เตรียมตัวให้พร้อม!มันกำลังมา แจ้งข่าวสารการชำระโลก

ไทยมุงชอบของแปลก
..

 

คุยเรื่องมนุสต่างดาวครับ ใครรู้สึกเคยโดนทดสอบ ทดลองมั่ง

 

+++ ระวัง "นรกจักรวาล" ไว้ให้ดี ๆ ก็แล้วกัน เมื่อจิตยิ้ม ตั้งใจที่เดินไปในทางนี้แล้ว ก็น่าจะสำเร็จโดยเร็ว
+++ ลากตรรกะ มาจนเละไปหมด คงไม่ต้องบอกอะไรมาก และ คงไม่มีวันหวลกลับมาอีกได้ ตลอดกาลนาน

+++ มั่ว เกินขอบเขต พยายามลาก เหตุ/ผล ทางตรรกะ มาสนับสนุนตนเองจนวิปลาสไปหมด
+++ "จิตวิญญาณ" เป็น อัตตาจิต แต่ "จักรวาล ไม่มี/ไม่เป็น อัตตาจิต" ไม่มีอาการของ "ขันธ์/ธัมมารมณ์"

+++ มั่วอีกนิด ติดสันดานอีกหน่อย เดี๋ยวก็ถึงแล้ว "นรกจักรวาล" อยู่ไม่ไกลเกินฝันหรอกนะ จิตยิ้ม
+++ เตือนอะไรไป ก็เถียงตลอด เพราะ "ไม่มีปัญญารู้ ตามความเป็นจริง ได้เลย"
+++ แถม "ติด/ยึด/ถือ อย่างมั่นคง ในการ มโนเอาเอง ในเรื่อง จักรวาล"
+++ เรื่องของ "จักรวาล (กาลอวกาศ)" นี้เป็น อจินไตย ชนิดหนึ่ง
+++ ไม่ว่าใครก็ตามที่ "มโนเอาเอง" ย่อมถึงซึ่ง ความวิปลาสได้ง่าย ๆ
===========================================
+++ อจินไตย คือ สิ่งที่ไม่ควรคิด/มโนเอาเอง ด้วยตรรกะ มี 4 อย่างได้แก่

+++ 1. พุทธวิสัย หมายถึง วิสัยแห่งความมหัศจรรย์และความรู้ความสามารถของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย
+++ 2. ฌานวิสัย หมายถึง วิสัยแห่งอิทธิฤทธิ์ของผู้มีฌาน ทั้งมนุษย์และเทวดา
+++ 3. กรรมวิสัย หมายถึง วิสัยของกฎแห่งกรรม/วิบาก
+++ 4. โลกวิสัย หมายถึง วิสัยแห่งโลก/สวรรค์/นรก/และสังสาระวัฏ รวมถึงเรื่องความเป็นมาของโลกว่าเกิดเมื่อไหร่ เกิดอย่างไร เป็นต้น

พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า…
ดูกรภิกษุทั้งหลาย อจินไตย ๔ ประการนี้ อันบุคคลไม่ควรคิด เมื่อบุคคลคิด พึงเป็นผู้มีส่วนแห่งความเป็นบ้า เดือดร้อน อจินไตย ๔ ประการเป็นไฉน
ดูกรภิกษุทั้งหลาย พุทธวิสัยของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ๑ ฌานวิสัย ของผู้ได้ฌาน ๑ วิบากแห่งกรรม ๑ ความคิดเรื่องโลก ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลาย อจินไตย ๔ ประการนี้แล ไม่ควรคิด เมื่อบุคคลคิด พึงเป็นผู้มีส่วนแห่งความเป็นบ้า เดือดร้อน ฯ
===========================================
+++ โลกวิสัย โดยเฉพาะอาการของ "สังสาระวัฏ" นั้น จิตยิ้ม "ลากตรรกะมั่วไปหมด"

