มีใครเคยมีอาการเหมือนฟ้าแล็บในหัวมั้ยคะ

พระศรีอาจจะชื่อแนนก็ได้/แค่ช่วงนี้ปัญญายังไม่แจ้ง

 

แต่ชื่อไม่เท่ห์เท่าสุรีย์บุตรเลย สงสัยต้องเปลี่ยนชื่อแล้วล่ะค่ะ

แต่เด่วๆๆค่ะ แล้วนางแก้วจะต้องกลายเป็นนายแก้วด้วยมั้ยคะเคสนี้

 

เจอภาษีอานไปก่อนนะโยม

 

ยกมาไว้จะได้หาฟังง่ายๆ/ฟังในยูทูปโฆษณาขั้นเยอะเกินไป/ฟังหลวงพ่อสมาธาร์นแล้วจิตน้อมไป/ควรแก่การงานได้ง่าย/ไม่รู้มีความเกี่ยวข้องกันยังไงหรือเปล่า/ฟังธรรมหลวงพ่อองค์นี้ทีไรจิตสงบไหลเข้าฌานทันที

 

ต้องถามคุณแม่ ว่า สามารถ แยก ปิติ ออกได้หรือยัง

ปิติที่สั่งได้ กะ ปิติ ที่ สั่งไม่ได้

ปิติ ที่สั่งได้ เป็น ฌาน ของการเพ่ง
หากสามารถ กำหนดพรึ๊บ ปิิติมาปั๊ป นี่เรียกว่า เริ่มมี ความรู้เรื่องฌาน

แต่ว่า ยังไม่ได้เรียกว่า ฌานในอริยะมรรค
เป็นฌานของการเพ่ง ที่ สามารถทำกันได้ทุกศาสนา

ศัพย์ บาลีเขาเรียก อารัมมนูปนิชฌาน

เป็น ฌานที่มีอามิส ( คำว่า อามิส ก๋็ ประมานว่า จะต้องมี วิบากกรรม ในการกระทำ มีผลในการรับ ไม่ว่าจะในแง่ กุศล และ อกุศล พระอริยะ เวลาท่านจะใช้อิทธิฤทธิ์ ก็ต้องใช้ตัวนี้ แต่จะมีผลวิบาก ก้ให้ผลแต่ธาตุขันธ์ 5 เท่านั้น หากเป็นปุถุชนใช้ ใช้ในทางดี ก้เป็นคุณ ใช้ในทางชั่วก็รับหนัก คนที่ใช้เป็น เขาจึงไม่ใช้พร่ำเพลื่อ มันเฝือและบาปได้ง่ายๆ เสียชื่อครูบาอาจารย์ )

เรียกว่า สามารถน้อมไปฝึก ในอภิญญา 5
หูทิพย์ ตาทิพย์ มโนมยิทธิ เจโตปริญาญาน อิทธิฤทธิ์ พวกนี้

แม้แต่จะน้อม ไปเดินฌาน ในอริยะมรรค ก็ทำได้ ด้วยการสับ

เรียกว่าสับปิติ

ฉะนั้น เบื่องต้น ต้องแยกปิติให้ออก

ถ้าสามารถ แยกปิติออกได้
และสามารถสั่งปิติได้ จะมาพูดต่อ ในการ สับปิติ



ปอลอ. พอดีพิมพ์จากคอม มันสะดวกกว่ามือถือ สำหรับคนแก่ ตามันยาว

 

น่าจะไม่ได้ค่ะคุณปราบ เพราะแม่ไม่ใช่สายเน้นนั่งสมาธิเพื่อเข้าฌานเลยค่ะ คือก่อนนี้ก็นั่งสมาธิ กรรมฐานสายหลวงพ่อจรัญ แต่หลังๆช่วงที่ธรรมก้าวหน้าไปเร็วคือแม่เน้นดูกาย สังเกตุใจ อย่างเดียวต่อเนื่องเป็นปีค่ะ จนมาหยุดตรงนี้ค่ะ ค้างนานนับปีเลย

 

ลองให้แม่ อธิบาย ดูกาย สังเกตุใจ
มาให้อ่านซิ ว่าท่านอธิบายแบบไหน ของท่าน จึงเรียกว่า ดูกาย สังเกตุใจ

 

งั้น เด่วพรุ่งนี้มาบอกนะคะ

ที่รู้คือ ท่านไปฝึกเรียนดูกายที่ศูนย์ปฏิบัติสุพรรณิกามาค่ะ ที่เน้นกำหนดตามรู้กายเคลื่อนไหวทุกจังหว่ะ ไม่ว่าจะกิน ยกช่อนก็รู้ ช้อนจะเข้าปากก็รู้ ลิ้นรับรสรู้ เคี้ยวกลืนรู้ ไม่ส่งจิตออกนอก หลังจากนั้นท่านมาฝึกต่อที่บ้านต่อเนื่องไม่หยุด จนเกิดสภาวะธรรมต่าง (แต่ตรงนี้ต้องถามแม่ก่อนค่ะว่าธรรมที่เจอคืออะไรบ้าง) แล้วก็ไปฝึกดูกายเพิ่ม ที่วัดป่าโสมพนัส ด้วยค่ะ ที่นั่นจะออกแนวฮาร์ดคอร์เหมือนกัน แต่ดูเหมือนจะถูกจริตแม่

 

Juk Roooo

duble shot.

