เสียงธรรม สมาธิ กสิณ อภิญญา,คําสอน / หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

ในห้อง 'ธรรมเทศนาทั่วไป' ตั้งกระทู้โดย supatorn, 6 ตุลาคม 2017.

  1. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,070
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,047
    อารมณ์แทรกซ้อน
    ผู้ถาม กราบเท้าหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง เวลาลูกเริ่มไหว้พระสวดมนต์ อันดับแรกจะต้องหาวาจนน้ำตาไหลทั้ง ๆ ที่ไม่เคยง่วง อีกอย่างหนึ่งชอบมีอารมณ์แทรกซ้อน เวลาเจริญอานาปานุสสติกรรมฐาน คิดโน่นคิดนี่ เผลอ ๆ ก็เป็นฝ่ายอกุศลอารมณ์อย่างนี้จะมีวิธีแก้ไขอย่างไรหรือไม่ เพราะเป็นปรกติเลยขอรับ?
    หลวงพ่อ เป็นของธรรมดา ทุกคนเป็นเหมือนกัน เขาเรียกว่า นิวรณ์ นิวรณ์ตัวที่ ๒ กับนิวรณ์ตัวที่ ๔ นิวรณ์ตัวที่ ๒ คืออารมณ์โกรธไม่พอใจ นิวรณ์ตัวที่ ๔ คือ อารมณ์ฟุ้งซ่าน เราก็ถอยหลังเสียใหม่ พักสักประเดี๋ยวหนึ่ง ดูอะไรให้มันเพลิน ๆ พอเริ่มใหม่ปั๊บ จับลมหายใจเข้าออก เอาจิตจับเฉพาะลมหายใจเข้าออกให้มันทรงตัว ทีสองทีก็เป็นที่พอใจแล้ว
    ทำอารมณ์ก่อนผ่าตัด
    ผู้ถาม หลวงพ่อเจ้าขา เมื่อวันที่ ๗ มีนาคม หมอจะผ่าตัดลูกด้วยเหตุที่เป็นเนื้องอก ลูกไม่อยากผ่าตัดเลยเพราะกลัวตาย แต่ก็ไม่เชิงกลัว (เอ๊ะ ยังไง) คือลูกอยากจะถามหลวงพ่อเดี๋ยวนี้ว่า ก่อนที่เขาจะลงมือผ่าตัด ลูกควรจะทำอารมณ์พระกรรมฐานแบบไหน เวลาตายตอนนั้นจะได้ตายสบาย?
    หลวงพ่อ เอาอย่างนี้ซิ พุทโธ นึกถึงพระพุทธเจ้าหรือพระพุทธรูปก็ได้ ไง ๆ ก็ยังไม่ตายวันนี้ เขายังไม่ถึงเวลาตาย ไอ้เวลาตายคือเวลาไม่หายใจ นี่ผ่าตัดอีกสัก ๓ ครั้งก็ยังไม่ตายคนนี้นะ แต่ว่า เขาต้องการอารมณ์กรรมฐานนะ ... ดีแล้ว พุทโธ ก็แล้วกันสำคัญมาก ถ้าหากว่าได้มโนมยิทธิจับพระนิพพานเป็นอารมณ์พุ่งไปนิพพานเลย ไปนิพพานนี่ดีนะ คือว่าหมอไปทำฟันฉันทั้งหมดนี่ ๒๘ ครั้ง ขูดบ้าง เจาะบ้างอะไรบ้างนะ ฉันกลัวปวดกลัวเสียวฉันก็เปิดไปนิพพาน หมอต้องเรียกเวลาเลิก
    ผู้ถาม ทำไมครับ หลวงพ่อ?
    หลวงพ่อ ไม่รู้สึก เพลิน คราวหนึ่งเมื่อรู้สึกจะเสียว พอเริ่มเสียวนิด ฉันก็เปิดไปเลย หมอก็ทำไปตั้งแต่ ๒ โมงครึ่งเช้า ถึง ๕ โมง ๑๕ นาที หมอเรียกฉันรู้สึกตัว ถามหมอเสร็จแล้วหรือ หมอถามว่าเจ็บไหม พอแกถามว่าเจ็บไหม ทีนี้ไปเลย (หัวเราะ) ความจริงยังไม่เจ็บนะ ก็เลยคิดว่าน่ากลัวมันจะเจ็บจะเสียว ใช่ไหม... เขาถามว่าเจ็บไหม เสียวไหม หลวงพ่อ? ฉันก็ไม่พูด ไปเลย
    ผู้ถาม จะผ่าตัดหรือจะทำอะไร เราจู๊ดไปเลย นี่
    หลวงพ่อ นึกถึงนิพพานไว้เป็นอารมณ์ ถ้าบังเอิญมันตายเวลานั้น ก็ไปนิพพานเลย
    ทำสมาธิชอบโกรธ
    ผู้ถาม กราบเท้าหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง ลูกทำสมาธิทีไร กิเลสตัวหนึ่งที่ลูกแก้ไม่ได้ คืออารมณ์โกรธ เวลาปรกติก่อนนั่งสบาย หัวเราะร่าเริง พอเข้านั่งสมาธิทีไร เดี๋ยวไอ้โน่น เดี๋ยวไอ้นี่มารบกวน โดยสถานที่นั้นก็เงียสนิท ทีนี้ก่อนจะนั่งจะตั้งจิตอธิษฐานว่าอย่างไร เวลาทำกรรมฐานจึงจะไม่มีอารมณ์โกรธเจ้าคะ?
    หลวงพ่อ เอาอย่างนี้ซิ ไม่โกรธหนอ ๆ ๆ (หัวเราะ)
    ผู้ถาม หายไหมครับ
    หลวงพ่อ อาจจะไม่หาย ก็ทำใจสบาย คิดว่าเป็นเรื่องธรรมดาเสียงที่อื่นจะเข้ามาก็เป็นเรื่องของเขา เพราะเสียงนี้เราไม่ต้องการ สิ่งที่เราต้องการคือคำภาวนากับรู้ลบมหายใจเข้าออกเท่านี้ก็พอแล้ว
    ชอบถูกนินทา
    ผู้ถาม กราบเท้าหลวงพ่อเจ้าขา ลูกมีเวรมีกรรมอะไรก็แก้ไม่นาย ทำบุญสงเคราะห์อนุเคราะห์คนอื่นทีไร ทีแรกเขาก็ยกยอปอปั้นดี พอลับหลังก็นินทาแหลกเลย ในลักษณะอย่างนี้ทำให้ลูกมีอารมณ์ขุ่นหมอง จิตเศร้าหมองเป็นประจำ ขอกรรมฐานของหลวงพ่อช่วยแนะนำอารมณ์ประเภทนี้ด้วยเถิดเจ้าค่ะ?
    หลวงพ่อ แก้อารมณ์เรอะ ฉันคิดว่าแก้อาการ
    ผู้ถาม อารมณ์กับอาการไม่เหมือนกันหรือครับ?
    หลวงพ่อ ไม่เหมือน... อาการคือถูกนินทา อารมณ์ก็ขุ่นมัวอาการอย่างนี้นะฉันเจอเป็นปรกติ พระเจ้าอยู่หัวท่านเคยตรัส สมัยก่อนเคยไปเฝ้าท่านนะ ท่านก็เล่าเรื่องคนนินทาท่านให้ทราบ ท่านเล่าหลายเรื่อง มาตอนหลังท่านบอกว่า เมื่อก่อนนี้เขาหาว่าผมฆ่าพี่ แต่เดี๋ยวนี้เขาหาว่าผมฆ่าพ่อตา เขาลือบอกว่า พ่อตาผมเป็นไข้ เอาเหล้ากรอกปากแล้วพาวิ่งตายไปเลย
    ก็เลยบอกว่า พระองค์แบบไหน อาตมาก็แบบนั้นแหละ ให้เขาเขาก็ด่า ไม่ให้เขาเขาก็ด่า แต่เราให้เป็นการตัดกิเลสของเราเป็นของธรรมดา ท่านถามหลวงพ่อคิดยังไงครับ เลยบอกว่าใช้คาถาบทหนึ่งว่า “ช่างมัน ๆ” และถามว่าพระองค์ล่ะ ผมคิดว่า “เรื่อย ๆ ครับ” คือว่าของอย่างนี้เป็นธรรมดา แต่ว่าเราทำดีก็แล้วกัน
    ผู้ถาม โอ นี่แสดงว่า พระทัยของพระองค์นี่ปลงตกเหมือนกันนะ
    หลวงพ่อ ท่านเก่งมาก เรื่องปลงนี่เก่งมาก สมาธิก็เก่งจัด การเข้าฌานออกฌานก็เก่งมาก และใช้กำลังใจได้ด้วยนะ ท่านเป็นอัจฉริยะทุกอย่าง ถ้าไม่คุยกับท่านจะไม่รู้เรื่อง เรื่องธรรมะนี้ละเอียดลออมาก ทั้ง ๆ ที่มีเวลาน้อยนะ แต่ว่าละเอียดลออมาก
    ช่วยเขาแต่ถูกด่า
    ผู้ถาม กราบเท้าหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง ลูกเองก็ไม่รู้ว่าจะมีกรรมเก่ากรรมใหม่เป็นประการใด คือว่าลูกเป็นคนมีเมตตา ชอบช่วยเหลือเผื่อแผ่คนบ้านใกล้เรือนเคียง และคนเดือดร้อนทั่วไปเสมอ ติดใจอยู่นิดหนึ่งก็คือว่า ทุกคนที่ได้รับการช่วยเหลือไปแล้วนั้น เขาไม่เคยรู้บุญคุณของลูกเลย เขากลับมาเยาะเย้ย “เอ็งมันโง่ เสือกช่วยข้า” ลูกก็มานึกถึงหลวงพ่อว่าวิธีทำบุญให้เขานึกถึงบุญคุณของเรานี้ จะทำแบบไหนเจ้าคะ?
    หลวงพ่อ ความจริงโรคเดียวกับฉันนะ ก็ถูกด่ามาเรื่อย ๆ
    ผู้ถาม โอ หลวงพ่อเป็นเหมือนกันหรือครับ?
    หลวงพ่อ สมัยก่อนหนัก หนักมาก ในเมื่อเราเป็นโรคเดียวกันรักษาหายนะ ให้ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา ทำบุญให้ถือว่าทำบุญ ถ้าทวงคุณอานิสงส์มันต่ำ เราถือว่าเราให้ไป เราสงเคราะห์เพื่อเป็นทานใช่ไหม ปล่อยไปเลย ถ้าเขาอกตัญญู ไม่รู้คุณมาสองเราแบบนั้น เขาลงนรกเป็นเรื่องเของเขา อย่าไปยุ่งกับเขา
    ผู้ถาม โอ ขนาดหลวงพ่อยังเป็นเลยนะ
    หลวงพ่อ พระพุทธเจ้ายังเป็น โดนเทวทัตล่อเห็นไหมล่ะ
    โกรธแล้วถึงมีสติ
    ผู้ถาม หลวงพ่อเจ้าขา ลูกเป็นคนนิสัยไม่ดีนิดเดียว คือเป็นคนที่โกรธแล้วจะมีสติในภายหลัง ทีนี้ก็อยากจะเรียนถามหลวงพ่อว่า ควรจะทำอย่างไร จึงจะมีสติก่อนที่เราจะโกรธเจ้าคะ?
    หลวงพ่อ เอาอย่างนี้ซิ พอลุกมาตอนเข้าก็ตะโกน “สติโว้ย...มาพร้อมกันโว้ย” “สติโวย...มาบริบูรณ์โว้ย” “สติโว้ย...มาทั้งหมดโว้ย” ร้องอย่างนี้ทุกวันเลย สติไม่ไปไหนนะ หัดเจริญ อานาปานุสสติ ซิ
    ชอบอาฆาตพยาบาทผู้อื่น
    ผู้ถาม หลวงพ่อเจ้าขา ลูกมีกิเลสที่เลวร้ายอยู่หนึ่งตัว กล่าวคือ ความเคียดแค้นอาฆาต พยาบาทจองเวรกับผู้อื่นทั้ง ๆ ที่เมตตาก็แผ่แล้ว เทปหลวงพ่อก็ฟังแล้ว หนังสือหลวงพ่อก็อ่านแล้ว สมาธิก็ทำแล้ว แต่ปรากฏว่าแก้ไม่ตก วันนี้อยากจะขอทีเด็ดจากหลวงพ่อว่า จะมีทางแก้ไขอย่างไร เพราะเกรงว่าอาฆาตเคียดแค้น ตายแล้วจะลงนรกเจ้าค่ะ?
    หลวงพ่อ ทีเด็ดก็คือว่า ไปหาถ้ำไกล ๆ จะได้ไม่โกรธคนอื่น ถ้าอย่างนี้เขาดีแล้วนี่ เขารู้ว่ามันไม่ดี แสดงว่าคนนี้เริ่มดีมากแล้ว ใช้อารมณ์เดิมก็แล้วกันนะ ค่อย ๆ ลดไปนะ อย่างนี้ดีมากแล้ว ไม่ใช่ไม่ดีนะ เขารู้ว่าเลวแสดงว่าดีขึ้นนะ ที่พระพุทธเจ้าทรงบอกว่า “บุคคลรู้ตัวว่าเป็นพาล ท่านบอกว่าบุคคลนั้นคือบัณฑิต” ทีนี้คนที่เขาคิดว่าอารมณ์นี้มันเลว แต่ความจริงที่รู้ว่าเลวน่ะ ต้องเป็นคนดีแล้ว ถ้าไม่ดีไม่รู้ว่าเลว
    และประการที่ ๒ ถ้ารู้ว่าเลวแล้ว ไม่กล้าเปิดเผย ยังลงอยู่นี่เขาเปิดเผยตัวเองก็ต้องถือว่าดีมาก ค่อย ๆ ทำก็แล้วกันจะหายไปเอง
    ชอบทะเลาะกัน