+++ ขั้นต่ำสุด "ฌานวิสัย" ยังไม่เกิดในตน ก็เข้ามาลากตรรกะใน "โลกวิสัย" ซึ่งหนักหนาสาหัสกว่า ฌานวิสัย มากมายนัก
+++ บั้นปลายของ "บุคคลวิปลาส" ยากที่จะไปสู่ "สุคติ" ได้ โอกาสที่จะไปยัง "นรกนอกขอบจักรวาล" มีสูงอย่างยิ่ง
+++ จาก "การเถียง โดยไม่มีที่สิ้นสุดนี้" มันก็บ่งชี้ชัดในตัวของมันอยู่แล้ว ว่า จิตยิ้ม จะ "ยอมตาย โดยไม่ยอมถอน ทิฏฐิ"
+++ ก็ OK นะ ล่อจน "จิตจักรวาล = จิตผู้ก่อการร้าย โดย จิตยิ้ม" ไปเรียบร้อยแล้ว ก็ "ไปตามกรรมเอาเองนะ" แค่นี้แหละ

 

มนุษย์ต่างดาว มีการกล่าวว่ามีทั้งฝ่ายดีและไม่ดี คือ พลังงานบวก กับลบ และมนุษย์ต่างดาวมีทั้งที่จิตสำนึกและวิทยาการทางเทคโลยีที่สูงส่งกว่าเรา ที่เป็นทั้งทางด้านสติปํญญา และรูปร่างหน้าตาที่งดงามกว่ามนุษย์โลกเรา กับมนุษย์ต่างดาวที่ด้อยกว่าทั้งรูปร่างและปัญญา แต่บางดาวก็มีวิทยาการเทคโนโลยีที่สูงกว่า

สิ่งศักดิ์สิทธิ์กล่าวว่า ดาวดวงใดจะมีสิ่งมีชีวิตอยู่หรือไม่? ให้ดูที่พลังงานสนามแม่เหล็กของดาวดวงนั้น ถ้ามีค่ามากคือมีพลังอำนาจมาก ยิ่งมากยิ่งหมายถึงความสวยงามของรูปร่างและปัญญาที่สูง และดาวแต่ละดวงจะมีพลังอำนาจสนามแม่เหล็กเฉพาะตัวของแต่ละดาว ที่เป็นเฉพาะลักษณะของมนุษย์ของแต่ละดาวนั้น โดยเฉพาะ จึงทำให้รู้ว่าการไปอยู่ข้ามดวงดาวเป็นไปได้ยาก เพราะมีคุณสมบัติเฉพาะคือพลังงานสนามแม่เหล็กกำกับไว้นี่เอง

แล้วท่านไฮเปอร์ติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวด้วยวิธีใด อาจจะเป็นปัจจัตตัง แต่สิ่งที่อยากรู้คือ บททดสอบ หรือ บททดลอง นะคะ เพราะว่าในอนาคตอีกอาจไม่นาน คำว่า "star war" อาจจะเป็นจริงขึ้นมาก็ได้

 

ไม่ได้เถียงค่ะ แต่มีเหตุ กับ ผล เพื่อความรู้ยุคพลังงานใหม่ เกี่ยวกับเบื้องหลังมิติโลก ที่เปิดเผยให้มนุษย์ได้รู้ได้ เพื่อที่จะขยายความเข้าใจ ความเป็นไปของสัจธรรม มนุษย์ที่เห็นอยู่ว่ามีจริง แต่ความจริงไม่ใช่ที่เป็น เพราะยังมีเบื้องหลังมิติของความจริง ที่เป็นเหตุแห่งการเกิดอยู่ค่ะ

วิชาของท่านธรรม-ชาติ เป็นวิชชาแห่งญาณทัศนะ ในพระพุทธศาสนา ที่เกี่ยวกับพลังงาน ก็เป็นหนทางแห่งการหลุดพ้น

แต่ความรู้ใหม่นี้ได้กล่าวให้รู้ความจริง เกี่ยวกับพลังงาน หรือ ความเป็นไปของจักรวาล ล้วนเป็นเหตุเกิดของมนุษย์ได้เข้าใจและรู้กว้างยิ่งไป หากสนใจเพื่อต่อยอดความเข้าใจแห่งสัจธรรม กับศาสนาปฏิบัติได้ไม่ขัดกันค่ะ

