ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ทำบุญกุศล....ด้วย "สัจจะ" ทุกวัน
แล้ว ส่งใจไปถึง

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

ส่งพระราหูคึกคัก สมัครโผล่ควงเมียร่วมพิธี​

​

ภายหลังจากที่โหราพยากรณ์ต่างออกมาทำนายทายทักตรงกันว่า ในวันที่ 17 เมษายนนี้ พระราหูจะย้ายจากราศีกุมภ์ ไปยังราศีมังกร ซึ่งจะส่งผลถึงเหตุการณ์ต่างๆ ในบ้านเมืองและมีผลกระทบต่อตัวบุคคล ที่ส่วนใหญ่มักเชื่อว่าจะเป็นไปทางลบนั้น ทำให้เมื่อเวลา 16.00 น. ที่วัดไตรมิตรวิทยาราม เขตสัมพันธวงศ์ ได้มีพิธีเจริญพระพุทธมนต์รับส่งพระราหู ย้ายลัคนาจากเรือนกุมภ์เข้าสู่เรือนมังกร ในพิธีมีการสวดพระคาถามหาราช สวดพระปริต ขอบุญบารมีปกปักรักษาประเทศชาติ ประชาชน ให้อยู่เย็นเป็นสุข ปราศจากความวุ่นวาย พิธีสวดบูชาเทวดานพเคราะห์ประจำวันเกิด และพิธีเททองหล่อพระปางป่าเลไลย์ ปางไสยาสน์ และพระไพษัชยคุรุไวฑูรยประกาตถาคต

โดยมีพระเทพภาวนาวิกรม หรือเจ้าคุณธงชัย รองเจ้าอาวาสเป็นเจ้าพิธีสงฆ์ ร่วมด้วยนายลักษณ์ เลขานิเทศน์ หมอดูชื่อดัง และบุคคลสำคัญ ข้าราชการ ศิลปินดารา ประชาชนเข้าร่วมพิธีนับพันคน อาทิ คุณหญิงสุรัตน์ สุนทรเวช ภริยานายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร อดีต รมช.ต่างประเทศ นายยุวรัตน์ กมลเวชช อดีตประธาน กกต. พล.ต.ท.ชัชวาล สุขสมจิตร ผบช.สตม. พล.ต.ท.อดิศร นนทรีย์ ผบช.ก. นายจตุพล ชมพูนิจ นักพูดชื่อดัง นิว-วงศกร ปรมัตถากร มาพร้อมกับ จุ๋ย-วรัทยา นิลคูหา ดาราช่อง 7 สี ฯลฯ

ซึ่งทางวัดจัดสถานที่ให้แขกผู้ใหญ่นั่งร่วมพิธีภายในพระอุโบสถ ส่วนด้านนอกเป็นที่นั่งของประชาชนทั่วไป และทุกคนจะได้รับแจกสายสิญจน์สำหรับใช้สวมศีรษะ ขณะที่ด้านหน้าพระอุโบสถเปิดให้ประชาชนบูชาของดำ 8 อย่าง บูชาราหูชุดละ 120 บาท และร่วมเขียนชื่อวันเดือนปีเกิดเพื่อร่วมหล่อพระ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บุคคลที่เรียกเสียงฮือฮาจากผู้มาร่วมงานได้มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรดาประชาชนทั่วไปที่มาร่วมพิธี เพราะไม่คิดว่าจะเดินทางมาร่วมพิธีดังกล่าวด้วยก็คือ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ซึ่งทางวัดไตรมิตรฯ ก็ได้เตรียมเก้าอี้ไว้ให้นายสมัคร นั่งคู่กับภริยาในพระอุโบสถ ซึ่งอยู่ด้านหลังที่นั่งของพระพรหมเมธี เจ้าอาวาสวัดไตรมิตร และเจ้าคุณธงชัย โดยคุณหญิงสุรัตน์ ภริยานายกรัฐมนตรี เดินทางมาก่อนล่วงหน้า สวมชุดขาวทั้งชุด ขณะที่นายสมัครเดินทางมาในชุดสูทสีดำ มาถึงหลังพิธีเริ่มไปแล้วประมาณชั่วโมงครึ่ง โดยเดินทางมาถึงในเวลา 17.30 น.
ขณะทางวัดกำลังทำพิธีสวดบูชานพเคราะห์ทันทีที่มาถึง พระครูภาวนาโสภณ เจ้าอาวาสวัดป่าธรรมโสภณ จ.ลพบุรี ซึ่งอ่านโองการบูชานพเคราะห์ได้ประกาศเรียนเชิญให้นายสมัครจุดธูปเทียนบูชาเทวดาทั้ง 4 ทิศ และใช้ธูปเทียนสีดำ 12 ชุด ไหว้ราหู ซึ่งเสียงประกาศดังได้ยินไปทั่วบริเวณวัด ทำให้นายสมัครต้องกวาดสายตาไปรอบๆ รวมถึงมองมาที่กลุ่มช่างภาพที่ได้รับเชิญมาบันทึกภาพภายในอุโบสถด้วย ก่อนเดินมาประกอบพิธีตามคำเชิญ

จากนั้นนายสมัครนั่งพนมมือด้วยอาการสงบจนจบพิธี และร่วมโปรยข้าวตอกดอกไม้ในเครื่องสังเวย ร่วมเททองหล่อพระในมณฑลพิธีด้านหน้าพระอุโบสถ ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่าขณะปักธูปบูชาบนเครื่องสังเวยก่อนเททอง ซึ่งประกอบไปด้วยผลไม้นานาชนิด อาทิ ส้ม กล้วย มะพร้าว รวมถึงลูกขนุน ที่คนไทยเชื่อกันว่าเป็นไม้มงคลที่จะช่วยหนุนนำสมชื่อ ปรากฏว่า นายสมัครพอปักธูปลงบนลูกขนุนแล้วก็ได้ยื่นมือจับลูกขนุนลูกใหญ่ไว้แน่นครู่หนึ่ง ก่อนที่จะร่วมเททองหล่อพระสามองค์ และรีบเดินทางกลับทันที โดยไม่ยอมให้สัมภาษณ์ใดๆ ขณะที่ต่อมาวัดไตรมิตรฯได้ประกาศผ่านเครื่องขยายเสียงถึงการเดินทางมาร่วมพิธีของนายสมัครและภริยาว่า เป็นการมาส่วนตัวในฐานะคนไทยที่เป็นชาวพุทธคนหนึ่งเท่านั้น

