ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,784
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ความผันผวนของค่าเงินปอนด์สเตอร์ลิงถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ซ้ำเติมภาคธุรกิจที่กำลังประสบกับความยากลำบากในการบริหารงานภายใต้สภาวะ “Lockdown” ทางเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นมาตรการที่ถูกนำมาประกาศใช้เพื่อลดจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัส Covid-19 รวมถึงส่งผลให้บริษัทต่างๆ มี currency hedging cost ที่สูงขึ้น และเพิ่มความยากลำบากในการดำเนินธุรกิจในอนาคต

    : ความผันผวนของค่าเงินปอนด์สเตอร์ลิงถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ซ้ำเติมภาคธุรกิจที่กำลังประสบกับความยากลำบากในการบริหารงานภายใต้สภาวะ “Lockdown” ทางเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นมาตรการที่ถูกประกาศใช้เพื่อลดจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัส Covid-19 โดยภายในช่วงเวลาสั้นๆ เงินปอนด์ฯ ต่อดอลลาร์ สรอ. สามารถอ่อนค่าลงอย่างมากจนแตะระดับต่ำสุดในรอบ 10 ปี ก่อนจะฟื้นตัวกลับมาสู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2009 โดยก่อนหน้านี้ภาคธุรกิจประเมินว่าค่าเงินปอนด์ฯ จะมีเสถียรภาพมากขึ้นหลังจากสถานการณ์ Brexit เริ่มมีความชัดเจน แต่จากสถานการณ์ขณะนี้ การประมาณการแนวโน้มการเคลื่อนไหวของค่าเงินปอนด์ฯ ทำได้ค่อนข้างยาก ส่งผลให้ currency hedging cost ของแต่ละบริษัทปรับสูงขึ้นอย่างมาก

    นาย George Vessey – Currency Strategist ของบริษัท Western Union’s U.K. กล่าวว่า ภาคธุรกิจ โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็กต้องการค่าเงินที่ค่อนข้างมีเสถียรภาพ เพื่อที่จะสามารถบริหารจัดการกระแสเงินสดและแผนการเงินของตนได้ แต่วิกฤติปัญหาโรคระบาดได้สร้างความปั่นป่วนให้กับตลาดเงินและกดดันให้เงินปอนด์ฯ อ่อนค่าลงและผันผวนอย่างมาก ส่งผลให้ภาคธุรกิจมีความยากลำบากในการวางแผนธุรกิจที่ต้องการเห็นภาพแนวโน้มในระยะยาวที่ชัดเจน

    หลังจาก นาย Boris Johnson นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักรได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งทั่วไป หลายฝ่ายประเมินว่า รัฐบาลที่มีเสถียรภาพ ความผันผวนที่ลดต่ำลง และความกังวลต่อ Hard Brexit ที่เริ่มผ่อนคลาย จะทำให้เงินปอนด์ฯ แข็งค่าขึ้น ดังสะท้อนผ่าน median forecast ซึ่งรวบรวมโดย Bloomberg ที่เคยประมาณการว่า เงินปอนด์ฯ จะอยู่ที่ระดับ 1.35 ต่อดอลลาร์ สรอ. ภายในสิ้นปี 2020 และลดความจำเป็นสำหรับธุรกรรม currency hedging ของหลายๆ บริษัทลงในช่วงต้นปี 2020 แต่หลังจากเกิดปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส เงินปอนด์ฯ ได้อ่อนค่าลงสู่ 1.15 ต่อดอลลาร์ สรอ. ต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 1985 อีกทั้งการปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือโดยบริษัท Fitch Ratings เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (27 มี.ค.) ได้กดดันให้เงินปอนด์ฯ อ่อนค่าอีก โดยค่าเงินปอนด์ฯ ที่ผันผวนขึ้นอย่างรุนแรง ทำให้การวางแผนสำหรับ currency hedging ของภาคธุรกิจทำได้ยากขึ้น เนื่องจากราคามีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

    Source: BoTSS

     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,784
    ค่าพลัง:
    +97,150
    บริษัทขนาดใหญ่หลายบริษัททั่วโลกออกหุ้นกู้เพิ่มเติมจำนวนมากท่ามกลางอัตราผลตอบแทนที่ปรับสูงขึ้น ในเดือนมี.ค.ที่ผ่านมาบริษัทที่มีอันดับความน่าเชื่อถือระดับ Investment Grade ได้ออกหุ้นกู้รวมกันทั้งสิ้น 244 พันล้านดอลลาร์ซึ่งห่างจากจำนวนสูงสุดที่ 252 พันล้านดอลลาร์เมื่อเดือนพ.ค. ปี 2019 ในจำนวนนี้เป็นหุ้นกู้ที่ออกในสหรัฐฯ 150 พันล้านดอลลาร์ และออกในยุโรป 28 พันล้านดอลลาร์
    86-15853127854612020-03-13t160156z_895557083_hp1eg3d18j8d1_rtrmadp_3_health-coronavirus-new-york.jpg
    ทั้งนี้การออกจำนวนมากอยู่ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาหลังจากที่ธนาคารกลางและรัฐบาลประการมาตรเพื่อช่วยเหลือตลาดการเงิน

    อย่างไรก็ตาม บริษัทเหล่านี้ยังคงมีความเสี่ยงที่จะผิดชำระซึ่งมีแนวโน้มปรับสูงขึ้นเนื่องจากบริษัทหลายรายมีแนวโน้มสูญเสียรายได้จำนวนจากการปิดหรือลดการให้บริการในช่วงที่เชื้อไวรัสกำลังระบาด ขณะที่ต้นทุนการกู้ยืมมีแนวโน้มปรับสูงขึ้น

    Source: BoTSS
    www.cnbc.com
    https://www.cnbc.com/2020/03/30/moo...mKBWrvDoK3Kfw0WZ_BrRDrUVQs1-EaSA6zvCC8XFfjXeo
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,784
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ราคาน้ำมัน WTI และ Brent ปรับลดกว่า 6% ในวันนี้ โดยราคาน้ำมัน WTI ระหว่างวันปรับลดต่ำกว่า 20 ดอลลาร์ สรอ./barrel ต่ำที่สุดในรอบ 18 ปี เป็นการปรับลดมากกว่าครึ่งตั้งแต่ต้นเดือน
    40&h=282&url=https%3A%2F%2Fimage.cnbcfm.com%2Fapi%2Fv1%2Fimage%2F106467091-1585596178104rts37hzd.jpg
    ปัจจัยหลักมาจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ลดลงอย่างมากจากการ lockdown เมืองต่างๆ ทั่วยุโรปและสหรัฐฯ นอกจากนี้ความขัดแย้งด้านราคาระหว่างรัสเซียและซาอุดิอาระเบียยังไม่ได้มีท่าที่ว่าจะจบลงในเร็วๆ นี้ ทำให้อุปทานยังคงอยู่ในระดับสูง ทั้งนี้ นักวิเคราะห์หลายแห่งคาดว่าอุปสงค์ต่อน้ำมันจะปรับลดกว่า 20% จากปีที่แล้ว หรือประมาณ 15-20 ล้าน bpd และราคาน้ำมันในตลาดโลกและตลาดสหรัฐฯ จะปรับลดไปซื้อขายที่ระดับต่ำกว่า 20 ดอลลาร์ สรอ./barrel ในระยะใกล้

