รักษาศีล 5 บริสุทธิ์จะได้เกิดเป็นมนุษย์เสมอไปหรือไม่

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย วิทย์, 22 เมษายน 2008.

  1. darkphoenix

    darkphoenix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    370
    ค่าพลัง:
    +608
    เห็นด้วยฮะ
     
  2. Karz

    Karz Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 เมษายน 2005
    โพสต์:
    72
    ค่าพลัง:
    +96
    ถ้าประเด็นอยู่ที่ศีลห้าบริสุทธิ์นั้น ตอบว่าอย่างต่ำเที่ยงต่อการได้เกิดเป็นมนุษย์ครับ เพราะนั่นขึ้นอยู่กับว่าปกติคนผู้นั้นเป็นคนแบบไหน เช่นปกติมีศีลห้าบริสุทธิ์แต่ยังมีความเกรงกลัวต่อบาปและมีความละอายต่อการทำบาป หรืออาจมีใจเมตตา กรุณา มุฑิตา อุเบกขา เป็นปกติ เหล่านี้ก็มีข้อยกเว้นต่อการเที่ยงที่จะได้เกิดเป็นมนุษย์

    แต่ศีลห้าบริสุทธิ์ไม่ได้เที่ยงต่อการเป็นโสดาบันเพราะยังขาดสังโยชน์อีกสองข้อ

    การพูดส่อเสียด พูดเพ้อเจ้อ ฯลฯ นั้นเป็นฉายาแห่งมุสาวาทเช่นกัน

    เหตุใดผู้รักษาศีลห้าทุกคนเกิดมาแล้วหน้าตารูปร่างผิวพรรณศักดิ์ฐานะ ฯลฯ จึงไม่เท่ากันครับ?

    ก็เพราะมันประกอบด้วย factor หลายๆอย่างนั่นเอง

    ฉายาแห่งมุสาวาทเหล่านั้นอาจจะเป็นหนึ่ง factor เหล่านั้นที่แม้บุคคลผู้นั้นจะได้เกิดใหม่เป็นมนุษย์แต่ก็ทำให้มีเส้นเสียงและสไตล์การพูดจาเป็นแบบฉบับของตัวเองแตกต่างกันไป

    กล่าวให้ถึงที่สุด ศีลห้าคือหลักในการกระทำกรรมครับ เนื่องด้วยกรรมที่กระทำนั้นจะเป็นอะไรก็ได้ที่ไม่รวมไปถึงการฆ่าสัตว์, ลักทรัพย์, ฯลฯ

    ดังนั้นการจะกล่าวว่าศีลไม่มีการผิดด้วยมโนกรรมจะเป็นการไม่ถูกต้องเนื่องจากมโนกรรมเป็นตัวกำหนดกายกรรม หลักฐานก็คือหากผมถามว่า ถ้าคุณสมาธานศีลเดี๋ยวนี้ตอนนี้ จะเป็นการรักษาศีลทันทีหรือไม่? ถ้าเป็นทันที ดังนั้นศีลสำเร็จด้วยใจ ถ้าเราผิลศีลด้วยใจ ทำไมจะเป็นไปไม่ได้?

    หรืออีกตัวอย่างนึงคือ บนสวรรค์หรือพรหมโลกมีการรักษาศีลบำเพ็ญบารมีหรือไม่? เชื่อว่าท่านทั้งหลายทราบดีอยู่แล้วว่ามี แต่บนสวรรค์ไม่มีกายเนื้อที่ใช้ทำกายกรรมแล้ว ดังนั้นหากจะกล่าวว่าศีลไม่มีการผิด้วยมโนกรรมก็จะเท่ากับว่าเหล่าพรหมและเทวดารักษาศีลไปก็ไม่เกิดประโยชน์อันใด

