จิตสังขาร เกิดดับ เกิดดับควรยึดหรือ

ถ้าจะหลุดพ้น...สิ่งที่ต้องรู้...เพียงใบไม้หยิบมือเดียว...แค่จับแกนหลักได้...ก็ไม่หลงทาง...ตัดส่วนเกินที่ไม่จำเป็นออกได้มากมาย...

 

ลุงแมวใช้ 2 ใบคือ
ใบแรกคือ ธัมจักรกัปปวัตนสูตร กับ
ใบที่ 2ื อนัตตลักขณสูตร
คับ

 

ฝากไว้ซักคลิป... อนัตตลักขณสูตร

 

หึ๋ย อะไรก้ได้ ที่กำหนดรู้หมด นี่เรียกว่า ลงปัจจุบัน

 

หึ๋ยย ในวลี โดยบริบท เขามุ่งที่การทำความเพียร

เหตุ ของสัมมาสติ คือการกำหนดรู้

กำหนดรู้เพื่ออะไร เพื่อให้จิตมันจำสภาวะ

จำสภาวะเพื่ออะไร ทำไมต้องให้จิตมันจำสภาวะ
เพราะ การจำสภาวะได้นั้น เป็นเหตุใกล้ ที่ทำให้เกิดสติ

นี่
ที่มาของสติ ที่มาของสัมมาสติ มีสติก็เรียกว่ามีความเพียร

มีความเพียรจึงเรียกได้ว่ากำลังสร้างสติ

พวกกลบคำตถาคต อย่าไปพยายามอย่าไปพยายามไปทำอะไร

นี่ มันไม่เข้าใจตรงนี้

การกำหนดรู้เฉยๆ เป็นการทำให้ จิตรู้ตามความเป็นจริง
ซึ่งช่วงแรกจะอาศัย เจตนาเข้าไปก่อน
แล้วก้พยายามทำต่อไปแบบนั้นแบบเดิมๆ เนืองๆให้ได้ต่อเนื่อง

แล้วจิตมันจึงจะจดจำสภาวะได้ด้วยตัวมันเองเมื่อมันมีความชำนิชำนาญ แล้วพอเกิดผัสสะ กระทบปั๊ป สติจะเกิดเองโดยอัตโนมัติ นี่ เขาเรียกว่าเป็นผลงานของความเพียรสร้างสติ

และเมื่อ นั้น สติตัวแท้ๆ
หรือสติตัวจริงหรือสัมมาสติ หรือสติสัมโพชฌง
มันจึงมีเหตุมาด้วยอาการอย่างนี้

เท่านั้นยังไม่พอ และเมื่อสติมันเกิดเองแบบนี้แล้ว
การแยกรูปนามมันจะเป็นไปพร้อมกันในตัวด้วย
เท่านั้นยังไม่พอ การปล่อยวางก็เกิดไปพร้อมกันด้วย
เท่านั้นยังไม่พอ สมาธิจิตตั้งมั่นที่เป็นสัมมาสมาธิก็เกิดตามมาเองด้วย
เท่านั้นยังไม่พอ ปัญญาก็เกิดตามมาเองด้วย

เท่านั้นยังไม่พอ แต่พอก่อน อิอิ

 

พอดีมั้นไส้ พวกแยกรูปนามเป็นแต่มองไม่ออก อิอิ

 

มันไม่กลับกลอกหรอกครับ

ถ้าคุณเห็นอนัตตาธรรมได้ คุณเป็นพระอรหันต์แล้วครับ
เพราะ สิ่งตัดสินสุดท้าย คือ จิตตัดสินผล ลงไตรลักษณ์

คุณก็จะแจ้งไปแล้ว

แต่พระโสดาบัน จิตยังไม่ตัดสินของไตรลักษณ์ เป็นแต่เพียงความเห็นที่ถูกต้อง เป็นสัมมาทิฐิแค่ 25 เปอร์เซ็น

เมื่อเทียบกับพระอริยะในขั้นที่สูงขึ้นไป

แล้วปุถุชน จะมีความเห็นเป็นสัมมาทิฐิได้ ขนาดไหน

พระโสดาบัน มีสติเล็กน้อยมีปัญญาเล็กน้อย
แล้วปุถุชนจะมีสติมีปัญญาขนาดไหน

ทีนี้ พวกที่พร่ำรำไพ ร่ำพัน อุ๊ยยย ฉันเห็นไตรลักษณ์แล้ว
แล้ว ยังมาเห็นแล้วเห็นอีก

นี่พวกกลับกลอก ไม่รู้เรื่อง ความเป็นอัตโนมัติ ไม่รู้เรื่องสภาวะปรมัตถ์ ไม่รู้เรื่องสภาวะพ้นเจตนา ว่ามันเป็นยังไงตังหากเล่า

นิพพาน จึงมีการเห็นแล้วแจ้งเลย ไม่มีมาเข้าๆออกๆ
แม้พระอนาคามีก็ยังไม่เห็นนิพพาน เพียงแต่มีความแน่แท้แล้วว่าบรรลุแน่นอน