    นอกจากนี้ ยังมองว่า global storage กำลังจะมีที่ไม่เพียงพอในการจัดเก็บน้ำมัน โดยส่วนต่างราคาสัญญา futures ที่จะครบกำหนดในระยะใกล้ ต่ำกว่าราคาสัญญาที่จะครบกำหนดในระยะไกลอย่างมาก สะท้อนต้นทุนการเก็บน้ำมันที่สูง (high cost of carry) จนทำให้ภาวะที่เรียกว่า contango ของสัญญา futures น้ำมัน Brent forward contract ที่ครบกำหนดเดือน พ.ย. มีราคาสูงกว่าสัญญาที่ครบกำหนดในเดือน พ.ค. ถึง 13.45 ดอลลาร์ สรอ./barrel สูงที่สุดในรอบเกือบ 30 ปี อนึ่ง ราคาขนส่งน้ำมันทางเรือ Very Large Crude-oil Carriers (VLCC) เส้นทางจากตะวันออกกลางไปยังประเทศจีนปรับเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในวันนี้มาอยู่ที่ระดับ 180,000 ดอลลาร์ สรอ. ต่อวัน เทียบกับราคาเมื่อวันศุกร์ที่ 27 มี.ค. และวันพุธที่ 25 มี.ค. ที่ราคา 125,000 ดอลลาร์ สรอ. และ 90,000 ดอลลาร์ สรอ. ต่อวันตามลำดับ

    Source: BoTSS
    www.cnbc.com
    https://www.cnbc.com/2020/03/30/a-b...VP75IRCHbgHUovgDW-L0OEdxUMBf-YrhRiLHvLm8vBzVc
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,784
    ค่าพลัง:
    +97,150
    5 วันหลัง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
    ปัญหาเดิมยังอยู่
    แนวรบยังหนักหน่วง


    ความเปลี่ยนแปลงหลังรัฐบาลตัดสินใจประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เมื่อวันที่ 26 มี.ค. ที่ผ่านมา ก็ นอกจากการจัด “โครงสร้างอำนาจ” ใหม่ ด้วยการรวบอำนาจการตัดสินใจไปไว้ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แล้ว ก็คือไม่มีอะไรที่เปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย

    ปัญหาเดิม อย่างการที่จำนวนผู้ติดเชื้อมากขึ้นเรื่อยๆ กราฟยังคงดิ่งชันขึ้นสูงขึ้น ยังคงอยู่ และมีแนวโน้มจะสูงมากกว่านี้ เพราะเป็นช่วงครบ 1 สัปดาห์ หลังจากมาตรการปิดห้าง - ปิดร้านอาหาร ซึ่งทำให้ตัวเลขผู้ป่วยในต่างจังหวัด เริ่มกระจายตัวอย่างเห็นได้ชัด

    และปัญหาเดิมอย่างการขาดแคลนอุปกรณ์ที่สำคัญสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ ไม่ว่าจะเป็นหน้ากากอนามัย และชุด PPE ก็ยังไม่ได้หายไปไหน

    ที่เห็นได้ชัดจากพื้นที่ โดยเฉพาะในต่างจังหวัดนั้น ชัดเจนมากว่า อุปกรณ์ป้องกันตัวขาดแคลนมากกว่าเดิม ต้องเปิดรับบริจาคกันมือเป็นระวิง และอะไรที่ดัดแปลงเป็นอุปกรณ์ป้องกันตัว เป็นชุด PPE เป็น Face Shield ได้ ก็ต้องทำไปก่อน

    ที่น่าเศร้าก็คือ การขาดแคลนอุปกรณ์เหล่านี้ ล้วนเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้บุคลากรทางการแพทย์ติดเชื้อโคโรนาไวรัสเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อวันที่ 29 มี.ค.ที่ผ่านมาวันเดียว มีบุคลากรทางการแพทย์ติดเชื้อเพิ่ม รวมเป็นมากกว่า 16 ราย และยังกักตัว 14 วัน อีกหลายสิบราย ทั้งที่บุรีรัมย์ ทั้งที่สามจังหวัดภาคใต้ และในกรุงเทพฯ – นนทบุรี

    แต่ นพ.ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กลับยังยืนยัน (ด้วยข้อมูลจากไหนก็ไม่ทราบ) บอกว่าหน้ากาก และชุด PPE นั้นเพียงพอ สะท้อนให้เห็นว่าในกระทรวงสาธารณสุขเอง มี “ระยะห่าง” ระหว่างคนบน “หอคอยงาช้าง” และในพื้นที่จริงอยู่ไกลโข

    ท่ามกลางเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่า มีคำเตือนจากนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด ไม่ให้ “โพสต์” ขอรับบริจาค เพราะจะทำให้นายแพทย์สสจ.ที่ทำหน้าที่จัดการเรื่องนี้โดยตรงดูแย่ ที่บริหารจัดการทรัพยากรในพื้นที่ไม่ได้

    ทั้งหมดนี้ ยังไม่นับรวมคำถามที่ว่า แล้วอุปกรณ์ทั้งหลายแหล่ ไม่ว่าจะหน้ากาก ไม่ว่าจะชุด PPE ที่โรงงานผลิตได้ ที่รัฐบาลจีน ที่มูลนิธิแจ๊ค หม่า บริจาคมานั้น ไปตกหล่นระหว่างทางตรงไหน...

    ขณะเดียวกัน การจัดการ “ควบคุมการเดินทาง” อย่างครึ่งๆ กลางๆ เช่นการตั้งด่านรอบกรุงเทพฯ 12 จุด ก็ไม่ได้ช่วยอะไรได้ ข้อเท็จจริงก็คือหลายด่าน ปล่อยให้รถวิ่งผ่านไปมาตามปกติ เพราะกลัวจะกระทบกับ “การจราจร” และหลายด่านก็เปิดปิดเป็นเวลา เมื่อไม่มีเจ้าหน้าที่ ก็กลายเป็นด่านเปล่า คนจากพื้นที่โรคติดต่อระบาดหนักอย่างกรุงเทพฯ ยังคงเดินทางเข้าออกตามปกติ

    เรื่องเหล่านี้ ชัดเจนว่า พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่รวบอำนาจการจัดการตามพระราชบัญญัติ มากกว่า 40 ฉบับ ไปไว้ที่ พล.อ.ประยุทธ์ อาทิ พ.ร.บ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. 2550, พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558, พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 ฯลฯ สามารถบริหารจัดการได้ แต่กลับไม่ได้มีการใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.เหล่านี้ เพื่อบริหารจัดการ และ “ลดความชัน” ของกราฟเลย

    อันที่จริง หากจำกันได้ ทั้งทีมแพทย์อาวุโส ซึ่งนำโดย นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร อดีตรมว.สาธารณสุข และทีมของกรมควบคุมโรค ล้วนเห็นตรงกัน ด้วยการพยายาม “กดดัน” ให้ “ล็อคดาวน์” กรุงเทพมหานครและปริมณฑล อย่างเต็มรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการปิดออฟฟิศ ปิดสถานที่ราชการ ปิดโรงงาน - ภาคบริการที่ไม่จำเป็น ปิดระบบขนส่งมวลชน และห้ามเข้า-ออกพื้นที่กรุงเทพฯ ด้วยมาตรการเหมือนกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซีย แต่ผ่านมา 5 วันก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น

    และแม้จะมีการประกาศปิดบางจังหวัด เช่นภูเก็ต ปัตตานี หรือประกาศปิดร้านสะดวกซื้อยามค่ำคืน เช่น ที่อุดรธานี อุบลราชธานี พิษณุโลก แต่ก็เป็นอาศัยอำนาจของผู้ว่าราชการจังหวัดเอง ไม่ได้เกี่ยวโดยตรงเท่าไรนักกับอำนาจของนายกฯ ตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

    จนขณะนี้ พื้นที่โรคติดต่อ ที่มีผู้ติดเชื้อเกิน 10 ราย ขยายเป็นวงกว้าง ทั้งที่เชียงใหม่ สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ชลบุรี ซึ่งสะท้อนชัดว่าเกิดจากการตัดสินใจที่ช้า ที่ผิดพลาด ซึ่งกลายเป็นการไปเพิ่มโหลดให้โรงพยาบาลเหล่านี้อย่างไม่จำเป็น

    สิ่งที่ต้องตั้งคำถามต่อก็คือ แล้วอำนาจตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่เหมือน “นิ้วเพชร” ของนนทกนั้น ควรจะใช้อะไรบ้าง?