    ผู้ถาม กราบเท้าพระเดชพระคุณหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง ลูกมีเรื่องจะขอคำแนะนำจากหลวงพ่อ คือว่าที่บ้าน ของลูกครอบครัวไม่รู้เป็นยังไง ทะเลาะวิวาทเสียดด่า มีอันจะต้องเดือดร้อนกันอยู่เสมอ
    หลวงพ่อ ดี ๆ ๆ ๆ
    ผู้ถาม อะไรครับ หลวงพ่อ แกด่ากันทะเลาะกัน
    หลวงพ่อ ออกกำลังกาย ใช้ปัญญาบารมี (หัวเราะ) เอ๊ะ ด่าแบบไหนจะดีนะ ใช้ปัญญาเรื่อย ๆ นี่ล่ะ โลกธรรม
    ผู้ถาม เขาบอกว่า แม่ก็ศาสนาหนึ่ง ลูกก็ศาสนาหนึ่ง คือในบ้านมีทั้ง ๓ ศาสนา มีพุทธ มีคริสต์ มีอิสลาม แต่ที่ร้ายที่สุดก็คือว่า ศาสนาอิส...นะ ชอบรังแกพุท และชอบว่าพระพุทธรูป ดิฉันก็โกรธก็บอก “นี่ของใครของมันซิวะ”
    หลวงพ่อ เออ...เขาถูกต้องนะ
    ผู้ถาม วะ...นี่ถูกต้องหรือครับ?
    หลวงพ่อ ถูกต้อง วะ...นี่แปลว่าหนักแน่นนะ
    ผู้ถาม ก็เลยเป็นอันเถียงกันไปเถียงกันมาแบบนี้ ที่จะกราบเรียนถามโดยสรุปก็คือว่า ลูกควรจะทำอารมณ์จิตแบบไหน ที่สามารถจะต้านอารมณ์ที่มายั่วเย้า หรือยุแหย่ ทำให้ลูกเดือดร้อนได้เจ้าคะ?
    หลวงพ่อ ถือว่าเป็นกฎธรรมดาของชาวโลก ชาวโลกถ้าเกิดมาแล้วต้องถูกนินทา วันนี้แนะนำว่า นัตถิ โลเก อนินทโต คนที่ไม่ถูกนินทาเลยไม่มีในโลก นี่พระพุทธเจ้าพระพุทธรูปแท้นะ ท่านเป็นอิฐเป็นปูน พูดไม่ได้ยังถูกนินทาเลย ได้เราล่ะ
    ผู้ถาม อย่างนั้นก็ให้มันนินทาให้มันด่าต่อไป
    หลวงพ่อ ถ้านินทาด่าจริง ๆ ถ้าเก่งจริงนะ เขาต้องไม่เลิก ๒๔ ชั่วโมง ไม่กินข้าวไม่กินปลา ด่าเรื่อย...นินทาเรื่อย
    ผู้ถาม แม้แต่จะปวดท้องขี้ปวดท้องเยี่ยว
    หลวงพ่อ ไม่เลิก ไม่ไปขี้ด้วย
    ผู้ถาม ไหวหรือครับ...หลวงพ่อ?
    หลวงพ่อ ก็นั่นซิ เดี๋ยวแพ้เราเองแหละ เราเฉยไว้ก็หมดเรื่องกันนะ
    ผู้ถาม ใช้ตำราหลวงพ่อ
    หลวงพ่อ ใช่ ๆ ๆ ช่างมัน ๆ ๆ
    ทุกข์เรื่องสามี
    ผู้ถาม หลวงพ่อเจ้าขา สามีของลูกไม่ค่อยอยู่กับร่องกับรอยอีเหละเขะขะ แบบสิบแปดมงกุฎ มีเพื่อนเขาแนะนำว่าให้ไปหาหมอแขก เขาสามารถจะทำผู้จิตผูกใจให้แน่นปึกเลยเจ้าค่ะ ลูกเกรงว่าถ้าทำไปแล้วจะเกิดบาปเกิดโทษ ลูกคิดไปอย่างนั้น คือลูกเกรงว่ามโนมยิทธิของลูกจะเสื่อมหาย ฉะนั้นลูกมาพึ่งบารมทีหลวงพ่อดีกว่า วิธีที่จะยึดจิตของผัวโดยธรรม วิธีนั้นขอหลวงพ่อช่วยแนะนำสักครั้งเถิดเจ้าค่ะ
    หลวงพ่อ มีอย่างเดียว ยิ้มตลอดเวลา นี่ชนะจริง ๆ นะ มาเวลาไหนก็ยิ้ม มาดึกมาดื่นก็ยิ้ม ยิ้มไว้เถอะ ไมข้าเลิก
    ผู้ถาม อย่างนี้ไม่ต้องว่าคาถาอะไรเลยหรือครับ?
    หลวงพ่อ คาถาว่าให้มันเหนื่อย ถ้าหากว่าเราว่าคาถา ด่าเขา เขาไม่เข้ามาหรอก เห็นไหมล่ะนี่จริง ๆ นะ ได้ผลนะ จะมาดึกมาดื่นแล้วก็ตามใจ เห็นหน้าก็ยิ้มไปเถอะ พยายามยิ้มไว้ไม่ช้าเกรงใจ ถ้ายิ้มไว้เรื่อย ๆ ไม่หิ้ว เลิกหิ้ว เขามีตัวอย่างอยู่แล้ว เมื่อก่อนฉันเคยแนะนำวิธีนี้สมัยอยู่กรุงเทพฯ หลายคนนะ โดยมากพวกภรรยาจะไปเล่าให้ฟัง ใช่ไหม ว่าผัวกินเหล้าเมายาและก็เจ้าชู้ บอก “คุณกลับไปตั้งใจยิ้มอย่างเดียว...อย่าบ่น จะไปเวลาไหนก็เตรียมตัวไว้ได้เลย”
    ถ้าเป็นนักเที่ยว ก่อนกลับมาจากทำงาน เราซักเสื้อรีดผ้าเสร็จ บอกเสี้อผ้ารีดให้แล้ว ไม่ช้าไม่กี่วัน...คุณ ไม่เกิน ๑๕ วันชักปลดจังหวะช้าลง...ไปน้อย ประมาณเดือนเศษ ๆ อยู่นั่นไม่ยาว... ไม่ยาก
    ผู้ถาม ขนาดหลวงพ่ออยู่วัดยังรู้วิธีปราบ
    หลวงพ่อ (หัวเราะ) ไม่ใช่อะไร ไอ้ทีแรกจริง ๆ นะ ฉันใช้วิธีนี้ วิธียิ้มนะ แต่ว่าต้องเอาแป้งมาให้กระป๋องหนึ่ง สตางค์ ๖ บาท ธูป ๕ ดอก เทียน ๑ เล่ม จะเสกให้ แต่ว่าจะเสกนี่ต้องเสก ๓ เดือน ให้ระหว่างที่ก่อนจะเสกนี่ ต้องยิ้มไว้เสมอ ๆ นะ ความจริงไม่เสกวางไง้เฉย ๆ (หัวเราะ) พอถึง ๓ เดือนแกก็มาเอาใช่ไหม สตางค์ก็คืนไปบอกว่า สตางค์นี่ไปซื้อของใส่บาตรบูชาครูก็ไปใช้ไม่กี่วันบอกกลับมาชนะแล้ว เพราะอะไร แกเลิกหยุดก่อน ๓ เดือน ใช่ไหม
    ผู้ถาม โอ...ยังไม่ทันจะใช้แป้งเลยได้ผล
    หลวงพ่อ ใช่ ๆ ๆ ที่แรกจะไม่ทำวิธีแบบนั้น เลยเกรงแกจะไม่เชื่อ ต้องทำหน่อย ต่อมา สมเด็จพุฒาจารย์ วัดอนงค์ ท่านเรียกไปถาม เห็นเล่ากันว่า แกมีคาถาเสน่ห์หรือ (หัวเราะ) บอกครับ ผมไม่มีคาถา แต่มีวิธีเสน่ห์ ถามว่าทำไง ก็เลยเล่าให้ฟังหัวเราะกิ๊ก ๆ บอก เออ... เข้าใจหากินโว้ย ทำต่อไป... ได้ผลนะ
    ชอบทะเลาะกับสามี
    ผู้ถาม ขอเรียนรบกวนหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง ลูกได้นับถือสักการบูชาหลวงพ่อมาเป็นเวลานานแล้ว แต่ว่าอะไร ๆ ก็ดี หมด เสียอยู่อย่างเดียวเจ้าค่ะ ที่แก้ไม่ตก คือว่าสามีกับดิฉันนี่ ชอบทะเลาะกันเป็นประจำ ทั้ง ๆ ที่ต่างคนต่างก็อายุย่างเข้า ๗๐ กว่าแล้ว
    หลวงพ่อ โอ้ย... ดีมาก ๆ ออกกำลังกาย
    ผู้ถาม การทะเลาะเบาะแว้งนี่
    หลวงพ่อ ออกกำลังกายใช้กำลังสมองด้วย ใช้ความคิดปราดเปรื่อง สรรหาวาจามาด่ากัน
    ผู้ถาม ทั้ง ๆ ที่ต่างฝ่ายต่างก็ อายุ ๗๐ ปีกว่าแล้ว แกหึงฉันเหลือเกินเจ้าค่ะ ขนาดมาทำบุญแกยังให้คนมาเป็นเพื่อน ลูกก็เลยคิดว่าชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย ไม่อยากแต่งกับมันอีกต่อไปแล้ว ขอให้หลวงพ่อช่วยลูกไปนิพพานเร็ว ๆ เถิดเจ้าค่ะ
    หลวงพ่อ เออ... “อัตตา หิ อัตตโน นาโถ” ตนแลย่อมเป็นที่พึ่งของตน จะไปได้หรือไม่ได้ต้องตนทำเอง พระพุทธเจ้าบอกว่า “อักขาตาโร ตถาคตา” ตถาคตเป็นแต่เพียงผู้บอก ไม่ใช่นำไป บอกแล้วปฏิบัติตาม ของง่าย ๆ
    รักพระนิพพาน
    ผู้ถาม กราบเท้าหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง ลูกรักพระนิพพานมาก ก่อนนอนชอบภาวนา “นิพพานัง ปรมัง สุขัง” แต่ทำสมาธิไม่ดีเลย อย่างนี้ลูกจะไปนิพพานได้ไหมคะ?
    หลวงพ่อ คำว่า “สมาธิ” นี่มันจำเป็น แต่คนถามไม่รู้จักสมาธิ ไอ้ตัวนึกถึงนิพพานมันเป็นสมาธิอยู่แล้ว “สมาธิ” เขาแปลว่า “ตามนึกถึง” ถ้านึกถึงนิพพานเขาเรียก อุปสมานุสสติกรรมฐาน ทีนี้ถ้าการนึกถึงนิพพานอย่างเดียว เรารักนิพพานภาวนาว่า “นิพพานัง ปรมัง สุขัง” บ้าง “นิพพานะ สุขัง” บ้าง “นิพพานัง” บ้าง แต่ว่าก็ต้องดูอารมณ์ใจฝึกไว้อีกส่วนหนึ่ง คนที่จะไปนิพพานได้ต้องไม่ห่วงร่างกาย อันนี้ต้องฝึกไว้ด้วยนะ ต้องฝึกไว้ว่า ขึ้นชื่อว่าร่างกายมันเป็นทุกข์ สภาพของความทุกข์ที่เรามีความทุกข์เกิดขึ้นทุกอย่าง
    1. ความหิว ถ้าเราไม่มีร่างกายมันก็ไม่หิว มันหิวเพราะมีร่างกาย
    2. หนาวเกินไป ร้อนเกินไป ก็เพราะร่างกาย
    3. ป่วยไข้ไม่สบาย เพราะร่างกาย
    4. ต้องมีงานหนัก ก็เพราะร่างกาย
    5. การพลัดพรากจากของรักของชอบใจ ก็เพราะมีร่างกาย
    6. ความตายมาถึง เพราะร่างกาย
    ก็ใช้ปัญญาทบทวนไปว่า คนระดับชั้นไหนบ้าง ที่มีร่างกาย ไม่ทุกข์ ถ้าเราจะเกิดอีกกี่ชาติ ถ้าเรามีร่างกายอย่างนี้ มันก็ทุกข์อย่างนี้ แล้วขึ้นชื่อว่าร่างกายมีขันธ์ ๕ แบบนี้ เราจะไม่มีกับมันอีกเราต้องการจุดเดียวคือนิพพาน ทำใจแน่นอนแล้วภาวนาว่า “นิพพานัง ปรมัง สุขัง” ก็ได้ “นิพพานัง” ก็ได้ ต้องคิดอย่างนี้ก่อนแล้วภาวนาคิดแล้วก็ภาวนาต่อไปอย่างนี้ใช้ได้
    ถ้าเป็นอย่างนี้เวลาใกล้จะตายจริง ๆ อารมณ์จิตที่เราพิจารณามันจะรวามตัว มันจะมีความรู้สึกเบื่อหน่ายในร่างกาย และวางเฉยในร่างกาย จะมีความรู้สึกว่า การตายมีความสุขกว่านี้ ก็ไปนิพพาน
    ผู้ถาม แล้วภาวนาอย่างนี้ละค่ะ มีอยู่คืนหนึ่งพิจารณาความไม่เที่ยง เลยฝันว่ามีคนจะมาเอาลูกไป ลูกหนีแทบแย่ ตื่นแล้วยังมีความรู้สึกว่า เหมือนมีตนจะมาเอาเราไปจริง ๆ ทำไม ภาวนาแล้วเกิดเป็นอย่างนี้เจ้าคะ?
    หลวงพ่อ นี่แสดงว่ายังไปนิพพานไม่ได้แหง ๆ เพียงแค่เขาลอง เขาทดสอบหน่อยเดียว คนจะไปนิพพานคนเขาต้องทดสอบ เทวดาเขาต้องทดสอบว่า เรามีความมั่นคงพอไหมจะเอาไปหมายจะให้ตาย ความจริงบุคคลที่จะเข้าถึงนิพพาน เขามีความรู้สึกว่า ถ้าร่างกายตายเมื่อไร เขามีความสุข เขาไม่ได้ห่วงร่างกายนะ มันต่างกันเยอะ
     
