ขอรบกวนถามเรื่องการอบรมของชมรมนักสะกดจิตหน่อยครับ

ขอรบกวนถามหน่อยครับว่า....
การอบรมของชมรมนักสะกดจิตแห่งประเทศไทย น่าเชื่อถือ และน่าสมัครมั๊ยครับ
ค่าสมัครค่อนข้างแพง เสาร์อาทิตย์ 4600 x 4 courses
ผมอยากเอาความรู้มาประยุกต์ใช้กับงาน.....การวางยาสลบ น่ะครับ
เผื่อจะได้มีการพัฒนาทางการแพทย์และเป็นประโยชน์กับคนไข้บ้าง

หรือมีใครแนะนำอะไรได้บ้างครับ

 

อันนี้ ขอแสดงความคิดเห็นนะครับ

นักจิตวิทยาได้พยายามศึกษาการบำบัดจิตด้วยการสะกดจิต ซึ่งต้นแบบส่วนใหญ่น่าจะเป็นประเทศรัสเซีย ต่อมาได้แพร่หลายไปทั่วโลก

นักจิตวิทยาได้ใช้วิธีการนี้ในรูปแบบต่างๆ เช่น ให้ฟังเสียงคำสั่งของตน ลูกดิ่งติ๊กต๊อกๆๆๆ แต่สุดท้ายผลการพิสูจน์
กลับไม่ได้ผลเป็นน่าพอใจ และยิ่งหากนำไปรักษาผู้ป่วยแทนการวางยาสลบ น่าจะเป็นผลร้ายมากกว่าผลดี

เรื่องนี้เคยตีแผ่ในรายการ Discovery เมื่อนักสะกดจิต ได้สะกดจิตนักแสดงหญิงที่มีชื่อเสียงผู้หญิง
ให้เธอเล่าเรื่องราวคนในอดีตที่เคยรู้จัก พร้อมทั้งบอกชื่อเสียงเรียงนามเสร็จสรรพ

แต่เมื่อนักพิสูจน์ได้ค้นหาความจริงแล้ว ก็พบว่ากลับเป็นเรื่องไม่จริง เพราะสิ่งที่นักแสดงหญิงพูดนั้น
เกิดจากจิตใต้สำนึกที่อยู่ในสภาวะบีบเค้นโดยนักสะกดจิต

แต่อย่างไรก็ตาม อาจมีนักสะกดจิตที่มีพลังจิตที่เก่งจริงๆ ในระดับอาชีพ ซึ่งมีน้อยมากๆ
ก็ขอให้ใช้ปัญญาพิจารณา ประเดี๋ยวจะเสียทั้งทรัพย์และเวลา

หากมองในแง่ของการฝึกสมาธิหรืออภิญญา ครูบาอาจารย์บอกเสมอว่า
การใช้พลังจิตในสะกดจิตพื่อบังคับจิตใจผู้อื่นให้กระทำการใดก็ตามที่ตนปรารถนานั้น
ผู้นั้นย่อมได้ชื่อว่า เดรัจฉานวิชา

 

การสะกดจิตจริงๆแล้ว ไม่ได้เป็นการบังคับ ให้ใครทำตามโดยที่เจ้าตัวเขาไม่ต้องการเลยสักนิดครับ

เรื่องของเรื่อง คือแบบนี้ครับ ในกลไกการทำงานของสัญชาติญานคนเรา มันจะมีสัญชาติญานบางตัวที่..เรียกว่ายังไงดี? ..ไม่ทันเหตุการณ์ละกัน

อย่างเช่น สมัยดึกดำบรรพ์นะครับ มนุษย์ต้องสะสมอาหารและไขมันเหมือนสัตว์ชนิดอื่นๆ เผื่อเอาไว้เวลาขาดแคลนอาหาร

แต่ทุกวันนี้ คนส่วนใหญ่ไม่ต้องกลัวอาหารขาดแคลนหรอกครับ ออกไปเซเว่นก็มีให้เลือกกินเยอะแยะ

