มี สติรู้พร้อม อยู่กับความคิด ในขณะปัจจุบันนั้น นี่คือ จิต เดิน วิปัสนา

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ปราบเทวดา, 5 ธันวาคม 2019.

  1. maokvid-1800

    maokvid-1800 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,923
    ค่าพลัง:
    +2,262
    ปัจจัตตัง ไม่รู้จัก

    ธรรม ที่พ้นการแสดง ไม่ว่า
    จากผู้ใด ไม่รู้จัก

    ธรรม อัน ตถาคตแต่ ผู้เดียว
    เปนผู้ ชี้ทางอยู่ ไม่รู้จัก

    กอดเสาอโกโก อโศกาไม่รู้จัก

    ต้องอาสัยหมู่ ร่ำไป

    เดินได้แต่ที่ มีคนพยักหน้า
     
  2. ฐานธมฺโม

    ฐานธมฺโม ทำลายเพื่อสร้างใหม่ ให้ดี ให้งาม..

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2019
    โพสต์:
    12,916
    ค่าพลัง:
    +4,612
    ยังข้ามไปไม่ได้นะท่านเล่าปัง อวิชชาปิดบังไว้อย่างแน่นหนา

    หรืออาจยังแก้ไขข้อผิดพลาดในตนไม่เรียบร้อยดีล่ะมั้ง

    ก้าวเดินต่อไป..
     
  3. ฐานธมฺโม

    ฐานธมฺโม ทำลายเพื่อสร้างใหม่ ให้ดี ให้งาม..

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2019
    โพสต์:
    12,916
    ค่าพลัง:
    +4,612
    ตั้งแต่คืนแรกที่ขึ้นไปนอนวัดบนเขา ก็มีผู้ไปรบกวนแล้ว (รบกวนทางภายใน) ชวนคุยโน่นนี่ ทั้งผู้ที่ไปหาเพื่อแนะนำแนวทาง

    ส่วนมากก็ไปช่วยแนะนำนั่นแหละ ก็ขอขอบคุณทุกท่านไว้ ณ. ที่นี้
     
  4. สิ้นสงสัย

    สิ้นสงสัย สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2019
    โพสต์:
    50
    ค่าพลัง:
    +13
    ขออนุญาตเล่าประสบการณ์การในการปฏิบัติครั้งสุดท้าย เผื่อจะมีประโยชน์กับนักปฏิบัติทุกท่าน

    ตลอดระยะเวลาอย่างน้อย 10 ปี ผ่านการปฏิบัติที่เข้มข้นมานับครั้งไม่ถ้วนแต่สุดท้ายก็จบลงด้วยความล้มเหลวมาตลอด ผ่านการฝึกสมาธิมาหลายวิธี การภาวนา พุท โธ ตามลมหายใจ สัมมาอะระหัง ภาวนาเกศา และอีกมากมาย ไม่ทำให้เกิดความสงบในจิตใจได้ และเมื่อกลับไปศึกษา ถามผู้ปฏิบัติได้วิธีใหม่ๆ จึงกลับมาลองทำอีก ที่สุดแล้วก็ล้มเหลวเช่นเคย แต่ในครั้งสุดท้ายนี้ ต่างออกไป
    ก่อนหน้านี้เคยศึกษาการปฏิบัติสมาธิของในหลวง ร.9 พระองค์ท่านใช้วิธีนับ 1 ถึง 10 และ 2 1 2 ถึง 10 และ 3 1 2 3 ถึง 10 และ 4 1 2 3 4 ถึง 10 ท่านนับแบบนี้จบครบจึงลองนำมาปฏิบัติตามอีกเช่นเคย สุดท้ายก็ล้มเหลว