    อันที่จริง หากอยากให้เรื่องนี้จบเร็วๆ และไม่ทำให้ระบบสาธารณสุข “โหลด” ไปมากกว่านี้ อันดับแรก ก็ควรสั่งปิดพื้นที่เข้าออกในจังหวัดที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อมากกว่า 20 – 30 คน ให้เด็ดขาด ไม่ว่าจะทางบก ทางน้ำ หรือทางอากาศ..

    เพราะ 30 คน นั้นคือ “ยอดภูเขาน้ำแข็ง” ที่เห็นจริงเท่านั้น อันที่จริง จังหวัดเหล่านี้ อาจมีผู้ติดเชื้อไม่ต่ำ กว่า 100 – 200 คนเข้าไปแล้ว ซึ่งหากไม่ปิด ก็มีความเป็นไปได้ที่จะกระจายเชื้อต่อไปยังจังหวัดข้างเคียง

    อันดับที่สอง ก็ควรเอาอำนาจที่ยึดมาจากรัฐมนตรีทั้งหลาย เร่งตรวจสอบการจัดสรรทรัพยากรที่ลงไปยังพื้นที่ว่าไปตกหล่นที่ไหน หน้ากาก ชุด PPE มีใครฮุบ หรือเอาไปใช้ในภารกิจที่ไม่จำเป็นนั้น ควรจะเลิกได้แล้ว..

    อันดับที่สาม เมื่อตรวจสอบพบว่า ขาดอุปกรณ์อะไรที่จำเป็นสำหรับทีมแพทย์ ก็ควรระดมโรงงาน เพิ่มสายการผลิต ทั้งชุด PPE ทั้งหน้ากาก

    และเมื่อเห็นตัวเลขจังหวัดไหนที่มียอดผู้เฝ้าระวังอย่างผิดสังเกต ก็ควรเพิ่มสรรพกำลัง จัดพื้นที่สำหรับโรงพยาบาลสนาม อย่างเต็มที่ เพราะจะต้องใช้แน่ๆ ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า

    สุดท้าย นายกฯ ในฐานะผู้รับผิดชอบสูงสุด ควรปรับเปลี่ยนการตัดสินใจให้เร็วกว่านี้ ประเมิน Worst-case scenario ให้มากกว่านี้

    เพราะที่ผ่านมา คนไทยล้วนได้บทเรียนแล้วว่า การนิ่งเฉย ปล่อยให้คิดว่าเรื่องทั้งหมดจะจัดการได้ ทำให้สถานการณ์ “บานปลาย” ไกลไปมากกว่าที่เป็นอยู่

    หากยังไม่ใช้อำนาจที่มีควบคุมเรื่องทั้งหมดที่เป็นปัญหา ระบบสาธารณสุขของเราอาจจะแบกรับจนหนักเกินไป เหมือนในอีกหลายประเทศ ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญ ทำให้ตัวเลขผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นตามไปด้วย

    ขออย่าให้เป็นเช่นนั้นเลย....
    //////
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,784
    ค่าพลัง:
    +97,150
    วิกฤตโควิด-19 มาเลเซียกังวลข้าวไม่พอกิน ส่วนเวียดนามเริ่มกักตุน งดส่งออกชั่วคราว
    : COVID-19 กำลังระบาดหนักไปทั่วโลก ไทยก็ได้รับผลกระทบเช่นกันโดยเฉพาะในเรื่องของสินค้า นับตั้งแต่หน้ากากอนามัย ไล่มาไข่ราคาแพง จนมาถึงถุงยางอนามัยก็กำลังจะเป็นสินค้าขาดแคลนชนิดถัดไป
    &w=540&h=282&url=https%3A%2F%2Fassets.brandinside.asia%2Fuploads%2F2016%2F12%2Frice-1028635_1280.jpg
    ล่าสุด รัฐมนตรีกระทรวงเกษตรและอุตสาหกรรมอาหารของมาเลเซียให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า มาเลเซียมีข้าวสารเหลือเพียงพอที่จะบริโภคในประเทศอยู่ราว 2 เดือนครึ่ง ซึ่งเวียดนามมีมาตรการระงับการส่งออกเพื่อจะสำรองข้าวสารไว้ให้ประชาชนในประเทศท่ามกลางโควิด-19 ระบาดหนัก เวียดนามเป็นผู้ส่งออกข้าวสารใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก (อันดับ 1 อินเดีย อันดับ 2 ไทย อันดับ 3 เวียดนาม)

    เวียดนามระบุไว้เมื่อวันพุธที่ผ่านมาว่า จะไม่เซ็นสัญญาเพื่อส่งออกข้าวจนกว่าจะถึงวันที่ 28 มีนาคม (วานนี้) เพื่อสร้างความมั่นใจให้ตัวเองว่าจะมีข้าวเพียงพอบริโภคภายในประเทศ ซึ่งท่าทีเช่นนี้ทำให้ความมั่นคงทางอาหารของโลกสั่นสะเทือน (food security)

    มาเลเซียนำเข้าข้าวในปริมาณมาก ล่าสุด มาเลเซียจำกัดทุกกิจกรรมที่มีการเคลื่อนย้ายผู้คน โดยนายกรัฐมนตรี Muhyiddin Yassin ประกาศให้จำกัดการเคลื่อนไหวของผู้คน สั่งให้ปิดประเทศจนถึงวันที่ 14 เมษายน ซึ่งในประเทศมีข้าวอยู่ในสต๊อกราว 500,000 ตัน บริโภค 200,000 ตันต่อเดือน บริษัท BERNAS (คือบริษัทเอกชนที่มีรัฐบาลเป็นเจ้าของ ผูกขาดนำเข้าและจัดจำหน่ายข้าวแต่เพียงรายเดียว ข้าวเป็นสินค้าควบคุมราคาและให้การอุดหนุน)

    BERNAS ต้องการเซ็นสัญญาซื้อขายข้าวกับเวียดนามเร็วขึ้นแม้ว่าจะมีราคาที่สูงก็ตาม เพื่อจะมีข้าวสต๊อกภายในประเทศมากพอ ขณะนี้ มาเลเซียกำลังมองหาแหล่งผลิตข้าวจากประเทศอื่นเพิ่ม เช่น ปากีสถาน อินเดีย เมียนมา และไทย

    มาเลเซียมีที่เพาะปลูกข้าวประมาณ 4.3 ล้านไร่ทั่วประเทศ มีกำลังในการผลิตข้าาวให้เพียงพอต่อความต้องการบริโภคภายในประเทศอยู่ที่ 70% ที่เหลืออีก 30% นำเข้าข้าวจากต่างประเทศ

    มาเลเซียผลิตข้าวไม่เพียงพอต่อการบริโภคภายในประเทศ ต้องพึ่งพาการนำเข้าจากต่างประเทศ ปี 2561 นำเข้าข้าว 800,000 ตัน มูลค่านำเข้าอยู่ที่ 406.6 ล้านเหรียญสหรัฐ (1.3 หมื่นล้านบาท) ช่วงต้นปี 2562 นำเข้าข้าวเพิ่มขึ้น 30.7% (นำเข้าข้าวไทยเพิ่มขึ้น 43.4% เป็นข้าวขาว 96%) มาเลเซียนำเข้าข้าวเพิ่มขึ้นตามจำนวนประชากรที่เพิ่มมากขึ้น แต่การผลิตข้าวในประเทศกลับขยายตัวต่ำลงเพราะเกษตรกรส่วนใหญ่สนใจปลูกปาล์มน้ำมันเป็นหลัก และพื้นที่เกษตรมีจำนวนจำกัด