  2. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,070
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,047
    พิจารณาเกิดดับ
    ผู้ถาม กราบเท้าหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง ลูกชื่อ พรรัตน์ โชคจิตสัมพันธ์ อยู่ประเทศออสเตรเลีย หลวงพ่อเจ้าขาลูกอยู่ไกลมาก แต่ก็มีโอกาสได้อ่านหนังสือ ธัมมวิโมกข์เป็นประจำ ก็มีความสงสัยอยากจะใคร่เรียนถามข้ามทวีปมาดังต่อไปนี้ ข้อที่ ๑.การพิจารณาการเดดับนั้น เขาพิจารณากันแบบไหน ขอหลวงพ่อได้โปรดแนะนำด้วยเถิดเจ้าค่ะ?
    หลวงพ่อ เอ๊ะ นี่พูดไปเขาจะได้ยินหรือเปล่า นี่ฉันตอบไปนี้เขาคงไม่ได้ยินละมั้ง พิจารณาเกิดดับเหรอ พิจารณาแบบไหนดีล่ะ เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เราเกิดมาแล้วมันเหลือแต่เวลาดับ ให้ดูคนอื่นดูสัตว์อื่นว่า เขาเกิดมาแล้วในที่สุดเขาก็ตาย เราก็มีสภาพเช่นเดียวกัน เมื่อเกิดมาแล้ว ไมช้าก็ตายเหมือนกันดูแค่นี้ก็แล้วกัน ไปดูตามตำราดูไม่เห็นหรอก ต้องดูแบบนี้นะเวลาปฏิบัติจริง เขาดูกันแบบนี้ ไม่ใช่ตามตำรา
    ผู้ถาม ข้อที่ ๒.วิธีพิจารณาร่างกายให้เห็นว่า เป็นที่น่ารังเกียจปฏิกูลนั้น จะองใช้ปัญญาและอารมณ์แบบไหนเจ้าคะ?
    หลวงพ่อ ไม่ต้องใช้มาก สักเกตข้าว อาหารที่กิน เลือกแล้วเลือกอีกใช่ไหม.. พอเป็นกากไหลออกมาดูไม่ได้แล้วเป็นขี้ นี่อยู่ในร่างกาย ฉะนั้น ของในร่างกายทั้งหมด มันเต็มไปด้วยของสกปรก ไม่ใช่ของดี อย่างเลือดที่เราต้องการให้มีเลือดมาก ๆ ใช่ไหม แต่ว่าพอเลือดไหลออกมาแล้ว เราก็รังเกียจเลือดใช่ไหม แล้วก็สำหรับในปากน้ำลายมีอยู่เราอมได้ พอบ้วนมาเราแตะต้องไม่ได้ แสดงว่าข้างในร่างกายไม่มีอะไรดี มีแต่สกปรกอย่างเดียวเท่นั้นไม่ยาก
    ผู้ถาม อ๋อ แค่นี้เอง แต่ฝรั่งนี่แปลกจริง ๆ มันดูด กันได้นะ ไม่ปฏิกูล น่าเกลียด
    หลวงพ่อ คนไทยเขาก็มีดุดนะ หนังสือพิมพ์ลงบ่อย ๆ
    อาหาเรปฏิกูลสัญญา
    ผู้ถาม กราบเท้าหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง ลูกมีความถนัดและพิจารณาอาหาเรปฏิกูลสัญญาเป็นประจำ ก่อนทานอาหารทุกครั้งต้องพิจารณาเสียก่อน แล้วจึงค่อยรับประทาน ตอนพิจารณาก็เห็นเป็นซากสกปรก เลอะเทอะสะอิดสะเอียนมาก พาลทำให้กินไม่ได้ผ่ายผอมลงทุกวัน ๆ จึง ใคร่ถามหลวงพ่อว่า วิธีพิจารณาฉบับของหลวงพ่อ บริโภคได้โดยไม่สะอิดสะเอียนนั้นหลวงพ่อพิจารณาแบบไหนเจ้าคะ?
    หลวงพ่อ พิจารณาเป็นอาหาเรปฏิกูลสัญญาแล้วนะ ต่อไปฉันก็ภาวนา “กินหนอ ๆ” มันเลอะเทอะ กูก็กินมึง กูจะกินเสียอย่าง คือการพิจารณาเป็นอาหาเรปฏิกูลสัญญา คือของทุกอย่างเกิดจากของสกปรก มีไก่สกปรก อาหารของสัตว์ก็สกปรก ร่างกายของสัตว์ก็สกปรก แต่ว่าสิ่งสกปรกทั้งหลายเหล่านั้น ร่างกายของเราก็สกปรก เมื่อของสกปรกกับสกปรกอยู่ด้วยกันก็ช่างมันปะไรถืออุเบกขา กินดะเลย คือว่าอย่าเห็นเฉพาะเวลานั้นซิ เวลานั้นเขาพิจารณาให้เห็น ให้เกิดเป็นนิพพิทาญาณ
    นิพพิทาญาณ หมายถึงความเบื่อหน่าย เห็นร่างกายสกปรก หลังจากนั้นต้องใช้พิจารณาแบบนั้น ต้องใช้ สังขารุเปกขาญาณ เข้าควบคุม อารมณ์ใจวางเฉย มันสกปรกแล้วก็ไม่เป็นไร เราเกิดมาแล้ว ก็ต้องพบกับความสกปรก ต่อไปชิตหน้าความสกปรกจะไม่มีกับเราอีก เราตายเราจะไปนิพพานคิดอย่างนั้น
    พิจารณาร่างกายเป็นปฏิกูล
    ผู้ถาม หลวงพ่อเจ้าขา เวลาหลวงพ่อเทศนาที่ซอยสายลมเกี่ยวกับเรื่องวิปัสสนา พิจารณาร่างกายเต็มไปด้วยความทุกข์ น่าเกลียด ปฏิกูลเยอะแยะ เห็นตามภาพชัดเลยน่าเบื่อหน่ายจริง ๆ เจ้าค่ะ แต่อีตอนกลับไปถึงบ้านพบพ่อของลูกทีไรอารมณ์วิปัสสนากรรมฐานหายไปหมดทุกที จนกระทั่งพบหลวงพ่อใหม่ หรือฟังเทป อารมณ์นั้นจึงฟื้นคืนขึ้นมา ลูกอยากจะเรียนถามหลวงพ่อว่า วิธีที่จะทรงอารมณ์วิปัสสนา พิจารณาร่างกายให้ตลอดรอดฝั่งนี้ ลูกควรจะทำอย่างไรเจ้าทะ?
    หลวงพ่อ ความจริงเขาก็ทำถูกแล้วนะ อย่าไปทำใหม่ เวลาว่างจากพอไอ้หนูก็พิจารณา เจอะพ่อไอ้หนูก็มีเตตาบารมี เมตตา กรุณา สงสาร อันนี้ความจริงทำถูกไม่ใช่ไม่ถูก เพราะอารมณ์เรายังไม่ถึงอนาคามีใช่ไหม... เพียงแค่พิจารณาร่างกายชั่วเวลาว่างเดี๋ยวเดียว จุดนี้จะเป็นจุดสำคัญตอนก่อนที่เราจะตาย เพราะก่อนที่เราจะตายปั๊บ อาศัยอารมณ์จิตที่เคยคิดถึงนพพานใช่ไหม... ถือว่าร่างกายไม่ดี มันป่วยขนาดนั้น จะคิดว่าร่างกายนี่มันไม่ดี มองไปเห็นร่างกายโสโครก
    ถ้ามีความรู้สึกแค่โสโครก มันจะเกิดนิพพิทาญาณความเบื่อหน่าย ตอนนั้นเป็นอนาคามี ถ้ามีความคิดว่า เราไม่ต้องการร่างกายนี้อีก จะเป็นอรหันต์ เป็นสังขารุเปกขาญาณ ไม่ยากนี่สำคัญมาก ตัวอย่างบุคคลมีความรู้สึกนิดหน่อย ก็ได้แก่ พระจุลปันถก เรื่องย่อ ๆ เป็นอย่างนี้
    พระจุลปันถกพระพุทธเจ้าบอกว่า ในสมัยดึกดำบรรพ์ ท่านเคยเป็นพระมหากษัตริย์ วันหนึ่งออกเลียพระนคร เลียพระนครมันก็ร้อนใช่ไหม... ปรากฏว่าเหงื่อไหล ท่านก็นำผ้าเช็ดหน้าที่มีสีขาวมาเช็ดเหงื่อ ผ้าก็สกปรกก็มองดูคิดว่า ร่างกายมันสกปรกขนาดนี้เชียวหรือ แล้วเขาคิดเท่านั้นไม่ได้คิดอีกนะ
    ต่อมาอีกหลายชาติ มาพบองค์สมเด็จพระบรมโลกนาถ คือพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าทรงส่งผ้าขาวให้ คลึงไปคลึงมาเป็นอรหันต์เลย และอันนี้มันเป็นเรื่องใหญ่มาก แม้จะใช้ได้เวลาเล็กน้อยอย่าคิดว่ามันเบานะ หนักมาก อานิสงส์หนักมาก และก็เป็นเชื้อสายให้บรรลุมรรคผลด้วยเหตุอันนี้ นี่เขาทำถูกแล้ว
    ผู้ถาม อย่างนี้ก็ต้องรักษาอารมณ์จิตต่อไป
    หลวงพ่อ ถูกแล้ว...ใช่ ๆ กลับไปบ้านก็มีเมตตา มีกรุณา สองอย่างอย่าทิ้ง ไม่ได้... ทิ้งแตกกัน
    อยากตัดกามารมณ์
    ผู้ถาม หลวงพ่อเจ้าขา ลูกอยู่ตลิ่งชัน ลูกเป็นวัยสะรุ่นอายุ ๑๗ ปี ที่เดือดร้อนอยู่ก็คือว่า ไอ้เรื่องอารมณ์ทางเพศ ลูกพยายามเอาอสุภกรรมฐาน กับกายคตานุสสติของหลวงพ่อ ไปตัดเพื่อให้มันเด็ดขาด แต่มันก็ได้ชั่วครั้งชั่วคราว พอไปเจอหนุ่มเจอพวกเข้ามันก็คึกอีก ก็ไม่ทราบว่าจะทำยังไง ลูกกลุ้มใจเหลือเกิน ขอบารมีหลวงพ่อช่วยตัดกามารมณ์ ของลูกสักครั้งเถิดเจ้าค่ะ
    หลวงพ่อ (หัวเราะ) โอ้ นี่ยุ่งแล้ว จะลุกไม่ค่อยจะไหวเลย เอาอย่างนี้ซิ เพื่อความสะดวก...แต่งงานเสียเลยนะ
    ผู้ถาม อย่างนี้คลายเครียดแน่นะ
    หลวงพ่อ (หัวเราะ) ใช่ ๆ ๆ ก็คลายเครียด ก็เจริญกรรมฐานต่อไป อย่าง นางวิสาขา ไงล่ะ นางวิสาขาท่านเป็นพระโสดาบันตั้งแต่อายุ ๗ ปี อายุ ๑๖ ปีก็มาแต่งงาน ไอ้หนูนี่เกินไปปีหนึ่งแล้ว
    ผู้ถาม แล้วยังมีลูกมีเต้าเป็นระนาว
    หลวงพ่อ แค่ ๒๐ คน
    ผู้ถาม โอ้โฮ นี่เป็นพระโสดาบัน เขายังคลายเครียดได้
    หลวงพ่อ (หัวเราะ) ใช่ ๆ ๆ เรื่องอย่างนี้มันตัดกันไม่ออก ต้องเป็นพระอนาคามี ถ้ายังไม่ถึงอนาคามี คือพระโสดาบัน กับสกิทาคามีนี่ ยังต้องแต่งงานอยู่ เวลาเครียดขึ้นมาก เราก็คลายเครียดเสีย จิตก็เป็นฌาน (หัวเราะ) จิตเป็นฌานง่าย ใช่ไหม
    ผู้ถาม ถ้าจะให้ตัดจริง ๆ ถ้าจะไม่แต่งาน ก็ต้องเป็นอะไร พระอนาคามี?
    หลวงพ่อ ใช่ ๆ ๆ ค่อย ๆ เป็นนะ
    ปลงขันธ์ ๕ ตอน (จุด ๆ ๆ)
    ผู้ถาม หลวงพ่อเจ้าขา ลูกพิจารณาธรรมะเป็นส่วนใหญ่ มองเห็นชีวิตเน่าเปื่อย น่าเบื่อหน่ายมีแต่ความทุกข์ ไม่ช้าก็ต้องตาย เหมือนท่อนไม้อันไร้ค่า อารมณ์อย่างนี้จะปรากฏประหลาด คือจะปรากฏเฉพาะเวลา ๓ ทุ่ม คือเป็นเวลาที่ (จุด ๆ ๆ) เมื่อเป็นเช่นนี้
    หลวงพ่อ (หัวเราะ) เดี๋ยว ๆ ๆ จุดอะไร
    ผู้ถาม ผมรู้แล้ว...หลวงพ่อคงไม่รู้ซิอยู่วัด (หัวเราะ)
    หลวงพ่อ ฉันไม่รู้จุดอะไรกัน (หัวเราะ) เขาปลงขันธ์ ๕ ได้ดีนะ
    ผู้ถาม นี่เขาสารภาพดีนะ
    หลวงพ่อ ตรงไปตรงมา ดีมาก...เป็นสัจจธรรม
    ผู้ถาม จนกระทั่งบางครั้งสามีโมโหถึงดับด่า อีระยำ ตอนอื่นไม่ไปปลง เสือกมาปลงตอนจุด ๆ ๆ เดี๋ยวนี้ลูกสบายใจได้แล้ว เวลาที่ปัญหาเกิดขึ้น (จุด ๆ ๆ) ลูกก็เรียกหลวงพ่อช่วยทุกครั้ง
    หลวงพ่อ (หัวเราะ)
    ผู้ถาม ปู้โธ่ถัง ปลงสังขารไม่ดูเวล่ำเวลา ไม่ดูอย่างยกทรงเป็นตัวอย่าง
    หลวงพ่อ ใช้ได้...เวลานั้นจิตใจเป็นเอกัคคตารมณ์ เป็นอารมณ์เดียว เป็นฌาน ขอบารมีได้ง่าย
    ผู้ถาม เอ๊ะ ตอนขอบารมีหลวงพ่อ หลวงพ่อเป็นพระสงฆ์จะไปจุด ๆ ๆ ไม่ได้นะ ไม่ถูกเรื่องถูกราวเหมือนกัน
    หลวงพ่อ ไม่ใช่ ไม่เป็นพยานเขา (หัวเราะ) นี่หัวเราะเจ็บท้องเลย
    วิธีฝึกใจให้เข้มแข็ง
    ผู้ถาม หลวงพ่อเจ้าขา ไม่รู้ว่าเป็นเวรกรรมอะไร เกิดมาในชาตินี้รู้สึกว่า ไม่มีความเข้มแข็งในดวงจิตเลย ใช้คาถาก็ไม่แข็ง มาทำบุญกับหลวงพ่อก็ไม่เข้ม เมื่อเป็นเช่นนี้ก็อยากจะขอคำแนะนำจากหลวงพ่อว่า วิธีฝึกให้จิตใจเข้มแข็งเพื่อพระนิพพานชานินี้ ลูกควรจะฝึกด้วยวิธีไหน?
    หลวงพ่อ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ใช้เบ้าหลอมเหล็ก คนเหลวแล้วก็กินต่อไปใจจะแข็ง ร่างกายก็แข็ง กินเหล็กได้ เข้มแข็งไงล่ะ เนื้อเหล็กกินไม่ไหวนะ กินขี้เหล็กก่อน...(หัวเราะ) เอาอย่างนี้ซิค่อย ๆ นะ ค่อย ๆ คิด ใช้เวลาน้อย ๆ เราทำอารมณ์ทำสมาธิใช่ไหม ใช้เวลานิดหน่อย ๑-๑๐ เราก็เลิก แค่นี้พอใช้ได้ ไม่ช้าก็ชิน
    นิสัยไม่ดี
    ผู้ถาม กราบเท้าหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง คือว่าลูกมีนิสัยไม่ดีอยู่อย่างหนึ่ง คือว่าต้นดีกลางกับปลายคด
    หลวงพ่อ ดีมาก
    ผู้ถาม ดีอีกแล้ว ปัญหาทุกอย่างมาหาหลวงพ่อนี่
    หลวงพ่อ ดีหมด...อย่างเทวทัตไง ต้นดีปลายคด
    ผู้ถาม นี่เขาเรียก “ดีหมด” นะครับ หรือว่า “หมดดี”
    หลวงพ่อ หมดดี
    ผู้ถาม เขาว่ามาอย่างนี้ คือเวลาฟังหลวงพ่อเทศน์ใหม่ ๆ มันปีติ เอาจริงเอาจัง ปฏิบัติคร่ำเคร่งนั่งหูดับตับไหม้เลย แต่พอหลวงพ่อกลับไปแล้วซิคะ จิตมันเลวระยำคิดจะทำโน่น คำความชั่วต่าง ๆ นานา อารมณ์อย่างนี้ ลูกแก้ไม่ตกเลยเจ้าค่ะ ขอบารมีหลวงพ่อโปรดช่วยความสว่างกระจ่างใจสักครั้งเถิดเจ้าค่ะ
    หลวงพ่อ ก็ดีแล้วนี่
    ผู้ถาม ดีอีกแล้ว ผิด...เลว...ก็ดี
    หลวงพ่อ อ้าว...ทำไม่เล่า ก็เวลาฟังเทศน์จิตเขาดี ทำไมจำว่า เขาไม่ดีล่ะ
    ผู้ถาม นี่เขากล่าวหมายถึง ตอนที่หลวงพ่อกลับไปแล้วจิตไม่ดีครับ
    หลวงพ่อ ก็ช่างมัน...เราก็มาดีใหม่ แต่เวลาจะตายความดีอาจเข้าถึงตัวได้นะ ถ้ามันจะตายธรรมดาของคนมันเป็นอย่างนั้นแหละ จะให้ดีทุกวันเป็นไปไม่ได้หรอก ต้องดีบ้างชั่วบ้าง ทำความดีคราวละน้อย ๆ ทำบ่อย ๆ ก็เต็ม เหมือนน้ำฝนตกทีละหยาด ๆ สามารถทำให้ภาชนะเต็มได้ใช่ไหม... อย่างนี้ที่หลวงพ่อมามีปีติ ไอ้ปีติเป็นตัวสำคัญมาก เป็นมหากุศล และจงอย่าลืมว่าเวลาจะตายนะมันจะช่วย ปีตินี่จะช่วย เมื่อปีติช่วยเข้าสนองใจปั๊บเห็นภาพพระทันที นี่ตายแบบนี้ลงนรกไม่ได้
    เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน แก้ตัวใหม่ ก่อนจะหลับภาวนา “พุทโธ” ๓ ครั้งตื่นขั้นก่อนจะลุกขึ้นภาวนา “พุทโธ” ๓ ครั้ง แค่นี้พอแล้วเอาแค่ฉันเมื่อเป็นเด็ก ฉันเมื่อเป็นเด็กแม่บังคับแค่นี้ ก่อนจะหลับ หัวถึงหมอนปั๊บภาวนาพุทโธ ต้องว่าดัง ๆ นะ ให้ท่านได้ยิน พอตื่นขึ้นปั๊บ “พุทโธ...พุทโธ...พุทโธ” แล้วก็ไป เราก็ว่าตามประสาเด็ก
    ที่ว่าเมื่อกี้หลวงพ่อกลับไปแล้วชั่ว ความจริงเขายังไม่ชั่วหรอกบางวันเขาก็ภาวนา บางวันเขาก็ไหว้พระ ยังไม่ชั่ว ยังนึกถึงหลวงพ่อยู่ ถ้าทางที่ดีนะ ควรจะรับหนี้จากหลวงพ่อไปเสียบ้าง จะได้นึกถึงหลวงพ่อทุกวัน ๆ ใช่ไหม (หัวเราะ)
    ผู้ถาม เรียกว่าถ้ารับหนี้จากหลวงพ่อไปได้ไอ้เรื่องอะไร ๆ
    หลวงพ่อ ก็นึกถึงหลวงพ่อทุกวันไง...เป็นสังฆานุสสติ ตายแล้วไปสวรรค์ทันที
    ผู้ถาม อ๋อ การนึกถึงว่าจะช่วยใช้หนี้หลวงพ่อ เป็นสังฆานุสสติ
    หลวงพ่อ ใช่ เป็นการช่วยสงฆ์ นึกถึงพระสงฆ์ไงเล่า สังฆานุสสติ แปลว่า นึกถึงพระสงฆ์
    ผู้ถาม นี่ถ้าเกิดนึกอะไรไม่ได้ จับนึกถึงกล้องยานัตถุ์หลวงพ่อ เป่าปู้ด ๆ ๆ เห็นกล้องยานัตถุ์ นึกถึงกล้องยานัตถุ์อย่านี้ ตายแล้วไปไหนครับ?
    หลวงพ่อ ตายแล้วไปเกิดเป็นกล้อง (หัวเราะ) อันนี้ก็เป็นสังฆานุสสติเหมือนกัน เพราะกล้องยานัตถุ์ของหลวงพ่อ อย่าลืมว่าลงคำหลวงพ่อ หลวงพ่อเป็นพระสงฆ์ใช่ไหม?
    ผู้ถาม เรียกว่าอะไรแล้วแต่ เกี่ยวกับหลวงพ่อนี่เป็น
    หลวงพ่อ เกี่ยวกับหลวงพ่อ หรือพระองค์ใดองค์หนึ่งก็ตาม...เหมือนกัน เป็นสังฆานุสสติเหมือนกัน ถ้าเกี่ยวกับพระพุทธรูปองค์ใดองค์หนึ่งเป็นพุทธานุสสติ เกี่ยวกับการสวดมนต์หรือฟังเทศน์เป็นธัมมานุสสติ
    ผู้ถาม นั่งสมาธินิดหน่อย ๆ ก็เป็นธัมมานุสสติ
    หลวงพ่อ อย่าลืม นิดหน่อยนี่ มีความสำคัญมาก มันสะสมตัวเอง ที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า แม้ทำบุญคราวละเล็กคราวละน้อย แต่ทำบ่อย ๆ มันก็สามารถทำบารมีให้เต็มได้เหมือนน้ำฝนที่ตกทีละหยาด ๆ สามารถทำภาชนะให้เต็มได้ เห็นไหมด...ได้นี่เวลาหลวงพ่อมาปีติดีมาก ก็ไหลไปบ้างไหลมาบ้าง ไม่ได้เสียทุกวัน ฉันรู้นะที่พูดมาน่ะโกหก เขาไม่เสียทั้งวันหรอก เขาเสียบ้างไม่เสียบ้างเท่านั้นเอง เฉพาะเวลาบางเวลา
    ผู้ถาม โอ๊ะ! หลวงพ่อรู้เสียด้วย เป็นอันว่าก็เป็นคนดีคนหนึ่ง
    หลวงพ่อ ฉันขอแช่งคนนี้ไว้ ตายแล้วห้ามเกิดเป็นมนุษย์ ไปสวรรค์ เป็นเทวดา เป็นนางฟ้าไป
     