แต่สัญชาติญานมนุษย์เราหลายๆคนยังคงสะสมอาหารต่อไป บังคับให้เรากินๆๆๆเข้าไป
..ผลก็คือ อ้วน น้ำหนักเกิน
นี่คือตัวอย่างของกลไกสัญชาติญานมนุษย์ที่"ไม่ปรับตัวให้ทันยุคสมัย ไม่ทันเหตุการณ์"

ในกรณีนี้เจ้าตัวอยากอ้วนมั๊ย..ไม่
อยากหุ่นดีมั๊ย...อยาก
แต่ร่างกายมันไม่ทำตาม!

ตรงนี้แหละครับ ที่การสะกดจิตเข้ามามีบทบาท

สิ่งที่นักสะกดจิตทำ ก็คือ สื่อสารกับจิตใต้สำนึกและสัญชาติญานโดยตรง ตั้งค่า defaultใหม่ซะ ว่ากินน้อยกว่านี้หน่อย ไม่ต้องกลัวอดตายแล้วนะฯลฯ

เห็นได้ว่า คนที่มารับการสะกดจิต เขาอยากผอมอยู่แล้วครับ และนักสะกดจิตก็ช่วยสนองให้เขาทำได้ตามที่ต้องการ
นี่แหละครับ การสะกดจิตทำงานประมาณนี้

การสะกดจิตยังสามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้อีกหลายประการ เช่น เสริมสร้างความมั่นใจ ทำให้นอนหลับสนิท เลิกบุหรี่ เลิกเหล้า ทำให้อารมร์ดีขึ้นฯลฯ

ส่วนภาคมารของการสะกดจิต เช่นที่เคยมีข่าวของ"จิตวิทยาหมู่" หรือพวกลัทธิหัวรุนแรงต่างๆที่กล่อมให้คนเปลี่ยนความเชื่อ อันนั้นกระบวนการจะซับซ้อน และมักจะต้องอาศัย"หน้าม้า(ที่บางทีไม่รู้ตัวว่ากำลังเป็นหน้าม้า)"จำนวนมาก ถึงจะทำได้

ปล. โดยส่วนตัว ผมไม่เคยเรียนกับชมรมสะกดจิตครับ ของดออกเสียง ฮ่าๆๆ

 

ขอบคุณมากครับ ที่ชี้แจง

เข้าใจว่าหากนำวิธีการสะกดจิตไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในด้านบวก
ก็นับว่าเป็นกุศลยิ่งแล้วครับ

 

จิตเราดีอยู่แล้ว ไปให้เขาสะกดจิตทำไม?

 

ไม่ได้เป็นอะไร ควรฝึกจิตของเราไม่ให้ใครมาสะกดได้มากกว่า


แต่ถ้าต้องรักษาโรค ถึงขั้นต้องหาปมของโรค และจำเป็นต้องใช้การสะกดจิต
ควรหาจิตแพทย์ ที่เป็นนักสะกดจิต ที่มีคุณธรรมสูงหน่อยนะคะ

แต่ถ้าจะให้มีสติ เข้ากรรมฐานฝึกสมาธิ คุณอาจรักษาตัวเองได้


ส่วนจะฝึกไปรักษาผู้ป่วย คงต้องศึกษาหลายที่แล้วล่ะ
มันอาจมีทั้งข้อดีและเสีย

 

ผมเคยไปอบรม การสะกดจิต ของอาจารย์สุรพล ที่ธรรมศาตร์
ฝึกตัดตะเกียบด้วยกระดาษ
ฝึกจำชื่อคนให้ได้มากๆ
และนำเทคนิคสะกดจิตกลับมาประยุกต์ใช้กับตนเอง ก็ยังไม่เห็นผล เพราะผมอาจทำไม่ต่อเนื่องก็ได้
ส่วนการสะกดจิต ของอาจารย์ ชนาธิป ผู้ก่อตั้งชมรมสะกดจิตแห่งประเทศไทย
ผมยังไม่เคยลองไปอบรม แต่เคยซื้อหนังสือและเทป มาฝึก
ผมคิดว่า หากคุณยังไม่แน่ใจขอให้ซื้อเทป หรือหนังสือของอาจารย์มาลองฝึกก่อนดีกว่าไหมครับ
ถ้าได้ผลยังไงแล้วค่อยไปอบรมก็ได้