จิตเดิมแท้หรือจิตบริสุทธิ์ หรือจิตพุทธะ
ที่พวกของปลอมเข้าใจ
มันจึงไม่ได้เกิดมาก่อนไม่ได้โผล่ ออกมาให้เห็นก่อน
แต่มันโผล่ ออกมาตอนสุดท้าย
เพราะมันโผล่ออกมาเมื่อไหร่
นั่นคือ
สุดทาง
มีนิพพานเป็นที่สุด ไม่มีกลับกลอก
เนี๊ยะ ตรงนี้ ที่พวกของปลอมเอาหลวงตามหาบัว
เอาหลวงปู่ดุลย์มาอ้าง เอาพระมหากัสปะมาอ้าง
เอาธรรมท่านตั๊กม้อหรืออาวุโสโพธิธรรมมาอ้าง
แต่ไม่รู้เรื่อง ว่าธรรมแท้ออกมาเยี่ยงไร

ฉันไม่ได้พูดนะเป็นอรหันต์
แต่พยายามทำให้คนอื่นเข้าใจว่าตัวเองเป็นอรหันต์
พวกนี้หากอยู่ในเพศบรรพชิต
จึงปาราชิกตั้งแต่เป็นพระโดยไม่ต้องมีใครไปจับสึก
ด้วยความหลงที่เป็น นิยตะมิจฉาทิฐิ

 

อุเหม่ ธัมจักรกัปวัฒนสูตร แม้แต่จะสวดบาลี ยังไม่สวดเลย
จะเอามาโม้ ว่าใบแรกเป็นธัมจักร
ยิ่งอนัตลักขณสูตรไม่ต้องไปพูดถึง

ฟังธรรมพระพุทธองค์ แต่ลงแต่คำใครไม่รู้ ขว้างงูก็ไม่พ้นคอ

 

25 % ของการละความยึดมั่น
ถือมั่นในรูปนามขันธ์ 5 ตัดเกรด
เป็นพระโสดาบัน
50 % ของกรละกรยึดมั่นถือมั่นใน
ในรูปนามจันธ์ 5 ตัดเกรดเป็นพระ
พระสกะทาคามี
75% ของการละการยึดมั่นถือมั่น
ในรูปนามขันธ์ 5 เป็นพระอนา
คามี
สุดท้าย ได้แก่ผู้สิ้นยึดในรูปนามขันธ์5
ครบ 100 % คือเป็นผู้สิ้นอาสวะ
มีจิตสะอาดบริสุทธิ์
บรรลุอริยสัจจ์เป็นพระอรหันต์

(ไม่ใช่การวัด% ของความเห็นถูกหรือเห็นผิด)เพราะมีสัมมาทิฏฐิได้ 100%
แต่ละการยึดมั่นถือในอัตตาตัวตนได้
ไม่เต็ม100 ก็ตัดภพตัดชาติยังไม่ได้คับ

 

รู้ได้ไม่หมด เพราะสติหมดไปก่อนแล้ว 555

 

เทศน์มากระวังใบลานหาย

 

การกำหนดรู้ เขาไม่ฟิกไม่เค้นหรอก
ขอให้ฝึกให้ได้เนืองๆ อย่างต่อเนื่อง

กำหนดรู้กายเคลื่อน นิ้วพิม ใจไหวใจเพื่อม
อันไหนได้ก็อันนั้น ไม่จำเป้นต้องเคร่งเครียด
ต้องได้ต้องได้อะไรแบบนี้ มันก็ไม่ถูก

ตรงไหนเป็นใบลาน เอาปากกามาวง อิอิ

 

สัมมาทิฐิ ก็คือ ความเห็นถูกต้อง

ความเห็นถูก ของพระโสดาบัน จึงเทียบ ความเห็นที่ถูกต้องของพระสกทาคามีไม่ได้

พระสกทาคามีก็มีความเห็นถูก ที่เทียบพระอนาคามีไม่ได้

พระอนาคามี ก็มีความเห็นถูก ที่เทียบพระอรหันต์ไม่ได้

เพราะพระอรหันต์ มีความเห็นถูกต้อง 100 เปอร์เซ็น

 

สวัสดีค่ะ คุณธรรมแท้ว่าง ผู้ทำความเพียร ที่เพียรเพื่อจะให้เกิดสิ่งใหม่ เพื่อให้ได้สิ่งที่คาดหวัง(ช่วยยกตัวอย่าง ความเพียรเพื่อจะให้เกิดสิ่งใหม่ที่เป็นความเพียรแบบมิจฉาฯ สักหนึ่งตัวอย่างสิค่ะ คุณธรรมแท้ว่าง ตามที่ไก่กา หน้าอย่างเราเข้าใจว่า คุณอาจหมายถึงการแก้กรรม ทำพิธีบวงสรวง หรืออาจรวมไปถึงการขอพรต่อองค์เทพเทวาด้วยใช่ หรือป่าวค่ะ

 

