**ร้านศิวิไลพระเครื่อง** วัตถุมงคล เครื่องรางของขลัง เกจิคณาจารย์ภาคเหนือ

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย ศิวิไล, 25 พฤษภาคม 2013.

  1. ศิวิไล

    ศิวิไล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    15,865
    ค่าพลัง:
    +1,340
    รายการที่ 8108

    เหรียญหลวงปู่มั่น รุ่น ลายเซ็นต์ วัดเจดีย์หลวง เนื้อนวะโลหะ ตอกโค๊ตหายากมาก


    เหรียญหลวงปู่มั่น รุ่น ลายเซ็นต์ พ.ศ. 2546 วัดเจดีย์หลวง บล็อค"พุทธวงศ์"(ธรรมขันธวิมุตติสมังคีล้วน)สภาพสวย พิธีดี หลวงตามหาบัว อธิฐานจิตพร้อมกับพระสายหลวงปู่มั่นและสายเหนือ ๓๕๐ รูป
    เหรียญหลวงปู่มั่น รุ่น ลายเซ็นต์ พ.ศ. 2546 วัดเจดีย์หลวง สภาพสวย พิธีดี เป็นเหรียญรุ่นที่หลวงตาม หาบัวอธิฐานจิต แน่นอนครับ
    พ่อแม่ครูอาจารย์ผู้ปลุกเสก หลวงตามหาบัว หลวงปู่จันทร์ หลวงพ่อประสิทธิ์ หลวงปู่ท่อน หลวงพ่อวิริยังค์ หลวงปู่ละมัย หลวงปู่บุญหนา หลวงปู่เพียร หลวงปู่ลี และเกจิสายป่าฯลฯ รวม 350 รูป พุทธคุณที่เขาว่าถึงประสบการณ์คือใช้ถอนมนต์ดำคุณกระทำผีร้ายต่างๆตลอดจนหนุนดวงมีโชคลาภ มีเมตตามหานิยม และแคล้วคาดปลอดภัย ใช้ดีจนไม่ค่อยพบเห็นในเว็ปและนอกเว็ปครับ เนื้อนวโลหะบล๊อคนี้สร้างเพียง ๘๐ เหรียญ นอกจากนี้ยังผสมชนวนเหรียญ ป มาลากุล ที่เชื่อว่าหลวงปู่มั่นท่านได้อธิฐานจิตเหรียญรุ่นนี้ด้วยครับ
    เหรียญ”ลายมือลายเซ็น”หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ที่"พุทธวงศ์"ได้สร้างขึ้นเมื่อปีพ.ศ. 2546 ซึ่งนับเป็น รุ่นแรกในประวัติศาสตร์ ที่ได้อัญเชิญ”ลายเซ็น” และ”ลายมือ”บันทึกธรรม ตลอดจน”อักขระยันต์หัวใจยูงทอง”แท้ๆ ที่หลวงปู่มั่น ได้เขียนไว้ด้วยองค์เอง มาบรรจุไว้ในเหรียญ”ภูริทัตโตอนุสรณ์”อย่างสมบูรณ์แบบและสวยงามที่สุด อย่างที่ไม่อาจจะหาเหรียญหลวงปู่มั่น รุ่นใดๆ มาเสมอเหมือนได้
    ด้านหน้า จะแกะเป็นรูปหลวงปู่มั่น ครึ่งองค์ แวดล้อมด้วยอักขระยันต์ “นะโมวิมุตตานัง นะโมวิมุติยา” พร้อมด้วยลายเซ็น”พระภูริทัตตเถร” ลายมือดั้งเดิมของท่านเองแท้ๆ
    ส่วนด้านหลัง ได้อัญเชิญลายมือ”บันทึกธรรม”ของหลวงปู่มั่น ที่ว่าด้วยเรื่อง”ขันธวิมุติสมังคีธรรม” มาประดิษฐานเป็นมหา”ธรรมมงคล”อันสูงสุดไว้จนเต็มเนื้อที่ อย่างสวยงามและได้อารมณ์แห่ง”ความหลุดพ้น”อย่างเต็มๆ ชนิดที่ไม่ต้องไปหาอะไรที่จะยิ่งกว่าได้อีกแล้ว
    แม้เหรียญ”ลายมือลายเซ็น”รุ่นนี้ จะมีเนื้อทองคำ,เนื้อเงินเป็นพิเศษก็จริง แต่ก็มีเฉพาะเหรียญเนื้อนวโลหะและเนื้อทองผสม ที่ได้ผสมชนวนเหรียญ”ป.มาลากุล”อย่างแท้จริง
    ส่วนพิธีการมังคลาภิเษกเหรียญลายมือลายเซ็น”ภูริทัตโตอนุสรณ์”รุ่นนี้ ได้กระทำอย่างพิเศษและยิ่งใหญ่ที่สุดโดยได้อัญเชิญเหรียญทั้งสิ้นขึ้นประดิษฐานข้างมณฑป”ทันตธาตุ” ของท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ที่วัดเจดีย์หลวง จ. เชียงใหม่ ในมหาพิธียกช่อฟ้าพระวิหารพระอาจารย์มั่น เมื่อปีพ.ศ.2546 โดยพระวิหารหลังนี้ ได้สร้างทับตรงบริเวณที่พระอาจารย์มั่นเคยมาพำนักปฏิบัติธรรมสมัยที่ตามท่านเจ้าคุณอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจันโท) มาที่วัดเจดีย์หลวงเพื่อราวปีพ.ศ. 2484
    มหาพิธีในครั้งนั้น มีพระมหาเถรานุเถระอาวุโสที่เป็นศิษย์”สายตรง”ในท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต จำนวนมากอย่างเต็มรูปแบบไม่ต่ำกว่า 108 รูปด้วยกัน โดยได้รับความเมตตาจากท่านพระธรรมวิสุทธิมงคล (หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน) วัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี พระอริยเจ้าผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐสุดและเป็นศิษย์ที่ใกล้ชิดท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโตมากและนานที่สุดองค์หนึ่งเป็นองค์ประธานอธิษฐานจิตและยกช่อฟ้าด้วยองค์ของท่านเอง
    เหรียญ”ภูริทัตโตอนุสรณ์” ซึ่ง"พุทธวงศ์"ได้ดำเนินการออกแบบ,จัดสร้างถวายเป็นอนุสรณ์ดังกล่าว ได้อัญเชิญไปประดิษฐานโยงสายสิญจน์อยู่ประชิดติดกับบุษบกที่ประดิษฐาน”อัฐิธาตุ”และ”ทันตธาตุ”ฟันกราม ของหลวงปู่มั่น ในพระวิหารซึ่งสร้างทับบริเวณ”กุฏิเก่า”ที่ท่านพระอาจารย์มั่น ได้เคยมาพำนักบำเพ็ญภาวนา อันเป็น”จุดศูนย์กลาง”แห่ง”มหาพลัง”และ”มหาบารมี”แห่งบรมพิธีทั้งปวง อันจะหาใดอื่นมาเสมอเหมือนมิได้อย่างแน่แท้ มีพระมหาเถระนุเถระทั้งสาย”กรรมฐาน”และ”เมืองเหนือ”ร่วมเจริญพระพุทธมนต์สมโภชโมทนาจำนวนมากถึง 350 รูปด้วยกัน แลดูอลังการละลานตาละลานใจไปทั่ว โดยมีท่านเจ้าคุณพระธรรมวิสุทธิมงคล หรือหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน แห่งวัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี พระอัครอรหันต์เจ้าแห่งสยามประเทศ ซึ่งเป็นศิษย์ที่ใกล้ชิดที่สุดและรับถ่ายทอดปฏิปทาจากองค์หลวงปู่มั่นมามากที่สุดเป็น”องค์ประธาน”ในการพิธีทั้งปวงอย่างดียิ่งและสมบูรณ์แบบที่สุด
    ทั้งนั้น เห็นจะเป็นทั้งในส่วนแห่งความ”กตัญญูผูกพัน”ส่วนตัวกับ”พ่อแม่ครูอาจารย์มั่น” ที่ลึกซึ้งยิ่งใหญ่อย่างไม่มีที่สิ้นสุดประการหนึ่ง
    และทั้งด้วยฐานะที่ท่านหลวงตามหาบัวนั้น มีความผูกพันในฐานที่เป็น”ตุ๊เจ้าหลวง”ซึ่งเป็น”ศิษย์เก่า”ของวัดเจดีย์หลวงนี้มาแต่เดิมอีกประการหนึ่ง.....
    เพราะท่านได้เล่าเรียนปริยัติธรรมจนสำเร็จเปรียญ 3 ประโยค จนได้ชื่อนำหน้าว่าเป็น”มหา” ก็บ่แม่นที่แผ่นดินอีสานบ้านเกิดของเพิ่นแต่อย่างใด
    แต่”ตุ๊เจ้าหลวงบัว”ได้กลายเป็น”พระมหาบัว” กลับเป็นที่สำนักเรียนของ “วัดเจดีย์หลวง” กลางเวียงเจียงใหม่แต๊ๆเมื่อปี๋พ.ศ. 2484 นี่แหละเจ้า
    ด้วยเหตุนี้ จึงไม่เป็นที่น่าแปลกและอัศจรรย์อันใดเลย ที่หลวงตามหาบัวท่านจะได้อธิษฐานจิต ”ทำน้ำมนต์”ในมหาพิธีนี้ให้อย่างเนิ่นนานเป็นพิเศษยิ่งกว่าพิธีใดๆทั้งสิ้น
    ซ้ำท่านก็ยังได้”เป่า”ลมปราณสลับกับการเจริญพุทธคาถาลงในขันน้ำมนต์ศิลา ที่ผูกสายสิญจน์โยงไปถึงพระวิหารปู่มั่นและเหรียญ”ภูริทัตโตอนุสรณ์”นี้ถึง “3 ”ครั้ง 3 ครา สำทับให้อีกต่างหากด้วย!!!
    ไม่เคยพบ ไม่เคยเห็นจากที่ใดมาก่อนเลย
    จากนั้น เมื่อถึงคราวยกช่อฟ้าวิหารหลวงปู่มั่น เมื่อหลวงตามหาบัวผูกผ้าสีปิดทองที่ช่อฟ้าแล้ว ท่านก็เรียกหา”น้ำมนต์”ที่ท่านทำไว้เมื่อกี้ในทันที
    เรื่องตอนนี้ เป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์ใน”ญานหยั่งรู้”ของหลวงตามหาบัวโดยแท้ โดยท่านพระครูปลัดสุวัฒนวรคุณ วัดป่าดาราภิรมย์ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นศิษย์ใกล้ชิดในท่านเจ้าคุณพระพุทธพจนวราภรณ์ (จันทร์ กุสโล) (ซึ่งเป็นศิษย์หลวงปู่มั่นและเป็นสหธรรมิกใกล้ชิดกับหลวงตามหาบัวมาแต่เดิม)เจ้าอาวาสวัดเจดีย์หลวง องค์ปัจจุบันได้เล่าให้ผู้เขียนฟังว่า
    ”ตอนแรกนั้น หลวงตาท่านถามหาน้ำมนต์เพื่อมาพรมช่อฟ้า เจ้ารุ่ง(ศิษย์วัด)ไปคว้าเอาขันน้ำมนต์ที่ไหนมาก็ไม่รู้มาให้ หลวงตามหาบัวพอมองดูแล้วก็บอกปัดทันทีเลยว่า นี่ไม่ใช่น้ำมนต์ที่ท่านทำเมื่อกี้ ให้ไปเอาน้ำมนต์ของจริงที่ท่านเพิ่งทำมาให้เสียโดยทันที เลยต้องวิ่งกลับไปเอาขันน้ำมนต์แท้ๆมาแทนกันแทบไม่ทัน น่าอัศจรรย์ใจแท้ๆ ที่น้ำมนต์ธรรมดาๆ หลวงตาก็ยังรู้ได้ว่า นี่ไม่ใช่น้ำมนต์ที่ท่านทำ”
    ”ตาใน”อันแจ่มใสของท่านหลวงตาพระมหาบัว ช่างน่ามหัศจรรย์โดยแท้
    ก็ความ”พิเศษสุด”แห่งน้ำมนต์ที่ท่านเพิ่งทำสดๆเมื่อสักครู่ดังกล่าว คงจะ”ยูนีค”(unique)จนไม่อาจจะเอาน้ำมนต์อื่นใดมาทดแทนเป็นแน่
    เผลอๆ “พระธรรมธาตุ”ของหลวงปู่มั่น ภูริทัตตมหาเถระ จะได้รับการอัญเชิญมาสถิตเสถียรพร้อมกันนี้ด้วย ก็อาจเป็นไปได้อย่างยิ่งเลยทีเดียว
    และตอนที่หลวงตามหาบัว ท่านกำลังยกช่อฟ้าพระวิหาร หลวงปู่มั่นอยู่นั่น ก็ได้ปรากฏเหตุอัศจรรย์ขึ้นอีกครา
    ภาพๆหนึ่ง ที่ถ่ายในโอกาสบัดเดี๋ยวนั้น ปรากฏแสงรัศมีเป็น”สีรุ้ง”พุ่งวาบผ่านช่อฟ้าจากดวงอาทิตย์มา เห็นได้ถนัดตา น่าตื่นตาตื่นใจเป็นนักๆ
    หากจะว่า เป็นแสงแดดยามบ่ายย้อนมา ก็อาจจะว่าได้
    แต่เหตุที่น่าสงสัยก็คือ ทำไม จึงมีประกายสีรุ้งเจิดจ้าแต่เพียง”แถบเดียว”เป็นหลักใหญ่เท่านั้น
    บริเวณขอบข้างอื่นๆ หามีไม่
    แต่การดังนี้ ”ผู้รู้”ที่อยู่ในเหตุการณ์ดังกล่าวได้ให้อรรถาธิบายในทันทีเลยทีเดียวว่า
    ”นี้แล.. คือฉัพพรรณรังสีแห่งพระอรหันตเจ้า ซึ่งเป็นหนึ่งในพระรัตนตรัยแท้เทียว”
    สาธุ
    และเมื่อหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโนยกช่อฟ้าวิหารพระอาจารย์มั่นเสร็จ หลวงตามหาบัวถึงกับเทศน์ออกไมค์ต่อหน้าผู้คนนับพันที่มาร่วมพิธีในครั้งนั้นเลยทีเดียว อันมีใจความว่า
    “ในพิธีอันเป็นมหามงคลในครั้งนี้ ได้มีเทวดามาร่วมอนุโมทนาสาธุการเต็มไปหมด ไม่ต่างอะไรกับตอนที่พระอาจารย์มั่นจะเดินทางกลับจากเชียงใหม่ไปยังภาคอีสานบ้านเกิดสมัยนั้น ท่านพระอาจารย์มั่นก็เคยบอกไว้เช่นกันว่า มีเทวดาเมืองเชียงใหม่มาส่งท่านด้วยความอาลัยอาวรณ์มากมายจนเหลือที่จะคณานับ แม้ในวันนี้ เทวดาก็มาร่วมอนุโมทนาในการยกช่อฟ้าวิหารพระอาจารย์มั่นมากดุจเดียวกัน..!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”
    หรือว่า ในมหาพิธีบรรจุพระทันตธาตุและยกช่อฟ้าวิหารพระอาจารย์มั่นในครานี้ “ท่าน”จะมาร่วมอนุโมทนาสาธุการด้วยจริงๆ???????
    แต่”หน่วยสืบราชการลับ”(ทางจิต) ซึ่งมีความแม่นยำสูงบางท่านก็กล่าวรับรองเมื่อได้สัมผัสพลังภายในเหรียญรุ่นนี้อย่างน่าตื่นตะลึงลานไม่น้อยว่า
    “เหมือนกับพระอาจารย์มั่นมาอธิษฐานด้วยองค์เองเลย!!!!!????!!!!!”
    สมแล้ว ที่แม้แต่คุณสุธันย์ สุนทรเสวี สาธารณสุขจังหวัดสมุทรสงคราม นักสร้างพระมือดีแห่งยุคยังต้องออกวาจาการันตีเหรียญ”ลายมือลายเซ็น” รุ่นนี้เลยทีเดียวว่า
    “เหรียญรุ่นนี้ มีพลังเทียบเท่ากับเหรียญมั่นเสาร์รุ่นแรก (ที่กล่าวกันว่า พระอาจารย์มั่นได้อธิษฐานจิตด้วยองค์ของท่านเอง) เลยทีเดียวนะ..!!!!!!!!”
    นึกหาสาเหตุด้วยใจที่เป็น “กลาง” แบบไม่เข้าข้างตัวเองอย่าง”เที่ยงธรรม”และ”ไม่อุตริมนุสธรรม”มากเกิน ก็พอที่จะอนุมานได้ว่า
    “เหตุที่เหรียญลายมือลายเซ็นรุ่นนี้ มีพลังเหมือนกับพระอาจารย์มั่นมาอธิษฐานด้วยองค์เอง หรือ มีพลังเทียบเท่ากับเหรียญมั่นเสาร์รุ่นแรกนั้น อาจจะเกิดจากการที่ได้อัญเชิญเหรียญนี้ตั้งประชิดติดกับมณฑปพระทันตธาตุแห่งท่านพระอาจารย์มั่น ในมหาพิธีที่สุดยิ่งใหญ่ ซึ่งมีหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ศิษย์หัวแก้วหัวแหวนของท่านพระอาจารย์มั่นเป็นประธานกระมัง?????”
    แต่ก็ไม่ได้ตัดประเด็นที่ว่า “พระอาจารย์มั่น ท่านมาด้วย”ทิพยสภาวะ”หรือ “ธรรมธาตุ”(จิตพระอรหันต์ที่ดับขันธ์ไปแล้ว) จริงๆ.!!??!!
    อนึ่ง เหรียญภูริทัตโตอนุสรณ์นี้ ได้มี 3 บล็อคหลังด้วยกัน แต่เข้าพิธีวัดเจดีย์หลวงพร้อมกันทุกแบบ เรียงจากซ้ายไปขวาดังนี้
    1.บล็อค"พุทธวงศ์"(ธรรมขันธวิมุตติสมังคีล้วน) มีเนื้อทองคำ,เงิน,นวโลหะ,ทองผสม
    2.บล็อควัดป่าดาราภิรมย์ (ที่ระลึกฉลองวิหารหลวง) มีเนื้อเงิน,ทองแดงรมดำ
    3.บล็อควัดป่าศาลาปางสัก ดอยสะเก็ด เชียงใหม่ สร้างเป็นเนื้อทองแดงรมดำเนื้อเดียว