 

ดังไกลถึงต่างแดน...

 

ขอชี้แจงเพิ่มโดยละเอียด ได้ความดังนี้ค่ะ

ดูการเคลื่อนไหวทุกอริยาบถ เมื่อรู้ว่าจิตไหลออกไปหรือเผลอ เมือ่นึกขึ้นก็ดึงกลับเข้ามาดูกายเคลื่อนไหวใหม่อยู่แบบนั้นอยู่ซ้ำๆ จนเกิดอาการรู้ตัวทั่วพร้อมจนกระทั่งแม่เห็นความคิดตัวเองเกิดดับๆๆ เห็นเป็นไตรลักษ์ แสงพุ่งสว่าง เกิดจิตยิ้มในใจ พร้อมแสงสว่างแบบนั้นอยู่นับเดือนค่ะ จนจิตมันติดสุข

แม่เริ่มสับสนว่าเดินมาถูกทางหรือเปล่า เกิดทุกข์ขึ้นมา เพระาไม่มีครูบาอาจารย์สอนถามใครไม่มีใครตอบได้ จนฝันเห็นพระสังฆราชมาตอบว่าแบบนี้ถูกแล้วให้ดูจิตตัวเองต่อไป แม่เลยทำต่อไปอีก เรื่อยๆ แม่มักฝันเกี่ยวกับเรื่องกามอยู่ต่อเนื่อง จนมันหยุดฝัน

สุดท้ายแม่เจอภาพ เสียง ที่เจอในชีวิตเห็นเป็นเหมือนภาพสไลด์ผ่านไปไวๆ แล้วจิตผุดขึ้นมา บอกว่าอันนี้คืออุเบกขา หลังจากนั้น ทำไปเรื่อยๆ จนมาหยุดนิ่งเข้าสู่ภาวะธรรมชาติเหมือนกับเราไม่เคยปฏิบัติธรรมมาก่อนเลยจนทุกวันนี้

เมื่อวานนี้แม่พยายามกลับมาฝืนทำใหม่ เพื่อให้จิตยอมรับ ถ้าทำแบบนี้มันจะเหมือนแม่ต้องเริ่มต้นใหม่มั้ยคะ

 

ไม่ใช่เหมือน เริ่มต้นใหม่

ถ้าใข้คำวาา เริ่มต้นใหม่ มีความเปนไปได้
ที่จะ เล็ง หรือ เฝ้น อาการ สัญญาเดิมๆ
ทีเปน ธรรมารมณ์ที่พอใจ

กิเลส มันก้จะแกล้ง ทำเปน ไม่เกิดอีกบ้าง
หรือไม่ก้ พรั่งพรู ยิ่งกว่าเดิม

แล้วสับสนิท หลอก มาเสื่อมอีก

ดิดวังวน เจริญ แล้ว เสื่อมๆ

ดังนั้น

เวลา มันเสื่อม หรือ มี รส เหมือนไม่เคบ
ปฏิบัติอะไรมาเลย

ให้รู้ไปตรงๆเลยว่า ปฏิปทา ทุกอย่าง
ก้เปน สสังขาร เชื่อไม่ได้

รู้ไปตรงๆ แบบนี้ .แล้ว ก้ค่อยฝืน ภาวนา
แบบเดิม โดยไม่ต้อง คาดหวังว่า อะไร
ตะสว่าง วิบ วับ

ทุกขา-ปฏิปทา คือ เหน ปฏิปทาทุกอย่าง
มีปรกติดับ ตามเหนไปเนืองๆ

ก้จะได้ วิราคะสัญญา ( คลายกำหนัด
ในปฏิปทา ทุกชนิด )

แท้จริง เรา ภาวนา เพื่อ อาสัยระลึก สังขาร
ทั้งหลาย ไม่เที่ยง

ไม่ใช่เพื่อบรรลุ ซึ่งถือว่า เปน อุปาธิ ( อุปาทาน )

ไม่ใข่เพื่อนิพพาน ซึ่งถือว่า เปน อุปาธิ ( อุปาทาน )

แต่

เราภาวนา เพื่อ อนุปาทานิพพาน ( พระปุณมัลตลีบุตร
เอทัคค ด้านการแสดง ฆราวาสธรรม )