และผมอยากจะบอกว่า ความเป็นไปของชีวิต ย่อมมีวิบากกรมมาเกี่ยวข้องด้วย
มันจึงไม่สามารถเป็นไปตามที่เราต้องการให้เป้นเสมอไป
และที่สำคัญ ทุกสิ่งเป็นอนัตตา บังคับบัญชาไม่ได้

 

ผมเคยไปอบรมกับอาจารย์สุรพลมาแล้วครับ และหลังจากตัดตะเกียบได้แล้ว ผมยังทำการค้นคว้าเรื่องการตัดตะเกียบต่อเนื่องอีก
จนตอนนี้ผมบอกได้คำเดียวว่า


ถ้ามีใครสอนตัดตะเกียบ...อย่าไปเชื่อครับ!!

 

เป็นที่รู้กันทั่วไปในวงการสะกดจิตครับ ว่าคนที่ฝึกจิตมาดี จะรับการสะกดจิตได้ดีกว่า


ตรงข้าม คนที่มีระดับพลังจิตแบบหยาบๆ นักพลังจิตจะสะกดได้ยากกว่าครับ(จนบางครั้งจะขอ"ผ่าน"ไปเลย ไม่สะกดดีกว่า)

สรุป ถ้าไม่อยากถูกสะกดจิต ไม่ต้องถึงกะฝึกจิตหรอกครับ ทำจิตให้มันหยาบๆก็พอ เหอๆๆ

 