    ทิ้งทุกทฤษฎี
    เมื่อไม่รู้จะปฏิบัติแบบไหน แต่ใจอยากปฏิบัติ จึง นั่งสมาธิ แล้วนับมันไปดื้อๆแบบนั้นแหละ เริ่มจาก 1 ไปเรื่อยๆเลยตอนแรกไม่มีจุดหมาย แต่พบว่านับไปนับมาลืมไปเฉยเลย ว่าถึงไหนแล้ว ทำให้ฉุกคิดว่า เราลืมได้ไง เริ่มนับใหม่อีก ก็เป็นอีก ได้ไม่เท่าไหร่ ก็ลืมอีก เป็นอีกถ้าไม่ลืมก็สับสน ไม่แน่ใจว่าถึงเท่าไหร่แล้ว จำได้ว่าเป็นอยู่หลายวัน บางวันตั้งใจว่ากินข้าวอาบน้ำเสร็จแล้วจะมาทำอีกก่อนนอน ต้องทำให้ได้ ต้องไม่ลืมไม่สับสนให้ได้ จนในที่สุดก็สำเร็จจนได้ จำได้ว่านับไปหลายพันเลย กลับมาทำใหม่ขอแค่วันละ 1000 พอ นับทุกครั้งครบทุกครั้ง จนมีอยู่วันหนึ่ง เริ่มเห็นอาการของจิตเหมือนมันละเอียดขึ้น จิตมันตามไปทุกครั้งที่สั่ง เมื่อสติสั่ง จิตค่อยๆขยับไปเป็นลำดับ แล้วดูว่าถ้าไม่นับต่อจะเป็นยังไง จิตมันก็นิ่งของมันอยู่อย่างนั้น ไม่ขยับ ไม่มีอาการ จึงปล่อยไว้เฉยๆเลย ตอนนั้นรู้สึกดีมาก เพราะจากที่เคยคิด ตอนนี้มันไม่คิดอะไรแล้ว เป็นครั้งแรกที่จิตสงบลงได้ จำได้ว่าค่อยๆลุกขึ้นโดยประคองจิตไว้แบบนั้นแล้วเดินออกไปหน้าบ้านแล้วเดินกลับมานั่งที่เดิมได้โดยไม่หลุด ค่อยๆลงนอนโดยประคองไว้ก็ไม่หลุด แต่พอจะนอนมันนอนไม่หลับ เหมือนสติมันตื่นอยู่ตลอดเวลาเพื่อคอยประคองสมาธิไว้ กว่าจะหลับได้นั้นเหมือนมันเพลียแล้วหลับไปเอง

    จิตยิ้ม
    ตอนนั้นปฏิบัติสมาธิด้วยความสุขเพราะเมื่อเราเข้าไปในความว่างนั้นมันไม่คิดอะไรรู้สึกมีความสุข สงบ แต่พอออกมาก็วุ่นวายเหมือนเดิม การเข้าไปอยู่ตรงนั้นบ่อยๆ มันดีกว่าจริงๆ จำได้ว่า เห็นความวุ่นวาย ที่มากระทบสติ แต่ไม่เข้าไปกระทบจิต เหมือนมันเข้าไม่ถึง รู้สึกปลอดภัย จึงตั้งสติว่า นี้แหละ เราจะวางจิตไว้ที่นี่ พอจบการตัดสินใจเท่านั้นแหละ จิตมันยิ้มออกมาเองเลย อาการภายนอกนั้นปกติ แต่ภายในกลับเต็มไปด้วยสุขมากล้น เคยเห็นแต่ในหนังสือคำว่า "จิตยิ้ม" เป็นยังไง เข้าใจก็ตอนนี้เอง

    ล้มเหลวอีกตามเคย
    แม้การเข้าไปอยู่ในสมาธิห้วงลึกนั้นจะทำให้สงบ แต่พอออกมาหรือตื่นเช้ามาอีกวันก็วุ่นวายอยู่ดี รู้สึกว่ายังไม่พ้น เคยลองเพ่งสมาธิลงลึกไปกว่านี้เหมือนกัน มันมีภาพนิมิตรแว่บขึ้นมาบ้าง ปวดหัวบ้าง ไม่มีความสบายเลย จุดนั้นจึงดีที่สุดแล้ว สำหรับหลบความวุ่นวาย สุดท้ายก็ได้แค่หลบไปวันๆเท่านั้นเอง

