ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    เมื่อวันที่ 9 ก.ค. ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สธ. กล่าวในการแถลงข่าวการแพทย์นิวนอร์มอล เรื่องการให้เคมีบำบัด หรือคีโมในผู้ป่วยมะเร็งที่บ้าน ว่า ที่ผ่านมาแม้เราจะให้น้ำหนักการต่อสู้กับโรคโควิด-19 แต่ไม่หยุดให้บริการโรคอื่นด้วย เช่น การดูแลผู้ป่วยโรคมะเร็ง ซึ่งมีอัตราการเสียชีวิต 123.3 ต่อประชากร 1 แสนคน โดยมีผู้ป่วยรายใหม่ 142,769 ราย เสียชีวิต 73,000 คนต่อปี ล่าสุดได้ร่วมกับ รพ.รามาธิบดี สถาบันมะเร็งแห่งชาติ มะเร็งวิทยาสมาคม ในการจัดทำแนวทางการรักษาเพื่อลดความแออัดในโรงพยาบาล และเพิ่มการเข้าถึงการรักษาโรคมะเร็งโดยการให้เคมีบำบัดที่บ้าน เริ่มที่โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ และมะเร็งลำไส้ตรง ซึ่งเป็น 1 ใน 5 โรคมะเร็งที่พบมากในไทย

    ทั้งนี้การให้เคมีบำบัดที่บ้านนับเป็นก้าวแรกที่สำคัญ แต่สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งคือ การป้องกันโรค โดยเราพบว่า 5 กลุ่มเสี่ยงที่จะเกิดโรคมะเร็ง คือ คนที่ไม่ค่อยออกกำลังกาย คนที่ไม่รับประทานผักผลไม้สด คนอ้วน คนสูบบุหรี่ และคนดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ดังนั้นขอให้หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้

    นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า ในปี 2563 จะนำร่องให้เคมีบำบัดที่บ้าน ในโรงพยาบาล 7 แห่ง คือ สถาบันมะเร็งแห่งชาติ รพ.รามาธิบดี รพ.ราชวิถี รพ.จุฬาภรณ์ รพ.สมเด็จ พระปิ่นเกล้า รพ.มะเร็งลพบุรี รพ.มะเร็งชลบุรี ซึ่งเริ่มแล้วตั้งแต่ 1 ก.ค.2563 โดยดำเนินการตั้งแต่ ก.ค.-ก.ย.นี้ คาดว่าจะมีผู้ป่วยประมาณ 100 ราย จากนั้นจะมีการประเมินผล และในปี 2564 จะขยายไปทั้ง 13 เขตสุขภาพ แต่ไม่ใช่ครบทุกจังหวัด เบื้องต้นวางเป้า รพ. 30 แห่งเป็นอย่างน้อย อย่างไรก็ตามผู้ป่วยโรคมะเร็งจะมีภูมิคุ้มกันโรคต่ำกว่าผู้ป่วยโรคอื่น ๆ ดังนั้นการให้เคมีบำบัดที่บ้านจึงช่วยลดความแออัดในโรงพยาบาล ซึ่งเสี่ยงรับเชื้อโรคอื่น ๆ และเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษา

    ด้าน นพ.พิชัย จันทร์ศรีวงศ์ แพทย์ประจำภาควิชาอายุรศาสตร์ รพ.รามาฯ กล่าวว่า การรับเคมีบำบัดปกติต้องมา รพ. เพื่อพบแพทย์และรอเตียง ปัจจุบันเตียงไม่พอต้องรอ 5-7 วัน ทำให้คนไข้คลาดเคลื่อนการรับยา และวิตกกังวล จึงมีการเปลี่ยนมาให้เคมีบำบัดที่บ้าน นอกจากนี้ พบว่าประหยัดค่าใช้จ่ายได้ถึง 50,000 บาทต่อคนต่อการรักษา ดังนั้นจึงเสนอไปที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.)แล้ว เพื่อให้บรรจุในสิทธิประโยชน์แล้ว

    ที่มา https://www.thairath.co.th/news/society/1886124

    #roundtablethailand
    Roundtablethailand.com

     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ตามที่สภามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช (มสธ.) เห็นชอบให้มหาวิทยาลัยดำเนินการปรับเปลี่ยนรูปแบบการวัดและประเมินผลการศึกษารูปแบบใหม่ หรือการสอบออนไลน์ ในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เพื่อเป็นแนวทางในการวัดประเมินผลรูปแบบใหม่สำหรับการจัดสอบในอนาคต โดยกำหนดเริ่มจัดสอบให้กับนักศึกษาระดับปริญญาตรีในการสอบซ่อมภาคต้นปีการศึกษา 2562 และผู้เรียนโครงการสัมฤทธิบัตร รุ่นที่ 109 รหัส 622 ในวันที่ 11-12 ก.ค. 2563 และการสอบกลางภาค แผน ก2 ภาคการศึกษาที่ 2/2562 ในวันที่ 26 ก.ค.2563 ส่วนการสอบปลายภาค 2/2562 แผน ก1 และแผน ก2 จะประกาศวันสอบต่อไป

    ศ.ดร.ประสาท สืบค้า รักษาการอธิการบดีมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช (มสธ.) กล่าวว่า การสอบออนไลน์ครั้งนี้ จะยกเว้นสำหรับนักศึกษาที่มีข้อจำกัด นักศึกษาลักษณะพิเศษ และนักศึกษาในเรือนจำ ส่วนจำนวนนักศึกษาที่จะสอบออนไลน์มีทั้งนักศึกษาในประเทศและต่างประเทศ จำนวน 17,425 คน สำหรับชุดวิชาที่เปิดสอบออนไลน์มีจำนวน 448 ชุดวิชา ซึ่งการสอบออนไลน์ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกและเป็นประวัติศาสตร์ของ มสธ. ตนมีความมั่นใจในระบบการสอบออนไลน์ 80% ที่จะสามารถดำเนินการจัดสอบได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขณะนี้ยังมีเวลาเหลือก่อนจะสอบจริง ซึ่งจะต้องมีการซักซ้อมผู้คุมสอบ และฝ่ายเทคนิค รวมทั้งระบบสัญญาณอินเตอร์เน็ตให้มีความพร้อม

    “มหาวิทยาลัยได้มีการทดสอบระบบการสอบออนไลน์ โดยมีนักศึกษาเข้ามาทดสอบ 2 ครั้ง ครั้งแรกจำนวน 12,000 คน และครั้งที่ 2 จำนวน 9,000 กว่าคน โดยนักศึกษา 1 คนอาจจะสอบหลายวิชา พบปัญหาทั้งกับตัวนักศึกษา อาจารย์คุมสอบ และเจ้าหน้าที่ของมหาวิทยาลัย เนื่องจากเป็นการสอบครั้งแรก เช่น ระบบอินเทอร์เน็ตบางจุดไม่แรงและไม่เร็ว เพราะเป็นจุดอับ ทำให้สัญญาณไม่ดี ซึ่งต้องขอให้นักศึกษาย้ายสถานที่สอบหรือซื้อความเร็วอินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้น ขณะที่บางคนอาจจะไม่ค่อยได้เข้าใช้งานระบบอินเทอร์เน็ตบ่อยนัก ทำให้การเข้าระบบสะดุด ซึ่งต้องมีการซักซ้อมกันมากขึ้น ที่สำคัญเครื่องมือในการสอบต่าง ๆ เช่น โน้ตบุ๊ก สมาร์ทโฟน ที่จะใช้ต้องมีความทันสมัย สามารถรองรับระบบได้ ดังนั้น ในวันสอบจริง หากเกิดปัญหาอินเทอร์เน็ตล่ม หรือปัญหาสุดวิสัยจริง ๆ มหาวิทยาลัยจะเปิดให้นักศึกษาได้สอบซ่อมได้” ศ.ดร.ประสาทกล่าว

    ที่มา https://www.thairath.co.th/news/local/1885356

    #roundtablethailand
    Roundtablethailand.com
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    NASDAQ ทำนิวไฮต่อเนื่อง จุดสิ้นสุดจะอยู่ตรงไหน?

    เมื่อคืนตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดแบบไม่ไปทางเดียวกัน โดย Dow Jones นั้นลบไป -361.19 จุด หรือ -1.39% ลงมาทำราคาปิดที่ 25,706.09 จุด ขณะที่ NASDAQ +65.89 จุด +0.63% ส่งให้ดัชนีทำจุดสูงสุดใหม่ตลอดกาลต่อเนื่องที่ระดับ 10,558.39 จุด

    อะไรทำให้ตลาดสหรัฐฯด้วยกัน แต่กลับมาเริ่มทำตัวออกห่างจากกันมากขึ้นไปอีก เรามาดูกันว่ามีข้อมูลอะไรที่น่าสนใจบ้าง

    1. ข้อมูลล่าสุดของ Worldometer เปิดเผยว่า ตอนนี้สหรัฐฯมียอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สูงสุดในโลก จำนวน 3,159,514 ราย และมียอดผู้เสียชีวิตสูงสุดในโลก จำนวน 134,873 ราย โดยผู้ติดเชื้อรายวันพุ่งขึ้นสูงกว่า 60,000 รายไปแล้ว

    2. ปธน.ทรัมป์ ได้มีการอ้างผ่านทวิตเตอร์ว่า สหรัฐนั้นเป็นประเทศที่มีอัตราการเสียชีวิตจากโควิด-19 ต่ำที่สุดในโลก แต่สำนักข่าวอย่าง CNN ได้ทำการตรวจสอบแล้วพบว่า ในกลุ่ม 20 ประเทศที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 มากที่สุดในโลก มีอย่างน้อย 14 ประเทศที่มีอัตราการเสียชีวิตน้อยกว่าสหรัฐ

    3. นายแพทย์แอนโทนี เฟาซี ผู้อำนวยการสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อแห่งชาติของสหรัฐฯ ให้ความเห็นว่า เขาไม่มั่นใจว่า จะมีการผลิตวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ได้ภายในช่วงต้นปีหน้า แม้ว่า ผลการทดลองวัคซีนหลายตัวจะได้ผลเป็นที่น่าพอใจ พร้อมเตือนว่า สหรัฐฯเสี่ยงมีผู้ติดเชื้อรายวันแตะ 100,00 รายเร็วๆนี้

    4. ข้อมูลจาก Google Mobility Report (ข้อมูล ณ วันที่ 5 ก.ค.) ของสหรัฐฯ พบว่า หลังการระบาดรอบสองในช่วงเดือนมิ.ย. ที่ผ่านมา คนออกมาใช้ชีวิตนอกบ้านลดลงอีกครั้งแม้ไม่มีมาตรการปิดเมือง โดยมีเพียงการใช้พื้นที่สวนสาธารณะเท่านั้น ที่ยังขยับขึ้นต่อเนื่อง สิ่งนี้สะท้อนว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯยังไม่ฟื้นตัวดี

    5. สวนทางกับกิจกรรมบนโลกออนไลน์ ที่โตได้ต่อเนื่องในช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมา โดยเฉพาะหมวด Grocery Delivery & Pickup Online ยอดขายโตถึง 35% นับตั้งแต่เดือนเม.ย. - มิ.ย.

