ระวัง อย่าไปหลงกับคำว่า อภิญญา มากนัก

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย YUT_KOP, 20 มีนาคม 2008.

  1. YUT_KOP

    YUT_KOP เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2008
    โพสต์:
    458
    ค่าพลัง:
    +1,033
    แค่อยากจะเตือนและบอก ทุกๆท่านที่ หวัง ในอภิญญากันอย่างมาก หลงและเข้าใจผิดๆว่า อภิญญา นั้นดี ว่าสมควร เสมอ เพราะผู้มี อภิญญา ก็ไม่ใช้ว่าจะเป็นคนดี เสมอไป เป็นคน เลว ก็มีมากมายเสียด้วยซ่ำ
    -แล้วผู้หวังจะมี อภิญญา มักจะไม่ได้ อภิญญา ต้องไม่หวัง
    เพียร ทำกรรมฐานมุ่งหวัง ให้ละซึ่ง โลภ โกรษ หลง ไม่ต้องไปสนใจ อภิญญา ตัว อภิญญา เป็นเสมือน ของแถม ของกรรมฐานเฉยๆ

    ตัวอย่างผู้ได้ อภิญญาขั้นสูง แล้ว แต่เป็น มิจฉาฐิฑิ ที่เด่นชัด ก็คือ พระเทวทัดนั้นเอง
    ตอนที่ท่านไป หลอก พระเจ้าอชาตสัตรู ให้เชื่อและ เคารพท่านเป็น อาจารย์
    พระเทวทัต ท่านแปลงกายเป็นงูเหลือม ขนาดใหญ่ (ท่านมี อภิญญาขั้นสูงแล้ว)เข้าไปในวัง แล้วแปลงร่างกลับ มาเป็นพระเทวทัด อีกรอบ นำความเลื่อมใส ต่อพระเจ้าอชาตสัตรู อย่างยิ่ง นำผลไปสู่การทำ ปิตุฆาต ในกาลต่อมานั้นเพราะไปหลงว่า ผู้มีอภิญญานั้นเป็นผู้ ประเสริฐ
    แต่แท้จริงแล้ว ผู้ ที่ละโลภ โกรษ หลง ที่แท้จริง แม้นไม่ได้ อภิญญา ท่าน ก็เป็น ผู้สำเร็จอรหัตผล ได้อยู่ดี
    ปล.ที่กล่าวมานี้ ไม่ได้บอกว่า อภิญญาไม่ดีนะ แต่แค่ไม่อยากให้ หลง กับ มันมากเกินไป เท่านั้นเอง
    ท่านฝึก กรรมฐานทุกวันนี้ หวังอะไร ถ้าตอบว่า....
    1.หวัง อภิญญา เป็นสำคัญ คำตอบนี้ ผิด
    2.หวัง ละ โลภ โกรษ หลง เป็นสำคัญ คำตอบนี้ ถูก
    อนุโมทนาบุญด้วยครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 มีนาคม 2008
  2. เด็กโชว์พาว

    เด็กโชว์พาว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,082
    ค่าพลัง:
    +470
    แต่ผมว่านะคนที่ได้ก็ต้องเป็นคนดีอยู่บ้างนั่นแหละ เพราะวันที่ฝึกได้ใจต้องบริสุทธ์น่ะครับ แต่พอฝึกได้แล้วใจจะบริสุทธ์หรือไม่ก็คงต้องมาว่ากันอีกที
     
  3. Aek9549

    Aek9549 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    811
    ค่าพลัง:
    +1,031
    ทุกสิ่งล้วนมีดีและไม่ดี..ขึ้นอยู่กับการนำไปใช้ได้ถูกวิธีหรือเปล่าเท่านั้น
     
  4. YUT_KOP

    YUT_KOP เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2008
    โพสต์:
    458
    ค่าพลัง:
    +1,033
    การได้ อภิญญา ไม่จำเป็นต้องใจ บริสุทธ์ ขอเพียงมีสมาธิแน่วแน่มั่นคง ก็มีได้
    คำว่า ใจบริสุทธ์ ไม่ได้เป็นตัวกำหนด ของ อภิญญา เพราะ ขนาดคนได้ ทิพยจักรสูท (เขียนไม่ค่อยจะถูกนะ) ถ้าไม่ได้ตั้ง สมาธิ ก็ไม่มีทางรู้ พระโมคคลานะที่เหาะ เดินอากาศ ใจบริสุทธ์ตลอดเวลา แต่ถ้าไม่ได้ตั้งมั่นใน สมาธิ ก็ เหาะไม่ได้เหมือนกัน ภิษุณีผู้มีฤทธิ์มาก ไม่ได้ตั้งใน สมาธิ ก็โดน เดียร์ถีร ข่มขืนได้เช่นกัน
     