    ด้าน Phung Duc Tung ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจการเกษตรจากสถาบันวิจัยและพัฒนาแม่น้ำโขงระบุว่า การตัดสินใจระงับการส่งออกข้าวของเวียดนามจะกระทบต่อประชากรที่เป็นวัยทำงานเพราะต้องพึ่งพาการค้าข้าวเป็นหลัก การระงับส่งออกข้าวไม่ใช่ทางเลือกที่ถูกต้อง รัฐบาลควรปล่อยให้ตลาดทำงานได้อย่างเสรีและควรสร้างแรงจูงใจให้คนทำงานโดยเฉพาะเกษตรกรที่เป็นกลุ่มคนทำงานที่ทรงคุณค่า

    อย่างไรก็ตาม ทางเวียดนามกำลังทบทวนสถานการณ์เพื่อประเมินการส่งออกข้าวอีก ทางบริษัทหลายแห่งระบุว่ายังมีข้าวสต๊อกอยู่ในประเทศจำนวนมาก แต่รัฐก็จะให้ความสำคัญกับพลเมืองเป็นอันดับแรก ข้าวจะต้องมีเพียงพอต่อความต้องการของคนในประเทศที่ตอนนี้ส่วนใหญ่มักจะต้องอาศัยอยู่ในบ้านเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัส

    ทั้งนี้ บริษัทวิจัยการตลาด Nielsen ในเวียดนามระบุว่า ผลกระทบจากไวรัสระบาดทำให้ชาวเวียดนามกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับอาหาร เงิน และสุขภาพ ซึ่งก่อนหน้านี้ช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2019 ชาวเวียดนามก็กังวลเรื่องค่าใช้จ่ายอาหารอยู่แล้ว เพราะก่อนหน้านี้เพิ่งจะมีไข้หวัดหมูแอฟริการะบาดทั่วเอเชีย ทำให้หมูมีราคาแพงขึ้น

    ความกังวลเรื่องอาหารกำลังเพิ่มมากขึ้นหลังไวรัสระบาด หลายประเทศเริ่มจำกัดการส่งออกอาหาร ในรัสเซีย สหภาพน้ำมันจากผัก (vegetable oil union) เรียกร้องให้กระทรวงเกษตรจำกัดการส่งออกเมล็ดทานตะวันเป็นเวลา 6 เดือน นับตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนเป็นต้นไป (รัสเซียเป็นผู้ผลิตน้ำมันจากเมล็ดดอกทานตะวันเป็นอันดับ 2 รองจากยูเครน)

    คาซัคสถานระงับการส่งออกสินค้าบางชนิดจนกว่าจะถึงกลางเดือนหน้า เช่น เมล็ดพืชบักวีต (buckwheat มีสารต้านอนุมูลอิสระ ลดคลอเรสเตอรอล ลดน้ำตาลในเลือด ลดความดันโลหิต) น้ำตาล น้ำมันจากเมล็ดทานตะวัน

    ผู้ค้าข้าวแห่งยุโรประบุว่า ถ้าเวียดนามแบนการส่งออกจะส่งผลกระทบต่อซัพพลายข้าวในโลกมากถึง 10-15% และแอฟริกาจะกรทบหนัก ความกังวลนี้เกิดขึ้นพร้อมๆ กับอินเดียที่เป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่สุดของโลกเริ่มปิดประเทศที่มีระยะเวลายาวนาน 3 สัปดาห์ การปิดประเทศของอินเดียจะส่งผลกระทบต่อโลจิสติกส์และดิสรัป supply chain ด้านอาหาร แม้ไทยจะอยู่อันดับสองของการส่งออกข้าว แต่ต้องเผชิญภาวะฤดูแล้งหนักที่สุดในรอบ 10 ปี ส่งผลให้ข้าวมีปริมาณน้อยลง

    โดย Parichat Chk

    Source: Brandinside.asia

    https://brandinside.asia/covid-19-o...km7vIV_5KXt_lC1w2k1ngKYA-_LF1_IjhdszZMHlx_Dis
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,784
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น - 在東京タイ王国大使館
    ตามที่ทางการญี่ปุ่นมีมาตรการให้ผู้ที่เดินทางมาจากประเทศที่กำหนดต้องกักตัว 14 วันเมื่อเดินทางถึงญี่ปุ่น และได้ประกาศมาตรการขยายรวมผู้เดินทางจากประเทศไทย และอีก 6 ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อินโดนีเซีย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ บรูไน เวียดนาม และมาเลเซีย) ให้กักตัว 14 วันและหลีกเลี่ยงการใช้ระบบขนส่งสาธารณะ ตั้งแต่เวลา 0.00 น. ของวันที่ 28 มีนาคม 2563 (ตามเวลาญี่ปุ่น) จนถึงวันที่ 30 เมษายน 2563 นั้น

    สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียว ขอเตือนชาวไทยที่มีถิ่นพำนักในจังหวัดต่างๆ ของญี่ปุ่นที่วางแผนจะลงเครื่องบินที่สนามบินหลัก (อาทิ ฮาเนดะ และนาริตะ) แล้วใช้ระบบขนส่งสาธารณะ อาทิ สายการบินในประเทศ หรือโดยสารรถไฟ/ชินคันเซ็น/รถบัส เพื่อเดินทางกลับภูมิลำเนา ว่า ท่านจะต้องกักตัวเป็นระยะเวลา 14 วัน ให้เสร็จสิ้นก่อนจึงจะเดินทางต่อไปยังจุดหมายได้ โดยจากสนามบินไปยังสถานที่กักกันตัวนั้นจะต้องไม่ใช้ระบบขนส่งสาธารณะทุกชนิด (รวมถึงรถแท็กซี่ และรถไฟใต้ดิน)

    สถานเอกอัครราชทูตจึงขอแนะนำว่า หากไม่มีความจำเป็น โปรดเลื่อนการเดินทางออกไปก่อน แต่หากมีความจำเป็นต้องเดินทางมาญี่ปุ่นในช่วงนี้ ขอให้สำรองที่พักใกล้สนามบินเพื่อใช้กักตัว และจัดรถยนต์ส่วนบุคคล/เช่ารถยนต์จากสนามบินไปยังจุดกักตัวให้เรียบร้อยก่อนเดินทาง ทั้งนี้ ปัจจุบันโรงแรมที่พักใกล้สนามบินทั้งฮาเนดะและนาริตะค่อนข้างเต็มแล้ว อีกทั้ง รถเช่าและโรงแรมอาจขอให้ท่านแสดงใบรับรองแพทย์ก่อนการขึ้นรถและเข้าพัก
    เพื่อมิให้เกิดปัญหาในการเดินทางขอให้ตรวจสอบกับโรงแรมที่ท่านสำรองที่พัก และบริษัทเช่ารถด้วย

    V6jG7vAukgxnU879RAWMY2feXmXGbC0OhKIAdqiKAag&_nc_ohc=gr-vmOZtloYAX_9LbSu&_nc_ht=scontent.fbkk17-1.png

    5nuZ_6M5vknzLjLAQGdfRHPJaX97nDnLT6DoTjAMMxw&_nc_ohc=YIjRrefxeikAX89TzkM&_nc_ht=scontent.fbkk17-1.jpg
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,784
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ศิริราชเผยไทยคุม ‘โควิด-19’ ได้ระดับหนึ่ง แต่ยังมีสิทธิ์พุ่งจนศักยภาพระบบไม่พอรองรับ

