เรื่องเด่น นานาเรื่องราวหลวงพ่อพระราชพรหมยาน

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย Wannachai001, 16 กันยายน 2014.

  1. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,687
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +225,228
    ไม่มีเงินทำบุญแต่อยากได้บุญ

    ผู้ถาม : "กราบเท้าหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง คือลูกไม่มีเงินจะทำบุญ ก็ต้องไปขอพี่บ้าง น้องบ้าง เวลาไปขอเขาทีไรเขาชอบพูดกระแนะกระแหน หาว่าลูกไม่เจียมบอดี้... อยากเรียนถามหลวงพ่อก็คือว่า คนที่ไม่มีเงินจะทำบุญแล้วอยากจะได้บุญ หลวงพ่อมีคำแนะนำจะให้ทำอย่างไรบ้างเจ้าค่ะ ?"

    หลวงพ่อ : "ไม่ยาก.. บุญที่ไม่ต้องลงทุนก็มี ถ้าต้องการ

    1. รักษาศีล ศีลไม่ต้องใช้เงิน
    2. เจริญภาวนา ไม่ต้องใช้เงิน
    3. การให้ทาน เราต้องใช้เงินใช่ไหม...จะไม่ใช้ก็ได้ เขาเดินถวายทานเป็นแถว ๆ ปัตตานุโมทนามัย ดีใจกับเขา คนละ 90 เปอร์เซ็นต์ ตั้ง 100 คนเท่าไรล่ะ ?"

    ผู้ถาม : "อย่างนี้เราไม่ต้องถวายสตางค์หลวงพ่อก็ได้ซิครับ ?"

    หลวงพ่อ : "ฉันไม่รับเงินมานานแล้วนะ รับแต่แบงก์อย่างเดียว"

    ผู้ถาม : "อย่างนั้นคนจนก็ไม่ต้องตกใจนะ อาศัยปัตตานุโมทนามัย"

    หลวงพ่อ : "ถ้ามีบ้างก็ทำเท่าที่มีได้ ถ้าไม่มีทำก็นั่งโมทนา นึกในใจยินดีในผลที่เขาทำแล้ว เท่านี้แหละ 90 เปอร์เซนต์

    วัน ๆ นับไม่ไหว อย่างที่นี่หาบไม่ไหว ต้องเอาพ้อมมาใส่ และบุญนีไม่สลายตัวด้วย"

    ผู้ถาม : "แหม...คนที่ยกมือ ไม่ต้องลงทุนเลยนะ"

    หลวงพ่อ : "ลงทุนเหมือนกัน ลงทุนแค่ยกมือ ถ้าเขาไม่ยกมือก็ได้ ยินดีด้วยจิตนอบน้อม อย่างฉันนี่ยกทั้งวันปวดแขน ก็เลยไม่ต้องยก เมื่อไม่ต้องยกก็มีผลสมบูรณ์แบบนะ"

    (จากหนังสือ หลวงพ่อตอบปัญหาธรรม ฉบับพิเศษ เล่ม 9 หน้า 54 - 55)
     
  2. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,687
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +225,228
    สร้างพระ 70 นิ้ว

    เรื่องนี้อาจจะไมมีตำรา สมัยก่อนที่หลวงพ่อมีชีวิตอยู่ มีคนมาหาท่าน เขาบอกว่า เป็นคนจน แต่มีบุญกรรมอะไรไม่ทราบ เขาให้สร้างพระ 70 นิ้ว พระ 70 นิ้วก็ต้องเป็นหมื่นเป็นแสนนี่ ทองเหลืองน่ะนะ ก็ไม่มีปัญญาจะทำ ก็มีความทุกข์มาก ไม่รู้จะไปหาที่ออกทางไหน ก็มาเล่าถวายหลวงพ่อ ว่ามันมีปัญหาอย่างนี้จะทำอย่างไร

    หลวงพ่อบอกว่า แกจะไปยากอะไร ถึงปีแก็ทอดกฐินซิ 70 นิ้วก็ทอด 7 วัด วัดละไตร ถือว่าเป็นอานิสงส์กฐิน มีอานิสงส์เท่ากัน


    (จากคอลัมภ์ จากคำบอกเล่า ธัมมวิโมกข์ เดือนกุมภาพันธ์ 2537)
     
  3. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,687
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +225,228
    ไพลกับการบูร

    ไอ้เจ็บเท้าเรื่องเก๊าต์นี่จะคุยให้ฟัง เมื่อตอนแรกที่เป็น มันเจ็บหนัก เท้าบวมหนัก เดินขึ้นไปรับแขก กะเผลกๆ ก็มีโยมผู้หญิงท่านหนึ่ง อายุประมาณ 70 หรือ 68-69 เป็นอย่างน้อย บอกว่า

    "ท่านเจ้าคะ ยาแก้ปวด ยาฝรั่งนี่สู้ ไพลกับการบูร ไม่ได้ ใช้ไพลโขลกเข้า ผสมกับการบูรพอก เอาผ้าพันจะหายปวดเร็ว"

    ก็เป็นความจริงตามนั้น พอทนปวดหนักมา 2 วัน 2 คืน แต่ก็ทนต่อสู้กับความดีของบรรดาญาติโยมที่มาหา แต่ทว่าเอาไพลกับการบูรพอกเข้า ใช้เวลาประมาณ 10 นาทีอาการปวดคลายเกือบหมด เป็นอันว่า ใช้เวลาแค่ 2-3 วัน ก็เลิกพอกผ้าได้

    นี่เป็นอันว่า ยาสมุนไพรของไทยยังมีคุณค่ามาก นี่บอกเอาบุญกันนะ มองไปดูเวลาเหลือเวลาอีก 12 นาที ก็คุยกันต่อไป

    (จากธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ 290 เดือนพฤษภาคม 2548 หน้า 12-13)
     
  4. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,687
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +225,228
    (สนทนาที่สายลม เดือนตุลาคม 2538)
    เรื่อง ปากเสีย


    (มีคนมาปรารภให้หลวงพี่พระครูปลัดอนันต์ฟังว่า ได้ยินข่าวที่ไม่ค่อยดีเกี่ยวกับพระในวัดท่าซุง ซึ่งฟังแล้วทำให้เกิดความรู้สึกไม่สบายใจ จึงมากราบเรียนถาม หลวงพี่พระครูปลัดอนันต์จึงตอบให้ทราบดังต่อไปนี้)

    ไอ้โรคปากนี่สำคัญไอ้โรคปากนี่พูดโดยไม่รู้พูดต่อกันไป โดยไม่มีสาเหตุ เพิ่งจะรู้เมื่อ 2-3 วันนี้ว่าใครต้นตอ มีคนต้นตออยู่ ไปพูดกับพวกเราเสียด้วย ไปพูดกับพวกโยมที่อยู่เก่าๆกันมาตั้ง 10 กว่าปี เขาก็รู้ยี่ห้อเราเหมือนกัน โอโฮพูดน่ากลัว

    (เรื่องใส่ร้าย พูดไม่จริง สมัยหลวงพ่อก็มี)

    เราก็บอกกับหลวงพ่อ หลวงพ่อครับ ผมไม่รู้เรื่องเลย ไอ้พวกนี้มันพูดไปอย่างนี้ หลวงพ่อบอก นันต์ แกกวาดลงให้หมดไปเลยนะ ไอ้พวกปากนรกทั้งนั้นพวกนี้

    ที่วัดนี่จึงไม่จำเป็นไม่ให้อยู่ เขาขับมาหลายชุดนะ พวกปากไม่ดีนี่ต้องกวาดล้างไปเรื่อยๆน่ะ ให้อยู่ 7 วัน ถ้าอยู่นานเขี้ยวงอก

    ไอ้พวกเขี้ยวงอกนี่ไม่เจริญศรัทธาหรอก ขับลูกเดียว แล้วไม่ต้องเข้าวัด ติดประกาศเลย ถ่ายรูปติดไว้เลยที่วัดน่ะ พูดภาษาหยาบๆไม่ต้องมาทั้งโคตร ไม่ต้องมาวัด คือพูดไม่อยู่ในศีลในธรรมคล้ายๆเราโหดร้ายน่ะ คนไม่ดีเราโหดร้ายเลย ขับเลย มันยังไงล่ะ แบบไม่ทำให้ตัวเองเจริญ ไม่ทำให้วัดเจริญ

    (พูดถึงพระที่ถูกขับออกไปจากวัด)

    สำหรับพระพวกฉันเองไม่ใช่ว่าปกป้องกันเอง คือเราไม่ต้องให้ใครขับหรอก เราขับกันเองอยู่แล้ว ที่วัดน่ะขับกันเองอยู่แล้ว ถ้ามีอะไรมานี่ ถ้ามันมีอะไรสุดวิสัยมาพระนี่ขับกันเอง ไม่ต้องรอคนอื่นเขาขับหรอก ไม่ต้องรอให้ใครมาทำความสะอาด เราทำความสะอาดเอง วัดน่ะ

    ฆราวาสฉันก็ขับไปเยอะ พระก็ให้ออกไปหลายองค์ เพราะปกติถ้าไม่ดี เสียหายจริงๆก็ต้องออก ไม่ใช่เจ้าอาวาสขับเขาอย่างเดียวนะ เขาก็ขับเจ้าอาวาสได้เหมือนกัน คือให้เขาดูเราได้ ไม่ใช่ว่าเจ้าอาวาสจะทำอะไรดีทุกอย่างคือให้คนอื่นเขาดูด้วย คนอื่นเขาก็ดูเราได้

    (ปรารภถึงพระองค์หนึ่งที่คิดว่าตัวเองวิเศษ)

    มีอยู่ทีหนึ่งพระบวชใหม่เขาบวชได้พรรษาก็ตั้งวง ไอ้เราก็เตือน เตือนก็หาว่าเราอิจฉา เจ้าอาวาสอิจฉา พระท้ายแถวจะดังนี่อิจฉา มันเป็นอย่างนั้นนะ เพราะยังงั้นถึงต้องนิมนต์

