เพศที่สามไม่สามารถบรรลุธรรมในชาติปัจจุบันจริงหรือ??

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย addccx, 17 เมษายน 2008.

  1. addccx

    addccx Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    25
    ค่าพลัง:
    +80
    เคยได้ยินมา วอนผู้รู้ช่วยอธิบายด้วยคับ
     
  2. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
  3. addccx

    addccx Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    25
    ค่าพลัง:
    +80
    อนุโมทนากับคุณสันโดษนะคับ อ่านกระทู้ของคุณแล้วรู้สึกมีกำลังใจดีจัง ^_^
     
  4. โปเต้ผู้ใฝ่ธรรม

    โปเต้ผู้ใฝ่ธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2007
    โพสต์:
    639
    ค่าพลัง:
    +573
  5. จิตตลหุตา

    จิตตลหุตา Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2008
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +49
    พระท่านเคยบอกมาค่ะว่าเพศที่สามไม่สามารถบรรลุธรรมได้เพราะต้องชดใช้กรรมที่ทำผิดข้อกาเม แต่สามารถประพฤติตนเป็นคนดี เป็นประโยชน์ต่อสังคมได้
     
  6. aries

    aries เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    1,404
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,211
    บุคลประเภทใดบ้างที่ไม่สามารถบรรลุธรรม


    " ข้าแต่พระนาคเสน พวกที่ปฏิบัติชอบได้ธรรมาภิสมัยเหมือนกันทั้งนั้นหรือ ? "

    " ขอถวายพระพร บางพวกก็ได้ บางพวกก็ไม่ได้ "


    " ใครได้ ใครไม่ได้ พระผู้เป็นเจ้า ? "

    " ขอถวายพระพร พวกที่ไม่ได้นั้น มีอยู่หลายจำพวก คือ

    เดรัจฉาน ๑
    เปรต ๑
    มิจฉาทิฏฐิ ๑
    ผู้ลวงโลก ๑
    ผู้ฆ่ามารดา ๑
    ผู้ฆ่าบิดา ๑
    ผู้ฆ่าพระอรหันต์ ๑
    ผู้ทำสังฆเภท ๑ ( ทำสงฆ์ให้แตกกัน )
    ผู้ทำโลหิตุบาท ๑ ( ทำให้พระพุทธเจ้าให้ห้อพระโลหิต )
    ผู้เป็นไถยสังวาส ๑ ( ปลอมบวช )

    ผู้ไปเข้ารีตเดียรถีย์ ๑
    ผู้ประทุษร้ายนางภิกษุณี ๑
    ผู้มีอาบัติสังฆาทิเสสติดตัว ๑
    บัณเฑาะก์ ๑ (กระเทย)
    อุภโตพยัญชนก ๑ ( คนสอง เพศ )
    เด็กอายุต่ำกว่า ๗ ขวบ ๑

    พวกเหล่านี้ถึงปฏิบัติดีปฏิบัติชอบอย่างไรก็ตาม ก็ไม่ได้ธรรมาภิสมัย " พระเจ้ามิลินท์ตรัสแย้งว่า

    " ข้าแต่พระนาคเสน บุคคล ๑๕ จำพวกเบื้องต้น เป็นพวกทำผิด จะได้ธรรมาภิสมัยหรือไม่ก็ช่างเถอะ แต่จำพวกที่ ๑๖ คือเด็กอายุต่ำกว่า ๗ ขวบนี้แหละเป็นปัญหา
    เพราะเด็กอายุต่ำกว่า ๗ ขวบ ยังไม่มีราคะ โทสะ โมหะ มานะ มิจฉาทิฏฐิ อรติกามวิตกอย่างใดอย่างหนึ่ง ธรรมดาผู้ที่ห่างไกลจากกิเลส สมควรจะรู้แจ้งแทงตลอดซึ่งอริยสัจ ๔ ไม่ใช่หรือ ? "
    พระนาคเสนเสนอ อธิบายว่า

    " ขอถวายพระพร ข้อนี้ขอจงทรงฟัง เหตุผล คือถ้าเด็กอายุต่ำกว่า ๗ ขวบ รู้จักเกิดราคะโทสะ โมหะ รู้จักมัวเมาในสิ่งที่ควรมัวเมา รู้จักยินดี ไม่ยินดี รู้จักนึกถึงกุศลอกุศล ก็จักมีธรรมาภิสมัย แต่เด็กอายุต่ำกว่า ๗ ขวบนั้น จิตมีกำลังน้อย ส่วนพระนิพพานเป็นของใหญ่ ของหนักจึงไม่อาจรู้แจ้งแทงตลอดนิพพานได้