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้สอบถามนางจันจิรา สิงห์โตทอง อายุ 54 ปี ซึ่งมาร่วมในพิธี ถึงการที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี มาร่วมงานด้วยนั้น ว่าทราบมาก่อนแล้วว่านายสมัครจะมาร่วมพิธีพร้อมภริยา ซึ่งไม่ได้เห็นว่าเป็นเรื่องแปลกที่นายสมัครจะมาร่วมพิธี เพราะคนไทยก็ร่วมพิธีบูชาราหูกันทั่วประเทศ และทางวัดก็ประกาศออกมาชัดเจนว่า นายสมัครมาในฐานะชาวพุทธคนหนึ่ง ไม่ได้แอบใครมา แต่อาจจะแปลกตรงที่เป็นนายกรัฐมนตรี แล้วมาไหว้ราหู คนที่ไม่เชื่อเรื่องแบบนี้ก็จะกล่าวหาว่าเป็นคนงมงาย แต่เชื่อว่าท่านคงคิดดีแล้วจึงมาร่วมพิธี

ด้านเจ้าคุณธงชัยกล่าวถึงการจัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์รับส่งราหูว่า เพื่อให้มั่นใจในพระรัตนตรัย อำนาจการเจริญพระพุทธมนต์จะทำให้เกิดสิริมงคลแก่ผู้มาร่วมในพิธี ซึ่งผลของราหูย้ายราศีจะครอบคลุมทุกคน หนักเบาบ้างตามกำลังรวมทั้งสังคม เศรษฐกิจ ทั้งนี้ ราหูจะอยู่ในราศีมังกรนานประมาณ 1 ปีเศษ สำหรับพิธีในครั้งนี้จัดขึ้นแบบโบราณ สวดคาถามหาราช หรือบูชาท้าวจตุโลกบาลทั้งสี่ ซึ่งเป็นบทสวดคุ้มครองป้องกันภัย ส่วนการสวดพระปริตร หรือสวดนพเคราะห์ 9 จบ โดยพระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ 12 รูป ตามกำลังพระราหู เพื่อให้เข้าถึงเทวดา และการเททองหล่อพระเชื่อว่าจะช่วยคุ้มครอง ป้องกันภัยประเทศชาติ ประชาชน ให้อยู่เย็นเป็นสุข ขออย่าได้ตระหนกตกใจในการที่ราหูย้ายราศีในครั้งนี้

อย่างไรก็ดี นายภิญโญ พงศ์เจริญ นายกสมาคมโหราศาสตร์นานาชาติ กล่าวถึงเรื่องการรับราหูเข้าราศีมังกรในวันที่ 17 เม.ย. ว่า ทางโหราศาสตร์ถือว่าราหูเป็นเทพเคราะห์องค์หนึ่ง ในความหมายคือบาปพระเคราะห์ ถือว่าเป็นเคราะห์ที่รุนแรง การที่ราหูยกจากราศีกุมภ์เข้าราศีมังกร ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงทางดวงเมืองอยู่แล้ว แต่ในเดือนนี้ยังมีดาวต่างๆ ที่ยกจากราศีหนึ่งไปยังอีกราศีหนึ่งเป็นจำนวนมาก อาทิ ดาวพฤหัสฯ ยกจากราศีธนูเข้าราศีมังกร ดาวอังคารยกจากราศีเมถุนเข้าราศีกรกฎ ดาวศุกร์ยกจากราศีมีนเข้าราศีเมษ ดาวอาทิตย์ยกจากราศีมีนเข้าราศีมังกร และดาวพุธ ยกจากราศีมีนเข้าราศีเมษ ทำให้มีการเปลี่ยนแปลงกับดวงบ้านดวงเมืองสามช่วงด้วยกันในระยะเวลาอันใกล้นี้คือ ปลายเดือนเมษายน หรือกลางเดือนพฤษภาคม อาจมีการปรับเปลี่ยน ครม. ในรัฐบาลชุดนายสมัครเกิดขึ้นได้ อีกช่วงหนึ่ง ประมาณเดือนสิงหาคมจะมีการเปลี่ยนแปลงอีกครั้งในการปรับ ครม. แต่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สุดจะเกิดขึ้นภายหลังวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2552 แต่ยังไม่รู้ว่าเป็นอะไร

นายกสมาคมโหราศาสตร์นานาชาติ ยังกล่าวถึงดวงของนายสมัคร สุนทรเวช ด้วยว่า ราหูทับลัคณา และราศีเกิด คือราศีมังกร ต้องระวังเรื่องของสุขภาพ อย่าเชื่อ คนปากหวานที่จิตใจไม่ซื่อจะพาไปประกอบธุรกิจที่เสี่ยงหรือเรื่องที่ไม่ดี และห้ามเดินทางไกลจะไม่เป็นผลดี ส่วนดวงของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในตอนนี้ถือว่าดีแล้วที่ไปทำบุญเพราะดวงของ พ.ต.ท. ทักษิณยังไม่พ้นเคราะห์ จากกรรมเก่าๆที่ทำไว้ จะส่งผลให้เสียทรัพย์ เกิดภัยอันตราย สุดท้ายต้องระวังเรื่องสุขภาพ ถ้าเป็นไปได้จงใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังจะอยู่รอดปลอดภัย

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากพระเทพภาวนาวิกรม หรือเจ้าคุณธงชัย ถึงการเดินทางมาร่วมพิธีเจริญพระพุทธมนต์รับส่งพระราหูฯในครั้งนี้ของนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ว่า ปกตินายกรัฐมนตรี ก็คุ้นเคยกับทางวัดไตรมิตรฯ มานานตั้งแต่อดีตเจ้าอาวาสองค์เก่า และท่านกับภริยาเดินทางมาไหว้พระทองคำอยู่ บ่อยๆ และมาดูงานก่อสร้างพระมหามณฑปประดิษฐานพระทองคำหลายครั้ง ทางวัดจึงเชิญท่านไปให้มาร่วมในพิธีครั้งนี้ ซึ่งท่านก็ตอบตกลงที่จะมาด้วยความยินดี เพราะเห็นว่าเป็นพิธีที่จะทำให้บ้านเมืองสงบ ร่มเย็น และในพิธีมีการหล่อพระ ซึ่งท่านก็เห็นว่าเป็นเรื่องที่เป็นสิริมงคล จึงไม่ขัดข้องที่จะมาร่วมในพิธี ทั้งที่ก่อนหน้านี้ทั้งท่านนายกฯและภริยา ก็ไม่เคยมาร่วมพิธีลักษณะนี้ที่วัดไตรมิตรฯ จัดมาก่อน นอกจากมากราบหลวงพ่อทองคำอย่างเดียว

