@@..คำครู ผู้ชี้-นำ-อุปถัมภ์ สู่พระโพธิญาณ & เรื่องเล่าจากกัลยาณมิตร.@@

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย นโมพุทธายะ๕, 10 กรกฎาคม 2015.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,372
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,120
    ค่าพลัง:
    +70,467
    tMtxTy__84ZDDbBqHshNT-hwskQAd-JlCWDDFverl9wO&_nc_ohc=VX041RtWaKUAX8J2oXF&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,372
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,120
    ค่าพลัง:
    +70,467
    039_n.jpg?_nc_cat=110&ccb=1-3&_nc_sid=825194&_nc_ohc=V8fOzynwqa4AX9Z-xw5&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg
    หลังจากบวงสรวงทำบุญบ้านเติมบุญ พระอาจารย์กล่าวว่า “เมื่อครู่นี้ตอนบวงสรวง #สมเด็จองค์ปฐมท่านมาแวบหนึ่ง..เกือบ ๓ วินาที ปกติพระองค์ท่านเสด็จยากมาก มาให้ ๓ วินาทีนี่ ถ้าเป็นปกติอย่างดาราปรากฏตัว ก็คงต้องจ่ายกันเป็นล้าน ถึงได้บอกว่า #ใครไม่รับน้ำมนต์งวดนี้ถือว่าเสียโอกาสในชีวิตเลย ช่วงที่ผ่านมาพระองค์ท่านมาตอนหล่อพระพุทธรูปทองคำ อยู่นานวันกว่าเกือบสองวันเต็ม เวลาของพระองค์ท่านห่างกับเราเยอะ มาแค่ครู่เดียวของท่านนี่เกือบ ๒ วันของเรา

    ปกติแล้วบุคคลที่ได้มโนมยิทธิ เรื่องพวกนี้ต้องซักซ้อมอยู่เสมอ เพื่อที่ถึงเวลาจะได้รู้ว่าพระ หรือพรหม หรือเทวดา ครูบาอาจารย์ หรือแม้กระทั่งผี ที่จะมาปรากฏตัวเป็นใคร มาจากไหน มีธุระอะไร #นี่เป็นกติกาข้อหนึ่งของบุคคลที่ครอบครูเพื่อเป็นอาจารย์เป่ายันต์เกราะเพชร กติกาข้อนี้หลวงพ่อวัดท่าซุงกำหนดลงมาเลย ทำตามพระสั่งอย่างเดียว ถ้าใครใช้กำลังสมาธิตัวเอง จะทำได้ไม่ถึง ๒ เปอร์เซ็นต์ เพราะฉะนั้น..#จำเป็นที่จะต้องมีความชัดเจนแจ่มใสในมโนมยิทธิอย่างมาก"

    "คราวนี้ความชัดเจนแจ่มใสในมโนมยิทธินั้นมี ๒ ประการด้วยกัน #ประการแรกคือขยันฝึกซ้อม เรื่องนี้ไม่ต้องห่วง อาตมาขยันสุด ๆ สมัยก่อนช่วยงานอยู่ข้างองค์หลวงพ่อวัดท่าซุงที่บ้านสายลม ซักซ้อมทรงอารมณ์อยู่ตลอดเวลา ญาติโยมมาถวายอะไร #กระทั่งจำนวนเงินในซองเท่าไรก็ยังรู้

    มีบางท่านพอวางซองลง อาตมาแจกแหนบหลวงพ่อให้ แล้วหยิบซองฉีกโยนลงถังขยะไปเลย เล่นเอาลุงเอี๊ยงที่อยู่ใกล้ ๆ ตาเหลือก รีบตะครุบขึ้นมาดู บอกไปว่า “#เขาเอากระดาษใส่มา” ลุงก็พลิกขึ้นมาดู เจอกระดาษหนังสือพิมพ์เก่า ๆ ยัดมาในซอง เขาอยากได้วัตถุมงคลแต่ไม่อยากทำบุญ เพราะฉะนั้น..#ต้องซ้อมให้ได้ขนาดนั้น

    แต่ว่าพวกเราส่วนใหญ่แล้วมักจะเบื่อ ขณะเดียวกันก็หน้าบาง #ถ้าหน้าบางนี่อย่าหวังว่าจะปฏิบัติอะไรแล้วสำเร็จง่าย ๆ คำว่าหน้าบางในที่นี้ก็คือ พอผิดแล้วอาย จำไว้ว่า..#ทำความดีต้องหน้าด้าน ยิ่งถ้าเป็นลูกศิษย์วัดท่าขนุน หน้าไม่ด้านพอไม่ต้องมา #เพราะว่าเจ้าอาวาสด่ากระจาย..!

    ผิดอย่ากลัว โบราณเขาบอกว่า “ผิดเป็นครู” ผิดแล้วจำไว้ว่าเราวางอารมณ์อย่างไรแล้วผิด #ถ้าถูกให้จำว่าเราวางอารมณ์อย่างไรแล้วถูก ซักซ้อมบ่อย ๆ เราจะจำได้เองว่าถ้าอารมณ์นี้ก็ใช่แน่ ในเมื่อเป็นอยู่ในลักษณะอย่างนี้ บางทีญาติโยมก็คงจะผิดจนเป็นศาสตราจารย์ ดร. จนหมดแล้ว ไม่ได้ผิดแค่เป็นครูเฉย ๆ ผิดบ่อยเหลือเกิน..!"

    "มโนมยิทธิสามารถใช้ได้ทุกโอกาส ขับรถนี่ดีนัก โดยเฉพาะทางไกล อาตมาถึงเวลาวันหยุดยาว ๆ จะเดินทางกลับ รถข้างหน้าเยอะเหลือเกิน จะแซงก็ไม่กล้า ไม่รู้ว่ามีรถสวนมาเท่าไร..แบบนั้นซ้อมได้ #ถ้าพลาดก็ไปพระนิพพานตอนนั้นแหละ..! แต่ว่าอาตมายังไม่เคยพลาด

    พอถึงเวลาก็ “ขึ้น..แซงได้สามคันแล้วรีบเข้า” ...(หัวเราะ)... “ไปยาวได้เลย..ว่างเกือบสองกิโลฯ” ทำแบบนั้นโปรดเตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อม #ก็คือต้องพร้อมมอบกายถวายชีวิต..!"

    "เมื่อเกือบ ๓๐ ปีที่แล้ว #มีท่านผู้อำนวยการวิทยาลัยครูพระนครศรีอยุธยา เป็นสุภาพสตรี หลวงปู่ปาน วัดบางนมโค #ไปสอนให้ด้วยตัวเอง คืออาจารย์ท่านน้อยใจว่าตัวเองมีภาระมาก อยากไปวัดท่าซุงก็ไม่ได้ไป อยากฝึกมโนมยิทธิก็ไม่ได้ฝึก

    พอวันหนึ่ง..หลังจากที่กรำงานทุกอย่างจนดึกแล้วนอน #มีความรู้สึกว่าหลวงปู่ปาน #วัดบางนมโค มาหา ท่านบอกว่า “ลุก” และสั่งให้ทำโน่นทำนี่ ทำแบบบ้า ๆ อย่างเช่นว่า เปิดหน้าต่าง ปิดหน้าต่าง เปิดประตูส้วม เปิดพัดลมระบายอากาศ เดินลงชั้นล่าง วนรอบบ้านหนึ่งรอบ กลับขึ้นมาใหม่ #ท่านทำตามทุกอย่าง

    ในเมื่อทำตามทุกอย่าง หลวงปู่ปานสั่งว่า “#ขับรถไปวัดท่าซุงเดี๋ยวนี้” โอ้พระเจ้า..เที่ยงคืนกว่าจะตีหนึ่งอยู่แล้ว แต่อาจารย์ท่านไปแฮะ ผู้หญิงนะนั่น วิ่ง ๆ ไปปรากฏว่าฝนตกหนัก คำสั่งหลวงปู่ก็คือ “เร่งความเร็วเพิ่มขึ้นให้ได้ ๑๒๐” กลางคืน..เที่ยงคืนกว่า ฝนตกหนัก มองทางเกือบไม่เห็น “เอ้า..หักขวาหน่อย กลับเข้าซ้าย แตะเบรกนิดหนึ่ง ขวา..ตรงไปข้างหน้า เอ้า..เข้าซ้ายได้”

    อาจารย์ท่านบอกว่า ท่านเหลือบเห็นแค่ไฟแดง ๆ เหมือนกับไฟท้ายรถแวบผ่าน แสดงว่าท่านแซงรถคันอื่นทั้ง ๆ ที่ตัวเองมองอะไรไม่เห็น ท้ายสุดก็ “หักซ้ายหมด ลงข้างทางไปเลย” #โครมเดียวไปอยู่กลางนาโน่น..!"