ขอบคุณนะครับสำหรับทุกความคิดเห็นและข้อแนะนำ...
ผมเพียงคิดว่าถ้าเป็นไปได้ อาจนำมาประยุกต์ใช้กับผู้ป่วย
แต่สำหรับตัวเองคิดว่า การสะกดจิตไม่น่าจะทำได้มากถึงขั้นสลบทำผ่าตัดได้
อาจจะเป็นเหมือนกับการใช้เสริม เช่น
ผู้ป่วยเด็กร้องไห้เข้ามา น้ำเกลือก็ไม่มีให้ยา ดมยาก็ไม่ยอมต้องบังคับเหมือนทำร้ายจิตใจ
จะให้ยาทางกล้ามเนื้อก็เจ็บ ถ้าทำให้สงบลงก่อนแล้วเริ่มแอบให้ดมยาตอนหลับต่อ น่าจะดี เป็นต้นครับ
ใครมีประสบการณ์ โดยเฉพาะคนที่เคยอบรมที่นี่หรือที่อื่นมาแล้ว กรุณาให้คำแนะนำด้วยครับ
โดยส่วนตัวไม่ค่อยเชื่อมากนัก แต่ถ้าทำได้ก็เป็นวิทยาทาน เพื่อการพัฒนาและผู้ป่วยครับ
ช่วยหน่อยครับ ไม่อยากเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ หรือ ส่งเสริมคนไม่ดี....โดยไม่จำเป็น
แต่ถ้าเป็นไปได้ก็น่าจะก่อประโยชน์มาก ขอความเห็นที่ถูกต้อง กรุณาอย่าพูดเกินจริงนะครับ
(ต้องขออภัย ไม่ได้กล่าวว่าสถาบันหรือชมรมนะครับ....พูดถึงทั่ว ๆ ไปครับ)
ผมมีความรู้เรื่องนี้น้อย และไม่ค่อยมีเวลาไปสืบหาข้อเท็จจริงมาก...งานยุ่งมาก แต่สนใจเรื่องนี้ครับ
ก็ได้แต่ขอความเห็นจากผู้รู้และมีประสบการณ์ชี้แนะ
ขอบคุณล่วงหน้าครับ
ปล.นี่เป็นโปรแกรมที่เค้าบอกสิ่งที่จะได้รับจากการอบรมครับ....
พลังจิตระดับพื้นฐาน Basic traininng course
สิ่งที่ท่านจะได้รับจากการอบรมนี้
1.ยกคนได้ด้วยนิ้ว เสริมศักยภาพพลังกายประสานพลังใจอย่างกลมกลืนและยิ่งใหญ่
2.จำของ 30 อย่างใน 5 นาที เพิ่มพลังความสามารถในการจำอย่างไร้ขีดจำกัด
3.เทคนิคการสร้างจินตภาพอย่างถูกต้องและทรงประสิทธิภาพ รับรองผล
พลังจิตระดับพื้นฐาน Basic traininng course
สิ่งที่ท่านจะได้รับจากการอบรมนี้
1.ยกคนได้ด้วยนิ้ว เสริมศักยภาพพลังกายประสานพลังใจอย่างกลมกลืนและยิ่งใหญ่
2.จำของ 30 อย่างใน 5 นาที เพิ่มพลังความสามารถในการจำอย่างไร้ขีดจำกัด
3.เทคนิคการสร้างจินตภาพอย่างถูกต้องและทรงประสิทธิภาพ รับรองผล
พลังจิตระดับประยุกต์ Applied
สิ่งที่จะได้รับจากการอบรมครั้งนี้
1.สั่งจิตใต้สำนึกตัวเองอย่างถูกต้อง
2.กระตุ้นพลังบำบัดในกาย
พลังจิตระดับสูง Apexed Mind Power
สิ่งที่จะได้รับจากการอบรมครั้งนี้
1.สะกดจิตบุคคลอื่นได้อย่างมืออาชีพ
2.ดนตรีบำบัดขั้นสูง
3.พลังจิตทายใจและควบคุมจิตใจ
4.สะกดจิตระลึกชาติ

 

เรารู้วิธีต่อต้านพวกสะกดจิตเป็น

แล้วก็พวกที่พูดโน้มน้าวเก่ง หลอกล่อเก่งและ โกหกเก่ง พวกนี้ตัวอันตราย

มันฝึกยากมากแล้วก็ต้องฝืนความรู้สึกอย่างแรง

พวกที่สะกดจิตเป็น ก็คือพวกที่พูดซ้ำซาก พูดถามย้ำไปย้ำมา

พยายามถามถึงแต่ปมด้อย จุดอ่อนในจิตใจของเราเอง

ทั้งใช้จิตวิทยาหมู่ ทั้งหว่านล้อม พวกนี้จะรู้เทคนิคชั้นเชิงการพูดมากกว่า

ว่าจะพูดยังไง ให้คนๆนั้นรู้สึกดีใจ เสียใจ หรือ ไว้ใจเขาแค่ไหน

การพูดจู่โจม หรือ ขู่บังคับ หรือพูดเสียงออกคำสั่งดังๆ
ในขณะคนถูกสะกดจิต กำลังขาดสติ เขาสั่งให้หลับตาแล้วทำใจให้ผ่อนคลาย เพราะ จุดนั้นแหล่ะที่จะสะกดจิตง่ายสุด ถ้าคุณทำงานอยู่แล้วมีคนมาออกคำสั่ง สะกดจิต มันทำไม่สำเร็จหรอก ไม่ต้องไม่ฟังและทำตามมันไง
ถ้าไม่เชื่อ ไม่สนใจ มีจิตใจที่ต่อต้าน มันก็ทำอะไรไม่ได้