  3. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,070
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,047
    ท้อแท้ทำความดี
    ผู้ถาม หลวงพ่อเจ้าขา ลูกอยากจะทำความเพียรเพื่อทำความดี แต่บางครั้งก็มีอารมณ์ท้อแท้จะทำอย่างไรดีคะ?
    หลวงพ่อ ถ้าท้อแท้ต่อความเพียรก็แสดงว่าขี้เกียจ คนที่มีความเพียรคือคนขยัน ความเพียร เพียรต่อสู้กับความชั่ว เพื่อหวังให้มีผลในความดี เป็นเรื่องธรรมดาของคน ไอ้การต่อสู้ความขยันหมั่นเพียร มันจะมีทุกเวลาไม่ได้นะ ในบางครั้งกรรมที่เป็นอกุศลเดิม มันเข้ามาครอบงำจิต เวลานั้นจะตัดความดีของเราให้รู้สึกท้อแท้ไม่กล้าต่อสู้...เบื่อ! พอกุศลเข้ามาสนองปั๊บ กุศลเตะไอ้นั่นออกไปนี่ขยันแล้วสร้างความดี ต้องเป็นอย่างนั้นเหมือนกันทุกคน หนักเข้าๆ กุศลมีกำลังแรงก็เตะได้นั่นกระเด็นออกไป
    พอถึงพระโสดาบันปั๊บ อกุศลยังเข้ามาได้ แต่เข้าก็เข้าแรงไม่ได้ ถ้าถึงพระโสดาบันอกุศลเข้าแรงไม่ได้ มันจะสร้างความขุ่นมัวบ้าง แต่จะถึงทำบาปไม่ได้ คำว่า “ขุ่นมัว” อาจจะต้องโกรธ ใช่ไหม...พระโสดาบันยังมีโกรธ พระโสดาบันยังมีความรักในระหว่างเพศ พระโสดาบันยังมีความอยากร่ำรวย แต่เรื่องละเมิดศีลไม่มี แต่มีอารมณ์ที่แจ่มใสจริง ๆ คือพระอรหันต์ ถ้ายังไม่ถึงพระอรหันต์เพียงใด ก็ยังเตะกันใหม่ แต่ว่า เตะเบา ๆ
    พระอรหันต์ไม่โกรธ
    ผู้ถาม หลวงพ่อได้พูดไว้ว่า พระอรหันต์มีอารมณ์โกรธ แต่ดับอารมณ์ได้ฉับพลัน
    หลวงพ่อ ฉันสงสัย...ฉันเขียนผิดหรือคนอ่านจำผิด อารมณ์โกรธ ไม่มีตั้งแต่อนาคามี แต่ท่าทางแสดงความโกรธน่ะมีอยู่ ไม่ใช่อารมณ์โกรธ ที่แสดงแบบนั้นกลัวคนนั้นจะเสีย ก็แสดงท่าว่าโกรธ อย่างที่พระพุทธเจ้าลงโทษพระสงฆ์ มีคำสั่งลงโทษนั่นไม่ใช่โกรธนะ...หวังดี นี่จำผิดแล้ว
    ถ้าอารมณ์โกรธมีและดับได้เร็วเป็นพระสกิทาคามี อนาคามีนี่เขาไม่มีแล้ว แต่ถ้าความโกรธเกิดขึ้นจะดับไม่ยาก ซื้อรถดับเพลิงไว้ พอเริ่มโกรธปั๊บ...สตาร์ทพรืด นำพ่นพรวด หกคะเมนเกนเก้ หายไปเอง นั่นไม่ใช่อรหันต์นะ ฉันคงไม่เขียนผิดละมั้ง ต้องกลับไปอ่านใหม่ แต่ว่าแสดงความโกรธนั้นมีอยู่ เพราะว่าจ่ะลงโทษ คือไม่ลงโทษก็ยับยั้ง ไม่ยังงั้นคนนั้นจะเสีย
    อย่างพระพุทธเจ้าลงโทษพระต่าง ๆ อย่าง พระฉันนะ ก็เหมือนกัน หนักมาก ที่สั่งให้พระสงฆ์ลงพรหมทัณฑ์พระฉันนะ อันนี้เรื่องใหญ่มาเชียว ไม่ใช่พระพุทธเจ้าโกรธ แต่ต้องการให้พระฉันนะดี แต่ในเมื่อพระสงฆ์ลงพรหมทัณฑ์ท่านก็เสียใจ คิดว่าตอนพระพุทธเจ้าอยู่ใคร ๆ ก็คุยด้วย พระพุทธเจ้านิพพานแล้ว จะไปหาใครก็ไม่มีใครคุยด้วย พระอรหันต์ก็เยอะ เพราะพระพุทธเจ้าสั่ง เพราะการรู้ตัวตอนนี้ เป็นเหตุให้พระฉันนะเป็นพระอรหันต์
    เขาทำเพื่อประโยชน์ ไอ้คนถูกลงโทษใหม่ ๆ อาจจะนึกว่าเราไม่น่าถูกลงโทษเลย ไอ้คนที่ทำความผิด ไม่รู้ตัวว่าผิดเป็นเรื่องธรรมดา
    กรรมฐานกองสุดท้าย
    ผู้ถาม อ่านหนังสือธัมมวิโมกข์ เกี่ยวกับเรื่องการปฏิบัติพระกรรมฐานบ้าง แนะการปฏิบัติของหลวงพ่อบ้าง มีอยู่ตอนหนึ่งที่หลวงพ่อชอบพูดอยู่บ่อย ๆ เสมอว่า ถ้ายังไง ๆ ฉันก็ไม่ทิ้งกรรมฐานกองสุดท้าย ฉันชอบกรรมฐานกองสุดท้ายเป็นอย่างมาก อยากเรียนถามว่า กรรมฐานกองสุดท้ายที่หลวงพ่อใช้หลวงพ่อนึกเป็นแรจำวัน คืออะไรเจ้าคะ?
    หลวงพ่อ กองสุดท้าย คือ สังขารุเปกขาญาณ เป็นกองสุดท้ายในพระพุทธศาสนา
    บรรลุอรหันต์ในที่นั่งเดียว
    ผู้ถาม กราบเท้าหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง ลูกได้อ่านหนังสือ ธัมมวิโมกข์ฉบับหนึ่งบอกว่า นักปฏิบัติที่ปฏิบัติถึงได้ พระโสดาบันแล้ว ไม่ต้องลุกขึ้น ให้ตีตั๋วรวดเป็นพระอรหันต์ไปในที่นั่งนั้นได้เลย ลูกอยากให้หลวงพ่ออธิบาย พร้อมทั้งแสดงวิธีปฏิบัติเรื่องนี้ พอเป็นไตเติ้ลให้ลูกดูหน่อยเจ้าค่ะ?
    หลวงพ่อ มีไตเติ้ลด้วยนะ ไอ้ไตเติ้ลมันแปลว่ายังไง ไตไม่ดีหรือไง...(หัวเราะ) เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ที่พูดอย่างนั้นละนะ พูดตามวิสุทธิมรรค ท่านพระพุทธโฆษาจารย์ ท่านรจนาวิสุทธิมรรคเป็นพระอรหันต์ องค์นั้นนะท่านเจจียนไว้ว่า ถ้าบุคคลผู้ใดเจริญพระกรรมฐานในที่นั่งใดได้พระโสดาบัน ไม่ต้องลุกจากที่ทำให้ถึงพระอรหัต์เลย และวิธีปฏิบัติจริง ๆ เขาปฏิบัติกันตามนี้นะ ถ้าถึงพระโสดาบันแล้ว เขาไม่มุ่งสกิทา อนาคา เขาตีตั๋วเข้าอรหันต์ไปเลย
    วิธีการตีตั๋วอรหันต์เป็นอย่างนี้พอถึงพระโสดาบันเสร็จให้จับ อวิชชา ตัวสุดท้าย พิจารณาตามความเป็นจริงว่า มนุษยโลกทั้งโลกมันเต็มไปด้วยความทุกข์ เทวโลกกับพรหมโลก มันมีความสุขจริงแต่สุขไม่นาน ถ้าหมดบุญวาสนาบารมีก็กลับมาเกิดใหม่ มีทุกข์ใหม่ งั้นเราไม่ต้องการในที่นี้ เราต้องการจุดเดียวคือนิพพาน เท่านั้นแหละ และอารมณ์ก็จะทรงฌาน อารมณ์ทรงฌานก็จะตัดกิเลสเอง
    เวลาปฏิบัติจริง เขาทำแบบนั้นกันนะ ถ้าตามแบบเขาต้องว่ากัน พระโสดา สกิทา อนาคา อรหันต์ นี่ตามแบบ ถ้าเราไม่พูดแบบนั้นเขาก็หาว่า “นอกแบบ”อีก เวลาปฏิบัติก็ต้องว่าอีกส่วนหนึ่งต่างหาก
    ฆราวาสเป็นอรหันต์
    ผู้ถาม กราบเท้าหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง ที่ว่าฆราวาสสำเร็จเป็นพระอรหันต์แล้ว อยู่นานไม่ได้ต้องนิพพานไป ในกรณีที่สามีสำเร็จอรหันต์แล้ว สามารถจะบอกภรรยาได้หรือไม่ว่า น้องจ๋า...พี่สำเร็จแล้ว
    หลวงพ่อ คงจะบอกได้นะ
    ผู้ถาม แล้วถ้าภรรยาจะบอกว่า เมื่อพี่เข้านิพพานแล้ว ขอได้โปรดสงเคราะห์ให้น้องร่ำรวย อย่างนี้จะขัดกับพระนิพพานหรือเปล่าคะ?
    หลวงพ่อ เจ้าของจดหมายกับฉันคิดผิดกัน ฉันคิดว่าถ้าไปนิพพาน ขอฉันมีสามีใหม่ได้ไหมคะ...(หัวเราะ)
    ผู้ถาม เออ...ดีเหมือนกันนะ
    หลวงพ่อ เอาอย่างนี้ซิ พระอรหันต์ท่านยอมรับกฎของกรรมมันจะรวยหรือไม่รวยอยู่ที่กฎของกรรม ถ้าชาติก่อนทำทานไว้ดี กฎของกรรมแห่งทาน ก็บันดาลให้เราร่ำรวย แต่ทานก็เป็นเขต การให้ทานแก่สัตว์หรือทานกับบุคคลอื่นทานกับบุคคลเป็นคนมีศีลหรือไม่มีศีล ทรงฌานสมาบัติไหม เป็นพระอริยเจ้าไหม แต่ทานที่ดีที่สุดคือ สังฆทาน เป็นต้นเหตุ เป็นต้นทาน ของหมาเศรษฐีตรง
    ผู้ถาม ฉะนั้น จักรพรรดิก็ไม่ได้เป็น จักรเพชรก็ไม่ได้เป็น
    หลวงพ่อ ได้...ก็ไปรวมอยู่ที่นิพพานไงล่ะ ทรัพย์สินต่างต่าง ๆ ก็ไปรวมที่พระนิพพานหมด ที่นิพพานจะเห็นว่า พื้นแผ่นดินก็เป็นเพชร กำแพงบ้านก็เป็นเพชร บ้านทั้งหลายก็เป็นเพชร เครื่องใช้ทั้งหมดก็เป็นเพชร ตัวเองก็เป็นเพชรแถมส้วมถ้ามีก็เป็นเพชร
    พระอรหันต์ปฏิสัมภิทาญาณ
    ผู้ถาม หลวงพ่อเจ้าขา ลูกอยากจะขอวิธีบำเพ็ญบารมี ที่เวลาบรรลุอรหันต์แล้ว จะได้ปฏิสัมภิทาญาณได้ด้วยนั้น เราจะต้องทำบุญประเภทไหนและอธิษฐานแบบไร เพื่อเวลาสำเร็จแล้ว จะได้ปฏิสัมภิทาญาณพร้อม ๆ ไปเลยเจ้าคะ?
    หลวงพ่อ ฉันยังไม่ได้เลย สำคัญปฏิสัมภิทาญาณนี่ ฉันยังไม่ได้เลย แล้วจะสอนใครได้
    ผู้ถาม อ๋อ ต้องได้ก่อนถึงจะสอนได้
    หลวงพ่อ ใช่ซิ รออีก ๓๐ปีจะบอกให้...มันต้องอาศัยบารมีเก่า ไม่ใช่ไปเรียนใหม่ คือเก่าเขาเคยได้สมาบัติ ๘ มาแล้ว เคยได้อภิญญามาแล้ว อาศัยบุญของสมาบัติ ๘ นี่ได้ปฏิสัมภิทาญาณ ไม่ใช่มาสร้างกันส่งเดช
    ผู้ถาม ต้องบุญเก่าตามมา
    หลวงพ่อ ใช่ ๆ ๆ
    ผู้ถาม งั้นก็แสดงว่า มโนมยิทธิที่ฝึกอยู่ทุกวันนี้ ที่ได้กัน ปุ๊บปั๊บ...ตาทิพย์ แสดงว่าบุญเก่าเขา
    หลวงพ่อ ใช่ ๆ ๆ ทดสอบได้เลย
    ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘ อภิญญา ๖
    ผู้ถาม กราบเท้าหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง ลูกอ่านธัมมวิโมกข์ เมื่อเดือนกรกฎาคม หน้า ๕๔ ว่าด้วยปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘ อภิญญา ๖ จึงสงสัยว่า คนที่จะบรรลุ ๓ อย่าง อย่างที่หลวงพ่อว่านั้น สมมุติทำบุญในชาตินี้ล้วน ๆ แล้วอธิษฐานว่า เจ้าประคุณ ถ้าฉันเป็นอรหันต์เมื่อไหร่ ขอให้ได้ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘ อภิญญา ๖ อธิษฐานอย่างนี้ จะมีทางสำเร็จในชาติปัจจุบันได้หรือไม่เจ้าคะ?
    หลวงพ่อ สำเร็จ... แต่ไม่ใช่สำเร็จอรหันต์หรอก สำเร็จอธิษฐาน จะไปทำทำไม ฉันให้ฝึกมโนมยิทธินี่ดีแล้ว ชอบยากๆ
    ผู้ถาม ความจริงแค่ขึ้นไปนิพพานได้นี่ ก็
    หลวงพ่อ เหลือแหล่...ถึงจุดหมายปลายทางแล้ว อยากได้ ปฏิสัมภิทาญาณ อยากได้ไปทำไม ไม่มีความหมายเลย แค่นิพพาน...อะไร ๆ ก็แค่นิพพาน
    ผู้ถาม เรียกว่าสบายที่สุดก็คือ...นิพพาน
    หลวงพ่อ ใช่ ๆ ๆ ไม่น่าจะมีคนฉลาดแบบนี้เลย
    อยากได้อภิญญา
    ผู้ถาม กราบเท้านมัสการหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง ลูกอยากจะเรียนถามหลวงพ่อว่า การที่เราฝึกมโนมยิทธิแล้ว โดยใช้ภาพพระพุทธรูปแก้วใสของหลวงพ่อจับเป็นกสิณ กับใช้ภาพองค์สมเด็จพระชินราช จะได้ผลเหมือนกันหรือไม่ เพราะผมตั้งใจแล้วว่าต่อไปอนาคต ผมจะเอาอภิญญา ๖ ให้ได้ขอรับ
    หลวงพ่อ เอาแน่หรือ..เอาแน่นะ?
    ผู้ถาม อ้อ...มโนมยิทธินี่ ถ้าพูดถึงว่าจับพระพุทธรูปใส
    หลวงพ่อ ได้ทั้งสองอย่าง ... อะไรก็ได้ อภิญญานี่ต้องได้กสิณทั้ง ๑๐ นะ อย่าทำเตาะแตะส่งเดชไป กสิณทั้ง ๑๐นี่ต้องคล่องทั้งหมด แล้วก็เดินหน้าถอยหลังได้ เข้าฌานสลับฌานได้ยากแล้วนะ เอาอย่างนี้ซิ ถ้าฝึกต้องการอภิญญา ๖ ฝึกไปนิพพานง่ายกว่าเยอะ ดีกว่าเยอะ ไม่ได้เกิดประโยชน์
    ผู้ถาม ความจริงมโนมยิทธิก็เหลือกินเหลือใช้แล้ว
    หลวงพ่อ ก็แค่นั้นแหละ ได้อภิญญา ๖ ก็แค่นั้นแหละ ไปได้เท่ากัน
    ผู้ถาม แต่ฆราวาสได้แค่ ๕ หรือ ๖ ก็ได้ครับ
    หลวงพ่อ ถ้า ๖ ต้องเป็นพระอริยเจ้านะ อันที่ ๖ อาสวักขยญาณ ไงล่ะ ความจริงเอาแค่เป็นพระอริยะดีกว่า อภิญญาเฉย ๆ จะทำอะไรกัน ได้มโนมยิทธิก็ถมเถไปแล้ว
    เจริญอรูปฌาน
    ผู้ถาม หลวงพ่อขอรับ ผมสงสัยว่า ผู้ที่เจริญอรูปฌาน หรืออรูปพรหมนั้นน่ะ ถ้าจะต่อวิปัสสนาญาณ หวังมรรคผลพระนิพพานในชาตินี้ จะเปลี่ยนแปลงหรือจะต่อย่างไร ขอหลวงพ่อโปรดแนะนำด้วยเถิดขอรับ?
    หลวงพ่อ ได้หรือยัง...ทำได้หรือยัง?
    ผู้ถาม เอ้า...คนเขียนทำได้หรือยัง แล้วเป็นไงครับ อรูปฌาน ผมยังไม่รู้เรื่องเท่าไหร่?
    หลวงพ่อ อากาสานัญจายตนะ อากิญจัญญายตนะ เวสัญญานาสัญญายตนะ วิญญาณัญจายตนะ คนที่ถามนี่ยังทำไม่ได้หรอก ถ้าได้แล้วเขาไม่ถามแบบนี้ เพราะปัญญามันเกิดแล้ว ถ้าต้องการนิพพาน ๗ วันเท่านั้นแหละ ต้องการอรหันต์นะ เจริญวิปัสสนาญาณใช้อรูปฌานเป็นพื้นฐานนะ ไม่เกิน ๗ วัน เป็นพระอรหันต์ปฏิสัมภิทาญาณ
    ผู้ถาม ฌานก็ดีเหมือนกันนะซิ ได้ฌานก็ดีเหมือนกัน
    หลวงพ่อ อ้าว...ก็ต้องถือฌานเป็นพื้นฐาน จะเป็นอรหันต์ เป็นโสดา สกิทาคา เหมือนกัน ต้องมีฌานเป็นพื้นฐานไม่มีฌานเป็นพื้นฐานไม่ได้
    ผู้ถาม บางองค์เขาบอกว่า สมถะไต้องใช้ ใช้วิปัสสนาล้วน รวดเดียวไปนิพพานได้ง่าย เพราะสมถะก็ใช้ไม่ได้
    หลวงพ่อ มันจะรู้เรื่องเมื่อไหร่ ไอ้คนสอนนะ
    ผู้ถาม โง่เหมือนยกทรงนะ
    หลวงพ่อ โง่กว่ายกทรงเยอะ มันแยกกันไม่ได้ ศีล สมาธิ ปัญญา สมถะคือ สมาธิ ถ้าไม่มีสมาธิวิปัสสนาญาณ มันมียังไง ปัญญามียังไง สมถะคือสมาธินั่นเอง ก็ต้องทำพร้อมกัน
    ผู้ถาม สงสัยท่านตัวเบ้อเร่อ มาขาดสมาธิตัวเดียว
    หลวงพ่อ ไม่รู้...ไอ้หมอนั่นไม่รู้แน่
    ผู้ถาม ครับ ๆ ๆ ก็คงเป็นพระอรหันต์รุ่นใหม่
    หลวงพ่อ รุ่นโน้นซิ..รุ่นเทวทัต
     