Spoiler: เชิงอัดอึดชึ

ไวยากรณ์บาลี

กิเลสนิพพาน แปล นิพพาน อันเนื่องจากการสิ้นกิเลส

ขันธปรินิพพาน แปล นิพพาน อันเกิดจาก สิ้นขันธ์

อนุปาทานิพพาน หรือ อนา อุปาทาน นิพพาน แปล
...นิพพาน อันเกิดจาก ไม่เหลือ อุปาทาน

 

แม่ฝากขอบคุณ ที่ช่วยให้แม่เข้าใจและเดินต่อได้ แม่เพิ่งเริ่มเข้าใจตัวเองค่ะ

 

ธรรมะ ของ พระสมณโคดม เรียนสนุก

ท้าทาย

แยบคาย

แลเหนได้ยาก

รู้ได้เร็ว ไม่ใช่รู้ช้า

ไม่ใช่การสะสม สั่งสม

ฯลฯ

แต่ ถ้ามีความเพียร ก้ เหน ได้ทุกรูปนาม

ไม่ยาก

( สาวกจะกล่าวต่อ แต่ก้ ไม่ง่าย
ภาวนาไป คุ้มแล้ว ที่เกิดมาเปน
มนุษย์ พบ พระพุทธศาสนา )

 

ไหนๆ ก้ ไหนๆ แระ

ขออนุญาติ ท้าทาย ให้เปน ปฏิสัมภิทาญาน นิดนุง

ควรไม่ควร แล้วแต่ จะ กรุณา พระเจ้าข้าฯ


ตามที่เล่ามา มีทั้งนิมิต ธรรมผุด ธรรมเตือน
ครบ ออปชั่นแลบนี้ ตรงนี้พึง ทราบว่า

เปน สมถยานิก แต่ขอยกเลิก ตำว่า สมถะยานิก
เปลี่ยรเปน พุทธวจน ทุกขาปฏิปทา

เมื่อได้การแนะ ทาง แล้ว เก็ททันที เรียก ขิปปภิญญา
คือ รู้เร็ว ...ถ้าภาวนาอีกรอบสองรอบ สดับคำแนะ
เดิมแล้วเก็ท ก้จะเรียก ทันทภิญญา รู้ช้า

สภาพธรรม ทุกขาปฏิปทา ให้กำหนดรู้

สภาพธรรม รู้เร็ว รู้ช้า ให้กำหนดรู้


สุขาปฏิปทา จะเปน ชีวิต เรียบ ง่าย ไม่มี
นิมิต ไม่มีธรรมผุด ไม่มีธรรมเกิด ภาวนา
เรียบง่าย ไม่สงสัย อันนี้ เรียก วิปัสสนายานิก
แต่ เปนคำอรรถกถาจารย์ที่น่าสงสัย จึง
ขอถอนคำ วิปัสสนายานิก ให้ใข้แต่คำ
ว่า สุขาปฏิปทา

ให้กำหนดรู้ ทุกอย่าง


( ถ้าได้ สัก สองคำ จะเปน พหูสูต

ถ้า ได้ทุกอย่าง พระพุทธศาสนา จะรื้อฝื้น
แสงสว่าง ปฏิสัมภิทาญาน ตามจริง
ไม่ใช่ แบบ ลป ม. ที่แต่งตั้งตนเปน

อนุปฏิสัมภิทา ขึ้นมากลบสัทธรรม ของ ตถาคต )

 

อ่านให้ จบนะครับ เฉพาะ ที่เป็น โพส คำแนะนำ จากหลวงปู่พุธ

https://palungjit.org/threads/จิตตะภาวนา-หลวงปู่พุธ-ฐานิโย.280415/

 

ไหนๆ ก้ ไหนๆ แล้ว

จขกท สังเกต ให้ดีๆ

อาการ ของคนบางคน ที่ เหนธรรมแล้ว
ก้ยัง เที่ยว ขยั้นขยอ ฝั่นเฝือ ลากไป
ฟังธรรม คนนั้น คนนี้ ครูนั้น อริยะนี้

อะไรแบบนี้ จขกท หาก เหน

ให้กำหนดรู้ อาการของผู้มีจิต ไม่ตั้งมั่น

ประจบ สอพลอ

ควรเว้นห่าง

ภายนอก อาจจะดูงดงาม มีวัตร มีสีล มีปฏิบัติ

แต่ภายใน เน่า

ถ้า เผลอเชื้อ ลากไปอ่าน ไปแปะ

จขกท จะชือว่า เปนผู้ทำลาย หรือ ขวางธรรม ทันที

ลองสังเกตดู นะฮับ

 

ถ้าฝันซ้ำๆแล้วนำมาพิจารณาให้เห็นโทษในขณะนั้น/ป่านนี้คงข้ามกามราคะได้แล้ว/เพราะไม่รู้ทางถึงทำให้ไปต่อไม่ถูก