การสร้างเกราะสะท้อนพลังงานชั่วร้าย จากพวกมีพลังจิตระดับสูง

พนักงานขายประกัน และ พนักงานขายบริการฟิตเนส

เป็นพวกใช้จิตวิทยาหมู่ และ เป็นตัวอันตรายมากเพราะทำให้คนเดือดร้อนมาเยอะแล้ว พวกนี้ต้องผ่านการอบรม ผ่านการทดสอบเยอะมากถึงจะ หลอกล่อคนให้ ซื้อบริการแสนจะแพงได้

มีทั้งพูดดีๆ มีทั้งดูถูก พูดโน้มน้าวชักแม่น้ำ ทั้ง 5
หลงเข้าไป ตอนบ่าย3 กว่าจะ
เดินออกมาได้ก็ ตก 5 โมงเย็น
มันพูดจน อยากจะ ลุกขึ้นตบปากมันซะเลย ขอตัวหนีออกมาหลายที
มันก็ไม่ยอม แถมไปเรียกคนอื่นมาพูดหลอกล่อต่ออีก

เปลื่ยนคนมาพูด 5 คน มีทั้ง มารุมพูด แล้วก็เอามืออาชีพมาพูด

กะจะขายบริการท่าเดียว ไร้ศีลธรรมอย่างแรงพูดเอาแต่ได้ไม่ฟังเหตุผลใคร
เอาแต่พูดอัดๆ เหมือนไปท่องมาพูดให้เราฟังแถม มีพูดดูถูกมองตั้งแต่หัวจรดเท้าอีกนะ มีการลดราคาให้ด้วย ถามแค่ว่า รายได้เท่าไหร่ ยิ่งเราบอกไม่มีเงิน มันจะ ยิ่งลดราคาให้เรื่อย เพื่อที่พยายามรวบหัวรวบหางเอาให้ได้

ใครจะไปเสียเงินเป็นหมื่นๆ มาซื้อบริการ ที่อยู่ไกลบ้าน นั้งรถ 2 ชั่วโมงมาเล่น
มันเอาแต่ จิตวิทยาอย่างเดียวเลย ไม่นึกถึงจิตใจและความเดือดร้อนคนอื่นเลย

บางคนต้องยอมสมัครบริการ ทั้งที่ไม่ได้อยากสมัครเลย แต่ทนรำคาญมันเซ้าซี้ไม่ไหว

รอดมาได้วันนั้น ดิฉันกลับไปบ้านถึงกับเข่าอ่อน อยากจะกระโดดเต๊ะก้านคอ พวกที่เอามาเห่า จิตวิทยาหมู่ มันบ้าเปล่าหว่ะ ติดป้ายหราว่า

แจก คอรส์ฟรี 5 วันทดลองเล่นฟิตเนสฟรี

พอเดินเข้าไป ถามก็เอา ใบสมัครกับ ปากกามาวางบนโต๊ะ ทำเอาเรางงเลยอะไรของมันหว่ะ มาเอาบัตรทดลองเล่นฟรี มันจะให้สมัครสมาชิกเฉยเลย

พอเราไม่ยอมเซ็นสัญญาอะไรก็เอานักพูดการขาย มาพูดแพร่มเป็น ชั่วโมง


ปล... พวกขายประกัน พวกฟิตเนส เจอเราด่ามาแล้วแหล่ะ
ส่วนพวกสะกดจิตป็น ถ้าเราไม่เชื่อที่มันพูดไม่ทำตามที่มันพูด มันก็ทำไรไมได้หรอก จริงๆนะ ใจแข็งไว้ นึกถึงพระพุทธเจ้าเข้าไว้ มันทำไรไมได้หรอก

 

ตรงนี้ผมแนะนำว่าถ้าจะไปฝึกหรือเรียน ให้เน้นทักษะการทำ pattern interruption มากๆครับ เพราะการสะกดจิตแบบมาตารฐาน ที่ต้องบอกให้"เด็ก" ..นอนลง...ทำตัวให้สบาย...หายใจเข้าออก.. ฯลฯ กว่าจะเสร็จมันจะใช้เวลานาน