  4. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,070
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,047
    ขอขมาโทษหลวงพ่อ
    ผู้ถาม กราบเท้าหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง ก่อนอื่นผมขอกล่าวคำสวัสดีต่อหลวงพ่อด้วย ที่เคยล่วงเกินหลวงพ่อ มาเป็นเวลาช้านานแล้ว เพราะปฏิเสธเรื่องนิพพานที่หลวงพ่อสอนผมเป็นลูกศิษย์ พระอภิธรรม มันว่าง...มันสูญ เดี๋ยวนี้ผมรู้แล้ว่า ไม่ว่าง...ไม่สูญ ตามที่อาจารย์มันว่า (อ้าว...สงสัยจะล้างแค้นเลยเออ...ฉุนอาจารย์เก่า)
    หลวงพ่อ ด่าทั้งสองฝ่าย
    ผู้ถาม นั่นซิ....วันนี้ที่จดหมายมา ไม่มีอะไรหรอกครับ คือจะมากราบขอขมาลาโทษ ดอกไม้ธูปเทียนไม่มีมาผมเอาสตางค์ใส่ตู้แทนแล้วนะครับ
    หลวงพ่อ เดี๋ยว ๆ สีอะไร?
    ผู้ถาม อ้อ...ต้องดูสี การขอขมานี่ ต้องมีสีหรือครับ?
    หลวงพ่อ ต้องมีสี (หัวเราะ) ไม่รู้เขาด่าสีไหนนี่
    ผู้ถาม นี่จำไม่ได้ก็ต้องใช้สี...สีม่วง
    หลวงพ่อ นิพพานต้องสีม่วง....(หัวเราะ)
    ผู้ถาม แล้วโดยสรุปก็คือว่า ขอหลวงพ่อได้โปรดอโหสิกรรมให้ลูกด้วย ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ลูกจะขอปฏิบัติตามแนวมโนมยิทธิทุกประการขอรับ
    หลวงพ่อ ไม่เป็นไร ไม่เคยถือโทษโกรธใคร
    ผู้ถาม เอ๊ะ ปรกติหลวงพ่อไม่เคยทำอะไรใครเลยหรือครับ?
    หลวงพ่อ เคย
    ผู้ถาม อ้าว...เดี๋ยว ๆ ๆ เมื่อกี้บอกว่าไม่เคย อันนี้บอกว่าเคยอีกแล้ว
    หลวงพ่อ เมื่อกี้บอกไม่เคยถือโทษโกรธใคร ทำอะไรนี่เคยทำ ถ้าความจริงฉันโกรธคนนั้นโทษน้อย ถ้าฉันไม่โกรธคนนั้นโทษมาก ถ้าฉันโกรธ เขาด่าฉันมาใช่ไหม ฉันด่าเขาด้วย ขึ้นสถานีเสียเงินสองฝ่าย
    ผู้ถาม อ๋อ...หมายถึงค่าปรับโรงพักงั้นหรือครับ?
    หลวงพ่อ ใช่ ๆ ๆ ทีนี้ถ้าเราไปด่าคนที่เราไม่ควรจะด่า อย่างพระอริยเจ้านี่ ท่านไม่ด่าตอบ...เราซวย แล้วก็ซวยกันมาเยอะแล้ว
    ผู้ถาม ยังงี้ก็แสดงว่าเขาด่าเรา เราด่าตอบ อย่างนี้ไม่ดีนะ
    หลวงพ่อ ไม่ดี
    ผู้ถาม ก็เป็นอันว่าสบายใจได้อย่างหนึ่งว่า หลวงพ่อไม่เคยถือโทษใครเลยนะ
    หลวงพ่อ ไม่แน่...เมื่อก่อนเอา เมื่อก่อนโน้นเอา
    ผู้ถาม เคยโกรธเหมือนกันหรือครับ หลวงพ่อ?
    หลวงพ่อ เคย... ตอนเป็นหลวงพ่อไม่โกรธหรอก ตอนเป็นหลวงพี่ซิ
    ผู้ถาม เดี๋ยว...ต่างกันยังไงครับ หลวงพ่อ...หลวงพี่นี่?
    หลวงพ่อ หลวงพ่อมันแก่...หลวงพี่มันหนุ่ม
    ผู้ถาม ตอนนั้นเคยมีเหมือนกันหรือครับ?
    หลวงพ่อ เคยมี...เหมือนชาวบ้านเขานี่...เหมือนกัน ยี่ห้อเดียวกัน
    ผู้ถาม แหม...ขนาดมีบุญขนาดหลวงพ่อนี่ ยังมีหรือครับ?
    หลวงพ่อ ใครมีบุญ?
    ผู้ถาม อ้าว...ก็หลวงพ่อซิ ใคร ๆ ก็เอาอะไรมาถวาย ๆ
    หลวงพ่อ มี...เขาถวายเป็นของสงฆ์ เสือกไปเอาเองซิ ลงอเวจี (หัวเราะ) สังฆทานนี่ตัวร้ายกาจ มาตราเดียวอเวจีง่าย ๆ คำว่า “สังฆทาน” พระผู้รับถือว่าผู้แทนสงฆ์เท่านั้น เอาไปเข้าส่วนกลางเขา
    ผู้ถาม อ๋อ...อย่างนั้นคนที่เข้าใจผิดคือบอกว่า สังฆทานต้องมีตั้งแต่ ๔ รูปขึ้นไป เอ๊ะ ทำไม...ทำไมซอยสายลมหลวงพ่อรับองค์เดียว อย่างนี้ก็เป็นปาฏิปุคคลิกทานจริง ๆ
    หลวงพ่อ รับแทนสงฆ์ ในพระไตรปิฎก เขาก็เขียนไว้ เสือกไม่อ่านเอง
    ผู้ถาม อ๋อ นี่ใช้ภาษาไทยตอบเลยหรือครับ?
    หลวงพ่อ ใช่...คนไทยใช้ภาษาเจ๊กรู้เรื่องยาก
    ปรามาสพระอริยเจ้า
    ผู้ถาม เรื่องพระอริยเจ้าก็มีอยู่นิดคือว่า การปรามาสพระอริยเจ้าด้วยเจตนาก็ตาม ไม่เจตนาก็ตาม โมโหด้วยความตั้งใจก็ตาม อยากเรียนถามว่า จะมีกรรมมากไหมครับ?
    หลวงพ่อ ก็ลงนรกด้วย เจตนาก็ตาม ไม่เจตนาก็ตาม ลงเหมือนกัน
    ผู้ถาม ไม่ต้องสอบสวนหรือครับ?
    หลวงพ่อ ไม่ต้องสอบ... สบาย ก็ไม่ยาก ก็ไปขอขมาต่อพระพุทธเจ้าเสียซิ ถ้าไม่พบพระพุทธเจ้าก็พระพุทธรูป
    ผู้ถาม ต้องไปพบพระพุทธรูปที่วัดท่าซุง หรือว่า
    หลวงพ่อ ไม่จำเป็น...ที่บ้านก็ได้ ให้นึกว่าท่านคือพระพุทธเจ้า เพราะพระอริยเจ้านี่ ขอขมาโดยตรงตัวไม่มีผล อย่างสมมุติยกทรงเป็น “โสดาตาบัน” ใช่ไหม
    ผู้ถาม เดี๋ยว ๆ ครับ ตามศัพท์พระไตรปิฎกเขาเรียก “โสดาบัน” ครับ
    หลวงพ่อ ได้นี่มันหนักแน่ “โสดาตะบัน” นี่ขั้นเอกพิชีนะ เพราะตะบันจนกรทั่งแน่นปั๋งไม่คลายตัว สมมุติว่า ยกทรงเป็นพระโสดาบัน เขาไปด่าไปว่าเข้านินทาเข้าก็บาป ใช่ไหม...ไปขอโทษโดยตรงกับยกทรงนี่ไม่มีผล ต้อบงขอโทษโดยตรงกับพระพุทธเจ้า เพราะว่าความเป็นพระโสดาบัน ไม่ใช่เกิดจากยกทรงเกิดจากพระพุทธเจ้าท่านสงเคราะห์
    ผู้ถาม แล้วอย่างพระโสดาบันที่บวชเป็นพระ กับโสดาบันที่เป็นฆราวาส ถ้าเราปรามาสโทษจะเป็นอย่างไรครับ?
    หลวงพ่อ ครือกัน
    ผู้ถาม เพราะฉะนั้นพวกเราจำไว้นะ ฆราวาสที่เป็นพระอริยะมีเยอะแยะ
    หลวงพ่อ เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน พระโสดาบันไปตันแค่ศีล ๑.เคารพพระพุทธเจ้า ๒.เคารพพระธรรม ๓.เคารพพระอริยสงฆ์ ๔.มีศีล ๕ บริสุทธิ์ องค์พระโสดาบันมีแค่นี้
    ผู้ถาม อุ้ยตายแล้ว หลวงพ่อนี่เทศน์ไม่เหมือนกับโทรทัศน์เดี๋ยวนี้ยังออกอากาศปาว ๆ อยู่นะครับ ว่าพระโสดาบัน ๑.สักกายทิฏฐิ ต้องตัดขันธ์ ๕ โดยเด็ดขาด
    หลวงพ่อ เอาเลื่อยที่ไหนมาตัด เดี๋ยวก่อน ... พระโสดาบันถ้าตัดขันธ์ ๕ เด็ดขาด ลองคิดดู นางวิสาขา ท่านเป็นพระโสดาบันตั้งแต่อายุ ๗ ปี ขันธ์ ๕ นะคนเดียวนะ พออายุ ๑๖ ได้อีก ๕ ขันธ์...มีผัว ต่อไปก็ลูกชาย ๑๐ คน มีผู้หญิง ๑๐ คน ลูกทั้งหมด ๒๐ คน ตัดหรือไม่ตัด ตัดหรือต่อ ... พระโสดาบันกับสกิทาคามี สองอยางยังแต่งงานได้ ไม่แต่งงานก็อนาคามีขึ้นไปเท่านั้นเอง ไอ้เทศน์อย่างนั้น ท่านเทศน์ถูกของท่าน แต่ไม่ถูกตามพระไตรปิฎก
    ผู้ถาม อย่างนี้ฆราวาส ที่จะเป็นพระโสดาบัน แค่ศีล ๕ ก็
    หลวงพ่อ แค่นั้นแหละ เขาเรียก “สัตตักขัตตุง”
    ผู้ถาม อย่างนี้เป็นฆราวาสก็ดีกว่าเป็นพระซิครับ?
    หลวงพ่อ โอ้ย ดีกว่าเยอะ...ความจริงแล้วฆราวาสถ้าพูดตามส่วน เขาได้เปรียบกว่าพระมาก ๑.เจี๊ยะไม่เลือกเวลา ประการที่ ๒ เข้าวิกได้
    ผู้ถาม หลวงพ่อรู้ด้วยหรือครับ?
    หลวงพ่อ อ้าว...เคยเป็นฆราวาสมาก่อนนี่ ประการที่ ๓ มีผัวมีเมียได้ ประการที่ ๔ หลับตื่นสายได้ พระตื่นสายไม่ได้ใช่ไหม...เช้ามืดต้องทำวัตรสวดมนต์ ต้องเจริญกรรมฐาน ถ้าพลาดหน่อยเดียวพระลงนรก สมมุติว่ามีปลาหนึ่งตัวนะ พระมีปลาหนึ่งตัว ฆราวาสมีปลา ๑๐๐ ตัว ตัวขนาดเดียวกัน พระฆ่าปลาหนึ่งตัว ฆราวาสฆ่าปลา ๑๐๐ ตัว พระโทษมากกว่า ก็เพราะว่าทรงศีลเป็นบุคคลที่ชาวบ้านเขาต้องบูชา นี่ละบาปมาก พระไม่ใช่เรื่องเล็กนะ
    ผู้ถาม โอ้ย ไม่บวชดีกว่า
    หลวงพ่อ ใช่...ยกทรงก็เคยเสียท่ามา ๑๘ ปีแล้วซิ