    มัชฌิมาปฏิปทา
    เมื่อพบว่าการหลบความวุ่นวายนั้นไม่ได้ทำให้พ้นทุกข์ได้อย่างแท้จริงจึงไม่ได้ทำอีก หากเป็นครั้งก่อนๆหน้านี้อาจล้มเลิกแล้วไปศึกษาใหม่เอาไว้พร้อมค่อยลุยใหม่ แต่ครั้งนี้เหมือนมีแรงเหลือ มาจากภาวะจิตยิ้มนั่นแหละ จึงยังไม่อยากหยุด จึงหยิบเอาโลกธรรม 8 มาใช้ จริงๆ โลกธรรม 8 นั้นเคยนำมาใช้ก่อนหน้านี้แล้ว แต่ก็ล้มเหลวไป เพราะแค่ งูๆปลาๆ จำได้แค่ว่ามีอะไรบ้างเท่านั้น แต่ครั้งนี้มันไม่เหมือนเมื่อก่อน ต่างที่ครั้งนี้มันเป็นการเข้าไปเสวยอารมณ์ในอดีตตามลำดับเลย เช่น มีลาภ ก็นึกถึงตอนมีลาภ มีเงินใช้มากๆ ตอนนั้นมีอารมณ์ยังไงเสื่อมลาภ ตอนไม่มีเงิน ตอนนั้นมีอารมณ์เป็นยังไง เสวยทุกอารมณ์ให้เต็มที่เลย เอาให้ชัดไปเลย อารมณ์ทั้ง 7 นั้น ถูกเสวยไปเต็มที่พอมาถึงตัวสุดท้าย เพียงแค่ตั้งสติว่าจิตจะเสวยอารมณ์ทุกข์เท่านั้นแหละ จิตมันเด้งออกมาทันทีเลยไม่ทันได้ปรารภใดๆ เหมือนแค่เปิดประตูแล้วถูกผลักออกมา ตามมาด้วยเสียงที่ดังก้องว่า "มัชฌิมาปฏิปทา" จำได้ว่าเสียงนั้นไพเราะ นุ่มนวล ชัดเจนเกินกว่าที่จะเป็นอุปทาน แต่สุดท้ายก็จบลงด้วยวางเฉย และยังไม่พ้นอีกเช่นเคย

    สติปัฎฐาน 4
    จำได้ว่าตอนนั้นการพิจารณาสติปัฏฐานนั้นเป็นแค่การดูและทำความเข้าใจ ประมาณว่า กาย คืออะไร เวทนา คืออะไร จิต คืออะไร ธรรม คืออะไร มีแค่นั้น แต่ การ"ตื่น"ของสตินั้นทำให้ระลึกได้ว่าทั้งหมดที่ว่ามานั้นอยู่ใน "มนุษย์ เทวดา พรหม เดรัจฉาน หรืออะไรก็ตาม" ในสังสารวัฏนี้ แต่ก็ได้แค่รู้ ยังพ้นไปไม่ได้