    6. ด้านการเคลื่อนไหวของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เราเห็นเพียงแค่ คำมั่นสัญญาว่าจะมีมาตรการเพิ่มเติมแน่ๆถ้าเห็นสัญญาณเศรษฐกิจชะลอตัว แต่ก็ยังไม่มีอะไรใหม่ๆออกมาให้เห็นเพิ่มเติม โดยมาตรการเยียวยาทางการคลังชุดใหม่ ก็ต้องรอเดือนส.ค. ถึงจะออกมา ตลาดจึงขาดปัจจัยกระตุ้นด้านนโยบายของภาครัฐฯในช่วงนี้

    7. รวมถึงขนาดงบดุล (Balance Sheet) ของเฟด ที่ปรับลดลงมาต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกัน จากการปิด Position ของ Foreign Currency Swap ที่ออกวงเงินฉุกเฉินให้ธนาคารในต่างประเทศได้กู้ยืมเป็นสกุลดอลล่าร์ (ความต้องการดอลล่าร์ลดลงในช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา)

    8. ด้วยทั้งหมดทั้งมวล 7 ข้อที่กล่าวมา เมื่อรวมกับปริมาณสภาพคล่องที่มีอย่างมหาศาลจาก QE Unlimited ก็ทำให้หมวดการลงทุนที่เหมาะกับสถานการณ์ปัจจุบันมากที่สุดอย่างหนึ่งก็คือ หุ้นกลุ่ม Technology และนั้นเลยทำให้หุ้น NASDAQ และหุ้นเทคโนโลยี โดยเฉพาะ Cloud Base Service ทั่วโลกถึง Outperform ได้จนถึงตอนนี้

    9. แต่นักลงทุนก็น่าจะเห็นว่า ดัชนี NASDAQ วิ่งขึ้นมาเร็วและแรงมากนับตั้งแต่จุดต่ำสุดกลางเดือนมี.ค.ปีนี้ และระดับดัชนี ห่างจากเส้นค่าเฉลี่ย 200 สัปดาห์ มากกว่าช่วงก่อนฟองสบู่ dotcom แตกตอนปี 200 เสียอีก หลายคนจึงกังวลว่า ตรงจุดนี้ มันจะไปต่อได้อีกไกลจริงๆหรอ?

    10. ซึ่งเอาเข้าจริง ก็มีความเสี่ยงที่หุ้นกลุ่มเทคฯบางตัว จะได้รับผลกระทบ จาก 3 ประเด็นนี้ คือ a) กฎหมายต่อต้านการผูกขาด ซึ่งทางนายโจ ไบเดน พูดถึงการสืบสวนเพิ่มเติม และเป็นนโยบายตัวหนึ่งที่บอกไว้ว่าจะทำ หากได้ดำรงตำแหน่งปธน.แทนนายโดนัล ทรัมป์ b) ปัญหาโซเชียลมีเดีย ดูตัวอย่างปัญหา Facebook ล่าสุดกับ hashtag #stophateforprofit c) ปัญหาการจัดเก็บภาษีแบบดิจิทัล เพื่อมาชดเชยรายได้ฝั่งอื่นที่หายไป

    11. แต่ข้อมูลจาก Bloomberg พบว่า ดัชนี NASDAQ แทบจะเป็นดัชนีเดียวในโลกที่มีการเติบโตของกำไรในปี 2020 มากกว่าปี 2019 โดยปัจจัยเร่งมาจาก New Normal และการระบาดของโควิด-19 ทำให้หุ้นกลุ่มนี้ยังได้ประโยชน์เต็มๆ ตั้งแต่สัปดาห์หน้า เราจะเห็นการทยอยประกาศงบไตรมาส 2/2020 ออกมา โดย Microsoft และ Netflix จะประกาศในวันที่ 16 ก.ค. Tesla วันที่ 22 ก.ค. ขณะที่ Google และ Amazon วันที่ 23 ก.ค.

    12. มุมมองด้านเทคนิค NASDAQ ระยะสั้น มาชนเป้าหมายที่ 10,500 จุดได้ ก็มีเป้าข้างบนอยู่ที่ 10,800 จุดในเดือนนี้ และ 11,680 จุดให้ลุ้นในไตรมาส 3/2020 นี้ ซึ่งถ้าขึ้นต่อ อาจไม่แรงเท่า 2-3 เดือนก่อนหน้าที่วิ่งแรงเหลือเกิน แต่ก็น่าสนใจ โดยมีจุด Stop Loss คือ 10,200 จุด

    แหล่งที่มาข้อมูล :-
    https://www.worldometers.info/coronavirus/country/us/
    https://www.gstatic.com/covid19/mobility/2020-07-05_US_Mobility_Report_en.pdf
    https://www.brickmeetsclick.com/june-2020-online-grocery-scorecard--growth-in-sales---hh-penetration-continues

    Mr.Messenger รายงาน
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ขอบคุณกระรอก นักวิทย์ชุบชีวิตพืชจากเมล็ดอายุ 3 หมื่นปี! กลายเป็นพืชเก่าแก่ที่สุดที่ถูกคืนชีพ เมล็ดถูกฝังไว้โดยกระรอกยุคน้ำแข็ง

    ย้อนกลับไปเมื่อปี 2012 รัสเซียพบเมล็ดของ Silene stenophylla บริเวณแม่น้ำ Kolyma ซึ่งดังกล่าวเป็นพืชดอกท้องถิ่นของไซบีเรีย โดยเมล็ดดังกล่าวได้ถูกฝังโดยกระรอกในยุคน้ำแข็ง และเมื่อได้ตรวจสอบเมล็ดพืชพบว่ามันมีอายุมากถึง 32,000 ปี

    เมล็ดพันธุ์สุดเก่าแก่นี้ถูกห่อหุ้มโดยน้ำแข็ง ลึกลงไป 38 เมตรใต้ permafrost (ชั้นดินเยือกแข็งตัว)

    นักวิจัยได้นำเนื้อเยื่อที่ถูกแช่แข็งมาสกัด และทำการเพาะเลี้ยงได้สำเร็จ ซึ่งจาการศึกษาพบว่าคือพืชชนิดเดียวกันกับ Silene stenophylla ในสมัยใหม่ แต่มีความแตกต่างกันที่รูปร่างของดอก

    หลังจากทราบผลนักวิทยาศาสตร์ต้องการหาคำตอบให้ได้ว่าทำไมพืชชนิดนี้ถึงอยู่รอดสืบสายพันธุ์ของพวกมันมาได้นานมากขนาดนี้ นักวิทยาศาสตร์จึงได้ทำการค้นคว้าข้อสงสัยดังกล่าว

    โดยมุ่งไปศึกษาไปสิ่งที่ทำให้ยีนของพืชว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไร อะไรที่สามารถทำให้พวกมันปรับตัวเข้ากับความแห้งแล้ง ความร้อน และความเย็นได้ ถึงแม้ในปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์จะยังไม่ทราบคำตอบก็ตาม

    อย่างไรก็ตามศึกษาดังกล่าวจะช่วยให้นักวิทยาศาสตร์หาทางรอดให้แก่พืช ท่ามกลางสภาวะการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศในปัจจุบันได้

    https://www.nationalgeographic.com/news/2012/2/120221-oldest-seeds-regenerated-plants-science/

    https://www.boredpanda.com/research-plant-silene-stenophylla-austria/

    https://www.pnas.org/content/109/10/4008/tab-figures-data


    เด็กหญิงแก้มยุ้ยเป็นมิตร
    environman
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    โรงกำจัดขยะญี่ปุ่นผุด บาร์กลางโรงขยะ! กิน-ดื่มพร้อมดูการจัดการขยะ ชวนถก-ตระหนักเรียนรู้ปัญหา หวังสร้างจิตสำนึกชุมชน

    บาร์และร้านอาหารสมัยนี้มักผุดไอเดียแต่งร้านที่บรรเจิดเพื่อดึงดูดลูกค้าเข้ามา ยิ่งมีมุมถ่ายรูปสวย ๆ แล้ว คนก็จะยิ่งแห่กันไปหมด แต่ถ้าบาร์ที่ว่ามีวิวเป็นแหล่งจัดการขยะละ มันยังจะน่าไปอยู่ไหมนะ

    ถึงจะแปลก แต่ที่ญี่ปุ่นก็มีคนลองแล้ว ศูนย์กำจัดขยะ Musashino Clean Center ที่อยู่ในเมือง Musashino ทางตะวันตกของมหานครโตเกียวได้เปิดป๊อปอัพบาร์ที่มีชื่อว่า “Gomi-Pit Bar” ขึ้น โดย Gomi แปลว่า ขยะ ในภาษาญี่ปุ่น ตรงตามคอนเซ็ปต์ของร้านที่เวลาคนมาดื่มด่ำในคืนหลังเลิกงานก็จะเจอกับขยะกองโต รอที่จะได้รับการจัดการ