    ฆราวาสเป็นพระโสดาบัน
    ผู้ถาม กราบเท้าหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง ลูกสงสัยว่า ถ้าฆราวาสที่มีจิตเข้าถึงพระโสดาบันแล้ว เวลาประสบสิ่งที่ทำให้ไม่สบาย เช่นเรื่องเกี่ยวกับการทำมาหากิน การกระทบอารมณ์ต่าง ๆ อยากจะทราบว่า อารมณ์เขาตอนนั้นจะเป็นอย่างไร เจ้าคะ?
    หลวงพ่อ พระโสดาบันก็มีอารมณ์คล้ายคลึงกับคนธรรมดายังมีความรักในระหว่างเพศ ยังต้องการความร่ำรวย ยังมีความโกรธ ยังมีความหลง แต่ว่าทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ในขอบเขตของศีล ฉะนั้นความสะเทือนใจย่อมมี แต่ว่า พระโสดาบันไม่ละเมิดศีล ไม่ผิดกาเม ความต้องการรวยยังมี แต่ว่าไม่โกงใคร ไม่ละเมิดศีล โกรธได้แต่ไม่ฆ่าใคร หลงในชีวิตแต่คิดว่าร่างกายจะไม่ตาย ขอบเขตเขามีแค่นั้นนะ จะไปนึกว่าพระโสดาบันเขาไม่มีความรู้สึกไม่ได้ ถือว่าชาวบ้านชั้นดี
    ผู้ถาม นึกว่าเป็นพระโสดาบันแล้วจะไม่โกรธ
    หลวงพ่อ พระโสดาบันน่ะไม่โกรธ แต่แข้งอาจจะโกรธ อย่าลืมนะ ยังเตะได้ เขาไม่ได้ฆ่านะ นี่บอกกันตรง ๆ พระโสดาบัน พระสกิทาคานี่ อย่าไปแหยมเข้านะ
    ผู้ถาม เอาเรื่องเหมือนกันหรือครับ?
    หลวงพ่อ ไม่เอา...เตะเลย ดีไม่ดีมันมีปืนไม่ตั้งใจจะฆ่า ยิงให้บาดเจ็บ เป็นการยับยั้ง เขายังทำได้นะ ศีลเขาไม่ได้ขาดนะ
    ผู้ถาม อย่างนี้ก็ยังไว้ใจไม่ได้
    หลวงพ่อ ไว้ใจได้แน่นอน ถ้ายั่วหนัก ๆ ถูกเตะแน่ ถ้าเป็น ผู้หญิงเขาอาจจะตบเอา อย่าไปยุ่งนักไม่ใข่อนาคามี ดูตามขั้นตอนเขาก่อน อนาคามีต่างหากที่ไม่มีความโกรธ จะคิดมากไปว่า พระโสดาบันจะไม่มีความรู้สึกน่ะไม่ได้ ต้องดูตามขั้นตอน
    โคตรภูญาณ
    ผู้ถาม หลวงพ่อเจ้าขา ลูกพบหนังสือเล่มหนึ่ง ท่านพูดถึงเรื่อง โคตรภูญาณ ลูกไม่เข้าใจเลยเจ้าค่ะ ปฏิบัติอย่างไร ถึงจะเข้าถึงโคตรภูญาณเจ้าคะ?
    หลวงพ่อ โคตรภูญาณ เขาแปลว่า ระหว่าง ระหว่างโลกีย์กับโลกุตระตอนหนึ่ง ระหว่างพระโสดาบันกับพระสกิทาคาตอนหนึ่ง ระหว่างพระสกิทาคากับพระอนาคามีตอนหนึ่ง ระหว่างพระอนาคามีกับพระอรหันต์ มีหลายโคตร มี ๔ โคตร ๕ โคตร
    ผู้ถาม ตกลงคำว่า “โคตร” นี่หมายถึง “ระหว่าง”
    หลวงพ่อ ระหว่าง... เขาสมมุติว่า จิตของเราจะเข้าถึงพระโสดาบันใช่ไหม มันยังไม่ถึงแต่แหย่เข้าไปแล้ว ท่านเปรียบเทียบบอกว่า คล้ายลำรางเล็ก ๆ เท้าข้างซ้ายเหยียบฝั่งนี้ เท้าข้างขวาเหยียบฝั่งโน้น ทั้งสองเท้ายังยันดินอยู่ ยังไม่ยกเท้านี้ไป ระหว่างนั้นเรียก “โคตรภูญาณ” ญาณในระหว่างโลกีย์กับโลกุตร
    แต่ว่าเวลานั้นสำหรับตอนต้นนะ เอาตอนต้นที่จะเป็นพระโสดาบัน จะมีอารมณ์ ๆหนึ่งขึ้นในใจนั่นคือ ต้องการพระนิพพานอย่างเดียว จิตจะรักพระนิพพานอย่างยิ่ง ใครจะชวนเป็นเทวดาเป็นนางฟ้าไม่ต้องการหมด ต้องการนิพพานอย่างเดียว พอเข้าถึงพระโสดาบันปั๊บ...อารมณ์ ๆ หนึ่งจะเกิดขึ้นนั่นคือ...ธรรมดา
    ผู้ถาม เป็นยังไงครับ?
    หลวงพ่อ ถูกด่า...ก็ธรรมดาของคนเป็นอย่างนี้ ถูกนินทา...ก็ธรรมดาของคนเป็นอย่างนี้ แต่อย่าด่าบ่อยนักนะ เอาบ้าง (หัวเราะ) คือว่าพระโสดาบันยังมีโทสะ แต่โทสะไม่รุนแรง
    ผู้ถาม ในโทรทัศน์วิทยุเทศน์ บอกพระโสดาบันนี่หมดแล้ว โลภะ โทสะ โมหะ
    หลวงพ่อ นั่นมันโทรทัศน์ไม่ใช่ที่นี่ นี่โทรทัศน์วงจรปิด นั่นเขาวงจรเปิด
    ผู้ถาม อ๋อ...จริง ๆ แล้วไม่ถึงขนาดนั้นหรือครับ?
    หลวงพ่อ ใช่ ๆ
    ผู้ถาม อย่างนี้ก็ลูกหลานนั่งแถวนี้ก็มีสิทธิ์
    หลวงพ่อ โอ๊ย...มีสิทธิ์ทุกคน กล้วยตานี้สุก ๆ ไม่ยาก
    ผู้ถาม อ้อ...บังเอิญหลวงพ่อพูดคืนนี้เกี่ยวกับ อรหัตมรรค เรียนถามนิดคือว่า “อรหัตมรรค” กับ “อรหัตผล” นี่อารมณ์ต่างกันมากหรือไม่ครับ?
    หลวงพ่อ ต่างกันมาก...ต่างเยอะเชียว อรหัตมรรคมีอะไรบ้าง?
    ๑.ต้องตัด รูปราคะ ยังมีอารมณ์หลงในรูปอยู่ ต้องตัดตัวนี้ก่อน รูปฌานนะ ไม่ใช่รูปคน ประการที่ ๒ เมื่อตัดตัวนั้นแล้ว ต้องตัด อรูปราคะ ต้องตัดอารมณ์ที่รักอรูปฌาน คือหลงในอรูปฌาน ยังใช้ฌานแต่ไม่หลงในฌาน ใช้ฌานเป็นประโยชน์นะ ๓.ตัด มานะ การถือตัวถือตน ๔.ตัด อุทธัจจะ คืออารมณ์ฟุ้งซ่าน ๕.ตัด อวิชชา
    อรหัตมรรคก็ยังมี ๕ อย่าง คือ รูปราคะ อรูปราคะ มานะ อุทธัจจะ อวิชชา พออรหัตผลเลยไม่มีอะไร อรหัตผลเหลืออย่างเดียว สังขารุเปกขาญาณ วางเฉยหมด
    ผู้ถาม ไม่เอาอะไรเลยหรือครับ?
    หลวงพ่อ เอา...เอาเฉย ๆ คำว่า “สังขารุเปกขาญาณ” วางเฉยในขันธ์ ๕ ใช่ไหม... ขันธ์ ๕ มันจะแก่ ขันธ์ ๕ มันจะตาย ก็เป็นเรื่องของมัน คือว่าถ้ายังมีขันธ์ ๕ ก็จะต้องประคับประคอง ถ้าไม่อย่างนั้นมันหิว ถ้าขันธ์ ๕ มันป่วย ก็รักษาเป็นการระงับเวทนา ถ้าขันธ์ ๕ จะตายไม่หนักใจเพราะต้องการนิพพาน
    ผู้ถาม ต้องมีอารมณ์ขนาดนั้น ถึงวางได้ขนาดนี้นะครับ?
    หลวงพ่อ ใช่ ๆ ๆ และเป็นสุขที่สุด มันเป็นสุขบอกไม่ถูก ก็ไม่ใช่สุขอย่างกับสุขในฌาน ๑ เป็นสุขนะ นั่นมันสุขต่างหาก ไอ้นี่มันสุขที่ไม่อาศัยอะไรทั้งหมด คือไม่อาศัยอามิสเขาเรียกว่า นิรามิสสุข ไม่ต้องมีวัตถุเป็นเครื่องเกาะ อารมณ์จะสุขเอง
    ผู้ถาม ถ้าหากว่าลูกหลานนี่ สมมุตินะครับ ขณะนี่ทรงอารมณ์พระโสดาบันได้แล้วนี่ จะไม่เอาละ สกิทา อนาคา จะตีรวดไปทีเดียวตอนตายเป็นอรหันต์ จะได้ไหมครับตอนนั้น?
    หลวงพ่อ วิธีปฏิบัติเขาก็ปฏิบัติแบบนั้น ไอ้พูดตามแบบเขาต้องไล่ตามระดับ ใช่ไหม... แต่ถ้าปฏิบัติจริง ๆ ท่านบอกว่า ถ้าได้พระโสดาบันในที่นั่งใด ให้ทำจิตให้บรรลุอรหันต์ในที่นั่งนั้นแต่ยังไม่ทันลุกเป็นอรหันต์เลย
    ผู้ถาม อ๋อ...ตีรวดข้ามไปเลย
    หลวงพ่อ ใช่ ๆ ๆ ไปจับ อวิชชา เลย วิธีตีรวดก็จับเฉพาะอวิชชา ได้พระโสดาบันแล้วจับอวิชชา อวิชชามี ๒ อย่างด้วยกันคือ ฉันทะกับราคะ ฉันทะ มีความพอใจในมนุษยโลก เทวโลก พรหมโลก ราคะ เห็นมนุษยโลก เทวโลก พรหมโลกสวยสดงดงามน่าอยู่ ไม่มีในอารมณ์เของเรา และโลกทั้ง ๓ นี่ไม่พ้นทุกข์ เราไม่ต้องการ เราต้องการนิพพาน เท่านั้นแหละ ถ้าทำเป็น...ไม่ยาก
     