สรรพวิชามีมากมาย ความสนใจแล้วแต่บุญบารมี บางทีความรู้ก็ทำให้เกิดปัญญา เพียงแค่เข้าใจความเป็นไปและความเป็นจริง ไม่ใช่เป็นมิจฉาทิฐิ ไม่ว่าความรู้ใดก็เกิดประโยชน์ได้ถ้าเกิดปัญญา

 

มีแต่เหตุกับผล คือไม่มีโอกาสรู้ตามความ
เป็นจริง
ตามที่ท่านผู้ตรวจคอมเม้นท์ให้ฟรีๆ
ถ้าอยากทราบความจริงตาม
ธรรมชาติของสากลจักรวาล
ว่าเป็นอย่างไร
ก็น่าจะเปิด... เพื่อขอทราบกลยุทธ
จากผู้ตรวจบ้างฮับ

 

ผมก็ฝึกตั้งแต่เริ่มอะเคลื่อนย้ายสิ่งของก่อน จนอาการพิษงูแรงนอนซม ก็อาศัยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าในสมองส่งกระแสจิตอะ ติดต่อใครไม่รู้มั่วตั้วไปหมด จนหลุดมิติแล้วคาดว่าเราอยู่ในกระแสสนามแม่เหล็กเฉพาะตัวช่วยปกป้องอันตรายได้หน่อย
วันนี้ใครรู้สึกปวดหัวอย่างแรงมากอะ ดาวมันเรียงกัน แผ่นดินไหวอีกแล้ว ผมว่าโลกทดลองมนุสทุกคนแหละ จะหาผู้เหลือรอดคนสุดท้ายรึไง ภัยพิบัติยังไม่จบง่ายๆ

 

เราคือผู้เสียสละ ทดลองอวิชชาจากดวงดาว ผมกลายเป็นการ์ตูนหลายเรื่องแล้ว สาระโลกนี้มันอยู่ตรงไหน วิชาผู้กล้าท่าจะบ๊อง

 

ผมว่าโลกคงเปลี่ยนแผนกวาดล้างจากภัยพิบัติใหญ่เป็นแผนอื่นแล้วอะ อย่างแผนหัวร้อนผมก็โดนอยู่ มีปืนนี่ผมเอายิงตัวตายไปนานแล้วแต่เพราะผมสู้ชีวิตอยู่พระเจ้าเลยเห็นใจ เกี่ยวกับรถเกี่ยวกับถนนโลกคงพอใจประเทศไทยมากคนตายเพราะรถทุกวันเลย ประเทศถึงไม่ค่อยเจอภัยอะไรร้ายแรง เหลือแผนอะไรอีกล่ะกระทู้ฝันก็เปิดโปงไว้เยอะแล้ว ผมคงโดนหนักสุดไปท้าทายเรื่องแม่เหล็กกลับขั้วอะ สารพัดปวดตัวไปหมดช่วงนี้ ตายก็ขอตายพร้อมกับครอบครัวแหละ ถึงจะไม่ได้ดีมากแต่ก็พอทำให้อยู่รอดไปวันๆ การปกป้องโลกนี่ไม่ง่ายเลย

 

ความจริงอะ...ผมเคยคิดไว้อีก ทฤษฎีหนึ่งเหมือนกันอะนะ ท่าน jityim คือ เรื่องของมนุษย์ต่างดาวอะนะ แต่ส่วนเรื่อง"จิตจักรวาล"ผมไม่รู้และไม่อาจสัมผัสได้ว่า มีอยู่จริงหรือไม่ แต่ถ้ามีจริงผมก็เดาว่า น่าจะเป็นพลังงานที่เรียกว่า "พระเจ้า" ของความเชื่อในหลายศาสนาอะครับ

กลับมาที่เรื่องของ "มนุษย์ต่างดาว" ต่อ ซึ่งความเห็นของผมนั้น ผมจะคิดลึกซึ้งแวกแนวจากคนอื่นไปอีกอะนะ ผมจะบอก คุณ SegaMegaHyperSuperCyberNeptune และ คุณ jityim แล้วก็คนอื่นๆเลยว่า ผมเชื่อว่ามีจริง มนุษย์ต่างดาวอะ มนุษย์ต่างดาวจากดวงดาวในกาแล็กซี่ของจักรวาลอื่นอะมี