  5. เด็กโชว์พาว

    เด็กโชว์พาว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,082
    ค่าพลัง:
    +470
    ขอเถียงหน่อยอ่ะครับ การที่เรามีสมาธิแน่วแน่เราต้องมีพลังความรักความเมตตาต่อทุกสรรพสิ่งอย่างมหาศาลไม่ใช่หรอครับ การที่เราจะนิ่งขนาดได้ของสูงแบบนั้นผมว่ายังไงคนนั้นก็ต้องเป็นดีอยู่พอสมควรเลยล่ะครับไม่งั้นฝึกไม่ได้หรอกครับ ถ้าคิดจะชั่วอย่างเดียวแล้วนั่งเอาให้ได้มันไม่น่ามีทางเป็นไปได้หรอก ดังนั้นตามความเห็นผมคนที่ได้อภิญญาต้องเป็นคนดีหรือเคยเป็นคนดีมาแล้วมากๆ แต่พอได้แล้วค่อยว่ากันอีกที ไม่ใช่หรอครับ?
    พระเทวทัตท่านเป็นพระปัจเจกโพธิ์สัตว์จะได้เป็นกำลังหลักของพระพุทธศาสนาในอนาคต ท่านบำเพ็ญบารมีมามากมายแต่ติดตรงที่ชาติหลังๆแค้นพระพุธเจ้าสมณโคดมากไปหน่อยเลยต้องชดใช้กรรม
    ขอแย้งอะไรว่ากันได้นะ ผมแค่คิดตามการวิเคราะห์ของผม ข้าน้อยยังโง่เขลาเบาปัญญามากมายนัก
    ส่วนคนที่ได้อภิญญาแล้วก็อย่าลืมเป็นคนดีกันเยอะๆนะครับ จะได้ไม่ต้องไปเบียดเบียนใคร
     
  6. วิทย์

    วิทย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    2,036
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,439
    อภิญญาเป็นเรื่องอจินไตยน่ะครับ
     
  7. อมตนคร

    อมตนคร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    49
    ค่าพลัง:
    +299
    อภิญญา เป็นคุณธรรมหนึ่งในแปดที่ ผู้ที่จะเป้นพระโพธิสัตว์ต้องมี
    และจะรักษาอภิญญา ให้คงอยู่ได้นั้น จะต้องมีศีล หากปล่อยให้จิตใจถุกครอบงําด้วยกิเลสเมื่อไหร่ อภิญญา ก็จะเสื่อมไปได้ เพราะ เป็นแค่ ฌาน โลกีย์
    ดังเช่น พระเทวทัต ตอนไปหาไพระเจ้าอชาตศัตรู เพื่อจะไปวางแผนหลอกให้พระเจ้าอชาตศัตรูฆ่าพระพุทธเจ้าเสีย ก้ยังเหาะไปได้ แต่พอปล่อยให้ ความชั่วครอบงําจิตใจ คิดไปในทางที่เป็นอกุศล อภิญญาในตัวก็เสื่อมหายไปสิ้น ในตอนขากลับจึงต้องเดินกลับ
    ดังนั้นตราบใดที่คนยังรักษาอภิญญาไว้ได้ คนผู้นั้น ยังอยู่ในศีลธรรม
    แม้นยังไม่อาจบรรลุธรรม แต่จิตใจก็ยังใสสะอาดกว่าคนทั่วไปอย่างมากมาย
    ถ้ารู้จักการวิปัสสนาญานแล้ว คนที่ ได้ อภิญญา ย่อมสําเร็จมรรคผลได้ง่ายดาย
     
  8. dekart

    dekart เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    106
    ค่าพลัง:
    +203
    แล้วแต่คน ครับ






    ...
     