    "หลวงปู่ปานถามว่า “ลูก..เชื่อพ่อขนาดนี้เลยหรือ ?” #ท่านบอกว่าเชื่อ หลวงปู่บอกว่า “ถ้าอย่างนั้นขับรถกลับขึ้นถนน” #แปลกมาก..#รถไม่มีเสียหายอะไรเลย ลุยในนาเป็นเกวียนเลย กลับขึ้นถนนแล้วกลับบ้าน ไปถึงบ้านอาบน้ำอาบท่า เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จสรรพเรียบร้อย ไปห้องพระ

    ท่านบอกว่า กราบพระยังไม่ทันครบ ๓ ครั้งเลย #หลวงปู่ปานดึงไปแล้ว ท่านบอกว่า “จำไว้ นี่แหละคือมโนมยิทธิ” #มโนมยิทธิต้องเชื่ออารมณ์แรกเท่านั้น #และเชื่อแบบมอบกายถวายชีวิต ผิดเป็นผิด ตายเป็นตาย พวกเรายังทำแบบนั้นไม่ได้กันหรอกน่าเสียดาย..#ท่านเองเสียชีวิตไปแล้ว ไม่อย่างนั้นจะให้พวกเราไปถามดูว่า คุณยายทำอย่างไร ? เกือบ ๓๐ ปีที่แล้ว ลองคิดดูว่า ตอนนั้นท่านก็ใกล้เกษียณแล้วนะ"

    "ดังนั้น..เรื่องของมโนมยิทธิ อันดับแรกเลย..ต้องขยัน ขยันซ้อม พร้อมที่จะตาย และพยายามพิจารณาตัดร่างกายไว้บ่อย ๆ จนสภาพจิตเคยชิน #ไม่ยึดติดกับร่างกาย #จะไปได้ง่าย เพราะว่ามโนมยิทธิ จิตต้องออกจากร่างไป

    ส่วนใหญ่พวกเรายึดติดมาก อาตมาเองนี่แหละตัวยึดเลย นั่ง ๆ ใช้มโนมยิทธิอยู่ กำลังเพลิน ๆ หูได้ยินเสียงแกรก ๆ แวบเดียวตอนไหนก็ไม่รู้ จิตกลับมาอยู่ที่ร่างแล้ว ห่วงร่างกายขนาดนั้น ปรากฏว่าเพื่อนพระชักลูกประคำอยู่ เห็นอาตมานั่งกรรมฐาน ท่านตื่นขึ้นมา ท่านก็ภาวนาบ้าง แต่ดันชักลูกประคำเสียงแกรก ๆ ได้ยินแค่นั้นจิตก็กลับแล้วนะ..ไม่ได้ตั้งใจด้วย"

    "ดังนั้น..ใครที่คิดว่า ถ้าฝึกมโนมยิทธิกลัวว่าไปแล้วจะกลับไม่ได้ โปรดทราบ..ไม่ใช่ว่ากลัวไปแล้วกลับไม่ได้ กลัวไปไม่ได้ดีกว่า ส่วนกลับไม่ได้นี่ยังไม่เคยเจอ เพราะว่าไม่ทันจะตั้งท่าเลยก็กลับแล้ว

    อาตมาฝึกใหม่ ๆ เหมือนกัน ขึ้นพระนิพพานไปได้ ๑-๒ วินาทีก็ลงมาแล้ว อะไรวะ..เมื่อกี้ยังอยู่ข้างบนเลย..!? สงสัยอยู่นาน ท้ายสุดก็เข้าใจว่า จิตห่วงร่างกายนี้ ก็เลยกลับเอง ก็ต้องหาเคล็ดลับว่า ทำอย่างไรที่เราจะอยู่ให้นานที่สุด เพราะว่าเราตัดร่างกายได้ไม่เด็ดขาดจริง ๆ จึงอยู่นานไม่ได้ ก็หางานให้จิตทำ

    บังเอิญว่าอาตมาสวดมนต์ได้มาก บทยาว ๆ อย่างอาทิตตปริยายสูตร อนัตตลักขณสูตร ธัมมจักกัปปวัตนสูตร อะไรก็สวดได้หมด จึงขึ้นไปสวดมนต์ถวายพระข้างบน มึงอยากห่วงดีนักก็หาห่วงให้มึง ก็คือสภาพจิตจะห่วงว่ายังมีงานอยู่ ในเมื่อยังมีงานอยู่ งานไม่หมดก็ยังไม่กลับลงมา"

    ดังนั้น..เคล็ดลับพวกนี้ญาติโยมต้องไปฝึกซ้อมเอง อาตมาบอกได้ เล่าได้ แต่ว่านิสัยและความชอบพอแต่ละคนไม่เท่ากัน ในเมื่อนิสัยและความชอบพอของแต่ละคนไม่เท่ากัน เราอาจจะมีเคล็ดลับที่เราชอบ ซึ่งจะต้องฝึกซ้อมค้นหาด้วยตัวเอง

    แบบที่อาตมานำกรรมฐานที่วัดช่วงปฏิบัติธรรม ให้เรากำหนดภาพพระ แผ่ขยายพระรัศมีของท่านออกไปแทนพระเมตตา แผ่ออกไป กลับเข้ามา แผ่ออกไป กลับเข้ามา ลักษณะอย่างนี้เขาเรียกว่า “กีฬาสมาธิ” เป็นการสลับฌาน บางทีเราไม่รู้ตัวหรอก บอกให้ทำก็ทำไปเรื่อย กว่าจะรู้ก็โดนหลอกไปถึงไหนแล้วไม่รู้..!?”

    เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนเมษายน ๒๕๖๒
     
  3. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,372
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,120
    ค่าพลัง:
    +70,467
    ** รถผีสิง
    ถาม :
    มีอีกเรื่องหนึ่งที่ยังแก้ปัญหาไม่ตกเจ้าค่ะ คือเพื่อนเขาพาไปดูรถเจ้าค่ะ พอเราเจอรถที่เขาจะซื้อนะเจ้าคะ มีผีตายโหงเกาะอยู่มุมซ้ายของรถ เราถามว่า "มาอย่างไรนี่ ? เขาก็บอกว่า "ช่วยที" แล้วเราก็หันไปดูในรถ ผีตายโหงก็เต็มอีก

    เราก็ถามว่า มาอย่างไร ?เขาก็ตอบว่า ไอ้เจ้าผีที่เกาะอยู่หน้ารถ ไม่ว่ารถจะจอดที่ไหน ก็คอยชวนเพื่อนเข้ามาอยู่ในรถเต็มไปหมดเลยเจ้าค่ะ แล้วเจ้าของเขาบอกว่า รถคันนี้ขับแล้วก็เจออุบัติเหตุตลอดเลย เราก็เลยก็ได้แต่มองเจ้าค่ะ ?

    ตอบ : โธ่..ถ้าตั้งใจช่วยเขาจริง ๆ ก็แค่คิดว่ากุศลทั้งหมดที่เราตั้งใจทำมาตั้งแต่ต้นจนบัดนี้....จะมีผลต่อเราเพียงใดก็ขอให้เธอโมทนา

    ถาม : เขาบอกว่า ขอให้พระมายืนสวดบังสุกุลให้เขาหน่อยค่ะ ?
    ตอบ : ก็ลองนิมนต์พระไปดูสิจ๊ะ

    ถาม : ทีนี้ไม่ใช่รถเราเจ้าค่ะ เราก็เลย..?
    ตอบ : ถามเขาว่า "ถ้าฉันบังสุกุลเองจะเอาไหม " ลองถามเขาดู พอถามเขาเสร็จ เราก็ตั้งใจอาราธนาพระสักองค์หนึ่ง หลวงปู่หรือหลวงพ่อก็ได้ครอบเราลงมา แล้วก็ "อนิจจา วะตะ สังขาราฯ" ให้เขาไปเลย

    ถาม : ได้หรือเจ้าคะ ท่านไม่ว่าหรือเจ้าคะ ?
    ตอบ : ได้..สบายมากเลย พระท่านเต็มใจช่วยอยู่แล้ว เป็นลูกเป็นหลานเป็นญาติเป็นโยมท่าน ท่านไม่ช่วยแล้วจะไปช่วยใครที่ไหนเล่า

    ถาม : อย่างนั้นหรือเจ้าคะ ตอนนี้เพื่อนคนนั้นเลยไม่กล้าซื้อรถคันนั้นเลยเจ้าค่ะ ?
    ตอบ : ถ้าหากว่ายังแก้ไขไม่ได้ ก็ไม่ควรเสี่ยง

    ถาม : แล้วพอเขาบอกว่าจะทดลองขับ เจ้าผีตายโหงก็บอกว่า "อย่าขับ..เดี๋ยวจะเกิดอุบัติเหตุ" ?
    ตอบ : อืม...เขายังอุตส่าห์เมตตาบอกให้

    ถาม : เขาก็ใจดีนะเจ้าค่ะ เขาบอกว่าที่เขาติดอยู่ที่รถเนื่องจากว่าคนขับ ๆ รถชนเขา ชนเขาอย่างแรง ตัวเขานอนรอความตายข้าง ๆ รถ แต่เจ้าของรถมามองเขาเหมือนเขาเป็นอะไรมากหรือเปล่า เสร็จแล้วก็ขับรถไป จิตเขาก่อนจะตายเลยเกาะติดอยู่กับรถเจ้าค่ะ ?
    ตอบ : อันดับแรกลองอุทิศส่วนกุศลให้เขาก่อน ถ้าหากว่าเขารับได้ เขาโมทนาได้ บางครั้งเขาอาจเปลี่ยนภพภูมิ เปลี่ยนสภาพไปเลยเป็นอันว่าพ้นไป
    แต่ถ้าหากว่าอันไหนที่เขารับไม่ได้ ต้องถามเขาตรง ๆ ว่าเขาต้องการอะไร ถ้าไม่เกินวิสัยเราก็ทำให้เขาไปตามนั้น

    ที่มา เว็ปวัดท่าขนุน ห้อง** รถผีสิง
     
  4. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,372
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,120
    ค่าพลัง:
    +70,467
    387_n.jpg?_nc_cat=109&ccb=1-3&_nc_sid=730e14&_nc_ohc=FxKWcU7jmQkAX92jqnb&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg
    ถาม : (ให้สัมภาษณ์ข้อมูลในฐานะผู้เชี่ยวชาญ เพื่อทำวิทยานิพนธ์เกี่ยวกับเรื่องพระพุทธรูปทรงเครื่อง) พระพุทธรูปในปัจจุบันถ้าอ้างอิงเรื่องท้าวชมพูบดี คือ การยกเรื่องพระเจ้าจักรพรรดิมาเป็นหลักการ พระพุทธเจ้าทุกพระองค์สามารถทรงเครื่องได้หมดไหมครับ ?