    สิ้นสงสัย
    มาถึงสุดท้ายแล้วน่าจะเล่าได้ละเอียดที่สุดเลยก็ว่าได้ เพราะปรากฎชัดเจนที่สุดแล้ว หลังจากที่การปฏิบัติที่ผ่านมายังไม่ทำให้พ้นได้ และเมื่อดูตามลำดับของมรรคแล้ว ยังเหลือการปฏิบัติ ข้อ 1และข้อ2 ส่วนที่เหลือนั้นคิดว่าผ่านมาหมดแล้ว แต่แค่คิดว่าผ่านมาแล้วเพราะมันหมดในตัวของมันแล้วแต่ก็ยังเป็นสมมุติอยู่ ยังไม่แน่ใจว่าถูกต้องหรือไม่ และพิจารณาศีลสมบูรณ์แล้วไม่มีติดขัดอะไรเอาเป็นว่าเราไม่โกหกตัวเองพอ กลับมาที่การปฏิบัติ เมื่อก่อนเคยลองพิจารณาในอริยสัจ 4 เหมือนกัน แต่ไม่ได้เลย ไม่มีผลไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย การแยกรูปนามก็เช่นกันเคยพิจารณาแล้วก็ไม่มีผลอะไร แต่คราวนี้หยิบ ขันธ์ 5 มาพิจารณาก่อน ใช้วิธีเดียวกันเหมือนครั้งก่อนๆ คือแยก รูป นาม นั้นแหละ ดูว่าอะไรเป็นอะไร แต่คราวนี้มันต่างจากครั้งก่อนๆนิดเดียวคือมันมี "มรณสติ" อ่อนๆเกิดขึ้นขณะที่กำลังพิจารณาแยกรูปนามอยู่ เมื่อพิจารณาจบก็เหมือนเช่นเคย ไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่มาติดที่ตัว มรณสติ อ่อนๆ นั้นแหละ จึงหันมาดูที่ มรณสติ นั้น พอดูแล้วเหมือนมันจะปรากฏชัดขึ้นเป็นความตายของเรา ประมาณว่าเราเสวยอารมณ์ความตาย ยิ่งเสวยยิ่งสลด พอเสวยนานๆเข้ามันลามไปนึกถึงครอบครัวและคนรอบตัวเราด้วยความสลดยิ่งมากขึ้นไปอีก พอเสวยไปนานๆอีกมันกลายเป็นนึกถึงทุกอย่างเลย และเหมือนมันถึงจุดอิ่มตัว "สติ" มันตื่นขึ้น เท่านั้นแหละ อ๋อ ตัวใหญ่ มาทันทีเลย นี่ไงทุกข์ นี่ไงเหตุแห่งทุกข์ นี่ไงการดับทุกข์ นั้นไงมรรค อุปมาเหมือนภูเขาทั้งลูกที่ทับเราอยู่มันระเบิดออก แล้วหายไปเลย นี่ไงอริยสัจ4 นี่ไงมันปรากฎตรงหน้าชัดๆนี่ไง มันเป็นแบบนี้ นี่หน่ะหรืออริยสัจ4 หมดแล้วเป็นแบบนี้หน่ะหรือ หมดแล้วหรือ เป็นแบบนี้หน่ะหรือ นี่แหละหมดแล้ว นี่แหละมันจบแล้ว มันจบแล้ว ตอนนั้นมันเกินบรรยาย ความสุขที่เคยเกิดจากภาวะจิตยิ้มนั้น เล็กเป็นผงไปเลย

    หลังจากนั้น เมื่อพิจารณาในขันธ์ 5 ก็รู้ได้ด้วยสติเลยว่ามันขาดจากจิตไปแล้ว เกิดเป็น อคติ ในขันธ์5 เรียกว่ามาขั้นไว้ก็ได้ หากมีสิ่งใดเข้ามาถึงจิตมันปัดตกหมด และนั้นคือ "โพชฌงค์" ทั้ง 7 "โพชฌงค์"ทั้ง 7 และ "สัมมาทิฐิ" ยังทำให้ศีลทั้งหมดสมบูรณ์ด้วย มี "สัมมาสมาธิ" เป็นอารมณ์ทั้งหมดที่อยู่ภายใต้การรู้โดย "สัมมาสติ"

    ลำดับของ มรรค นั้นถูกจัดเรียงมาเป็นอย่างดีแล้ว โดยมหาบุรุษที่ปราดเปรื่องที่สุดในโลกก็ว่าได้แต่ปริศนาลำดับการเกิดของมรรคนั้นจะรู้ได้เมื่อเสร็จกิจแห่งวิปัสนาแล้วเท่านั้น หากจะพูดว่าการลำดับเกิดของมรรคนั้น " ย้อนกลับจากล่างขึ้นบน แต่สมบูรณ์จากบนลงล่าง" ก็ไม่ผิดนักเมื่อสมบูรณ์แล้ว มรรคจึงเปรียบเสมือน "วิหารธรรม" นั้นเอง

    จากวันนั้นถึงวันนี้ผ่านมาเกือบ 5 ปีแล้ว ไม่เคยสงสัยอะไรอีก สิ่งที่ไม่รู้กลายเป็นไม่อยากรู้ สิ่งที่รู้กลายเป็นเห็นแจ้ง แม้กิจจะจบลงแล้วแต่ทุกอย่างยังต้องดำเนินไปด้วยเหตุแห่งเชื้อเก่า แต่เหตุแห่งเชื้อใหม่นั้นไม่มีแล้ว การมีชีวิตอยู่ในโลกที่วุ่นวายนี้ มีเหตุให้ต้อง "ปลง" ในทุกวัน
    การเข้าถึง "อริยสัจ4" นั้นจึงทำให้สติถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาท

    หวังว่าข้อความเหล่านี้จะมีประโยชน์กับนักปฏิบัติทุกท่าน เป็นแนวทาง เป็นกำลังใจ ให้ทุกท่านเข้าถึง "ที่สุดแห่งทุกข์" ทุกท่านเถิด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 ธันวาคม 2019
  5. สิ้นสงสัย

    สิ้นสงสัย สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2019
    โพสต์:
    50
    ค่าพลัง:
    +13
    เคยถามอาจารย์เหมือนกันว่าหากมีสิ่งรบกวนภายในควรทำอย่างไร
    ท่านตอบมา สั้นๆว่า " อย่าไปโทษเขา "
     
  6. ฐานธมฺโม

    ฐานธมฺโม ทำลายเพื่อสร้างใหม่ ให้ดี ให้งาม..

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2019
    โพสต์:
    12,916
    ค่าพลัง:
    +4,612
    เขามาเยี่ยมมาเที่ยวหา เราไม่ว่าอะไรหรอก

    ลำคาญมากๆเราก็ไล่หนีแค่นั้นแหละ
     
  7. ฐานธมฺโม

    ฐานธมฺโม ทำลายเพื่อสร้างใหม่ ให้ดี ให้งาม..

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2019
    โพสต์:
    12,916
    ค่าพลัง:
    +4,612
    ทางที่ท่านเดินเราก็เห็นแล้ว คือ มันเป็นทางที่เห็นตัวสัญญาและตัววิญญาณทำงาน

    คนทั่วไปไม่มีสติรู้ทันเท่านั้นเอง ถ้าสติรู้ทันสัญญาก็ดับ วิญญาณก็ดับ

    ปล. ไม่ต่างจากการสวดมนต์ เพียงแต่วิธีการต่างกัน
     
  8. ฐานธมฺโม

    ฐานธมฺโม ทำลายเพื่อสร้างใหม่ ให้ดี ให้งาม..

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2019
    โพสต์:
    12,916
    ค่าพลัง:
    +4,612
    คนสุดท้ายที่ครูบาอาจารย์ให้รอ ก็คงเป็นท่านนี่แหละ

    หากมีวาสนาแล้วเราจะได้พบกัน..
     
  9. ฐานธมฺโม

    ฐานธมฺโม ทำลายเพื่อสร้างใหม่ ให้ดี ให้งาม..

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2019
    โพสต์:
    12,916
    ค่าพลัง:
    +4,612
    "อานาปานสติ" เป็นยอดของกรรมฐาน

    ใครชำนาญทางนี้ก็ปฏิบัติต่อไปได้เลย ถ้าตามลมเข้าลมออกได้โดยมีสติตลอดเวลาจะเห็นการดับของลม เห็นความไม่เที่ยงของลม(ลมนั้นแหละเป็นตน)

    ลมเข้าเกิดขึ้นแล้วดับไป ลมออกเกิดขึ้นแล้วดับไป มันเที่ยงตรงไหน(ตนเที่ยงตรงไหน)

    เมื่อเห็นความไม่เที่ยงของลมหายใจก็ปล่อยลมทิ้งเสีย ในขณะการดับของลมออกนั้นแหละ
     
  10. maokvid-1800

    maokvid-1800 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,923
    ค่าพลัง:
    +2,262
    ม่ายฉ่าย จิฮับ

    รื้อ จำให้แหม้งแหม้ง หน่า

    อานาปานสติ เป็น กองสัญญา ( อ้างอิงตำรา พระสูตร สัญญา10 )