    ทีนี้ไอ้การที่มีลูกมีเต้าบวชในศาสนานี่ หนึ่ง บวชพาญาติโยมไปสวรรค์มี สอง บวชพาญาติโยมไปนรกมี พาไปสวรรค์นี่เข้าใจง่าย แต่พาไปนรกนี่จะพายังไง เดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง

    คือพระทำผิด เจ้าอาวาส คณะกรรมการสงฆ์ตักเตือน จนถึงต้องขับออกจากวัด ก็มาบอกพ่อบอกแม่ บอกญาติโยมว่าฉันทำดี พระนี่กลั่นแกล้ง พระทั้งวัดเขากลั่นแกล้งขับออกจากวัด บอกพ่อแม่ พ่อแม่ก็เอาละ ต้องรักลูกอยู่แล้ว ธรรมชาตินี่ ไอ้พระอย่างนี้..ทั้งวัดเป็นอย่างนั้น ด่าไปเลย นี่เขาเรียกว่าบวชพระแล้วพาพ่อแม่ให้ลงนรกด้วย พ่อแม่ไม่เป็นธรรมก็อย่างนั้น

    สมัยก่อนมีบวชเณรอยู่ เณรก็เล่นกันเป็นเด็กสิ หลวงพ่อก็ว่า ทีนี้ก็กลับไปฟ้องพ่อแม่ แหม ลูกเราดีจังเลยไปบวชเณรมีศรัทธา พระผู้ใหญ่แกล้งเสียอีก หาว่าซน พ่อแม่มาอยู่ด้วยกันที่ไหนล่ะ มาอยู่กับเรา เราก็ต้องทำโทษ หลวงพ่อจึงเลิกรับเณรเลย เณรที่วัดจึงไม่รับ ไม่มี พระต้องช่วยเหลือตัวเองได้ ไม่จำเป็นจะต้องหาใครมาช่วย ไอ้พวกนี้อย่างกับลิง เด็กนี่ ก็เล่นแบบเด็กน่ะ ฉะนั้นบางอย่างจึงไม่รับ

    แล้วคนมาพักนี่ ให้อยู่ได้ 7 วัน ถ้าเกิน 7 วันก็ต้องกรณีพิเศษ แต่กรณีพิเศษก็ต้องมีระเบียบว่า ถ้ามีเรื่องมาก็ต้องไปนะ เจ้าของห้องก็เหมือนกัน ที่สร้างห้องกรรมฐานน่ะ ไม่ใช่จะอยู่เป็นเจ้าโลกได้ ต้องอยู่ในระเบียบวินัยของวัด บางทีพออยู่แล้วทะเลาะกัน เป็นเจ้าโลกขึ้นมาละ เจ้าของห้องก็ต้องขับ ไม่เอาไว้หรอก ทำให้เดือดร้อนกันไปหมด

    ฉะนั้น ที่วัดจึงถือระเบียบวินัยเป็นใหญ่ ถ้าบางทีอาจจะผิดพลาดไปแต่ว่ายังไม่มีเรื่อง ถ้ามีเรื่องเมื่อไรขับ เจ้าของห้องก็ไม่ให้อยู่ทั้งนั้น เสียการปกครอง เสียความร่มเย็นหมด เพราะมีมาตรการอย่างนี้ถึงไม่ค่อยมีเขี้ยวงอกเท่าไร มีเขี้ยวก็หุบไว้ก่อน พอถึงวัดก็ถอดเขี้ยวถอดงาไว้เสียก่อน

    ถ้าไปแสดงที่นั่นก็ต้องเอา ไม่มีญาติโกโหติกาทั้งนั้น ต้องถือระเบียบวินัยเป็นที่ตั้ง ไม่มีเส้นเล็กเส้นใหญ่ บางคนว่ามีคนนอกคนใน ไม่มี ถ้าผิดมา แม้แต่พระยังขับกันเอง โยมจะมีเส้นนอกเส้นในไม่มีหรอก ความดีก็ส่วนความดี

    ฉะนั้นจึงแบบยังไงล่ะ บางครั้งจึงไม่หวานจ๋อยไปเลย ไม่ประจบประแจงจนเกินไป แต่เข้าเขตวัดเรา ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นโดยคนอื่นรังแก เราให้ความปลอดภัยเต็มที่นี่ เข้ามาในวัดเราเราอยากให้คนในวัดมีความสงบ คือเข้าไปอยู่วัดแล้วอยากให้คนเข้าไปวัดแล้วนอนหลับสบาย ไม่ต้องกังวลโจร ไม่กังวลคนจี้คนปล้นจากคนภายใน เพราะว่ามืดค่ำเราก็ปิดประตู เราต้องรับความปลอดภัยคนภายใน ถ้าใครจะมาเกเรเราก็ต้องจัดการ ข้างในข้างนอกทุกอย่าง ถ้าคนภายในเกก็ต้องเอา มันจะได้อยู่ทุกคนต้องเกรงใจระเบียบวินัยกัน จะได้มีความสุข

    (ปรารภเรื่องธุดงค์ที่ผ่านมา)

    ธุดงค์คราวที่แล้วจัดก็ต้องขับพระออกองค์หนึ่ง ต้องขับพระออกจากวัด ก็พวกไม่อยู่ในระเบียบวินัยก็ต้องเอา ต่อไปจะได้อยู่กันง่ายขึ้น ขับพระนอกวัดมาอาศัยธุดงค์ประพฤติไม่ถูกต้อง เราให้มันรัดไว้ดีกว่า ดีกว่าปล่อยให้เละไป อยากให้คนอยู่มีความสุข เท่านั้นเอง

    (โยมปรารภถึงพระที่ออกไปจากวัด และพูดเรื่องในทางที่ไม่ถูกต้อง พระครูปลัดอนันต์จึงตอบให้ทราบดังนี้)

    หากว่ามีอะไรเกิดขึ้นอย่างนั้นอย่างที่เขามีกันน่ะ ข้างในขับไปแล้ว ขอให้รู้ว่าพระภายในเขาขับกันไปแล้วอย่างที่เขามีข่าวอะไรอย่างนี้นะ คือวัดเราก็ไม่มีอะไรหนักใจนะ หมายความว่าอยู่ด้วยกันก็มีความสุขพอตามอัตภาพของพระ ไม่มีอะไร

    (จากธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ 176 เดือนพฤศจิกายน 2538 หน้า 93-95)
     
  5. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,687
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +225,228
    0001 (35)ส.jpg


    หลวงพ่อบอกว่า ปีใหม่นี้ขอให้อธิษฐานไว้เสมอๆว่า "ขอคำว่าไม่มี จงอย่าได้มีแก่ข้าพเจ้า" แล้วจะมีผลจริงๆ

    ก่อนวันขึ้นปีใหม่ หลวงพ่อยังแนะนำให้อธิษฐานอย่างนี้เลยว่า "ขอความซวยจงหายไปกับปีเก่า และความรวย ความโชคดี จงมากับปีใหม่"

    ที่มาของคำอธิษฐานเป็นอย่างนี้.....


    คำอธิษฐานปีใหม่


    ผู้ถาม : ที่หลวงพ่อบอกว่า ให้นั่งหน้าพระพุทธรูปแล้วอธิษฐานว่า ความรวยจงปรากฏ มันเป็นอย่างไรครับ ?

    หลวงพ่อ : ล้อ "เจ้าขวัญ" มันว่า ถ้าอยากรวยก็เอาแบบนี้ซิ 5 ทุ่ม 45 นาทีใกล้ๆจะ 6 ทุ่มใช่ไหมเล่า ก็ไปนั่งหน้าพระพุทธรูป บูชาพระ นึกถึงพระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอริยสงฆ์ เทวดา และพรหมทั้งหมด ครูบาอาจารย์ ผู้มีคุณทั้งหมด บูชาท่านขอลาภ

    ''ขอให้ความซวยทั้งหมด ความยากจน จงไปกับปีเก่า
    แล้วความรวย ความดี ความโชคดี จงมากับปีใหม่''

    หลังจากนั้นก็ภาวนา "คาถาเงินล้าน" เรื่อยๆไป พอนาฬิกาตีเป๊งขึ้นปีใหม่

    "ขอให้ความซวย จงหายไปพร้อมกับปีเก่า ฉันต้องการความรวย จากปีใหม่"

    ผู้ถาม : อ๋อ....หลวงพ่อพูดกับ "ขวัญ" เหรอ ?

    หลวงพ่อ : ใช่

    ผู้ถาม : แล้ว ลูกๆหลานๆที่ไม่ใช่ขวัญ จะได้ไหมครับ ?

    หลวงพ่อ : ก็มีขวัญนี่ ลองก้มหัวดู คนไหนไม่มีขวัญทำไม่ได้ ความจริงไม่ต้องรอดึกก็ได้ ถึงวัด ถึงบ้าน อาบน้ำ สวดมนต์ไหว้พระ ก็อธิษฐานก่อนนอนเลยก็ได้ ไม่ต้องรอถึงเวลานั้น


    ***ได้คำอธิษฐานปีใหม่แล้ว พร้อมกับคาถาเงินล้านอีกด้วย ช่วยให้รวยกันใหญ่แต่ก็มีผลเห็นทันตา มีคนนำไปใช้เพียงวันเดียว ก็มารายงานให้หลวงพ่อทราบดังนี้***



    คำอธิษฐานได้ผล

    ผู้ถาม : กราบเท้าหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง เมื่อคืนวันที่ 31 ธันวาคม 2531 นี้ ลูกได้ทำตามคำแนะนำของหลวงพ่อที่อธิษฐานว่า "ความซวยจงหมดไปพร้อมกับปีเก่า และขอความร่ำรวย จงมาพร้อมกับปีใหม่ 2532 นี้"

    ปรากฏว่าวันนี้การค้าของลูกคล่องตัว ลูกอยู่ในโอวาท (แหม..นี่แกคงจะดีใจว่า ลูกอยู่ในโอวาทนะ) หากลูกจะอธิษฐานอย่างนี้ทุกคืนๆไป จะผิดกฏที่เทวดาเขาสงเคราะห์อยู่ในเวลานี้หรือเปล่าเจ้าคะ ?