  5. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,070
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,047
    อยากไปนิพพานก่อนหลวงพ่อ
    ผู้ถาม หลวงพ่อเจ้าขา ลูกอยากจะกราบพึ่งบารมีหลวงพ่อเจ้าค่ะ คือลูกปรารถนาที่จะไปมรรคผลนิพพานให้มันเร็วกว่าที่เขากำหนด เพราะมันเบื่อหน่ายร่างกายเหลือเกิน แต่ใจหนึ่งก็ไม่ห่วง แต่ใจหนึ่งก็ยังเป็นห่วง ไม่ห่วงตัวแต่ห่วงหลวงพ่อ อยากจะขออนุญาตหลวงพ่อตายก่อน ไปก่อนจะได้ไหม หรือว่าจะกลายเป็นลูกอกตัญญูขอหลวงพ่อ ได้โปรดอโหสิกรรมด้วยเถิดเจ้าค่ะ?
    หลวงพ่อ นี่...คนนี้อยู่ใกล้วัดไหน อ้าว...เผื่อพระบังสุกุลไง
    ผู้ถาม อ๋อ...เวลาตายหรือครับ?
    หลวงพ่อ ใช่...อย่างนั้นจะแนะนำให้ตายอย่าง พระโคธิกะ ก็แล้วกัน คือปาดเชือดคอตาย
    ผู้ถาม เขาว่าฆ่าตัวตายก็ตกนรกนะ...หลวงพ่อนะ
    หลวงพ่อ แต่ไปนิพพานนะ พระโคธิกะไปนิพพานนะ ถ้าเบื่อร่างกาย เบื่อจริง ๆ นะ คิดว่าร่างกายเป็นศัตรู เราหิวก็เพราะร่างกาย ป่วยไข้ไม่สบายเพราะร่างกาย มีทุกข์ทุกอย่างเพราะร่างกาย เราไม่ต้องการมันอีก ขึ้นชื่อว่าร่างกายประกอบด้วยธาตุ ๔ อาการ ๓๒ อย่างนี้ไม่มีกับเรา เราต้องการนิพพาน เพียงแค่นี้ก็ไปนิพพาน แต่ระวังมันเจ็บนะ เอาอย่างนี้ดีกว่า เอาตายแบบสบาย ๆ ดีกว่า อยู่เรื่อย ๆไปจนกว่าจะตายเอง ฆ่าตัวตายเดี๋ยวเกิดเจ็บขึ้นมา จิตใจฟุ้งซ่านลงนรกไปเลย
    ผู้ถาม ต้องเบื่อจริง ๆ จึงจะไปนิพพานได้
    หลวงพ่อ ใช่ ๆ
    ผู้ถาม เบื่อ ๆ อยาก ๆ เบื่อเฉพาะตอน
    หลวงพ่อ เบื่อ ๆ แต่ว่าห่วงหลวงพ่อ ไม่เบื่อจริง เบื่อต้องเป็น สังขารุเปขาญาณ ตัดทุกอย่างอารมณ์มันจะทรงตัวเอง ไม่ใช่ไปสร้างมันเกิดขึ้น ให้มันเกิดเอง ถือว่าทุกสิ่งทุกอย่างในโลกเป็นของธรรมดา เกิด แก่ เจ็บ ตาย ไม่มีกังวล ถ้าอยู่เราก็ต้องบริหารร่างกายตามธรรมดา ต้องกินข้าว ต้องถ่ายส้วม ต้องไปขี้น่ะ ต้องป่วย ต้องรักษาโรค อย่างพระพุทธเจ้าเห็นไหม
    แต่ว่าเวลาขันธ์ ๕ จะพัง มันก็เป็นเรื่องของมัน “เตสัง วูปะสะโม สุโข การเข้าไปสงบสังขารนั่นย่อมเป็นสุข” นั่นหมายความอารมณ์เราเป็นสุขจากร่างกาย เราไม่เดือดร้อนเพราะร่างกาย ร่างกายจะอยู่ก็เชิญอยู่ จะตายก็เชิญตาย ทำจิตให้เป็นสุขนะ
    ผู้ถาม เอาแค่นี้นะครับ
    หลวงพ่อ ค่อย ๆ ไป ค่อย ๆ ทำ แต่แค่เบื่อจริง ๆ ยังไป นิพพานไม่ได้นะ เบื่อเป็น นิพพาญาณ แต่อนาคามีต้องเป็น สังขารุเปกขาญาณ วางเฉยในขันธ์ ๕
    ตัดสักกายทิฏฐิ
    ผู้ถาม กราบเท้าหลวงพ่อที่เคารพ เมื่อปีที่แล้ว น้องชายของกระผม ขอร้องให้กระผมตัดสักกายทิฏฐิของเขา กระผมก็ทำท่าอยากจะตัดอยู่ ก็ไม่รู้วิธีจะตัดแบบไหน ประการใด จึงมากราบเรียนขอคำแนะนำจากหลวงพ่อ ช่วยตัดให้หน่อยเถิดขอรับ?
    หลวงพ่อ ไปหาเจ๊กขายหมูซิ..มีดคมดี
    ผู้ถาม อ๋อ...ตัดต้องใช้มีดหมูหรือครับ?
    หลวงพ่อ ใช่...ตัดสักกายทิฏฐิ ต้องตัดร่างกายยังไงล่ะ...กร๊วบ! ทีเดียวขาดเลย สักกายทิฏฐิ ถ้าตัดขาดก็เป็นพระอรหันต์ จำให้ดีนะ คือว่าสักกายทิฏฐิเขาตัด ๓ ขั้น อย่างพระโสดาบันกับพระสกิทาคามีใช้ปัญญาเล็กน้อย สมาธิเล็กน้อย แต่มีศีลบริสุทธิ์ แค่มีความรู้สึกว่า ร่างกายจะต้องตาย
    ถ้าอนาคามี เห็นร่างกายสกปรกโสโครก มีความเบื่อหน่ายเกิดนิพพิทาญาณ ถ้าอรหันต์เห็นว่า ร่างกายไม่ใช่ของเรา เราไม่มีในร่างกาย ร่างกายไม่มีในเรา มี ๓ ขั้น ไปเทศน์แบบนั้น ชาวบ้านก็ไม่ต้องทำกันละ ต่างคนต่างท้อ อย่างเด็กจะแบบน้ำทั้งปีบไมไหวมันต้องใช้กระป๋องเล็ก ๆใช่ไหม พอกับแรงเด็ก
    ผู้ถาม ถ้าอย่างนั้นคนที่มีบุญน้อย ก็ใช้มินิสังฆทานไปก่อน
    หลวงพ่อ มันเป็นยังไงนะ?
    ผู้ถาม อย่างชุดละ ๑๐๐ เขาเรียก “มินิสังฆทาน” ครับ
    หลวงพ่อ อ๋อ...อย่างนั้นเหรอ