    เนื้อนวะโลหะ ตอกโค๊ตหายากมาก ครับ.

    บูชาแล้วครับ


    Clip_184.jpg Clip_185.jpg Clip_186.jpg

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 มิถุนายน 2021
  2. ศิวิไล

    ศิวิไล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    15,865
    ค่าพลัง:
    +1,340
    รายการที่ 8109

    พระเกศาครูบาขาวปี พิมพ์รูปเหมือนหลังอุ พิมพ์หายาก

    สร้างขึ้นสร้างจากผงดอกบูชาพระที่ชาวบ้านมาทำบุญกับครูบา เผาให้เป็นผงสมุก ผสมกับผงใบลานคลุกรัก ผสมเกศา ตามตำราของพระเกศาของครูบาเจ้าศรีวิชัยผู้เป็นอาจารย์ ปั้นและนำไปกดพิมพ์แจกจ่ายให้แก่บรรดาผู้เลื่อมใสศรัทธาในองค์ได้สักการะบูชาเป็นสิริมงคล
    พิมพ์พิมพ์พระรอดรูปเหมือนถอดจากพระรอดรูปเหทือนครูบาเจ้าศรีวิชัย อัฐิหลังย่น หลังอุ สวยคมชัดลึก เนื้อหาจัดจ้านเก่าแห้งดูง่ายมาก พิมพ์นี้หายากมาก ครับ
    พระดีน่าใช้มากๆเก็บของหายยากแล้วจบ เชิญได้เลยครับ


    ราคา 2999 บาท สนใจสอบถามได้ครับ 086-1936900

    Clip_174.jpg Clip_175.jpg
    %B8%AD%E0%B8%A0%E0%B8%B4%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%9B%E0%B8%B5.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มิถุนายน 2021
  3. ศิวิไล

    ศิวิไล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    15,865
    ค่าพลัง:
    +1,340
    รายการที่ 8110

    พระเกศาครูบาขาวปี พิมพ์พระรอดหลังอุ ห่วงเดิม สวยคมชัดลึกเดิมๆ


    สร้างขึ้นสร้างจากผงดอกบูชาพระที่ชาวบ้านมาทำบุญกับครูบา เผาให้เป็นผงสมุก ผสมกับผงใบลานคลุกรัก ผสมเกศา ตามตำราของพระเกศาของครูบาเจ้าศรีวิชัยผู้เป็นอาจารย์ ปั้นและนำไปกดพิมพ์แจกจ่ายให้แก่บรรดาผู้เลื่อมใสศรัทธาในองค์ได้สักการะบูชาเป็นสิริมงคล
    พิมพ์พิมพ์พระรอดหลังอุ ห่วงเดิม สวยคมชัดลึก เนื้อหาจัดจ้านเก่าแห้งดูง่ายมากครับ

    พระดีน่าใช้มากๆเก็บแล้วจบ เชิญได้เลยครับ

    ราคา 1399 บาท สนใจสอบถามได้ครับ 086-1936900

    Clip_176.jpg Clip_177.jpg Clip_188.jpg

    %B8%AD%E0%B8%A0%E0%B8%B4%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%9B%E0%B8%B5.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มิถุนายน 2021
  4. ศิวิไล

    ศิวิไล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    15,865
    ค่าพลัง:
    +1,340
    รายการที่ 8111

    คุตเขากวาง9 ฟานยอด เก่า สุดหายาก


    เขากวางคุด เก้าหน่อ สุดยอดเครื่องราง จัดเป็นของหายากอีกชนิดหนึงและถือเป็นของ สักสิทธิ์ที่มีอิทธิฤทธิ์มีอาณุภาพสูง ซึ้งเกิดขึ้นโดยเขาจะคุตหรือไม่งอกและไม่ปกติตามธรรมชาติของเขากวางทั้วไป ที่เกิดขึ้น เมือเกิดความผิดปกติของ"เขากวางคุด"จึงทำให้คนในสมัยโบราณมีความเชื่อในความ สักสิทธิ์ที่มีอิทธิฤทธิ์อาณุภาพสูงของเขากวางคุด และเป็นของที่หาได้ยากยิ่ง พร้อมยังมีการกล่าวในสมัยโบราณท่านกล่าวถึงเขากวางคุดว่าเป็นกวางของพระ โพธิสัตว์ลงมา"จุติ"หรือเกิดนั่นเอง ซึ่งถือว่าเขากวางคุดเป็นของวิเศษเพือป้องกันอันตรายต่างๆที่เกิดขึ้นกับตน และครอบครัวและบางตำรากล่าวไว้ว่าเขากวางคุดเป็นพญากวางหรือจ่าฝูงของกวาง คอยปกป้องดูแลอันตรายไม่ให้เกิดขึ้นกับฝูงของตนเอง เขากวางคุด เก้าหน่อ จะตอ้งเกิดจาก กวางของพระโพธิสัตว์ลงมาจุติ หรือพญากวาง-จ่าฝูงกวาง เขากวางคุด จึงถือได้ว่าเป็นของหายากยิ่งนัก กอ่นหน้านี้แทบจะไม่มีใครเคยพบเห็นกันมาก่อนเลยก็ว่าได้ “ เขากวางคุด เก้าหน่อ “ ซึ่งถือว่าเป็นของเฉพาะ มีดีในตัวเองและสักสิทธิ์มีอิทธิฤทธิ์อาณุภาพแสดงปาติหาร ตลอดถึงการมีอานุภาพมหาอุด คงกระพัน เมตตา มหาอำนาจ ราชศักดิ์ โชคลาภ เจริญรุ่งเรืองร่มเย็นเป็นสุข ป้องกันภัย คุ้มบ้านอันจะเกิดจากไฟ ทั้งหลายทั้งปวง หากท่านผู้ใดได้ครอบครองหรือเป็นเจ้าของสิ่งชั้วร้ายทั้งปวงไม่สามารถเข้า ใกล้ท่านได้เลยครับ
    เขา(ฟาน)กวางคุด ในหางโหราศาสตร์ ดาวพฤหัสถือเป็นดาวเคราะห์ที่ใหญ่ พระพฤหัสบดีคือ ฤษีขี่กวาง กวางจึงถือเป็นสัตว์ที่คุณธรรม ไม่ระรานสัตว์ชนิดอื่น เปรียบได้เท่ากับว่าผู้ทรงศีล การจะเกิดเขากวางคุดนั้นมักจะเกิดขึ้นในกวางหัวหน้าฝูง หรือพญากวาง มีพลังอำนาจในด้านมหาอุด คงกระพันชาตรี หนังเหนียว มีปุ่มตั้งแต่ 1-9 ปุ่ม หากพบเขากวางคุด 9 ปุ่มจะถือว่าเป็นที่สุดของเขากวางคุด แต่โบราณท่านเคยกล่าวไว้ว่ายังมีเขากวางคุดอีกชนิดนึงที่หาได้ยากยิ่ง เขากวางคุดโพธิสัตว์ ซึ่งมีลักษณะเป็นเขากวางคุด 12 ปุ่ม ในสมัยก่อนควาญช้างเกือบทุกคนจะมีเขากวางคุดพกติดตัวเอาไว้ในย่าม เพื่อเป็นการข่มช้างของตนเองให้ว่านอนสอนง่าย เขากวางคุดถือว่าเป็นเครื่องรางทนสิทธิ์ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ มีฤทธิ์เดชไม่เป็นสองรองใคร เขากวางคุดชิ้นนี้