แต่ว่า อาจจะไม่ได้มายุ่ง,มาหา หรือ มาเกี่ยวข้องอะไรกับมนุษย์บนโลกดวงนี้ของเรา ก็ได้อะนะ อาจจะแบบว่า เค้าก็อยู่ดาวของเค้า ส่วนเราก็อยู่ดาวของเรา มันห่างไกลกันมากเกินไปจน เค้ามิอาจมาหาเราได้(ก็เหมือนกับเรา) แต่ ก็อาจจะใช้วิธีมาหาเราได้ด้วย การทำสมาธิถอด "กายทิพย์" แบบเราก็ได้อะนะ (ซึ่งก็อาจเป็นไปได้เหมือนกันอะครับ) แต่แล้วที่มาปรากฏให้มนุษย์โลกได้เห็น ด้วยยานพาหนะที่ทันสมัยของเค้า ที่มนุษย์โลกเราเรียกว่า"UFO" อีกทั้งยังปรากฏรูปร่างลักษณะของเค้าเป็นแบบ หัวโต,ปากเล็ก,ตาโตดำสนิท ไม่มีเปลือกตา,ไม่มีคิ้ว มี3นิ้ว แขนและขารีบเล็ก หรือ บางพวกก็เป็นเหมือนคล้ายๆกิ้งก่า มีผิวหนังหนามีเกร็ด แล้วก็อีกหลายๆเผ่าพันธุ์ ที่มีมาติดต่อสื่อสารกับโลกมนุษย์นั้น ผมคิดว่า พวกนี้เค้าอาจจะไม่ใช่มนุษย์ต่างดาวก็ได้อะครับ แต่เราอาจจะเข้าใจผิดไปเองว่าเค้าเป็นมนุษย์ต่างดาว ซึ่งผมคิดว่าเค้าอาจจะเป็น รูปแบบการปรากฏกายอีกรูปแบบหนึ่งของพวกที่เป็นเหล่าพวกกายทิพย์ทั้งหลายที่อยู่ในภพภูมิอื่นๆ อยู่ในมิติอื่น ที่ไม่ใช่มิติเดียวกับพวกเราก็ได้อะครับ และผมก็คิดลึกไปอีกว่าหรือ อาจจะเป็น ลักษณะเหมือนพวกโปรแกรม BOT หรือ AI (หุ่นยนต์) ของพระเจ้า (หรือผู้ที่อยู่นอกเหนือจักรวาล) ส่งมาช่วยเหลือก็ได้อะครับ จำเรื่องนิมิต ที่ผมเล่า ในกระทู้ "เห็นภาพคลื่นยักษ์ฯ" อะไรนั่นได้ป่ะครับ ที่ผมเห็นภาพมี โรงเรียน,ห้องเรียน,อาจารย์(คุณครู),นักเรียน ฯ อะครับ นั่นแหละถ้าสถานที่นั้น มีอยู่จริงๆ ในมิตินอกเหนือจักรวาลของเรานี้ขึ้นไป เราอาจจะได้คำตอบที่เราสงสัยกันมานานแล้วก็ได้อะครับ เพราะผมเคยคิด เล่นๆ เหมือนกันว่า ถ้า"จักรวาลที่เราอยู่นี้" เกิดจริงๆแล้วมันไม่ใช่สิ่งที่เป็นของจริงล่ะ (เพราะมันกว้างใหญ่จนหาที่สิ้นสุดไม่เจอ และมันประกอบไปด้วยกาแล็กซี่และดวงดวงที่มากมายมหาศาลจนนับไม่ถ้วน) มันอาจจะเป็นของปลอม หรือ เป็นโปรแกรมหนึ่งของอะไรก็ตามหรือสิ่งใดก็ตามที่อยู่นอกเหนือจักรวาลนี้สร้างสิ่งนี้ขึ้นมา เพื่อจำลองความเสมือนจริงด้วยโปรแกรมชั้นสูงที่พัฒนาและใส่เข้าไปเรื่อยๆ ล่ะครับ... มันอาจจะเป็นแบบหนัง "The Matrix" ก็ได้นะครับ ซึ่งเมื่อเราถอดปลั๊ก หรือ อาจจะถอดเป็นสายหรืออะไรก็ตามที่ใส่และเชื่อมต่อกับจิตของเราก็ตามออกแล้ว เราจะตื่นขึ้นไปพบกับสถานที่นั้นก็ได้นะครับ เช่น โรงเรียน,สถานี,ออฟฟิตฯ หรืออาจจะเป็นห้องที่เป็นสถานที่ที่มี "ท่าน" ผู้ที่สร้างโลกและจักรวาล นี้อยู่ ที่เราเรียกว่า "พระเจ้า" ก็อาจเป็นไปได้เช่นนะครับ เพราะมันคือ "อจินไตย" อะนะ ใบไม้นอกกำมือพระพุทธเจ้า อาจเป็นไปได้หมดหลากหลายรูปแบบอะครับ

