ถ้าคุณเป็นผู้สร้างศาสนาใหม่ จะตั้งชื่อว่าอะไร หลักธรรมคืออะไร?

พระพุทธศาสนาคือศาสนาที่ดีที่สุด

พระพุทธเจ้าคือศาสดาที่ดีที่สุด

พระธรรมคือหลักคำสอนที่ดีที่สุด

พระสงฆ์คือสาวกที่ดีที่สุด

 

คุณฤาษีแปลงสาร

หากท่านมีเจตนารมณ์อันบริสุทธิ์ที่จะคิดสร้างสรรค์สิ่งนี้ เพื่อที่จะจรรโลจิตใจมนุษย์ที่มีต้องการอันหลากหลาย หากสามารถชี้ทางให้มนุษย์หนึ่งคนมีหนึ่งศาสนาเป็นของตนเองได้ โดยไม่ยึดถือศาสนาใดเป็นสรณะ ดั่งเรือแพที่ล่องลอยอยู่ในมหานทีสีทันดรที่ต้องการข้ามขอบจิตใจเพื่อให้ไปถึงฝั่งหมาย ด้วยการเรียนรู้พระสัจธรรมแห่งความจริงแท้ภายใต้จิตเอกภพนี้ ก็ย่อมประเสริฐยิ่งนักแล

เพียงแต่อย่าได้พึงหวังในลาภสักการะ หรือหวังให้เขาศรัทธากราบไหว้เรา หรือเคลือบแคลงสิ่งอกุศลใดๆ เพียงเพื่อยกระดับฐานะหรือสูงส่งกว่าผู้ใด

ในอดีตอันขืนขมที่ผ่านมา มนุษย์พยายามที่ยึดมั่นศรัทธาในศาสนา ด้วยแบ่งแยกทางความคิดว่าศาสนากู ตัวกู ของกู จนกลายเป็นปมปัญหาให้กับสังคมเฉกเช่นทุกวันนี้

ปรัชญาเป็นความรู้อันประเสริฐของแต่นิกายและลัทธิต่างๆ ที่มีมากมาย ล้วนแล้วแต่แฝงไปด้วยผลประโยชน์ทั้งสิ้น บ้างก็ใช้ทฤษฏีสมรู้ร่วมคิดที่จะทำลายซึ่งกันและกัน บ้างก็หาผู้สนับสนุนที่เป็นกษัตริย์ เพราะกษัตริย์บางพระองค์ในอดีตมักจะใช้สิ่งนี้เป็นเครื่องมือในการกล่อมเกลาจิตใจประชาชนไม่ให้คิดร้ายกับราชวงศ์ของตน ทั้งหมดนี้ก็เพื่อต้องการความเป็นใหญ่ของเจ้าลัทธิหรือเจ้านิกายทั้งสิ้น

หากท่านมีปฎิปทาดังกล่าวแล้ว นั่นแหละคือศาสนาแห่งความเป็นจริง ละท่าน

 

คุณไชยา

ใครๆ เขาก็บอกว่าของตนดีที่สุด แต่คนอื่นเขายอมรับเหมือนคุณหรือเปล่า? หากคุณยอมรับสิ่งนี้แล้ว คุณช่วยพิสูจน์ด้วยว่าสิ่งนี้ดีที่สุดอย่างไร?

 

เรื่องสมาธิ นี้ ศาสนาไหนๆ ก็มี ไม่ใช่แต่ฮินดุ
คนธรรมดาก็มีการฝึกสมาธิ ฝรั่งเขาก็ฝึก จะเอามาบอกว่า ฮินดุก็มี แล้วยกเอาฮินดูมาปนเป กับพุทธ
สอนคนให้เชื่อแบบฮินดู
แบบนี้ คุณกำลัง เข้าใจอะไรผิด
ประเด็นของฮินดุ ก็ไม่ใช่ เหมือนกับ พระพุทธศาสนา ขั้นตอนก็ไม่เหมือน
จะเอามาปนเป เป็นปฏิรูปธรรม
บาปกรรมนะครับ

 

สมาธิสมถะ บำเพ็ญทุกขกิริยานั้น มีมาก่อนพุทธศาสนา
ทั้งนี้ก็ไม่ใช่ที่สุดแห่งทางพ้นทุกข์

ต้องแยกให้ออกก่อนว่าพระพุทธเจ้าทรงค้นพบการปฎิบัติแนวใด

ท่านฤษีกำลังจะพาเราถอยหลัง กลับไปสู่ยุคกราบไหว้เทพอีกหรือ

 

<TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 3 คน ( เป็นสมาชิก 2 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) </TD><TD class=thead width="14%">

[ แนะนำเรื่องเด่น ] ​

</TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>หลงเข้ามา, สันโดษ </TD></TR></TBODY></TABLE>
แช๊ะ..