    ดังนั้น อานาปานสติ ไม่ใช่ให้ไปยุ่ง กับ ลม ซึ่งเป็น กองรูป

    รื้อ แยะเอาะ เป่า การระลุกได้ว่า ลมสั่น
    ลมตะครอ ลมยาว ลมเข้า ลมออก

    ว่า มันเป็นเรื่อง สัญญาหมาย สั้น ยาว เข้า ออ

    ส่วน รูป ลมสันติอะไร สั้น ยาว เข้า ออก ลมก็คือลม
    ตดออกมาก็คืมลม ที่เหม็งๆ เสียงฟี้ ไม่ฟี้ นั่นเป็นกอง
    สัญญา สังขาร ปรุงบัญญัติเข้าไป

    วาโย คือ การพัดไป ไหลไป เคลื่อยไหว เรียก วาโย
    ไม่ใช่ O2 CO2

    นะ ถ้าไม่จับสับไปกระเดียด อานาปานสติ ไม่ใช่ ลม(Gas)
    แต่เป็น สัญญาขันธ์ อาการระลึกได้ อย่างนี้ๆ เข้า
    อย่างนี้ๆ ออก อย่างนี้ๆ สั้น ยาว

    เอาตรงอาการ ระลึกได้ นั่นแหละ มาดู ว่า มันไม่เที่ยง
    พอระลึกได้ ก็ดับแล้ว บางครั้งระลึกไม่ได้ ก็จะทราบ
    ว่า ตะกี้ระลึกไม่ได้ รู้ อาการสัญญามันดับ(ระลึกไม่ได้)

    ดังนั้น รู้ อาการว่า สัญญามันดับเป็นปรกติ
    คือ สุดยอดการรู้

    ตามเห็น สัญญาขันธ์ มีปรกติดับ อยู่เป็นประจำ จะอาศัย
    อาการ6อย่างของ อานาปานสติ ก็ได้

    ในมหาสติปัฏฐานสูตร จะไขว้ เอา อาการระลึกได้
    ใน สภาวะกุศล เช่น ปิติ สุข เอกัคคตา เป็นสิ่งเกิดดับ

    เห็น มหัคจิตเกิดดับ

    เห็น การระลึกได้ว่า จิตมีปรติ ดับ เปลื้องจิตออก
    ด้วยอุบายเห็นว่า จิตมีปรกติดับตะหลอก อยู่เป็นประจำ

    ทำแล้วได้อะไร

    ได้ ชวนปัญญา อ่านว่า ชะ วะ นะ ปัญญา แปลว่า
    การฝึกให้ รู้อาการ "ไว" ของจิต ที่เกิด ดับ

    แล้ว ระลึกเห็น ชวนปัญญา มีปรกติดับ ทั้งสิ้น
    ก็จะเจริญปัญญา ติกขะ ปุถุ สุขุม ฯลฯ

    ดังนั้น อานาปานสติ นั้น คิดไม่ได้

    เพราะ ไม่ว่าจะคิดอะไร จะคิดด้วยกุศลจิต
    อย่างเดียว ( คือ ไม่คิดไปทาง ชั่ว ) ยิ่งคิด
    ยิ่งเกิด ปิติ เกิดสุขทั่วทั้งโลก ไม่ใช่แค่
    สายเหลือง ลาดพร้าว

    ทำอานาปานสติ แล้ว คิดไม่เป็น พอดี
    ไม่ต้องเป็น ทำมาหากิน ไม่สามารถ
    เป็นกษัตรยปกครองบ้านเมือง

    พระโพธิสัตว์ที่เกิดมา ปกครองบ้านเมือง
    พระองค์ท่าน คิดตลอดเวลา ไม่มีหยุดคิด
    ทรงคิดด้วย อานาปานสติ กรรมฐาน
    ของ มหาบุรุษ

    พระโพธิสัตว์ที่สำเร็จอานาปานสติ ใน
    ชาติใด ทั้งๆที่ บารมียังไม่เต็ม จะสามารถ
    ไป พรหมโลกด้วยกายเนื้อ ก็เพราะ
    ผลานิสงค์ของ อานาปานสติ ที่
    มีลักษณะเด่นคือ เป็น กองสัญญาขันธ์(โดดๆ)
    (เหนือกว่ารูป เหนือกว่า สัญญาเวทนายิกๆ )
     
  11. ฐานธมฺโม

    ฐานธมฺโม ทำลายเพื่อสร้างใหม่ ให้ดี ให้งาม..