    เปรียบเหมือนบุรุษมีกำลังน้อย ไม่อาจยกภูเขาสิเนรุราชได้ฉันนั้น หรือเปรียบเหมือนหยาดน้ำอันเล็กน้อย ไม่อาจซึมไปทั่วแผ่นดินใหญ่ได้ หรือเปรียบเหมือนเปลวไฟเล็กน้อย ไม่อาจทำให้สว่างทั่วโลกได้ หรือเปรียบเหมือนตัวหนอนไม่อาจกลืนช้างได้ฉะนั้น " " ข้าแต่พระนาคเสน ตามที่พระผู้เป็นเจ้า แก้มานี้ โยมเข้าใจดีแล้ว "

    คัดจากคุณรัตนวาโย กระทู้ http://www.konmeungbua.com/smfboard/index.php?topic=3996.0

    ผมเข้าใจว่าบัณเฑาะก์(กระเทย) ที่ไม่สามารถบรรลุธรรมได้เพราะยังสับสนในเรื่องเพศ มีความหลงครอบงำอยู่ จึงเป็นอุปสรรคในการบรรลุธรรมครับ
     
  7. 道教พินอิน

    道教พินอิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    322
    ค่าพลัง:
    +510
    หุหุหุหุ ดูกร วักลิ ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา
    คำว่ากะเทยนั้นไม่ใช่เรื่องธรรมดา เขาสามารถเป็นคนดีได้ เขาสามารถพ้นจาก
    อบายภูมิได้ หากเขาสร้างจิตสำนึกในด้านดีได้
    แต่เรื่องกามนั้นพวกเขาค่อนข้างจะรุนแรง จึงไม่สามารถควบคุมอารมณ์ในด้านนั้นได้ หากจะกล่าวถึงการบรรลุธรรมขั้น
    อนาคามี ถึง อรหันต์ คงหมดสิทธิ์ เพราะความกระสันอยากของเขารุนแรงมากว่าคนปกติธรรมดา
    อะไรคือสิ่งกางกั้นไม่ให้บรรลุธรรมหละ ?
    กระเทยกับเกย์มีส่วนแตกต่างกันออกไปอย่างเห็นได้ชัด กระเทยนั้นหากพิจารณาตามอารมณ์ความรู้สึกแล้ว คงเป็นไปได้ยากถึงกับเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเลิกเป็น เขาจึงไม่สามารถบรรลุธรรมขั้นสูงได้ แต่ละงับการสร้างกรรมใหม่ๆด้วยการทำความดีได้ ส่วนเกย์ยังมีหลายประเภท บางประเภทมีอุปนิสัยคล้ายไปทางกระเทยมาก บางประเภทไม่มีอาการของความเป็นผู้หญิงเลย แต่จะมีบ่างในเรื่องของอารมณ์
    ที่ข้อนข้างจะฉุนเฉียวเอาแต่ใจงอนเล็ว
    พวกชายรักชาย หากเบื่อหน่าย คลายความกำหนัดได้ ก็เป็นอันว่าทางแห่งการบรรลุธรรมได้แง้มออกมาบ้างแล้ว และหากจะปฏิบัติธรรมเขาต้องใช้สติเป็นอย่างมากในการควบคุมอารมณ์ของ
    ของตนเอง การตัดสินว่าจะบรรลุธรรมได้ไม่ได้นั้น ไม่ใช่จากการมองภายนอกอย่างเดียว ต้องดูจากสะภาพของอารมณ์ ด้่านในด้วย ว่าเขาเป็นอย่างไร การฝึกฝนตนเองเป็นสิ่งสำคัญมาก แม้ชาตินี้จะไม่สามารถบรรลุธรรมขั้นสูงได้ก็ตาม แต่การฝึกสตินั้นนั่นแหละ ที่จะเป็นสิ่งกำหลาบจิตของเขา เป็นดังยารักษาโรคที่เขากำลังเป็นอยู่ให้หาย หากไม่ยอมรักษาเลย แถมยังไปสร้างเหตุของการเกิดโรคไม่ยอมหลุด เมื่อไหร่จะหายจากการเป็นโรคได้หละ

    อย่าไปกล่าวตัดทางของเขา ต้องชวยเขาให้ตัดทางของกรรมจากอดีต ให้เขารู้ว่าสามเหตุที่เป็นดังนั้นเพราะเคยทำกรรมอันใดไว้ แล้วให้เขาหยุดหส้างกรรม มาฝึกสติให้มั่นคง เพื่อการพัฒนาจิต ให้พ้นจากสิ่งที่เขากำลังเป็นอยู่ หากจิตสำนึกที่ดีได้เกิดขึ้นกับจิตใจของเขาเหล่านั้นแล้ว เขาพากเพียรกระทำกรรมดี พากเพียรฝืนความรู้สึกของนเอง จากการกระทำอันเป็นบาปนั้นๆ เขาย่อมพัฒนาได้ แต่ถ้าหากเขาปล่อยตัวเอง
    ให้เป็นไปตามอำนาจของกรรมเก่า เมื่อใหล่เขาจะพัฒนาได้หละ ในเมื่อกรรมเดิมๆที่ เขาเคยทำ เขาก็ยังมาทำอยู่อีก