  9. kong_sorakrit

    kong_sorakrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,771
    ค่าพลัง:
    +3,426
    ในเรื่องของการหลงอภิญญา และสรุปการทำอภิญญานั้น
    หลวงพ่อโพธิ์ศรีสุริยะ เขมรโต ท่นกล่าวไว้อย่างน่าสนใจครับ
    ลองดาวน์โหลดไปฟังดูนะครับ

     
  10. อักขรสัญจร

    อักขรสัญจร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    4,514
    ค่าพลัง:
    +27,181
    นู๋หลงใหลในปฏิสัมภิทา
    ไม่ต้องห่วงนู๋ [​IMG]
    ระวังเจออภิญญา6เน้อ
     
  11. I Love NIPPan

    I Love NIPPan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    117
    ค่าพลัง:
    +479
    ลูกศิษย์หลวงพ่อองค์นี้แหละบอกว่า ท่านบอกว่ากรรมฐานไม่มีดี ไม่มีประโยชน์ คนทำกรรมฐานเป็นพวกเดินผิดทาง

    ดังนั้นจึงไม่กล้าฟังเพราะกลัวท่านจะพูดไว้จริง เพราะถ้าไม่ดีไม่มีประโยชน์พระพุทธเจ้าคงไม่กล่าวไว้หรอก

    ไม่แน่ใจว่าลูกศิษย์เข้าใจผิดหรือท่านกล่าวจริง

    เลยไม่กล้าฟังค่ะ แต่ขอบคุณและอนุโมทนา

    อภิญญาถ้าได้ก็ดี เปรียบเหมือนการเดินทางกลับบ้าน เจอหน่อไม้ป่าท่าทางน่ากินก็หักเอาไปทำกับข้าวได้ ไม่ได้ขโมยใคร ไม่ผิดศีล เราก็แค่เสียเวลาหยุดหักมันแล้วก็ได้ของกินเมื่อถึงบ้าน ถ้าวันไหนเดินกลับบ้านไม่มีอะไรน่าสนใจก็เดินผิวปากกลับบ้านอย่างเดียว ก็แค่นั้น

    มันขึ้นอยู่กับคนหรอก บางคนเค้าเคยได้มาและชอบ ถ้าไม่ผิดศีลธรรมก็ไม่น่าผิด ใช้ในชีวิตประจำวันได้ และทำให้ไม่ต้องไปวุ่นวายกับชาวโลกมาก

    ดิฉันแค่อยู่ในขั้นสนใจ แต่ขอบพระคุณที่มาเตือนค่ะ

    โมทนาทุกอย่าง
     
  12. YUT_KOP

    YUT_KOP เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2008
    โพสต์:
    458
    ค่าพลัง:
    +1,033
    หลวงพ่อ พุธ ฐานิโย และพระอาจารย์หลายท่านกล่างตรงกันอย่างชัดเจนและหลายครั้งว่า
    ความรู้ ตอนอยู่ในสมถะกรรมฐานเป็นความรู้ที่ โง่ เพราะเป็นความรู้ที่ อยู่ที่จิตเดียว
    อยู่กับที่ ผู้ที่คำภาวนา อยู่ที่ลมหายใจ อยู่ที่กาย เพียงอย่างเดียว
    แต่ถ้าเราจะมีความรู้ที่ ฉลาด เราต้องอยู่ใน วิปัสสนากรรมฐาน
    คือ พิจรณาไตรลักษณ์
    คือ อนินจัง ทุกข์ อนันตา ให้เห็นเป็นแบบนั้นจริงๆ
    ปล.เพื่อความไม่เข้าใจผิด จะบอกว่า การฝึก กรรมฐานเป็นเพียง บันใด ก้าวแรกที่ ทุกคนต้องเดิน ให้ก้าวต่อไป สู่วิปัสสนา ที่ยิ่งใหญ่
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 มีนาคม 2008
  13. เด็กอนุบาล

    เด็กอนุบาล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    689
    ค่าพลัง:
    +4,156
    จุดเริ่มต้นที่ทำให้ผมมาสนใจด้านอภิญญา เพราะผมศรัทธาในคำสอนและปฏิปทาของพระที่ท่านฝึกมาในแนวอภิญญาสมาบัติ ไม่ว่าจะเป็นหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค หรือพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุงครับ

    แนวทางด้านอภิญญาที่ท่านถ่ายทอดมาให้ ทำให้ลูกศิษย์นำไปใช้พิสูจน์เรื่องภพภูมิ นรก สวรรค์ พรหมโลก พระนิพพาน มีจริงได้ ซึ่งสำหรับผมแล้วมีความดีมากเพราะทำให้ผมมีหิริ โอตตัปปะขึ้นอีกเยอะเพราะกลัวตกนรก ศีล 5 ที่เมื่อก่อนผมเคยรักษาได้แบบกระพร่องกระแพร่ง พอความหลงเรื่องนรกไม่มีจริง มีแค่สวรรค์ในอก นรกในใจหายไป ผมก็มีกำลังใจฮึดจนรักษาศีล5 ได้ดีขึ้นมาก ซึ่งส่งผลต่อการปฏิบัติสมาธิและวิปัสนาที่ดีขึ้นด้วย

