ปิดรับบริจาค ดวงพระเนตรพระพุทธเจ้า

อย่าลืมนะครับว่า ไม่ใช่แค่กระจกแผ่นใส แต่ต้องมีตาดำ ตาขาว มีความนูนโค้งมาก และต้องต้องเสร็จใน 3 - 4 เดือน

ตามหลักวิชาการหลอมแก้ว เนื้อตาสีขาวนี้หลอมจากแก้วชนิดที่ผสม red lead oxide ที่ผสมให้สำเร็จตามรูปที่ถ่ายมา ( ดวงพระเนตร ) อย่างนี้ หลอมยากมาก และผมเชื่อว่า เขาไม่มีงบประมาณมากมายที่จะใช้แก้วจากต่างประเทศ คงเป็นการหลอมแก้วโซดาไลม์ซิลิก้าสูตรผสม red lead oxide ที่ทั้งผสมยาก ทั้งกัดเบ้าหลอม โอกาสเสียหายมากมาย และต้องใช้ปริมาณมากขนาดนี้ในการหล่อเพียงครั้งเดียว

ในส่วนตาดำนั้น มีการผสมผสานวิชาการของอิตาลีที่มีขนาดใหญ่เกินพิกัด แต่เขาทำได้ดีมาก ดีจนเกินกว่าที่มนุษย์จะทำได้เรียบร้อยขนาดนี้ครับ

คงไม่พ้นพระพรหมหรือท่านท้าวสักกะเทวราชมาช่วยครับ

 

โพสต์รูปภาพกระจกแผ่นกลมเส้นผ่าศูนย์กลาง 4 - 6 เมตรครับ

นี่เพียงขั้นตอนหนึ่งเท่าั้นั้น ดูว่าต้องใช้เครื่องจักรทันสมัยแค่ไหน

 

เห็นด้วยอย่างคุณกล่าวไว้ค่ะ

คงไม่พ้นพระพรหมหรือท่านท้าวสักกะเทวราชมาช่วยครับ

 

ดวงพระเนตรพระพุทธรูปไสยาสน์ยาว 70 เมตรอันดับ 1 ของโลก

ต่อให้ไม่มีใครขอสถิติโลก ผมในฐานะผู้ที่เคยอยู่ในวงการหลอมแก้วก็ต้องถามหาความยุติธรรมให้กับช่างแก้วของพม่า โดยเฉพาะโรงงาน Nagar ซึ่งได้ทำการหลอมแก้วดวงพระเนตรพระพุทธเจ้าถวายไว้ในพระพุทธศาสนาโดยไม่ยี่ระต่อการบันทึกสถิติใด ๆ

แก้วที่จะมีเส้นผ่าศูนย์กลางได้ถึง 4 - 5 เมตร หลอมขึ้นมาเป็นชิ้นเดียว มีตาขาว มีตาดำ และมีสีแดงในส่วนหัวตา หางตา เพื่อให้ดูเหมือนดวงตามากที่สุด ไม่ใช่ของที่ทำได้ง่าย ถ้าจะมีการหลอมแก้วในลักษณะรูปร่างสันฐานที่เหมือนดวงตาพระองค์นี้มากที่สุด ก็คงได้แก่จาน ชาม

ไว้มีโอกาสจะได้ไปหาดูว่าใครทำจาน ชาม แก้วได้ใหญ่ที่สุดของโลก

 

คราวนี้มาดูเครื่องมือสมัยใหม่ที่ใช้สร้างกระจกแผ่นเส้นผ่าศูนย์กลาง 6 เมตร

..............................................

 

คราวนี้มาดูเครื่องมือสมัยใหม่ที่ใช้สร้างกระจกแผ่นเส้นผ่าศูนย์กลาง 6 เมตร


มาดูกันครับ การสร้างกระจกแผ่นเส้นผ่าศูนย์กลาง 6 เมตร ทางสมัยใหม่ ทันยุคทันสมัยเขาใช้เตานี้กันครับ มองดูจะเห็นเส้นลวดฮีตเตอร์ที่ให้ความร้อนได้สูงมากครับ สูงขนาดเป็นพันกว่าองศาเซลเซียสนานเท่าไรก็ได้ จะนานเป็นปีหรือหลายปีก็ได้ และสามารถควบคุมอุณหภูมิให้เหลือเท่าไรก็ได้ นิ่งและคงที่ เพื่อไม่ให้แก้วถูกผลิตออกมาแล้วไม่ดี

 

กระจกแผ่นเส้นผ่าศูนย์กลาง 6 เมตรแผ่นนี้ เลือกใช้วิธีวางก้อนแก้วเพื่อการหลอมต่อชนิดโบโรซิลิเกต วางให้เต็มพื้นที่โดยไม่ซ้อนกัน แล้วจึงหลอมให้ละลายที่ความร้อนสูงเป็นพัน ๆ องศาเซลเซียสนานหลายสิบชั่วโมงจึงละลายติดกันเป็นแผ่น แล้วต้องใช้เวลาในการหลอมให้เข้ากันดีอีกนานหลายสิบชั่วโมง หลังจากนั้นต้องอบลดอุณหภูมิลงอย่างช้า ๆ นานเป็นปีครับ เฉพาะช่วงอบลดอุณหภูมินี้นานแรมปี