    ราคา 5999 บาท สนใจสอบถามได้ครับ 086-1936900

    Clip_34.jpg Clip_68.jpg Clip_44.jpg Clip_69.jpg Clip_66.jpg Clip_67.jpg Clip_33.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มิถุนายน 2021
  5. ศิวิไล

    ศิวิไล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    15,865
    ค่าพลัง:
    +1,340
    รายการที่ 8112

    คตหิน หรือ เป็ก ล้านนาถักลวดเก่า


    เครื่องรางสมัยตาทวด "คตแยงแสงแก้ว"ธาตุกายสิทธิ์คตกลายเป็นหิน เช่น คตดักแด้ คตขิงข่า คตหอย คตลูกยอ คตถั่ว คตไม้
    คต ทนสิทธิ์ วัตถุใดๆที่มีดีในตัวเอง โดยไม่ต้องทำการปลุกเสก เกิดขึ้นตามธรรมชาติ คต คือ หินที่เกิดจากในพืช หรือสัตว์ เป็นของทนสิทธิ์ ประเภทกายสิทธิ์ในตัวเอง บางอย่างมีเทพสถิตย์รักษาบางอย่างก็ไม่มีเทพสถิตย์รักษาเป็นของอาถรรพ์มีฤทธิ์รองจากเหล็กไหล แต่กลับมีอิทธิคุณบางอย่างที่ดีกว่าชนิดที่หลายๆคนไม่คาดคิดถึงความวิเศษนี้มีผู้รู้ในอดีตปกบิดไว้เป็นความลับทำให้ผุ้นิยมในธาตุกายสิทธิ์เข้าใจผิดคิดไปกันว่าอานุภาพของคดด้อยกว่าเหล็กไหล เป็นความจริงเหล็กไหลชั้นสูงที่เกิดจากเล่นแร่แปรธาตุของเหล่าฤาษีผู้ทรงอภิญา เมี่อละสังขารแล้วจิตก็ผูกพันกับสิ่งเหล่านี้อยู่ครับ

    ชิ้นถักลวดเก่ามาเข้มขลังมาก มีวรรณะสีเขียว น่าบูชามากๆครับ


    ราคา 4999 บาท สนใจสอบถามได้ครับ 086-1936900

    Clip_70.jpg Clip_91.jpg Clip_92.jpg Clip_93.jpg Clip_94.jpg Clip_95.jpg Clip_97.jpg Clip_98.jpg Clip_99.jpg Clip_106.jpg Clip_96.jpg U19080026370699934595854081.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มิถุนายน 2021
  6. ศิวิไล

    ศิวิไล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    15,865
    ค่าพลัง:
    +1,340
    รายการที่ 8113

    พระรอดชัยฤทธิ์ ปี 2519 พระรอดหนึ่งเดียวที่ในหลวง รัชกาลที่ ๙ ทรงเสด็จ ทำพระราชพิธีมหาพุทธาภิเษก ด้วยพระองค์เอง


    พระรอดหนึ่งเดียวที่ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ทรงเสด็จ ทำพระราชพิธีมหาพุทธาภิเษก ด้วยพระองค์เอง มีพลังของพระมหาราชผู้ยิ่งใหญ่ พระรอดมหาวัน รุ่นแรก มีพลังของพระนางจามเทวี พระรอดชัยฤทธิ์มีพลังของในหลวงรัชกาลที่ ๙ ที่ทรงพระนามว่า ภูมิพล คือพลังของแผ่นดิน
    จัดพิธีพระราชพิธีมหาพุทธาภิเษก
    ราวต้นปี พ.ศ.๒๕๑๙ ในหลวงรัชกาลที่ ๙ เสด็จพระราชดำเนินทรงประกอบพิธีเททอง ในหลวงทรงจุดเทียนชัยพุทธาภิเษก ทรงพระสุหร่าย ทรงเจิม
    .
    พิธีพระราชพิธีมหาพุทธาภิเษก
    ราวต้นปี พ.ศ.๒๕๑๙ ในหลวงรัชกาลที่ ๙ เสด็จพระราชดำเนินทรงประกอบพิธีเททอง ในหลวงทรงจุดเทียนชัยพุทธาภิเษก ทรงพระสุหร่าย ทรงเจิม
    .
    รายชื่อพระคณาจารย์ที่มาร่วมพิธีพระราชพิธีมหาพุทธาภิเษก ๔๙ องค์
    .
    ๑ . ) สมเด็จพระสังฆราช (วาสน์ วาสโน) วัดราชบพิธฯ(สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ 18)
    ๒ . ) สมเด็จพระญาณสังวร วัดบวรฯ (สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ 19)
    ๓ . ) สมเด็จพระธีรญาณ วัดจักรวรรดิ์ฯ
    ๔ . ) พระวิสุทธิวงศาจารย์ วัดสุทัศน์ฯ
    ๕ . ) พระวิสุทธาธิบดี วัดไตรมิตร
    ๖ . ) พระธรรมวโรดม วัดประทุมคงคา
    ๗ . ) พระพุทธวงศ์มุนี วัดเบญจมบพิตร
    ๘ . ) พระธรรมโมลี วัดพระธาตุหริภุญชัย
    ๙ . ) พระเทพวิสุทธิโสภณ วัดเชียงราย
    ๑๐. ) พระเทพวิสุทธิ์ วัดเจดีหลวง
    ๑๒. )*ครูบาคำแสน อินฺทจกฺโก* วัดสวนดอก(บุพพาราม)
    ๑๓. )*ครูบาคำแสนเล็ก คุณาลงฺกาโล* วัดบ๊าดอนมูล
    ๑๓. ) ครูบาอินทจักร วัดน้ำบ่อหลวง
    ๑๔. ) ครูบาพรหมจักรสังวร วัดพระพุทธบาทตากผ้า
    ๑๕. ) หลวงพ่อสิม พุทธาจาโร วัดถ้ำผาบ่อง
    ๑๖. ) พรอาจารย์หนู วัดแม่ปั่ง
    ๑๗. ) ครูบาอินถา วัดเชียงมั่น
    ๑๘. ) ครูบาจันทร์แก้ว วัดดอกเอื้อง
    ๑๙. ) พระครูสิงหวิชัย วัดฟ้าฮ่าม
    ๒๐. ) ครูบาบุญมี(พระครูธรรมธร) วัดท่าส๋อย
    ๒๑. ) ครูบาคำบัน(พระครูมงคลคุณาทร) วัดหม้อคำดวง
    ๒๒. ) ครูบาปั๋น วัดกู่คำ
    ๒๓. ) ครูบาแก้ว วัดวิเวกวนาราม
    ๒๔. ) ครูบาธรรมชัย วัดทุ่งหลวง
    ๒๕. ) ครูบาจินา วัดท่าข้าม
    ๒๖. ) ครูบาคำตันดินจืน วัดดอนจืน
    ๒๗. ) พระอาจารย์ทองบัว วัดโรงธรรม
    ๒๘. ) ครูบาดวงดี สุภัทโท วัดทุ่งจำปี
    ๒๙. ) พระประสาท สุตาคม วัดจามเทวี
    ๓๐. ) พระราชสุมนต์มุนี วัดราชบพิธ
    ๓๑. ) ครูบาจุ่ม โพธิโต วัดวังมุย
    ๓๒. ) พระญาณวีราคม วัดดอนเจดีย์
    ๓๓. ) ครูบาเมือง วัดท่าแหน
    ๓๔. ) ครูบาคำแสน วัดท่าแหน
    ๓๕. ) พระอินทวิชยาจารย์ วัดคะตึก
    ๓๖. ) ครูบาอินโต วัดบุญยืน
    ๓๗. )*หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี*
    ๓๘ . ) ครูบาหล้า วัดดอยคู่ค้าง
    ๓๙. ) พระราชรัตนมุนี วัดพระบาทมิ่งเมือง
    ๔๐. ) พระชยานันทมุนี วัดพญาภู
    ๔๑. ) พระญาณมงคล วัดมหาวัน
    ๔๒. ) หลวงพ่อแพ วัดพิกุทอง
    ๔๓. ) หลวงพ่อนอ วัดกลาง
    ๔๔. ) หลวงพ่อสำเนียง วัดเวฬุวัน
    ๔๕. ) หลวงพ่อเนื่อง วัดจุฬามณี
    ๔๖. ) หลวงพ่อถีร วัดป่าเรไลย์
    ๔๗. )*พระอาจารย์ มหาวีระ *(หลวงพ่อฤษีลิงดำ) วัดท่าซุง
    ๔๘. )*พระอาจารย์ผั้นอาจาโร* วัดป่าอุดมพร
    ๔๙. ) พระอาจารย์สำราญ วัดเขาตะเครา
    พระดีน่าใช้มากๆครับ


    ราคา 800 บาท สนใจสอบถามได้ครับ 086-1936900

    พระรอดชัยฤทธิ์5 m.jpg พระรอดชัยฤทธิ์5 n.jpg พระรอดชัยฤทธิ์5 o.jpg Clip_5.jpg Clip_6.jpg Clip_8.jpg Clip_7.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มิถุนายน 2021
  7. ศิวิไล

    ศิวิไล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    15,865
    ค่าพลัง:
    +1,340
    รายการที่ 8114

    เหรียญรุ่นแรก (หลวงพ่ออินทร์ อินฺโท) วัดบ้านใหม่ อ.วังเหนือ จ.ลำปางปี 2518 สวยๆ


    ศิษย์เอกครูบานันตา นันโท วัดทุ่งม่านใต้ จ.ลำปาง ผู้สร้างกะลาแกะราหูอันโด่งดัง

    หลวงพ่ออินทร์ท่านเกิดที่ บ้านใหม่ อ.วังเหนือ จ.ลำปาง เมื่อวันศุกร์ที่๑๙ กันยายน แรม3ค่ำ เดือน๑o ปีเสือ เวลาบ่าย ตรงกับพ.ศ.๒๔๕o พออายุได้๑๓ปี บิดา มารดา ได้พาท่านไปบวชเป็นสามเณรที่วัดบ้านใหม่เพื่อศึกษาเล่าเรียนในวิชาสามัญต่างๆ จนจบ พออายุครบ๒๑ปีได้อุปสมบท ที่วัดพระเกิด อ.วังเหนือ จ.ลำปาง มีฉายาว่า อินโทเมื่ออุปสมบทแล้วท่านได้ร่ำเรียนปริยัติธรรมและวิปัสนากรรมฐานกับพระอุปปัชฌาของท่านจนมีความเชี่ยวชาญ

    หลวงพ่ออินทร์ท่านบวชได้10พรรษา เจ้าอาวาสวัดบ้านใหม่ในขณะนั้นได้ลาสิกขาออกไป ทำให้ท่านต้องรับหน้าที่รักษาการแทนเจ้าอาวาสเป็นระยะเวลาหนึ่ง จนได้รับตำแหน่งเจ้าอาวาสในเวลาต่อมา และได้รับแต่งตั้งเป็นพระครูนิเวศน์ธรรมารักษ์ในปีพ.ศ.๒๔๘๙ เมื่อท่านได้รับตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดบ้านใหม่แล้ว ท่านก็ได้สืบทอดพระพุทธศาสนาโดยได้ก่อสร้างทำนุบำรุงศาสนสถาน วัดวาอารามทั่วทั้งอำเภอวังเหนือเรื่อยมา จนมาถึงกาลที่ครูบาเจ้านันตา นันโท ซึ่งมีชื่อเสียงในขณะนั้นได้มาก่อสร้างพระเจดีย์ที่วัดในพื้นที่อำเภอวังเหนือ หลวงพ่ออินทร์ท่านจึงได้เข้าไปกราบครูบาเจ้านันตาเพื่อขอฝากตัวเป็นศิษย์เพื่อเล่าเรียนวิชาต่างๆ จนเวลาต่อมาท่านได้เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงสำคัญของครูบานันตาในการก่อสร้างและบูรณะปฏิสังขรณ์วัดวาอารามต่างๆ อีกทั้งท่านยังได้บันทึกประวัติครูบานันตา และรายชื่อวัด สถานที่ต่างๆที่ครูบานันตาท่านได้ไปช่วยก่อสร้างและปรับปรุงซ่อมแซมไว้อีกด้วย



    หลวงพ่ออินทร์ท่านได้สร้างพระและเครื่องรางของขลังต่างๆตามที่ท่านได้ร่ำเรียนมาเพื่อให้ชาวบ้านที่ศรัทธาได้นำไปใช้เพื่อสืบทอดพระพุทธศานนาเป็นจำนวนหนึ่ง อันได้แก่ พระเหรียญ รูปหล่อ รูปของท่าน พระบูชา กะลาแกะราหู ตะกรุดเนื้อโลหะ ตะกรุดใบลาน ผ้ายันต์ เป็นต้น