    ถึงแม้วิวของที่นี่จะไม่ค่อยน่าสบอารมณ์ จุดประสงค์ของการสร้างบาร์นี้กลับชัดเจนและฟังขึ้น บาร์ชั่วคราวนี้สร้างขึ้นโดยเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นด้วยความต้องการที่จะสร้างความตระหนักด้านขยะที่พลเมืองแต่ละคนผลิตในแต่ละวัน

    ด้วยเหตุนี้ ระหว่างบาร์กับหลุมขยะจะมีแค่กระจกใสบาง ๆ ที่กั้นตรงกลางเท่านั้น ทุก ๆ คนที่เข้าไปในบาร์จะเห็นกองขยะกองโตที่ถูกรวบรวมไว้รอการเผาทิ้ง แต่จะไม่ได้กลิ่นนะ ทุกคนยังสามารถดื่มด่ำกับอาหารและเครื่องดื่มได้อย่างปกติอยู่

    และในทุก ๆ นาที จะมีขยะที่มากมายจากการใช้ชีวิตประจำวันของทุกคน อย่างถุงช้อปปิ้ง เนคไท โฟมแต่งหน้า กระดาษที่ขาดแล้ว หรือถุงพลาสติกกำลังถูกขนลงไปใต้หลุมด้วยเครน

    พอไปถึงข้างล่างสุด ขยะถูกปล่อยลงไป และจะไปรวมกับขยะก่อนหน้าเพื่อนำไปเผา หลังจากนั้นผู้คนจะได้รับชมชิ้นส่วนที่ถูกเผาลอยขึ้นมา คล้าย ๆ กับหิมะขยะเลยก็ว่าได้

    และเมื่อขยะทุก ๆ 1 ตัน จะกลายเป็นขี้เถ้า 100 กิโลกรัม ลองนึกดูสิว่าแต่ละวันจะมีหิมะขยะลอยขึ้นมาเยอะแค่ไหน เพราะในหนึ่งวันเตาเผาทั้งสองของศูนย์จะเผาขยะได้ 120 ตันต่อวันเลยทีเดียว แต่ส่วนใหญ่ก็จะเผาอยู่ที่ประมาณวันละ 100 ตัน (หรือเทียบเท่ากับความจุของรถบรรทุก 80 คัน)

    Isao Tomioka วัย 49 ปี ไปเยี่ยมชมการเผาขยะกับลูกสาวของเขาวัย 4 และ 6 ขวบ เขาเล่าว่า “มัน (การจัดการขยะ) เป็นอะไรที่เซอร์ไพร์สมาก” ลูกสาวทั้งคู่ของเขาเอาหน้ายื่นไปที่กระจกกั้นเพื่อดูการเคลื่อนตัวของขยะตลอด

    Tomioka มากับลูก ๆ ของเขาเพราะเขากังวลเรื่องขยะที่รุ่นเรากำลังสร้าง เขากล่าวว่า “มันยังมีขยะที่ไม่สามารถนำไปเผาได้ด้วย ขยะกองนั้นคงจะไปกองอยู่ที่ไหนสักที่ ซึ่งแปลว่ามันอาจจะตกทอดไปสู่รุ่นหลานเราอีกได้”

    Musashino เป็นเมืองในเขตทามะที่ออกนโยบายให้ผู้คนในท้องถิ่นออกมาแยกขยะเป็นประเภท ๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่ปฏิบัติกันยู่แล้ว และยังออกกฎให้มีการเก็บค่าถุงขยะอีกด้วย

    Tomioka เสริมว่า “เขาตั้งใจทำตามกฎของเมืองอยู่แล้วเรื่องการแยกขยะ แต่พอเห็นขยะกองโตที่ศูนย์แยกนี้ มันกลับทำให้เขาอยากที่จะทำเพิ่มอีก”

    ถึงแม้ว่าบาร์นี้จะเป็นแค่บาร์ป๊อปอัพและไม่ได้เปิดตลอดทุกวัน ยิ่งในช่วงนี้ของโควิดนี้แล้ว บาร์แห่งนี้ยังไม่มีกำหนดการเปิดให้คนเข้าไปนั่งได้ ทางเขตก็ยังคงต้องการให้ทุกคนในเมืองร่วมกันสร้างความตระหนักและเรียนรู้ถึงเรื่องขยะที่แต่ละคนจะสามารถช่วยกันได้

    เพราะอย่างที่ Tomioka บอก มันยังมีขยะอีกหลายกองที่เผาไม่ได้ และอาจจะตกเป็นภาระให้ลูกหลานของเรา

    https://phys.org/news/2019-01-tipples-trash-japan-doors.html

    https://www.japantimes.co.jp/news/2019/01/16/national/science-health/trash-talk-tokyo-city-opens-bar-waste-management-facility-spark-environment-debate/

    ณิชากร บัวทรัพย์
    Environman
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ลูกสาวแห่งทะเลจะนะ และชาวบ้านคัดค้านนิคมจะนะ! เปลี่ยนพื้นที่ตั้งอุตสาหกรรม โรงไฟฟ้า รางรถไฟ ท่าเรือ หวั่นทำลายสิ่งแวดล้อม มลพิษ ทำลายธรรมชาติ สุขภาพ แหล่งอาชีพ แหล่งประมง วิถีชีวิตชาวบ้าน

    #รู้จักอำเภอจะนะ

    จะนะ เป็นอำเภอที่อยู่ในจังหวัดสงขลา มีทรัพยากรธรรมชาติทั้งทิวเขา นา ป่า และทะเล ชาวบ้านทำเกษตรกรรมและแปรรูปในหลากหลายด้าน ซึ่งทะเลจะนะเป็นแหล่งอาหารที่อุดมสมบูรณ์ของภาคใต้ ไม่เพียงแต่เป็นแหล่งอาหารที่เลี้ยงปากท้องของคนในชุมชน แต่รวมไปถึงส่งออกผลผลิตไปยังต่างประเทศ เรียกได้ว่าทรัพยากรทางทะเลเป็นจุดแข็งของจะนะเลยก็ว่าได้

    โดยในช่วงการระบาดของโควิดชาวจะนะก็ยังอยู่ได้ เพราะยังมีปลาให้กิน แถมยังสามารถนำไปแจกจ่ายแก่ชาวบ้านในพื้นที่หาดใหญ่รวมถึงโรงพยาบาลได้

    #นิคมอุตสาหกรรมจะนะคืออะไร

    โครงการเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ อ.จะนะ จ.สงขลา เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ "สามเหลี่ยมมั่นคง มั่งคัง ยั่งยืน" ที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) มุ่งใช้แนวทางการพัฒนาเพื่อแก้ไขปัญหาความไม่สงบและปัญหาเศรษฐกิจในพื้นที่ โดยมีการกำหนด "เมืองต้นแบบ" สำหรับการพัฒนา 3 เมืองแรก ประกอบด้วย อ.สุไหงโกลก จ.นราธิวาส อ.เบตง จ.ยะลา และ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ขณะที่ อ.จะนะ เป็นเมืองต้นแบบเฉพาะกิจลำดับที่ 4 ในฐานะ "เมืองอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต" ที่ครม.ได้มีมติอนุมัติเมื่อ 7 พฤษภาคม 2562 ปีที่ผ่านมา

    ในสาระสำคัญของโครงการนี้มีการระบุไว้ว่า เพื่อยกระดับการพัฒนา อ.จะนะในเชิงพื้นที่ทั้งระบบและครบวงจร เพื่อให้มีความเข้มแข็งและเป็นกลไกสำคัญขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจของภาคใต้ตอนล่าง ที่เชื่อมโยงไปยังพื้นที่ จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ ภูมิภาคอื่นๆ ของประเทศไทย และ ประเทศเพื่อนบ้าน เช่น มาเลเซีย สิงคโปร์ รวมทั้งเชื่อมโยงการพัฒนาเศรษฐกิจไปยังประเทศอื่นๆ โดยมุ่งเน้นการลงทุนของ “ภาคเอกชน” เป็นสำคัญ

    สำหรับโครงการในพื้นที่จะนะนั้น แผนงานพัฒนาจะนะได้กำหนดเขตผังเมืองในพื้นที่ 3 ตำบล ได้แก่ ต.นาทับ ต.ตลิ่งชัน และ ต.สะกอม ที่ล่าสุดวันที่ 21 มกราคม 2563 ปีนี้ คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติงบประมาณก้อนแรกจำนวน 18,680 ล้านบาท เพื่อพัฒนาพื้นที่ 16,753 ไร่ และคาดว่าจะก่อให้เกิดงาน 100,000 อัตรา

    โดยโครงการที่จะเกิดขึ้นในพื้นที่จะนะมี 4 ส่วนหลักดังนี้
    - โครงการก่อสร้างท่าเรือสงขลาแห่งที่ 2 เพื่อการท่องเที่ยวและพาณิชย์

    - การสร้างรางรถไฟเชื่อมโยงท่าเรือสงขลาแห่งที่ 2 เพื่อรองรับการขนส่งและกระจายสินค้าไปพื้นที่ต่างๆ ทั้งภายในประเทศและประเทศเพื่อนบ้าน

    - การสร้างโรงไฟฟ้าเพิ่มเติมเพื่อรองรับความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ เช่นโรงไฟฟ้าพลังงานลม ก๊าซธรรมชาติ โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ โรงไฟฟ้าชีวมวล (บางโครงการเคยมีการผลักดันมาก่อนหน้านี้ แต่ถูกประท้วงคัดค้านไป)

    - นิคมอุตสาหกรรมจะนะ เพื่อผลิตสินค้าจากทรัพยากรท้องถิ่นและจากวัตถุดิบที่นำเข้าจากต่างประเทศ รวมถึงเพื่อให้เกิดการสร้างงานสร้างอาชีพ โดยอุตสาหกรรมหลักประกอบไปด้วย 1. อุตสาหกรรมแห่งอนาคต เช่น อุตสาหกรรมเทคโนโลยีชีวภาพ, เชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ, การแพทย์ครบวงจร 2. อุตสาหกรรมเกษตร เช่น โรงงานอาหารแปรรูป, อาหารฮาลาล และ 3. อุตสาหกรรมอื่นๆ เช่น อุตสาหกรรมผลิตกังหันลมและเครื่องกำเนิด, ผลิตหัวรถจักรและแคร่ขนตู้, ผลิตแท่นเจาะน้ำมัน, ผลิตรถไฟฟ้า (EV car) เป็นต้น