    หลวงพ่อ : ดีมาก ถ้าทำตามนั้นนะ จะดีมากเลย จะมีการทรงตัว เงินจะเหลือใช้ เอาทุกวันดีกว่า ไม่ใช่ทำวันเดียว

    ผู้ถาม : อ๋อ..ยิ่งว่าบ่อยๆ ยิ่งดีหรือครับ

    หลวงพ่อ : ใช่ ทำเป็นสมาธิแบบนั้น ก็ไม่ต้องใช้เวลาใกล้ 2 ยาม เวลาไหนก็ได้ที่เราเห็นสมควร

    ที่ว่าใกล้ 2 ยาม เพราะปีเก่าจะไป ปีใหม่จะมา เวลานี้เป็นเวลาของปีใหม่ ก็ใช้ได้ทุกเวลาตามที่ชอบใจ นั่นดีมากนะ ต่อไปจะรวยใหญ่ เมื่อทุกคนรวยใหญ่ ฉันก็สบายใจ สร้างวัดอีก 10 วัด (หัวเราะ)

    ผู้ถาม : นี่ก็เป็นผลดีแก่แม่บ้านนะ มีผัวอยู่ในโอวาท เอ..ถ้าผู้ชายว่าบ้าง ลูกเมียจะอยู่ในโอวาท หรือเปล่าครับ ?

    หลวงพ่อ : เราอยู่ในโอวาทเขา เขาก็อยู่ในโอวาทเรา

    "วันทโก ปฏิวันทนัง" ผู้ไหว้ย่อมได้รับการไหว้ตอบ

    "ปูชา ลภเตปูชัง" ผู้บูชาย่อมได้รับการบูชาตอบ ในเมื่อเราอยู่ในโอวาทเขา เขาก็อยู่ในโอวาทเรา


    (จากคอลัมภ์ "หลวงพ่อตอบปัญหา" ธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ 96 เดือนกุมภาพันธ์ 2532 หน้า 6-7)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 ธันวาคม 2020
  6. kiati_sak

    kiati_sak เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    7,249
    ค่าพลัง:
    +13,236
    น้อมกราบหลวงพ่อด้วยความเคารพอย่างสูง สาธุ
    81177424_1148651385519162_5675174016030081024_n.jpg
     
  7. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,687
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +225,228
    พรปีใหม่ปี พ.ศ. 2534.jpg
     
  8. เช่นนี้เอง

    เช่นนี้เอง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2014
    โพสต์:
    168
    ค่าพลัง:
    +1,817
    สวัสดีปีใหม่ครับพี่วันและพี่น้องลูกหลานหลวงพ่อทุกๆท่าน
     
  9. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,687
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +225,228
    เเ.jpg
    พรปีใหม่

    60 หน้า 7.jpg 60 หน้า 8.jpg
    (จากธัมมวิโมกข์ ปีที่ 7 ฉบับที่ 60 หน้า 7-8)

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 มกราคม 2020
  10. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,687
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +225,228
    happy new.jpg

    สวัสดีปีใหม่ทุกๆท่านนะครับ
     
  11. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,687
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +225,228
    คืนสวดมนต์ข้ามปีที่บ้านซอยสายลม 31 ธันวาคม 2562

    249881.jpg
    249863.jpg 249864.jpg 249865.jpg IMG_20191231_225649.jpg IMG_20200101_010445.jpg 180111.jpg 180121.jpg IMG_20200101_011624.jpg IMG_20200101_011654.jpg IMG_20200101_011718.jpg IMG_20200101_011725.jpg IMG_20200101_011940.jpg

    ปฏิทินปี 2563 แจกแก่ผู้มาร่วมสวดมนต์

    IMG_20200101_124915.jpg



     
  12. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,687
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +225,228

    DSC_2390.jpg

    คนที่จะได้มรรคผลชาตินี้จะพอใจแต่พระที่ได้มรรคผลเท่านั้น


    ท่านทั้งหลาย มีอยู่คราวหนึ่งท่านพูดไว้ว่า คนเราจะลงมาเกิดจากเทวดา จากพรหมนั้นจะเกิดเพื่อบำเพ็ญบารมีหวังมรรคหวังผล เกิดเพื่อความพ้นทุกข์จากวัฏฏะ เมื่อท่านทั้งหลายเกิดมาพบพระพุทธศาสนา คนที่จะได้มรรคได้ผลนี่บุญจะให้ได้พบพระดี

    สำหรับท่านเองสมัยก่อนพอท่านบวชมา จริงๆพระก็เยอะ แต่มีความพอใจในหลวงปู่ปาน มีความเคารพ เมื่อท่านจะบวชก็มีคู่สวดพร้อมอุปัชฌาย์ที่เป็นพระอรหันต์ คือ อุปัชฌาย์ท่านอยู่วัดบ้านแพน เป็นพระอรหันต์ เป็นอุปัชฌาย์ เป็นผู้สั่งสอนให้

    เมื่ออยู่กับหลวงปู่ปาน หลวงปู่ปานก็พุทธภูมิเต็มก็สอนทั้งสมถะวิปัสสนา และให้ไปหาอาจารย์ที่เป็นพระอริยะเจ้าให้ไปเรียนกับหลวงพ่อโหน่ง หลวงพ่อเนียมท่านก็พอใจ เมื่อท่านเข้ามาเรียนในกรุงเทพก็มาพบสมเด็จพระพุฒาจารย์ วัดอนงคาราม ท่านก็เป็นพระอรหันต์ก็มีความพอใจ


    ฉะนั้นท่านจึงสรุปว่า


    "คนเรานะถ้าต้องการมรรคต้องการผลในการปฏิบัติดีแล้วนี่ จะพอใจครูบาอาจารย์ที่มีมรรคมีผลทั้งสิ้น สำหรับท่านจะพอใจเฉพาะพระที่มีมรรคมีผล พระที่ไม่มีมรรคไม่มีผล เป็นหมื่นเป็นแสนก็ยังไม่พอใจ จิตมันไม่ยอม จิตมันพอใจเฉพาะพระที่มีมรรคมีผล"

    ฉะนั้นท่านสาธุชนหรือลูกศิษย์หรือหลวงพ่อเราที่อยู่ร่วมกันนี้ ที่มาพบกัน ที่เป็นลูกศิษย์อยู่ไกลก็ดี อยู่วัดก็ดี อยู่ใกล้ก็ดี อยู่ต่างจังหวัด ต่างอำเภอ ต่างประเทศก็ดี ขอจงถามจิตตัวเองว่าท่านพอใจในคำสอนไหม พอใจในการปฏิบัติไหม พอใจในการลดละกิเลสไหม พอใจในมรรคผลเพื่อไปพระนิพพาน ไม่ต้องการมาเกิดไหม

    เมื่อท่านพอใจอย่างนี้ ขอให้ภูมิใจได้ว่า ชาตินี้ท่านเดินใกล้พระนิพพานเข้ามาแล้ว เดินถูกทางแล้ว อย่าได้เขว อย่าได้เถลไถลไปเสียที่ไหน


    (จากหนังสือประวัติหลวงพ่อพระราชพรหมยาน หน้า 68)
     
  13. Yimnile

    Yimnile สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2020
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +38
    สวัสดีค่ะพี่วรรณและกัลยาณมิตรทุกท่าน วันนี้มีประสบการณ์ วัตถุมงคลและคาถาเงินล้านมาเล่าสู่กันฟัง นายเข้าอันเดิมไม่ได้เลยสมัคร user มาใหม่นะคะ
    คือเพิ่งเกิดขึ้นเช้านี้เลยค่ะ ปกตินายจะสวดคาถาเงินล้านทุกวันอยู่แล้ว เพื่อเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา แต่ช่วงนี้ทำกิจการค้าขาย ก็เลยลองขออาราธนาดู หลังจากที่นั่งสมาธิเสร็จก็สวดคถาเงินล้านต่อ และขอให้การค้าขาย ไปได้ดี ปรากฏว่า พอสวดเสร็จ กลับมาบ้าน ลูกค้า ไลน์มาสั่งฟองน้ำ นาโน ที่นาย ขาย ไป 100 ก้อน wow จริงๆ พอช่วงบ่ายก็มี ส่ง ปณ เบาๆ อีก 3 ก้อน ขายแม่ค้าที่ตลาดได้อีก 2 ก้อน มันดีงามจริงๆค่ะ
    อ้อและช่วงเช้า จะอาราธนา น้ำมันชาตรีแตะที่ลิ้น (สาลิกาลิ้นทอง พี่วรรณเคยแนะนำไว้ ) และกลางศรีษะด้วยค่ะ
    แต่ทั้งนี้เราก็ต้อง ท่องแบบไม่มีความโลภนะคะ วางใจเป็นกลาง ไม่นึกไม่ฝันว่าจะมียอดสั่งซื้อปังมากเพราะเพิ่งจะเริ่มต้นทำเองค่ะ ไม่มีเพจอะไรเลย ขาย ออฟไลปกติ ก็ขายได้เรื่อยๆ เยอะบ้างน้อยบ้าง แต่ขายได้ทุกวันจึงมาเล่าสู่กันฟัง สาธุๆๆ พระพุทธคุณ วัตถุมงคลของหลวงพ่อ ค่ะ
     
  14. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,687
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +225,228
    138559.jpg
     
  15. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,687
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +225,228
    0001.jpg


    ตรุษจีน

    ต่อนี้ไปจะนำเอาอานิสงส์แห่งการทำตรุษจีนของบรรดาชาวจีนทั้งหลายมากล่าวไว้ให้บรรดาท่านพุทธบริษัทได้รับทราบ