    ทุกวันนี้ ผมรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณของพระในสายอภิญญา ที่ท่านได้มอบวิชชาอภิญญาให้คนขี้สงสัยในเรื่องภพภูมิอย่างผม ได้พิสูจน์จนคลายความสงสัย จนเกิดกำลังใจในการรักษาศีล และ ภาวนาจิตครับ เพราะถ้าผมพิสูจน์ไม่ได้ว่าภพภูมิมีจริง กฏแห่งกรรมข้ามภพชาติมีจริง ผมคงตอบตัวเองไม่ได้จริงๆครับว่าควรจะรักษาศีล ภาวนาจิต ทำความดีไปเพื่ออะไร และผมเชื่อว่าคนเลว คนที่สร้างความวุ่นวายให้สังคมทั้งหลาย จะกลับใจหันมาทำความดีอีกมาก ถ้ายอมเปิดใจศึกษาด้านอภิญญาจนเห็นซึ้งว่านรกมีจริง วิชชาอภิญญาสำหรับผมแล้วจึงมีคุณค่าเสมือนเป็นสมบัติวิเศษ ที่พระพุทธเจ้าท่านมอบให้พุทธบุตร เพื่อเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธภาพ ในการปฏิบัติสู่มรรค ผล พระนิพพานครับ

    การเดินทางสู่มรรค ผล พระนิพพานนั้น สามารถไปได้ด้วยพาหนะหลายแบบ อุปมาเหมือนเดินทางไกลจากกรุงเทพไปเชียงใหม่ บางท่านต้องการเดินเท้าไป บางท่านต้องการขี่จักรยานไป บางท่านต้องการขับรถไป กรณีของพระเทวทัตนั้น ท่านบรรลุอภิญญา 5 มีกำลังใหญ่ในฌานโลกีย์ อุปมาดั่งท่านขับรถไป ถ้าท่านมุ่งมั่นในเป้าหมาย ไม่วอกแวกออกนอกเส้นทาง ท่านก็คงบรรลุมรรคผล ไปแล้วโดยไม่เนิ่นช้า แต่ที่ท่านพลาดไปเพราะท่านเอากำลังอภิญญาไปใช้ออกนอกเส้นทางอริยมรรค เสมือนการขับรถออกนอกเส้นทางประสบเหตุเภทภัยตกเหว

    ประเด็นแรกที่น่าสนใจคือ เราควรจะโทษว่าเป็นความผิดของรถที่เป็นยานพาหนะ(วิชชาอภิญญา) หรือ ควรจะโทษว่าเป็นความผิดของการที่ขับรถออกนอกเส้นทางเอง(การเอาวิชชาอภิญญาไปใช้ในทางที่ผิด)

    ประเด็นที่สองคือเราน่าจะเน้นคุณค่าของรถ(วิชชาอภิญญา)ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่(ผู้ปฏิบัติในสายอภิญญาตั้งแต่พุทธกาลเป็นต้นมาถึงปัจจุบัน) บรรลุธรรมกันเป็นจำนวนมาก กรณีพระเทวทัตที่เป็นส่วนน้อย ที่เอาวิชชาไปใช้ในทางที่ผิด เราควรมองไว้พอแต่เป็นอุทธาหรณ์สอนใจ อย่าพึงนำมาใช้ตัดสินคุณค่าของวิชชาอภิญญา

    อย่างไรก็ตาม ผมขอบคุณท่านเจ้าของกระทู้ที่เขียนเตือนให้ระวังการใช้อภิญญาในทางที่ผิด แต่ผมจำเป็นต้องนำข้อดีของอภิญญามานำเสนอให้กระทู้นี้มีความสมดุล สำหรับท่านที่จะเข้ามาอ่านครับ
     
  14. YUT_KOP

    YUT_KOP เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2008
    โพสต์:
    458
    ค่าพลัง:
    +1,033
    คุณ เด็กอนุบาล
    กล่าวไว้ดีแล้ว ชอบแล้วจริงๆ
     