    คณบดีศิริราชพยาบาล เผยมาตรการควบคุมการระบาดโควิด-19 ที่ผ่านมาช่วยลดจำนวนผู้ป่วยลงได้ระดับหนึ่ง ยังขอความร่วมมือประชาชนปฏิบัติเว้นระยะห่าง ขออยู่กับบ้านช่วยชาติ ขณะที่ในอาเซียน ไทยเป็นอันดับ 2 ติดโควิด รองจากมาเลเซีย

    https://www.hfocus.org/content/2020/03/18836

    #โคโรนาไวรัส #โรคระบาด #COVID19 #โควิด19เราต้องรอด #โควิด19 #ศิริราช

     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,784
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เนื่องจากภัยพิบัติโรคระบาดโควิด-19 ทำให้ประธานาธิบดีมุนแจอินออกมาพิจารณาให้เงินสนับสนุนประชาชนในประเทศวันนี้ (30 มีนาคม) โดยจะคิดจากรายได้เฉลี่ยของประชาชนในเกาหลี ผู้ที่มีรายได้ไม่เกิน 70%(소득하위 70%) ของรายได้ประชาชนทั้งหมดจะได้รับสิทธิ์นี้ ท

    ซึ่งยอดโดยรวมแล้ว 1,400 ล้านครัวเรือน

    หากคุณมีสมาชิกในครัวเรือนมากคุณจะได้รับเงินสนับสนุนมากขึ้น แต่ถ้าคุณมีสมาชิกในครัวเรือนน้อยลงคุณจะได้รับเงินสนับสนุนน้อยลง

    * รายได้ต่อครัวเรือนที่ไม่เกิน 70 เปอร์เซ็นต์ของรายได้แระชากรทั้งหมด*
    ครัวเรือนเดี่ยวคนเดียว - รายได้ราวๆ 2,636,000 วอน
    ครัวเรือน 2 คน - รายได้ราวๆ 4,488,000 วอน
    ครัวเรือน 3 คน - รายได้ราวๆ 5,806,000 วอน
    ครัวเรือน 4 คน - รายได้ราวๆ 7,124,000 วอน
    ครัวเรือน 5 คน - รายได้ราวๆ 8,442,000 วอน
    ครัวเรือน 6 คน - รายได้ราวๆ 9,760,000 วอน

    [จำนวนเงินสนับสนุนที่จะได้/ประเภทของครัวเรือน]
    ครัวเรือนเดี่ยว - 400,000 วอน
    ครัวเรือน 2 คน - 600,000 วอน
    ครัวเรือน 3 คน - 800,000 วอน
    ครัวเรือน 4 คน - 1,000,000 วอน
    ครัวเรือน 5 คน - มากกว่าหนึ่งล้านวอน

    อย่างไรก็ตาม ทางเพจจะนำมาบอกต่ออีกครั้งหากรู้ว่าชาวต่างชาติจะมีส่วนได้รับมากน้อยเพียงใด

    นั้นเพราะรัฐบาลท้องถิ่นบางแห่งไม่นับรวมชาวต่างชาติด้วย

    คย็องกีโด
    ด้วยความที่ว่าคย็องกีโดนั้นไม่นับรวมชาวต่างชาติไปด้วย ดังนั้นนโยบายการให้เงินสนับสนุน 100,000 วอนต่อคนสำหรับผู้พักอาศัยในคย็องกีโดจึงมีให้แค่ชาวเกาหลีเท่านั้น "(ไม่นับรวมชาวต่างชาติที่จดทะเบียนและผู้หญิงที่แต่งงานอพยพและผู้อยู่อาศัยถาวร / รวมถึงชาวต่างชาติที่ได้รับสัญชาติเกาหลี)

    โซล
    แม้จะเป็นชาวต่างชาติหญิงอพยพก็มีสิทธิ์ แต่ไม่นับครัวเรือนที่มีแค่ชาวต่างชาติเท่านั้น

    แทกู
    แทกูจะไม่นับรวมชาวต่างชาติให้มีสิทธิ์ในการรับเงินช่วยเหลือภัยพิบัติฉุกเฉินเลย รวมถึงชาวต่างชาติที่ได้รับสัญชาติเกาหลีแล้วก็ตามไม่มีสิทธิ์

     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,784
    ค่าพลัง:
    +97,150
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,784
    ค่าพลัง:
    +97,150
    อุณหภูมิร่างกายปกติ เรื่องใกล้ตัวที่หลายคนอาจยังไม่รู้

    อุณหภูมิร่างกายปกติของคนเราควรอยู่ที่เท่าไหร่? คำถามนี้มักถูกหยิบยกขึ้นมาถกเถียงกันเมื่อมีใครสักคนหนึ่งเป็นไข้หรือไม่สบาย โดยแต่ละคนก็อาจให้คำตอบที่แตกต่างกันเกี่ยวกับระดับของอุณหภูมิปกติของร่างกาย ซึ่งจริง ๆ แล้วอุณหภูมิปกติของร่างกายของคนเรานั้นอาจแตกต่างกันไปตามปัจจัยต่าง ๆ ส่วนสาเหตุที่ส่งผลกระทบต่ออุณหภูมิร่างกายนั้นมีอะไรบ้าง สามารถหาคำตอบได้จากบทความนี้

    คนส่วนใหญ่อาจเคยได้ยินว่าอุณหภูมิร่างกายปกติควรอยู่ที่ 37 องศาเซลเซียส หรือแตกต่างจากระดับนี้เล็กน้อย แต่จริง ๆ แล้วอุณหภูมิปกติของร่างกายไม่ได้อยู่ที่ 37 องศาเซลเซียส และการที่อุณหภูมิของร่างกายเพิ่มสูงขึ้นหรือลดลงนั่นก็ไม่ได้หมายความว่าคุณไม่สบายหรือมีไข้เสมอไป

    0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%9B%E0%B8%81%E0%B8%95%E0%B8%B4-%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7-pobpad.jpg

    ปัจจัยที่มีผลต่ออุณหภูมิของร่างกาย
    อุณหภูมิปกติของร่างกายอาจเปลี่ยนแปลงไปตามสาเหตุ ดังนี้
    • เพศ
      โดยปกติแล้วเมื่อร่างกายได้รับความเย็น กลไกของร่างกายจะทำหน้าเพิ่มความอบอุ่นให้แก่ร่างกาย ซึ่งเพศก็มีผลต่อกระบวนการนี้ โดยร่างกายเพศหญิงจะตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิได้รวดเร็วกว่าเพศชาย จึงอาจทำให้เกิดอาการสั่น หรือเนื้อตัวเย็นได้ไวกว่าเพศชาย นอกจากนี้ ในช่วงที่ผู้หญิงมีรอบเดือนจะมีการหลั่งฮอร์โมนออกมาหลายชนิด ซึ่งอาจส่งผลให้อุณหภูมิร่างกายเปลี่ยนแปลงไปจากปกติ
    • อายุ
      อายุเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่ออุณหภูมิร่างกายปกติ โดยคนในแต่ละช่วงอายุอาจมีอุณหภูมิร่างกายที่แตกต่างกัน ดังนี้

      • เด็กและทารก อุณหภูมิร่างกายปกติจะอยู่ระหว่าง 36.6-37.2 องศาเซลเซียส
      • ผู้ใหญ่ มีอุณหภูมิปกติของร่างกายอยู่ระหว่าง 36.1-37.2 องศาเซลเซียส
      • ผู้สูงอายุ ที่อายุมากกว่า 65 ปีขึ้นไป จะมีอุณหภูมิร่างกายต่ำกว่า 36.2 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำกว่าคนวัยอื่น ๆ
    อย่างไรก็ตาม อุณหภูมิในแต่ละคนอาจแตกต่างไปตามปัจจัยอื่น ๆ ระดับอุณหภูมิตามช่วงอายุเหล่านี้เป็นค่าโดยประมาณเท่านั้น