    การปฏิบัติธรรมนั้น มีผลดีกับทุกคน การพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้นของจิต นั่นแหละคือการบรรลุธรรม แต่ไม่ใช่ธรรมอันหมดจดแค่นั้นเอง

    ใครอยากพัฒนาตนเองให้ดีขึ้น อยากหลุดพ้นจากสิ่งที่ตนกำลังเป็นอยู่ ก็ต้อง
    หมั่นปฏิบัติธรรมเข้าไว้ จึงจะดีได้อย่างสมบูรณ์ ดังเช่น เรื่อง

    ในอดีต เคยมีพระสาวก นามว่า วักลิ ผู้หลงไหลในรูปร่างหน้าตาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เข้ามาขอบวช ด้วยเจตนาที่ว่าจะได้มีโอกาสได้เห็นพระองค์บ่อยๆ ได้เจอบ่อยๆ เที่ยวคอยตาม คอยดู คอยอยู่ใกล้ๆ เพื่อหวังจะได้เห้นได้ชื่นชมในความงามของพระสรีระและหน้าตาของพุทธองค์ โดยไม่ได้สนใจปฏิบัติกิจแห่งสมณะ
    ในภายหลัง พระพุทธองค์ทรงตำหนิ พระวักลิที่มัวแต่มัวเมาหลงไหลในรูปกาย และละทิ้งหน้าที่กิจแห่งสมณะ ด้วยเหตุที่พระพุทธองค์ทรงตำหนิ พระวักลิเกิดความน้อยเนื้อต่ำใจอย่างสุดกำลัง เนื่องจากถูกพระพุทธองค์ผู้ที่ตัวเองหลงไหลชื่นชมอย่างมากตำหนิ พระวักลิเกิดคิดสั้น เดินจากวัด ขึ้นภูเขาน้ำตานองหน้า หวังที่จะกระโดดเขาลงมาด้วยความน้อยใจสุดกำลัง พระพุทธองค์รู้ภาวะจิตของพระวักลิ ตรัสห้ามขณะที่พระวักลิกำลังจะโดดลงมาจากหน้าผา เมื่อได้ยินพระสุรเสียงของพระพุทธองค์ห้ามดังนั้น เกิดปิติอย่างล้นพ้นโดยฉับพลัน เมื่อพระวักลิหมดความโศกเศร้าแล้ว พระพุทธองค์ทรงสอนให้พระวักลิได้แจ้งเกี่ยวกับความเป็นจริงแห่งรูปกาย อันไม่จีรังยั้งยืน มีความเสื่อม แปรปรวน และดับไปเป้นธรรมดา ฯลฯ และในที่สุดท่านวักลิก็ได้เห็นธรรม และท้ายสุดได้บรรลุเป็นพระอรหันต์เจ้าในที่สุด
    เรื่องนี้เป็นที่มาของคำสอนที่เคยได้ยินว่า "ผุ้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเราตถาคต"

    ธรรมะนี้มีหลายละดับ ที่เรากล่าวว่า บรรลุไม่ได้นั้น คือธรรมละดับใด เราต้องเข้าใจตรงนั้นด้วย

    สาธุ สาธุ สาธุ
     
  8. 道教พินอิน

    道教พินอิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    322
    ค่าพลัง:
    +510
    [FONT=&quot]เมื่อใด[/FONT] [FONT=&quot]จิตสำนึกในทางที่ชอบกอบด้วยธรรมอันประเสริฐ[/FONT] [FONT=&quot]ได้เกิดขึ้นแก่จิตของหมู่สัตว์[/FONT] [FONT=&quot]เมื่อนั้นแล[/FONT] [FONT=&quot]ย่อมเป็นสิ่งบ่งชี้ให้รู้ได้ว่า[/FONT] [FONT=&quot]ปากทางของสุคติ[/FONT] [FONT=&quot]ได้เปิดแก่เขาผู้นั้นแล้ว[/FONT] [FONT=&quot]ยังแต่เขาจะสามารถพาตนเองให้เดินไปตามหนทางนั้นได้หรือไม่เท่านั้นเอง[/FONT]

    [FONT=&quot]เมื่อหมู่สัตว์นรก[/FONT] [FONT=&quot]ระลึกได้ถึงกุศลกรรม[/FONT] [FONT=&quot]ความดีทั้งหลายที่ตนเองได้ทำไว้[/FONT] [FONT=&quot]เมื่อ[/FONT]
    [FONT=&quot]นั้นสัตว์นรกนั้นย่อมตายจากสัตว์นรกนั้นโดยทันที[/FONT]

    [FONT=&quot]นี่คือสิ่งสำคัญ[/FONT] [FONT=&quot]สาธุ[/FONT] [FONT=&quot]สาธุ[/FONT] [FONT=&quot]สาธุ[/FONT] [FONT=&quot]อนุโมทามิ[/FONT]
     

แชร์หน้านี้

Loading...