    ชาวจีนแต่โบราณนั้นความจริงก็นับถือพระพุทธศาสนา คำว่าศาสนาหรือศาสดาใดๆนี้ ไม่ว่าประเทศใดทั้งหมดจะถือศาสนาเป็นอย่างเดียวกันทั้งหมดก็หาได้ไม่ ทั้งนี้ก็เพราะว่าย่อมเป็นที่ถูกใจของบุคคลบางประเภท บางท่านก็ชอบศาสดาองค์นี้ บางท่านก็ชอบศาสดาองค์นั้น

    ดูตัวอย่างในประเทศอินเดียเองก็มีศาสนาจริงๆ ก็เกือบร้อยศาสนา คำว่า ศาสนา แปลว่า คำสอน แสดงว่ามีคณาจารย์ผู้สอนเกือบร้อยลัทธิ ในประเทศจีนก็เช่นเดียวกัน ในสมัยเมื่อองค์สมเด็จพระทรงธรรม์บรมศาสดาทรงอุบัติขึ้น และก็พระพุทธศาสนาได้แผ่ขยายเข้าไปในเขตประเทศจีน ความจริงประเพณีเดิมของเขาก็มีอยู่ แต่ว่าศาสนาขององค์สมเด็จพระบรมครูเข้าไปต่อเมื่อภายหลัง

    เราจะเห็นได้ว่าชาวจีนมักจะนิยมบูชารูปพระมหากัจจายนะ เขาถือว่าเป็นพระที่ประกอบด้วยลาภสักการะ มีความร่ำรวย และอีกประการหนึ่ง การทำวัตถุสิ่งของที่ปั้นขึ้นเป็นภาชนะมักจะมีรูปโป๊ยเซียน

    คำว่าเซียนนี่แปลว่าผู้วิเศษ โป๊ยแปลว่าแปด โป๊ยเซียนแปลว่ามีผู้วิเศษแปดท่าน ก็ได้แก่อรหันต์แปดทิศ ฉะนั้นในสมัยเมื่อองค์สมเด็จพระธรรมสามิสรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้ายังทรงมีชีวิตอยู่ เมื่อพระองค์ใดได้สดับพระธรรมเทศนาขององค์สมเด็จพระบรมครูเป็นอรหันต์แล้ว องค์สมเด็จพระประทีปแก้วก็ส่งไปประกาศพระศาสนาในทิศต่างๆ ในตอนต้นที่ยังมีพระน้อยอยู่ สมเด็จพระบรมครูก็ทรงแนะนำว่า

    "จงช่วยกันไปสอนคนละทิศคนละทาง แต่ทิศหนึ่งทางหนึ่งอย่าไปพร้อมกัน 2 องค์ให้แยกกันไป"

    ภายหลังเมื่อพระสาวกขององค์สมเด็จพระจอมไตรมีมาก ก็ย่อมไปอยู่ในแดนละหลายๆองค์ได้ อันแดนที่จะพึงทราบมาเท่าที่สังเกตได้ คือแดนทางเหนือของประเทศไทยตั้งแต่จังหวัดลำปาง ลำพูน เชียงใหม่ ได้ทราบว่าเป็นแดนของ พระมหาโมคคัลลาน์

    ถ้าเลยเชียงใหม่ไปในเขตเชียงรายถึงเชียงตุง อันนี้เป็นแดนของ พระมหากัสสปะ

    เข้าไปในเขตประเทศจีนเป็นแดนของ พระมหากัจจายนะ


    ฉะนั้นสัญลักษณ์แห่งการบูชาพระของชาวจีนจึงมีรูปของพระมหากัจจายนะมาก และที่ชาวจีนมีรูปโป๊ยเซียน คืออรหันต์ 8 ทิศ นั่นก็หมายความว่า

    2607021234311696316.jpg


    สมัยที่องค์สมเด็จพระธรรมสามิสรประกาศเขตให้พระสงฆ์ทำสังฆกรรม เวลานี้เขาเรียกกันว่า อุโบสถ คำว่า อุโบสถ หรือที่ทำสังฆกรรม ก็หมายถึงว่า เป็นที่ประชุมของสงฆ์ ปรึกษาหารือกันหรือประกาศผลบางเหตุบางประการ อย่างนี้องค์สมเด็จพระพิชิตมารทรงกระทำขึ้น ให้พระอรหันต์ 8 องค์ไปยืนอยู่ใน 8 ทิศ และองค์สมเด็จพระธรรมสามิสรก็ทรงถามว่า

    "ที่นั่นใครยืนอยู่"

    พระที่ยืนอยู่ก็ตอบองค์สมเด็จพระบรมครูตามชื่อท่าน เช่น พระสารีบุตรยืนอยู่ท่านถามว่านั่นใคร พระสารีบุตรก็ตอบว่า นี่พระสารีบุตร พระเจ้าข้า

    สมเด็จพระบรมศาสดาก็ทรงถามว่า

    "ตรงนั้นมีอะไรเป็นนิมิต" หรือมีเครื่องหมายอะไรเป็นเครื่องกั้นเขต

    พระที่ยืนอยู่ก็ตอบองค์สมเด็จพระบรมโลกเชษฐ์ว่า มีหินหรือต้นไม้ เป็นต้น

    เป็นอันว่าอาศัยที่องค์สมเด็จพระทศพลแนะนำบรรดาภิกษุสงฆ์ว่า ที่ๆควรจะทำสังฆกรรม ก็ให้ตั้งเขตประเภทนี้ไว้แล้วห้ามบุคคลอื่นไปยุ่งในเขตนั้น ขณะที่พระสงฆ์ประชุมกันเรียกว่าแดนสังฆกรรม

    เวลานี้เรียกว่าแดนอุโบสถเพราะฝังลูกนิมิต นิมิต แปลว่า เครื่องหมายเป็นการกั้นเขต

    การที่องค์สมเด็จพระบรมโลกเชษฐ์ทำครั้งแรกแบบนี้ ต่อไปบรรดาพระสงฆ์ทั้งหลายที่อยู่แยกกันไปในแดนไกลก็พากันกั้นเขตเช่นเดียวกับพระบรมโลกเชษฐ์ที่ตั้งไว้เป็นที่ประชุมสงฆ์

    ฉะนั้นอาศัยที่พระต้องยืนกั้นเขตหรือยืนรักษาเขตหรือชี้เขต 8 องค์ บรรดาชาวจีนจึงเรียกกันว่าโป๊ยเซียน แปลว่าผู้วิเศษ 8 ท่าน

    สมัยนั้นที่พระพุทธเจ้ากระทำก็มีพระโมคคัลลาน์ พระสารีบุตร พระอนุรุทธ พระมหากัจจายนะ พระอานนท์ เป็นต้น ซึ่งเป็นพระที่มีความสำคัญทั้งหมด

    นี่ว่ากันถึงว่าชาวจีนที่เขานับถือพระพุทธศาสนา แต่ว่าในขณะเดียวกันที่นับถือพระพุทธศาสนา เขาก็นับถือศาสนาอื่นมาก่อน ในเมื่อพระพุทธศาสนาเข้าไปแล้ว ศาสนาอื่นก็ยังถืออยู่ ฉะนั้นจึงรวมความว่า ในเขตที่ศาสนาขององค์สมเด็จพระบรมครูเข้าไปถึง ก็มีทั้งพระพุทธศาสนาด้วย มีทั้งศาสนาดั้งเดิมด้วย


    (จากหนังสือคำสอนหลวงพ่อวัดท่าซุง เล่ม 19 หน้า 3-5)


     
  16. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,687
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +225,228
    a.jpg g.jpg f.jpg



    พระคาถาเงินล้าน หลวงพ่อพระราชภาวนาโกศล นำสวด

    b.jpg c.jpg d.jpg
     
  17. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,687
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +225,228
    0001 (45).jpg

    ตรุษจีนถวายสังฆทาน

    ผู้ถาม : กราบเท้าหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง ตรุษจีนปีนี้ลูกเป็นคนอกตัญญูเสียแล้วเจ้าค่ะ คือตรุษจีนทุกปี ลูกจะต้องซื้อหมู เห็ด เป็ด ไก่ ไหว้ศาลเจ้าด้วย

    มาปีนี้ขออกตัญญูสักครั้งหนึ่งเปลี่ยนมาเป็นถวายสังฆทานแทน แล้วเชิญเจ้าที่ เชิญศาลเจ้าต่างๆมาโมทนา

    ไม่ทราบว่าท่านจะยินดีด้วยหรือว่าโมโหเพราะไม่ได้กินเป็ดไก่เจ้าคะ

    หลวงพ่อ : เดี๋ยวฉันขอพูดต่อจากลุงนะ (ลุงพุฒิ) ลุงท่านบอกว่าอย่างนี้ เขาเรียก มหากตัญญู

    กตัญญูอย่างใหญ่คือให้บุญไงล่ะ เทวดาทั้งหมดเขาต้องการบุญ ไอ้หมูเห็ดเป็ดไก่เขาไม่ได้กิน แต่ว่าที่ทำไปแล้วก็ไม่ผิดเพราะเป็นการแสดงความกตัญญูรู้คุณ แต่ว่าที่ทำโดยถวายสังฆทาน ตัวเองก็มีอานิสงส์มาก น่าจะรวย และคนที่ตายไปแล้ว เทวดาหรือเจ้าเขาโมทนาเข้า ทิพยสมบัติก็ดีขึ้นสูงขึ้น ต่างคนต่างดี

    (จากธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ 97 มีนาคม 2532 หน้า 10)

    729194.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 มกราคม 2020
  18. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,687
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +225,228
    พระธาตุจอมกิตติ.jpg
    ปีใหม่..แนะวิธีไหว้ "พระธาตุ" แก้โรคร้าย (มะเร็ง)

    "อรัญญา นามวงศ์" ป่วยเส้นเลือดในสมองแตก

    ....ครอบครัวข่าว ช่อง 3 วันพฤหัสบดีที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2554

    คณะแพทย์ รพ.จุฬา พร้อมด้วยครอบครัว "ศิระฉายา" แถลงข่าว อาการนางอรัญญา นามวงศ์ หลังถูกหามส่ง รพ.เมื่อวานนี้ ด้วยอาการแขน ขาอ่อนแรง และมีอาการปากเบี้ยว

    .....ศาสตราจารย์ นายแพทย์ อดิศร ภัทราดูรย์ ผอ.รพ.จุฬาฯ พร้อมด้วยคณะแพทย์ และนายเศรษฐา และ นส.พุทธิดา ศิระฉายา ลูกสาว แถลงอาการของนางอัญชลี ศิระฉายา หรืออรัญญา นามวงศ์ ดารานักแสดงชื่อดัง หลังถูกหามส่ง รพ.เมื่อวานที่ผ่านมา (8 ก.ย.)