    #กระแสคัดค้าน

    จากประเด็นการเปลี่ยนพื้นที่เป็นพื้นที่อุตสาหกรรมดังกล่าวนั้นทำให้เกิดเสียงคัดค้านจากชาวบ้านในพื้นที่มากมายโดยมองว่าการพัฒนาแบบนิคมอุตสาหกรรมนั้นไม่นำไปสู่ความยั่งยืนของคนในพื้นที่ และอาจทำลายสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติชายฝั่งทะเลและวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านทั้ง 3 ตำบล เหมือนกับที่ “โครงการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลตะวันออก (EEC)” ที่อนุมัติโดยไม่มีข้อมูลรอบคอบในอดีต เคยสร้างผลเสียต่อวิถีชีวิต ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของชาวตะวันออกแล้ว

    ประชาชนหลายพันครัวเรือนจึงกังวลว่าเขตนิคมอุตสาหกรรมจะทำลายแหล่งผลิตอาหาร แหล่งอาชีพ รวมถึงจะก่อมลพิษทั้งทางบกและน้ำ ทำลายแหล่งท่องเที่ยวและสันทนาการ วิถีชีวิต รวมถึงวัฒนธรรมของพวกเขาอย่างไม่มีวันหวนคืนได้

    นอกจากนี้ยังมีความหวั่นกลัวว่า การเปลี่ยนแปลงนี้จะเป็นการทำให้เกิดการเติบโตทางเศรษฐกิจที่เอื้อประโยชน์ให้เพียงกลุ่มคนบางกลุ่ม ชาวบ้านจะต้องพึ่งพาเงินจ้างจากนายทุนที่จะเข้ามาในพื้นที่ ทำให้ไม่มีเงินเก็บมากมาย ซึ่งหากเศรษฐกิจตกต่ำก็ไม่สามารถกลับมาหาฐานทรัพยากรปลูกกินได้

    และเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2563 ที่ผ่านมา เป็นวาระครบรอบ 1 ปีที่ครม.มีมติอนุมัติโครงการพอดี จึงเกิดกระแสคัดค้านในสังคมออนไลน์มากมายพร้อมแฮชแท๊ก #SAVECHANA

    อีกทั้ง กลุ่มคัดค้านที่นำโดย “เครือข่ายคนจะนะรักษ์ถิ่น” ได้มีการปักหลักประท้วงหน้าศาลากลางจังหวัดสงขลาในตั้งแต่วันที่ 12 พฤษภาคม เพื่อยื่นหนังสือต่อนายจารุวัฒน์ เกลี้ยงเกลา ผู้ว่าจังหวัดสงขลา เพื่อส่งต่อไปถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้พิจารณาสั่งการให้ศอ.บต. ยกเลิกการจัดเวทีประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในวันที่ 14 - 20 พ.ค. 63 ในพื้นที่ 3 ตำบลเกี่ยวกับการขับเคลื่อนโครงการดังกล่าว เพราะเห็นว่าเป็นเวทีที่ไม่มีการประชาสัมพันธ์ให้ชาวบ้านได้รับรู้ คนนอกพื้นที่ 3 ตำบลที่ก็ได้รับผลกระทบเช่นกันก็ไม่สามารถแสดงความคิดเห็นได้ รวมทั้งยังจัดตรงกับช่วงการระบาดของโควิด-19 และเดือมรอมฎอมที่ผู้คนจะถือศีลอด

    นอกจากนี้ ชาวบ้านต้องการให้นายกและศอ.บต.ทบทวนโครงการ “เมืองต้นแบบอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต” อีกครั้งด้วย

    #ข้อมูลด้านผู้สนับสนุนโครงการ

    จากประเด็นที่ร้อนแรงนี้ แน่นอนว่ามีทั้งฝ่ายที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ฝ่ายผู้สนับสนุนโครงการชี้ว่า มีเจ้าของพื้นที่บางส่วนเห็นด้วยกับการพัฒนานี้ เพราะมีการสร้างงานและรายได้ให้พื้นที่ โดยแม้ว่าพื้นที่จะเปลี่ยนจากเขียวเป็นสีม่วง (โซนสีม่วงตามระบบผังเมือง หมายถึงที่ดินอุตสาหกรรมและคลังสินค้า) แต่ก็เป็นสีม่วงที่มาจากอุตสาหกรรมเกษตร อาหารฮาลาลที่เชื่อมโยงกับการเกษตรของประชาชน เสริมให้ประชาชนมีตลาดและรายได้ที่มั่นคง

    และในความเป็นจริงจะไม่มีการทำลายธรรมชาติและทรัพยากรของพื้นที่ แต่กลับจะมีการเร่งสร้างพื้นที่ให้สวยขึ้นเพื่อรองรับอุตสาหกรรมท่องเที่ยววิถีชุมชนด้วย

    ด้าน นายชนธัญ แสงพุ่ม หรือ "ดร.เจ๋ง" รองเลขาธิการ ศอ.บต. ที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนโครงการนี้ ได้ชี้แจงเหตุผลของฝ่ายรัฐเป็นข้อๆ ตามที่ฝ่ายคัดค้านตั้งประเด็นเอาไว้โดยระบุว่ เวทีของ ศอ.บต.เปิดกว้างรับฟังความเห็นของทุกฝ่าย และเวทีที่จัดขึ้นก็เพื่อต้องการรับฟังความเห็นจริงๆ ไม่ได้มุ่งแก้ผังเมือง และจะมีการทำรายงานศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม หรือ EIA หลังจากนี้

    นอกจากนี้ยังเผยว่าครม.ยังไม่เคยอนุมัติงบประมาณเพื่อช่วยเหลือเอกชนในโครงการนี้ บทบาทของ ศอ.บต.ที่ขับเคลื่อนโครงการ มุ่งประโยชน์ของพี่น้องประชาชน และจะทำ "ธรรมนูญชุมชน" ให้ทุกฝ่ายเห็นตรงกัน และ ศอ.บต.หวังให้เกิดการพัฒนา ลดความขัดแย้ง

    ในสัมภาษณ์กับ THE STANDARD เขากล่าวอีกว่านี่คือโจทย์แรกที่เราต้องการสร้างความมั่นคงของมนุษย์ เรื่องการสร้างงาน การสร้างรายได้ การสร้างอาชีพ ที่สามารถหาในพื้นที่ได้

    #ลูกสาวแห่งท้องทะเล ยะห์ ไครียะห์ ระหมันยะ

    หากพูดถึงสัญลักษณ์ และชาวบ้านผู้เป็นตัวแทนในการคัดค้านโครงการนิคมจะนะครั้งนี้ คงต้องนึกถึงน้องยะห์ นางสาวไครียะห์ ระหมันยะ ชาวบ้าน อ.จะนะ ที่ได้ฉายาลูกสาวแห่งท้องทะเล

    โดยเธอได้ออกมาคัดค้าน ร่วมกับชาวบ้านปักหลักหน้าศาลากลาง จังหวัดสงขลา เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกโครงการฯ ในวันที่ 12 พฤษภาคม 2563 พร้อมยื่นจดหมายถึงนายก โดยมีใจความสำคัญเรียกร้องให้นายกรับฟังเรื่องราวของลูกหลานชาวประมงที่เติบโตและผูกพันกับพื้นที่นี้ และสั่งให้ศอ.บต.ยกเลิกการจัดเวทีรับฟัง รวมถึงทบทวนโครงการดังกล่าว

    ในวันที่ 1 กรกฎาคม น้องยะห์และชาวบ้านจะนะได้ยื่นหนังสือที่รัฐสภาฯ ขอให้รัฐยุติการสร้างนิคมอุตสาหกรรมเป็นฉบับที่ 2 พร้อมชี้แจงเหตุที่รัฐควรทบทวนโครงการดังกล่าวอีกครั้ง ซึ่งทางกลุ่มยังคงปักหลักอยู่ที่กรุงเทพฯต่อไปเพื่อรอฟังคำตอบจากประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่าจะมีการสั่งการหรือมีความคืบหน้าอย่างไรเกี่ยวกับโครงการนี้

    ล่าสุด เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม น้องยะห์ได้เขียนจดหมายถึง Greta Thunberg นักเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมวัยเยาว์อีกคน เล่าถึงเรื่องราวของจะนะและบอกกับ Greata ว่าการต่อสู้ของเธอเป็นแรงบันดาลใจให้เขาออกมาเรียกร้องเพื่อสิ่งแวดล้อมและบ้านเกิดของตัวเอง

    โดยหลังจากที่ยื่นจดหมายไปให้ Greta ผ่านสถานเอกอัครราชทูตสวีเดนแล้ว น้องยะห์ก็เดินทางไปยื่นหนังสือต่อองค์การสหประชาชาติ (UN) และสหภาพยุโรป (EU) ต่ออีกด้วยก่อนที่จะเดินทางกลับอำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา

    #เวทีพูดคุยรับฟังความเห็น

    ศอ.บต. ได้พยายามเปิดเวลาทีรับฟังความคิดเห็นในวันที่ 14-20 พ.ค. 63 ที่ผ่านมาแต่ได้ถูกเลื่อนออกไป เนื่องจากเสียงตำหนิ และคัดค้านให้ยกเลิก เนื่องจากถูกมองว่าไม่มีการประชาสัมพันธ์ให้คนนอกได้รับรู้ และคนนอกพื้นที่ 3 ตำบลไม่สามารถแสดงความเห็นได้ ซึ่งอันที่จริงผู้ที่ได้รับผลกระทบนั้นกว้างขวางมากในระดับจังหวัดและประเทศ เพราะเป็นโครงการใหญ่ พร้อมกับเป็นช่วงถือศีลอด และสถานการณ์โควิด-19 ที่อาจจะลำบากต่อการให้คนออกมารับฟัง