    ในช่วงบั้นปลายชีวิตของท่านๆได้จำพรรษาอยู่ที่วัดบ้านใหม่ อ.วังเหนือ จ.ลำปาง โดยได้รับตำแหน่งเจ้าคณะแขวงวังเหนือช่วยปกครองคณะสงฆ์ทั่วทั้งอำเภอวังเหนือ จวบจนท่านได้มรณะภาพลงอย่างสงบด้วยโรคชราในวันพฤหัสบดีที่ ๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๓๘ และได้รับพระราชทานเพลิง ณ.เมรุชั่วคราววัดบ้านใหม่ ในวันที่ ๒๔ มีนาคม พ.ศ.๒๕๓๙

    หลวงพ่ออินทร์ อินฺโทพระครูนิเวศธรรมรักษ์ ศิษย์เอกครูบานันตา นอกจากเหรียญ ท่านก็ยังมีการสร้าง กะลาตาเดียวแกะราหู วิชาที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากครูบานันตา วัดทุ่งม่านใต้ ซึ่งกะลาของหลวงพ่ออินทร์ บางคู่นั้นเก่าและอยู่ในยุคเดียวกับของครูบานันตาเลยครับ

    เหรียญรุ่นแรกของท่านจัดสร้างเมื่อปี 2518 หายากมากครับ


    บูชาแล้วครับ

    Clip_23.jpg Clip_22.jpg Clip_21.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 กรกฎาคม 2021
  8. ศิวิไล

    ศิวิไล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    15,865
    ค่าพลัง:
    +1,340
    รายการที่ 8115

    เหรียญรุ่น 2 ครูบาพรหมา พรมาจักโก วัดพระพุทธบาทตากผ้า ปี 2505

    จัดสร้างครั้งเมื่อฉลองตราตั้งพระอุปัชฌาย์ครูบาพรหมา พรมาจักโก วัดพระพุทธบาทตากผ้า ปี 2505 สวยเดิมๆเป็นเหรียญอีกรุ่นที่น่าใช้มากๆครับ
    จัดเป็นนิยมของท่านครูบาพรหมา ทาทองสวยเดิมๆครับ ไม่ผ่านการใช้ครับ


    ราคา 1999 บาท สนใจสอบถามได้ครับ 086-1936900

    Clip_27.jpg Clip_28.jpg

    clip_173-jpg.jpg

    พระสุพรหมยานเถร (พรหมา พฺรหฺมจกฺโก)

    พระสุพรหมยานเถร (พรหมา พฺรหฺมจกฺโก) หรือที่รู้จักกันดีในนาม “ครูบาพรหมา” หรือบ้างก็เรียก “ครูบาพรหมจักร” ท่านเปรียบดั่ง “เจ้าคุณนรแห่งล้านนา” ด้วยความมั่นคงในพระวินัย จริยาวัตรอันเรียบร้อยสงบเสงี่ยม เมตตาอันล้ำเลิศ ไม่ผิดพลาดไปจากพระธรรมแม้สักนิด อีกทั้งยังมีจิตที่ทรงฤทธิ์ ถึงขนาดเหยียบหินให้เป็นรอยเท้าได้ ถึงขนาดที่ครูบาเจ้าศรีวิชัยนักบุญแห่งล้านนาไท ยังต้องนัดขอดูตัวด้วยความชื่นชม และท่านยังเป็นอาจารย์ของครูบาชัยวงศาพัฒนาผู้มีฤทธิ์ยอดยิ่งอีกต่างหากด้วย
    ประวัติ
    วัยเด็ก
    ท่านมีนามเดิมว่า พรหมา พิมสาร กำเนิดวันที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2441 ที่บ้านป่าแพ่ง อำเภอป่าซาง จังหวัดลำพูน เป็นบุตรของ นายเป็งกับนางบัวถา พิมสาร มีพี่น้องร่วมกัน 13 คนท่านครูบาพรหมมาได้เรียนหนังสืออักษรลานนาและไทยกลางที่บ้านจากพี่ชายที่ได้บวชเรียน
    บรรพชาและอุปสมบท
    ครูบาเจ้าบรรพชาเป็นสามเณรเมื่ออายุ 15 ปี เมื่อวันจันทร์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2455 เวลา 15.00 น. ณ วัดป่าเหียง ตำบลแม่แรง อำเภอป่าซาง มีเจ้าอธิการแก้ว ขัตติโย เป็นพระอุปัชฌาย์ ท่านได้หมั่นศึกษาเล่าเรียน ปฎบัติธรรม และประพฤติในศีลาจารวัตรอย่างเคร่งครัด
    ท่านอุปสมบทเมื่ออายุได้ 20 ปี ที่วัดเดิมเมื่อวันที่ 16 ม.ค. พ.ศ. 2461 เจ้าอธิการแก้ว ขัตติโย (ครูบาขัตติยะ) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์ฮอน โพธิโก เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์สม สุวินโท เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า “พรหมจักโก” กระทั่งพรรษาที่ 4 ท่านได้เริ่มต้น เข้าสู่วิถีแห่งการปฏิบัติธรรมอย่างเอาจริงเอาจัง ท่านได้ออกธุดงค์ไปตามป่าเขาต่างๆ ทั้งเขตประเทศไทย พม่า และลาว กระทั่งในปีพ.ศ.2491 ท่านจึงได้มาจำพรรษา ณ วัดพระพุทธบาทตากผ้า และได้พัฒนาวัดจนมีชื่อเสียงเป็นศาสนสถานที่มีความสำคัญทางศาสนาแห่งหนึ่งของจังหวัดลำพูน และด้วยการสั่งสมบุญบารมี คุณงามความดีของท่านนี้เองทำให้ ท่านได้รับความเคารพศรัทธาจากพุทธบริษัทโดยทั่วไป
    ละสังขาร
    ครูบาเจ้าพรหมาได้ดับขันธ์ (มรณภาพ) ในท่านั่งสมาธิภาวนา เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2527 เวลา 06.00 น.อายุ 87 ปี 67 พรรษา คณะศิษยานุศิษย์ได้ตั้งศพบำเพ็ญกุศลเป็นเวลา 3 ปี ได้รับพระราชทานเพลิงศพ วันที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2531 ในการนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จมาพระราชดำเนินพระราชทานเพลิงครูบาเจ้าพรหมาด้วยพระองค์เอง หลังจากพระราชทานเพลิงเสร็จสิ้นแล้วได้เก็บอัฐิ ปรากฏว่าอัฐิของครูบาเจ้าพรหมาได้กลายเป็นพระธาตุ มีวรรณะสีต่างๆ หลายสี
    คำสอน
    ครูบาพรหมาท่านได้แสดงธรรมโอวาทไว้มากมาย
    “การทำบาปหรือการทำบุญ จะทำในที่ลับหรือในที่แจ้ง หรือใครไม่รู้ไม่เห็น ก็ตัวของเรา ใจของเรารู้เห็นเอง เมื่อเป็นเช่นนี้ก็กล่าวได้ว่าที่ลับไม่มีในโลกนี้ แม้ว่าจะลับตาลับหูคนอื่น แต่เราก็รู้ เราก็เห็นคนเดียว”
    “ทุกๆคน จึงควรรีบขวนขวาย ซึ่งความงามความดี ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ เป็นเด็กก็อย่าได้เกียจคร้านในการเรียนหนังสือ จงตั้งจิตตั้งใจศึกษาเล่าเรียน ให้มีความรู้ความเฉลียวฉลาดความสามารถ เป็นผู้ใหญ่แล้วก็จงตั้งตัวตั้งตนให้ดี ให้มีความขยัน มีความประหยัด ให้คบแต่คนดี ให้รู้จักประมาณในการใช้จ่าย ถ้าเป็นผู้เฒ่าผู้แก่แล้ว ก็เตรียมตัวเพื่อคุณงามวามดีให้ยิ่งๆกว่าเด็กและคนหนุ่มทั้งหลาย”
    “คนเราทุกคนมีความปรารถนาดี ปรารถนาหาความสุข ความปรารถนาหาที่ผึ่งในวัฏฏะสงสาร ท่านเปรียบเหมือนเราที่ตกอยู่ในกลางทะเลอันเวิ้งว้างกว้างไกลทุกคนก็มีความใฝ่ฝันหาที่ผึ่ง เพื่อที่จะได้อาศัยพักพิงไปยังฝั่งเบื้องหน้า”
    คำไหว้บูชาพระธาตุของครูบาพรหมา พรหมจักโก
    อะหัง วันทามิ พรหมจักกะธาตุโย อะหัง วันทามิ สัพพะโส ฯ​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มิถุนายน 2021
  9. ศิวิไล

    ศิวิไล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    15,865
    ค่าพลัง:
    +1,340
    รายการที่ 8116

    เหรียญครูบาขาวปี บ้านปวง ปี 2518

    ออกที่วัดดอนแก้ว (เป็นวัดประจำตำบลบ้านปวง) จึงนิยมเรียก เหรียญนี้ ชื่อว่าเหรียญบ้านปวง ออกปี 18 จัดสร้างโดย (ดาบตำรวจ เกรียงไกร ธิสิงห์ตอนนั้น ท่านยังบวช อยู่ที่วัดดอนแก้ว) เพื่อนำปัจจัยสร้าง วิหาร วัดดอนแก้ว
    ท่านครูบาอภิชัยครูบาขาวปี ได้อธิฐานจิตปลุกเสกทางคณะกรรมการจัดสร้างได้นำเหรียญให้ผู้มีจิตศรัทธาเลื่อมใสในองค์ท่านครูบาได้ร่วมทำบุญ มีผู้นำไปใช้ เกิดประสบการณ์ มากมาย จนกลายเป็นเหรียญยอดนิยม


    บูชาแล้วครับ

    Clip_33.jpg Clip_34.jpg Clip_35.jpg

    8%B5-%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%9C%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A1-3-444x600.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 กรกฎาคม 2021
  10. ศิวิไล

    ศิวิไล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    15,865
    ค่าพลัง:
    +1,340

    รายการที่ 8117

    เหรียญรุ่นแรกหลวงพ่อขาน วัดบ้านเหล่า ปี 2524


    หลวงปู่ขาน ฐานวโร แห่งวัดวชิรทรงธรรมพัฒนา(วัดป่าบ้านเหล่า)(ดอยกู่แก้ว)ท้องที่เวียงเชียงรุ้ง เชียงราย นับเป็นพระสายอาจารย์มั่น ภูมิทัตโต และได้ปฏิบัติธรรมกับหลวงปู่ขาว อนาลโย วัดถ้ำกองเพล และหลวงปู่จวน กุลเชษโฐ ถ้ำจันทร์หนองคาย จึงนับว่าเป็นพระอริยสงฆ์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบเป็นอย่างมาก


    บูชาแล้วครับ

    Clip_38.jpg Clip_39.jpg
    Clip_40.jpg

    “พระอริยสงฆ์ผู้มีจิตตั้งไว้ประเสริฐแล้ว”

    หลวงปู่ขาน ท่านเป็นครูบาอาจารย์ที่มีปฏิปทาอันสง่างาม เป็นแบบอย่างในด้านความพากเพียรและกาประพฤติปฏิบัติ มักน้อยสันโดษ ออกธุดงค์แสวงหาครูบาอาจารย์ตามป่าเขาแลโถงถ้ำ ต่อสู้ต่อความยากลำบาก ความกันดารอดอยาก จนได้พบวิมุตติธรรมหลุดพ้นการเวียนว่ายตายเกิดจากสังสารวัฏได้ในพรรษาที่ ๗

    หลวงปู่ขาน ถือกำเนิด ตรงกับวันเสาร์ที่ ๑๕ มิถุนายน พ.ศ.๒๔๗๘ ปีกุน ณ บ้านโนนปอแดง ต.โนนสัง อ.โนนสัง จ.อุดรธานี (ปัจจุบันคือ จ.หนองบัวลำภู)

    ท่านเป็นบุตรคนที่ ๙ ของ คุณพ่อหนู คุณแม่ห่อน สุขา มีพี่น้องทั้งหมด ๑๐ คน

    ๑. พระสอน (มรณภาพ)
    ๒.นายพร (ถึงแก่กรรม)
    ๓. นางสอ (ถึงแก่กรรม)
    ๔.นางสังข์ (ถึงแก่กรรม)
    ๕.นางวัง(ถึงแก่กรรม)
    ๖.นางเวิน (ถึงแก่กรรม)
    ๗.นางเหวิ่น (ถึงแก่กรรม)
    ๘.นายหว่าน (ถึงแก่กรรม)
    ๙.หลวงปู่ขาน ฐานวโร (มรณภาพ)
    ๑๐. นางก้าน (มารดาของพระอาจารย์เสถียร สมาจาโร)
    หลวงปู่ขาน ท่านมีศักดิ์เป็นลุงของท่านพระอาจารย์เสถียร สมาจาโร พระอริยเจ้าแห่งวาชูคุ เพราะเป็นพี่ชายของโยมมารดาท่านพระอาจารย์เสถียร และเป็นพระอาจารย์ผู้อบรมธรรมให้กับท่านพระอาจารย์เสถียร อีกด้วย