    *******************************
    จบบริบูรณ์
    ข้าพเจ้าขอพิมพ์ถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา และ สังฆบูชา
    กวางน้อย
    พิมพ์สิ้นสุดเมื่อ 25 พ.ย. 47
    :- http://www.larnbuddhism.com/grammathan/toppanha2.html
     
  6. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,070
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,047
  7. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,070
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,047
    3 ข้อ ที่ ทำ ให้ ฝึก มโนมยิทธิ ไม่ได้

    เทวดาเปรตคนเลี้ยงสัตว์ไว้ดูเล่นโปรดฟัง : หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

    พุทธะ Channel
    Jun 8, 2021
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 มิถุนายน 2021
  8. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,070
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,047
    หลวงพ่อเตือน!!! นั่งสมาธิแล้วบ้า!!! : หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

    พุทธะ Channel
    Jun 16, 2021
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 สิงหาคม 2022
  9. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,070
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,047
  10. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,070
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,047
  11. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,070
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,047
    พระราชพรหมยาน(หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)ปฏิปทาท่านผู้เฒ่า19

    พระ ผู้พ้นโลก
    Aug 20, 2021
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 สิงหาคม 2022
  12. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,070
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,047
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 สิงหาคม 2022
  13. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,070
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,047
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 สิงหาคม 2022
  14. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,070
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,047
    กรรม ของคนด่า พระภิกษุ : หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

    พุทธะ Channel

     
  15. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,070
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,047
  16. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,070
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,047
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 สิงหาคม 2022
  17. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,070
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,047
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 ตุลาคม 2021
  18. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,070
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,047
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 สิงหาคม 2022
  19. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,070
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,047
  20. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,070
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,047
    ฉิมพลีนรก คำว่า "สงสาร" ที่นี่ไม่มี:หลวงพ่อฤาษีลิงดำ@พุทธะ Channel

    พบพระไม่ฉันข้าว/หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

    พุทธะ Channel
    15,462 viewsNov 13, 2021
    ประสบการณ์ ธุดงค์ ของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ที่พบพระอภิญญา ในถ้ำ โดยท่านได้หุงหาอาหาร ให้กับหลวงพ่อฤาษีลิงดำ และหลวงพ่อปาน โดย หลวงพ่อฤาษีลิงดำ โดยสังเกตุหม้อ ที่หุงหาอาหาร ใหม่มาก และคิดอะไรก็จะมี อาหารนั้นมา เป็นที่อัศจรรย์ใจ และพาไปท่องเที่ยวในสถานที่ต่างๆ

    เชิญฟังหลวงพ่อได้เลยครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 พฤศจิกายน 2021

แชร์หน้านี้

Loading...