    โดยนายแพทย์อดิศร ภัทราดูรย์ เปิดเผยว่า นางอรัญญามีอาการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อด้านซ้าย เนื่องจากมีเลือดออกในส่วนลึกของสมองด้านขวา และมีก้อนเลือดประมาณ 2 ซม. ขณะนี้ผู้ป่วยรู้สึกตัวดี มีเพียงแขนและขาข้างซ้ายอ่อนแรง และต้องเฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิด โดยควบคุมความดันโลหิตให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ และหากไม่มีเลือดออกเพิ่ม อาการผู้ป่วยจะดีขึ้นเรื่อย ๆ โดยไม่จำเป็นต้องผ่าตัด และจะเริ่มทำการกายภาพบำบัดเพื่อฟื้นฟูกล้ามเนื้อ ส่วนก้อนเลือดขนาด 2 เซนติเมตร มีโอกาสที่จะละลายได้เอง โดยต้องใช้ระยะเวลา 1-2 สัปดาห์

    ส่วนเรื่องที่ต้องเฝ้าระวังขณะนี้คือเรื่องความดันและความเครียดของคนไข้ และคาดว่าน่าจะออกจากห้องไอซียูได้ในวันพรุ่งนี้ (9 ก.ย.) และมีโอกาสหายเป็นปกติ แต่ต้องใช้ระยะเวลาในการฟักฟื้น ซึ่งโรคดังกล่าวมักจะเกิดจากผู้ที่มีโรคความดันโลหิตสูงเป็นเวลานาน ๆ และมีการควบคุมที่ไม่ดี ทำให้เส้นเลือดเปราะและแตกได้

    ด้านนายเศรษฐา เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเย็นเมื่อวานที่ผ่านมา (7 ก.ย.) ตนเอง พร้อมคุณอรัญญา ผู้จัดละครอีกกว่า 20 คน และผู้บริหารช่อง 3 กำลังนั่งรับประทานอาหาร แต่จู่ ๆ คุณอรัญญาก็ไม่สามารถที่จะหยิบกระดาษทิชชูได้ พร้อมกับเริ่มสังเกตเห็นอาการปากเบี้ยว จึงรีบนำตัวส่ง รพ.ทันที ซึ่งก่อนหน้านี้คุณอรัญญาไม่เคยมีอาการมาก่อน ซึ่งเป็นคนสุขภาพแข็งแรงออกกำลังกายตลอด ส่วนอาการล่าสุดที่เข้าไปเยี่ยมได้มีการพูดคุยได้เป็นปกติ มีเพียงกล้ามเนื้อบางส่วนที่ต้องใช้เวลาในการฟื้นฟู

    พระธาตุดอยตุง.jpg



    แนะวิธีไหว้ "พระธาตุ" แก้โรคร้าย (มะเร็ง เป็นต้น)

    (แทนการไหว้พระธาตุประจำปีเกิด)

    (โดย..พระอาจารย์ชัยวัฒน์ อชิโต)

    ......ข่าวที่เกิดขึ้นกับ คุณอรัญญา นามวงศ์ นักแสดงที่มีชื่อเสียงในอดีตนี้ นับว่าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงกับเรื่องในกระทู้ที่นำเสนอพอดี ประกอบกับเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2554 วัดท่าซุงต้องสูญเสียพระเถระไป 1 รูป คือท่านพระครูใบฎีกาสมพงษ์ สมจิตฺโต หลังจากที่เพิ่งจะจัดงานฌาปนกิจศพ หลวงพี่พระใบฎีกาประทีป อตฺถทตฺสี เพียงไม่กี่วันเท่านั้นเอง ด้วยโรคร้ายภายในร่างกายทั้งสองรูป โดยเฉพาะท่านสมพงษ์ป่วยเป็นโรคร้าย คือมะเร็งในสมอง ส่วนหลวงพี่ประทีปเป็นโรคร้ายภายในปอด เป็นต้น

    ตามที่มีการป่วยเฉพาะส่วนอวัยวะต่างๆ ภายในร่างกายของคนเรา จึงทำให้ผู้เขียนนึกถึงพระมหาธาตุเจดีย์ต่างๆ ที่เคยได้ไปกราบไหว้บูชามาแล้ว ภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ "อวัยวะ" ส่วนต่างของพระพุทธเจ้า ซึ่งมีความสำคัญและเก่าแก่มานาน ชาวไทยส่วนใหญ่มีความเลื่อมใสมาแต่โบราณ ต่างก็เดินทางไปกราบไหว้บูชากันอยู่เสมอ แต่ถ้าถามว่าพระธาตุองค์นี้บรรจุอะไรไว้ภายใน ต้องขออภัยท่านที่ทราบอยู่แล้วนะ แต่ส่วนใหญ่เท่าที่สอบถาม ตอบว่าไม่ทราบว่าพระธาตุองค์นี้บรรจุอะไรไว้ภายใน

    ด้วยเหตุนี้เอง ผู้เขียนจึงมีความคิดว่าถ้าหากจะแนะนำให้ไปกราบไหว้บูชา หรือตั้งจิตอธิษฐานขอบารมีพระธาตุ หรือความสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายขององค์พระธาตุ ขอท่านช่วยให้การป่วยไข้ไม่สบายหายไปหมดสิ้น จึงขอยกตัวอย่างดังต่อไปนี้

    1. โรคเกี่ยวกับสมอง เช่น หลอดเลือดสมองตีบ เป็นต้น
    - ควรไปไหว้ พระธาตุจอมทอง เมืองเชียงรุ้ง สิบสองปันนา (บรรจุพระบรมธาตุส่วนมันสมอง)
    - ควรไปไหว้ พระธาตุจอมทอง อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ (บรรจุพระบรมธาตุส่วนท้ายทอยขวา)
    - ควรไปไหว้ พระธาตุดอยน้อย อ.ดอยหล่อ จ.เชียงใหม่ (บรรจุพระบรมธาตุส่วนท้ายทอยซ้าย)
    - ควรไปไหว้ พระธาตุหริภุญชัย อ.เมือง จ.ลำพูน (บรรจุพระบรมธาตุส่วนกระหม่อมขวา)
    - ควรไปไหว้ พระธาตุแหลมลี่ อ.ลอง จ.แพร่ (บรรจุพระบรมธาตุส่วนกระหม่อม)

    2. โรคเกี่ยวกับหน้าผาก
    - ควรไปไหว้ พระธาตุจอมยอง เมืองยอง พม่า (บรรจุพระบรมธาตุส่วนหน้าผาก)
    - ควรไปไหว้ พระธาตุดอยเกิ้ง อ.ฮอด จ.เชียงใหม่ (บรรจุพระบรมธาตุส่วนหน้าผากซ้าย)

    3. โรคเกี่ยวกับดวงตา
    - ควรไปไหว้ พระธาตุดอยหยวก อ.ปง จ.พะเยา (บรรจุพระบรมธาตุส่วนขอบตาขวา)

    4. โรคเกี่ยวกับจมูก
    - ควรไปไหว้ พระธาตุแจ่โห้ว อ.ดอกคำใต้ จ.พะเยา (บรรจุพระบรมธาตุส่วนปลายจมูก)
    - ควรไปไหว้ พระธาตุจอมจ้อ อ.เทิง จ.เชียงราย (บรรจุพระบรมธาตุส่วนดั้งจมูก)

    5. โรคเกี่ยวกับหู
    - ควรไปไหว้ พระธาตุวัดป่าแดงบุนนาค อ.เมือง จ.พะเยา (บรรจุพระบรมธาตุส่วนกกหูซ้าย-กกหูขวา)

    6. โรคเกี่ยวกับปาก
    - ควรไปไหว้ พระธาตุสบแวน อ.เชียงคำ จ.พะเยา (บรรจุพระบรมธาตุส่วนริมฝีปาก)

    7. โรคเกี่ยวกับฟัน
    - ควรไปไหว้ พระธาตุแสนไห อ.เวียงแหง จ.เชียงใหม่ (บรรจุพระบรมธาตุส่วนพระทนต์ (ฟัน)
    - ควรไปไหว้ พระธาตุภูซาง อ.เชียงคำ จ.พะเยา (บรรจุพระบรมธาตุส่วนพระทันตธาตุ)
    - ควรไปไหว้ พระธาตุบุ ต.เวียงคุก อ.เมือง จ.หนองคาย (บรรจุพระบรมธาตุส่วนพระเขี้ยวฝาง)

    8. โรคเกี่ยวกับแก้ม
    - ควรไปไหว้ พระธาตุม่อนทรายนอน อ.งาว จ.ลำปาง (บรรจุพระบรมธาตุส่วนแก้ม)

