่อนนุ่มนี้ มันนึกอยากเฉยๆ ยังไม่ได้ไปหานะแค่นึกอยู่กับที่ นอนมือก่ายหน้าผากนั่งนึกก็ตาม อันนี้ก็เป็นบาปแล้วแต่เป็นบาปอย่างกลาง มีอยู่ในใจของแต่ละบุคคล
    2.พยาบาทใจโกรธใจขุ่น เช่นได้ยินเสียงหนวกหู หรือฟังอารมณ์ที่เขาพูดมันผิดหูของเราไม่พอใจแต่ก็อยู่เฉยๆ ไม่พูดเฉยๆแต่ในใจรู้สึกไม่พอใจ เรียกว่าพูดไม่ถูกหูแล้ว อย่างนี้เป็นโทสะแล้วแต่เป็นอย่างกลาง
    3.ง่วงหงาว หาวนอน เขาเรียก ถีนมิทธะ ท้อใจอ่อนใจนี้ก็เป็นบาป
    4.อุทธัจจะกุกกุจจะฟุ้งซ่านรำคาญ หงุดหงิด ใจไม่อยู่กับตัว คิดไปนอกเรื่องนี้ก็เป็นบาป
    5.วิจิกิจฉาสงสัยลังเลใจ บุญมีไหมบาปมีไหม ตายแล้วเกิดอีกหรือไม่ นรกสวรรค์มีไหม
    ทั้ง 5 ตัวนี้เขาเรียก นิวรณ์ เป็นบาปที่กั้นใจไม่ให้บรรลุคุณงามความดีได้ ... ยกตัวอย่าง แค่สงสัย สงสัยว่าการปฏิบัติพองหนอยุบหนอมันจะถูกเหรอ..นี่สงสัยอย่างนี้ มีคนหนึ่งสงสัยไม่กล้าปฏิบัติ...แต่เมื่อทดลองแล้ว หายสงสัยแล้ว หรือบางคนกำลังจะเข้าปฏิบัติก็สงสัยว่าหรือจะเป็นสมถะฯชักสงสัยแล้ว อย่างนี้เป็นความสงสัยลังเลใจมันให้ขาด ให้ขาดจากสิ่งที่เราจะได้..มันก็ไม่ได้ ... ความสงสัยลังเลใจมันเป็นอย่างนี้นะการปฏิบัติมันก็ผิดไปได้ เพราะฉะนั้นพระพุทธเจ้าจึงถือว่าเป็นบาปอย่างกลาง ซึ่งเกิดขึ้นอยู่ในใจของแต่ละบุคคล ทีนี้บุญก็ชำระบาปอย่างกลางนี้อีกคือสมาธิ
    -สามยังมีบาปอย่างละเอียดนอนดองอยู่ในใจเหมือนขี้ตะกอนอยู่ในก้นตุ่ม บาปอันนี้ต้องชำระด้วยบุญขั้นละเอียดคือ วิปัสสนา ..บุญจึงแปลว่าชำระ ชำระบาปอย่างหยาบอย่างกลางอย่างละเอียด
    บุญมี3ขั้น คือ
    บุญอย่างหยาบหรือบุญอย่างต้น คือบุญต้นๆก็ชำระกายวาจา
    บุญอย่างกลาง คือสมาธิ ชำระใจจากนิวรณ์5
    บุญอย่างละเอียด คือวิปัสสนาบุญอย่างละเอียดกำจัดอนุสัย12ตัว โลภะ8 โทสะ2 โมหะ2 ....นี่ฟังเอาบุญมันได้บุญอย่างนี้ เมื่อเรารู้บุญเราก็หาเอาได้ตรงไหน? เราฟังได้ตรงไหน?กายได้ไหม วาจาได้ไหม ใจได้ไหม บุญเกิดทางกายวาจาใจ
    สองฟังเอาความรู้ อันนี้ต้องจำ ถ้าไม่จำไม่ได้ ...
    ทีนี้สามฟังเอาเป็นอุปนิสัยปัจจัย มันฟังเอาบุญนี่โยมจะฟังรู้เรื่องไม่รู้เรื่องก็อย่านึกว่าไม่ได้บุญ นะโยมเอ๋ย ตั้งใจฟังก็เป็นบุญแล้ว รู้ไม่รู้ก็ตาม...ค้างคาวมันไม่รู้เรื่องมันยังไปเกิดบนสวรรค์ได้ งูเหลือมก็ไม่รู้เรื่อง แม่ไก่ก็ไม่รู้เรื่องแล้วไปสวรรค์ได้ไง เราทำไมจะไปไม่ได้ อันนี้ฟังเอาบุญ...ดีกว่าไม่ฟังหลายเท่า
    ข้อที่สี่ฟังเอาปฏิบัติ อันนี้สำคัญมีอยู่ 2 อย่าง
    1.ฟังแล้วจำไว้ เมื่อมีโอกาสไปปฏิบัติตามทีหลัง เช่นอาตมาสอนว่าโยม โยมครองเรือนโยมต้องมีคุณธรรมสี่ข้อนะ พระพุทธเจ้าเรียกว่าฆราวาสธรรม
    1.1.ขันติ คือความอดทน
    1.2.สัจจะซื่อสัตย์ต่อกัน
    1.3.ทมะที่จะข่มใจตัวเอง
    1.4.จาคะเสียสละ