    ชีวิตช่วงเยาว์วัย ท่านเรียนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ แล้วได้ออกมาช่วยบิดามารดาทำไร่ทำสวน ได้ออกบรรพชาเป็นสามเณร เมื่ออายุ ๑๕ ปี ครั้นต่อมาเมื่ออายุ ๒๑ ปี ๑๐ เดือน ได้เข้าพิธีอุปสมบท เมื่อวันที่ ๑๒ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๐๐ เวลา ๑๕.๔๓ น. ณ วัดป่าชะบาวัน บ้านกุดฉิม ต.บ้านค้อ อ.โนนสัง จ.หนองบัวลำภู โดยมีพระครูศาสนูปกรณ์ วัดโยธานิมิตร เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงปู่อุ่น ชาคโร เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอธิการเพ็ง อิติโสภโณ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า “ฐานวโร” แปลว่า “มีที่ตั้งอันประเสริฐ”

    หลวงปู่ขาน ได้พำนักจำพรรษาแรก ณ วัดป่าสำโรง ซึ่งมีหลวงปู่ชม โฆสิโก เป็นเจ้าอาวาส พอออกพรรษาหลวงปู่ขานได้ออกธุดงค์เดินทางไปปฏิบัติธรรมกับหลวงปู่ขาว อนาลโย วัดถ้ำกลองเพล ตลอดระยะเวลาที่อยู่วัดถ้ำกลองเพล หลวงปู่ขาวได้ให้อุบายธรรมแก่ท่านมากมายจนปลาบปลื้มอันเป็นกำลังใจในการปฏิบัติธรรม หลวงปู่ขาน ได้ปฏิบัติภาวนาอย่างเข้มข้นทั้งกลางวันกลางคืน ทั้งอดอาหารอดนอน มีสติอยู่ด้วยอิริยาบถทั้ง ๔ ยืน เดิน นั่น และนอน บางคราวก็ถือเนสันชิกอยู่ในอริยาบถ ๓ ไม่ยอมให้หลัดติดพื้น มุ่งมั่นทำความเพียร อยู่อย่างสันโดษ ตามถ้ำตามผาตามโขดหิน ผลาญหินบ้าน โคนไม้บ้าง ไม่คลุกคลีอยู่กับหมู่คณะ รวมระยะเวลาที่อยู่ถ้ำกลองเพล ๒ พรรษาด้วยกัน คือ พรรษาที่ ๒ – ๓ ตรงกับปี พ.ศ.๒๕๐๑ – ๒๕๐๒ จึงได้กราบลาหลวงปู่ขาว ออกไปแสวงหาโมกขธรรมต่อไป

    ได้อยู่จำพรรษาที่ วัดป่าแก้วชุมพล ในพรรษาที่ ๔ หลังจากนั้นหลวงปู่ขาน ได้จาริกไปที่ต่างๆ เช่น ภูกระดึง อุดรธานี หนองคาย โพนพิสัย จนมาปฏิบัติธรรมกับพระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ ที่ถ้ำจันทน์ จ.หนองคาย ท่านได้รับอุบายวิธีการปฏิบัติสำหรับขจัดขัดเกลากิเลสจาก พระอาจารย์จวน มากมายตลอดทั้ง ๒ พรรษา ในช่วงที่หลวงปู่ขาน อยู่ที่ถ้ำจันทน์แห่งนี้ ท่านได้เกิดอาพาธเป็นไข้มาเลเรีย แม้โรคาพาธจะเบียดเบียนท่านอย่างหนักขนาดไหนก็ตาม ท่านก็ไม่ท้อถอยยอมต่อพยาธิภัยเลย เร่งความเพียรด้วยจิตใจอันเด็ดเดี่ยว ด้วยการประกอบอาจาริยวัตรท่านก็มิขาดตก ถวายการอุปัฏฐากรับให้หลวงปู่จวนอย่างไม่บกพร่อง “ธัมมะรัตนัง โอสะถัง อุตตะมัง วะรัง ผู้ปฏิบัติซึ่งธรรมให้เป็นที่พึ่ง ได้ชื่อว่าเป็นธรรมโอสถอย่างสูง” หลวงปู่ขาน ท่านได้ใช้ธรรมโอสถเยียวยารักษาธาตุขันธ์จากอาพาธไข้ป่าด้วยความเพียรจนหายขาดจากอาพาธทั้งปวง

    สมัยที่อยู่อุปัฏฐากหลวงปู่จวน อยู่ที่ถ้ำจันทน์นั้น ท่านได้ขึ้นไปรับใช้บีบนวดหลวงปู่จวน อยู่บนกุฏิ กระทั้งเวลาเที่ยงคืนเห็นจะได้ หลวงปู่จวนจึงให้ท่านกลับไปพักผ่อน ช่วงที่ท่านเดินลงจากกุฏิ พอดีเป็นช่วงเวลาที่เสือออกมาหากิน จึงเดินมาประจันหน้ากันที่ใต้กุฏิหลวงปู่จวน หลวงปู่ขานท่านเล่าว่า ด้วยความกลัวและทำอะไรไม่ถูก พลันสติจึงบังเกิดขึ้นตักเตือนว่าต้องนั่งสมาธิภาวนา ท่านจึงได้นั่งลงกับพื้นใต้กุฏิ และกำหนดลมหายใจเข้าออก ไม่นานจิตก็สงบ รวมเป็นสมาธิแล้วน้อมเข้ามาในกาย พิจารณากายจนท่านได้พบธรรมะอันพระพุทธองค์ทรงบำเพ็ญมาและสอนพระสาวกทั้งหลาย ซึ่งธรรมเหล่านั้นได้ประจักษ์แจ้งแก่ใจของหลวงปู่เป็นครั้งแรก เมื่อจิตถอนออกมาก็รุ่งเช้าพอดี เสือก็ไม่อยู่แล้ว หลวงปู่ขานท่านอยู่ที่ถ้ำจันทน์ จ.หนองคาย ถึง ๒ พรรษา คือ พรรษา ๕ และ ๖
    หลังจากนั้นได้ธุดงค์ไปยังถ้ำพระนาผักหอก ที่บ้านกลางใหญ่ อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี ได้พบหลวงปู่ลี กุสลธโร ซึ่งได้มาพักภาวนาอยู่ที่ถ้ำแห่งนี้อยู่ก่อนแล้ว ตอนนั้นหลวงปู่ลี มีพรรษาเข้าได้พรรษาที่ ๑๕ ในพรรษานั้น โดยหลวงปู่ลี ได้บรรลุธรรมพบวิมุตติสุขได้ตั้งแต่กลางพรรษาที่ ๑๑ แล้ว ในวันที่ ๑๔ กันยายน พ.ศ.๒๕๐๓ ณ วัดบ้านกกกอก (ปัจจุบันคือ วัดป่าปริตตบรรพต) อ.วังสะพุง จ.เลย หลวงปู่ขาน เมื่อมาอยู่ร่วมปฏิบัติธรรมกับหลวงปู่ลี ท่านก็รีบเร่งภาวนา ต่างองค์ต่างปฏิบัติ ต่างองค์ต่างบำเพ็ญ อย่างไม่ลดละต่อกิเลส การบิณฑบาตแม้ว่าจะลำบากเพราะมีบ้านคนเพียง ๖ หลังคาเรือน บางวันได้ข้าวเหนียวแค่ ๓ ปั้น หลวงปู่ทั้ง ๒ หาได้ใยดีแก่ปากแก่ท้องไม่ ตั้งหน้าตั้งตาเอาธรรมะชำระกิเลส ให้หมดสิ้นไป เมื่อติดขัดสิ่งใดในการภาวนา หลวงปู่ลี ก็คอยให้คำปรึกษาถ้อยทีถ้อยอาศัยซึ่งกันและกันเรื่อยมา

    จนในพรรษาที่ ๗ นี้เองซึ่งตรงกับปี พ.ศ.๒๕๐๖ (แต่ในหนังสือประวัติหลวงปู่ลี กุสลธโร ท่านว่ามาอยู่ที่ถ้ำนาผักหอกร่วมกับหลวงปู่ขาน ฐานวโร ตรงกับปี พ.ศ.๒๕๐๗ จึงมีความคาดเคลื่อนเรื่องปี พ.ศ.กันอยู่) หลวงปู่ขาน ได้พบกับวิมุตติธรรมอันประเสริฐ อันเป็นเครื่องยุติการเดินทางใน ๓ โลกธาตุ ภพชาติต่างๆของท่านได้สิ้นสุดลง ณ ถ้ำพระนาผักหอกแห่งนี้ คืนหนึ่งหลังหลวงปู่ขาน ได้พบวิมุตติธรรมในขณะที่กำลังภาวนาอยู่นั้น ท่านได้นิมิตเห็นกับนางอุบลวรรณาเถรีมายืนอยู่เบื้องหน้า และกล่าวอนุโมทนาแก่หลวงปู่ถึงผลของการบำเพ็ญเพียรภาวนา จนได้พบกับวิสุทธิธรรม และสามารถเอาชนะกิเลสชำระให้หมดไปจากใจได้ รุ่งเช้าหลวงปู่ถอนออกจากสมาธิ และเขียนไว้บนผนังหน้าถ้ำว่า “ถ้ำโลกะวิทู” อันมีความหมายว่า “รู้แจ้งโลก”

    หลวงปู่ขาน ได้กลับไปวัดถ้ำกลองเพล กราบนมัสการหลวงปู่ขาว อนาลโย อยู่ปฏิบัติอาจาริยวัตรถวายพ่อแม่ครูอาจารย์อย่างเต็มกำลัง แม้ท่านจะมีธรรมอันประเสริฐประดิษฐานอยู่ในใจแล้วก็ตาม ท่านก็ไม่ได้ละทิ้งการบำเพ็ญภาวนาได้ไปอยู่ที่ถ้ำผาผึ้งซึ่งอยู่ในอาณาเขตวัดถ้ำกลองเพลเพียงลำพัง ในพรรษาที่ ๘ และ ๙ ท่านอยู่กับหลวงปู่ขาว ถึง ๒ พรรษา จากนั้นจึงได้กราบลาหลวงปู่ขาว ไปอยู่วิเวก และเข้าจำพรรษาที่วัดป่าชบาวัน จ.หนองบัวลำภู อยู่ร่วมกับหลวงปู่มหาบุญมี สิริธโร ถึง ๓ พรรษา คือ พรรษาที่ ๑๐ – ๑๒ พอออกพรรษาจึงกราบลาหลวงปู่มหาบุญมี ออกจาริกไปทางภาคเหนือพร้อมด้วยพระอาจารย์ท่านต่างๆ ๑๑ รูป ได้แก่ หลวงปู่ทูล ขิปฺปปัญโญ , หลวงปู่หวัน จุลปัญฑิโต หลวงปู่จรัส ธัมมธโร และหลวงพ่อกองเหรียญ เป็นต้น คณะของหลวงปู่ได้หยุดพำนักปักกลดอยู่ที่ดอยน้ำตกพัฒนา (ปัจจุบันคือวัดดอยน้ำตกพัฒนา อ.เวียงเชียงรุ้ง จ.เชียงราย มีหลวงปู่จรัส ธัมมธโร เป็นเจ้าอาวาส)

    กอรปกับญาติพี่น้องของท่านได้อพยพมาสร้างบ้านเรือนอยู่ที่บ้านเหล่า ต.ทุ่งก่อ จ.เชียงราย เนื่องจากบ้านโนนปอแดง อยู่ในพื้นที่สร้างเขื่อนอุบลรัตน์ สำหรับวัดป่าบ้านเหล่าหรือดอยกู่แก้วเคยเป็นวัดในสมัยพระเจ้ากือนา กษัตริย์อาณาจักรเชียงแสนมาก่อน หลวงปู่ขาน ท่านพิจารณาเห็นถึงความสงบสงัดเหมาะแก่การปฏิบัติสมณธรรม ท่านจึงเกิดความชอบใจและได้ตัดสินใจจำพรรษาอยู่ที่ดอยกู่แก้ว ในพรรษาที่ ๑๓ ต่อมามีผู้มีศรัทธาถวายที่ดินบริเวณดอยกู่แก้วแก่หลวงปู่ขาน ท่านจึงสร้างเป็นวัดป่าบ้านเหล่า ซึ่งมีชื่อเป็นทางการว่า “วัดวชิระทรงธรรมพัฒนา” และอยู่อบรมธรรมแก่ลูกศิษย์ตั้งแต่พรรษาที่ ๑๓ – พรรษาที่ ๕๐ คือปี พ.ศ.๒๕๑๒ จนถึงปีแห่งมรณกาลของท่านคือปี พ.ศ.๒๕๔๙

    “…หลวงปู่ขาน นี่วาระจิตท่านเร็วมากนะ ขนาดเราแค่คิดไว้ในใจห่างตั้ง ๕-๖ กิโลเมตร ท่านยังรู้ได้ เพราะเราเคยลองดู ครั้งหนึ่งเราตั้งใจจะไปกราบท่าน เลยคิดในใจว่า ถ้าหากว่าหลวงปู่ขาน รู้จักวาระจิตจริงดังคำเขาลือกัน ขอให้นั่งรอเราอยู่ อย่าพึ่งเข้าที่พัก..”

