บทความ ทำไมพระญี่ปุ่นบางนิกายแต่งงานได้

ศตวรรษที่ 17 ในสมัยเอโดะรัฐบาลโทกุงาวา ได้ทำการต่อต้านศาสนาคริสต์ จึงมีคำสั่งให้ประชาชนต้องอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของวัดทั้งหมด คือเป็นสมาชิกของวัดใดวัดหนึ่ง มิฉะนั้นจะถือว่าเป็นพวกคริสต์ และจะถูกลงโทษ ดังนั้นวัดต่างๆ จึงมีอำนาจบังคับให้คนเข้ามาเป็นสมาชิกของวัด ถ้าหากพ่อแม่ได้ถึงแก่กรรมแล้วจะต้องจัดทำงานศพอยู่ที่ ณ วัดนี้ หากไม่ยอมก็จะถูกกลั่นแกล้งจึงทำให้สมาชิกกลัวพระสงฆ์ ด้วยเหตุนี้ตั้งแต่สมัยเอโดะ มาจึงทำให้พระสงฆ์เหิมเกริมมาก แต่ในวงการศาสนายังมีคนดีและคนที่บริสุทธิ์ใจ จึงออกมาประท้วงและให้ทำการปฏิรูปกฎของพระสงฆ์ใหม่ คือ ให้ผู้ที่เป็นพระสงฆ์จะต้องงดเรื่องอบายมุข จะต้องศึกษาพระธรรมอย่างจริงจัง ดังนั้นเมื่อพวกพระสงฆ์ถูกต่อต้าน พระสงฆ์ที่ไม่สามารถงดเรื่องอบายมุขก็ได้ย้ายไปอยู่ประเทศอื่น เช่น เกาหลี และไต้หวัน เพื่อสร้างถิ่นฐานใหม่ เนื่องจากประชาชนทั้ง 2 ประเทศ นี้นับถือพระพุทธศาสนาเป็นส่วนมาก จึงมีโอกาสกอบโกยผลประโยชน์จากผู้ที่ศรัทธาได้​

การที่พระสงฆ์ของญี่ปุ่นบางนิกายสามารถแต่งงานมีภรรยาได้มีที่มาจากสมัยเมจิ ในปลายศตวรรษที่ 19 รัฐบาลได้นับถือศาสนาชินโต ดังนั้นจึงมีนโยบายทำลายพุทธศาสนาโดยออกกฎหมายว่าให้พระสงฆ์กินเนื้อได้ ไว้ผมได้ และแต่งงานมีภรรยาได้ ฉะนั้นพระสงฆ์ที่ทนต่อความว้าเหว่ไม่ได้จึงถือโอกาสแต่งงานมีภรรยาเช่นเดียวกับคนธรรมดาทั่วไป จากนั้นมาการเป็นพระสงฆ์ก็กลายเป็นอาชีพหนึ่งที่ใครๆ ก็เป็นได้ เพราะว่าเป็นพระสงฆ์แล้วกลางวันสวดมนต์ตีระฆังเท่านั้น ก็มีผู้ศรัทธามาถวายเงินและก็ไม่ต้องเสียภาษีด้วยจึงมีความเป็นอยู่ที่สบายๆ และยังได้รับการยกย่องนับถือจากผู้ที่ศรัทธาด้วย ​

 

การทำลายพุทธ ง่ายมาก คือ ตามใจ เอาอกเอาใจ
ไม่ใช่การบังคับขู่เข็ญเลยค่ะ ใส่ผ่าเหลืองแต่ไม่ใช่พุทธแล้ว


สาธุกับบทความค่ะ

 

ผมเคยเห็นอยุ่ครั้งนึงคับ ตอนผมไปเที่ยวที่12ปันนา ตอนใต้ของจีน พระสงฆ์ขี่มอเตอไซด์มาจากไหนไม่รุ้มีหญิงซ้อนท้ายมาด้วย มาจอดหน้าโรงแรมที่ผมพัก พอลงจากรถปุ๊บก็ควักบุหรี่มาสูบแบบจิ๊กโก๋เลย แล้วก็ควงกันไปเล่นเกมตู้ที่ร้านข้างโรงแรมคับ

 

คุณ chanoknon​

อันนี้เป็นข้อความที่ท่านกล่าวหาเองหรือเปล่าครับ? ​

อะไรก็ตามที่แย้งกับพุทธศาสนาทางความคิด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องศรัทธาศาสนา ข้อลดหย่อนพระวินัย หรือแม้แต่ข้อปฏิบัติต่างๆ ก็ตาม​