    ส่วนผู้สำเร็จโสดาบันแต่ไม่ปรารภนิพพานให้ดูตัวอย่างนางวิสาขาครับ
     
  3. Komodo

    Komodo หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    11,610
    กระทู้เรื่องเด่น:
    145
    ค่าพลัง:
    +104,605
    จริงเหรอครับที่ว่านางวิสาขาไม่ปรารถนานิพพาน เพราะสิ่งที่พระพุทธองค์สอนนั้น พระพุทธองค์สอนให้เราไปนิพพาน ดังนั้นก็เลยสงสัยข้อความข้างต้นครับ

    อย่าลืมนะครับ ไม่ปรารถนาชาตินี้ แต่แรงอธิษฐานของชาติก่อนยังมีครับ

    ผมเชื่อว่า ทุกคนต่างปรารถนานิพพานครับ

    ปรารถนานิพพานชาตินี้ หรือชาติต่อๆไปที่เกิด (เกิดเมื่อไหร่ ขอนิพพาน) เค้าเรียกกันว่า สาวกภูมิ คือ คนกลุ่มนี้ไม่อยากเกิดแล้ว แต่บารมี (กำลังใจ) ไม่ถึง เลยยังเข้านิพพานไม่ได้ ก็เลยต้องลงมาเกิดเพื่อสร้างบารมีต่อ แต่คนกลุ่มนี้จะปรารถนาว่า ถ้าเกิดแล้วจะพยายามบำเพ็ญเพื่อไปนิพพานให้ได้

    ปรารถนาพระโพธิญาณ หรือ ปรารถนาจะบำเพ็ญเพื่อเป็นพระพุทธเจ้า เค้าเรียกกันว่า พุทธภูมิ คนกลุ่มนี้จะบำเพ็ญไปเรื่อยๆจนกว่าจะตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า คนกลุ่มนี้จะต้องรอคิวการเกิดเพื่อตรัสรู้ ซึ่งบางคนรอไม่ไหวก็ลาเป็นสาวกภูมิแล้วตัดเข้านิพพานเลยครับ

    แรงอธิษฐานบารมีในชาติก่อนๆที่เราเกิด ถูกสั่งสมมานะครับ แต่บางคนอาจไม่รู้ตัวว่า อธิษฐานมาเกิดเพื่ออะไร แถมดันไปหลงกิเลสในโลกมนุษยือีก อิอิ

    ขออนุโมทนา
     
  4. จรัล

    จรัล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    295
    ค่าพลัง:
    +405
    ส่อเสียด เพ้อเจ้อ หยาบคาย คือมุสาวาทขนานแท้และดั้งเดิมเลยเชียวคุณเอ๊ย เอาที่ไหนม่ว่าพูดส่อเสียด พูดเพ้อเจ้อ พูดหยาบคายไม่ผิดมุสาวาท มุสาวาทไม่ได้หมายถึงโกหกอย่างเดียว นินทาว่าร้าย ให้ร้ายคนอื่น ยุยงเขาให้แตกแยกกัน ส่อเสียด เพ้อเจ้อ แม้แต่จะเป็นด้วยเอกสาร หรือทางเน๊ตที่เรากำลังดูกำลังอ่านกันอยู่นี่ ถึงแม้จะไม่ได้เอ่ยปากอ้าปาก หากอ่านแล้วฟังแล้วเข้าข่ายที่ว่าข้างบนผิดศิลข้อมุสาวาทหมด
     
  5. slamb

    slamb เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,021
    ค่าพลัง:
    +538
    ของหายาก4ประการในวัฏสงสาร คือ
    1การได้อัตภาพการเป็นมนุษย์
    2การเกิดขึ้นของพระพุทธเจ้า
    3ขณะสมบัติ คือการได้เป็นพระราชา
    4การได้เกิดเป็นมนุษย์และพบพระพุทธศาสนา("ยากอย่างยิ่ง")