    ตอบ : ถ้าว่าโดยทั่วไปแล้วเป็นเรื่องที่ต้องใช้ความรู้พิเศษ โดยความเคยชินของเรา มักจะคิดว่าพระพุทธเจ้าคือพระ แต่เวลาที่ท่านแสดงออกมาเต็มบุญญาบารมี ในโลกเรานับถือว่าผู้ใดมีอำนาจมากที่สุด ก็จะแสดงออกในลักษณะอย่างนั้น เพื่อให้คนอื่นเห็นและเชื่อถือศรัทธา คราวนี้ในโลกเราผู้ที่นับถือว่ามีอำนาจมากที่สุด ก็คือพระเจ้าจักรพรรดิราช ซึ่งปกครองทวีปทั้ง ๔

    ในความเชื่อของคนยุคนั้น เขาว่าพระเจ้าจักรพรรดิราชจะมีเครื่องทรงลักษณะไหน พระพุทธเจ้าท่านก็จะแสดงออกให้เห็นในลักษณะอย่างนั้น ต้องบอกว่าเป็นส่วนหนึ่งของสัพพัญญูวิสัยที่พระองค์ท่านทราบ ในเมื่อทราบโดยสัพพัญญุตตาญาณ ถึงเวลาพระองค์ท่านก็แสดงออกให้เป็นไปตามนั้น

    ถาม : แล้วคติเรื่องสมเด็จองค์ปฐมที่ทรงเครื่อง ก็เป็นหลักเรื่องของสัพพัญญุตญาณใช่ไหมครับ ?
    ตอบ : เรื่องของสมเด็จองค์ปฐมทรงเครื่องนั้น เราต้องเข้าใจว่าการทรงเครื่องไม่ได้มีแต่พระในเมืองไทย ไม่ว่าจะเป็นของจีน ของทิเบต หรือของทางด้านพม่าก็ตาม จะมีพระทรงเครื่องด้วยกันทั้งนั้น

    ตรงจุดนี้เราพอที่จะสรุปได้ว่า บุคคลท่านที่มีความสามารถพิเศษ คือ มีทิพจักขุญาณก็ดี สามารถรู้เห็นเรื่องทั้งหลายเหล่านี้ก็ดี ท่านสามารถรู้เห็นได้เหมือน ๆ กัน ว่าพระพุทธเจ้าท่านมีเครื่องทรง ในเมื่อรู้เห็นได้เหมือน ๆ กัน

    แล้วทำไมเครื่องทรงจึงไม่คล้ายคลึงกัน ? เหตุเพราะว่าติดอุปาทานเก่า ๆ ว่า บุคคลที่มีอำนาจมากที่สุดที่ตนเองพบมา ท่านทรงเครื่องแบบไหน พระองค์ท่านก็แสดงออกให้เป็นลักษณะนั้น

    ดังนั้น...พระพุทธรูปพม่าก็ทรงเครื่องแบบกษัตริย์พม่า พระพุทธรูปทิเบตก็ทรงเครื่องแบบกษัตริย์ทิเบต พระพุทธรูปไทยก็ทรงเครื่องแบบกษัตริย์ไทย สมเด็จองค์ปฐมที่ทรงเครื่องลักษณะนั้น เราจะเห็นว่าถ้าพระมหากษัตริย์ของเราทำพิธีบรมราชาภิเษก ก็จะทรงเครื่องใกล้เคียงแบบนั้น

    ถาม : คตินี้องค์พระวิสุทธิเทพและพระศรีอาริย์ก็จะอยู่ในลักษณะเดียวกัน ?
    ตอบ : ลักษณะเดียวกัน

    ถาม : เป็นการสื่อภาพออกมาให้ตาเนื้อได้เห็น ?
    ตอบ : ถูก...แต่ตรงนี้ต้องขึ้นอยู่กับความเชื่อ คือต้องมีศรัทธาด้วย ถ้าเราจะเอาประเภทเอกสารหรือรูปภาพเป็นหลักฐานอ้างอิง จะหาได้ยาก

    ถาม : สมัยหลวงพ่อฤๅษีฯ ท่านมีการสร้างเป็นพระทรงเครื่องไหมครับ ? นอกจากพระวิสุทธิเทพและพระศรีอาริย์ครับ ?
    ตอบ : เท่าที่ทราบมาก็ยังไม่มี

    ถาม : สมเด็จองค์ปฐมที่ท่านสร้างก็ไม่ได้ทรงเครื่องใช่ไหมครับ ?
    ตอบ : ไม่ได้ทรงเครื่อง ท่านทำในลักษณะของพระพุทธชินราช ถ้าเราสังเกตจะเห็นว่า พระพุทธชินราชจะมีซุ้มเรือนแก้ว ความจริงซุ้มเรือนแก้วก็คือฉัพพรรณรังสี ที่เปล่งออกมาจากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งในปฐมสมโพธิกถากล่าวว่า มีลักษณะเหมือนกับเปลวไฟ

    คราวนี้บรรดาช่างยุคโบราณของเราก็จินตนาการถึงเปลวไฟว่า ถ้าแผ่ออกมาจะมีลักษณะอย่างนี้ ก็เหมือนอย่างกับเราจุดกองไฟขึ้นมากองหนึ่ง ลักษณะเปลวจะเป็นอย่างไร ช่างก็ทำออกมาตามจินตนาการ จึงกลายเป็นเรือนแก้วของพระพุทธชินราชไป

    ส่วนสมเด็จองค์ปฐมปางพระนิพพาน ซึ่งถ้าถือว่าทรงเครื่อง ก็ทรงเครื่องแบบพระวิสุทธิเทพ หลวงพ่อฤๅษีฯ ท่านสร้างองค์ใหญ่องค์เดียว แล้วอัญเชิญไปประดิษฐานอยู่ที่ชั้นบนของสมเด็จองอค์ปฐมปางพระพุทธชินราช

    ถาม : พระพุทธรูปที่เราเรียกว่า สมเด็จองค์ปฐมปางนิพพาน กับพระวิสุทธิเทพ เหมือนกันไหมครับ ?
    ตอบ : เหมือนกัน ตามความเชื่อของสายเถรวาทของเรา บุคคลที่อยู่บนพระนิพพานก็คือ พระอรหันต์ พระปัจเจกพุทธเจ้า และพระพุทธเจ้า ในเมื่อท่านทั้งหลายเหล่านี้อยู่ข้างบน ในความรู้สึกเราก็คือ พระควรที่จะเป็นพระ แต่สิ่งที่ทำมาก็คือการสร้างบุญสร้างบารมี ลักษณะที่ปรากฏเต็มบุญเต็มบารมีนั้นเป็นแบบใด บุคคลที่สามารถเข้าถึงตรงนั้นก็จะรู้เห็นได้ว่า ต่างจากความคิดของเราทั่ว ๆ ไปว่า ท่านเป็นพระก็ควรจะครองตัวเป็นพระ

    ผู้ที่ไปพบเห็นจะเห็นว่า ท่านมีเครื่องทรงเหมือนกัน แต่เป็นเครื่องทรงในลักษณะที่มีความอลังการ หรือเหนือกว่าในระดับของพรหมเทวดาทั่วไป

    ถาม : ท่านมีความเห็นอะไรเพิ่มเติมไหมครับเกี่ยวกับพระทรงเครื่องในปัจจจุบันนี้ ?
    ตอบ : ในเรื่องของพระทรงเครื่องนี้ ส่วนที่อยากออกความเห็นอย่างหนึ่ง คือ นอกจากเราเชื่อว่าท่านที่รู้จริงพบเห็นมาแล้ว หรือเกิดจากศรัทธาในตัวบุคคลที่มีอำนาจในโลกของเรา ว่าอยู่ในชุดแบบไหนที่แสดงออกซึ่งอำนาจแล้วทำตาม อีกส่วนหนึ่งคืออยากจะเชื่อว่า เครื่องทรงนั้นเกิดจากการสร้างเพื่อเป็นพุทธบูชา ก็คือฉวยโอกาสถวายสิ่งนี้บูชาพระ จึงทำเสียเต็มที่ แบบเดียวกับพระแก้วมรกตของเรา ที่มีเครื่องทรงต่างหากถึง ๓ ชุด

    ถาม : เป็นการผสมกันว่า เป็นการแสดงความเป็นทิพย์ด้วย และผู้สร้างก็ได้ถวายเป็นพุทธบูชาไปด้วย ?
    ตอบ : ถูก...นี่คือส่วนที่อยากจะเพิ่มให้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    (หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน)
    เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนธันวาคม ๒๕๖๐
     
  5. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,372
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,120
    ค่าพลัง:
    +70,467
    "เต ชะ สุ เน มะ ภู จะ นา วิ เว"
    ในภาวะโรคระบาด แล้วจะปลอดโรค ปลอดภัย
    (คาถาหัวใจพระเจ้า 10 ชาติ ซึ่งเป็นชื่อย่อของพระพุทธเจ้าพระองค์ปัจจุบันทั้ง 10 พระชาติที่บำเพ็ญบารมีในฐานะพระโพธิสัตว์ โดยบำเพ็ญบารมีทั้ง 10 ประการ ใน 10 ชาติ ใช้กันมาตั้งแต่สมัยโบราณ เชื่อว่ามีอานุภาพหลายประการ อาจยังให้เกิดความสำเร็จด้านโภคทรัพย์ ไม่ขาดแคลนในทรัพย์สินเงินทอง เมตตามหานิยม แคล้วคลาด ปลอดภัยจากอันตรายทั้งปวง หรืออธิษฐานตามความปรารถนา เนื่องจากเป็นการขอพึ่งบารมีแห่งพระโพธิสัตว์ที่ได้บำเพ็ญมาอย่างยิ่งยวดตลอด 10 ชาติ)
    พระราชอุดมมงคล (หลวงพ่ออุตตมะ)
    วัดวังก์วิเวการาม จ.กาญจนบุรี