 

ด้านบนท่านได้เห็นภายในของเตาหลอมและเตาอบแก้วเส้นผ่าศูนย์กลาง 6 เมตร

ภาพนี้เป็นภายนอกของเตาหลอมและเตาอบแก้วเส้นผ่าศูนย์กลาง 6 เมตรครับ

 

ผลงานที่ออกมาครับ

 

คราวนี้มาลองดูเครื่องมือเท่าที่ผมคิดว่าทางพม่าเขาใช้กันนะครับ


เท่าที่ผมดูรูปถ่ายภายในโรงงานแก้วของพม่าที่สร้างดวงพระเนตรของพระพุทธรูปไสยาสน์ยาว 70 เมตร ผมคาดว่า ทางโรงงานแก้ว Nagar น่าจะมีเพียงเตาประเภทนี้เท่านั้น ซึ่งไม่ใช่เรื่องกระจอกนะครับ ขอทำความเข้าใจว่า เตาอบแก้วชนิดนี้ไม่ใช่กระจอก เพียงแต่ไม่ทันสมัยเหมือนสากลเมื่อเปรียบเทียบกับชิ้นงานที่ต้องการสร้างในประเภทและขนาดใกล้เคียงกัน

 

ลักษณะภายนอกของเตาอบตามที่ผมคิดว่าทางพม่าเขาใช้ครับ

 

นี่คือภาพถ่ายเตาอบของโรงงานแก้ว Nagar แต่ผมไม่ทราบว่า เขาเลือกใช้เตาเครื่องนี้หรือเปล่า ?

 

สรุปคือ " อัศจรรย์ " ครับ

อัศจรรย์ที่ภูมิปัญญาของคนโบราณ ที่ไม่มีเครื่องไม้เครื่องมือใด ๆ เลย ( ตามความเห็นของผมนะครับ ) ต้องถือว่า เขาไม่มีเครื่องไม้เครื่องมือใด ๆ ที่จะสามารถสร้างดวงพระเนตรของพระพุทธรูปองค์นี้ได้เลย แต่เขาก็ใช้ภูมิปัญญา ใช้กำลังใจอย่างมหาศาล และสามารถสร้างขึ้นมาภายใต้เวลาที่เป็นไปไม่ได้อีกนั่นแหละ เพราะว่า เฉพาะเวลาในการอบลดอุณหภูมิในกระจกแผ่นเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 4 - 6 เมตรนั้น ต้องอบกันนานเป็นแรมปีครับ ไม่ใช่แรมเดือน

แต่นี่พม่าเขาสร้างได้สำเร็จ และดวงพระเนตรก็ยังอยู่ดี ต้องถือว่าเป็นเรื่องอัศจรรย์เรื่องหนึ่งเลยทีเดียวครับ

 

..............................................

 

พระแก้วที่สมบูรณ์สร้างก็เหมือนกัน คงมีเทวดาช่วยสร้างแน่นอน อาจารย์ทำมาก่อนยังสร้างไม่สำเร็จเลย

 

เรื่องพระแก้วก็ต้องยกความดีให้อาจารย์ศักดิ์ชัยด้วยครับ ถือว่าผมได้อาจารย์ดีครับ

 

ขอแก้ไขข่าวหลังจากพบว่าเป็นการจากโรงงานแห่งหนึ่งในอเมริกาหรือฝรั่งเศส

...............

ขออนุญาตแก้ไขข่าวที่เขียนมานั้น ต่อมาภายหลัง ผมได้พบว่า ความจริงเป็นการจ้างบริษัทหลอมแก้วแห่งหนึ่ง แต่จำไม่ได้ว่าเป็นอเมริกาหรือฝรั่งเศสครับ

ขออภัยที่ตอนเขียนรีบเขียนด้วยการคาดเดา และเมื่อพบความจริงแล้ว ก็ไม่ได้มาแก้ไขข่าวในทันที

 

ตอนหลังมาเคยอ่านพบในบันทึกของโรงงานไพเร็ก อเมริกา ว่าเป็นผู้สร้างดวงพระเนตรของพระพุทธเจ้าองค์นี้ ตอนนั้นผมจำไม่ได้ว่ารีบร้อนอะไรที่ไม่ได้บันทึกลิ๊งค์นั้นเอาไว้ มีการสร้างอะหลั่ยเก็บไว้ด้วยจำนวนหนึ่ง เผื่อว่า เสียหายชำรุด จะได้จัดส่งของใหม่ไปพม่าได้ทันที
อย่างไรก็ดี ความไม่รู้ย่อมมาก่อน ตอนหลังรู้แล้วก็มาเขียนให้กระจ่าง อย่างนี้จึงเรียกว่าไม่ยึดติด