    • บุหรี่
      การสูบบุหรี่นั้นสามารถเพิ่มอุณหภูมิของร่างกายได้ ซึ่งอาจมีผลมาจากควันบุหรี่และการเผาไหม้ของของบุหรี่ที่กระทบต่ออุณหภูมิของร่างกายได้ชั่วคราว แม้ว่าอุณหภูมิจากบุหรี่จะไม่ได้ส่งผลเสียต่อร่างกาย แต่การได้รับสารในบุหรี่อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้
    • อาหาร
      อาหารที่มีรสชาติเผ็ดร้อน อย่างพริก พริกไทย ขิง ข่า เครื่องเทศ หรือวัตถุดิบอื่น ๆ ที่มีฤทธิ์ร้อนก็อาจส่งผลให้อุณหภูมิร่างกายนั้นสูงขึ้น หลังจากการรับประทาน
    • ตำแหน่งที่ทำการวัดอุณหภูมิ
      การวัดอุณหภูมิร่างกาย โดยปกติแล้วจะมี 4 ตำแหน่งหลัก ๆ ซึ่งก็คือ หู ทวารหนัก ใต้ลิ้น และรักแร้ ซึ่งในแต่ละตำแหน่งนั้นมีอุณหภูมิที่แตกต่างกัน และถ้าหากไม่ทราบว่าตำแหน่งไหนควรอยู่ในระดับเท่าไหร่ ก็อาจเกิดการเข้าใจผิดได้ ซึ่งถ้าหากวัดไข้แล้วได้ผลลัพธ์ดังต่อไปนี้อาจต้องรักษาตัวเนื่องจากเป็นไข้

      • ปาก อุณหภูมิเมื่อเป็นไข้จะอยู่ที่ 37.8 องศาเซลเซียสหรือมากกว่า
      • รักแร้ อุณหภูมิเมื่อเป็นไข้จะอยู่ที่ 37.2 องศาเซลเซียสหรือมากกว่า
      • หูและทวารหนัก อุณหภูมิเมื่อเป็นไข้จะอยู่ที่ 38 องศาเซลเซียสหรือมากกว่า
    นอกจากนี้ อาจมีปัจจัยอื่น ๆ ที่สามารถส่งผลกระทบต่ออุณหภูมิปกติของร่างกายได้ อย่างการทำกิจกรรม การออกกำลังกาย เสื้อผ้า รวมถึงอุณหภูมิภายในห้องที่คุณอยู่ด้วย โดยถ้าหากสงสัยว่ามีไข้ควรไปพบแพทย์ เพื่อเข้ารับการวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกต้อง

    https://www.pobpad.com/อุณหภูมิร่างกายปกติ-เรื
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,784
    ค่าพลัง:
    +97,150
    #ป่าตอง 7-11 #ปิดให้บริการตั้งแต่ #เวลา1900_0500น. (หนึ่งทุ่มจนถึงตีห้า)

    นายกฯป่าตอง โพสต์ ขอขอบคุณ
    7-11 ทุกสาขาในพื้นที่ป่าตองที่ให้ความร่วมมือ
    พร้อมใจกัน #ปิดให้บริการ
    ตั้งแต่ #เวลา1900_0500น. (หนึ่งทุ่มจนถึงตีห้า)
    เริ่มวันนี้(31 มีนาคม 2563) - 30 เมษายน 2563
    เพื่อเป็นการลดกาารแพร่เชื้อโควิด-19

    #SocialDistancing
    #SavePatong #SavePhuket
    #fightcovid19 #Covids19
    #รับมือโึควิด19 #ป่าตองต้องรอด
    #เราจะผ่านวิกฤตินี้ไปด้วยกัน
    #จี้หยอยป่าตอง

     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,784
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เดือนเดียว จากหลักสิบ ทะลุหลักพัน !
    อ่านข่าว>>https://www.springnews.co.th/thailand/639796
    FB_IMG_1585645953842.jpg
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,784
    ค่าพลัง:
    +97,150
    #ข่าวสั้น (31 มีนา) โตเกียวพบผู้ติดเชื้อเพิ่มถึง 78 ราย สูงที่สุดตั้งแตร่ายงานมา 

     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,784
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ย้ำอีกครั้ง! ไทยแอร์เอเชีย งดบินระหว่างประเทศถึง 25 เม.ย. ส่วนในประเทศถึง 30 เม.ย.

    ไทยแอร์เอเชีย ยืนยันระงับการบินชั่วคราวระหว่างประเทศ ถึง 25 เมษายน ภายในประเทศถึง 30 เมษายน 2563 ตามมาตรการรัฐ ป้องกัน COVID-19

    เพื่อให้เป็นไปตามมาตรการของแต่ละประเทศในการจำกัดการเดินทางของประชาชนและควบคุมการแพร่ระบาดของ COVID-19 ไทยแอร์เอเชีย (เที่ยวบิน FD) มีความจำเป็นต้องหยุดให้บริการบินชั่วคราว เส้นทางต่างๆ โดยบริษัทได้นำส่งหนังสือถึงสำนักงานการบินพลเรือนฯ เพื่อขออนุญาตหยุดทำการบินชั่วคราว ซึ่งได้รับอนุมัติเรียบร้อยเเล้ว รายละเอียดดังต่อไปนี้

    •เส้นทางระหว่างประเทศหยุดทำการบินชั่วคราว 22 มีนาคม 63 – 25 เมษายน 2563

    •เส้นทางภายในประเทศหยุดทำการบินชั่วคราว 1 เมษายน 2563 – 30 เมษายน 2563

    ทั้งนี้ หากสถานการณ์กลับมาเป็นปกติก่อนครบกำหนดเวลาที่ขออนุญาตหยุดทำการบินชั่วคราวไว้ สายการบินสามารถแจ้งขอยกเลิกการหยุดทำการบินและเริ่มกลับมาทำการบินตามปกติได้ทันที เนื่องจากสายการบินได้รับอนุญาตให้ทำการบินในฤดูร้อนปี 2563 จากสำนักงานการบินพลเรือนฯ และหน่วยงานกำกับดูแลในต่างประเทศอยู่ก่อนแล้ว

    สำหรับเส้นทางระหว่างประเทศ สายการบินไทยแอร์เอเชีย พร้อมกลับมาให้บริการอีกครั้งในวันที่ 26 เมษายน 2563 เป็นต้นไป และเส้นทางภายในประเทศ ในวันที่ 1 พฤษภาคม 2563 หากสถานการณ์ดีขึ้นตามที่คาดการณ์ไว้

    The post ย้ำอีกครั้ง! ไทยแอร์เอเชีย งดบินระหว่างประเทศถึง 25 เม.ย. ส่วนในประเทศถึง 30 เม.ย. appeared first on SpringNews.