แต่เทคนิค pattern interruption จะประหยัดเวลาไปได้เยอะ

อันนี้เป็นเทคนิคทางphysics นะครับ อาจใช้พลังความมั่นใจเสริมแค่นั้น

ไม่เกี่ยวกับพลังจิตมากนัก เป็นเทคนิคทางจิตวิทยาซะส่วนใหญ่ (ไม่รู้ทำไมตั้งชื่อหัวข้อว่าพลังจิตนำมาก่อน)
แต่เป็นเทคนิคที่มีประโยชน์ครับ จะได้ใช้ป้องกันตัวเองและคนที่รักจากการถูก mind control ได้

ดูจาก Course Outline แล้ว น่าจะได้ประโยชน์เยอะครับ (และน่าจะราคาแพงเอาการอยู่?)

และดูจากแนวการสอน ผู้สอนต้องทำpattern interruptionเป็นแน่นอน ซึ่งถ้าเขาสอนเทคนิคนี้ให้ด้วยจะมีประโยชน์กับเคสของคุณมาก ถ้าไปเรียนจริงๆ ถามเรื่องนี้ให้ได้นะครับ

 

นี่เป็นตัวอย่างหนึ่งของการ Mind Control นะครับ
http://g5.buildboard.com/viewtopic.php/270/3969/9111/0/

รายการนี้เขาสาธิตให้ดูโดยลงไปในรถไฟใต้ดิน แล้วทำให้คนลืมว่าจะลงสถานีไหน นึกยังไงก็นึกไม่ออก จนกว่่าจะแก้(โดยการเคาะหัว)ถึงจะนึกออก...คลิปเป็นภาษาอังกฤษครับ ขออภัยในความไม่สะดวก

อย่างไรก็ตาม โปรดสังเกตว่ามีคนหนึ่งที่รอดจาก mind controlไปได้

นอกจากอันนี้ การMind Control ยังเอามาใช้ในแง่ที่ไม่ดีได้ด้วย อย่างเช่นคนที่มาทำการสาธิตในคลิป ยังเคยสาธิตการทำให้คนที่เคร่งศาสนา เปลี่ยนศาสนากันเดี๋ยวนั้น และยังเคยสาธิตวิธีทำให้คนขายของรับกระดาษเปล่าแทนเงินได้ด้วย เหอๆๆ อันตรายมั๊ยล่ะครับ?


ปล. ขณะนี้บางประเทศในโลก มีกฏหมายมาป้องกันการประทุษร้ายด้วยการสะกดจิตแล้วนะครับ

 

เดาอยู่แล้ว ว่าคุณ adoc เกรงว่าบางที่หลอกลวง
ดูจากราคาแล้ว ถ้ามันไม่สมเหตุสมผลจริงๆ หรือเหมือนมีเรื่องธุรกิจมาเกี่ยวมากกว่าความสามารถ
ก็คงต้องสอบถามคนที่ไปเข้าคอร์สนั้นมาอย่างที่คุณทำอยู่จริงๆ





<TABLE class=tborder id=post1168146 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>djinn<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1168146", true); </SCRIPT>
สมาชิก



เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 10:20 AM
วันที่สมัคร: Sep 2007
ข้อความ: 95 <!-- Start Post Thank You Hack -->
ได้ให้อนุโมทนา 0 ครั้ง
ได้รับอนุโมทนา 124 ครั้ง ใน 51 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
พลังการให้คะแนน: 29




</TD><TD class=alt1 id=td_post_1168146 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->อ้างอิง:
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ เต้าเจี้ยว
ควรฝึกจิตของเราไม่ให้ใครมาสะกดได้มากกว่า


</TD></TR></TBODY></TABLE>

เป็นที่รู้กันทั่วไปในวงการสะกดจิตครับ ว่าคนที่ฝึกจิตมาดี จะรับการสะกดจิตได้ดีกว่า