  15. อักขรสัญจร

    อักขรสัญจร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    4,514
    ค่าพลัง:
    +27,181
    กรรมฐาน แปลว่าฐานของกรรม
    แบ่งเป็นสองส่วน
    คือ สมถะกรรมฐาน กับ วิปัสสนากรรมฐาน
    ต้องสมถะกรรมฐานถึงขั้นอัปปนาสมาธิ
    ถึงจะฝึกวิปัสสนากรรมฐานได้
    ผู้คัดค้านการฝึกกรรมฐาน=คัดค้านพระพุทธเจ้า

    ไม่มีทางที่หลวงพ่อพุธ ฐานิโย จะกล่าวเช่นนั้น
    เพราะเพื่อนผมก็เรียนกรรมฐานจากหลวงพ่อพุธ
     
  16. YUT_KOP

    YUT_KOP เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2008
    โพสต์:
    458
    ค่าพลัง:
    +1,033
    หวัดดีครับ คุณอักขรสัญจร ท่านเคยฟังเทศนา ของหลวงพ่อพุธ เยอะแค่ไหน
    ผมมี CD MP3 (รวบรวมคำสอน)ของหลวงพ่อพุธผมเปิดฟังเป็นประจำ วนไปวนมา หลายรอบมากแล้ว (เวลาขับรถ นะ) ท่านกล่าวไว้จริงๆ แล้วท่านได้อ่าน ปล.ที่ผมทิ้งท้ายไหมครับ ผมไม่ได้ แย่งว่าห้ามฝึกเลย ผมเองก็ฝึกอยู่
    ผมเชื่อคำสอนของพุทธองค์หมดนะ แล้วที่ท่านกล่าว
    ต้องสมถะกรรมฐานถึงขั้นอัปปนาสมาธิ ถึงจะฝึกวิปัสสนากรรมฐานได้
    อันนี้ กล่าวผิดอย่างสิ้นเชิง
    ผมอ้างหลวงพ่อพุธเช่นเคยนะ ^^
    ท่านกล่าว ว่า ถ้าเราจะรอให้ถึงขั้นอัปปนาสมาธิ แล้วค่อยเจริญวิปัสสนากรรมฐาน ถ้าชาตินี้เราฝึกยังไงก็ไม่ได้ อัปปนาสมาธิ ก็คงเสียชาติเกิดแน่ๆที่ไม่ได้ เจริญวิปัสสนา ท่านกล่าวว่า ของแค่สมาธิแค่เพียง ได้อุปจารสมาธิ ก็ให้รีบเจริญ วิปัสสนา ได้แล้ว
    ยืนยันว่า หลวงพ่อพุธท่านกล่าวไว้จริงๆนะนะนะ
    แต่ท่านควรพิจรณา ข้อความต่อ อย่าหยุดแค่การอ่าน
    เพราะความรู้ของ สมถะกรรมฐานที่ไม่ได้ เจริญวิปัสสนา ยังไงๆก็เป็นความรู้ที่ โง่ เหตุว่า โง่นั้น ก็เพราะ ความรู้นั้น ไม่สามารถนำ ท่าน มีปัญญา (เห็นแจ่ง ละ โลภ โกรษ หลง ได้) แต่ถ้าได้เจริญวิปัสสนา ความรู้ตรงนั้นจะนำท่านให้ เห็นจริงได้
    ยกตัวอย่าง ก่อนสมัยพุทธกาล พราหมณ์ สำนักต่างๆ สามารถฝึก สมถะกรรมฐานได้ ละลึกชาติได้ อยู่ใน อับปนาสมาธิได้ แต่ไม่ได้ เจริญวิปัสสนากรรมฐาน ก็ไม่สามารถ เห็น มรรค มีองค์8 ไม่สามารถรู้อริยะสัจ4
    จึงกล่าวได้ว่า ความรู้ในขั้น สมถะกรรมฐาน จึงยังเป็นความรู้ที่ โง่ นั้นเอง
    ขอบคุณครับที่อ่านนะ
     
  17. วิทย์

    วิทย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    2,036
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,439
    อภิญญาอาจเป็นอันตรายหรือเป็นสิ่งที่ผู้มีอภิญญาควรระมัดระวังเอาไว้

    แต่ถ้าใครไม่มีอภิญญาก็ไม่จำเป็นต้องกังวลหรือคิดปรุงแต่งไปล่วงหน้าจนไม่กล้าปฏิบัติธรรมหรือทำสมาธิซะล่ะครับ รอให้มีอภิญญาจริงๆก่อนค่อยกลัวก็ได้