    ขันติ สัจจะ ทมะ จาคะ นี่ฆราวาสธรรม โยมก็จำไว้...เมื่อมีโอกาสถึงคราว..ขยันโยม ให้อดทนเวลาทำงานอาบเหงื่อต่างน้ำก็สู้ ให้ได้มาซึ่งเงินทองเลี้ยงตัวเลี้ยงครอบครัว ความลำบาก ความตรากตำ ทนเจ็บใจ...เอาไปปฏิบัติทีหลังก็ได้ แต่ถ้าเป็นนักวิปัสสนา ปฏิบัติเลยปฏิบัติขณะนี้โยมฟังเทศน์เดี๋ยวนี้ปฏิบัติได้เลย กำหนดตรงไหน...ที่วัดมหาธาตุ...ญาติโยมมาฟังก็ได้...เทศน์ก็ให้นั่งกรรมฐานไม่ให้ฟังเฉย นั่งสมาธิหลับตาฟัง กำหนดเลย กำหนดได้ยินหนอๆๆๆ..ที่หู สมัยพระพุทธเจ้าฟังอย่างนี้เป็นส่วนมาก ...ได้ยินก็สักแต่ว่าได้ยิน ก็คือได้ยินหนอ เห็นก็สักแต่ว่าเห็นคือเห็นหนอ นี่เรียกว่าฟังปฏิบัติ ทำไมจึงต้องปฏิบัติในขณะนั้น ก็เพราะว่า กิเลสมันเกิดในขณะนั้นด้วย ขันธ์5เกิดในขณะนั้นด้วย เกิดตรงไหน? ..เสียงกระทบหู เวลาอาตมาเทศน์อยู่เดี๋ยวนี้โยมได้ยินไหม? ได้ยินนี่ขันธ์5เกิดแล้ว ตรงไหนเป็นรูป..เสียงอาตมากับหูโยม..เสียงกับหูเป็นขันธ์นึงที่เรียกรูปขันธ์ ทีนี้เมื่อโยมฟังเสียงอาตมาแล้วรู้สึกอย่างไรโยม?บางคนถูกใจ..ฟังดีเกิดสบายใจใช่ไหม โยมสบายใจนี่แหล่ะขันธ์ไหน?สุขเวทนาเป็นเวทนาขันธ์ ถ้าคนไหนฟังแล้ว...พระองค์นี้พูดอะไรก็ไม่รู้..นี่ทุกขเวทนาเป็นเวทนาขันธ์อีก ถ้าคนไหนฟังแล้วเฉยๆ ดีก็ไม่ว่าชั่วก็ไม่ติ..เฉยๆอันนี้เป็นอุบกขาเวทนาก็เป็นเวทนาขันธ์ ได้สองขันธ์แล้ว ถ้าเกิดฟังแล้วจำได้ว่า..นี่หลวงพ่อหนอมาแล้วนี่เป็นสัญญาขันธ์หรือจำอาจารย์หนอไม่ได้อีกแต่รู้เป็นธรรมะพระท่านเทศน์ธรรมะก็เป็นสัญญาขันธ์แล้ว แต่งให้เห็นว่าท่านเทศน์ช้า-เร็ว ,ดี-ไม่ดี ,เข้าใจ-ไม่เข้าใจนี่เป็นสังขารขันธ์แปลว่าปรุงแต่ง ที่ได้ยินแว่วๆๆนี่วิญญาณ ครบ5ขันธ์หรือยังโยม? ได้ยินเสียงครั้งหนึ่งขันธ์5เกิดแล้ว ขันธ์5นี้แหล่ะเป็นอารมณ์ของวิปัสสนา เป็นภูมิของวิปัสสนาที่เรียก วิปัสสนาภูมิ6 (ขันธ์5 อายตนะ12 ธาตุ18 อินทรีย์12 อริยสัจ4 ปฏิจจสมุปบาต12...นี้คือภูมิของวิปัสสนา) ถ้ามันถูกขันธ์5แล้วเป็นภูมิแล้ว ก็มีทางเดินแล้ว จึงต้องกำหนดขันธ์5 โยมกำหนดได้ยินหนอๆๆมันถูกขันธ์5แล้ว ถูกรูปกับนามแล้ว ขันธ์5ย่อให้สั้นก็เหลือ2 ก็คือรูปกับนาม ...คือกำหนดรูปกับนาม กำหนดขันธ์5 นี่กิเลสมันก็ขาด ถ้าฟังเฉยๆกิเลสไม่ขาดนะโยมนะ ..แต่บุญก็ได้แต่บุญคนละขั้น เขาเรียกกามาวจรบุญ บุญในขั้นกาม..กามาวจรกุศลพาเราท่องเที่ยวอยู่ในกาม คือในโลกมนุษย์มั่ง อยู่ในสวรรค์6ชั้นบ้าง ...แต่ถ้าโยมกำหนดเวลาฟัง ได้ยินหนอๆกิเลสขาด เป็นบุญขั้นโลกุตตระ บุญเหนือโลก..เป็นบุญขั้นภาวนาแล้ว ต้องการจะไปนิพพานกิเลสขาด....


    ต้องขออภัยล่วงหน้าหากพิมพ์ผิดผลาดค่ะ
     
  20. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    น้องข้างบน สวยมาก

    ไม่เอามาทั้ง เว็บไซด์ เลยละจ๊ะ?
     

แชร์หน้านี้

Loading...