    เพราะปกติหลวงปู่ท่านฉันเช้าเสร็จจะเข้าที่พักเลย ตอนนั้นเราฉันเช้าเสร็จตอนแปดโมงเช้า และต้องเดินขึ้นเขาไปหาท่านอีกประมาณ ๕-๖ กิโลเมตร เราไปถึงวัดป่าบ้านเหล่าประมาณ ๑๑ โมงเช้า พอไปถึงยังไม่ได้วางกลด วางบาตรเลย หลวงปู่ท่านพูดดักเลยว่า “ทำไมให้ พระผู้เฒ่าคอยตั้งนาน” นั่น ! ท่านเก่งมากนะ

    ตอนเช้าจะออกบิณฑบาต เราไปรับบาตรจากท่านเสร็จ ต้องเดินลงเขาไป ตอนนั้นเรายังหนุ่มแน่น เรียกว่าเดินอย่างเต็มที่แล้ว กะว่าจะไปรอท่านหน้าทางเข้าหมู่บ้าน พอไปถึงก็เจอหลวงปู่นั่งเคี้ยวหมากรออยู่ทางเข้าหมู่บ้านแล้ว ท่านเก่งมากนะ”

    พระอาจารย์สุบรรณ์ สิริธโร
    วัดถ้ำผาเกิ้ง อ.เวียงเก่า จ.ขอนแก่น
    หลวงปู่ขาน มักจะสอนพระเณรให้รู้จักพึ่งตนเอง มีความอดทน และทำเป็นตัวอย่างมากกว่าสอนด้วยปากเปล่า และหลวงปู่ไม่รับนิมนต์กิจ ที่ไหนไกลจากบ้านเหล่าเลย อีกทั้งท่านยังเป็นพระที่มีขันติธรรม แม้ท่านป่วยก็ไม่บ่น แสดงอาการอ่อนแอให้ใครเห็นเลย ท่านจะใช้ธรรมโอสถรักษาเพื่อเป็นแบบอย่างแก่ลูกศิษย์ หลวงปู่ได้ตั้งสัจจะปณิธานไว้ ๕ ข้อ คือ
    ๑.จะไม่ไปนั่งบ้านโยม ไม่ขึ้นบ้านน้อย บ้านใหญ่
    ๒.ไม่รับนิมนต์นอกเขต (รับเฉพาะหมู่บ้านเหล่า หากท่านไม่ไปงานนิมนต์ ท่านจะให้พระรูปอื่นไปแทน)
    ๓.ไม่จับโทรศัพท์ พูดโทรศัพท์
    ๔.จะไม่เขียนจดหมายติดต่อกับใคร
    ๕.จะไม่ขึ้นเครื่องบิน

    หลวงปู่ขาน ฐานวโร ได้เข้าสู่อนุปาทิเสสนิพาน ภายในกุฏิ ณ วัดป่าบ้านเหล่า เมื่อวันจันทร์ที่ ๓๑ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๔๙ เวลา ๒๑.๓๔ น. สิริอายุรวม ๗๑ ปี ๑ เดือน ๑๗ วัน พรรษา ๕๐

    เถ้าอัฐิและเถ้าอังคารของหลวงปู่ขาน นั้นในเวลาต่อมาได้กลายเป็น พระธาตุ แสดงถึงการสำเร็จเป็นพระอรหันต์เจ้าและเข้าสู่นิพพานแล้วอย่างแท้จริง



     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 มิถุนายน 2021
  11. ศิวิไล

    ศิวิไล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    15,865
    ค่าพลัง:
    +1,340
    รายการที่ 8118

    เหรียญเงิน รุ่นหมดห่วง ครูบาอินตา วัด ห้วยไซอายุ ๙๓ ปี สร้างปี ๒๕๔๑


    อัตโนประวัติของหลวงปู่ครูบาอินตา อินฺทปัญฺโญ วัดห้วยไซ

    ท่านเกิดเมื่อวันขึ้น ๓ ค่ำ เดือน ๘ เหนือ ปี มะเส็ง(งูเล็ก) ตรงกับ วันเสาร์ ที่ ๖ เดือนพฤษภาคม พุทธศักราช ๒๔๔๘ ณ บ้านห้วยไซ ตำบลห้วยยาบ อำเภอบ้านธิ จังหวัดลำพูน มีนามเดิมว่า อินตา นามสกุล ปาลี เป็นบุตรของ นายก๋อง นางก๋ำ นามสกุล ปาลี เป็นคนที่มีเชื้อสายยอง มารดาของท่านเสียชีวิตตั้งแต่ท่านยังเด็กไม่รู้ความ ท่านจึงได้รับการเลี้ยงดูจากบิดาจนอายุท่านได้ ๙ ขวบ จึงได้ฝากตัวเป็นศิษย์วัด(ขะโยม)ที่วัดห้วยไซเพื่อจะได้รับการศึกษาเล่า เรียน ในสมัยนั้นยังไม่มีโรงเรียนเช่นปัจจุบัน เด็กชายอินตา จึงได้เรียนภาษาพื้นเมืองตามแบบสมัยนิยม และได้รับการบรรพชาเป็นสามเณรขณะอายุได้ ๑๓ ปี พ.ศ.๒๔๖๑ ณ วัดห้วยไซ โดยมีพระภิกษุพุธเป็นผู้บวชให้ หลังจากบรรพชาเป็นสามเณรแล้วจึงได้ไปศึกษาภาษาไทยกลางเพิ่มเติมที่สำนักวัด สันก้างปลา(วัดทรายมูลในปัจจุบัน) อำเภอสันกำแพง โดยมีพระครูอินทนนท์ เจ้าอาวาส (ท่านเป็นพระวิปัสสนาจารย์ที่เก่งกล้ามากได้ปรมัติสูญสตาอรรถพยัญชนะทรงอภิ ญาชั้นสูง)เป็นอาจารย์ผู้สอนให้ ด้วยความเป็นผู้ไผ่เรียนท่านยังมีความสนใจเรื่องของภาษาอื่นๆด้วยเช่น อักษรขอมโบราณ ภาษาอังกฤษ และจีนเพิ่มเติม ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากมากในสมัยนั้น เมื่อพออายุครบบวชจึงได้รับการอุปสมบทเป็นพระภิกษุที่วัดห้วยไซ พ.ศ.๒๔๖๙ โดยมีครูบาอินทจักร วัดป่าลาน เป็นพระอุปัชฌาย์(เป็นศิษย์ครูบาหลวงวัดฝายหิน จบสตาปรมัติรู้ภาษานกกาได้ เจนจบ 9 มัด) พระอธิการชื่น สันกอแงะ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ครูบาขันแก้ว วัดป่ายาง(สันพระเจ้าแดง) เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาทางพระพุทธศาสนาว่า “อินฺทปัญฺโญภิกขุ”

    หลัง จากอุปสมบทเป็นพระภิกษุแล้วจึงได้ตั้งใจที่จะศึกษาพระธรรมวินัยและสรรพวิชา ตามจริตวิสัยที่ชอบศึกษาหาความรู้อันเป็นทุนเดิมของท่าน ทำให้ท่านเป็นที่ยอมรับนับถือของผู้คนในเรื่องของวิชาพลังจิตที่สูงมากตลอด ถึงในวิชาอาคมแขนงต่างๆ ประกอบกับการปฏิบัติสมถะวิปัสสนาธุระควบคู่กันไประหว่างปีพ.ศ.๒๔๗๑ ครูบาศรีวิชัยท่านได้มาเป็นประธานในการบูรณะพระธาตุดอยห้างบาตร ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากวัดห้วยไซมากนัก หลวงปู่ครูบาอินตาก็ได้ไปร่วมในการบุญครั้งนั้นด้วยและได้พบกับครูบาศรี วิชัยและถือโอกาสฝากตัวเป็นศิษย์ หลังจากนั้นขณะที่ครูบาศรีวิชัยท่านเป็นประธานในการสร้างทางขึ้นดอยสุ เทพหลวงปู่ครูบาอินตาก็ได้มีโอกาสไปร่วมในการสร้างทางด้วยเช่นกัน เมื่อครูบาศรีวิชัยมรณภาพไปหลังเสร็จสิ้นงานพระราชทานเพลิงศพ ผ้าขาวดวงต๋า ได้นำอัฐิธาตุของครูบาศรีวิชัยมาบรรจุและสร้างกู่อัฐิขึ้นที่บนดอยง้ม เขตติดต่อระหว่างอำเภอสันกำแพงกับอำเภอบ้านธิ หลวงปู่ครูบาอินตาท่านก็ถือว่าเป็นผู้หนึ่งที่มีส่วนร่วมในการนำสร้างด้วย ที่วัดห้วยไซเองท่านถือได้ว่าเป็นกำลังสำคัญที่มีส่วนร่วมกับอดีตเจ้าอาวาส ของวัดห้วยไซองค์ก่อนๆในการนำสร้างถาวรวัตถุต่างๆภายในวัด โดยเฉพาะสมัยของพระครูดวงดี จนกระทั้งครูบาดวงดีท่านมรณภาพไป หลวงปู่ครูบาอินตาท่านจึงได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดห้วยไซ เมื่อพ.ศ.๒๕๑๙ และได้รับพระราชทานสมณะศักดิ์เป็น พระครูถาวรวัยวุฒิ เมื่อปีพ.ศ.๒๕๓๖ ระหว่างที่ท่านยังมีชีวิตอยู่นั้นได้ได้ฝากผลงานทางด้านพระพุทธศาสนาและ สาธารณประโยชน์มากมาย อาทิ พัฒนาถาวรวัตถุสิ่งก่อสร้างต่างๆของวัดห้วยไซจนเป็นที่เจริญรุ่งเรือง สาธารณะประโยชน์เช่นโรงเรียน สถานีอนามัย โรงพยาบาล ห้องสมุด ที่อ่านหนังสือพิมพ์ ตลอดจนฌาปนกิจสถานประจำหมูบ้าน นอกจากนั้นท่านยังทำนุบำรุงพระศาสนาไปยังวัดวาอารามต่างๆที่มาของความเมตตา อนุเคราะห์จากท่าน เช่น ถาวรวัตถุต่างที่วัดเปาสามขา วัดวังธาน อำเภอแม่ออน วัดโป่งช้างคต อำสันเภอกำแพง วัดเวียงแห่ง อำเภอเวียงแห่ง จังหวัดเชียงใหม่ วัดศรีชัยชุม บ้านห้วยไซเหนือ

    พระพุทธรูปยืนวัด ศรีดอนชัย อำเภอบ้านธิ ประธานสร้างตึกสงฆ์อาพาสโรงพยาบาลบ้านธิ และผลงานชิ้นสุดท้ายที่ทิ้งไว้ให้ศิษย์ได้สารงานต่อคือพระวิหารของวัดห้วยไซ ก่อนที่ท่านจะมรณภาพด้วยชราภาพ เมื่อวันที่ ๒๕ เดือนกรกฎาคม พ.ศ.๒๕๔๕ สิริรวมอายุได้ ๙๘ ปี ๗๗ พรรษา พระเถระที่หลวงปู่ครูบาอินตาท่านสนิทสนมไปมาหาสู่กันเป็นประจำก็มี ครูบาขันแก้ว วัดป่ายาง(สันพระเจ้าแดง)ครูบาธรรมชัย วัดประตูป่า ครูบาสิริ วัดปากกองสารภี(ครูบาผีกลัว)ครูบาแก้ว สันกำแพงครูบาดวงทิพย์ วัดสันคะยอม(เป็นพระที่ครูบาพรหมาจักรนับถือมากๆ) ครูบาชุ่ม วัดวังมุย ครูบาหล้าตาทิพย์ วัดป่าตึง ครูบาอิน วัดฟ้าหลั่ง ครูบาดวงจันทร์ วัดป่าเส้า ครูบาน้อย วัดบ้านปง ครูบาดวงดี วัดท่าจำปี ครูบาวงศ์ วัดพระบาทห้วยต้ม ครูบาอินตา วัดวังทอง สำหรับพิธีพระราชทานเพลิงศพ หลังจากศิษยานุศิษย์ได้เก็บรักษาสรีระของหลวงปู่ครูบาอินตาไว้เป็นเวลาหลาย ปีแต่รางของท่านก็มิได้มีการเน่าเปื่อยแต่อย่างใด เมื่อก่อสร้างวิหารแล้วเสร็จจึงได้ของไฟพระราชทานและประกอบพิธีพระราชทาน เพลิงศพ เมื่อวันที่ ๔ เดือนมีนาคม พ.ศ.๒๕๕๐