ที่มา http://hilight.kapook.com/view/22906​

 

ขอให้พี่เกษมหายไวๆนะครับ

 

ขอให้คุณเกษมหายจากไข้หวัดเร็วๆนะครับ

 

โลกนี้คือละคร<O</O
โลกนี้คือละครโรงใหญ่ที่ต่างคนก็มีบทบาทของตัวเองแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับกรรมดีและกรรมชั่วที่สร้างข้ามภพข้ามชาติกันมาไม่รู้จากจบจากสิ้น บางคนเริ่มรู้ตัวและเข้าใจในเรื่องกฎแห่งกรรมก็เร่งสร้างแต่ความดี ผู้ที่ไม่รู้ก็เพิ่มความชั่วเข้าไปอีก วันดีคืนดีก็ต้องทำความสะอาดโลกกันสักครั้ง เป็นวัฏจักรของการเวียนเกิดเวียนตายนั่นเอง<O</O

ท่านจะเป็นผู้เล่นหรือผู้ดู ถ้าเป็นผู้เล่นก็ต้องเหนื่อยอยู่ตลอดเวลา ส่วนผู้ดูจะเหนื่อยน้อยกว่าผู้เล่นเพราะผู้ดูจะเล่นก็จะใช้สติก่อนการเล่นทุกครั้ง <O</O
ผู้กำกับหรือผู้เขียนบทให้ท่านเล่นในเมืองมนุษย์ ท่านก็ใช้การกระทำของท่านในภพก่อนๆมาเป็นบทแสดงให้ท่านต้องแสดงจากกรรมดีและกรรมไม่ดีของท่านเอง ดังนั้นผู้ที่เกิดมาทุกคนจึงมีสิทธิ์เท่าเทียมกันในการทำความดีและความชั่ว อยู่ที่จิตใต้สำนึกว่าใฝ่ดีหรือใฝ่ชั่วมากกว่ากัน โลกมนุษย์จึงเป็นภพภูมิสำหรับให้ท่านแก้ไขตัวเอง นรกภูมิเป็นสถานที่ลงโทษของวิญญาณที่ทำไม่ดี ส่วนสวรรค์เป็นที่ๆเสวยสุขสำหรับผู้ที่ทำดี<O</O
ถ้าไม่ต้องการกลับมาเกิด ไม่ว่าจะเกิดเป็น เทวดา มนุษย์หรือสัตว์ จะต้องฝึกจิตของตัวเองให้ถึง ไม่รู้ทุกข์ ไม่รู้สุข ถึงจะเข้าสู่ภูมิพระ<O</O
ที่เขียนบทความนี้มาเพื่อให้ท่านทั้งหลายได้เข้าใจและไม่ต้องกังวลถึงเรื่องต่างๆ ที่จะเกิดในอนาคตอันใกล้นี้หรืออันไกลที่ยังมาไม่ถึง เช่น ภัยธรรมชาติ ภัยสงครามจากที่ไกลตัวหรือที่ใกล้ตัว เพราะมันเป็นเช่นนี้เอง สิ่งที่จะเกิด เกิดจากการสมติทั้งสิ้น แต่การสมติก็เอาจากเหตุการณ์ที่คนบนโลกได้กระทำขึ้น <O</O
ผมเคยอ่านหนังสือเล่มหนึ่ง ในหนังสือได้กล่าวถึง องค์เทวราชองค์หนึ่งท่านได้แยกญาณลงมาในสมัย พ.ศ. 2112 และได้ทำการปกป้องประเทศไทยได้สำเร็จและยังอ่านเจอบทความในเว็บนี้ว่า พระพุทธองค์ องค์หนึ่ง ได้แบ่งภาคมาเป็นพระอริยสงฆ์ลงมาช่วยเหลือในภัยพิบัติครั้งนี้ด้วย ผมจึงขึ้นต้นบทความไว้ว่า โลกนี้คือละคร มันเป็นเรื่องถูกสมติขึ้นจากความดีและความเลวของคนบนโลกใบนี้ทั้งสิ้น<O</O
<O</O
<O</O
<O</O
<O</O

 

ขอบคุณครับ

ถามเป็นการส่วนตัวครับ ขอคำแนะนำครับ
ผมสงสัยว่า คนที่ลงมาช่วยเขาจะมีกรรมติดตามมาหรือไม่ ?
ถ้าใช่ เหตุใดเขาต้องมาเสียเวลามาชดใช้กรรมเก่าของเขาด้วยครับ
เพราะบางครั้งการทำการใหญ่อาจต้องเีสียสละศีล อาจทำให้เกิดกรรม
อาจกลายเป็นอุปสรรคต่อการทำหน้าที่ได้

ขอบคุณครับ

 

*** โลกละคร ****

นิสัย....คือ บทละคร
ตัวละคร....ละทิ้งนิสัยหมด
ก็หลุดพ้น...โรงละครชื่อ "โลก"

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

ขอบคุณครับ (y)

ละทิ้งอย่างไรครับ
รัก(ping)โกรธ(evil)โลภ:555: หลง:'( กับ เหตุผล เราเลือกอะไร

 

*** ตัด ****

ตัดสิ่งไม่ดี...ด้วย "สัจจะ"
ฝึกฝนจิตวิญญาณตนเอง....ด้วย "สัจจะ"

ตั้งใจกำหนดความชัดเจนให้ตนเอง
ไม่ทำสิ่งที่ไม่ดี วันละชั่วโมง เป็นเวลา ๑ เดือน
ทำสิ่งที่ดี วันละชั่วโมง เป็นเวลา ๑ เดือน
แล้วทำชั่วโมงของสัจจะ...ให้เกิดขึ้นมาในชีวิตของเรา


สัจจะ...ไม่โกรธ มีกำหนด ๘ โมง - ๙ โมงเช้า เป็นเวลา ๑ เตือน
แล้ว...ดินฟ้าอากาศ จะเป็นพยานในการกระทำ

ท่านต้องให้ความชัดเจนกับตนเอง จะทำอะไร แค่ไหน
สัจจะ...คือ สัญญาใจ

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

กรรมมีทุกคนละครับ มากหรือน้อย หนักหรือเบา เท่านั้นเอง ตราบใดที่เรายัง

มองทุกอย่างบนโลกเป็นของเรา มีตัวตน มีสิ่งที่เรายังยึดอยู่ กรรมก็ย่อมยังมี

อยู่เสมอ บนโลกใบนี้ เพียงแค่คิดจะยึดอะไรเป็นของเรา สิ่งนี้ก็เรียกว่าเป็นกรรม

แล้วครับ

ปล. พิมพ์มาได้ไงหว่า เหมือนไม่ได้คิดเลยแหะ เอ๊ะ งง

 