    อภิญญาก็เปรียบได้กับม้าพยศ ถ้าคนขี่ม้าไม่เป็นหรือขี่ม้าไม่เก่ง ไปกระโดดขึ้นหลังม้าพยศ ก็อาจจะถูกดีดจนตกลงมาหรืออาจจะถูกม้าเตะจนได้รับบาดเจ็บได้

    แต่สำหรับผู้ที่ขี่ม้าได้เก่งและเชี่ยวชาญชำนาญดีแล้ว ม้าพยศตัวนี้จะกลายเป็นพาหนะอันประเสริฐที่อาจสามารถพาเราท่องเที่ยวไปได้นับพันลี้ จะขึ้นเขาลงห้วย เส้นทางขุรขระวิบากเพียงใด เราก็จะสามารถฝ่าฟันไปได้แทบทั้งสิ้น

    ปล.ความจริงในสามัญญผลสูตรหรือพระสูตรที่สำคัญๆหลายพระสูตร พระพุทธเจ้าท่านเรียงลำดับผลที่จะพึงได้ในศาสนาของพระองค์ อภิญญาหรือวิชชา(ความรู้)อันประเสริฐต่างๆเหล่านี้ ถือว่าเป็นขั้นสูงกว่าศีลหรือวิปัสสนาญาณอีกนะครับแต่ด้อยกว่าอาสวักขยญาณ (แต่ต้องได้อภิญญาจริงๆนะครับ ไม่ใช่แค่คนปฏิบัติธรรมได้สภาวะนิดๆหน่อยๆก็ทึกทักว่าตนมีอภิญญาซะแล้ว อภิญญานี้ต้องควบคุมได้นะครับ มิใช่เกิดโดยบังเอิญ)
     
  18. อักขรสัญจร

    อักขรสัญจร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    4,514
    ค่าพลัง:
    +27,181
    ก็น่านแหละ
    ตรงไหนที่ท่านบอกว่าห้ามฝึกกรรมฐาน
    วิปัสสนากรรมฐานก็เป็นกรรมฐาน
    ท่านบอกตรงไหนว่าห้ามฝึก
     
  19. นาๆจิตตัง

    นาๆจิตตัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    220
    ค่าพลัง:
    +412
    การฝึกพระกรรมฐานนั้นก็มีหลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับความชอบ
    ของแต่ละคนว่าจะชอบปฏิบัติแบบไหน ซึ่งก็ปฏิบัติถึงขั้นบรรลุ
    พระอรหันต์ด้วยกันทั้งสิ้น
    ๑.แบบสุกขวิปัสสโก (แบบสบายๆ ง่ายๆ ไม่ต้องการฤทธิ์ เดช
    หรือไม่มีคุณพิเศษอื่น....นอกจากบรรลุมรรคผล)
    ๒.แบบเตวิชโช (วิชชา ๓...คือระลึกชาติได้,รู้ว่าสัตว์นี้ตายหรือก่อนตาย
    นี้มาจากไหน,รู้จักทำกิเลสอาสวะให้สิ้นไป)
    ๓.แบบฉฬภิญโญ (อภิญญา ,วิชชา ๖..มีอิทธิฤทธิ์แสดงฤทธิ์ได้,มีทิพยโสต
    หูทิพย์,รู้การเกิดของคนหรือสัตว์,รู้ความในใจของคนและสัตว์หรือ
    เจโตปริยญาณ,ระลึกชาติหนหลังได้,รู้จักทำกิเลสอาสวะให้สิ้นไป)
    ๔.แบบปฏิสัมภิทัปปัตโต (ครอบคลุมการฝึกดังกล่าวมาแล้วเบื้องต้น
    ทั้งหมด และมีคุณพิเศษเพิ่มขึ้นอีก ๔ ประการ)