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2019
    โพสต์:
    12,916
    ค่าพลัง:
    +4,612
    นั้นแหละแต่เราคงใช้คำผิดไป

    ต้องขออภัย..

    ให้ดูความไม่เที่ยงนั้นแหละมันมีปกติดับอยู่..
     
  12. ฐานธมฺโม

    ฐานธมฺโม ทำลายเพื่อสร้างใหม่ ให้ดี ให้งาม..

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2019
    โพสต์:
    12,916
    ค่าพลัง:
    +4,612
    ขอบคุณที่แนะนำ สั่งสอน การอธิบายที่ถูกต้องตามแนวทาง
     
  13. maokvid-1800

    maokvid-1800 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,923
    ค่าพลัง:
    +2,262
    บักโงบะ มา ฝึก ดู ชวน กัน

    อ่านว่า ชะ วะ นะ นะฮับ

    บักโงบะ ลอง พูดว่า พันทิบ

    แล้ว สังเกต อาการของจิต ที่ ปรากฏ
    เหมือน สายความคิด แบบ คว้าแล๊บ!!

    แยกออก

    เป็น พัน กระติ๊บ กระติก บ้าง

    เป็น ค่า tip จำนวน 1000 ดอลที่จะได้
    ตอน 16:00 น.

    เป็น สาวคงนึง ส่งรักสามีจาม ฝากไว้ตาม
    สีขาว สีดำ เป็นนิมิต ( น่ากัว โคะ โคะ ) บ้าง

    หรือ .....

    อาการแยกออก ทาง สัญญา การหมายรู้
    ไปเป็นจำนวน นับ สี่สัญญา บ้าง

    ได้ 20000 พระสูตร แบบ พระอานนท์บ้าง

    ได้จำนวน 84000 ล้าน สัญญา แบบ พระสารีบุตร บ้าง

    อาการ แฉลบไป โดยรู้ว่า แฉลบไปเรื่ออะไร
    เหล่านี้คือ ชะวะนะจิต

    ส่วน การตัดสิน อารมณ์ เลือกที่จะ คงสาย
    สัญญาเฉพาะ ที่จะ เจรจา เป็นเรื่อง ผูกสาย
    มาลัยเงิน 100 บาท เพื่อเอาไป ทิป ตอนลง
    จากเขา นี่ก็จะเรียกว่า มีการตัดสินอารมณ์
    เลือกไปทาง อกุศล ภว ภว ภว ...ตาลัมภน ...

    แล้ว ชวนปัญญา คืออะไร

    อย่าลืมว่า ปัญญาพุก เป็นเรื่องเห็น
    สรรพสังขารา ดับ ระลึกอะไรดับได้
    บ้าง เวลาพูด พันทิบ ก็ว่าไปตามนั้น
     
  14. maokvid-1800

    maokvid-1800 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,923
    ค่าพลัง:
    +2,262
    ถ้า จะ ยืยยัน ว่า ลมมีปรกติ ดับ

    ขออนุญาติ ปรับ นิดนึง

    ให้เห็น อาการไปรู้ "การดับ" ของ "สิ่งที่ไหวได้"

    งง ไหม

    เน้นอาการ "รู้การดับ"

    พอเห็นว่า เอ้อย ตะกี้ รู้การดับของสิ่งที่ไหว

    ถ้า เห็นอาการ รู้การดับของสิ่งที่ไหว จึงเรียกว่า รู้ธาตุลม

    จะต่างกับ เดียรถีย์นอกศาสานา ที่ไปเน้น "ลมที่เป็นธาตุลม"
    ซึ่งจะได้แค่ กสิณ ไม่ใช่ อาการรู้ธาตุ แบบ พุทธ
     
  15. maokvid-1800

    maokvid-1800 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,923
    ค่าพลัง:
    +2,262
    ยก ตัวอย่าง