ตรงข้าม คนที่มีระดับพลังจิตแบบหยาบๆ นักพลังจิตจะสะกดได้ยากกว่าครับ(จนบางครั้งจะขอ"ผ่าน"ไปเลย ไม่สะกดดีกว่า)

สรุป ถ้าไม่อยากถูกสะกดจิต ไม่ต้องถึงกะฝึกจิตหรอกครับ ทำจิตให้มันหยาบๆก็พอ เหอๆๆ


</TD></TR></TBODY></TABLE>



เรื่องสะกดจิต กับการสื่อสารทางจิต คงต้องแยกกันให้ออก
คนฝึกจิตมาดี ย่อมมีพลัง ไม่ตกอยู่ในการควบคุมของใคร
นอกจากต้องการจะเข้าไปรับรู้ในสิ่งที่ต้งการรู้เอง
คุณ djinn คงไม่สามารถสะกดจิตพระอรหันต์ได้หรอกกระมัง

การระลึกชาติของผู้ถูกสะกด จะต้องถูกอีกฝ่ายนำพา ซึ่งผู้นำจะต้องเก่งพอสมควร เพื่อให้ผู้ถูกสะกดผ่อนคลายและมีสติ ไม่อ่อนไหวไปกับสิ่งต่างๆ ที่รับรู้อยู่


อ้างอิงคุณ djinn.... ปล. ขณะนี้บางประเทศในโลก มีกฏหมายมาป้องกันการประทุษร้ายด้วยการสะกดจิตแล้วนะครับ

ตอบ...............หรือเป็นเพราะ โลกนี้มีแต่คนฝึกจิตมาดีล่ะ เหอๆๆ



จิตอ่อน จิตหยาบ จิตที่ฝึกมาดี .. ล้วนต่างกันทั้งนั้น

 

การสะกดจิตที่คนส่วนใหญ่เข้าใจกันตามที่ได้อ่านมาจากตำนานบ้าง นิยายบ้าง ข่าวลือบ้าง เป็นเรื่องของการบังคับจิตใจ ซึ่งจิตที่ถูกฝึกมาดีย่อมไม่ถูกบังคับแบบนั้นได้ง่ายๆ้ แน่นอนครับ

แต่จริงๆแล้วการสะกดจิตที่ฝึกกันในโลกแห่งความจริงในทางการแพทย์ เป็นเรื่องของการสร้างสรร บำบัดและช่วยเหลือครับ(ตามที่ผมได้โพสไปแล้ว) ซึ่งจิตที่ฝึกมาดี ย่อมเอื้อต่อการรักษาหรือสร้างสรร เพื่อการพัฒนาตัวเอง(เช่นลดความอ้วนฯลฯ)
คนที่สะกดจิตเป็นจะเข้าใจเรื่องนี้อย่างแน่นอนครับ นี่มันความรู้พื้นฐานในการสะกดจิตเลย

ขอถามคุณเต้าเจี้ยว เคยเรียนหรือฝึกสะกดจิตมานานเท่าใดครับ?

ผมเดาว่าไม่เคยเรียนสะกดจิต ไม่เคยฝึกสะกดจิต และไม่เคยชวยใครให้รอดจากการถูกสะกดจิต...เลยใช่หรือไม่(ถ้าผมเข้าใจผิด ขอให้ชี้แจงด้วยครับ)

เพราะจากที่คุณโพสมา เป็นไปได้สูงมากที่คุณเข้าใจการสะกดจิตผิดไปเยอะมาก ครับ

ด้วยความเคารพครับ ผมขี้เกียจอธิบายเรื่องของการสะกดจิตเพิ่มมากไปกว่านี้แล้ว หากใครสงสัยเรื่องการสะกดจิต
แนะนำให้ถามคุณเต้าเจี้ยว อาจจะได้ความรู้มากกว่าผมครับ

 

งั้นคุณก็ควรจะเข้าใจ คำว่าที่ดิฉันพูดถึง การฝึกจิต ว่ามีความหมายอย่างไรก่อนนะ
ไม่ควรเอาไปเออเอง ตามที่คุณคิด ทำให้คนสับสน
นี่คือสิ่งทีคุณนำมาโยงกัน