    9. โรคเกี่ยวกับคาง
    - ควรไปไหว้ พระธาตุวัดเจดีย์หลวง อ.เมือง จ.เชียงใหม่ (บรรจุพระบรมธาตุส่วนคางซ้าย)
    - ควรไปไหว้ พระธาตุม่วงคำ อ.เมือง จ.ลำปาง (บรรจุพระบรมธาตุส่วนคางซ้าย)
    - ควรไปไหว้ พระธาตุวัดเจดีย์เหลี่ยม อ.สารภี จ.เชียงใหม่ (บรรจุพระบรมธาตุส่วนคางขวา)

    10. โรคเกี่ยวกับคอ
    - ควรไปไหว้ พระธาตุลำปางหลวง อ.เกาะคา จ.ลำปาง (บรรจุพระบรมธาตุส่วนลำคอหน้า-หลัง)
    - ควรไปไหว้ มหิยังคะณะเจดีย์ เมืองมหิยังเกน่า ศรีลังกา (บรรจุพระบรมธาตุส่วนคอ)
    - ควรไปไหว้ พระธาตุเชียงทิม เมืองสิงห์ สปป.ลาว (บรรจุพระบรมธาตุส่วนคอ, เอ็นบ่า)

    11. โรคเกี่ยวกับไหล่ขวา
    - ควรไปไหว้ พระธาตุภูตั๊บ อ.ลอง จ.แพร่ (บรรจุพระบรมธาตุส่วนไหล่ขวา)

    12. โรคเกี่ยวกับไหล่ซ้าย
    - ควรไปไหว้ พระธาตุขวยปู อ.วังชิ้น จ.แพร่ (บรรจุพระบรมธาตุส่วนไหล่ซ้าย)

    13. โรคเกี่ยวกับไหปลาร้าขวา
    - ควรไปไหว้ พระธาตุถูปาราม เมืองอนุราธปุระ ศรีลังกา (บรรจุพระบรมธาตุส่วนไหปลาร้าขวา)

    13. โรคเกี่ยวกับไหปลาร้าซ้าย
    - ควรไปไหว้ พระธาตุดอยตุง อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย (บรรจุพระบรมธาตุส่วนไหปลาร้าซ้าย)

    14. โรคเกี่ยวกับทรวงอก - หัวใจ
    - ควรไปไหว้ พระธาตุพนม อ.ธาตุพนม จ.นครพนม (บรรจุพระบรมธาตุส่วนหน้าอก)
    - ควรไปไหว้ พระธาตุวัดพระแก้วดอนเต้า อ.เมือง จ.ลำปาง (บรรจุพระบรมธาตุส่วนหัวใจ)

    15. โรคเกี่ยวกับช่วงท้อง
    - ควรไหว้ พระธาตุบังพวน อ.เมือง จ.หนองคาย (บรรจุพระบรมธาตุส่วนหัวเหน่า)

    16. โรคเกี่ยวกับกระดูกซี่โครง
    - ควรไหว้ พระธาตุวัดทุ่งตูม อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ (บรรจุพระบรมธาตุส่วนซี่โครงซ้าย)
    - ควรไหว้ พระธาตุจอมปิง อ.เกาะคา จ.ลำปาง (บรรจุพระบรมธาตุส่วนซี่โครงซ้าย)

    17. โรคเกี่ยวกับตับ
    - ควรไหว้ พระธาตุสันดอน อ.แม่ทะ จ.ลำปาง (บรรจุพระบรมธาตุส่วนตับ)

    18. โรคเกี่ยวกับกระดูกสันหลัง
    - ควรไปไหว้ พระธาตุอิงรัง แขวงสุวรรณเขต สปป.ลาว (บรรจุพระบรมธาตุส่วนแขนขวา)

    19. โรคเกี่ยวกับสะโพก - ก้นกบ
    - ควรไปไหว้ พระธาตุปุ้มปุ๊ก แขวงหลวงน้ำทา สปป.ลาว (บรรจุพระบรมธาตุส่วนก้นกบ)

    20. โรคเกี่ยวกับแขนขวา
    - ควรไปไหว้ พระธาตุจอมกิตติ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย (บรรจุพระบรมธาตุส่วนแขนขวา)

    21. โรคเกี่ยวกับแขนซ้าย
    - ควรไปไหว้ พระธาตุจอมทอง อ.เมือง จ.พะเยา (บรรจุพระบรมธาตุส่วนแขนซ้าย)

    22. โรคเกี่ยวกับข้อศอกขวา
    - ควรไปไหว้ พระธาตุแก่งสร้อย อ.สามเงา จ.ตาก (บรรจุพระบรมธาตุส่วนข้อศอกขวา)

    23. โรคเกี่ยวกับข้อศอกซ้าย
    - ควรไปไหว้ พระธาตุช่อแฮ อ.เมือง จ.แพร่ (บรรจุพระบรมธาตุส่วนข้อศอกซ้าย)

    24. โรคเกี่ยวกับข้อมือขวา
    - ควรไปไหว้ พระธาตุภูขวาง อ.เมือง จ.พะเยา (บรรจุพระบรมธาตุส่วนข้อมือขวา)

    25. โรคเกี่ยวกับข้อมือซ้าย
    - ควรไปไหว้ พระธาตุแช่แห้ง อ.เมือง จ.น่าน (บรรจุพระบรมธาตุส่วนข้อมือซ้าย)

    26. โรคเกี่ยวกับฝ่ามือ
    - ควรไปไหว้ พระธาตุจอมท้าว เมืองพะยาก พม่า (บรรจุพระบรมธาตุส่วนฝ่ามือขวา)
    - ควรไปไหว้ พระธาตุจอมทอง เมืองพะยาก พม่า (บรรจุพระบรมธาตุส่วนฝ่ามือซ้าย)
    - ควรไปไหว้ พระธาตุวัดทุ่งธาตุ อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย (บรรจุพระบรมธาตุส่วนฝ่ามือซ้าย)

    27. โรคเกี่ยวกับนิ้วมือ
    - ควรไปไหว้ พระธาตุดอยทอง อ.เมือง จ.เชียงราย (บรรจุพระบรมธาตุส่วนนิ้วทั้งสิบ)
    - ควรไปไหว้ พระธาตุจอมแจ้ง อ.เมือง จ.แพร่ (บรรจุพระบรมธาตุส่วนหัวแม่ซ้าย)
    - ควรไปไหว้ พระธาตุม่อยพญาแช่ อ.เมือง จ.ลำปาง (บรรจุพระบรมธาตุส่วนเล็บ)
    - ควรไปไหว้ พระธาตุดอยน้อย อ.เมือง จ.พะเยา (บรรจุพระบรมธาตุส่วนนิ้วก้อย)

    28. โรคเกี่ยวกับขาและเท้า
    - ควรไหว้ พระธาตุขิงแกง อ.จุน จ.พะเยา (บรรจุพระบรมธาตุส่วนพระบาทขวา)
    - ควรไหว้ พระธาตุดอยกู่แก้ว อ.แม่จัน จ.เชียงราย (บรรจุพระบรมธาตุส่วนตาตุ่มขวา)
    - ควรไหว้ พระธาตุปูแจ อ.ร้องกวาง จ.แพร่ (บรรจุพระบรมธาตุส่วนตาตุ่ม)
    - ควรไหว้ พระธาตุเมืองลาหนองคาย (จมอยู่ในแม่น้ำโขง) อ.เมือง จ.หนองคาย (บรรจุพระบรมธาตุส่วนพระบาทขวา)


    คำแนะนำการเตรียมเครื่องบูชา และวิธีการบน

    ถ้าป่วยหนักให้ทำพิธีที่บ้าน เลือกพระธาตุเอาเอง (ตามที่สามารถจะเดินทางไปแก้บนได้ด้วยตนเอง) ถ้ายังเป็นไม่มาก ควรเดินทางไปด้วยตนเอง จะทำให้การอธิษฐานตั้งมั่น จะได้ผลเร็วขึ้น อีกทั้งบารมีขององค์พระบรมธาตุส่วนนั้นที่อยู่ภายใน และเทพเทวาที่รักษาอยู่ ณ ที่นั้น จะช่วยเหลือได้ทันท่วงที (ทั้งนี้ ต้องอธิษฐานแถมท้ายด้วยว่า "ถ้าไม่เกินวิสัย หรือเกินกฎของกรรม" เพราะถ้าถึงอายุขัยหรือถึงเวลาตายจริงก็ไม่มีใครช่วยได้)

    1. เครื่องบูชาพระธาตุทั้ง 5 คือ
    - ธูป 5 ดอก
    - เทียน 5 เล่ม
    - ดอกไม้ 5 สี
    - เงิน 5 บาท
    - ทองคำเปลว 5 แผ่น

    2. การแก้บน 5 ประการ คือ (เลือกข้อใดข้อหนึ่งเท่านั้น)
    - บนถวายสังฆทาน 1 ชุด (พระพุทธรูป 5 นิ้ว, ผ้าจีวร, ยารักษาโรค)
    - บนตัวเองบวชชีพราหมณ์ 5 วัน
    - เป็นเจ้าภาพบวชเณร 1 รูป หรือเป็นเจ้าภาพบวชพระ 1 รูป
    - ถวายปัจจัยบูรณะพระธาตุตามอัธยาศัย
    - ห่มผ้ารอบองค์พระธาตุ, ปิดทองคำเปลว 5 แผ่น

    3. เมื่อเตรียมเครื่องบูชาเสร็จแล้ว ให้กราบไหว้บูชาพระแล้วอธิษฐานว่า

    ....."โรคร้ายภายในร่างกายของข้าพเจ้า ถ้าหากไม่เกินวิสัยกฎแห่งกรรม จะรู้ก็ดี ไม่รู้อยู่ก็ดี จะรักษาหายก็ดี หรือรักษาไม่หายก็ดี ขอให้บารมีพระธาตุ..(ออกชื่อพระธาตุ) และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ขอให้กำจัดโรคร้ายนี้ให้หายไปสิ้นโดยฉับพลันนั้นเทอญ และถ้าหายเป็นปกติดีแล้ว ข้าพเจ้าขอแก้บนด้วย...(เลือกข้อใดข้อหนึ่ง)......."