    อย่างไรก็ตาม มีกำหนดจัดเวทีดังกล่าวใหม่ในวันที่ 11 ก.ค. 2563 ซึ่งชาวบ้านก็ได้ขอให้เลื่อนเช่นกัน เพราะในการจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นนั้น องค์ประกอบที่สำคัญคือต้องมีทั้งนักวิชาการ บริษัทที่เป็นเจ้าของโครงการ ชาวบ้าน ภาครัฐท้องถิ่น แต่ที่ผ่านมา ศอ.บต. ใช้วิธีว่าจ้างให้ผู้รับเหมาจัดโครงการรับฟัง และมีเจ้าหน้าที่ของ ศอ.บต. เป็นคนชี้แจงโครงการแทนบริษัทเจ้าของโครงการ

    ซึ่งทั้งหมดนี้ไม่สามารถชี้แจงข้อสงสัยและความกังวลของชาวบ้านที่มีต่อโครงการได้ ยิ่งถ้าต้องการให้เป็นโครงการนิคมอุตสาหกรรมแบบนี้แล้ว ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องและได้รับผลกระทบควรออกมาร่วมกันแสดงความคิดเห็น ตรงข้ามกับสิ่งที่โครงการกำลังทำคือ อนุมัติมาก่อนแล้วจึงค่อยมาเปิดรับฟังความคิดเห็น

    ดร.ชนธัญ แสงพุ่ม รองเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เปิดเผยว่า ในวันที่ 11 กรกฎาคม 2563 ทาง ศอ.บต.จะเปิดรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียโดยตรงในการดำเนินโครงการเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ 3 ตำบลใน อ.จะนะ จ.สงขลา ประกอบด้วย ต.สะกอม ต.ตลิ่งชัน ต.นาทับ เพื่อนำไปประกอบการวางผังเมืองของโครงการเมืองอุตสาหกรรมก้าวหน้า ซึ่งจะต้องทำการเปลี่ยนสีผังเมืองของพื้นที่ 3 ตำบล ซึ่งปัจจุบันเป็นพื้นที่สีเขียว ซึ่งกำหนดเป็นพื้นที่ประเภทชนบทและเกษตรกรรม ให้เป็นพื้นที่สีม่วง เพื่อให้เป็นที่ดินประเภทอุตสาหกรรมตาม พ.ร.บ.การผังเมือง พ.ศ. 2562

    #ท่านมีความคิดเห็นอย่างไร

    จากข้อมูลทั้งหมดนี้จะเห็นได้ว่าโครงการ "เมืองอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต" ในพื้นที่อำเภอจะนะนั้นเป็นประเด็นร้อนแรงในสังคมอย่างมากเลยทีเดียว มีทั้งฝ่ายคัดค้าน และฝ่ายสนับสนุนที่มองเห็นทั้งผลกระทบที่ดีและเสียต่อชีวิตความเป็นอยู่ สังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อมในพื้นที่

    ทางเราเห็นว่าทุก ๆ โครงการพัฒนานั้นควรคำนึงถึงผลกระทบทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม การพัฒนาไม่ควรจะก่อให้เกิดผลเสียใด ๆ ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องควรมองเห็นภาพเดียวกัน มีการสร้างความเข้าใจเพื่อให้ได้มาซึ่งการพัฒนาที่มาจากความต้องการของทุกฝ่ายจริง ๆ เพราะสุดท้าย การเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลกระทบต่อชีวิตคนในพื้นที่ ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมในระยะยาว

    ทุกท่านมีความเห็น หรือข้อเสนอแนะต่อเรื่องนี้อย่างไร

    ที่มา

    นิคมอุตสาหกรรมจะนะ

    https://www.isranews.org/article/south-news/south-slide/88795-industry.html

    https://mgronline.com/south/detail/9620000078880

    https://www.prachachat.net/local-economy/news-356154

    https://www.dailynews.co.th/economic/753138

    https://www.youtube.com/watch?v=78aI3_7yFEY

    ข้อมูลฝ่ายคัดค้าน

    https://www.facebook.com/344089676386648/posts/709461113182834/?d=n

    https://greennews.agency/?p=21022

    https://prachatai.com/journal/2020/05/87633

    http://www.voicetv.co.th/read/CcMW02qKi

    https://www.facebook.com/1555698014692688/posts/2560022460926900/?vh=e&d=n

    https://news.thaipbs.or.th/content/294411

    ข้อมูลผู้สนับสนุนโครงการ

    https://www.isranews.org/article/south-news/south-slide/88795-industry.html

    https://www.nationtv.tv/main/content/378784159/

    https://thestandard.co/sbpac-announced-project-to-giveaway-jobs-to-people/

    ลูกสาวแห่งท้องทะเล ยะห์ ไครียะห์ ระหมันยะ

    https://mgronline.com/south/detail/9630000049546

    https://www.facebook.com/1432299840387293/posts/2738491829768081/?d=n

    https://www.facebook.com/1683658098593742/posts/2476847209274823/?d=n

    https://www.bbc.com/thai/thailand-53259577

    https://www.facebook.com/1526071940947174/posts/2682174925336864/?d=n

    https://www.facebook.com/943584199068072/posts/3091982390894898/?d=n

    https://www.songkhlatoday.com/content/29541/

    https://news.trueid.net/detail/RboaQNj3Jg7e

    https://ch3plus.com/news/program/197158

    https://www.facebook.com/TheReportersTH/posts/2688720488045001

    เวทีรับฟังความเห็น

    https://www.facebook.com/1495974420718466/posts/2588354534813777/?d=n

    https://www.prachachat.net/local-economy/news-488702
    ดูน้อยลง
    — ที่
    อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา

     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    1 ใน 5 ปี 2020-2024 โลกมีโอกาส 20% จะร้อนเกินขีดปลอดภัย 1.5C

    จากรายงานใหม่ของ World Metereological Organization นักวิทยาศาสตร์คำนวณว่าไม่กี่ปีต่อจากนี้ ช่วงปี 2020-2024 1 ใน 5 ปีนี้ มีโอกาส 20% ที่อุณหภูมิเฉลี่ยทั่วโลก จะเพิ่มเกิน 1.5C เทียบกับยุค preindustrial และมีโอกาส 70% ที่ 1 เดือนในช่วงปีนี้ อุณหภูมิจะสูงเกินขีดจำกัดดังกล่าว ( แต่ถ้าคาดเดาเฉลี่ยรวม 5 ปี อาจจะยังไม่เกิน 1.5C )

    นอกจากนี้ ยังมีการคำนวณพบว่า ช่วงปี 2020-2024 ทั่วโลกจะอุณหภูมิสูงขึ้นจากปัจจุบัน ยกเว้นบางส่วนของมหาสมุทรทางตอนใต้
    ส่วนปี 2020 บริเวณเขตร้อนหรือ mid latitude ทางตอนใต้อุณหภูมิอาจจะเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ในขณะที่ทางซีกโลกเหนือ จะอุณหภูมิสูงขึ้น 0.8C เทียบกับปี 1981-2010 และ Arctic จะอุณหภูมิจะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าเทียบกับบริเวณอื่นบนโลก ทางตอนใต้ของแอฟริกา อเมริกาใต้ และออสเตรเลียจะแห้งแล้งเป็นพิเศษ

    ขณะนี้อุณหภูมิโลกได้สูงเกิน preindustrial ไปแล้ว 1 C และ 5 ปีล่าสุดเป็น 5 ปีที่ร้อนที่สุดเท่าที่เคยมีมา

    หลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่า หากอุณหภูมิเพิ่มเกิน 1.5 C จากยุคpreindusrial สภาพอากาศและระบบนิเวศน์จะเสียหายถาวร เกิดภัยธรรมชาติที่รุนแรงขึ้น ต้องมีประชากรมากมายได้รับผลกระทบ จากอากาศที่ร้อนเกินอาศัยและน้ำทะเลหนุนสูง (จากน้ำแข็งขั้วโลกที่ละลาย)

    เลขาของ WMO Petteri Taalas ให้ความเห็นว่า “ โลกต้องใช้ความพยายามทางวิทยาศาสตร์อย่างมากในการคุมอุณหภูมิไม่ให้เพิ่มเกินเป้า ภาวะชะงักของเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมจาก Covid 19 ไม่ได้ช่วยลดภาวะโลกร้อนใดๆ เพราะก๊าซเรือนกระจกในชั้นบรรยากาศมีปริมาณสูงสะสมมานานมากแล้ว การที่ปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ปล่อยเพิ่มใหม่ปีนี้ลดลง ไม่ได้ช่วยลดภาวะโลกร้อนอย่างยั่งยืน”

    “covid-19 เป็นภัยร้ายแรงต่อ สาธารณสุข เศรษฐกิจของโลก แต่ขณะเดียวกัน ภาวะโลกร้อนเป็นภัยที่น่ากลัวกว่า ที่คุกคามมนุษยชาติ ระบบนิเวศน์ และเศรษฐกิจยาวนานเป็นศตวรรษ “

    ศาสตราจารย์ Adam Scaife จาก Met Office กล่าวว่า “ ตัวเลขใหม่นี้ เป็นตัวชี้ว่ามนุษย์ทำลายสภาวะอากาศมากขึ้นเรื่อยๆ และทุกรัฐบาลทั่วโลกควรให้ความสนใจสถานการณ์ที่แย่ลงอย่างรวดเร็ว และวางแผนต่อสู้กับภาวะโลกร้อนในระดับปีต่อปี “

    https://www.independent.co.uk/environment/climate-crisis-change-temperature-degree-wmo-met-office-emissions-2020-a9609481.html

    https://www.theguardian.com/environment/2020/jul/09/global-temperatures-likely-to-hit-at-least-1c-warming-for-next-five-years
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ไทยระดมสรรพกำลังงัดสารพัดวิธีคุมเข้มชายแดนแม่สอด-แม่สาย สกัดต่างด้าวเข้าเมืองกันโควิดระบาดซ้ำ ทั้งขึงลวดหนาม 2 ชั้น บินโดรนส่อง ตั้งวงจรปิด ซุ่มจับ ฯลฯ ล่าสุดรวบคนนำพา-ไล่ออกผู้นำชุมชนมีเอี่ยวแล้ว