    Source : #Springnews #สปริงนิวส์

     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,784
    ค่าพลัง:
    +97,150
    “ดร.สามารถ” ชง รัฐบาลใช้ยาแรง ลั่น ถึงเวลาล็อกดาวน์ประเทศ 14 วัน

    นาทีนี้ยังคงต้องจับตา รัฐบาลจะประกาศ “ล็อกดาวน์” ประเทศหรือไม่ หลังจากที่ “บิ๊กตู่” ใช้ “พ.ร.ก.ฉุกเฉิน” มีผล 26 มี.ค. ที่ผ่านมา เพื่อสกัด “โควิด-19” ที่กำลังระบาดในขณะนี้ ยกระดับศูนย์บริหารโควิดเป็น “ศอฉ.” และเปลี่ยนชื่อเป็น ศบค. ในปัจจุบัน เพื่อควบคุมสถานการณ์ แต่ตัวเลขผู้ติดเชื้อยังคงไม่ลดลง

    ทั้งนี้ ในแวดวงการเมือง ก็มีการแสดงความคิดเห็นในประเด็นนี้ เช่นกัน ล่าสุดนั้น ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ จากพรรคประชาธิปัตย์ ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัว ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ – Dr.Samart Ratchapolsitte ระบุว่า

    ถึงเวลาต้องใช้ “ยาแรง” ผมได้ติดตามสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 มาอย่างต่อเนื่องทุกวัน พบว่าจำนวนผู้ติดเชื้อต่อวันยังสูงหรือยังน่าเป็นห่วงอยู่ กล่าวคือยังหาจุดที่เส้นกราฟจะลดลงไม่พบ แม้ว่ารัฐบาลได้ขอความร่วมมือให้ทุกคนใช้มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) มาเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้วก็ตาม แต่ดูเหมือนว่ายังมีคนบางส่วนไม่ให้ความร่วมมือ พยายามหาช่องโหว่ของมาตรการดังกล่าวมาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อตนเองดังที่ได้รับทราบกันอยู่ ดังนั้น จึงพอสรุปได้ว่า มาตรการการขอความร่วมมือจะใช้ไม่ได้ผลกับคนไทยบางส่วน สอดคล้องกับสำนวนไทยที่กล่าวว่า “ทำได้ตามใจคือไทยแท้”

    ด้วยเหตุนี้ จึงถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลจะต้องใช้ “ยาแรง” ผมขอเสนอให้รัฐบาลประกาศใช้มาตรการ “ล็อกดาวน์ประเทศไทย” เป็นระยะเวลา 14 วันในระยะแรก ในช่วงเวลาดังกล่าวรัฐบาลจะต้องประเมินผลกระทบของการใช้มาตรการล็อกดาวน์ แล้วปรับแก้ตามความเหมาะสม ซึ่งอาจจำเป็นต้องขยายเวลาการ “ล็อกดาวน์” ออกไปก็ได้

    หลักการใหญ่ๆ ของมาตรการ “ล็อกดาวน์” นั้น รัฐบาลจะต้องเป็นผู้ดำเนินการ ส่วนรายละเอียดปลีกย่อยให้ท้องถิ่นรับไปพิจารณาดำเนินการตามความเหมาะสมกับสภาพพื้นที่ ซึ่งจะเห็นได้ว่าบางจังหวัดหรือบางพื้นที่ก็ได้ดำเนินการอยู่แล้ว มากบ้างน้อยบ้าง ทั้งนี้ หลักการใหญ่ที่รัฐบาลจะต้องดำเนินการ เช่น

    1. ประกาศห้ามประชาชนทั้งประเทศออกนอกบ้านตลอด 24 ชั่วโมง และห้ามเคลื่อนย้ายข้ามเขตจังหวัดอำเภอและประเทศด้วย หรือกล่าวได้ว่า “คนในห้ามออก คนนอกห้ามเข้า”

    2. สำหรับร้านค้าโดยเฉพาะร้านอาหาร ร้านขายยา เครื่องอุปโภคบริโภคให้เปิดเป็นห้วงเวลาตามความเหมาะสมในแต่ละพื้นที่ แต่ต้องประกาศให้ประชาชนในพื้นที่นั้นทราบเวลาเปิด-ปิดโดยทั่วกันอย่างชัดเจน

    3. หากประชาชนมีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องออกจากบ้าน จะต้องได้รับอนุญาตเป็นการเฉพาะ

    4. ในกรณีที่ประชาชนไม่ปฏิบัติตามให้ลงโทษทันที และประกาศให้สังคมทราบโดยทั่วกัน

    5. เพื่อที่จะช่วยประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโรคระบาดร้ายแรงนี้ ผมขอเสนอให้รัฐบาลปรับโยกงบประมาณปี 2563 ที่กำลังใช้กันอยู่ และปรับงบประมาณปี 2564 ที่กำลังดำเนินการอยู่มาช่วยเหลือประชาชนให้มีกินมีใช้อย่างเพียงพอตามความเหมาะสม รวมทั้งดูแลบริษัทห้างร้านให้สามารถอยู่ได้ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง โดยอาจให้เงินช่วยเหลือบริษัทห้างร้านฟรีแต่มีเงื่อนไข เช่น ไม่ปลดพนักงานออก เป็นต้น หรืออาจให้บริษัทห้างร้านกู้เงินดอกเบี้ยต่ำ เป็น

    หากทำได้เช่นนี้ ผมมั่นใจว่าเราจะสามารถช่วยกันลดจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ลงได้อย่างแน่นอน นั่นหมายความว่าเราช่วยกันดึงเส้นกราฟให้ลดลงได้ ถึงวันนั้นเราจะได้เปล่งเสียง “ไชโย” พร้อมกันทั่วประเทศ

    Source : #Springnews #สปริงนิวส์

     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,784
    ค่าพลัง:
    +97,150
    การระบาดของโควิด-19ยังต่อเนื่อง เถาหยวนประกาศใช้นโยบายบังคับสวมหน้ากากอนามัยบนรถโดยสาร เริ่มตั้งแต่วันที่ 9 เมษายน เป็นต้นไป ผู้โดยสารที่ไม่สวมหน้ากากอนามัยจะไม่สามารถใช้บริการได้

     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,784
    ค่าพลัง:
    +97,150
    CDC จีนชี้ประชากร ‘สหรัฐฯ-ยุโรป’ ผิดพลาดมหันต์ที่ไม่สวม ‘หน้ากากอนามัย’
    เผยแพร่: 30 มี.ค. 2563 13:07 ปรับปรุง: 30 มี.ค. 2563 13:42 โดย: ผู้จัดการออนไลน์
    563000003318802.jpg

    ดร.เกา ฟู (Gao Fu) ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของจีน (CDC)
    เอเจนซีส์ - ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของจีน (CDC) ชี้การส่งเสริมให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัยเวลาออกจากบ้านมีส่วนช่วยยับยั้งการแพร่กระจายของไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ ซึ่งการที่ประชาชนในสหรัฐฯ และยุโรปยังมองข้ามมาตรการง่ายๆ นี้ถือเป็น “ความผิดพลาดร้ายแรง” ที่ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

    หนังสือพิมพ์เซาท์ไชน่า มอร์นิงโพสต์ อ้างความเห็นจาก เกา ฟู (Gao Fu) ผู้อำนวยการ CDC ของจีนซึ่งได้ให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร Science Magazine ว่า “ความผิดพลาดร้ายแรงของสหรัฐฯ และยุโรปในความเห็นของผมก็คือ การที่ประชาชนไม่นิยมสวมหน้ากากอนามัยกัน”
    เกา อธิบายว่า ละอองฝอยจากระบบทางเดินหายใจของมนุษย์และการสัมผัสใกล้ชิดคือตัวการหลักในการแพร่เชื้อ “ละอองฝอยนี่มีบทบาทสำคัญมาก ดังนั้น พวกคุณต้องสวมหน้ากากอนามัย เพราะเวลาที่คุณพูดจะมีละอองฝอยออกจากปากคุณอยู่ตลอดเวลา”

    เกา เสริมด้วยว่า คนบางคนอาจจะมีเชื้อไวรัสอยู่ในตัวโดยที่ไม่ป่วย หรือยังไม่แสดงอาการป่วย ดังนั้นหน้ากากอนามัยจึงช่วยป้องกันละอองฝอยจากคนเหล่านี้ซึ่งอาจทำให้เชื้อแพร่ไปสู่บุคคลอื่น