    ?temp_hash=9028fa6504208517681c819b63ae9b8f.jpg

    ?temp_hash=9028fa6504208517681c819b63ae9b8f.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  6. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,372
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,120
    ค่าพลัง:
    +70,467
    หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด เมื่อวันที่ ๒ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๒๗ ไว้ดังนี้

    "นี่เริ่มพูดธรรมะให้ฟังนะ เอาหนังสือพิมพ์มาอ่าน พอดีเทศน์กัณฑ์หนึ่งพอดี เขาประมวลคดีความผิดต่อชาติบ้านเมือง ต่อบุคคล สังคม ตลอดถึงชาติบ้านเมืองทั้งแผ่นดิน เขาประมวลมา พูดตั้งแต่เรื่องความเสียหายของชาติบ้านเมืองทั้งแผ่นดิน มีหลายกระทงด้วยกัน

    เราจำไม่ได้กระทงอะไรบ้างก็ไม่รู้ละ เราจะยกหัวข้อให้ฟังที่เป็นความเสียหาย การดูหมิ่นในหลวงก็คือดูหมิ่นโค่นชาติบ้านเมือง เพราะนี้เป็นหัวใจของชาติจึงไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยการดูหมิ่นในหลวง ใครจะหาคนดีเหมือนในหลวงนี่หาที่ไหน ลองไปหาดูซิ

    ผู้ที่ดูหมิ่นนั้นน่ะเป็นคนเก่งขนาดไหนจึงไปดูหมิ่นในหลวงได้ลงคอ นี่เราแยกออกมาพิจารณาอย่างนั้นซี คนที่ดูหมิ่นนั้นน่ะกับในหลวงเอามาเทียบกันแล้ว มันก็เหมือนหนูตัวหนึ่งกับช้างตัวหนึ่งนั่นละ ความดีมันหนักมากกว่ากันอย่างนั้น มันใหญ่โตกว่ากันมาก ความดีของในหลวงเท่ากับช้างตัวหนึ่งหรือภูเขาลูกหนึ่ง ความดีของคนนั้นถ้าจะมีบ้างก็เท่าหนูตัวหนึ่ง แล้วไปดูหมิ่นในหลวงได้ลงคอเป็นคนประเภทใด ขอให้ท่านทั้งหลายได้คิดทุกคนทุกหัวใจนะ

    เราหาคนดีอยู่แล้ว เราเองก็อยากเป็นคนดี เมื่อเห็นคนอื่นดีเราควรจะชมเชยสรรเสริญ แม้เราทำไม่ได้เราก็ควรชมเชยคนดี เพราะโลกอยู่ได้ด้วยของดีคนดี ไม่ใช่อยู่ได้ด้วยของชั่วคนชั่ว นี่ละเป็นกระทู้ข้อหนึ่ง เป็นเรื่องใหญ่โตอยู่มาก การดูหมิ่นในหลวงไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย คือการทำลายหัวใจของชาติบ้านเมือง แล้วทำลายความดีที่ชาติมุ่งหวัง

    ในหลวงเป็นคนที่ดีมากที่สุด เราหาได้ที่ไหนในเมืองไทยเรานี้ พระองค์เสด็จนู้น เสด็จนี้ เราก็เคยเห็นไม่ใช่เหรอ ไม่ได้อยู่เลย เหมือนกังหัน เพราะความห่วงชาติบ้านเมือง รักประชาราษฎรเพราะเป็นลูกของท่าน เราจะหาใครได้อย่างในหลวง ทำไมจึงไปตำหนิในหลวงได้ลงคอ

    คนคนนั้นเป็นคนประเภทใด พิจารณาดูซิ คือประกาศความเลวร้ายของตัวเองนั้นแหละให้โลกได้เห็น เราอย่าเข้าใจว่าจะได้คะแนนสักหนึ่งคะแนนเลย ฉิบหายป่นปี้คนคนนั้น ความเสียหาย ปากสกปรก ปากทำลาย ทำลายทั้งชาติทั้งบ้านเมือง ทำลายความดีของคนซึ่งเป็นผู้มุ่งอยู่ด้วยกันอยู่แล้วทั้งแผ่นดินทั้งโลก มุ่งต่อคนดีความดี แม้เจ้าของทำไม่ได้ก็ยังมีความมุ่งหวัง จึงบูชาคุณของคนดี เคารพเลื่อมใส ยินดีแม้เราทำไม่ได้ก็ตาม

    นี่ก็ไปตำหนิในจุดเช่นนั้นแล้วแสดงว่าคนนี้เป็นคนที่ทำร้ายโลกได้อย่างร้ายแรงมาก เป็นคนเลวมาก อย่าถือเป็นคติตัวอย่าง ไม่ดี นี่เทศน์ข้อหนึ่ง"

    หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน

    เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

    เมื่อวันที่ ๒ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๒๗
     
  7. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,372
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,120
    ค่าพลัง:
    +70,467
    ถาม : พระเยซูแสดงปาฏิหาริย์ไม่กี่ครั้ง
    ตอบ : ไม่กี่ครั้งซะเมื่อไร ขนมปังสามก้อนเลี้ยงคนทั้งเมือง คนเจ็บไข้ได้ป่วยมาแตะตัวก็หายจากโรค

    ถาม : คนที่ได้อภิญญาแล้วไปรักษาคน เป็นการฝืนกฎแห่งกรรม แล้วต่างกับการรักษาคนทั่วไปอย่างไรครับ ?
    ตอบ : เรื่องของอภิญญานั้น แม้หมอทั่ว ๆ ไปรักษาไม่ได้ แต่คนได้อภิญญารักษาได้ ต่างกันตรงนี้แหละ

    ถาม : คนไปที่รักษากับคนที่ได้อภิญญา เวลาเขาต้องตรวจ นี่ต้องตรวจอะไรครับ ?
    ตอบ : เขาทำยิ่งกว่าตรวจอีก ทำอะไรมาจึงเป็นอย่างนั้น ? วาระกรรมหมดหรือยัง ? ถ้าวาระยังไม่หมด ก็อย่าไปยุ่ง ไม่อย่างนั้นเราจะเดือดร้อนเอง

    ถาม : ถ้าเราอธิษฐานกับพระพุทธเจ้า ขอให้ท่านช่วยรักษาเรา
    ตอบ : อธิษฐานได้ แต่จะได้อย่างที่รักษาหรือเปล่า ค่อยว่ากันอีกที ส่วนใหญ่คนที่ได้อภิญญาเขาไม่ใช้ให้ตัวเองหรอก ที่ใช้ให้ตัวเองเพราะยังไม่รู้

    ถาม : พระเยซู ท่านใช้กำลังอภิญญาช่วยเขาไปหมด วาระสุดท้ายต้องไปไถ่บาปให้เขา
    ตอบ : ท่านไม่ได้คิดจะไถ่หรอก โดนบังคับให้ไถ่ เล่นเอาไปตอกตะปูเลย
    เราก็ต้องยอมรับว่า ถ้าเราไปฝืนกฎของกรรม เราก็ต้องยอมรับผลด้วย ลูกปืนเขาเล็งมา แล้วเราไปยืนขวาง ก็เตรียมรับไว้ได้เลย ไม่โดนเขาก็โดนเราแน่

    ที่มา วัดท่าขนุน

    *** พระเยซูท่านเป็นพุทธภูมิบารมีเข้ม
     
  8. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,372
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,120
    ค่าพลัง:
    +70,467
    เรื่อง "หลวงตามหาบัว ทูลถามพระพุทธเจ้า เรื่องโครงการช่วยชาติ ผิดอริยประเพณีไหม"