    อยู่ดีๆ เห็น บางสิ่งใน อกไหวๆ

    ถ้า เอ้อย ตะกี้ มี "อาการระลึกได้"
    แล้ว เห็น อาการระลึกได้ เกิด ดับ
    ยิบๆ ยับๆ อันนี้ อย่างหนึ่ง

    ส่วน การไปรู้ว่า ในอกมีอาการไหวๆ
    อันนั้น เป็นการ รู้แบบ เดียรถีย นอก
    ศาสนา ซึ่งจะตามมาด้วย ตำแหน่ง
    เดี๋ยว ซ้าย กลาง ขวา นอก ใน

    ต่างกับ ของพุทธ ที่จะไม่มี ที่ตั้ง
    ไม่มีนิมิต ไม่มีตัวตง
     
  16. ฐานธมฺโม

    ฐานธมฺโม ทำลายเพื่อสร้างใหม่ ให้ดี ให้งาม..

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2019
    โพสต์:
    12,916
    ค่าพลัง:
    +4,612
    เราลองแล้ว

    สัญญาขันธ์ เกิดขึ้นก่อน
     
  17. maokvid-1800

    maokvid-1800 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,923
    ค่าพลัง:
    +2,262
    ไหว ปะ ฮับ

    ถ้า ไหว

    เวลาระลึกได้ว่า ตะกี้รู้ว่า "รู้อาการสัดส่าย"

    หากเป็น อานาปานสติ กำกระถาง

    ให้กำหนดรู้ว่า ตะกี้มี "ฉันทธรรม แทรก"

    คือ อาการอยากบรรลุ อยากรู้ธรรมที่
    ศาสดาทรงตรัสรู้ ปรากฏเป็น "ฉันทะ"
    แทรกเข้ามาในส่วน 1 ใน 1000 ของ
    "ชวนะวิถีจิต" ( ให้ 1 ใน 1000 นะ
    แต่ แรกๆ 1ใน4 ก็ หืดจับแล้ว แต่
    ถ้าเมื่อไหร่ 20000 ก็ระวังเจอ
    พระอานนท์ )

    เพราะ ฉันทธรรม แทรก นั่นเอง
    จึงเกิด การกระเพื่อมของจิต เกิด
    การซัดส่ายของจิต เกิด กุกกุจจะ
    เกิด อุธธัจจะ ขวาง นิพพาน

    ถ้าเห็น ฉันทะธรรรม ที่แทรกนั้น
    มีปรกติดับ นี่ จะอีกเรื่อง "หนึ่ง"
    เอกังนามกิง
     
  18. ฐานธมฺโม

    ฐานธมฺโม ทำลายเพื่อสร้างใหม่ ให้ดี ให้งาม..

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2019
    โพสต์:
    12,916
    ค่าพลัง:
    +4,612
    เราหมายถึงจิตมีปกติดับน่ะท่านพระครูเล่าปัง

    ปล. เราอาจอธิบายไม่ละเอียดเอง ต้องขออภัยไว้ ณ.ที่นี้
     
  19. maokvid-1800

    maokvid-1800 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,923
    ค่าพลัง:
    +2,262
    อย่าไป พอใจการเห็น การเกิด

    ให้ เห็นในส่วนของการ ดับ เป็น กิจเดียว รสเดียว

    ( หาก รู้ถูกต้อง จะเกิด ปิติ และ ปัสสัทธิ คือ เรียบๆ
    รู้ว่าเกิด ปิติมหาศาล แต่ทว่า จิตมันเรียบๆ สำรอกออก
    เป็น นิรามิส เป็น ปฏิบัติบูชา ไม่ใช่ ปิติ แล้ว สว่าง
    ว็าบ แบบ อามิสบูชา เอาธรรมเข้าตัว ซึ่ง พระศาสดา
    ตรัสว่า อย่าทำแบบ อามิสบูชาเลย )
     
  20. ฐานธมฺโม

    ฐานธมฺโม ทำลายเพื่อสร้างใหม่ ให้ดี ให้งาม..

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2019
    โพสต์:
    12,916
    ค่าพลัง:
    +4,612
    อาการนี้แหละที่เกิดกับเราตอนอยู่วัดบนเขา
     

แชร์หน้านี้

Loading...