การเกิดใหม่...เป็นการชดใช้กรรมไปหมดแล้ว
แต่....ผลการกระทำ ตั้งแต่วันที่เกิดขึ้นมา... มันไม่สูญสลาย ติดตัวไป และส่งผลตอบแทนอยู่ตลอด

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=650 border=0><TBODY><TR><TD style="PADDING-RIGHT: 5px; PADDING-LEFT: 5px; PADDING-BOTTOM: 5px; PADDING-TOP: 5px" vAlign=top width=650>

ความหมายของคำถวายสัตย์ปฏิญาณ

และพระบรมราโชวาท ​

โดย วสิษฐ เดชกุญชร มติชนรายวัน วันที่ 09 สิงหาคม พ.ศ. 2548 ปีที่ 28 ฉบับที่ 10013

การเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทของนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี ซึ่งเพิ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งใหม่ 17 คน ที่พระตำหนักเปี่ยมสุข วังไกลกังวล อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันพุธที่ 3 สิงหาคม ปีนี้นั้น เป็นการเฝ้าฯเพื่อถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนรับหน้าที่ และเป็นไปตามบทบัญญัติในมาตรา 205 แห่งรัฐธรรมนูญ

คำถวายสัตย์ปฏิญาณนั้น มีดังนี้

"ข้าพระพุทธเจ้า (ชื่อผู้ปฏิญาณ) ขอถวายสัตย์ปฏิญาณว่า ข้าพระพุทธเจ้าจะจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ และจะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน ทั้งจะรักษาไว้และปฏิบัติตามซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกประการ"

คำว่า "สัตย์ปฏิญาณ" นั้นประกอบด้วยสองคำ คือ "สัตย์" คำหนึ่ง และ "ปฏิญาณ" อีกคำหนึ่ง "สัตย์" นั้นเป็นคำนาม สะกดแบบสันสกฤต ถ้าสะกดแบบบาลีก็เป็น "สัจ" หรือ "สัจจ" แปลอย่างเดียวกันว่าความจริง ส่วน "ปฏิญาณ" นั้นเป็นคำกริยา สะกดแบบบาลี แบบสันสกฤตสะกดเป็น ปรติชญาน) แปลว่าให้คำมั่นสัญญา

"ถวายสัตย์ปฏิญาณ" จึงแปลว่า ถวาย(ให้) คำมั่นสัญญาอันเป็นความจริงแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

ผมดูข่าวนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีเฝ้าฯ ในวันนั้นทางวิทยุโทรทัศน์ จึงมีโอกาสได้ยินพระบรมราโชวาทที่พระราชทานโดยตลอด ใครที่ไม่ได้ดูจึงอาจจะไม่รู้ว่า พระบรมราโชวาทที่พระราชทานในวันนั้น พระเจ้าอยู่หัวพระราชทานจากพระโอษฐ์(ปาก) มิได้ทรงอ่านจากพระราชหัตถเลขาที่ทรงเตรียมไว้ล่วงหน้า

จึงเป็นพระราชดำรัสที่มาจากพระราชหฤทัย (พูดจากใจ) โดยแท้ และเป็นคำตอบที่พระราชทานแก่ผู้ถวายสัตย์ปฏิญาณโดยตรงด้วย พระบรมราโชวาทองค์นั้นไม่ยืดยาวเยิ่นเย้อ แต่กะทัดรัดและชัดเจน ตรัสว่าคำถวายสัตย์ปฏิญาณตามรัฐธรรมนูญนั้น "เป็นคำที่ไม่ยาก แต่มีความสำคัญ" ทรงขอให้ผู้ถวายสัตย์ปฏิญาณพิจารณาว่า "คำพูดของท่านมีความหมายอะไรบ้าง"

เฉพาะส่วนนี้ ใครได้ฟังก็ต้องเข้าใจว่า ทรงหมายความถึงสาระสำคัญของคำถวายสัตย์ปฏิญาณนั้นเอง และหากจะย้อนกลับไปดูคำถวายสัตย์ปฏิญาณที่ผมคัดมาเขียนแล้วข้างต้นก็จะเห็นว่า มีสาระสำคัญสามประการ คือ

. ความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์
. การปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน และ
. การรักษาไว้และปฏิบัติตามซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย

ทรงกำชับว่าขอให้ผู้ถวายสัตย์ปฏิญาณ "ไปพิจารณา ระลึกถึงความหมาย ถึงคำที่พูดมา"
และว่า "ถ้าปฏิบัติตามคำที่พูดมานี้โดยเคร่งครัด ก็ถือเป็นมงคลกับท่านเอง" ตรงนี้ แม้จะมิได้รับสั่ง แต่ผู้ฟังก็ควรจะเข้าใจได้เองว่า ถ้าไม่ปฏิบัติตามคำพูด (คือคำถวายสัตย์ปฏิญาณ) โดยเคร่งครัด ก็เป็นอัปมงคล

ตรัสต่อไปด้วยว่า การปฏิบัติตามคำพูด(คือคำถวายสัตย์ปฏิญาณ) นั้น "เป็นความดีของประเทศชาติที่จะรักษาความมั่นคงได้" และ "ถ้ารักษาความมั่นคงของประเทศไม่ได้ ก็เป็นสิ่งที่ไม่ดี และจะทำให้ประเทศชาติล่มจมได้"

พึงสังเกตว่า ตั้งแต่ต้นจนกระทั่งถึงท้ายพระบรมราโชวาทองค์นั้น ทรงเน้นการรักษาสัตย์โดยตลอด ทรงเตือนให้คิดพิจารณาโดยรอบคอบว่าได้พูดอะไรออกไป และจะทำอะไรต่อไป(ตามที่พูด) ถ้าทำถูกต้อง(ตามที่พูด) ก็จะเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมและต่อตัวเองด้วย

ในตอนจบ พระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาพระราชทานพร ขอให้ผู้เฝ้าฯถวายสัตย์ปฏิญาณ "มีความสำเร็จในการรักษาสัตย์นี้" และตรัสด้วยว่า "ถ้าท่านมีความสำเร็จในการรักษาสัตย์นี้ ถ้าท่านมีความสำเร็จแล้ว ท่านจะประสบความสุขความเจริญ" ไม่ได้รับสั่งว่าหากไม่รักษาสัตย์ หรือรักษาสัตย์ไม่สำเร็จ จะเกิดอะไรกับผู้ถวายสัตย์ปฏิญาณ