    เก็บเล็กเก็บน้อยจากวัดป่าบ้านตาด เรื่องนี้ข้าพเจ้าได้ยินได้ฟังมาจากพระอาจารย์องค์หนึ่ง เล่าให้ข้าพเจ้าฟัง ช่วงหลวงตาท่านอาพาธ
    ปกติแล้วหลวงตาท่านจะไม่พูดเรื่องพิศดารต่างๆ หรอก เพราะกลัวพระเณรจะหลงกัน
    ท่านอาจารย์เล่าว่า มีคืนหนึ่งประมาณตีห้า หลวงตาพูดกับพระที่เฝ้าท่านอยู่ว่า "อุ้มๆ เราขึ้นหน่อย มาๆ เอาน้ำมาล้างหน้า สักพักหนึ่งจึงพูดว่า ไหนๆ เอาหมากมาเคี้ยวหน่อย"
    พอเคี้ยวหมากไปได้สักพัก
    องค์ หลวงตาถามขึ้นว่า "
    ทองคำเราได้กี่ตันแล้วล่ะหือ ?
    พระตอบว่า
    "ได้ ๑๒ ตันกว่าๆครับผม "
    หลวงตา "โอ้ได้หลายเนาะ"
    "เราคิดว่าจะได้ครบ ๑๓ ตันกว่าอยู่นา"
    พูดก็พูดเถอะ เราไม่ได้ประมาทผู้ใด ไม่ได้ยกตนข่มท่าน ถ้าหากไม่ใช่บุญเก่าที่สั่งสมมา อย่างไรก็ทำไม่ได้ เราทำโครงการช่วยชาตินี่เราไม่ได้ทำเล่นๆ นะ เราพิจารณาแล้วพิจารณาอีก
    เราจะพูดซะก่อนเราจะตาย ถ้าเราตาย จะไม่มีผู้ใดเล่าให้ฟังนะ เราจะพูด แต่เราไม่ได้โอ้อวดนะ เราขึ้นไปถามกราบถามพระพุทธเจ้าโน่นนะ ถามว่าการทำโครงการช่วยชาตินี้จะผิดอริยประเพณีไหม (ประเพณีของพระอริยเจ้า)
    เสียงพระพุทธเจ้าตอบกังวานมาว่า
    "มหาการุณิโก นาโถ หิตายะ สัพพปาณิณัง" ผู้เป็นที่พึ่งของสัตว์ทั้งหลาย ประกอบแล้วด้วยพระมหากรุณา ยังบารมีทั้งหลายทั้งปวงให้เต็ม เพื่อประโยชน์แก่สรรพสัตว์ทั้งหลาย
    แล้วพระพุทธองค์ทรงประทานน้ำพระพุทธมนต์ให้หลวงตาจนเปียกหมดเลย
    หลวงตาเล่าว่า "โอ้อัศจรรย์ใจแท้ " เลยพูดต่อว่า นี่ มันเป็นบุญเก่าจริงๆ นะถึงทำได้ขนาดนี้
    ให้เชื่อบุญ เชื่อบาปนะ ทำอะไรให้ตั้งใจปฏิบัตินะ จะได้เห็นจริง รู้จริง ในความอัศจรรย์
    ถ้าได้เห็นเองแล้ว ไม่ต้องไปถามใคร มันจะรู้ของมันเอง
    พระอาจารย์เล่าต่อไปว่า ธรรมดาปกติแล้ว หลวงตาท่านจะไม่ทำน้ำมนต์นะ จะทำปีละครั้ง ตอนงานบุญประทายข้าวเปลือกเท่านั้น
    มีช่วงมอบทองคำเข้าคลังหลวงช่วงแรกๆ หลวงตาท่านไม่เห็นบาตรน้ำมนต์ ท่านจึงดุพระว่า
    "พระนี่มันทำไมโง่จัง ทำไมไม่เตรียมเทียนเตรียมบาตรไว้ทำน้ำมนต์ ต้องให้เราบอกทุกอย่างนะ อะไร ๆ ก็ต้องให้เราบอก"
    ปกติแล้วหลวงตาก็ไม่เคยทำน้ำมนต์ในงานใดอยู่แล้ว มีงานนี้เป็นกรณีพิเศษ พระเราก็ยอมรับว่าพวกเราโง่จริงๆ ก็ไม่มีตาในเหมือนหลวงตา
    เวลาองค์หลวงตาท่านทำน้ำมนต์ ท่านจะเพ่งจิตไปที่ขันน้ำมนต์นานมากๆๆๆ แล้วจึงประพรมน้ำมนต์ลงบนแท่งทองคำที่จะมอบเข้าคลังหลวง
    ถือว่าเป็นกรณีพิเศษ ทุกๆ คนถ้าเห็นภาพหลวงตาพรมน้ำมนต์ ก็จะเห็นหลวงตาประพรมน้ำมนต์ลงบนทองคำที่จะมอบเข้าคลังหลวง
    ที่ข้าพเจ้าบรรยายมานี้ ไม่ใช่เรื่องของข้าพเจ้า เป็นเรื่องของหลวงตา ที่ข้าพเจ้าได้รับฟังจากพระอาจารย์องค์นั้น
    ข้าพเจ้านั้นเชื่อล้านเปอร์เซ็น ถ้ามีล้านก็เชื่อล้าน
    ส่วนท่านผู้อ่านจะเชื่อ หรือไม่ก็เป็นสิทธิ์ของท่าน ข้าพเจ้ามีสติปัญญาน้อย อาจจะหลงลืม และเขียนไปตามที่ได้ยินได้ฟังมา จะมีตกหล่นบ้าง ก็ต้องขออภัยจากท่านผู้อ่านทุกท่านด้วย
    เรื่องวันนี้ก็ขอจบลงไว้เพียงเท่านี้ก่อน ไว้มีโอกาสเหมาะๆจะได้เขียนต่อ
    ขอให้ทุกท่านจงเจริญด้วย อายุ วรรณะ สุขะ พละ
    ทุกท่านทุกคนเทอญ
    (ปกิณกธรรม หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน)
    (เครดิต : ศิษย์ วัดป่า)
    กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน
    =AZVKesfymNEUnBLf1KrPU8hX9mddeuR-v4hPvUhyysM-2K0p3NEsv2jHM_UBy6nWsknrUq89v19dlTJnVlAqmr3IYAmiVF254xmqMf5kLgxR2gC_hA08sCSCD3nxauU0xi1vimu2u70StAGNCXxGRBeUoEQsfGznEf3-a_PkWQxIVM0L2HLknfvrps2WYVl4_1U&__tn__=EH-R'] l2lLbeFjMYWyWAGPLJt9b-kQFUDfXj77jCGLTNQqJGgl&_nc_ohc=BjVLYWqLK8IAX9uP43e&_nc_ht=scontent.fbkk2-8.jpg

    *********************************

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  9. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,372
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,120
    ค่าพลัง:
    +70,467
    _oc=AQlwuTD5A0dfknzjJjHXKB5WcWyRJd1yCLKxoKlE42J5F-UMD9Qirrd0O7ZcR-eDPSo&_nc_ht=scontent.fbkk22-2.jpg

    ถาม : การตัดศีรษะถวายเพื่อเป็นพุทธบูชา ถือว่าเป็นบุญหรือบาป และเพราะเหตุผลอะไรถึงเป็นบุญหรือเป็นบาป ?
    ตอบ : เป็นนกกระจอกอย่าถามถึงเพดานบินของพญาครุฑ เพราะว่าไม่มีทางทำได้และไม่มีทางที่จะเข้าใจได้ว่า "ขนาดนั้นเชียวหรือ ?"

    เก็บตกบ้านเติมบุญ ต้นเดือนพฤษภาคม ๒๕๖๔
     
  10. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,372
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,120
    ค่าพลัง:
    +70,467
    สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร ทรงเมตตาเล่าว่า
    " มีผู้เล่าให้ฟังด้วยความมั่นใจในอำนาจสิ่งลี้ลับที่ทำหน้าที่พิทักษ์รักษาสิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงศักดิ์ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกว่า 10 ปี มาแล้ว รู้เห็นกันกว้างขวางพอสมควร เรื่องมีว่าสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งหนึ่ง เป็นที่ประดิษฐานรูปหล่อพรหมเทพ ที่มุ่งหมายให้เป็นรูปเทพสำคัญองค์หนึ่ง คือ ท่านท้าววิรุฬหกมหาราช จตุโลกบาลทิศใต้ ซึ่งมีประเทศไทยรวมอยู่ในทิศใต้ของโลกด้วย จึงเชื่อกันว่าท่านท้าววิรุฬหกมหาราชมีหน้าที่ดูแลรักษาประเทศไทย หมายรวมถึงคนไทยด้วย วันหนึ่งมีผู้ถวายผ้าสีแดงสวยงามมากห่มอยู่ และต่อมาเพียงวันเดียวผ้าสีแดงนั้นก็หายไป โดยไม่มีผู้รู้ว่าหายไปไหนได้อย่างไร
    .
    มีสุภาพสตรีสองคนอยู่ในข่ายเพ่งเล็งว่าเป็นผู้ถอดผ้าสีแดงผืนนั้นออกจากองค์ท่านท้าวจตุโลกบาลวิรุฬหกมาหาราช แต่ทั้งสองปฏิเสธ ไม่รับรู้เรื่องนี้ ผู้หนึ่งไม่ตอบโต้แก้ตัว เพียงแต่ฟังเฉย ๆ ซึ่งก็เท่ากับไม่รับรู้ ส่วนอีกผู้หนึ่งเมื่อถูกถามก็ยืนกรานแต่เพียงว่า ฉันไม่รู้ ฉันไม่รู้ เวลาผ่านไปไม่ถึงเดือน ผู้ที่ปฏิเสธด้วยการเงียบ ให้เข้าใจกันเองว่าตนไม่ได้เป็นผู้นำผ้าห่มไปจากรูปท่านท้าวจตุโลกบาล เธอผู้นั้นเกิดอาการน่าแปลกขึ้น คือ มือข้างหนึ่งมีอาการเหยียดนิ้วทั้งห้าไม่ได้เช่นปกติ
    .
    หมอนวดหมอจับเส้นจับกระดูกที่ว่าเก่งมาก และรู้จักกันดีกับเธอได้ช่วยตามความสามารถ แต่หมอก็สารภาพตรง ๆ ว่าไม่เคยพบเช่นนี้มาก่อนทำอย่างไรก็ไม่ดีขึ้น ทั้งยังข้ามจากมือข้างหนึ่งที่กำลังรักษาอยู่ ไปเกิดขึ้นที่อีกข้างหนึ่งแล้ว กลายเป็นทั้งสองมือ นิ้วทั้งหมดหงิกงอหยิบจับอะไรไม่ได้ ต้องป้อนข้าวป้อนน้ำกัน โดยที่ไม่มีอาการเจ็บไข้ได้ป่วยขนาดล้มหมอนนอนเสื่อ แต่มือก็ทำงานไม่ได้ เลยไปถึงปากก็อ้ายาก ยืนก็ค่อนข้างลำบาก รวมไปถึงเดินก็ไม่สะดวก เพราะการทรงตัวไม่เป็นปกติเหมือนเคย
    เมื่ออาการของคนหนึ่งเป็นเช่นนี้ อีกหนึ่งที่เป็นผู้ร่วมต้องสงสัยก็เอ่ยปากสารภาพ ว่าผู้ที่มือหงิกมืองอ กินยาก เดินยาก ยืนยาก เป็นผู้ที่ใช้ไม้สอยผ้าแดงห่มรูปหล่อท่านท้าววิรุฬหกมหาราช และโยนทิ้งลงไปในอ่างเก็บน้ำบริเวณใกล้เคียง ตนเองไม่ได้ร่วมมือด้วย เพียงแต่ดูอยู่เท่านั้น และเป็นที่ควรอัศจรรย์อย่างยิ่ง เมื่อได้สารภาพทั้งที่ก่อนหน้านั้นปฏิเสธยืนกรานแต่ว่าฉันไม่รู้ ฉันไม่รู้ จนไม่มีผู้ใดรู้ความจริงว่าผ้าห่มรูปหล่อเทวดานั้นหายไปไหน
    .
    ครั้นเห็นเพื่อนมือหงิกมืองอ ปากเบี้ยวรับอาหารได้ค่อนข้างยาก คงจะตกใจมาก คงจะแน่ใจว่าผู้ที่ดึงผ้าห่มท่านท้าววิรุฬหกมหาราชกำลังรับกรรมที่ได้ทำไว้แล้ว มือเป็นส่วนที่ใช้สอยผ้าห่มเทวรูป ผลกรรมจึงปรากฏที่มือให้เห็นชัดเจน เพื่อนหญิงที่เห็นเหตุการณ์ตลอดเวลา แต่ช่วยปกป้องให้พ้นผิด โดยกล่าวว่าฉันไม่รู้ ฉันไม่รู้ จนกระทั่งเมื่อตกใจเห็นชัดในผลแห่งการกระทำของเพื่อน จึงรับสารภาพว่าเพื่อนหญิงคนนั้นเป็นผู้ล่วงล้ำก้ำเกินเทวรูปท่านท้าวจตุโลกบาล แต่ก็สายเกินไป เพราะพร่ำพูดได้ประโยคนี้เท่านี้ เหมือนจะพูดอะไรอื่นไม่ได้
    .
    หลังจากค่อนข้างทุกข์ทรมานหนักหนาขึ้นเป็นลำดับทั้งสองคน กว่า 10 ปีจึงละโลกนี้ไป ในลักษณะที่ทำให้ผู้รู้เรื่องโดยตลอดหวั่นกลัวกรรมที่ทำไปโดยไม่รู้เรื่องไม่รู้ราวที่สุด เพียงรูปหล่อเทวะที่ดูเหมือนเป็นเพียงอิฐเพียงหินธรรมดาไม่ใหญ่โตมโหฬาร ผลร้ายของการก้ำเกินปราศจากสัมมาคารวะยังร้ายแรงเพียงนี้ และแน่นอนบรรดาผู้ห้อมล้อมรักษาเป็นฝ่ายปฏิบัติตามหน้าที่เท่านั้น เหมือนทหารรักษาเจ้านายของเขาย่อมทำหน้าที่เต็มความสามารถเพื่อรักษาเจ้านาย
    .
    สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงยิ่งใหญ่เหนือพรหมเทพทั้งหลายมากมาย การล่วงล้ำก้ำเกินพระองค์ท่าน แม้เพียงด้วยวาจา ก็ยากจะรอดพ้นการรู้เห็นของบรรดาเหล่าผู้แวดล้อมรักษาอยู่ จึงยากจะรอดพ้นจากการถูกลงโทษทัณฑ์ เพียงแต่ว่าจะถึงตัวแล้วถึงชีวิตผู้บังอาจล่วงเกินพระผู้ไม่ควรแก่การถูกล่วงเกินเมื่อไรเท่านั้น ไม่พึงประมาทอย่างยิ่ง "
    .
    --- แสงส่องใจ ที่ระลึกวิสาขบูชา 2527
    พระคติธรรม สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร
    Cr. ๑๐๐ พระชันษา สมเด็จพระสังฆราช