จะค้นหามาโชว์ต้องพิจารณาให้ดีว่า
มันเป็นของแท้มั้ยแล้วค่อยก๊อปมาวาง
ผลของคำตอบมันมีหลากหลาย
มาจากความเข้าใจที่ผิดบ้าง ถูกบ้าง
ชัดเจนบ้าง คลุมเครือบ้าง
ฉะนั้น ควรวิเคราะห์แยกแยะ ก่อนก๊อป
เอามายำคับ

 

ไม่ใช่คับ
เพียรเพื่อให้รู้แจ้ง หรือให้พบ
ความจริงในธรรมชาติของ
ธาตุ 4 (+ 2 ) ขันธ์ 5 ว่าเป็นอนิจจัง
ทุกขัง อนัตตายึดมั่นถือมั่นเป็นอัตตา
ตัวตน เป็นสัตว์ บุคคล เรา เขา ไม่ได้
ถ้าไปเพียรเพื่อให้พบ ให้ได่ ให้เป็น
อย่างอื่นเช่นเพียรให้ได้นิพพาน
เป็นต้น มันก็เป็นการเพียรผิดทาง
คับ

 

ลุงคับ แล้วเราต้องทรงอารมยังไงถึงจะไม่มีอัตตา และอยู่กับโลกสมมุตินี้ได้แบบไม่ทุก

 

ขณะตัดสินผล...สิ่งที่เห็นแจ้งคือรูปนามจะเห็นในมุมเกิดดับ...หรือในมุมเป็นของเปลี่ยนแปลง...ที่สุดแล้วจะเห็นรูปนามเป็นของว่างเปล่านั่นคือสภาพของอนัตตา...ยังไงต้องลงที่ความว่างเปล่า...เป็นเหตุให้ละสักกายทิฐิ...เพราะความว่างเปล่าของรูปนามนั้น...ปราศจากตัวตนใดๆ

ถ้าคุณคิดว่าพระโสดาบันไม่ได้เห็นแจ้งรูปนาม(ไตรลักษณ์)...คิดว่าพระโสดาบันเห็นแจ้งอะไรถึงละสักกายทิฐิได้

ขณะถัดมา...จิตถอยออก...จากการเข้าไปเห็นรูปนามแล้ว...ทวนเห็นที่ผ่านมา...หลงไปยึดกับของทุกอย่างที่ล้วนแต่มีสภาพเปลี่ยนแปลง...ว่างเปล่า...เกิดการเห็นแจ้งอริยสัจในขณะนี้...จึงเกิดสัมมาทิฐิขึ้น...เป็นเหตุให้ทำลายความลังเลสงสัย...ทำลายความเข้าใจผิดว่าสุขทุกข์มีอะไรบันดาล...เพราะได้เห็นเหตุที่แท้จริง...เพราะยึดจึงทุกข์...การเห็นแจ้งอริยสัจล้างผลาญสังโยชน์ขาดลง... ความเห็นถูกต้องของพระโสดาบันย่อมถูกตรง 100% เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยทิฐิ...เป็นไปดังคำของพระพุทธเจ้า...ส่วนการปล่อยวางความยึดต่างหาก...ที่แยกระหว่างพระอริยะทั้งหลาย...ไม่มีพระอริยะที่ไหนมีความเห็นถูกแค่ 25% แล้วมีความเห็นผิดอีก 75% ... อย่างนั้นมันเท่ากับพระโสดาบันละสักกายะทิฐิได้ 25% ยังเชื่อว่ารูปนามนี้มีตัวตน75% แบบนี้ไม่มีทางละสังโยชน์ได้....ลองไตร่ตรองดูดีๆ

 

พูดถูกต้องพิจารณาให้ดี.

ว่าแท้หรือปลอม..

อย่าง คำว่า จิตปภัสสร เป็นนิพพาน
ธาตุรู้เป็นนิพพาน..เอาแบบนี้มาเผยแพร่ เรียกว่าแท้ หรือปลอม...

เอา.. แท้ หรือ ปลอม

ใช่ หรือ ไม่ใช่

ถูกหรือไม่ถูก..

 

น้องณุว่า ในที่นี้จะมีความเป็นไปได้ไหมที่บางคนจะเข้าใจว่าหรือตีความว่า รูปนาม คือจิตเจตสิก ประเด็นที่ถามมันอาจจะประหลาดสักหน่อยนะ คืออย่างนี้ ในเมื่อทุกคนว่า เข้าไปเห็นรูปนาม หรือ แยกรูปนาม สรุปว่า รูปนามคืออะไร และใครเป็นผู้ไปเห็นและใครเป็นผู้ยึดและผู้ปล่อย ที่สำคัญเลย แล้วรูปนามในที่นี้คืออะไร จะตีค่าว่าทั้งหมดไม่มีรูปมีแต่นามมันทำได้จริงเหรอ สำคัญมากประสาคนเมาคือ ยิ่งฟังยิ่งเห็นเลอะเทอะกว่าคนเมาหลายขุม เหมือนฟ้ากับเหวจริงๆ คำว่าใครคือผู้เห็น มีคนพูดไว้มากกว่าหนึ่งคนแน่นอน