 

ฝากบอก มะนาวด้วย

โลตัสมี ข้าวกล้องหอมมะลิ ขายแล้ว ถูกด้วย

กินข้าวเหนียว สีษะเก มาก ก้เงี๊ยะ.....

ว่าแต่ มี ดาบยาว 150เซนติเมตร กว้าง 3นิ้วปะ..
....

 

ใช่ค่ะ จิตวิญญาณ เป็นอัตตาจิต

จักรวาล ไม่มีความเป็นอัตตาจิต ไม่มีอาการของขันธ์และธัมมารมณ์

โอวาทธรรม..

บุตรรักแห่งบิดาทั้งหลาย

มีกฎเกณฑ์ทางธรรมชาติอยู่ข้อหนึ่ง ซึ่งเป็นสัจธรรมหรือความจริงที่จริงแท้ ที่มันต้องเป็นของมันเช่นว่านั้นเสมอ นั่นคือ ประโยคศักดิ์สิทธิ์ที่ว่า

อนัตตาล้วนเป็นผู้สร้างอัตตาเสมอ และสรรพสิ่งที่มีอัตตานั้นมีอยู่ไปทั่วทุกหนแห่ง ซึ่งสรรพสิ่งที่มีอัตตานั้นมีทั้งที่มนุษย์สัมผัสรู้ดูเห็นได้และไม่ได้ !

มนุษย์ทั้งหลาย ! อันสิ่งใดที่มีการสั่นสั่นสะเทือนเคลื่อนไหลไม่หยุดนิ่ง ไม่คงที่ และเปลี่ยนแปลงรูปธรรมตนเองได้เรื่อยไป โดยคุณสมบัติเฉพาะตนยังคงเดิม ซึ่งกลไกอวัยวะประสาทสัมผัสรู้ในเครื่องยนต์แห่งกรรม(ร่างกายสังขาร) มนุษย์ไม่อาจสัมผัสรับรู้ได้นั้น สรรพสิ่งล้วนเป็น "อนัตตา" ทั้งสิ้น มันเป็นรูปธรรมทางพลังงานไม่สมดุล หรือคลื่นความถี่ทางพลังงานความถี่ใดความถี่หนึ่งที่สั่นสะเทือนอยู่อย่างต่อเนื่องและเคลื่อนไหลตัวมันเองไปเรื่อย ๆ ไม่มีการหยุดนิ่ง ไม่มีการดำรงอยู่ที่ใดที่หนึ่งเฉพาะที่ และพร้อมที่จะลดเลี้ยวเกี่ยวพันกับ คลื่นความถี่ที่ไม่สมดุลอื่นได้เสมอ

สรรพสิ่งที่เป็นอนัตตานี่เอง ที่ล้วนเป็นผู้สร้าง "อัตตา" คือ ความมีตัวตน ให้เกิดขึ้น โดยจะซ่อนเร้นสรรพสิ่งที่เป็นอนัตตาแต่เดิมซึ่งยังมิได้หายไปไหนเอาไว้ภายในเปลือกนอกที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ ด้วยพลังอำนาจของสรรพสิ่งที่เป็นอนัตตา นั่นเอง

หมายความว่า ถ้าสรรพสิ่งใดที่มีอัตตาหรือมีความเป็นตัวตนทั้งหมดทั้งสิ้นนั้น สรรพสิ่งนั้นจะต้องมีอีกสรรพสิ่งหนึ่งที่เป็นอนัตตาเป็นแก่นแท้เร้นอยู่ข้างในเสมอ