    DSC_0095.JPG

    "การไหว้พระธาตุ..แก้โรคร้าย" แทน "การไหว้พระธาตุ..ประจำปีเกิด"

    .......ผู้เขียนขอย้ำให้ผู้ที่บน จะบนที่บ้านหรือเดินทางไปบนด้วยตนเองก็ตาม เมื่อหายแล้วอย่าได้ผิดสัจจะ ควรเดินทางไปแก้บนตามที่อธิษฐานไว้ ผลดีจะเกิดขึ้นกับท่านอย่างแน่นอน เพราะพระธาตุคู่บ้านคู่เมืองที่แนะนำมานี้ มีเทพยดาอารักษ์ปกปักรักษาแต่ละพระธาตุ ถ้าไม่เกินวิสัยและกอร์ปกับเรามีความศรัทธาแล้ว การอธิษฐานน่าจะมีผลดี

    เพราะสมัยนี้คนเป็นโรคร้ายที่รักษาไม่หายกันเยอะ โดยเฉพาะโรคที่เกี่ยวกับอาหารการกิน มีสารมะเร็งเป็นส่วนใหญ่ บางคนกว่าจะรู้อาการก็หนักแล้วถึงขั้น 3 ขั้น 4 ยากที่แพทย์แผนปัจจุบันจะรักษาได้ แต่ถ้าเรายังไม่ถึงอายุขัย หรือมีกรรมดีแต่ปางก่อนมาช่วยหนุน เราอาจจะได้พบหมอดีหรือยาดีก็เป็นได้

    แต่การกราบไหว้บูชาขอให้บารมีพระธาตุคู่บ้านคู่เมืองช่วยนี้ ผู้เขียนก็ไม่รับรองว่าช่วยได้ 100 เปอร์เซนต์ ทั้งนี้แล้วแต่กฎแห่งกรรมของผู้ป่วยนั้นด้วย แต่คนเราเมื่อมีสภาพเช่นนี้ บางทีการหาที่พึ่งทางใจ หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ตามความเชื่อของคนไทย อาจจะยังพอที่จะเยียวยาให้หนักเป็นเบา หรือจากเบาเป็นหายไปได้

    กรณีที่คุณอภิญญา นามวงศ์ ป่วยทางด้านสมองนี้ หรือท่านผู้อ่านเวปตามรอยฯ นี้ หากมีอาการเหมือนกัน ถ้ามีความเชื่อเรื่องบุญความดีอย่างนี้ หากไม่เกินวิสัย เราก็บนบานขอให้พระธาตุที่บรรจุส่วนสมองของพระพุทธเจ้า หรือผู้อ่านท่านอื่นที่ป่วยในส่วนอื่นๆ ก็สามารถจะตั้งจิตอธิษฐานขอให้พระธาตุที่บรรจุแต่ละส่วนของพระพุทธเจ้าช่วย

    ทั้งนี้ "การไหว้พระธาตุ..แก้โรคร้าย" นี้ น่าจะได้เสริมบุญในส่วนการรักษาโรคภัยไข้เจ็บ ซึ่งจะแตกต่างกับ "การไหว้พระธาตุ..ประจำปีเกิด" นั่นเป็นการเสริมสิริมงคลกับตนเอง แต่มิได้อธิษฐานให้ท่านช่วยรักษาโรคโดยตรง ซึ่งได้เรียบเรียงไว้นับตั้งแต่ส่วนศีรษะ ตา หู จมูก ปาก คอ ไหล่ อก ท้อง ลงมาถึงเท้า

    บัดนี้ สถานที่เหล่านี้ที่ได้แนะนำมานี้ ผู้เขียนก็ได้ไปทำพิธีบวงสรวงมาแล้วทุกแห่ง และนับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จะได้อธิษฐานซ้ำอีกครั้ง เพื่อขอให้ท่านช่วยเรื่อง "โรคร้าย" เป็นการเฉพาะ เพื่อเป็นผลดีแก่ผู้ที่ตั้งจิตอธิษฐานไว้ อีกทั้งหลังจากหายดีและแก้บนแล้ว ควรจะอุทิศบุญกุศลให้แก่เจ้ากรรมนายเวร และเทพไท้เทวาผู้อารักขาอีกด้วย จึงขอให้ทุกท่านที่มั่นใจเรื่องราวเหล่านี้ ลองทำตามที่แนะนำ หากมีผลดีประการใด กรุณาแจ้งให้ทราบด้วย ขอเจริญพร.

    พระอาจารย์ชัยวัฒน์ อชิโต



    บทความนี้นำมาจากเวบวัดท่าซุงตามลิงค์ด้านล่างนี้ครับ

    http://www.watthasung.com/wat/viewthread.php?tid=2479
     
  19. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,687
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +225,228
    บวงสรวง.jpg

    มีคนสงสัยเสมอ คือเรื่องการจัดบายศรีปากชามในพิธีบวงสรวงควรทำอย่างไร หลวงพ่อตอบว่า

    การจัดบายศรีปากชาม

    1. ถ้าบริษัท ห้างร้าน วัด คนร่ำรวยต้องใช้ตามนี้ หมู 3 หัว ไก่ 1 ตัว บายศรีขนมต้มแดง ขนมต้มขาว ข้าวปากหม้อ ไข่ลูกยอด แล้วก็กลัวยน้ำว้า มะพร้าวอ่อน ถั่วราชมาส รู้จักไหม

    ถั่วราชมาสก็คือถั่วเขียวคั่ว ถ้าเป็นบ้านก็ควรจะมี ปลาแป๊ะซะอีกตัวหนึ่ง เพื่อพระภูมิเจ้าที่

    2. บายศรีปากชามต้องไม่น้อยกว่าหนึ่งชั้น สำหรับไก่ต้องวางไว้ทิศเหนือนะ ถ้าวางหมูไว้ทิศเหนือมีเรื่องแน่

    หมู 3 หัววางทิศตะวันออก ทิศตะวันตก ทิศใต้ อย่าวางผิดทิศนะ ถ้าวางผิดทิศต้องมีเรื่องแน่

    3. ถ้าชาวบ้านธรรมดา ก็ใช้หมูชิ้นหนึ่งไม่ต้องหัวหมู ถ้าฐานะพอสมควรตั้งแต่ จน ถึง ปานกลาง นะ ใช้หมูชิ้นหนึ่ง แต่ชิ้นหนึ่งต้องไม่น้อยกว่าครึ่งกิโล

    เออนี่ อย่าลืมนะ ต้องมีปลาแป๊ะซะอีกตัวนะ เพื่อพระภูมิเจ้าที่ เพราะพิธีตั้งเป็นเรื่องของท่านท้าวมหาราชท่าน


    (จากธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ 97 มีนาคม 2532 หน้า 19)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 มกราคม 2020
  20. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,687
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +225,228
    เรื่อง หลวงพ่อสร้างวัดปีแรกๆไม่ค่อยจะมีเงิน

    หลวงพ่อสมัยก่อนท่านอยู่ที่วัดก็มีลูกศิษย์นิดๆหน่อยๆ แต่ก็นั่งกรรมฐานทุกวันถึงท่านจะแก่ คนไปมากไปน้อยก็นั่งกรรมฐานทุกวัน พอนั่งไปตอนหลังนี่ท่านแก่มาก ก็สั่งกับผมบอกว่า นันต์ แกอย่าลืมนะว่าวัดนี่ที่ข้าสร้างมาได้หลายร้อยล้านนี่ ข้าไมได้สร้างด้วยอะไรเลย สร้างด้วยกรรมฐาน แกอย่าทิ้งกรรมฐานนะ ถ้าแกทิ้งกรรมฐานเมื่อไรวัดจะพัง เพราะข้าสร้างมาข้าสร้างด้วยกรรมฐานนะวัดนี้น่ะ

    ท่านบอกว่าถ้าสร้างไปนี่ถ้าเราทำจิตดีนี่เทวดาท่านก็ช่วยเกื้อหนุน พระท่านก็ช่วย มีรุ่นก่อนๆที่ท่านสร้างเขาเรียกว่า ตึกริมน้ำ ท่านไม่มีลูกศิษย์มากนี่ พ.ศ. 2513 นี่ยังไม่มีลูกศิษย์ยังได้วันใช้วัน อะไรอย่างนี้ กฐินทีก็ใช้หนี้เขาทีหนึ่ง

    ท่านเล่าให้ฟังว่าเมื่อสร้างกุฏิหลังนี้ไม่มีเงินเลย พระอินทร์มาบอกว่า คุณ เทวดาน่ะร้อนไปทั้งดาวดึงส์แล้วนะ ท่านช่วยยังไงล่ะ ช่วยหาเงินเพราะเป็นหนี้เขานี่ เป็นหนี้เขากฐินทีก็ใช้เขาที กฐินทีก็จ่ายหนี้ทีหนึ่ง แต่ช่างช่วงนั้นก็เรียกว่าไม่มีเงินก็เชื่อเครดิตพระ คือปล่อย ปล่อยทำไปเรื่อย ช่างแถวนั้นรวยทุกคนที่ปล่อยเครดิตให้นะ รวยทุกคนเพราะหลวงพ่อนี่ท่านไม่ค่อยทิ้งคน ท่านไม่ทิ้งผู้มีบุญคุณกับท่าน อย่างโยมกิมกียังงี้ให้มาขายในร้านในวัดเลย เพราะว่าหลวงพ่อแต่ก่อนไปอยู่วัดใหม่ๆบิณฑบาตไม่ได้ก็ต้องผูกปิ่นโตเขา


    "นี่ก็รุ่นเก่าเหมือนกันหรือโยมกิมกีนี่"