อ้างอิง:
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ เต้าเจี้ยว
ควรฝึกจิตของเราไม่ให้ใครมาสะกดได้มากกว่า





</TD></TR></TBODY></TABLE>
เป็นที่รู้กันทั่วไปในวงการสะกดจิตครับ ว่าคนที่ฝึกจิตมาดี จะรับการสะกดจิตได้ดีกว่า
ตรงข้าม คนที่มีระดับพลังจิตแบบหยาบๆ นักพลังจิตจะสะกดได้ยากกว่าครับ(จนบางครั้งจะขอ"ผ่าน"ไปเลย ไม่สะกดดีกว่า)
สรุป ถ้าไม่อยากถูกสะกดจิต ไม่ต้องถึงกะฝึกจิตหรอกครับ ทำจิตให้มันหยาบๆก็พอ เหอๆๆ


แล้วตอนท้ายของคุณเป็นเช่นนี้

อ้างอิงคุณ djinn.... ปล. ขณะนี้บางประเทศในโลก มีกฏหมายมาป้องกันการประทุษร้ายด้วยการสะกดจิตแล้วนะครับ


ตกลงคนที่ฝึกจิตมาดี ของคุณเป็นอย่างไรล่ะ
ถ้าเอามาโยงกับการฝึกจิต ที่ดิฉันกล่าว
แสดงว่าคุณสื่อความว่า การฝึกจิต ที่ดิฉันพูด หมายถึง คนที่ฝึกจิตมาดี ของคุณ

แล้วสำหรับดิฉัน ถ้าไม่อยากถูกสะกดนี่ ต้องฝึกจิตให้มากขึ้นไปอีก
ไม่ใช่จิตหยาบๆ แน่


นะ อธิบายดีๆ มันก็มีประโยชน์ล่ะ ท่านผู้เก่งเรื่องการสะกดจิต

 

ถ้าไปศึกษาการสะกดจิตเองก็จะเข้าใจที่ผมพูดครับ

ตอนนี้ ผมไม่อธิบายเพิ่มแล้วครับ

ขอบคุณ

 

แค่อ่านก็เข้าใจ สิ่งที่คุณพูด

แต่เรื่องที่ดิฉันสื่ออยู่ กลัวมันจะผิดรูปไป ด้วยความเข้าใจคลาดเคลื่อนของคุณ
จึงมาอธิบาย เพราะเป็นเรื่องสำคัญอยู่

 

ในนามของ คนที่ ศึกษาเรื่องนี้มานาน (พอสมควร)
ผมว่า
มีทั้งจริง ทั้งหลอก
และ อีกอย่างครับ
เป็น เรื่องของ บุคคล ด้วยครับ
คือ บางเรื่อง ง่าย สำหรับบางคน แต่ ยากมาก สำหรับอีกคน
ก็ เหมือน การนั่งสมาธิ
ทุกคนรู้ว่า ดี
แต่ บางคน สงบใจไม่ได้
จะว่า บุญเก่า กรรมเก่า ก็คงได้ ครับ

เอาเป็นว่า
เรื่องแบบนี้
เป็น ความเชื่อเฉพาะตัว ครับ
สำหรับผม
เชื่อว่ามี
และ บางที ที่เราทำไม่ได้
อาจจะช่วง
จิตอ่อน เหนื่อย หรือ ขาดสมาธิ แรงจูงใจ....

 

ผมคงแนะนำอะไรไม่ได้ แต่บอกได้อย่างเดียวเวลาฝึก อย่าไปอยากทำได้ครับ ห้ามรู้สึกอยาก ต้องรู้สึกแค่ว่ามันจะเกิดขึ้น สมาธิอยู่ตรงที่เรากำหนดจะทำ มันถึงจะสำเร็จนะครับ

:d:d:d