คนพวกนี้เป็นคนชั่วหมดใช่ไหมครับ?
คนพวกนี้เป็นพวกนอกรีตใช่ไหมครับ?​

ทำไมไม่ใช้ปัญญาแยกแยะให้สมกับความว่าเป็นชาวพุทธละครับ สมัยพุทธกาลเขาใส่ผ้าเหลืองกันหรือไร โดยเฉพาะเจ้าลัทธินิกายบางพวก เที่ยวไปตั้งกฎเกณฑ์พระวินัย เพียงเพื่อให้ฟังดูแล้วเหมือนเคร่งครัด หาที่ใดเปรียบมิได้ เพื่อต้องการยกระดับฐานะตนเอง อีกทั้งยังหวังลาภสักการะ ให้ผู้คนกราบไหว้ เชื่อและศรัทธา เสร็จแล้วก็เที่ยวขอเป็นอาชีพ ไม่ได้จรรโลจิตใจมนุษย์ ยิ่งทำให้ศาสนาไกลห่างจากผู้คนเข้าไปทุกที ​

อย่าหลงศรัทธาศาสนาจนลืมแก่นแท้พระสัจธรรม
อย่าได้เที่ยวข่มคนศาสนาอื่นเขาให้มัวหมองและด้อยค่า
อย่าได้ทำตัวเหมือนพวกขอบกระด้งมือสอง ที่บอกว่าเป็นชาวพุทธไว้แต่เพียงจารึกชื่อในทะเบียนราษฎร์​

จงอยู่กับความจริง ณ ปัจจุบัน และไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกัน ​

​

​

<!-- / message -->

 

งง ข้อความอ่ะครับ แต่คงเป้นนโยบายทำลายศาสนา มั้งเหมือนศาสนาคริสไงที่มีนโยบายทำลายศาสพุทธ ส่วนอิสลาม นั้นไม่ต้องพูดถึงเผาวัดฆ่าพระตั้งแต่ สมัยพุทธกาล จนถึงปัจจุบัน

 

ญี่ปุ่นพระมีเมียได้อ่ะนะ นอกจากพระชั้นสูงจริงๆที่จะไม่มี แล้วก็แตกเป็นหลายนิกายมั่วไปหมด...เพราะเงินอ่ะนะ

 

พระ ญี่ปุ่นไม่เคร่งอ่ะคับ กินสุรา มีการเลือกกินอาหารด้วยนะ มีภรรยาได้ เหมือน เปนอาชีพๆนึงที่ไว้ประกอบพิธีกรรมเท่านั้น เช่นจ้างมาสวดงานศพ ไม่ใช่พระสงฆ์แต่อย่างใดแล้ว

 

ทิเบตขอบฟ้าหลังคาของโลก

ทิเบตขอบฟ้าหลังคาของโลก
<HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->
เรื่องที่ผมเคยศึกษามา
มีพระลามะชั้นสูงบำเพ็ญตบะ ในกลางป่าขุนเขา <O</O
ได้มีเด็กสาวบ้านป่าเข้าไปเที่ยวเก็บของป่า ภายหลังเก็บจนพอแล้ว ก็ลงเล่นน้ำในลำธาร<O</O
อยู่ๆก็มีใครไม่รู้มาไล่กอดไล่ปล้ำข่มขืนจะเอาทำเมีย พอเห็นว่าเป็นพระลามะก็ตกใจสุดขีด<O</O
กัดฟันชกหน้า ดิ้นรนเอาตัวรอดร้องไห้หนีมาฟ้อง พ่อแม่มีพระลามะไล่ปล้ำเกือบเสียตัว<O</O
พ่อกับแม่เด็กสาว ซักถามลูกสาวว่าพระลามะรูปร่างหน้าหน้าตาแบบไหน ลูกสาวก็เล่าให้ให้ฟัง<O</O
ต้องใช่ท่านแน่ๆ นิสัยแบบนี้ พระลามะรูปนี้จะไล่ปล้ำลูกสาวบ้านไหนก็ไม่มีใครจะเอาเรื่อง<O</O
แต่กลับคิดว่าเป็นเกรีตรของตระกูลนั้น เพราะถือว่าได้บุญกุศลมากมาย ที่ได้มอบความสาวให้กับพระลามะรูปนี้ และบังคับให้ลูกสาวพาไปหาพระลามะท่านนี้อีกทีพอไปพบท่านในที่เกิดเหตุ<O</O
ก็ได้ยินท่านบ่นน่าเสียดาน และท่านก็เล่าให้ครับครัวสาวบ้านป่าฟัง ก่อนหน้านี้ อาตมากำลังเดินผ่านมาทางนี้พอดี มองเห็นดวงวิญญาณที่ยิ่งใหญ่ของมหาบุรุษอเล็กซานเดอร์มหาราช จะมาขออาศัยเกิดในท้องของลูกสาวโยม แต่เวลานี้ไม่ทันกาลแล้ว เสียฤกษ์ดี ยามดี สำหรับประกอบการต่างๆในเดือนนี้ ไปหมดแล้ว พ่อแม่เด็กสาวสวยก็ยังยืนยันจะยกให้ลูกสาวคนเดียวเป็นเมียพระลามะแต่พระลามะก็ปฏิเสธที่จะรับเป็นเมีย ไม่ว่าพ่อแม่ของสาวบ้านป่าจะอ้อนวอนจนตาย ท่านก็ไม่รับเป็นเมีย และท่านก็บ่นไม่รู้ว่าอเล็กซานเดอร์จะประสูติอีกก็เมื่อไหร่น่าเสียดาย น่าเสียดาย