    ใช่ รุ่น 1 เลย ทำอาหารถวายหลวงพ่อท่าน เช้าก็ไปเอาอาหารมา

    "ตอนที่จะเริ่มสร้างวัดใหม่นี่ ท่านพระครูเจ้าอาวาสนี่มาอยู่กับหลวงพ่อหรือยังครับ"

    อยู่แล้ว ฝั่งนั้นนะ ไปอยู่พรรษานั้น พ.ศ. 2516


    "เริ่มยังไงก่อนครับ"

    มาอยู่กำลังสร้างตึกเสริมศรีพอดี ฝั่งเก่านะ ฝั่งใหม่ยังไม่มีอะไรเลยยังเป็นป่าเป็นดงอยู่ เพราะแถวโบสถ์เป็นที่ลุ่มทั้งนั้น ลุ่มแค่คอเรานี่ ถมพื้นดินขึ้นมาตั้งร่วม 2 เมตรได้มั้ง

    "ริเริ่มรุ่นนั้นใหม่ๆนี่ พระทุกองค์เจริญกรรมฐานแล้วต้องทำงานหรือเปล่าครับ หรือว่าเจริญกรรมฐานแล้วไม่ต้องทำงาน"

    โอ้โฮ ทำเหมือนกรรมกรนี่แหละ


    "พระรุ่นนั้นน่ะเหรอ"

    ใช่ ทำจนคนไปวัดว่า เฮ้ย ใช่พระหรือเปล่าหว่า เขาคุยกัน คือเราใส่งอบกันกลางวันแสกๆนี่ ใส่งอบกันเพราะหัวล้านนี่หลวงพ่อก็ไปชื้องอบมาให้ใส่กัน ชาวบ้านบอก เฮ้ย ใช่พระหรือเปล่าวะ เราก็ทำไม่รู้ไม่ชี้

    หลวงพ่อท่านสอนไม่ให้พระสำอาง สำอาง คือว่านอนจนตัวขาวแล้วไม่ทำอะไร ดีแต่พูดปากก็ว่าไอ้นั่นไม่ดีไอ้นี่ไม่ดี ท่านไม่ชอบคนพูด ส่วนมากท่านชอบคนทำงาน สังเกตดูท่านชอบคนทำ ถ้าคนดีแต่พูดไม่ค่อยเอา


    "แหม..เรียกว่ารุ่นแรกนี่เหนื่อยมากที่สุดคือทำงานทุกวันนะ

    ทุกวันต้องออกเเต่เช้ามายันเพล พอเพลมาก็พักสักครึ่งชั่วโมง

    "พอฉันเพลเสร็จแล้วก็ต่ออีกยังงั้นเหรอครับ"

    ทำงานเอง เดี๋ยวนี้ถึงติดพวกล้างชามเองยังงี้ ไม่ว่าอะไร ฉันแล้วก็ล้างเองอะไรเองลูกศิษย์ลูกหาไม่ต้องไปสน เพราะไม่มีเราก็ทำเองได้เลย

    "หัดให้ช่วยตัวเองมาตั้งแต่ต้น"

    ใช่ หัดให้ช่วยตัวเองตั้งแต่นั้นมา ทีนี้ก็มีอยู่คราวหนึ่งเวลาล้างชามเขาต้องตักแฟ้บใส่ถ้วยไปหน่อยหนึ่ง ทีนี้พอตักแฟ้บไปล้างชามก็มีคนดีมาเกิด

    "โอ แหมบุญแท้ๆเลยนะ"

    มีคนดีมาเกิดคือว่า พล.ต.ท. สงวน จิตตาลาน ถ้าใครเป็นญาติก็บอกด้วยว่าท่านได้สร้างระเบียบไว้ที่วัด พล.ต.ท. สงวน จิตตาลานไปบวชก็บอก หลวงพี่ทำอย่างงี้เปลือง เป็นคนขึ้ตระหนี่ถี่ถ้วน บอกเอาแฟ้บละลายน้ำแล้วก็ตักไปคนละหน่อยๆจะได้ไม่เปลือง น้ำปลานี่ไม่ให้ใส่ถ้วยนะ สงวน นี่เศรษฐีพันล้านนะ

    "โอ้โฮ"

    เศรษฐีพันล้านนะ คุณบุญช่วยภรรยา น้ำปลานี่อย่าไปเทใส่ถ้วยซีหลวงพี่ เหลือแล้วจะไปให้ใครกิน เหลือแล้วก็ต้องเททิ้งอีก ใส่ขวดเล็กๆนะ เวลากินเท่าไรก็เทอา นี่เศรษฐีเขากินไม่เปลือง คนจนนี่ผสมอย่างดีเลย เหลือก็เททิ้ง พล.ตท. สงวนไปสร้างระเบียบไว้

    "ตอนที่อยู่กับหลวงพ่อใหม่ๆ อาหารการขบฉันสบายดีเหรอครับ"

    เรื่องอาหารนี้มันก็ตอนนั้นเราก็ไม่รู้หลวงพ่อจ่ายยังไง อาหารก็ทำเสริมตอนกลางวันอย่างสองอย่าง อาหารพอฉัน เพราะพระมีน้อย 5 องค์ 10 องค์

    "อ๋อ แค่นั้นเองเหรอครับ"

    ใช่ เพิ่งขยับมาถึงตอนนี้ ประมาณ 57 องค์ ก็ฉันมื้อเดียวเสียบ้างอะไรบ้าง เวลากลางวันก็เหลือโหรงเหรง

    "มื้อเดียวนี่ไปติดใจธุดงค์หรือยังไงครับ"

    ติดใจธุดงค์แต่ไม่ใช่ว่าฉันมื้อเดียวแต่โอวัลติน 5 แก้วนะ ตอนธุดงค์ใหม่ๆจะนั่งกรรมฐาน ตอนเที่ยงก็แก้วหนึ่ง ก่อนจะนั่งแก้วขากลับอีกแก้ว เวลาจะสวดมนต์เย็นนั่งกรรมฐานอีกแก้ว ร้านอาหารเขาก็เลี้ยงดี ฉันเท่าไรก็ไม่ว่าอะไรก็ดีเหมือนกัน

    "เข้าแก้วออกแก้ว"

    แต่ก็ไม่ทุกองค์หรอกนะ เดี๋ยวจะไปเหมาเขาทั้งหมด

    "แต่ความจริงฉันมื้อเดียวนี่ฉันแบบรวมๆนะ จะสังเกตได้ว่าปริมาณจะจุได้มากกว่าฉัน 2 มื้อ"

    ก็ยังนึกว่าเรามันอาวุโสใช่ไหม ก็ต้องตักก่อนเขา เอ..วันแรกก็ว่าเท่านี้ วันที่สองมันมากกว่าเก่าหรือเปล่าวะนี่ มันชักเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เอ..มันไปถึงไหน ก็บอกเขาระวังอย่าให้มันถึงแค่นี้ อย่าให้ถึงคอหอยนี่ไม่ได้ เดี๋ยวกินน้ำเข้าไปเดี๋ยวมันจะลัน เวลาฉันไปนี่ เอมันถึงตรงไหนนี่พี่โอ มันตื้อไปหมด ฉันมื้อเดียวเราก็ไม่เคยฉันใช่ไหม กลัวหิว มันตื้อไปหมด หน้าอกหน้าใจมันถึงไหนกันแน่วะ บอกดีเหมือนกันมันไม่ยุ่งยาก ตอนหลังเพลแล้วไม่ยุ่งยากก็ดีเหมือนกัน

    "บ่ายจัดๆ รู้สึกหิวเหมือนกับฉัน 2 มื้อไหมครับ หรือว่ายังไงครับ"

    ไม่หิว เหมือนปกติเลยนะ หรือว่าไม่ได้ทำงานหนักก็ไม่รู้

    "ได้ข่าวว่าท่านอาจารย์ประทีปเป็นเจ้าอาวาสชั่วคราวเหรอครับ"

    ใช่ เพราะไม่มีใครเลย ไม่มีพระ เหลือองค์เดียว ธุดงค์หมด ก็ดีอันที่จริงก็เป็นดำริของหลวงพ่อ ท่านเคยไปตรวจงานเหมือนกัน บอกว่าต่อไปสถานที่นี้เป็นที่ธุดงค์ พวกแกก็เปลี่ยนกันมาซี จะให้อยู่เป็นเดือนเลยด้วยซ้ำ ใครอยากจะอยู่ก็อยู่ไปเลยซักเดือนครึ่งเดือนก็เปลี่ยนกันไป เปลี่ยนกันทำงานเปลี่ยนกันทำ

    อันที่จริงก็คงจะเป็นท่านคอยช่วยด้วยเพราะเราไม่เคยคิดเลยในใจเพราะเราไม่ค่อยรู้ท่าไหร่ พอตรวจงานพระสุรจิตนี่จะรู้ ไปตรวจงานท่านจะดำริ พระสุรจิตท่านควบคุมงานก่อสร้างอยู่ ไปกับหลวงพ่อ ก็เล่าให้ฟังว่าตรงนี้ต่อไปจะเป็นสถานที่ธุดงค์นะ พวกแกก็เปลี่ยนกันมา

    พอท่านมรณภาพแล้วก็ เอ๋ จะคิดอะไรนะที่ทำให้คนที่มาวัดแล้วกลับไปได้บุญมากที่สุด เรื่องอะไรท่านก็ทำหมดแล้วใช่ไหม ก็มาเรื่องปฏิบัติธรรมนี่นะถึงจะตรง ต้องรักษาจิตใจของคน ถ้าจิตคนดีวัดก็ทรงตัวอยู่ได้ กิจกรรมอะไรถึงจะทำให้คนรวมตัวกัน เราก็คิดว่าคนจนไปวัดได้ ก็คิดได้เรื่องธุดงค์นี่แหละ


    (จากธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ 159 พฤษภาคม 2537 หน้า 59-61)

    17903984_517323458658080_1482755331885425241_n.jpg
     

แชร์หน้านี้

Loading...