ที่มา http://www.nidambe11.net/ekonomiz/2005q3/article2005aug09p1.htm​

</TD></TR></TBODY></TABLE><!--BEGIN WEB STAT CODE----><SCRIPT language=javascript1.1 src="http://truehits2.gits.net.th/data/n0025112.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://hits.truehits.in.th/func/th_donate_1.6.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://hits.truehits.in.th/func/th_common_1.4.js"></SCRIPT><!--END WEB STAT CODE---->

<!--BEGIN WEB STAT CODE----><SCRIPT language=javascript1.1 src="http://truehits2.gits.net.th/data/n0025112.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://hits.truehits.in.th/func/th_donate_1.6.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://hits.truehits.in.th/func/th_common_1.4.js"></SCRIPT><!--END WEB STAT CODE---->

 

ขอให้พี่เกษมหายเร็วๆครับ และขอให้บุญจากการร่วมกันสร้างพระพุทธรูปสมเด้จองค์ปฐมทันใจที่วัดบางกุ้งครั้งนี้จงส่งผลมหากุศล ถึงพี่ๆ น้องๆ เพื่อนๆ ทุกๆคน ในเวบไซท์พลังจิตโดยถ้วนทั่วกันด้วยครับ

 

คำทำนายในคัมภีร์ไบเบิ้ล
เรื่องวันพิพากษาโลก(มัทธิว 24)​

24:1 ฝ่ายพระเยซูทรงออกจากพระวิหาร แล้วพวกสาวกของพระองค์มาชี้ตึกทั้งหลายในพระวิหารให้พระองค์ทอดพระเนตร

24:2 พระเยซูจึงตรัสกับเขาว่า "สิ่งสารพัดเหล่านี้พวกท่านเห็นแล้วมิใช่หรือ เราบอกความจริงแก่ท่านว่า ศิลาที่ซ้อนทับกันอยู่ที่นี่ ซึ่งจะไม่ถูกทำลายลงก็ไม่มี"

24:3 เมื่อพระองค์ประทับบนภูเขามะกอกเทศ พวกสาวกมาเฝ้าพระองค์ส่วนตัวกราบทูลว่า "ขอทรงโปรดให้ข้าพระองค์ทั้งหลายทราบว่า เหตุการณ์เหล่านี้จะบังเกิดขึ้นเมื่อไร สิ่งไรเป็นหมายสำคัญว่าพระองค์จะเสด็จมา และวาระสุดท้ายของโลกนี้"

24:4 พระเยซูตรัสตอบเขาว่า "ระวังให้ดี อย่าให้ผู้ใดล่อลวงท่านให้หลง

24:5 ด้วยว่าจะมีหลายคนมาต่างอ้างนามของเรา กล่าวว่า `เราเป็นพระคริสต์' เขาจะล่อลวงคนเป็นอันมากให้หลงไป

24:6 ท่านทั้งหลายจะได้ยินถึงเรื่องสงครามและข่าวลือเรื่องสงคราม คอยระวังอย่าตื่นตระหนกเลย ด้วยว่าบรรดาสิ่งเหล่านี้จำต้องบังเกิดขึ้น แต่ที่สุดปลายยังไม่มาถึง

24:7 เพราะประชาชาติต่อประชาชาติ ราชอาณาจักรต่อราชอาณาจักรจะต่อสู้กัน ทั้งจะเกิดกันดารอาหาร โรคติดต่อร้ายแรงและแผ่นดินไหวในที่ต่างๆ

24:8 เหตุการณ์ทั้งปวงนี้เป็นขั้นแรกแห่งความทุกข์ลำบาก

24:9 ในเวลานั้นเขาจะมอบท่านทั้งหลาย ไว้ให้ทนทุกข์ลำบากและฆ่าท่านเสีย และประชาชาติต่างๆ จะเกลียดชังพวกท่านเพราะนามของเรา

24:10 คราวนั้นคนเป็นอันมากจะถดถอยไปและทรยศกันและกัน ทั้งจะเกลียดชังซึ่งกันและกัน

24:11 ผู้พยากรณ์เท็จหลายคนจะเกิดมีขึ้นและล่อลวงคนเป็นอันมากให้หลงไป

24:12 ความรักของคนเป็นอันมากจะเยือกเย็นลง เพราะความชั่วช้าจะแผ่กว้างออกไป

24:13 แต่ผู้ใดทนได้จนถึงที่สุด ผู้นั้นจะรอด

24:14 ข่าวประเสริฐเรื่องอาณาจักรนี้จะได้ประกาศไปทั่วโลกให้เป็นคำพยานแก่บรรดาประชาชาติ แล้วที่สุดปลายจะมาถึง

24:15 เหตุฉะนั้น เมื่อท่านทั้งหลายเห็นสิ่งที่น่าสะอิดสะเอียนซึ่งกระทำให้เกิดการรกร้างว่างเปล่า ที่ดาเนียลศาสดาพยากรณ์ได้กล่าวถึงนั้น ตั้งอยู่ในสถานบริสุทธิ์" (ผู้ใดก็ตามที่ได้อ่านก็ให้ผู้นั้นเข้าใจเอาเถิด)

24:16 "เวลานั้นให้ผู้ที่อยู่ในแคว้นยูเดียหนีไปยังภูเขา

24:17 ผู้ที่อยู่บนดาดฟ้าหลังคาบ้าน อย่าให้ลงมาเก็บข้าวของออกจากบ้านของตน

24:18 ผู้ที่อยู่ตามทุ่งนา อย่าให้กลับไปเอาเสื้อผ้าของตน

24:19 แต่ในวันเหล่านั้น อนิจจา น่าสงสารหญิงที่มีครรภ์ หรือมีลูกอ่อนกินนมอยู่

24:20 จงอธิษฐานขอเพื่อการที่ท่าน ต้องหนีนั้นจะไม่ตกในฤดูหนาวหรือในวันสะบาโต

24:21 ด้วยว่าในคราวนั้นจะเกิดความทุกข์ลำบากใหญ่ยิ่ง อย่างที่ไม่เคยมีตั้งแต่เริ่มโลกมาจนถึงทุกวันนี้ และในเบื้องหน้าจะไม่มีต่อไปอีก

24:22 ถ้ามิได้ทรงให้วันเหล่านั้นย่นสั้นเข้า จะไม่มีเนื้อหนังใดๆรอดได้เลย แต่เพราะทรงเห็นแก่ผู้เลือกสรร จึงทรงให้วันเหล่านั้นย่นสั้นเข้า