อาจกล่าวได้อย่างหนึ่งว่า สรรพสิ่งทั้งหมดทั้งหลายที่อยู่รายรอบทั้งที่แลเห็นและแลไม่เห็น แต่เป็นสรรพสิ่งซึ่งมีตัวตนหรือมีความเป็นอัตตาอยู่จริง ล้วนเป็นสรรพสิ่งที่เกิดจากแก่นแท้ซึ่งมีความเป็นอนัตตาเร้นอยู่ข้างในทั้งสิ้น


ทุกสรรพสิ่งในจักรวาล จะประกอบขึ้นด้วยกลุ่มอนุภาคขนาดเล็กลดเลี้ยวเกี่ยวพันกันอยู่ โดยอนุภาคเหล่านี้มีการสั่นสะเทือนตลอดเวลา ซึ่งทำให้เกิดคลื่นอนุภาคที่เราเรียกมันว่า พลังงาน นั่นเอง

คลื่นอนุภาค จะทำหน้าที่เป็นจิตวิญญาณอย่างสมบูรณ์ได้ ก็ต่อเมื่อมันมีเปลือกพลังงาน หรือ กรอบ หรือรูปธรรมห่อหุ้มยึดไว้ โดยเชื่อมโยงสัมพันธ์กันกับสนามพลังงานของจักรวาล ถ้าจิตนั้นอยู่ในสภาพของคลื่นอนุภาพที่ไร้เปลือกห่อหุ้มไว้ จิตนั้นจะสามารถแทรกซึมไปได้ทั่วทั้งจักรวาล บนโครงข่ายสนามพลังงานที่เกิดจากใจกลางดวงอาทิตย์

ในศาสตร์อภิปรัชญา เชื่อว่า.... ก่อนที่มนุษย์เราจะเกิดมาบนโลกใบนี้ จิตมนุษย์จะมีคุณสมบัติและคุณลักษณะเป็นกลุ่มความคิด หรือ "กล่องพลังงานความคิด" ที่มีความรอบรู้ทุกสิ่งทุกอย่างในจักรวาล

ถ้ามนุษย์สามารถมองเห็นได้ในแบบ 3 มิติ รูปธรรมของจิตจักรวาลแต่ละคน จะมีรัศมีที่รุ่งโรจน์สดใส พร้อมกับมีสีสันให้เห็นกันหลากหลาย ซึ่งล้วนเป็นผลที่เกิดจากการสั่นสะเทือนของกลุ่มอนุภาคขนาดเล็กละเอียดของ "จิต" ที่ลดเลี้ยวเกี่ยวพันกันอยู่ภายในกล่องพลังงาน ที่มนุษย์เรียกว่า Merkabah (เมอร์ขะบาร์) ซึ่งมันจะทำหน้าที่ห่อหุ้มพลังงานทั้งหมดของคนเราไว้ภายใน คล้าย ๆ เปลือกห่อหุ้มภายนอกนั่นเอง และที่สำคัญคือส่วนของเปลือกห่อหุ้มภายนอกนี้ ตัวมันเองก็เป็นอนุภาคของพลังงานอย่างหนึ่งเช่นเดียวกัน

Merkabah ที่ห่อหุ้ม "จิตจักรวาล" ที่มนุษย์เรียกว่า "จิตวิญญาณ" นั้น มีความสัมพันธ์เป็นหนึ่งเดียวกันกับพลังงานของจิตวิญญาณ ถูกสร้างขึ้นมาด้วยศาสตร์ด้านเรขาคณิตจากเลขฐาน 12 อันเป็นความถูกต้องเที่ยงแท้และเป็นหนึ่งเดียวในจักรวาล และนักคณิตศาสตร์บนโลกหลายรายกำลังเริ่มค้นพบความอัศจรรย์ของเลขฐาน 12 อันเป็นศาสตร์แห่งจักรวาลกันบ้างแล้ว

สิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับ Merkabah ก็คือ จิตวิญญาณของเราก่อนที่จะเกิดมาเป็นมนุษย์บนเคราะห์โลก ล้วนมีสิ่งนี้ห่อหุ้มไว้ขณะอยู่ในจักรวาลด้วยกันทั้งสิ้น มิเช่นนั้นแล้ว จะไม่มีสิ่งใดจัดเก็บพลังงานของ "จิต" เอาไว้ได้เลย นอกจากนั้นสิ่งนี้ยังทำหน้าที่เป็นพาหนะหรือเป็นพลังขับเคลื่อนของจิตวิญญาณในจักรวาลอีกด้วย ซึ่งสามารถจะเคลื่อนที่ไปได้ทั่วทั้งจักรวาลตามพลังงานความคิดของจิตนั้น ๆ ภายในชั่วพริบตา และนอกจากนั้นมันยังสามารถเปลี่ยนแปลงรูปร่างของกล่องพลังงานความคิดที่มันห่อหุ้มอยู่ขณะเคลื่อนที่ไปไหน ๆ ได้อีกด้วย ด้วยเหตุนี้ "กล่องพลังงานความคิด" ในจักรวาลจึงไม่คงที่เป็นแบบใดแบบหนึ่งเท่านั้น

การที่จะเดินทางไปนั้น มนุษย์จะต้องมีความสามารถเดินทางผ่านมิติของเวลาให้ได้เสียก่อน จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่มนุษย์ในโครงสร้างทางชีววิทยาปกติจะทำเช่นนั้นได้ นอกจากพลังอำนาจแห่งจิตวิญญาณเท่านั้น

มนุษย์พึงรู้ว่า หลักการที่แสงสว่างช่วยให้มนุษย์มองเห็นสิ่งต่าง ๆ และนำมาใช้ประโยชน์นั่น เป็นเรื่องทางวิทยาศาสตร์ แต่คุณสมบัติของแสงนั้น เป็นเรื่อของจิตวิญญาณซึ่งเป็นศาตร์อภิปรัชญา

ความสมดุลทางชีวภาพ(ร่างกาย) คล้ายกับความสมดุลทางจิตวิญญาณของมนุษย์สู่การรู้แจ้ง ซึ่งต้องเกิดจากการรวมกาย จิต และจิตวิญญาณ ให้เป็นหนึ่งเดียวกัน โดยอาศัยจิตสำนึกของกรอบหรือเปลือกของ "จิต" ที่เป็นตัวตนแก่นแท้ของเราอาศัยอยู่ เป็นตัวขับเคลื่อนกิจกรรมทางจิตวิญญาณที่ว่านี้

ดังได้ทราบกันแล้วว่า กระบวนการทางชีวภาพของร่างกายมนุษย์ เช่น การคิดอ่าน ล้วนอยู่ในรูปของ พลังงานไฟฟ้าเคมี (Electro-chemical) ซึ่งเป็นกิจกรรมที่เกิดขึ้นภายในเซลล์ทุกส่วนของร่างกายทั้งอวัยวะภายนอกและภายใน ล้วนแล้วแต่อยู่ในสภาวะที่สมดุลกันทางแม่เหล็กเสมอ

ดังนั้น จิตจักรวาล/เป็นรูปธรรมทางพลังงาน ซึ่งมีคุณสมบัติเป็นแก่นแท้คืออนัตตา ก็คือนัยยะหนึ่งเป็นอัตตาจิต ที่ดำรงอยู่ทั้งในสนามพลังงาน และนอกระบบสนามพลังงาน ค่ะ

 

ยูทูบยังอ่านใจได้เลย พูดถึงมนุสต่างดาวๆ ก็มา

 

ผมว่าจิตยิ้มเล่นคำมากไปนะ ช่วยอธิบายตามทีจิตยิ้มเข้าใจหน่อยได้มั้ยอ่า เหมือนก้อปจากหนังสือมาลงเลย ใครอ่านหมดไม่บ้าก็บวมหละ

 

ผมก็ศึกษามานานจากการที่ผมเคยถอดจิตได้ ได้เข้าไปในโลกคอมปิ้วเตอร์ในฝัน ทำให้รู้ว่ามีภพภูมิ 2 มิติคือการ์ตูนรองรับอยู่ครับ แต่อยากรู้ใครเป็นผู้สร้างนี่สิ อาจเป็นจิตจักรวาลที่เรากำลังตามหาอยู่ก็ได้ โลกทุกภพภูมิต่างมีการพัฒนาแหละ แต่เทคโนโลยีคนละแบบกัน อยู่ที่เราแล้วจะเลือกทางเดินสายไหน