    แม้สถานการณ์การระบาดในจีนจะนับว่าดีขึ้นมากแล้ว แต่ CDC จีนยังคงออกคำแนะนำเมื่อวันที่ 22 มี.ค. ให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัยต่อไปไม่ว่าจะอยู่ในออฟฟิศ ห้องประชุม ลิฟต์ หรือขณะใช้บริการขนส่งสาธารณะ แต่ไม่จำเป็นต้องสวมในบ้าน สถานที่เปิดโล่ง หรือในสภาพแวดล้อมที่มีอากาศถ่ายเทดีและไม่มีคนพลุกพล่าน

    อย่างไรก็ตาม คำแนะนำนี้ออกจะสวนทางกับความเห็นขององค์การอนามัยโลก (WHO) ซึ่งระบุให้ผู้คนสวมใส่หน้ากากอนามัยก็ต่อเมื่อมีอาการไอหรือจาม หรือต้องดูแลใกล้ชิดผู้ที่ต้องสงสัยว่าติดเชื้อโควิด-19

    ด้านกระทรวงสาธารณสุขสิงคโปร์ก็แนะนำประชาชนว่าไม่จำเป็นต้องสวมหน้ากากอนามัย เว้นแต่จะมีอาการไม่สบาย มีไข้ ไอ น้ำมูกไหล หรือเพิ่งจะหายจากอาการป่วยใหม่ๆ

    563000003318801.jpg

    https://mgronline.com/around/detail/9630000032255
    563000003318803.jpg
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,784
    ค่าพลัง:
    +97,150
    #ประกาศเทศบาลป่าตอง ขอความร่วมมือให้ประชาชนในพื้นที่ป่าตองกักกันตนเองในที่อยู่อาศัยของตนเองเท่านั้น จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย สำหรับท่านที่ประสงค์ให้เทศบาลช่วยเหลือด้านอาหารและน้ำดื่ม 3 มื้อทุกวัน สามารถติดต่อแจ้งชื่อและที่อยู่ได้ที่งานทะเบียนราษฎร โทร 076-342079 หรือสำนักการศึกษา โทร 076-342078 ในวันและเวลาราชการ

     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,784
    ค่าพลัง:
    +97,150
    "ราชทัณฑ์" สั่งเลื่อนเยี่ยมญาติทั่วประเทศ 1 เดือน
    ถึง 30 เม.ย. ลดความเสี่ยงโควิด-19
    .
    กรมราชทัณฑ์ ประกาศเลื่อนการเยี่ยมญาติออกไปอีก 1 เดือน ถึงวันที่ 30 เม.ย. เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงของการแพร่เชื้อ โควิด-19 เข้าเรือนจำ โดยก่อนหน้านี้ ทางกรมราชทัณฑ์ เคยประกาศงดเยี่ยมญาติ เป็นเวลา 14 วัน ตั้งแต่วันที่ 18-31 มีนาคม 2563
    .
    อ่านต่อ>>https://mgronline.com/onlinesection/detail/9630000032741
    #mgronline #กรมราชทัณฑ์ #เลื่อนเยี่ยมญาติ #ลดความเสี่ยง #โควิด-19 #เรือนจำ

     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,784
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ผู้ติดเชื้อ #โควิด19 แบ่งออกเป็น 5 กลุ่ม คือ

    1.ติดเชื้อแต่ไม่มีอาการ

    2.ติดเชื้อมีอาการน้อยหรือเบา โดยไม่มีโรคเสี่ยงอื่น

    3.ติดเชื้อมีอาการเบา แต่มีปัจจัยเสี่ยง เช่น อ้วน กินยากดภูมิ โรคประจำตัวที่ควบคุมไม่ได้ เช่น เบาหวาน ตับแข็ง

    4.มีอาการปอดบวม แต่ไม่รุนแรง ไม่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ

    5.มีอาการปอดบวมแต่อาการรุนแรง ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ

    กลุ่มอาการปอดบวมต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ส่วนอีก 3 กลุ่มที่ติดเชื้อไม่ว่าจะมีอาการหรือไม่มีอาการ ยืนยันว่าจำเป็นต้องรับไว้ในโรงพยาบาล 2-7 วัน เพื่อสังเกตอาการ ซึ่งคนที่ไม่มีอาการอาจไม่ต้องให้ยา หรือคนมีอาการน้อยก็อาจให้ยาตามอาการ และถ้าดูมีอาการรุนแรงขึ้นก็จะปรับสูตรยาไปเรื่อยๆ ไปจนถึงรุนแรงตามความเหมาะสม

    ส่วนที่ต้องรับไว้ 2-7 วัน เพราะมีผลการศึกษาว่า แม้จะไม่มีอาการ แต่ในช่วงเวลา 2-7 วันอาจเปลี่ยนแปลงมาเป็นอาการรุนแรงได้ เพื่อความปลอดภัยจึงต้องให้อยู่ใน รพ.ก่อน

    หลัง 2-7 วันแล้วไปไหนต่อ หากดูอาการแล้วดูดี ไม่รุนแรง ยังไม่ให้กลับบ้าน โดยบางโรงพยาบาลอาจจัดหอผู้ป่วยเฉพาะสำหรับสังเกตอาการ หรืออาจจัดเป็นโรงพยาบาลเฉพาะกิจ ที่มีการใช้โรงแรมหรือหอพักมารับช่วงในการดูแลผู้ป่วยที่มีอาการไม่รุนแรง หรือเรียกว่า Hospitel

    เรียกว่าก็ยังอยู่ในการดูแลของ รพ. ซึ่ง Hospitel ไม่ใช่ว่าใครจะขอเข้าไปนอนได้ โดยเปรียบเสมือนหอผู้ป่วยหนึ่งของโรงพยาบาล ซึ่งจะมีโรงพยาบาลต้นสังกัดดูแล การเข้าสู่ระบบ Hospitel ได้ ต้องผ่านโรงพยาบาลต้นสังกัด โดยหลังครบ 14 วันนับตั้งแต่พบเชื้อ สามารถกลับบ้านได้ ถ้าอาการปกติ

    แต่กลับบ้านไปแล้วทำงานได้หรือไม่ คำตอบคือสามารถทำงานได้ตามปกติ

    แต่จะต้องใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลาที่ออกไปนอกบ้าน ต้องแยกตัวออกจากผู้อื่น ถ้าแยกห้องทำงานได้ให้แยกเลย แต่ถ้าทำไม่ได้อย่างน้อยต้องห่างจากผู้อื่น 2 เมตร ไม่ไปร่วมรับประทานอาหารกับผู้อื่น และไม่ใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกัน ต้องรักษาสิ่งเหล่านี้ไปจนครบ 1 เดือน นับตั้งแต่วันที่ตรวจพบเชื้อหรือมีอาการ

    ส่วนกลุ่มที่ยังไม่รู้ว่าติดเชื้อ แต่เป็นกลุ่มเสี่ยงที่อยู่ระหว่างการกักตัวเองที่บ้าน 14 วัน หากครบ 14 วันแล้วทำอย่างไรต่อ คือ สามารถทำงานใช้ชีวิตด้ตามปกติ แต่ต้องรักษาด้วยมาตรการที่ทำอยู่ คือ รักษาระยะห่าง (Social Distancing) สวมหน้ากากาอนามัย และล้างมือ

    นพ.สกานต์ บุนนาค ผอ.สถาบันเวชศาสตร์สมเด็จพระสังฆราชญาณสังวรเพื่อผู้สูงอายุ

    #Qol #MGROnline

    https://mgronline.com/qol/detail/9630000032973
     

แชร์หน้านี้

Loading...