 

ม่ายเห็น..มาตอนไหน...หลอนมาก อาหลง

 

ลองตามดูความอยากนะครับ อยากได้ อยากเป็น ...
หรือ ตามตำราเซน บอกไว้ว่า หากเจอศาสดา ให้....

 

พระผู้มีพระภาคเจ้าได้รับการยกย่องว่าเป็นศาสดาเอกของโลก พระองค์บริสุทธิ์หมดจดด้วยกิเลสเครื่องเศร้าหมองทั้งหลาย เป็นผู้ทีตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง

พระธรรมคือคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หลักธรรมที่ขึ้นชื่อและถือว่าเป็นสุดยอด เป็นที่ยอมรับของบุคคลทุกวงการ ก็คือหลักอริยสัจ๔ ไม่มีหลักธรรมใดประเสริฐกว่านี้อีกแล้ว

พระสงฆ์คือสาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า เป็นที่เคารพนับถือของประชาชน เป็นที่พึ่ง เป็นที่ปรึกษาของประชาชนผู้อยู่ในเมืองแห่งพระพุทธศาสนา

 

ท่านฤษี โปรดเก็บหลักธรรมของท่านไว้แต่เพียงผู้เดียวเถิด

เพื่อตัวท่านเองจะได้ไม่สร้างอกุศลกรรม

และเพื่อสหายธรรมจะได้ไม่ไขว้เขว...

 

" ไม่ต้องไปลบ ไปชำระอะไร ไม่ต้องสร้างใหม่ "

ประโยคนี้น่าคิดนะเจ้าคะ ทุกศาสนาย่อมสอนคนให้เป็นคนดี ไม่ว่าจะเป็นศาสนาใดก็ตาม ตนเองนั้นแลน่ากลัวนัก จงเอาชนะตนให้ได้ แล้วความสุขย่อมเกิดแกเรา

 

คุณไชยา

คุณนำพระรัตนตรัยมากล่าวอ้าง คนอื่นที่นับถือศาสนาอื่นเขาก็กล่าวได้เช่นเดียวกัน หนทางพิสูจน์ท่านทำได้เพียงเท่านี้หรือ ก็ขออย่าได้หลงในมายากับสิ่งที่กล่าวอ้าง และอย่าได้มีเพียงแค่ชื่อว่าเป็นคนนับถือศาสนาพุทธในทะเบียนราษฏร์

 

(good)

 

ผมไม่ได้นำเอาพระรัตนไตรมากล่าวอ้าง ผมรู้และระลึกอยู่เสมอว่าพระรัตนไตรคือของสูง เป็นสิ่งที่ไม่ควรลบหลู่ดูหมิ่น เพราะการทำเช่นนั้น มันเป็นการดูถูกชาวพุทธทั้งแผ่นดิน

ผมไม่ได้หลงมายาหรอกครับ ผมรู้ดีว่าศาสนาพุทธดีอย่างไร และผมก็เชื่อว่าชาวพุทธทั้งแผ่นดินก็รู้

ผมไม่ได้นับถือศาสนาพุทธแต่ในทะเบียนราษฎร์หรอกครับ ผมมั่นใจว่าผมเป็นชาวพุทธอย่างแท้จริง สิ่งเหล่านี้ไม่อาจอธิบายให้ใครรู้ได้ มันเป็น
ปัจจัตตัง รู้ได้เฉพาะตน

 

ดีแล้วท่าน ดีแล้ว งั้นก็อย่าลืมทบทวนเรื่องนรก-สวรรค์ให้ชัดเจนกว่านี้หน่อย คราวที่แล้วยังไม่ได้คำตอบตามที่ร้องขอไว้ เห็นไปตั้งกระทู้เรื่องคุณไสยอีกแล้ว คุณนี้เก่งหลายอย่างจริงๆ พหูสูตรดีแท้

 

มนุษย์เราทุกคนผิดหรือครับ? ที่จะมีความรู้หลายด้านหลายเรื่อง ผมยอมรับว่าพุทธศาสตร์กับไสยศาสตร์ ที่จริงแล้วมันอยู่ตรงกันข้ามกัน แต่ที่ผ่านมาผมเห็นว่า ส่วนที่กลมกลืนกันมันก็มี ส่วนที่ขัดแย้งกันมันก็มี ด้วยเหตุนี้แหละทำให้ผมใช้เวลาศึกษาเรื่องนี้มานาน แต่ความรู้ที่ผมได้มันยังน้อยนิดนัก มันคงเทียบไม่ได้กับคุณeddy1965

ด้วยเหตุที่ผมรู้น้อยนี่แหละ ผมจึงได้เข้ามในเว็ปไซต์แห่งนี้ ผมเขียนกระทู้และตอบกระทู้ในส่วนที่ผม(คิดว่า)รู้ เพื่อที่จะให้ทุกท่านช่วยเมตตา ชี้แนะ ชี้แจง สนับสนุน คัดค้าน เพื่อที่จะเป็นความรู้ เพื่อที่จะเป็นความเข้าใจแก่ตัวผมและผู้ที่สนใจ