    สำหรับวัตถุมงคล ของหลวงปู่ครูบาอินตา ท่านได้สร้างขึ้นในยุคแรกๆก็จะมีเพียงยันต์และตระกุดเพื่อให้ลูกศิษย์ลูกหา ไว้ใช้ป้องกันตัวอิทธิวัตถุมงคลต่างๆก็มีประสิทธิผลจนเป็นที่ลำลือ

    หลวงปู่ครูบาอินตา อินทปัญโญ เอกองค์พระอาจารย์ที่ให้ดวงกรรมฐานกับครูบากฤษดา ตั้งแต่เป็นสามเณร ที่ท่านสามารถปราบความคิดที่อยากรู้อยากเห็น ซุกซนโลดเเล่นแก่นแก้วสามารถดักทางความคิดจิตของครูบากฤษดา ได้ทั้งหมดตั้งแต่เป็นสามเณรร่ำเรียนอยู่ในสำนักวัดห้วยไซใต้ ถือว่าเป็นพระอาจารย์องค์แรกครับ และก็มีครูบาชัยวงค์ได้ไปกราบคารวะสนทนาเป็นบางครั้งคราว และมีพ่อแม่ครูอาจารย์ที่ครูบากฤษดาเทิดเหนือหัวคือหลวงปู่พิสดู ธัมมจารี เป็นที่สุดครับ


    หมดห่วง ความหมายดีเป็นมงคล

    เนื้อเงินสร้างน้อยหายากมากครับ


    ราคา 2999 บาท สนใจสอบถามได้ครับ 086-1936900

    qw.jpg u.jpg yut.jpg erw.jpg ou.jpg Clip_2.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มิถุนายน 2021
  12. ศิวิไล

    ศิวิไล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    15,865
    ค่าพลัง:
    +1,340
    รายการที่ 8119

    เหรียญรุ่นแรกหลวงปู่ครูบาชัยยะวงศา วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม ปี 2509 บล็อกข้าวตม ผิวไฟ เดิม ๆ ครับ

    เหรียญสุดยอดประสบการณ์ของหลวงปู่ครูบาวงค์
    บล็อกข้าวตม ผิวไฟแดงหาชมได้ยากมากครับ

    แท้ดูง่าย ท่านใดชอบของสวยเดิมไม่ควรพลาดครับ


    บูชาแล้วครับ

    Clip_37.jpg Clip_41.jpg Clip_42.jpg Clip_43.jpg Clip_44.jpg Clip_46.jpg Clip_47.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มิถุนายน 2021
  13. ศิวิไล

    ศิวิไล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    15,865
    ค่าพลัง:
    +1,340
    เหรียญรุ่นแรกหลวงพ่อวัดดอนตัน ปี2514 กะไหล่ทองเดิม สภาพสวย คมชัด

    เป็นเหรียญดังอันดับหนึ่งของ จ.น่าน พุทธคุณครบทุกด้าน ทั้งคงกะพัน ชาตรี เมตตามหานิยม แคล้วคลาด ปลอดภัย

    หลวงพ่อบุญทา พุทธวังโส พระเกจิอาจารย์ดังล้านนา

    คอลัมน์ อริยะโลกที่6

    'หลวงพ่อบุญทา พุทธวังโส' หรือ "พระครูเนกขัมมาภินันท์" ที่ชาวบ้านเรียกขานกันติดปากว่า "หลวงพ่อวัดดอนตัน" อดีตเจ้าอาวาสวัดดอนตัน ต.ตาลชุม อ.ท่าวังผา จ.น่าน เป็นพระเถระที่ชอบความสงบ มักน้อย สันโดษ เคร่งครัดในพระธรรมวินัย

    ปัจจุบัน วัตถุมงคลที่ท่านอธิษฐานจิตปลุกเสกไว้หลายรุ่น ได้รับความนิยมใน หมู่ลูกศิษย์ลูกหา และนักสะสมอย่างมาก

    อัตตโนประวัติ เป็นคนท่าวังผาโดยกำเนิด เกิดในสกุล "ใจเฉลียว" เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 5 มกราคม 2439 ที่บ้านหมู่ที่ 4 ต.ตาลชุม อ.ท่าวังผา จ.น่าน

    อายุครบ 15 ปี บรรพชา ณ วัดดอน ตัน ตรงกับวันที่ 5 พฤษภาคม 2455 เวลา 10.00 น.

    อายุครบ 20 ปี บริบูรณ์ได้อุปสมบทที่วัดดอนตันนั่นเอง เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2460 โดยมี พระเตวินต๊ะ วัดสบหนอง อ.ท่าวังผา เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอุปทะ วัดตาลชุม เป็นพระกรรม วาจาจารย์ พระพรหมเทพ วัดอัมพวัน เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายา พุทธวังโส

    หลังจากนั้นเดินทางไปศึกษาเล่าเรียนวิปัสสนากรรมฐานกับพระอาจารย์ครูบากัญจนะ เจ้าอาวาสวัดม่วงตึ๊ด อ.เมือง จ.น่าน พระเถระที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากในยุคนั้น (สมัยรัชกาลที่ 6)

    ศึกษาเล่าเรียนอยู่นานถึง 6 ปีจนกระทั่งมีวิชาความรู้แก่กล้า จึงได้ออกธุดงค์เป็นครั้งแรกเมื่อปี 2468 มุ่งหน้าไปทั่วทุกจังหวัดในภาคเหนือ หากทราบข่าวว่าที่ใด จังหวัดไหนมีพระอาจารย์ที่มีชื่อเสียง เก่งกล้าในวิทยาคม ก็จะเข้าไปฝากตัวเป็นศิษย์

    นับแต่หลวงพ่อบุญทาได้อุปสมบทถวายชีวิตอยู่ในพระพุทธศาสนา ท่านได้ตั้งมั่นอยู่ในพระธรรมวินัย ด้วยสัจจะอันแรงกล้า ไม่หวั่นไหวต่อสิ่งยั่วยุกิเลสทั้งหลาย มักกล่าวขวัญกันว่าท่านเป็นผู้มีพลังจิตสูง

    ดังนั้น มงคลวัตถุที่ท่านสร้างจึงเปี่ยมด้วยพุทธคุณแรงกล้า โดยเน้นแจกจ่ายให้กับศิษยานุศิษย์ และผู้เลื่อมใสศรัทธา ซึ่งส่วนมากจะเป็นบุคคลที่ทำหน้าที่รับใช้ประเทศชาติ เช่น ทหาร ตำรวจ ข้าราชการฝ่ายพลเรือนที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนที่ถูกผู้ก่อการร้าย หรือคอมมิวนิสต์คุกคามในชายแดนภาคเหนือ

    ใครมาขอวัตถุมงคล ท่านก็ให้ โดยมิได้เรียกร้องเป็นเงินทอง หรือกำหนดราคาค่างวดแต่อย่างใด เพียงขอให้เป็นคนดี และนำไปใช้ในทางที่ถูกที่ควรเท่านั้น ซึ่งก่อนให้ท่านจะแผ่กระแสจิตเพื่ออำนวยประโยชน์ทั้งทางเมตตามหานิยม อยู่ยงคงกระพันชาตรี และปลอดภัยจากอันตราย

    ทั้งนี้ ท่านไม่ชอบแสดงออกให้ใครได้ทราบว่าท่านมีดีอย่างไร และเป็นที่รู้กันมา ว่าท่านไม่เคยอวดอ้างคุณวิเศษวัตถุมงคลของท่านว่าดีอย่างไร ซึ่งปรากฏว่า ผู้ที่ได้รับของดีจากท่านไปแล้ว หลายคนได้รับประสบการณ์ต่างๆ ที่ช่วยให้รอดพ้นจากภยันตรายต่างๆ นานา จนเป็นที่เลื่องลือ

    พระเครื่องและเครื่องรางที่หลวงพ่อบุญทา จัดสร้างขึ้น ส่วนมากจะเป็นในลักษณะทำไป ปลุกเสกไป และสร้างครั้งละไม่มาก และ จะเน้นปลุกเสกเดี่ยว เฉพาะพระเครื่องที่จัดสร้างรวมแล้วเกือบ 30 รุ่น

    ที่สร้างชื่อเสียงเป็นที่นิยมอย่างกว้างขวางโดยเฉพาะภาคเหนือ ได้แก่ "เหรียญรูปเหมือนหลวงพ่อวัดดอนตัน รุ่นแรก ปี 2514" เป็นเหรียญที่มากด้วยประสบการณ์

    นอกจากนี้ยังมีพวกเครื่องรางของขลัง เช่น ผ้ายันต์ เสื้อยันต์ แบบต่างๆ ตะกรุดโทน ตะกรุดร้อยแปด ตะกรุดพับ ตะกรุดชุด ชนิดต่างๆ ลูกอมเทียนชัย เป็นต้น

    พระเครื่องและเครื่องรางของขลังของ หลวงพ่อวัดดอนตัน มีรูปแบบที่งดงาม คงความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวในเชิงพุทธศิลป์ และมีพุทธคุณเป็นที่ประจักษ์ มากด้วยประสบการณ์จนเป็นที่เล่าขานกันสืบมา แต่ด้วยวัตถุมงคลบางชนิด มีจำนวนการสร้างน้อย

    หลวงพ่อบุญทาท่านได้เดินธุดงค์อยู่นาน 3 ปี จึงกลับมาอยู่ที่วัดดอนตันจนได้เป็นเจ้าอาวาส เป็นเจ้าคณะตำบล เป็นพระอุปัชฌาย์ จนถึงสมณศักดิ์สุดท้ายเป็น พระครูสัญญาบัตร เจ้าอาวาสวัดราษฎร์ ชั้นโท ในราชทินนามที่ "พระครูเนกขัมมาภินันท์"

    หลวงพ่อบุญทามรณภาพอย่างสงบ เมื่อปี 2524

    สิริอายุได้ 85 ปี พรรษา 69

    หน้า 31

    พระแท้-สภาพสวยๆแบบนี้ปัจจุบันหาตัวจริงดูก็ยากเหมือนกันครับ


    Clip_24.jpg Clip_25.jpg Clip_26.jpg 304950a612687d510814423db1026731.jpg Clip_49.jpg Clip_48.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มิถุนายน 2021
  14. ศิวิไล

    ศิวิไล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    15,865
    ค่าพลัง:
    +1,340
    รายการที่ 8120

    พระสมเด็จฐานสิงห์หลังตาชั่ง อนุสรณ์สร้างโรงเรียน หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี มีเกศาหลายเส้น สวยๆ


    . จัดสร้างในปี พ.ศ.2517 เพื่อหารายได้ในการสร้างโรงเรียนสมเด็จพระญาณสังวร ต.ดงแคนใหญ่ อ.คำเขื่อนแก้ว จ.ยโสธร เนื้อหามวลสารของพระชุดนี้มีมากมาย ซึ่งคณะกรรมการได้สรรหามาเป็นเวลายาวนาน อาทิ ชนวนกริ่งปรมานุชิตฯ, ชนวนพระกริ่งสมเด็จพระสังฆราช(แพ) วัดสุทัศน์, ผงอิทธิเจของหลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี, หลวงพ่อเงิน และ หลวงพ่อแช่ม วัดดอนยายหอม, หลวงพ่อเอีย วัดบ้านด่าน, ชานหมากหลวงพ่อแดง วัดเขาบันไดอิฐ, หลวงปู่ขาว วัดถ้ำกลองเพล, เส้นเกศาหลวงปู่โต๊ะ, หลวงปู่แหวน, หลวงปู่นาค วัดระฆัง, พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร, ชิ้นส่วนพระสมเด็จ วัดระฆังฯ , ชิ้นส่วนพระสมเด็จบางขุนพรหม, ชิ้นส่วนพระสมเด็จวัดเกศไชโย, และพระกรุวัดพลับ, ก้านธูปและดอกไม้อธิฐานจิตจากหลวงพ่อเกษม เขมโก, ผงพระเจ้าคุณนรฯ, ทองคำเปลวและเกสรดอกไม้จากพระคณาจารย์ 108 รูป และกระเบื้องหลังคาโบสถ์วัดบวรฯ ฯลฯ