    ปัจจัยที่ทําไห้ใด้อัตภาพมนุษย์ ต้องอย่างน้อยเคยมีศีล5หรือกรรมบท10
    บวกกับกรรมดีที่เคยสร้างมาและแรงปรารถนา พระท่านเปรียบเอาใว้ว่า
    เหมือนเต่าตาบอดอาศัยอยู่ในมหาสมุทร
    ทุกๆหนึ้งร้อยปี เต่าตาบอดตัวนี้จะโผ่ขึ้นมาเอาอากาศ
    บังเอินในมหาสมุทรมียากวงลอยอยู่หนึ่งเส้นเมื่อเต่าโผ่ตรงยางวงสวมหัวเต่าพอดี
    นั่นแหละเปลียบได้กับความยากของการได้เกิดเป็นมนุษย์้
    ท่านว่าส่วนใหญ่จะวนอยู่กับ นรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรฉาน
    โดยเฉพราะ นรกกับเปรต พวกนี้อายุยาวนานมาก

    ส่วนที่จะเป็นโสดาบัน
    1 ศีล5ครบ
    2 เชื่อ ไม่สงสัยในคําสอนของพระพุทธเจ้า
    3 นึกรู้อยู่เป็นประจําว่า ตัวเองต้องตาย

    นางวิสาขา ท่านเป็นพระโสดาบัน ท่านมีครบคุณสมบัติ
    โดยเฉพราะข้อ2คือไม่สงสัยในคําสอน พระพุทธเจ้าท่านสอนคนไปนิพพาน
    นางวิสาขาไม่สงสัยในคําสอน "ท่านจึงปรารถนานิพพาน"
    เพียงแต่เป็นโสดาบัน กําลังใจยังไม่ถึงพอ ท่านจึงไปเกิดเป็นเทพธิดานางฟ้า
    ที่สวรรค์ชั้นที่5คือนิมมานารดี แต่สุดท้าย ท่านก็ต้องเข้านิพพานอยู่ดี
    เพราะการที่จะเป็นโสดาบัน "ต้องปราถนานิพพาน"และเข้าทางที่จะถึงนิพพานแน่นอนแล้ว
    ไม่ต้องไปเกิดในอบายภูมิ4

    พระเทวฑัต ท่านเป็นนิยตโพธิสัตว์เพราะ์ ก่อนท่านตายพระพุทธเจ้าได้ทํานายไว้แล้ว
    ว่าท่านเทวฑัตท่านจะได้เป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า ในแสนกลัปข้างหน้า
    จะเห็นได้ว่า เป็นพระโพธิสัตว์ ไม่ใช่พระอริยะทั้ง4 ทําบาปแรงๆ ก็ต้องไปนรกเหมือนคนธรรมดา



    เหล่าเทพเทวดา ท่านรักษาศีลปฏิบัติธรรมมากกว่ามนุษย"ธรรมทั้งหลายมีใจเป็นใหญ่"
    เทพบางองค์ในชั้นยามา ท่านมีศีลเหมือนพระเลย๒๒๗ จิตเสวยบุญ บุญให้ผลอยู่
    จึงง่ายมากที่จะสําเร็จธรรม ดูตัวอย่างการชุมนุมเทวดาครั้งใหญ่ๆเช่น มหาสมัยสูตร
    เหล่าเทพพากันมาฟังธรรมจากพระพุทธเจ้าแล้ว สําเร็จธรรมเป็นโกฏๆ มนุษย์เรา
    ไม่เคยได้ยินเลยว่าสําเร็จมากขนาดนั้น การสําเร็จธรรม สําเร็จที่จิต ไม่ไช่ที่กายเนื้อ
    พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ท่านลงมาตรัสที่โลกมนุษย์เพราะว่า
    มนุษย์ เป็นภพที่ควรที่สุด มนุษย์ทุกคนสามารถสําเร็จได้ มนุษย์มีกายหยาบ
    ไม่สามารถที่จะไปฟังพระท่านตรัสที่สวรรค์หรือพรหมโลกได้ แต่เทวดา พรหม
    สามารถพากันมาฟังธรรมที่ภพมนุษย์ได้

    ผมตอบตามที่ครูอาจารย์บอกสอนมา ถ้าผิดตรงไหนผมรับผิดแต่ผู้เดียวครับป๋ม..สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 พฤษภาคม 2008

แชร์หน้านี้

Loading...