ผมบวชก็มาก ธุดงค์ก็เยอะ คลุกคลีกับครูบาอาจารย์หลายท่าน พระอาจารย์หลายท่านก็ว่าผมบ้าง ว่าผมทำอะไร บางทีก็ศึกษาสอบถามหลักธรรม แต่บางที่ก็สอบถามไสยศาสตร์

ผมก็ต้องขอขอบคุณคุณeddy1965มากนะครับ ที่แนะนำและตักเตือนผม ผมหวังว่าคุณคงจะเข้าใจผมแล้วนะครับ ผมก็ต้องขอทำตนเป็นเช่นนี้ต่อไปครับ ไม่ว่ากันนะครับ

 

อารยมิตร..
ก็ดูเป็นมิตรกันดีนะ
พูดคุยแลกเปลี่ยนแบบกันเองดี..


(||)

 

คุณไชยา

ผมเห็นว่าคุณเป็นคนใต้บ้านเดียวกับผม อีกทั้งเห็นว่าการนำเสนอในกระทู้นี้ ต้องตระหนักในการนำเสนอสักหน่อย เพราะคนในนี้ล้วนแล้วแต่เป็นผู้ส่งภูมิสูงทั้งสิ้น ประเภทเสือ สิงห์ กระทิง ทั้งนั้น แรกๆ ผมเข้ามาก็โดนกระหน่ำสักน่วมเหมือนกัน กว่าจะปรับตัวได้ แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้ได้ข้อคิดจากที่นี้ ก็คือ ประสบการณ์และความรู้ที่ได้อันหลากหลาย ทำให้ต้องพยายามศึกษาและปฏิบัติเพื่อเพิ่มพูนศักยภาพของตนให้ได้ในระดับที่ใกล้เคียงกับผู้อื่น มีบ้างที่ต้องโต้ด้วยคารม ไม่ยอมกันเพราะอัตตาสูง เลยต้องอโหสิกรรมให้กัน

ทุกรูปแบบที่นี้ที่ได้พบเจอ มีทั้งแบบกระแทกความคิดเพื่อลบล้างและใส่ความคิดใหม่ของตนเองเข้าไปก็มี แบบทฤษฏีสมรู้ร่วมคิดกันก็มี (แบบแท็กทีม) เพื่อทำลายความคิดและความมั่นใจของผู้อื่นก็มี แบบข้ามาคนเดียวสุดโต่งก็มี แบบขุดหลุมพรางล่อให้ติดกับก็มี และที่พบเยอะมากคือ เปิดตำราตอบ และยกพุทธพจน์อ้างเรื่อยเปื่อย

ที่พอจะวิเคราะห์ได้ว่าเป็นผู้ทรงภูมิระดับแนวหน้า อันนี้ไม่ได้ชมนะ ฝ่ายมหายาน ได้แก่ คุณใบไม้ และฝ่ายเถรวาท ได้แก่ คุณขันธ์ คุณวิมุตติ และคุณเอกวีร์ (คุณเล่าปัง) เท่าที่จำได้นะ คนอื่นก็มีบ้าง แต่ไม่กล่าวถึง ก็ขอโทษไว้ ณ ที่นี้ด้วย

ประสบการณ์ความรู้ที่ได้จากที่นี้ ทำให้ต้องพากเพียรพยายามที่จะเรียนรู้และใช้ไหวพริบ เพื่อให้เท่าทันคนเหล่านี้ สิ่งสำคัญอย่าได้พยายามมองศาสนาเพียงแค่ศรัทธา แต่ต้องมองถึงปรัชญาที่ลึกล้ำด้วยปัญญาญาณ ฉันใดก็ฉันนั่น ถนนมีเส้นทางให้เดินหลากหลาย แต่สุดท้ายก็บรรจบที่เดียวกัน

พยายามศึกษาปรัชญาศาสนาให้มาก อย่ามีมุมมองแค่พุทธศาสนาเพียงอย่างเดียว มองให้กว้างและลึก หากไม่เข้าถ้ำเสือ ไฉนเลยจะได้ลูกเสือ ยอมให้เขาว่ากล่าวบ้าง ก็ยังได้ความรู้ไม่ดีหรือไร อีกอย่างหนึ่ง คำว่าบวชมากแห่งผ้ากาสาวพัสตร์นี้ ก็ใช่จะบ่งบอกว่าเป็นผู้บรรลุธรรม

 

ก็คุยกันพอหอมปากหอมคอ
น้อมมาแต่เนื้อธรรม สิคุณ

 

<TABLE class=tborder id=post1079931 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>ฤษีแปลงสาร<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1079931", true); </SCRIPT>
สมาชิก



เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 10:45 AM
วันที่สมัคร: Dec 2006
ข้อความ: 349 <!-- Start Post Thank You Hack -->
ได้ให้อนุโมทนา 13 ครั้ง
ได้รับอนุโมทนา 1,180 ครั้ง ใน 289 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
พลังการให้คะแนน: 152


</TD><TD class=alt1 id=td_post_1079931 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->ศาสนาของผมชื่อ "อารยมิตร"


หลักธรรมที่สำคัญที่สุด คือ การเข้าถึงความเป็น "อารยมิตร"
มีคำสองคำที่ลึกซึ้ง คือ คำว่า อารยะ และคำว่ามิตร


1. อารยะ มาจากอารยัน อารยะชน หมายถึงสังคมอุดมคติที่
ผู้คนทุกชนชาติต่างแสวงหากันมานานว่ามันคืออะไร เกิดได้ไหม
ซึ่งตามหลักของผม เกิดได้ ด้วยน้ำมือทุกคนในสังคมสร้างมัน
การจะสร้างสังคม อารยัน จะต้องมี

1.1 ความเป็นหนึ่งเดียวกัน
1.2 ความเอื้อเฟื้อรักใคร่กัน
1.3 ความไม่แบ่งแยกกัน
1.4 ความเท่าเทียมกัน
1.5 ความมีอิสระภาพของแต่ละบุคคล


โดยเน้นอิสระภาพ เป็นอุดมคติสูงสุดที่บุคคลเข้าถึงได้
คือ "อิสรภาพทางจิตใจ" บุคคลทุกคนมีอิสระภาพแบบนี้
ได้ด้วยการสละพันธะความผูดพัน ยึดมั่นอาลัยในทุกสิ่ง
แล้วดำเนินชีวิตด้วยสติปัญญาไป ณ ปัจจุบันขณะ ไม่มุ่ง
คิดถึงอนาคตเกินไป หรือห่วงหาอาลัยอดีตเกินไป


2. มิตร หมายถึง ความเท่าเทียมกัน ความปรองดองรักใคร่
ความเป็นหนึ่งเดียวกัน ความเท่าเทียม ความเสมอภาค ความ
ไม่ทอดทิ้งทั้งยามดีและยามร้าย ดุจเพื่อน ที่เรามีตั้งแต่เด็กจนแก่
ในขณะที่พ่อแม่เราละจากยามโต ลูกเมียเราพึ่งมีตอนโต ดังนั้น
มิตรจึงอยู่กับเรามานานและตลอดไป มีหลักมิตรแท้ดังนี้

2.1 มิตรสูงสุด คือ ครูทางจิตวิญญาณ ที่คอยช่วยเหลือเรา แม้เรามอง
ไม่เห็นใคร เราอยู่คนเดียวก็ไม่ขาดจากมิตรนี้ และมิตรนี้คอยแนะนำแต่ทาง
ที่ดีให้เราไม่มีทางที่เลว เราต้องนั่งสมาธิ ให้เกิดญาณก็จะสัมผัสได้ เช่น
การสัมผัสพระเจ้า, พระพุทธเจ้า เหล่านี้ นับเป็นครูทางจิตวิญญาณ

2.2 มิตรแรกเกิด คือ บิดามารดา จำเป็นที่ทุกคนจะต้องให้ความสำคัญ
กับหน้าที่ครอบครัว จึงจะเป็นรากฐานให้สังคมสันติสุข สงบสุขได้ มี
ความสำคัญมากที่เราจะต้องเคารพมิตรเช่นนี้ เป็นมิตรแท้ที่เราไม่ควร
ละเลยไปหามิตรอื่นไกล ควรเคารพบูชาสูงสุดเช่นกัน

2.3 มิตรจร คือ มิตรที่ไปๆ มาๆ เราเจอเข้ามาตลอดในชีวิตของเรา
มีทั้งที่ช่วยเหลือเราบ้าง ทำร้ายเราบ้าง มิตรลักษณะนี้ เราถือว่าเป็น
เสมือนทวทูตและยมทูตที่คอยมาเตือนเราว่าชีวิตนี้ไม่แน่นอน อย่า
ไปหลงกับโลก คนเลวที่เข้ามา เตือนเราว่าโลกนี้ไม่น่าอยู่ คนดีที่เข้า
มาเตือนเราว่า เราควรทำดีต่อสังคมที่เราอยู่อาศัยเพียงชั่วคราวนี้
</TD></TR></TBODY></TABLE>


จขกท. เขาเริ่มด้วยความรู้สึกที่ดี
สงสัยจะเป็นศาสนาที่ .. .. มาจากความประทับใจในคนหลายคนที่นี่
ตีกันบ้าง ดีกันบ้าง .. อะไรประมาณนั้น