    อ่านต่อ >https://news1live.com/detail/9630000070769

     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ อนุมัติโครงการอัปเกรดระบบขีปนาวุธแพทริออตชนิดยิงจากพื้นดินสู่อากาศให้แก่ไต้หวัน รวมมูลค่า 620 ล้านดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นครั้งล่าสุดที่วอชิงตันส่งออกเทคโนโลยีทางทหารเพื่อเสริมเขี้ยวเล็บให้แก่ไทเปท่ามกลางการสยายอิทธิพลของจีน

    อ่านต่อ >https://news1live.com/detail/9630000070767

     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ อนุมัติโครงการอัปเกรดระบบขีปนาวุธแพทริออตชนิดยิงจากพื้นดินสู่อากาศให้แก่ไต้หวัน รวมมูลค่า 620 ล้านดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นครั้งล่าสุดที่วอชิงตันส่งออกเทคโนโลยีทางทหารเพื่อเสริมเขี้ยวเล็บให้แก่ไทเปท่ามกลางการสยายอิทธิพลของจีน

    อ่านต่อ >https://news1live.com/detail/9630000070767

     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    สหรัฐ : United Airlines สายการบินใหญ่อันดับต้นๆของสหรัฐมีแผนปลดพนักงาน 36,000 ตำแหน่ง ในสหรัฐเกือบ 50% จากพนัดงานทั้งหมด เนื่องจากปัญหาการระบาดไวรัสโควิด มีผลกระทบอย่างมากในการเดินทาง

     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    อินเดีย : อรุณาจัลประเทศ ตอนเหนือ ติดทิเบต จากปริมาณน้ำฝนที่มากปัญหาที่ตามมาคือดินภูเขาเริ่มถล่ม ในหลายจุด


     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    1 ใน 5 ปี 2020-2024 โลกมีโอกาส 20% จะร้อนเกินขีดปลอดภัย 1.5C

    จากรายงานใหม่ของ World Metereological Organization นักวิทยาศาสตร์คำนวณว่าไม่กี่ปีต่อจากนี้ ช่วงปี 2020-2024 1 ใน 5 ปีนี้ มีโอกาส 20% ที่อุณหภูมิเฉลี่ยทั่วโลก จะเพิ่มเกิน 1.5C เทียบกับยุค preindustrial และมีโอกาส 70% ที่ 1 เดือนในช่วงปีนี้ อุณหภูมิจะสูงเกินขีดจำกัดดังกล่าว ( แต่ถ้าคาดเดาเฉลี่ยรวม 5 ปี อาจจะยังไม่เกิน 1.5C )

    นอกจากนี้ ยังมีการคำนวณพบว่า ช่วงปี 2020-2024 ทั่วโลกจะอุณหภูมิสูงขึ้นจากปัจจุบัน ยกเว้นบางส่วนของมหาสมุทรทางตอนใต้
    ส่วนปี 2020 บริเวณเขตร้อนหรือ mid latitude ทางตอนใต้อุณหภูมิอาจจะเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ในขณะที่ทางซีกโลกเหนือ จะอุณหภูมิสูงขึ้น 0.8C เทียบกับปี 1981-2010 และ Arctic จะอุณหภูมิจะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าเทียบกับบริเวณอื่นบนโลก ทางตอนใต้ของแอฟริกา อเมริกาใต้ และออสเตรเลียจะแห้งแล้งเป็นพิเศษ

    ขณะนี้อุณหภูมิโลกได้สูงเกิน preindustrial ไปแล้ว 1 C และ 5 ปีล่าสุดเป็น 5 ปีที่ร้อนที่สุดเท่าที่เคยมีมา

    หลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่า หากอุณหภูมิเพิ่มเกิน 1.5 C จากยุคpreindusrial สภาพอากาศและระบบนิเวศน์จะเสียหายถาวร เกิดภัยธรรมชาติที่รุนแรงขึ้น ต้องมีประชากรมากมายได้รับผลกระทบ จากอากาศที่ร้อนเกินอาศัยและน้ำทะเลหนุนสูง (จากน้ำแข็งขั้วโลกที่ละลาย)

    เลขาของ WMO Petteri Taalas ให้ความเห็นว่า “ โลกต้องใช้ความพยายามทางวิทยาศาสตร์อย่างมากในการคุมอุณหภูมิไม่ให้เพิ่มเกินเป้า ภาวะชะงักของเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมจาก Covid 19 ไม่ได้ช่วยลดภาวะโลกร้อนใดๆ เพราะก๊าซเรือนกระจกในชั้นบรรยากาศมีปริมาณสูงสะสมมานานมากแล้ว การที่ปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ปล่อยเพิ่มใหม่ปีนี้ลดลง ไม่ได้ช่วยลดภาวะโลกร้อนอย่างยั่งยืน”

    “covid-19 เป็นภัยร้ายแรงต่อ สาธารณสุข เศรษฐกิจของโลก แต่ขณะเดียวกัน ภาวะโลกร้อนเป็นภัยที่น่ากลัวกว่า ที่คุกคามมนุษยชาติ ระบบนิเวศน์ และเศรษฐกิจยาวนานเป็นศตวรรษ “

    ศาสตราจารย์ Adam Scaife จาก Met Office กล่าวว่า “ ตัวเลขใหม่นี้ เป็นตัวชี้ว่ามนุษย์ทำลายสภาวะอากาศมากขึ้นเรื่อยๆ และทุกรัฐบาลทั่วโลกควรให้ความสนใจสถานการณ์ที่แย่ลงอย่างรวดเร็ว และวางแผนต่อสู้กับภาวะโลกร้อนในระดับปีต่อปี “

    https://www.independent.co.uk/envir...e-wmo-met-office-emissions-2020-a9609481.html

    https://www.theguardian.com/environ...o-hit-at-least-1c-warming-for-next-five-years

     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    Heatwave มีแนวโน้มที่จะเกิดยาวนานขึ้นและถี่ขึ้นทุกปี เป็นผลจากภาวะโลกร้อน
    กรกฎาคมนี้ อังกฤษอาจร้อนถึง 30C อเมริกา 40C

    จากงานวิจัยที่ตีพิมพ์ใน Journal Nature Conmunication พบว่าHeatwave มีจำนวนวันยาวนานขึ้นและเกิดถี่ขึ้นบนทุกๆส่วนของโลก นับตั้งแต่ปี 1950 เป็นต้นมา โดยเฉพาะบริเวณ Amazon, North-eastern Brazil,west asia และ Mediterranean มีการเปลี่ยนเเปลงอย่างชัดเจน มากกว่าแถบ southern Australia และ north Asia

    สิ่งที่งานวิจัยพบว่า ค่าเฉลี่ยระดับความรุนแรงในแต่ละฤดูกาลไม่ได้แตกต่างกันมาก ยกเว้นที่บริเวณ southern Australia และบางส่วนของ Africa , South Anerica ที่ดูจะรุนแรงกว่าเดิม

    งานวิจัยนี้ได้ศึกษาค่าใหม่คือ ความร้อนสะสม ในแต่ละ event เมื่อเกิด heatwave ครั้งหนึ่ง ความร้อนที่เพิ่มขึ้นมากกว่าค่าต่ำสุดที่ใช้นิยาม heatwave มากน้อยเพียงใด งานวิจัยพบว่าแต่ละทศวรรษ ค่าความร้อนสะสมเพิ่มขึ้น 1-4.5C แต่ในบางที่เช่น Middle east, Africa ,South Africa เพิ่มขึ้นสูงถึง 10C

    บางพื้นที่ได้รับผลกระทบไม่เท่ากัน และช่วงปีหลังๆ เพิ่มในระดับก้าวกระโดด ตัวอย่างเช่นแถบเมดิเตอร์เรเนียน ช่วงปี 1950-2017 heatwave จำนวนวันเพิ่มขึ้น 2 วันต่อทศวรรษ แต่ถ้าคำนวณแนวโน้มช่วงปี 1980-2017 พบว่า จำนวนวันเพิ่มขึ้นถึง 6.4 วันต่อทศวรรษ

    Sarah Perkins-Kirkpatrick จาก Australian Research Council Centre of Excellence for Climate Extremes กล่าวว่า ปริมาณวันที่เพิ่มขึ้นและความถี่ของ heatwave นับวันจะเพิ่มขึ้นในอัตราเร่งมากขึ้นเรื่อยๆ สัมพันธ์กับที่นักวิทยาศาสตร์เคยออกมาเตือนเรื่องภาวะโลกร้อนก่อนหน้านี้แล้ว นี่เป็นหลักฐานที่ชัดเจนตลอด 70 ปีที่ผ่านมา ชี้ว่ามนุษย์จำเป็นต้องลงมือเปลี่ยนเเปลงแก้ไขภาวะโลกร้อนอย่างเร่งด่วนให้มากกว่านี้ ก่อนจะสายเกินไป

    อังกฤษคาดว่าจะประสบ heatwave อุณหภูมิสูงถึง 30C สิ้นเดือนกรกฎาคมนี้ ในขณะที่ทางฝั่งอเมริกา กว่า 84% ของพื้นที่ประเทศก็กำลังประสบกับอากาศร้อน ประมาณ 30 กว่าองศา คาดว่ายาวนานเป็นเวลา 1-2 อาทิตย์ บางพื้นที่อาจสูงถึง 40C เลยทีเดียว

    ในประวัติศาสตร์ heatwave ครั้งที่รุนแรงที่สุดในออสเตรเลียคือฤดูร้อนปี 2009 มีประชาชนเสียชีวิต 374 คนในเวลา 3 วัน และก่อให้เกิดไฟป่า Black Saturday 2 อาทิตย์ให้หลัง คร่าชีวิตผู้คนกว่า 173 คน