 

5555 คงไมมีความสามารถถึงขนาดนั้นแน่ค่ะ

นั่นเป็นคำสื่อกล่าวของค์ธรรมสูงสุด (ขอเรียกว่า พระยาธรรมมิกราชา หรือ องค์ธรรมโลกุตระ ที่อยู่ศูนย์ธรรมในแดนสุญญตาค่ะ) ที่สื่อลงมาให้มนุษย์โลกรับรู้ในยุคพลังงานใหม่นี้ค่ะ ซึ่งจิตยิ้มก็ลอกเอามาจากหนังสือมาให้พิจารณา

ซึ่งประโยคขี้นต้นที่เป็นสัจธรรมของแก่นแท้อนัตตา มีคำกล่าวว่า ผู้ที่ผ่านการคัดเฟ้นจิตสำนึกมาแล้วระดับหนึ่ง จะได้รับทราบสาส์นเหล่านี้ ผู้ที่สอบไม่ผ่านบททดสอบและยังบกพร่องด้านการเรียนรู้ในข้อสัจจะโอวาทสิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่ มิติแห่งการรับรู้และเรียนรู้ของบุตรผู้เหลวไหลทั้งหลายเหล่านี้จะถูกปิดทันทีที่อ่าน

แต่ท่านก็ได้อนุโมทนานี่คะ น่าจะรู้เรื่องได้นะค่ะ

 

อ่านจบนี่ อื้อหือเลย ไฟลุกหัว แป้ปๆ ก็ลืม รอจิตค้นๆ ระลึกเองมาเข้าใจอีกที

 

ซู้ด อาร์~ กาวมันหอมจริงๆ

 

*** สัจจะธรรม ****

ในจิตวิญญาณ
มีนิสัยสันดานติดตัว

การกระทำ ร่างกาย ปาก ใจ
คือ ผู้สร้างตัวกระทำ

ตัวกระทำ
เป็นสิ่งที่ไม่ตาย
ไม่สูญสลายหายไปได้
ตัวกระทำ
จะตามติดตัวเรา
ไปเหมือนเงาตามตัว

ร่างกายตายแล้ว
ก็ยังตามไปจัดสรร
บางคนก็ไปเกิดใหม่
บางคนหลุดพ้นไปนิพพาน
คือ สิ้นสุดการกระทำ
ไม่ต้องไปเกิดใหม่

ใครเกิดมีกายใหม่
ก็ต้องสร้างการกระทำใหม่ต่อไป
ไม่สิ้นสุด
จนกว่าจะเข้าใจสัจจะธรรม
เริ่มต้นสร้างการกระทำใหม่
เพื่อการหลุดพ้นทุกข์
คือ การกระทำตัดลด
นิสัยสันดานตนเอง
อย่างจริงจัง
ด้วย "สัจจะ"
พูดแล้วทำให้เกิดขึ้นจริง

การเวียนว่ายตายเกิดบนโลก
เพราะ นิสัยสันดานสัตว์โลก
พ้นอีกระดับเป็น
นิสัยสันดานมนุษย์
มีสัญญาผูกพ้นธ์
กับเรื่องราวสิ่งต่างๆบนโลก

สัจจะธรรม
ก็คือ สิ่งที่สัตว์โลกจะต้องทำ
คือ สัจจะ
คือ สัตว์จะทำ
ทำให้ตนเองหลุดพ้นทุกข์
พ้นโลก

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

*** สมาธิ เพื่อการหลุดพ้นทุกข์ ****

คือ สมาธิพิจารณา
ที่เกิดขึ้นใน ชั่วโมงของสัจจะ
ขณะปฏิบัติตัวด้วยสัจจะ

ตัวกระทำที่เกิดขึ้น
จะรวมเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์
คอยบอกคอยสอนตัวเรา

ตัวกระทำของพระพุทธเจ้า
ทุกพระองค์รวมตัวเป็น
พระไตรปิฎก
เป็นตัวหนังสือ เป็นคำสอน
ที่ลอยอยู่รอบๆตัวเรา

- " หนุมาน ผู้นำสาร "