    หลวงปู่โต๊ะเมตตาปลุกเสกเดี่ยวให้ถึง 3 วัน 27-29 ม.ค 2517 และเข้าพิธีพุทธาภิเษกที่อุโบสถวัดบวรฯ เมื่อวันที่ 10 ก.พ 2517 พร้อม เหรียญ สว. มีพระคณาจารย์ร่วมปลุกเสกมากมาย อาทิเช่น หลวงปู่โต๊ะวัดประดู่ฉิมพลี, หลวงพ่อทองอยู่ วัดใหม่หนองพะอง, หลวงปู่เย่อ วัดอาษาสงคราม เป็นต้น

    พระดี ปีลึก พิธีใหญ่ มาในสภาพสวยสมบูรณ์ ตัวหนังสือคมชัด ครับ

    พระราชสังวราภิมณฑ์ หลวงปู่โต๊ะ อินทสุวัณโณ พระผู้ทรงบารมีธรรม ด้วยปฏิปทาและจริยาวัตรอันงดงาม ท่านมีคนเคารพนับถือมากทั้งผู้ที่ถือเพศบรรพชิตและคฤหัสถ์ทั่วประเทศตั้งแต่พระประมุขของประเทศจนถึงชนชั้นสามัญชนคนธรรมดาทั่วไป ตลอดชีวิตของท่านได้ถือปฏิบัติตามพระธรรมคำสั่งสอนของพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างเคร่งครัดไม่มีด่างพร้อยใดเลย ด้วยปฏิปทาและจริยาวัตรอันงดงามของหลวงปู่แทบจะไม่มีข้อสงสัยใดๆเลยว่าหลวงปู่ตั้งอยู่ในภูมิธรรมชั้นใด ทางด้านเวทมนต์และคาถาอาคมนั้นหลวงปู่ท่านเป็นผู้ที่มีวิชาอาคมและจิตญานสูง มีคำบอกเล่าจากศิษย์ใกล้ชิดว่าเมื่อหลวงปู่ร่วมพิธีพุทธาภิเศกร่วมกับพระเกจิอาจารย์ท่านอื่น เพียงแค่จับสายสิญจน์หลวงปู่ท่านก็จะรู้ได้ทันทีว่าพระเกจิท่านใดมีพลังจิตสูงเพียงใด หลังพิธีพุทธาเศกหลวงปู่ก็จะตามไปศึกษาและแลกเปลี่ยนวิชาอาคมเพิ่มเติมจากพระเกจิท่านนั้น พระเครื่องของท่านนั้นเป็นที่นิยมเสาะหากันมากในหมู่ลูกศิษย์และประชาชนทั่วไป เนื่องด้วยปฏิปทาและจริยาวัตรอันงดงาม ของหลวงปู่แล้ว อีกอย่างหนึ่งคือพุทธคุณที่เห็นเด่นชัดเห็นผลเร็วทันตา โดยเฉพาะทางด้านโชคลาภ ค้าขาย เมตตามหานิยม


    บูชาแล้วครับ

    Clip_7.jpg Clip_8.jpg Clip_9.jpg Clip_10.jpg Clip_11.jpg Clip_12.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 มิถุนายน 2021
  15. ศิวิไล

    ศิวิไล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    15,865
    ค่าพลัง:
    +1,340
    รายการที่ 8121

    เหรียญอาร์ม หลวงพ่อโสธร กรมตำรวจ80ปี เป็นรุ่นประวัติศาสตร์ รุ่น อุด
    บล็อกนิยม อุดปืน+สิบตรี ครับ


    เหรียญสุดยอดประสบการณ์ 2 อุดปืน สิบตรี เหรียญดีน่าใช้
    สภาพนอนกล่องเดิม ๆ ครับ


    ปิดรายการนี้ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 มิถุนายน 2021
  16. ศิวิไล

    ศิวิไล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    15,865
    ค่าพลัง:
    +1,340
    รายการที่ 8122

    เหรียญรุ่นแรกครูบาสม โอภาโส วัดศาลาโป่งกว๋าว ปี2519 ผิวไฟ สวยเดิม ๆ


    สร้างขี้นเมื่อปี พ.ศ. 2519 โดยพระครูอินทอน วัดสันป่ายาง อ.แม่แตง ได้ขออนุญาตครูบาสม จัดสร้างเหรียญรุ่นแรก ครูบาสมท่านได้มอบกระดาษที่ท่านได้เขียนยันต์ก๋าสะท้อน ให้กับครูบาอินทร วันสันป่ายาง เพื่อนำไปเป็นต้นแบบเหรียญที่จัดสร้างในครั้งแรกจำนวน 3,000 เหรียญ แล้วนำมามอบให้ครูบาปลุกเสกเดี่ยว 1 พรรษา แล้วได้นำเหรียญชุดนี้ไปเข้าร่วมพิธีปลุกเสกอีกครั้งที่วัดสันโป่ง พร้อมกับเหรียญครูบาคำปัน ในปี 19 เกจิอาจารย์อันโด่งดังเข่้าร่วมพิธีนี้ด้วยคือ 1. หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี 2. หลวงปู่คำปัน วัดสันโป่ง 3. หลวงพ่อคง วัดวังสรรพรส 4. หลวงพ่อเจิม วัดวันยาวล่าง 5. หลวงพ่อศรีนวล วัดเกวียนหัก 6. หลวงพ่อคำปัน วัดหม้อคำตวง 7. ครูบาสม วัดโป่งกว๋าว 8. พระครูญาณภิรัต วัดป่าเจริญธรรม 9. พระอาจราย์ประเดิม วัดเพลงวิปัสสนา 10. พระอาจารย์ธีระ วัดพระธาตุสบฝาง พระคาถาที่อยู่ด้านหลังเหรียญก็คือคาถาหัวใจ๋ กาสะต้อน อักขระถูกแบ่งเป็นหกช่องคำแรกอ่านว่า (สัง)2(วิ)3(สุ)4(โร)5(พุด)6(อัต)มีหกตัว ก็คือ สัง วิ สุ โร พุด อัต หัวใจกาสะท้อน เด่นทางด้านมหาอุตม์ คงกระพันชาตรี คนสะเมิงรู้ดีครับลองครับ

    ราคา 3850 บาท สนใจสอบถามได้ครับ 086-1936900

    เหรียญรุ่นแรกครูบาสม a.jpg เหรียญรุ่นแรกครูบาสม b.jpg เหรียญรุ่นแรกครูบาสม c.jpg

    Clip_13.jpg

    Clip_14.jpg

    Clip_15.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มิถุนายน 2021
  17. ศิวิไล

    ศิวิไล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    15,865
    ค่าพลัง:
    +1,340
    รายการที่ 8123

    พระปิดตาปุ้มปุ้ยรุ่นแรกครูบาสม โอภาโส วัดศาลาโป่งกว๋าว สอดตะกรุด เลี่ยมพลาสติกกันน้ำ พร้อมใช้


    ครูบาสม วัดโป่งกว๋าว สะเมิง สุดยอดพระเกจิท่านหนึ่งของเมืองเหนือ ที่ลูกศิษย์ของท่าน นิยมแสวงหาวัตถุมงคลของท่านมาใช้และมีประสบการณ์ทางด้านมหาอุดมานักต่อนักแล้ว ท่านได้ยึดถือตามรอยปฎิบัติ ของ ครูบาศรีวิชัยสม่ำเสมอตลอดชีวิตของท่าน คณะศรัทธา วัดศาลาโป่งกว๋าว โดยการนำของพ่อหลวง แก้ว ซึ่งมีความเลื่อมใสในวัตรปฎิบัติของ พระสม โอภาโส พร้อมใจกันอาราธนานิมนต์ ท่าน จากวัดสวนดอกมาเป็นผู้นำการพัฒนาวัดศาลาโป่งกว๋าว ต. สะเมิงเหนือ อ. สะเมิง หลังจากนั้นท่านได้สร้างวัตถุมงคลอีกหลายครั้งหลายคราวด้วยกัน ครูบาสม โอภาโส เป็นลูกศิษย์ผู้อุปฐากรับใช้ใกล้ชิดครูบาเจ้าศรีวิชัยรูปหนึ่ง ที่มีอาคมขลังยิ่ง ครั้งหนึ่งเคยเอาลูกระเบิดมาแกะเล่น ลูกระเบิดทำงาน ระเบิดกุฏิพังราบเรียบ จีวรขาดเป็นชิ้นๆ แต่ตัวท่านเองไม่ได้รับอันตรายอะไร นอกจากเหรียญรูปเหมือน รุ่น ๑ ของท่านที่ได้รับความนิยมอย่างสูง ในราคานิยมหลักพันต้นๆ พระปิดตาเนื้อผง ก้นอุดตะกรุด ก็ได้รับความนิยมไม่เเพ้กันครับผม
    ครูบาหนังเหยียว ท่านเก่งทางด้านคงกระพัน มหาอุด

    ท่านใดชอบสายเหนี่ยวไม่ควรพลาด
    รับประกันความแท้ครับ


    บูชาแล้วครับ

    พระปิดตารุ่นแรกครูบาสม a.jpg พระปิดตารุ่นแรกครูบาสม b.jpg พระปิดตารุ่นแรกครูบาสม c.jpg พระปิดตารุ่นแรกครูบาสม d.jpg พระปิดตารุ่นแรกครูบาสม e.jpg พระปิดตารุ่นแรกครูบาสม f.jpg พระปิดตารุ่นแรกครูบาสม g.jpg

    Clip_13.jpg

    Clip_14.jpg

    Clip_15.jpg

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 มิถุนายน 2021
  18. ศิวิไล

    ศิวิไล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    15,865
    ค่าพลัง:
    +1,340
    รายการที่ 8124

    พระผงรูปเหมือนหลวงพ่อเกษม เขมโก สุสานไตรลักษณ์ จ.ลำปาง รุ่นสรงน้ำปี 2527 มีเกศา กล่องเดิม

    หลวงพ่อเกษม เขมโก พระผงรุ่นนี้มีส่วนผสมของผง 5 รอบที่หลวงพ่อเกษมท่านเมตตาอธิษฐานเป่า(บบไอพ่น)ให้ ผงรุ่น 5 รอบนี้เมื่อนำมาสร้างพระแล้วหลังจากอธิษฐานอีกรอบ หลวงพ่อเกษม ท่านบอกเองเลยครับว่า"ใช้ไม่ดีให้เอามาคืน"
    ปลุกเสกวัตถุมงคลวันที่ 12 เม.ย. 2527 เวลา 13.09 น.เนื้อหามวลสารดีมากเช่นเดียวกับพระผงไตรมาสปี 2518 แถมยังของมงคล ของหลวงพ่อสองสิ่งที่จัดว่าหายาก นั้นก็คือ เกศา และจีวร จีวรหลวงพ่อนั้น ไม่เหมือนพระทั่วไปนั้นคือ ท่านใช้เพียงชุดเดียวตลอด จะเปลี่ยนใหม่ก็ต่อเมื่อ เก่ามากๆๆจริงๆ ตลอดเวลาจีวรนั้นของท่านจะซับเหงื่อใคลในเวลานั่งกรรมฐานตลอด ซึ่งทำให้จีวรของท่านมีค่ายิ่ง


    บูชาแล้วครับ

    พระผงสรงน้ำ ลพ.เกษม a 2.5.jpg พระผงสรงน้ำ ลพ.เกษม d.jpg พระผงสรงน้ำ ลพ.เกษม b.jpg พระผงสรงน้ำ ลพ.เกษม c.jpg

    Clip_6.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 มิถุนายน 2021
  19. ศิวิไล

    ศิวิไล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    15,865
    ค่าพลัง:
    +1,340
    รายการที่ 8125

    พระรอดหยกรุ่นแรกครูบาพรหมา วัดพระพุทธบาทตากผ้า

    พระหายากของท่านครูบา มาพร้อมกล่องเดิมครับ

    ราคา 2550 บาท สนใจสอบถามได้ครับ 086-1936900

    พระหยกครูบาพรหมา 1.0 a 2.5.jpg พระหยกครูบาพรหมา 1.0 b.jpg พระหยกครูบาพรหมา 1.0 c.jpg พระหยกครูบาพรหมา 1.0 d.jpg พระหยกครูบาพรหมา 1.0 e.jpg

    Clip_7.jpg



     
  20. ศิวิไล

    ศิวิไล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    15,865
    ค่าพลัง:
    +1,340
    รายการที่ 8126

    รูปหล่อ(แบบปั้ม)ครูบาศรีวิชัย วัดดอยสุเทพ ปี 2500


    ราคา 2550 บาท สนใจสอบถามได้ครับ 086-1936900

    รูปหล่อครูบาปี 2500 a 2.5.jpg รูปหล่อครูบาปี 2500 b.jpg รูปหล่อครูบาปี 2500 c.jpg รูปหล่อครูบาปี 2500 d.jpg รูปหล่อครูบาปี 2500 e.jpg

    $R9FGBCS.jpg
     

แชร์หน้านี้

Loading...