    UT_Ks68rHc-sZLw7SJf8k6iSXY728Ti7Kjbk4zPA3Szd&_nc_ohc=q3Xk67HYIIUAX8T4AcF&_nc_ht=scontent.fbkk2-4.jpg

    ***************************************

     
  11. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,372
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,120
    ค่าพลัง:
    +70,467
    lASdtO991J5W06GXtLE4fZUXfvmCz7F7TifeIkw6eyY&_nc_ohc=yIHCd2Lc0XcAX-mJoa8&_nc_ht=scontent.fbkk22-1.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  12. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,372
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,120
    ค่าพลัง:
    +70,467
    วิธีแก้คุณไสยในน้ำและอาหาร

    ถาม : ถ้ามีคนทำคุณไสยในน้ำในอาหาร แล้วเราไม่รู้ตัว เราจะแก้ไขได้อย่างไร ?
    ตอบ : หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านสอนพระให้เสกอาหารก่อนฉันทุกครั้ง ด้วยคาถาบารมี ๓๐ ทัศ ต่อด้วย นะโมพุทธายะ โดยให้ตั้งใจอาราธนาบารมีพระท่านช่วยสงเคราะห์ทำลายไสยศาสตร์ เสร็จแล้วก็ว่าคาถาบารมี ๓๐ ทัศต่อด้วยนะโมพุทธายะ
    บางครั้งท่านบอกให้ทำน้ำมนต์พรม แต่ประเจิดประเจ้อจนเกินไป อาตมาเองถนัดอาราธนาพระท่านคลุมลงมาเลย แบบนั้นถ้าหากเขาทำมาในน้ำและอาหาร ไสยศาสตร์จะสลายตัวหมด

    เคยไปลองกับพวกหมอผีกะเหรี่ยงมาหลายยกแล้ว อาตมาฉันหน้าตาเฉย เขาเองก็นั่งมองด้วยความหวังว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับอาตมา ก็เกิดเหมือนกัน..อร่อยดี..(หัวเราะ)..เล่นเอาประสาทกลับไปหลายรายแล้ว แต่ก็ขึ้นอยู่กับกำลังสมาธิของเราเหมือนกัน

    ถาม : เสกด้วยคาถาบารมี ๓๐ ทัศนี่กี่จบครับ ?
    ตอบ : จบเดียวก็พอ แต่ถ้าจะให้ดีก็ภาวนาตลอดเวลาที่กินอยู่ก็ได้

    สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนพฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๔๕
     
  13. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,372
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,120
    ค่าพลัง:
    +70,467
    "บุคคลที่ก้าวข้ามสิ่งสมมติได้แล้วอย่างแท้จริง จะเคารพสมมติด้วย จะไม่มีการย่ำยีหรือดูถูกสิ่งสมมตินั้น

    ยกตัวอย่างหลวงปู่มั่น ในวันที่หลวงปู่บรรลุธรรม หลวงปู่ได้ก้มกราบกระท่อม กราบแล้วกราบอีกอย่างสุดซึ้ง เพราะหลวงปู่ได้ใช้กระท่อมนั้นเป็นที่บำเพ็ญเพียรภาวนา
    ในขณะที่พระอีกรูปหนึ่งได้ย่ำยีพระพุทธรูป โดยเอาน้ำกรดราดพระพุทธรูปและตบเศียรพระ แล้วบอกว่า พระพุทธรูปเป็นแค่เพียงสิ่งสมมติ การทำเช่นนี้เป็นการขวางทางมรรคผลของเขาชัด ๆ "

    พระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    (หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน)
    เก็บตกบ้านอนุสาวรีย์ ต้นเดือนมกราคม ๒๕๕๒
     
  14. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,372
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,120
    ค่าพลัง:
    +70,467
    พระอาทิตย์ดวงที่ 2

    พระอาจารย์กล่าวว่า "อากาศที่ร้อน ฝรั่งเขาบอกว่าเป็นภาวะโลกร้อน แต่ที่พระพุทธเจ้ากล่าวเอาไว้ชัดเจนก็คือ การก่อตัวขึ้นของพระอาทิตย์ดวงใหม่ ท่านบอกว่าพระอาทิตย์จะก่อตัวขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งครบ ๗ ดวง ไฟบรรลัยกัลป์จะล้างโลก
    พระอาทิตย์ดวงใหม่ที่ก่อตัวขึ้น ตอนนี้มีลักษณะเหมือนพระจันทร์ข้างแรม คือ เป็นเสี้ยวเดียวเท่านั้น ขนาดเสี้ยวเดียวและอยู่ห่างขนาดนั้น ยังเพิ่มความร้อนได้ระดับนี้"
    ถาม : ดวงที่สองหรือเปล่าคะ ?
    ตอบ : ดวงที่สอง
    คราวนี้ในเรื่องของพระอาทิตย์ที่ก่อตัวขึ้น ทางด้านดาราศาสตร์เขาก็รู้ แต่เขารู้ในลักษณะที่ว่าดาวฤกษ์เกิดขึ้นได้อย่างไร แต่เขาไม่รู้ว่าที่ก่อตัวขึ้นมาเพื่อจัดการโลกเราโดยเฉพาะ..!
    ท่านบอกว่า พอวาระสุดท้ายน้ำทั้งหลายก็แห้งเหือดไป ทุกอย่างมันอยู่ในลักษณะกรอบเกรียม แค่ลมพัด ใบไม้สีกัน ก็เกิดเป็นไฟ คราวนี้ก็ไหม้เลย
    เราอยู่ไม่ถึงหรอก ไม่ต้องไปกังวล ยกเว้นทะลึ่งดันไปเกิดใหม่..!
    __________________
    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    วัดท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี
    คัดลอกข้อความมาจาก

    https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php...
    #พระครูวิลาศกาญจนธรรม #หลวงพ่อเล็ก
     
  15. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,372
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,120
    ค่าพลัง:
    +70,467
     
  16. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,372
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,120
    ค่าพลัง:
    +70,467
     
  17. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,372
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,120
    ค่าพลัง:
    +70,467
     
  18. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,372
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,120
    ค่าพลัง:
    +70,467
     
  19. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,372
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,120
    ค่าพลัง:
    +70,467
    bnReEIFp1f4Ohs4x_xn23XZxtuIBX956QR_kG9yxp8Z&_nc_ohc=Dhaq3yG1NcsAX9D4rOK&_nc_ht=scontent.fbkk22-1.jpg
    ถาม : บุคคลที่เชื่อว่าพระเจ้ามีจริง พระพุทธเจ้าหรือพระอริยสงฆ์ท่านมีวิธีทำให้เป็นสัมมาทิฐิ เห็นตามความเป็นจริงอย่างไรหรือครับ ?