    ทุกสิ่งทุกที่ก็มีทั้งของดีและของเลว สังคมของมนุษย์ ไม่ว่าที่ไหน....
    ก็มีทั้งคนดีและคนเลวหรือคนชั่ว...จิตของมนุษย์ก็เช่นเดียวกันก็มีทั้ง
    หยาบและละเอียด หรือปราณีตไม่เท่ากัน และไม่มีสิ่งใดแน่นอน มีเสื่อม...
    สลายมลายลงไปในที่สุด มันเป็นสิ่งสมมุติ ที่ผู้คนมักจะไปยึดถือหรือยึดติด
    (แม้กระทั่งตัวของข้าพเจ้าเอง.....ก็ยอมรับว่ายังยึดติดกับสิ่งเหล่านี้อยู่)
    กระจกหกด้าน ก็มีมุมมองที่แตกต่างกันไปแล้วแต่ว่าเราจะเลือกมอง
    ที่มุมไหน....ทางสายกลางมัฌชิมาปฏิปทา ก็เป็นสิ่งที่ควรต้องก้าวเดิน...
    ตามธรรมะคำสั่งสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งกลางนั้น ของแต่
    ละคนก็ไม่เท่ากันอีก ต้อง ปฏิเวธ ประพฤติปฏิบัติของใครของมัน เป็น
    ปัตจัตตัง ไป ก็....ทุกอย่างเป็นสิ่งที่ดี ประเสริฐสุด เป็นหนทางแห่งการ
    ก้าวสู่อายตนะนิพพานด้วยกันทั้งสิ้น บารมี ๑๐ ทัศ (หรือจะ ๓๐ ทัศ) ก็ต้อง
    หมั่นสร้างสะสมเหมือนกันหมด และ ละหรือตัดสังโยชน์ ๑๐ เหมือนกัน
    ต่างกันก็แต่ความชอบ ทั้งในการปฏิบัติ ความถนัด ซึ่งในการที่จะบรรลุ..ถึง
    ก็อันเดียวกัน ละกิเลส อาสวะ ก็เหมือนกันอีก......(แต่ความสามารถไม่เท่ากัน
    หรือเสมอกัน) สำหรับการฝึกนั้นใช้กำลังใจในการละกิเลสเครื่องเศร้าหมองเท่ากัน..
    แต่กำลังใจที่ใช้ในการฝึกฝน ในรูปแบบที่ว่ามาแล้วดังกล่าวเบื้องต้น ไม่เท่ากัน.....
    ก็แล้วแต่ชอบ เลือกได้ของใครของมัน จะเข้าสู่พระนิพพานช้า เร็วอย่างไงแล้วแต่
    ก็ต่างเข้าถึงได้เหมือนกัน (ซึ่งก็มีองค์ประกอบหลายอย่าง...ใช่ว่าแต่ละแบบฝึกมา
    เวลาเท่ากัน แบบโน้นถึงก่อนแบบนี้ไม่ถึงหรือเสียเวลาโดยใช่เหตุ ก็ไม่ได้เป็น
    อย่างที่เราคิด หรืออนุมานเอา...เรื่องบางเรื่องมันเหนือสมมุติบัญยัติหรือเป็นอจินไตย
    เหมือนกัน...โดยเฉพาะผู้ที่ปราถนาพุทธภูมิ)

    สัมมาทิฐิ หรือมิจฉาทิฐินั้นก็เป็นของเฉพาะตัวเฉพาะตนของผู้ประพฤติ ปฏิบัติ
    เกิดขึ้นได้หมดไม่ได้เลือกว่า ยากดีมีหรือจน เก่งหรือไม่เก่ง คนธรรมดาสามัญ
    พระราชา มหากษัตริย์หรือแม้กระทั่งนักบวชหรือพระโพธิสัตว์ ถ้าประมาท พลาดพลั้ง
    ก็เกิดขึ้นได้...ภพภูมิต่างๆ เราเป็นผู้ลิขิตที่จะไปจุติหรือไปเกิดแล้วทั้งสิ้น (ทั้ง ๓ ภพ)
    กรรมใดใครก่อ ผู้นั้นก็ต้องรับไป เรามีกรรมเป็นของๆตน มีกรรมเป็นผู้ให้ผล
    มีกรรมเป็นเผ่าพันธ์ มีกรรมเป็นที่พึงอาศัย ก็อยู่ที่ว่าเราก็ต้องทำกรรมดีพึง
    ละเว้นกรรมชั่ว แสวงบุญ สร้างบารมี ทำพระนิพพานให้แจ้ง....

    นิพฺพานัง ปรมัง สุขัง
    นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง
     
  20. I Love NIPPan

    I Love NIPPan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    117
    ค่าพลัง:
    +479
    สาธุ ได้ให้เริ่มปฏิบัติให้เห็นผลจริงก่อนแล้วจะมายืนยันว่าดีหรือไม่ไ
     

แชร์หน้านี้

Loading...