24:23 ในเวลานั้นถ้าผู้ใดจะบอกพวกท่านว่า `ดูเถิด พระคริสต์อยู่ที่นี่' หรือ `อยู่ที่โน่น' อย่าได้เชื่อเลย

24:24 ด้วยว่าจะมีพระคริสต์เทียมเท็จและผู้พยากรณ์เทียมเท็จหลายคนเกิดขึ้น และจะทำหมายสำคัญอันใหญ่และการมหัศจรรย์ ถ้าเป็นไปได้จะล่อลวงแม้ผู้ที่ทรงเลือกสรรให้หลง

24:25 ดูเถิด เราได้บอกท่านทั้งหลายไว้ก่อนแล้ว

24:26 เหตุฉะนั้น ถ้าใครจะบอกท่านทั้งหลายว่า `ดูเถิด ท่านผู้นั้นอยู่ในถิ่นทุรกันดาร' ก็จงอย่าออกไป หรือจะว่า `ดูเถิด อยู่ที่ห้องใน' ก็จงอย่าเชื่อ

24:27 ด้วยว่าฟ้าแลบมาจากทิศตะวันออกส่องไปจนถึงทิศตะวันตกฉันใด การเสด็จมาของบุตรมนุษย์ก็จะเป็นฉันนั้น

24:28 ซากศพอยู่ที่ไหน ฝูงนกอินทรีก็จะตอมกันอยู่ที่นั่น

24:29 แต่พอสิ้นความทุกข์ลำบากแห่งวันเหล่านั้นแล้ว `ดวงอาทิตย์จะมืดไปและดวงจันทร์จะไม่ส่องแสง ดวงดาวทั้งปวงจะตกจากฟ้า และบรรดาสิ่งที่มีอำนาจในท้องฟ้าจะสะเทือนสะท้าน'

24:30 เมื่อนั้นหมายสำคัญแห่งบุตรมนุษย์จะปรากฏขึ้นในท้องฟ้า `มนุษย์ทุกตระกูลทั่วโลกจะไว้ทุกข์' แล้วเขาจะเห็น `บุตรมนุษย์เสด็จมาบนเมฆในท้องฟ้า' ทรงฤทธานุภาพและสง่าราศีเป็นอันมาก

24:31 พระองค์จะทรงใช้เหล่าทูตสวรรค์ของพระองค์มาด้วยเสียงแตรอันดังยิ่งนัก ให้รวบรวมคนทั้งปวงที่พระองค์ทรงเลือกสรรไว้แล้วทั้งสี่ทิศนั้น ตั้งแต่ที่สุดฟ้าข้างนี้จนถึงที่สุดฟ้าข้างโน้น

24:32 จงเรียนคำอุปมาเรื่องต้นมะเดื่อ เมื่อแตกกิ่งแตกใบ ท่านก็รู้ว่าฤดูร้อนใกล้จะถึงแล้ว

24:33 เช่นนั้นแหละ เมื่อท่านทั้งหลายเห็นบรรดาสิ่งเหล่านั้น ก็ให้รู้ว่าพระองค์เสด็จมาใกล้จะถึงประตูแล้ว

24:34 เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า คนชั่วอายุนี้จะไม่ล่วงลับไปก่อนสิ่งทั้งปวงนั้นจะสำเร็จ

24:35 ฟ้าและดินจะล่วงไป แต่คำของเราจะสูญหายไปหามิได้เลย

24:36 แต่วันนั้น โมงนั้น ไม่มีใครรู้ ถึงบรรดาทูตสวรรค์ก็ไม่รู้ รู้แต่พระบิดาของเราองค์เดียว

24:37 ด้วยสมัยของโนอาห์ได้เป็นอย่างไร เมื่อบุตรมนุษย์เสด็จมาก็จะเป็นอย่างนั้นด้วย

24:38 เพราะว่าเมื่อก่อนวันน้ำท่วมนั้น คนทั้งหลายได้กินและดื่มกัน ทำการสมรสและยกให้เป็นสามีภรรยากัน จนถึงวันที่โนอาห์เข้าในนาวา

24:39 และน้ำท่วมมากวาดเอาเขาไปสิ้น โดยไม่ทันรู้ตัวฉันใด เมื่อบุตรมนุษย์เสด็จมาก็จะเป็นฉันนั้นด้วย

24:40 เมื่อนั้นชายสองคนอยู่ที่ทุ่งนา จะทรงรับคนหนึ่ง ทรงละคนหนึ่ง

24:41 หญิงสองคนโม่แป้งอยู่ที่โรงโม่ จะทรงรับคนหนึ่ง ทรงละคนหนึ่ง

24:42 เหตุฉะนั้นจงเฝ้าระวังอยู่ เพราะท่านไม่รู้ว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าของท่านจะเสด็จมาเวลาไหน

24:43 จงจำไว้ว่า ถ้าเจ้าของบ้านล่วงรู้ได้ว่าขโมยจะมายามไหน เขาจะตื่นอยู่และเฝ้าระวัง ไม่ให้ทะลวงเรือนของเขาได้

24:44 เหตุฉะนั้น ท่านทั้งหลายจงเตรียมพร้อมไว้ เพราะในโมงที่ท่านไม่คิดไม่ฝันนั้นบุตรมนุษย์จะเสด็จมา

24:45 ใครเป็นผู้รับใช้สัตย์ซื่อและฉลาด ที่นายได้ตั้งไว้เหนือพวกผู้รับใช้สำหรับแจกอาหารตามเวลา

24:46 เมื่อนายมาพบเขากระทำอยู่อย่างนั้น ผู้รับใช้ผู้นั้นก็จะเป็นสุข

24:47 เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า นายจะตั้งเขาไว้ให้ดูแลบรรดาข้าวของของท่าน

24:48 แต่ถ้าผู้รับใช้นั้นชั่วและคิดในใจว่า `นายของข้าคงมาช้า'

24:49 แล้วจะตั้งต้นโบยตีเพื่อนผู้รับใช้และกินดื่มอยู่กับเพื่อนขี้เมา

24:50 นายของผู้รับใช้ผู้นั้นจะมาในวันที่เขาไม่คิด ในโมงที่เขาไม่รู้

24:51 และจะทำโทษเขาถึงสาหัส ทั้งจะขับไล่ให้เขาไปอยู่ในที่ของพวกคนหน้าซื่อใจคด ซึ่งที่นั่นจะมีแต่การร้องไห้ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน"

ที่มา http://www.bibles-for-the-world.com/thai/40_024.php
​

 

คุณเกษมขอให้หายโรคไข้หวัดใหญ่เร็ว ๆ นะคับ
ขอให้มีสุขภาพดีตลอดปี และตลอดไปคับ

 

10 ปรากฎการณ์ประหลาด จากเหตุ"โลกร้อน!"