    ตอบ : ก็ไม่เห็นต้องมีอะไรนี่ เขาเชื่อว่าพระเจ้ามีจริงก็เป็นเรื่องดี ก็แค่ปรับให้พระเจ้าของเขามาเป็นพระพุทธเจ้าก็จบแล้ว แบบเดียวกับหลวงปู่ตื้อและหลวงปู่แหวน ท่านไปโปรดพวกชาวป่าข่าระแด ที่เป็นชาวป่าล้าหลังมาก ไม่รู้เลยว่าอะไรเป็นอะไร นับถือแต่ผี หลวงปู่ท่านก็เอารูปพระพุทธรูปไป บอกว่าองค์นี้เป็นหัวหน้าผีที่ใหญ่ที่สุด ถ้านับถือแล้วผีอื่น ๆ ไม่กล้าเบียดเบียน ไม่กล้ารังแก เขาก็เลยหันมานับถือพระพุทธเจ้ากันหมด แล้วค่อยสอนให้เขาสมาทานศีล รักษาศีล

    ส่วนที่น่าสังเกต คือ วิธีการของพระพุทธศาสนาไม่เคยคัดค้านหลักการของใคร เพียงแต่นำเสนอหลักการที่ดีกว่า ในเมื่อไม่ไปคัดค้าน ความคิดเป็นศัตรูของเขาไม่มี เขาก็ยอมเปิดใจรับฟัง พอได้สิ่งที่ดีกว่าไป เขาก็ยินดีรับเอาไปปฏิบัติ