    อีกหนึ่งใน heatwave ที่สร้างความเสียหายอย่างหนัก heatwave เมดิเตอร์เรเนียน ฤดูร้อนปี 2003 คร่าชีวิตผู้คน คาดว่ากว่า 70,000 ชีวิตทั่วยุโรป สูญเสียทรัพย์สินไม่ว่าจะเป็น เกษตรกร ป่าไม้ เป็นมูลค่า 13.1 พันล้านยูโร

    https://www.theguardian.com/environment/2020/jul/03/heatwaves-longer-since-1950s-study-frequency

    https://www.thesun.co.uk/news/12040...ree-blistering-heatwave-unsettled-conditions/

    https://www.cbsnews.com/news/heat-wave-forecast-to-bake-most-of-u-s-2020-07-05/
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    เทือกเขา Alps กลายเป็นสีชมพูจากสาหร่าย สัญญาณอันตรายจากภาวะโลกร้อน

    นักวิทยาศาสตร์พบว่า Glacier บนเทือกเขา Alps กลายเป็นสีชมพู คาดว่าเกิดจากสาหร่ายที่โตเร็วขึ้นจากภาวะโลกร้อน

    นักวิทยาศาสตร์จากสถาบัน Italy’s National Research Council ยังไม่ทราบแหล่งที่มาของสาหร่าย แต่พบว่าเป็นชนิดเดียวกับที่พบที่ Greenland

    สาหร่ายชนิดนี้ไม่อันตราย เป็นปรากฏการณ์ที่สามารถพบได้ แต่มักพบในช่วงฤดูใบไม้ผลิ และฤดูร้อนแถบละติจูดตอนกลาง แต่ก็สามารถพบได้เช่นกันที่ขั้วโลก สาหร่ายดังกล่าวมีชื่อว่า Ancylonema nordenskioeldii ซึ่งตรวจพบที่ Greenland บริเวณ Dark Zone บริเวณที่มีการละลายของหิมะอย่างรวดเร็ว

    โดยปกติแล้วหิมะสามารถสะท้อนแสงอาทิตย์กลับไปสู่ชั้นบรรยากาศได้ถึง 80% แต่เมื่อหิมะละลาย พื้นที่สีขาวลดลง ยิ่งทำให้หิมะที่เหลือละลายเร็วขึ้น ในขณะเดียวกันสาหร่ายที่โตบนหิมะ ยิ่งทำให้เกิดพื้นที่สีเข้มดูดซับความร้อนมากขึ้น หิมะละลายเร็วขึ้นอีกทางนึง

    เมื่อหิมะละลาย กลายเป็นแหล่งน้ำ สาหร่ายสามารถโตได้ง่ายขึ้น ทำให้หิมะกลายเป็นสีชมพู บนพื้นที่สูงถึง 2618 เมตร

    งานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร The Cryosphere เตือนว่า หิมะกว่าครึ่งหนึ่งบนเทือกเขาAlps จะหายไปภายในปี 2050 และ 2/3 ของหิมะทั้งหมด จะละลายหายไปในปี 2100

    เกิดคำถามที่ว่า เราได้ถึงจุด point of no return แล้วหรือยัง? จุดที่สภาพอากาศเสียหายไม่สามารถหวนคืนได้อีก แม้ว่าทั่วโลกจะต้องได้รับผลกระทบเสียหายจากไวรัสโคโรนา แต่อย่าลืมว่าปี 2020 สภาพอากาศได้เสียหายไปเยอะพอสมควร ไม่ว่าจะเดือนที่ร้อนที่สุด ค่าความเข้มข้นของคาร์บอนไดออกไซด์ในขั้นบรรยากาศที่สูงที่สุด ตัวเลขสถิติต่างๆถูกทำลายลงเกือบทุกเดือน แต่ก็ยังไม่มีการเคลื่อนไหวที่เป็นรูปธรรมจากผู้นำประเทศต่างๆ ในการลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล แหล่งสร้างก๊าซเรือนกระจกสาเหตุหลักของภาวะโลกร้อน

    Cr photo Miguel Medina

    https://www.theguardian.com/world/2...ian-alps-pink-prompting-concerns-over-melting

     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ประเทศไทยเราได้รับชื่อว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่สามารถควบคุมการระบาดของไวรัสโควิดได้ดีที่สุดในโลก โดยประเทศไทยเรานั้นไม่ได้มีการระบาดระหว่างคนในประเทศเป็นเวลาเกินกว่า 40 วันมาแล้ว ในขณะที่ประเทศมหาอำนาจใหญ่ๆอื่นๆยังมีการระบาดกันอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะประเทศอย่างสหรัฐก็ยังไม่สามารถหาทางออกในการควบคุบไวรัสระบาดนี้ได้ ทำให้ประเทศไทยเรานั้นน่าจะเป็นหนึ่งในประเทศที่มีแนวโน้มเศรษฐกิจที่ดีใช่ไหม ?

    แต่... ทำไมทางนักวิเคราะห์ Bloomberg ยังถึงยกให้ #เศรษฐกิจไทยอาจเป็นประเทศที่แย่ที่สุดในเอเชียในปีนี้ ถึงแม้เราจะสามารถควบคุมการระบาดของไวรัสโควิดได้เป็นอย่างดีก็ตาม ???

    เหตุผลหลักๆมีดังนี้ครับ

    1️⃣ #ธนาคารแห่งประเทศไทยมองว่าเศรษฐกิจเราจะหดตัวลง -8.1% ในปีนี้

    ไม่ใช่แค่ทาง Bloomberg อย่างเดียวที่ไม่เชื่อมั่นในเศรษฐกิจของเรา แต่เมื่อ 2 อาทิตย์ก่อนแม้แต่ทางแบงก์ชาติของเราเองก็ยังมองว่าเศรษฐกิจไทย #จะหดตัวอย่างรุนแรงมากที่สุดในประวัติศาสตร์ โดย GDP ไทยจะ #หดตัวรุนแรงกว่าสมัยวิกฤติต้มยำกุ้ง เมื่อปี 2540 เสียอีก ที่ติดลบ -7.6% ในไปปีนั้น

    โดยปกติแล้วทางแบงก์ชาติจะเป็นผู้ที่มองตัวเลขเศรษฐกิจไทยไปในทิศทางที่ดีกว่าที่ตลาดคาด โดยจะให้ตัวเลขการเติบโตสูงกว่านักวิเคราะห์อื่นๆอยู่เสมอ เพราะฉะนั้นการที่ทางแบงก์ชาติเองยังออกมามอง GDP ติดลบหนักขนาดนี้นั้นทำให้นักลงทุนต่างกังวลกันอย่างมาก

    แม้แต่ทางนักวิเคราะห์ Bloomberg ยังมองว่า GDP ไทยปีนี้จะหดตัวที่ -6% (แต่ก็ยังแย่ที่สุดในเอเชีย) ก่อนที่จะดีดกลับขึ้นมาโต 4% ในปีหน้า

    2️⃣ #การท่องเที่ยวที่หายไปเป็นแผลใหญ่ของเรา

    ถึงแม้ว่าเราจะควบคุมการระบาดของไวรัสในประเทศได้เป็นอย่างนี้ ทุกวันนี้ประชาชนก็เริ่มกลับมาเดินห้าง จับจ่ายใช้สอยกันมากขึ้น รถก็เริ่มติดมากขึ้นทุกวัน แต่ปัญหาคือ #เงินที่ช่วยพยุงเศรษฐกิจเรามาตลอดนั้น 15% ของ GDP ไทยมาจาก #เงินของคนต่างชาติ ตราบใดที่เรายังไม่สามารถเปิดประเทศให้คนต่างชาติเข้ามาใช้จ่ายในบ้านเราได้นั้น การใช้จ่ายจากคนในประเทศนั้นไม่เพียงพอที่จะทำให้เศรษฐกิจเราโตได้อย่างแน่นอน

    ตอนนี้ประเทศเราได้ปิดการเดินทางจากคนต่างชาติไปตั้งแต่ต้นเดือนพฤษภาคม ทำให้เราขาดรายได้ในส่วนนี้ไปเกินกว่า 2 เดือนแล้ว และคาดว่าทั้งปีนี้เราจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาได้เพียง 8 ล้านคน ซึ่งน้อยกว่าตัวเลขปกติที่เราเคยรับอยู่ที่ 40 ล้านคนต่อปีอยู่ถึง 5 เท่า

    3️⃣ #การส่งออกของเรายังโดนกระทบ

    ถึงแม้จะควบคุมไวรัสในประเทศได้แต่ประเทศไทยเราก็ยังเป็นฐานการส่งออกที่สำคัญ ตราบใดที่ความต้องการใช้ของต่างประเทศลดลงเพราะไวรัสในประเทศเขา #การสั่งของจากประเทศเราก็จะลดลง และเศรษฐกิจเราก็จะโดนผลกระทบจากรายได้ที่หายไปนี้ด้วย

    ตัวเลขที่ส่งออกที่ประกาศออกมาใน 5 เดือนแรกของปีนี้ ถึงแม้จะหดตัวลงไปเพียงแค่ 2 เดือน ถือว่าประเทศไทยเรายังทำได้ดีอยู่ แต่โดยรวมแล้วน่าจะทำให้การส่งออกทั้งปีนั้นยังหดตัวลงอยู่

    4️⃣ #ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นนั้นก็ไม่ได้ช่วยให้ส่งออกง่ายขึ้นเลย

    ในขณะที่ความต้องการใช้จากต่างประเทศหดลง ค่าเงินบาทเองก็แข็งค่าขึ้นกว่า 6% ไปแล้วเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐนับตั้งแต่เกิดไวรัสระบาดขึ้น #ทำให้ส่งออกยากขึ้นไปอีก โดยค่าเงินบาทได้แข็งค่าขึ้นจาก 33 บาทต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐในเดือนเมษายน ลงมาเป็น 31 บาทต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐในเดือนมิถุนายน

    ถึงแม้ว่าทางธนาคารแห่งประเทศไทยจะรีบลดอัตราดอกเบี้ยลงมาสู่ระดับที่ต่ำที่สุดเป็นประวัติการณ์แล้วที่ 0.5% ก็ตาม ซึ่งโดยปกติการลดดอกเบี้ยนั้นจะทำให้ค่าเงินอ่อนลง แต่ในครั้งนี้กลับยังไม่เป็นผลเพราะต่างประเทศเองก็ต่างลดดอกเบี้ยกันถ้วนหน้า ทำให้ค่าเงินบาทที่แข็งแกร่งขึ้นยิ่ง #ทำให้ราคาสินค้าไทยนั้นราคาแพงขึ้นเมื่อเทียบกับข้าวของจากชาติอื่นๆ และทำให้ส่งออกยากขึ้นไปอีก

    5️⃣ #การใช้เคอร์ฟิวและการปิดกิจการต่างๆ ทำให้เศรษฐกิจหยุดชะงักไป

    เรื่องการปิดเศรษฐกิจเพื่อแลกกับการควบคุมระบาด หรือ เสี่ยงระบาดเพื่อให้เศรษฐกิจนั้นเดินต่อไป ? ได้เป็นคำถามที่ถกเถียงมากันนานในหลายๆประเทศและก็ยังไม่มีคำตอบไหนเป็นคำตอบที่ถูกต้องอย่างชัดเจน โดยทุกๆอย่างนั้นขึ้นอยู่กับองค์ประกอบเศรษฐกิจของแต่ละประเทศเป็นหลักและยังขึ้นอยู่กับดวงของประเทศนั้นด้วย

    ยกตัวอย่างเช่นประเทศ Sweden ที่แทบจะไม่ได้ทำการปิด Lock Down เลยเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านอย่าง Denmark ที่ทำการ Lock Down อย่างเคร่งครัดแบบเต็มกำลัง แต่อัตราการถดถอยของเศรษฐกิจของทั้งคู่นั้นกลับไม่ต่างกันมาก หรือแม้แต่ประเทศที่พยายาม Lock Down อย่างสหรัฐก่อนหน้านี้ก็ยังไม่สามารถควบคุมตัวเลขการระบาดได้

    เพราะฉะนั้นเราคงไม่มีทางรู้เลยว่า #หากเราไม่ได้ปิดเมืองอย่างเข้มข้นในช่วงเดือนที่ผ่านมา ไทยเราจะเป็นอย่างไร ? และเราอาจจะยังมีตัวเลขผู้ติดเชื้อระบาดอยู่ก็ได้

    อย่างไรก็ตามทาง Bloomberg มองว่าการประกาศใช้ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน การใช้เคอร์ฟิวและการปิดกิจการต่าง ๆ ทำให้การบริโภคจากประชาชนนั้นลดลงอย่างมากเป็นเวลาเกือบ 25% ของปีแล้ว เราคงต้องมาช่วยกันลุ้นว่าหลังรัฐบาลคลายมาตรการ Lock Down แล้ว ตอนนี้การใช้จ่ายของเราจะกลับมาคึกคักเหมือนเดิมกันหรือไม่

    และนี่ก็คือสรุปเหตุผลต่างๆที่ทำให้ทาง Bloomberg มองว่าเศรษฐกิจไทยอาจจะเป็นประเทศที่แย่ที่สุดในเอเชียในปีนี้

    ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามเพจของเราฝาก Like และ Share เป็นกำลังใจให้แอดด้วยหากข้อมูลนี้มีประโยชน์ ขอบคุณมากๆครับ

    #ทันโลกกับTraderKP

    ที่มา: แนบลิ้งค์ Bloomberg ไว้ในคอมเมนท์ครับ

    ✅ ติดตามข่าวสารเจาะลึกตลาดที่น่าสนใจได้อย่างทันท่วงทีกับเราได้ผ่านทาง IG และ Twitter ด้วยนะครับ ที่ User: @OilTraderKP

    www.instagram.com/oiltraderkp
    www.twitter.com/oiltraderkp

     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ชาวเน็ตแฉ “กลุ่มคนไทยในปอยเปต..ยุคโควิค 19” ในเฟซบุ๊ก อ้างสามารถลักลอบพาคนเข้าออกประเทศไทยแบบผิดกฎหมายได้อย่างสบายใจ เผยราคาสูงกว่า 3,000 บาท แต่ปลอดภัยชัวร์ 100 เปอร์เซ็นต์

    อ่านต่อ >https://news1live.com/detail/9630000070874
    ............................................
    ● อีกช่องทางติดตาม NEWS1
    Line : http://nav.cx/4tvbDJ8
    Youtube : youtube.com/c/NEWS1VDO

     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ทางองค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่าละอองฝอย (droplets) ที่มีเชื้อไวรัสโคโรนาอาจจะฟุ้งกระจายในอากาศ (airborne) ได้ และบุคคลที่อยู่ในสถานที่ปิดซึ่งมีระบบถ่ายเทอากาศที่ไม่ดีเป็นระยะเวลานานอาจมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ

    WHO ยืนยันว่าเชื้อไวรัสสามารถแพร่ระหว่างบุคคลที่ไม่แสดงอาการได้ โดยช่วง 1 -2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ทาง WHO ได้รับแรงกดดันจากผู้เชี่ยวชาญกว่า 200 คนที่ยืนยันว่าไวรัสสามารถแพร่เชื้อผ่านการฟุ้งกระจายในอากาศได้ หากอยู่ในสถานที่ปิดที่มีการรวมตัวและพูดคุยกันเป็นระยะเวลานานประมาณหนึ่ง เช่น ร้านอาหาร สถานบันเทิง หรือศาสนสถานต่าง ๆ

    ในช่วงแรกที่มีการระบาดหนัก WHO มีความเห็นว่าการแพร่เชื้อในอากาศจะเป็นความเสี่ยงเฉพาะกลุ่มบุคลากรทางสาธารณสุขเป็นหลัก แต่ด้วยหลักฐานที่ชัดเจนขึ้นในระยะหลังว่าเชื้อไวรัสสามารถฟุ้งกระจายในอากาศได้หลายชั่วโมง และมีโอกาสที่จะติดเชื้อจากการสูดหายใจเอาเชื้อเข้าไปได้ โดยทาง WHO ได้แนะนำการปฏิบัติตนเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงในการติดเชื้อไวรัสด้วยการใส่หน้ากาก และหมั่นล้างมือ รวมทั้งหลีกเลี่ยงสถานที่แออัดที่อยู่ในระบบปิดและมีระบบถ่ายเทอากาศที่ไม่ ด้านผู้เชี่ยวชาญออกมาสนับสนุนกับท่าทีการประกาศของ WHO ล่าสุด

    ภาพรวมสถานการณ์การติดเชื้อไวรัสในสหรัฐฯ ยังแย่ลง โดยผู้ติดเชื้อใหม่เมื่อวันที่ 8 ก.ค. ปรับเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดที่ 62,117 คน จำนวนผู้ป่วยที่ต้องรักษาในโรงพยาบาลปรับเพิ่มขึ้นในหลายรัฐ รวมทั้งจำนวนผู้เสียชีวิตเริ่มปรับเพิ่มขึ้นหลังจากที่ทรงตัวระดับต่ำมาต่อเนื่อง

    ตัวเลขดังกล่าวสวนทางกับท่าทีของรองประธานาธิบดี Mike Pence ที่ได้กล่าวว่าความพยายามที่ผ่านมาเริ่มเห็นผล โดยสถานการณ์ในพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดหนักเริ่มปรับดีขึ้น นอกจากนี้ ความต้องการทดสอบเชื้อไวรัสในบางรัฐปรับสูงขึ้นมากจนเกินกำลังของห้องปฏิบัติการทำให้ผลการทดสอบมีความล่าช้าเป็น 4 – 6 วัน จากปกติที่ใช้เวลา 2 – 3 วัน ผลการทดสอบที่ล่าช้าจะเป็นอุปสรรคต่อทางการในการจำกัดการแพร่ระบาดเนื่องจากไม่สามารถระบุกลุ่มคนที่มีเชื้อเพื่อทำการคัดกรองและกักกันตัวไว้ได้อย่างทันท่วงที

    ที่ผ่านมาสหรัฐฯ รัฐบาลสหรัฐฯ ได้พยายามแก้ปัญหาการขาดแคลนชุดอุปกรณ์ทดสอบและความแม่นยำของผลการทดสอบมาอย่างต่อเนื่องจนปัจจุบันสามารถรองรับการทดสอบได้วันละ 6 -7 แสนคนต่อวัน ครอบคลุมทั้งการทดสอบแบบ antibodies testing และ viral testing

    Source: BoTSS

    - Airborne transmission of coronavirus in restaurants, gyms and other closed spaces can’t be ruled out, WHO says: https://www.cnbc.com/2020/07/09/air...closed-spaces-cant-be-ruled-out-who-says.html

     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ลิงกังประจวบฯ เปลี่ยนอาชีพจากเก็บมะพร้าว หันมาเฝ้าศาลากลางจังหวัดแทน ป้องกันลิงแสมรื้อหลังคา เดือนละ 3 หมื่นบาท/ตัว สาเหตุที่ต้องใช้ลิงกังเพราะกลิ่นสาปของลิงกังส่งผลให้ลิงแสมไม่เข้าใกล้เพราะกลัวการถูกกัด เนื่องจากกังมีลักษณะตัวใหญ่กว่า เขี้ยวแหลมคม และดุนั่นเอง

    อ่านต่อ >https://news1live.com/detail/9630000070942
    ............................................
    ● อีกช่องทางติดตาม NEWS1
    Line : http://nav.cx/4tvbDJ8
    Youtube : youtube.com/c/NEWS1VDO
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    แม่ทัพภาคที่ 1 กำชับหน่วยทหารแนวชายแดนไทย-กัมพูชาฝั่งจังหวัดภาคตะวันออก เข้มสกัดแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง หลังสถิติจับกุมและผลักดันกลับประเทศห้วง 3 เดือนที่ผ่านมาจากการปิดแนวชายแดนป้องกันโควิด-19 สูงถึง 1.6 หมื่นคน

    อ่านต่อ >https://news1live.com/detail/9630000070925
    ............................................
    ● อีกช่องทางติดตาม NEWS1
    Line : http://nav.cx/4tvbDJ8
    Youtube : youtube.com/c/NEWS1VDO

     

แชร์หน้านี้

Loading...