​

ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากภัย "โลกร้อน" ไม่เพียงแต่ก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดเจน อาทิ อากาศร้อนขึ้น น้ำแข็งขั้วโลกละลาย หรือระดับน้ำทะเลโลกสูงขึ้นเท่านั้น แต่ปัจจุบันยังเป็นต้นเหตุของปรากฎการณ์แปลกๆ มากมาย ซึ่งเกี่ยวพันกับการหายสาบสูญของทะเลสาบ โรคภูมิแพ้โดยไม่ทราบสาเหตุ วิถีโคจรของดาวเทียมในอวกาศ ฯลฯ

สารภูมิแพ้แพร่ระบาด

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ ในประเทศสหรัฐอเมริกาได้เกิดปรากฎการณ์ประหลาดขึ้นทุกๆ ช่วงฤดูใบไม้ผลิ นั่นคือ ประชาชนไอ จาม ป็นภูมิแพ้ และหอบหืดกันง่ายขึ้นและบ่อยขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุ จากการศึกษาที่ผ่านมา พบว่า วิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปกับสภาพมลพิษในอากาศ เป็นสาเหตุสำคัญของอาการดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม มีงานวิจัยใหม่ๆ ชี้ให้เห็นว่า วิกฤตอุณหภูมิโลกร้อนขึ้นและมีระดับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศมากขึ้น คือต้นเหตุทำให้พืชพรรณต่างๆ ผลิใบเร็วกว่าเดิม ขณะเดียวกันปริมาณละอองเกสรที่ฟุ้งกระจายไปตามอากาศก็มากขึ้นเช่นกัน คนที่เป็นภูมิแพ้หรือหอบหืดเมื่อสูดละอองเหล่านี้เข้าไปมากๆ อาการจึงกำเริบง่าย

สัตว์อพยพไร้ที่อยู่

ผลกระทบจากปัญหาโลกร้อน ทำให้สัตว์บางชนิด เช่น กระรอก ตัวชิปมังก์ หรือแม้กระทั่งหนู ต้องอพยพหนีขึ้นไปอยู่บนที่สูงขึ้น

สัตว์ที่กำลังเผชิญปัญหาใหญ่ ได้แก่ "หมีขั้วโลก" ที่ในอนาคตอาจมีชีวิตอยู่ในถิ่นฐานเดิมแถบอาร์กติก ขั้วโลกเหนือไม่ได้ เนื่องจากธารน้ำแข็งละลายอย่างรวดเร็ว

"พืช" ขั้วโลกคืนชีพ

ช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา ผลจากภาวะน้ำแข็งขั้วโลกละลายเพราะโลกร้อน ส่งผลต่อการดำรงอยู่ของพืชและสัตว์จำนวนมาก ตามปกติ พืชแถบอาร์กติกจะถูกปกคลุมอยู่ในน้ำแข็งตลอดทั้งปี

แต่ปัจจุบัน เมื่อน้ำแข็งละลายมากขึ้นเรื่อย โดยเฉพาะในช่วงก่อนฤดูใบไม้ผลิต จึงทำให้พืชที่เคยถูกห่อหุ้มด้วยน้ำแข็งกลายเป็นอิสระ สามารถเริ่มกระบวนการสังเคราะห์แสงและกลับมาเติบโตขึ้นอีกครั้ง กลายเป็นอีก 1 ปรากฎการณ์ใหม่ของพื้นที่ขั้วโลกเหนือ

ทะเลสาบหายสาบสูญ

เรื่องประหลาดๆ ที่เกิดขึ้นในเขตอาร์กติก หรือ ขั้วโลกเหนือยังไม่หมดแค่นั้น มีงานวิจัยชี้ให้เห็นว่า ในช่วง 20-30 ปีที่ผ่านมา "ทะเลสาบ" ประมาณ 125 แห่งได้หายสาบสูญไปจากเขตอาร์กติก เป็นสัญญาณหนึ่งที่ช่วยให้เห็นว่า ภัยโลกร้อนส่งผลกระทบเร็วมากต่อสภาพแวดล้อมแถบขั้วโลก

สาเหตุที่ทะเลสาบหายไปก็เพราะ "เพอร์มาฟรอส" ที่เป็นน้ำแข็งแข็งตัวอยู่ใต้พื้นทะเลสาบนั้นละลายหมดสิ้นไป ดังนั้น น้ำในทะเลสาบจึงซึมเข้าสู่พื้นดินข้างใต้ได้ เหมือนกับเวลาเราดึงจุกปิดน้ำออกจากอ่างอาบน้ำแล้วน้ำจึงไหลหมดไปจากอ่างนั่นเอง

นอกจากนี้ การที่ทะเลสาบขั้วโลกหายวับไป ยังส่งผลลูกโซ่ปั่นป่วนไปถึงระบบนิเวศในพื้นที่ที่พึ่งพิงน้ำจากทะเลสาบอีกด้วย

น้ำแข็งใต้พื้นโลกละลาย

ภาวะโลกร้อนไม่ได้เพียงแค่ทำให้ธารน้ำแข็งขั้วโลกละลายอย่างต่อเนื่องเท่านั้น แต่ยังส่งผลให้ชั้นน้ำแข็งถาวรที่มีอยู่ใต้พื้นผิวโลกค่อยๆ ละลายลดปริมาณลงไปเช่นกัน

ผลลัพธ์ที่อาจเกิดขึ้นตามมาในอนาคตก็คือ จุดใต้พื้นโลก ซึ่งเคยเป็นน้ำแข็งหายไปจนเกิดเป็น "รูรั่ว" ใต้ดินขึ้นมา เมื่อเป็นเช่นนี้สภาพทางภูมิศาสตร์ในพื้นที่ย่อมเปลี่ยนไป

สิ่งปลูกสร้าง หรือ สิ่งก่อสร้างของมนุษย์ เช่น ทางรถไฟ ถนน บ้านเรือน ฯลฯ ซึ่งตั้งอยู่เหนือจุดดังกล่าวมีโอกาสได้รับความเสียหายตามไปด้วย ถ้าปรากฎการณ์น้ำแข็งละลายเกิดขึ้นบนที่สูง เช่น ภูเขา จะก่อให้เกิดภัยธรรมชาติตามมา อาทิ หินถล่มและโคลนถล่ม เป็นต้น