    เก็บตกบ้านวิริยบารมี
    เดือนเมษายน ๒๕๕๙
     
  20. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,372
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,120
    ค่าพลัง:
    +70,467
    Ce_RXn4a2BvkqiPZfc1emnpqH_iiCkQtcsN77iOY6Of&_nc_ohc=DjSqgC88P2kAX-fJaF7&_nc_ht=scontent.fbkk22-1.jpg
    yCBrwmXQ6Xyg6Rp3h5PzU9uitXZTvAeDlXTY9t0byz1&_nc_ohc=M1O_kC0pRwEAX-gAU1t&_nc_ht=scontent.fbkk22-6.jpg
    เห็นด้วยตาเนื้อ มิใช่นิมิต "พระองค์ที่ ๑๐" ( พระพุทธเจ้า )
    *หลวงพ่อฤาษีลิงดำ เล่าให้ฟัง*
    # หลวงพ่อเล่าว่า วันหนึ่งเจอพระองค์หนึ่งมานั่งอยู่ข้างหน้า รูปร่างหน้าตาสวยแล้วท่านก็บอกต่อไปดังนี้ :-
    ..." รูปร่างหน้าตาสวย มีผิวพรรณสวยมาก อายุประมาณสัก ๓๐ แต่สวยจริง ๆ แล้วดูนี่..
    ~ เจ้าคุณธรรมเสนานีย์ นั่ง ก็ตามปกติ เจ้าคณะจังหวัดจะนั่งต้น แล้วก็ฉันนั่งรอง แต่ว่าองค์นั้นมาก่อน เขาไม่ได้นิมนต์ องค์ที่ ๑๐ นี่ พอถึงนั่งต้นเลย (หัวเราะ) นั่งหน้าแถว ติดพระพุทธรูป
    ~ ผลที่สุดเจ้าของบ้านก็ต้องเอาหมอนมาต่ออีกลูกหนึ่ง ตรง องค์ที่ ๑๐ น่ะ ใช่ไหม ทำยังไง มาถึงก็นั่ง ท่านก็นั่งเฉย
    ~ เจ้าคุณธรรมเสนานีย์ ก็ไม่ถาม เราก็ไม่ถาม เวลาตอนเย็นตอนสวดมนต์ขึ้นสวดมนต์นี่เพราะจริง ๆ เสียง แหม..กังวานพราว เสียงก้องกังวานแหลมก็ไม่แหลม เล็กก็ไม่เล็ก ใหญ่ก็ไม่ใหญ่ เพราะจริง ๆ เสียงนี่กลบเสียงพวกเราหมดเลย
    ~ อย่านึกว่าดังกลบ ไม่นะ.. เพราะเสียงพวกเราเหมือนเสียงเป็ดน่ะ จ๊อกแจ๊ก ๆ
    * ของท่านนี่ แหม.. กังวาล.. เพราะ.. ว่าหนังสือ ฑีฆะรัสสะ ครุ ลหุ ถูกต้องหมด จังหวะจะโคนไม่เหลือ สังโยคตรงเป๊ง ถ้าเรียนบาลีแล้วรู้ ทั้งนี้อักขระไม่มีวิบัติเลย เสียงชัด เสร็จแล้วท่านก็เดินกลับ
    ~ ตอนเช้ามา ตอนเช้าจะไปฉัน ก็เลยถาม เจ้าคุณธรรมเสนานีย์
    ~ บอก : นี่เจ้าคุณ รู้จักไหมพระองค์นั้นน่ะ ?
    ท่านบอก : เราเป็นเจ้าคณะจังหวัดไม่เคยเห็นเลย.
    ~ ถาม : อายุเท่าไหร่ล่ะ ?
    ~ บอก : หน้าตาไม่ถึง ๓๐ นะ ”
    ~ ถาม : ทำไมนั่งหน้าเจ้าคุณ.?
    ~ บอก : ไม่รู้ ข้าก็ขี้เกียจถาม นั่งไหนก็ช่าง
    * ความจริง ไอ้พระแก่น่ะ มันขี้เกียจนั่งหน้าอยู่แล้ว ตามปกติถ้าไปก่อนมักจะนั่งโน่น ท้ายแถว เพราะนั่งท้ายมันสบายกว่า ว่ามั่ง ไม่ว่ามั่ง (หัวเราะ) ใช่ไหม
    ~ กินเท่ากัน ดี เราเหนื่อยน้อยฉะมากกว่า ไอ้พวกว่ามากมันกินไม่ได้หรอก ใช่ไหม เหนื่อย
    ~ ทีนี้ทำยังไง ตอนเช้าไปท่านก็นั่งอยู่ พอฉันเสร็จ เจ้าคุณธรรมเสนานีย์ ก็ถาม ก็ยกมือพนมเพราะเขานั่งหน้านี่
    ~ : ขอประทานอภัยครับ ท่านอายุเท่าไหร่แล้ว.?
    ~ นับไป.. เอ๊ะ.! เท่าไรจำไม่ได้.. งัดใบสุทธิมาให้ดู.. ดู เอ๊ะ .! ลองเอา พ.ศ. ลบ ตายห่าแล้วหว่า..นี่ ๓๐๐ ปีกว่าแล้ว ( หัวเราะ ) ฮึ.! ใบสุทธิยังใหม่ ลองดูอายุ ๓๐๐ ปีเศษ เราก็นั่งงง.! มึงก็งง. ! กูก็งง.! ( หัวเราะ ) เอ๊ะ.! มันยังไงกันแน่.!
    ~ จะว่าสติไม่ดีก็ไม่ได้ ทุกอย่างเรียบร้อยถูกจังหวะจะโคนหมด นี่ความจริงเขียนไว้ใน หนังสือเรื่องจริงอิงนิทาน
    ~ นี่ ไม่ละเอียดหรอก ถ้าเขียนละเอียดมากเกินไป บางทีคนเขาก็สงสัยใช่ไหม.. คนเขาสงสัยอาจจะไม่จริง โม้เกินไปเมื่อก่อน นี่ เราคุยกันได้
    ~ ท่านบอก : สงสัยหรือ.?
    ~ บอก : สงสัย.. มันตั้ง ๓๐๐ ปี
    ~ ท่านบอก : นี่ ความจริงนี่ ไอ้ใบสุทธิเนี่ย เขาเขียนใหม่นะ ถ้าใบเก่าน่ะ มากกว่านี้อีก ( หัวเราะ )
    ~ ถาม : ใบเก่าเท่าไหร่.?
    * เลขขึ้นมา ๒,๐๐๐. กว่า ๒,๔๐๐. ปีกว่า เอ.. ชักไม่เป็นเรื่องเสียแล้ว นี่ไม่เป็นเรื่องเสียแล้วซิ.! ไอ้เลขนั่นมันขยายได้ นี่มันใบใหม่
    ~ : ใบเก่าเอามาให้ดูหรือเปล่าคะ.?
    ~ : ไม่ได้เอามา
    ~ ถาม : ใบเก่าเท่าไหร่.? มันก็เลยขึ้นใบใหม่นี่น่ะ ๒,๔๐๐ ปีกว่า เราเอ๊ะ.! ก็ชักยุ่งล่ะซิ.!
    * พอชักยุ่ง พอจะดูว่า เอ๊ะ.! ท่านเป็นอะไรแน่ มันดำมืด จิตดำมืด เสร็จ.! เลยบอก เจ้าคุณธรรมเสนานีย์ว่า :-
    .. เราถวายบังคมพระบรมรูปทรงม้าดีกว่า ( หัวเราะ ) ท่านหันมาหัวเราะ
    ~ ถามว่า : แกจะไปที่ไหนล่ะ.?
    ~ บอก : ที่นี่แหละครับ
    ~ ก็เลยลุกกราบ ๆ ท่าน.. ไอ้สองเสือข้างหลังเขาหัวเราะฮิ ๆ ๆ มานานแล้ว..
    ~ บอก : ไอ้ห่า เอ๊ย..! ไม่น่าจะโง่เลย กูนี่รู้มาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ( หัวเราะ )
    * ไอ้ผีนั่น มันไม่ได้อยู่ใกล้ มันอยู่ห่างไป ก็ใช้กำลังใจได้สบาย
    * ไอ้เราก็ไปนั่งสงสัยดูผิวพรรณ แล้วก็ดูเสียง ฟังเสียง ลีลา ด้วยประการทั้งปวง ไม่ใช่พระอรหันต์ธรรมดาเลย พระอรหันต์ธรรมดานี่ ทำไม่ได้ แม้จะเป็นปฏิสัมภิทาญาณก็ไม่ได้ ขนาดนั้นไม่ได้
    ~ เราก็เลยกราบกัน ต่างคนต่างกราบ
    * ก่อนกลับก็ให้โอวาทว่า :-
    " พวกคุณนี่ตั้งใจดีแล้ว แต่การตั้งใจของพวกคุณ ถ้าไม่ตัดขันธ์ ๕ ได้เพียงใด การตั้งใจของคุณก็ไม่สัมฤทธิ์ผล ฉะนั้นขอทุกคนนะ พยายามอย่าสนใจขันธ์ ๕ ของเรา อย่าสนใจขันธ์ ๕ ของคนอื่น อย่าสนใจวัตถุธาตุทั้งหมดเท่านี้พอ "
    ~ ท่านบอก เท่านี้พอ.. ก็เลยกราบเรียนถามว่า : แล้วพวกเกล้ากระผม จะสามารถตัดได้ไหม.?
    ~ ท่านบอก : มันไม่ยากหรอก.. เรื่องเล็ก ๆ กำลังใจก็เข้มอยู่แล้ว แต่วันเวลาเท่านั้นนะ นี่มันจะเร่งรัดเกินไปไม่ได้ ถ้าวันเวลายังไม่ถึง ก็ทำไปเพื่อถึงเวลานั้น ถ้าวันเวลาถึงเมื่อไรก็สิ้นสุดกันวันนั้นแหละ
    * แล้วท่านก็ลา เมื่อลา.. เราก็ต้องกลับบ้าง แหม.. พูดเพราะจริง ๆ พูดเพราะมาก เดินลงบันไดไปหาย.! คนข้างบนเห็นลง คนข้างล่างไม่เห็น พวกนั้นเขาไม่มีบุญ
    ~ เขามีบุญหรือไม่มีก็ไม่รู้ เราต้องมีแน่ใช่ไหม.. เจ้าคุณธรรมเสนานีย์ นี่ พอไปแล้ว เจ้าคุณธรรมเสนานีย์ ทำยังไง.. ลุกกราบที่ตรงนั้นอีก
    ~ บอก : แหม.. นึกไม่ถึง ๆ คนอายุ ๒,๔๐๐ ปีเศษ
    * ก็พระพุทธเจ้าน่ะซิ..!! พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน
    ~ แหม.. สวยจริง ๆ บอกไม่ถูกเลย เล่นเอาไอ้คนบ้านนั้นนอนไม่หลับไปหลายวันเลย อีบ้านนั้นจะพังให้ได้เลย มึงก็ขึ้นมาไหว้ กูก็มากราบ
    * ปิดทองกระดานตรงนั้น เสื่อรื้อไม่ได้ ไอ้เสื่อวัดผืนนั้นต้องซื้อ เสื่อยาวของที่วัด ยืมมานะ เขาซื้อเสื่อไว้เลย
    * นี่นะเรียกว่า.. ของดีมีอยู่ ความจริงน่ะมีอยู่อย่างเดียว ให้ใจเรารัก ถ้าใจเรารักดีมันไม่ต้องห่วงหรอก ดีถึงเราแน่ ถ้าใจเราไม่รักดี ใจเรารักชั่ว ชั่วมันก็มาถึงเรา
    * ทีนี้ ความจริงท่านมาทำไมนะ ความจริงท่านตั้งใจมาโปรด เจ้าคุณธรรมเสนานีย์ เพราะไอ้เบื๊อกนั่น มันดื้อแพ่ง พูดถึงเรื่องนิพพาน มันก็บอกไปไม่ไหว
    ~ เทศน์กันมา ๓ วัน มันก็ไม่เลิกอยู่นั้นแหละ ก็เลยเทศน์กันไปเทศน์กันมาก็บอก : ไอ้นักเทศน์หมา ๆ โยมนิมนต์มาทำไมก็ไม่รู้ (หัวเราะ) โยม ฮาครืน..
    * ตอนกลางคืน ลงท้ายเรียก ไอ้หนู แกแก่กว่าเราหลายปีในครั้งนั้นเอง กลับไปบอก : คราวนี้ อั๊วะจ้วงหนักล่ะโว้ย.!
    ~ ถาม : ทำไม.?
    ~ บอก : แหม..ไม่เคยคิดเลยว่าจะได้พบพระพุทธเจ้า
    * ทุกคนก็มีความเข้าใจ ทุกองค์มีความเข้าใจหมด อย่างนี้ทำไม่ได้ คือลีลาอย่างนี้ อรหันต์ปฏิสัมภิทาญาณ ถ้าขืนไปทำลีลาอย่างนั้นท่านไม่ทำ เพราะทุกส่วนสัดท่านสวยหมดไม่มีตำหนิ
    * มาดูใน "มหาปุริสลักษณะ" ลักษณะของพระพุทธเจ้า อาการ ๓๒ และก็อนุพยัญชนะ ๘๐ ไม่ได้พลาดเลย แล้วก็ที่บาลีกล่าวไว้ :-
    ~ บอก : มีพระโอษฐ์แดงระเรื่อพองาม ส่วนที่จะดำก็ดำสนิท ส่วนที่จะขาวก็ขาว.. แขนนี้กลมบ๊อง ริ้วรอยนี่ไม่มีเลยเรียบ หนังเป็นริ้วไม่มี นี่ เป็น "พุทธลักษณะ" จริง ๆ ใช่ไหม
    * เป็นอันว่า ฉันก็เลยนั่งฝันเห็นพระพุทธเจ้าท่าน แต่ว่าอีตอนเย็นฝันผิด ตอนเย็นไปสนใจแต่เพียงว่า: เอ๊ะ.! ทำไมอายุอ่อนกว่า เจ้าคุณธรรมเสนานีย์ จึงนั่งหน้า แต่ก็ด้วยมารยาทแล้ว เลยไม่ถาม เสียงก็ไพเราะ พอเวลาว่านี่ก็ว่าเสียงไพเราะจับใจมาก เราก็อิ่มไปด้วย
    ~ พอดีตอนเช้าซิ.! ชักสงสัยขึ้นมา.. พอถึง ท่านก็มาอีกล่ะ.. มาอีก ตอนนี้ชักยุ่ง ก็ชักสงสัย ก็ถาม.. พ่อส่งใบสุทธิให้ ๓๐๐ ปี มันไม่ไหวแล้ว กระดูกก็ไม่เหลือ พอถึงถามว่า : ทำไมอายุมากนักครับ.?
    ~ ท่านบอก : คนละใบ นี่ใบใหม่ ใบเก่ามากกว่านี้อีก
    ( หัวเราะ ) ถาม : ใบเก่าเท่าไรครับ.?
    ~ เลขขึ้นมาเลย ๒,๔๐๐ ปีเศษ โอ้โฮ้.! พอเท่านี้แหละท่านก็ยิ้มนิดหนึ่ง ทีแรกท่านไม่ยิ้ม พูดเรื่อย ๆ หน้าเฉย ๆ พอยิ้มนิดตกใจ นึกถึงบาลีเลย
    * นึก เอ๊ะ.! พระองค์นี้ยังไงแน่ สงสัย.? จะดูจิต พอจะดูจิตปั๊บ.! เราก็จับภาพจิตเราก่อนเลย เราต้องจับของเราก่อนนะ จับภาพมันไม่ยากนี่ พอจับปั๊บ ๆ สว่างโพลง
    * พอเราจะจับจิตท่าน หนาปึ้ก.! จิตดำปื้อ.. ดำปื้อ.. เราเสร็จล่ะ ถ้าปฏิสัมภิทาญาณก็หนีไม่พ้น ยังไงเราก็เอาได้ เราก็ล้วงพระพุทธเจ้ามาช่วย
    ~ ทีนี้ เราจะหาพระพุทธเจ้าไม่เจอเสียแล้วซิ.! พอนึกปั๊บดำปื้อ.. ก็นึกถึงพระพุทธเจ้า ไม่มี หาไม่ได้ พระพุทธเจ้าหาย ( หัวเราะ ) ตาไม่ดี รูปพระพุทธเจ้าหาย ชักเอาแล้ว.!
    * อีตอนนี้ชักสงสัย ถ้าพระพุทธเจ้าหายนะ ถ้าอย่างนั้นต้ององค์นี้แน่.! พอดูไปอีกทีปั๊บ.! แหม.. แพรวสวยแต่ว่าคล้าย ๆ จะเปล่งฉัพพรรณรังสี แต่เปล่งไม่ชัด บาง ๆ นิด ๆ แต่สวยมาก
    ~ ตามธรรมดานี่ เปล่งชัดเหมือนกับ พระอาทิตย์ทรงกลด ใช่ไหม สวยบอกไม่ถูกชัดเจน ไอ้นี่ ให้พวกเราเห็นน้อย ๆ นิด ๆ เป็นละออง ๆ ก็เลยมั่นใจ
    * ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ฉันก็บ้า "พุทธานุสสติ" เรื่อย.. ใครจะไปยังไงก็ไปเหอะ ฉันเล่น "พุทธานุสสติ" เดี๋ยวนี้ก็ยัง "พุทธานุสสติ" อยู่นั่นแหละ ใช่ไหม..
    ~ เอ้า.! ว่าแล้วก็กลับกันดีกว่า นี่มันจะดึกเดี๋ยวได้ ๕ ทุ่มอีกหรอก..."
    ( จากหนังสือ *หลวงพ่อเล่าให้ฟัง* เล่ม ๒ โดย..หลวงพ่อพระราชพรหมยานฯ
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...