 

อีกสาเหตุหนึ่งก็เนื่องจากที่ญี่ปุ่นไม่ค่อยมีพระในนิกายเถรวาทน่ะครับ คนจะบวชก็ไม่ค่อยมี ดังนั้นความเป็นพระในญี่ปุ่นจึงใช้การสืบทอดในครอบครัวน่ะครับ คือเมื่อพระแต่งงานมีลูก ลูกก็จะเป็นผู้รับช่วงดูแลวัดและคอยทำหน้าที่ประกอบพีธีต่างๆ แต่ก็จะออกไปใช้ชีวิตภายนอกไปเรียนหนังสือไปทำงานเหมือนคนปกติ ต่อเมื่อยามที่มีพิธีกรรมต่างๆจึงค่อยมาแต่งตัวเป็นพระเพื่อมาประกอบพิธีน่ะครับ (ดูไปก็คล้ายๆบาทหลวงของศาสนาคริสต์บางท่าน แต่บางท่านก็จะอาศัยอยู่แต่เฉพาะในโบสถ์เท่านั้น) ทั้งนี้ทั้งนั้นอาจเป็นเพราะแรงกดดันทางสังคมด้วยน่ะครับจึงทำให้พระในญี่ปุ่นจึงต้องเปลี่ยนแปลงไปเช่นนี้ จะว่าไปแล้วในเมืองไทยเองเราก็ต้องระมัดระวังเอาไว้นะครับ ถ้าประชาชนชาวพุทธหรือสังคมไม่เข้าใจหลักธรรมหรือข้อวัตรปฏิบัติของพระอย่างแท้จริง ดีไม่ดีไปๆมาๆอาจจะเป็นเหมือนพระเหล่านั้นในญี่ปุ่นก็ได้นะครับ(ยิ่งเด็กรุ่นใหม่ที่พึ่งเกิดมาก็มักจะได้รับการปลูกฝังแนวความคิดและความรู้ในศีลธรรมหรือวัฒนธรรมที่ไม่ค่อยเหมือนคนสมัยก่อน บางทีอาจจะถูกบิดเบือนความเข้าใจไปได้เหมือนกัน)

ส่วนเรื่องราวของคุณ rawiphan ผมเคยอ่านเจอเหมือนกันครับในหนังสือของหลวงวิจิตรวาทการ ท่านเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับพระลามะและทิเบตไว้เยอะพอสมควรเหมือนกันครับ ในทิเบตนี่เขาจะเคารพและเกรงกลัวพระลามะกันมากเลยทีเดียว แต่พระลามะเองก็มีทั้งท่านที่ปฏิบัติดีและปฏิบัติไม่ดีเหมือนกันน่ะครับ (ถ้าพระทิเบตที่ผมศรัทธาก็คือท่านมิลาเรปะครับ)

 

ผมไม่ได้กล่าวหาเองครับมีที่มาที่ไปครับ สาธุ

 

เพราะเขารู้แล้วนะสิว่าทำยังไงก็สู้ตัณหาที่ธรรมชาติสร้างมาให้ไม่ได้หลอก
ธรรมชาติสร้างเรามาเพื่อ ให้รับรู้รสถึงการคงอยู่ของธรรมชาตินะสิ
เหมือนจะสอนว่าอย่าลองดีกับธรรมชาติให้มาก