ชนวนเกิดไฟป่า

นักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่ยืนยันตรงกันทั่วโลก ว่าภัยโลกร้อนเป็นสาเหตุให้ธารน้ำแข็งละลายและพายุก่อตัวบ่อยและรุนแรงขึ้นกว่าในอดีต ยิ่งไปกว่านั้น ภาวะโลกร้อนยังเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิด "ไฟป่า" ได้ง่ายขึ้นในหลายประเทศทั่วโลก

และชาติเมืองหนาวในซีกโลกตะวันตก ซึ่งตามปกติไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องไฟป่า ก็เริ่มรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงนี้กันแล้ว เหตุเพราะสภาพป่าแห้งกว่าเดิม จึงเป็นเชื้อไฟอย่างดี

ผู้แข็งแกร่งเท่านั้นถึงอยู่รอด

โลกร้อนส่งผลให้หน้าหนาวหดสั้นลง และหน้าร้อนมาถึงเร็วขึ้น บรรดา "นกอพยพ" หลายสายพันธุ์ต่างมึนงง ปรับ "นาฬิกาชีวภาพ" ในตัวของมันให้เข้ากับสภาพความผันแปรของฤดูกาลที่บิดเบี้ยวไปไม่ทัน สัตว์ที่จะเอาชีวิตรอดจากสภาพภูมิอากาศแปรปรวนในทุกวันนี้ได้ต้องเป็นสายพันธุ์ที่แข็งแรงที่สุดเท่านั้น

ในที่สุดสัตว์ที่อยู่รอดจะต้อง "กลายพันธุ์" หรือปรับพันธุกรรมในตัวมันเสียใหม่ เพื่อรับมือภัยโลกร้อนให้ได้ และมีสัตว์หลายชนิดกำลังวิวัฒนาการตัวเองเช่นนั้นอยู่

ดาวเทียมโคจรเร็วกว่าเดิม

การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากโรงงานอุตสาหกรรม โรงไฟฟ้าถ่านหิน ยวดยานพาหนะ ฯลฯ คือ ตัวการสำคัญของวิกฤตโลกร้อน

ล่าสุดพบว่า เจ้าก๊าซตัวเดียวกันนี้เองที่ขึ้นไปสะสมมากขึ้นในชั้นบรรยากาศโลก ได้กลายเป็นต้นเหตุทำให้ "ดาวเทียม" ที่อยู่ในวงโคจรโลกเคลื่อนที่เร็วกว่าเดิม

ตามปกติ อากาศในบรรยากาศชั้นนอกสุดของโลกจะเบาบาง แต่โมเลกุลของอากาศจะยังคงมีแรงดึงดูดมากพอในการทำให้ดาวเทียมโคจรช้าๆ ดังนั้น เราอาจเคยได้ยินข่าวกันมาบ้างว่า ผู้ควบคุมต้องจึดระเบิดดาวเทียมเป็นระยะๆ เพื่อให้ดาวเทียมโคจรต่อไปอย่างถูกต้อง

อย่างไรก็ตาม เมื่อคาร์บอนไดออกไซด์ลอยไปสะสมในบรรยากาศชั้นล่างมากไป จะทำแรงดึงดูดของบรรยากาศชั้นนอกสุดลดกำลังลง ดาวเทียมจึงโคจรเร็วกว่าปกติ

ภูเขากระเด้งตัวเหนือพื้นโลก

ภูเขาและเทือกเขาสูงหลายแห่งทั่วโลกกำลังขยายตัว "สูง" ขึ้น เพราะผลจากโลกร้อน! นั่นเป็นเพราะ ตามธรรมชาติที่ผ่านๆ มานับพันปี ยอดภูเขาในเขตหนาวเย็นโดยทั่วไปจะมี "น้ำแข็ง" ปกคลุมอยู่ ทำหน้าที่เป็นเหมือนกับตุ้มน้ำหนักที่คอยกดทับให้ฐานล่างของภูเขาทรุดต่ำลงไปใต้พื้นผิว
เมื่อน้ำแข็งบนยอดเขามลายสูญสิ้นไป ส่วนฐานล่างที่เคยถูกกดจมดินลงไปจะค่อยๆ กระเด้งคืนตัวกลับมาเหนือผิวโลกอีกครั้ง

โบราณสถานเสียหาย

โบราณสถาน เมืองเก่าแก่ ซากปรักหักพังทางประวัติศาสตร์ ฯลฯ อันเป็นสิ่งแสดงถึงวัฒนธรรมอันรุ่งเรื่องของมนุษย์ในอดีตได้รับผลกระทบจากโลกร้อน

เหตุเพราะโลกร้อนทำให้อากาศทั่วโลกแปรปรวน ทั้งเกิดพายุ น้ำท่วม ภัยแล้ง ระดับน้ำทะเลเพิ่มสูง และล้วนแต่ยิ่งสร้างความเสียหายให้กับมรดกตกทอดทางประวัติศาสตร์ดังกล่าว ซึ่งมีสภาพทรุดโทรมอยู่แล้ว

โบราณสถานอายุ 600 ปีในจังหวัดสุโขทัยของประเทศไทยเรา ก็เคยเสียหายอย่างหนักเพราะภัยน้ำท่วมใหญ่ ซึ่งเป็นผลจากภัยโลกร้อน มาแล้วเช่นกัน ​

ที่มา http://hilight.kapook.com/view/11990

 

^
^
^
เขากลับมาอีกแล้วล่ะครับ

 

วาตภัย อุทกภัย ทั่วทุกถิ่นที่ นับวันจะร้ายแรง


เป็นผลจากการ เปลี่ยนแปลงทางภูมิอากาศโลก และจะต่อเนื่องถึงสภาพการดำรงชีวิต


การอยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่ผันผวน สังคมและเศรษฐกิจปรวนแปร


ย่อมส่งผลถึงสภาวะทางความรู้สึกภายใน


แต่หาก ประคองสติประคองอารมณ์ให้เป็นปกติได้มากที่สุด

แม้ยามเผชิญวิกฤติ


ย่อมชื่อว่า ผู้รอด


และเราขออนุญาตเถิด ท่านทั้งหลาย


ขอแจกแจงถึงการจาริกธรรม ตามหลักสติปัฏฐานสี่ เพื่อการตื่น รู้ เบิกบาน

ท่านใดมีความสนใจ ขอเชิญพิจารณา

http://palungjit.org/showthread.php?t=124396

หากแลเห็นว่า การเชิญชวนนี้เข้าข่ายโฆษณาชวนเชื่อ

โปรดแจ้งแก่เรา เพื่อลบออกเสีย
<!-- / message --><!-- sig -->