ทำไมช่วงนี้ พระอาจารย์หลายๆท่านมรณภาพ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย NCK2046, 11 มีนาคม 2008.

  1. NCK2046

    NCK2046 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    628
    ค่าพลัง:
    +3,793
    ฉันรักพุทธศาสนา ฉันจึงอ้างพทุธศาสนา

    คุณ konsakol คงไม่มีศาสนา เลยไม่มีศาสนาให้อ้างไงคะ

    เพราะฉันต้องบำเพ็ญเพื่อจะเป็นพระพุทธเจ้าสักพระองค์หนึ่ง การที่ใครมาปรามาสถาบันที่ฉันมีชีวิตเป็นเดิมพัน เกิดมานับชาติไม่ถ้วนทุกข์ยากลำบากก็เพื่อพระพุทธศาสนาที่ฉันรัก ทำไมฉันจะไม่โกรธ เพราะฉันยังไม่บรรลุก็ต้องมีโกรธเป็นธรรมดามนุษย์ แต่คนที่กล้าสอนคนอื่นให้หยุด และชนะใจตนก่อนอย่างคุณkonsakol โดยใช้ถ้อยคำว่าฉันอ้างศาสนา ฉันอยากดูน้ำหน้าเหมือนกันว่าอ่านข้อความนี้แล้วจะกลายร่างที่แท้จริงออกมาไหม

    ถ้าเก่งนักแล้วเข้ามาโต้ตอบกระทู้ฉัน คุณมันก็ไม่ต่างจากฉันเท่าไรหรอกเพราะกิเลสยังหนาเตอะเท่าภูเขา ดูตัวเองก่อนดีกว่ามั้ย
     
  2. ชนินทร

    ชนินทร พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,725
    ค่าพลัง:
    +6,384
    คุณNCKคะ ธรขออนุญาตพูดอะไรสักหน่อยนะคะ... อย่าเพิ่งนึกโกรธ นึกไม่พอใจ... ธรทำด้วยความหวังดีนะคะ...

    ไม่มีประโยชน์เลยค่ะที่คุณจะมาโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงแบบนี้...

    ธรเชื่อว่า... ทุกๆ คน (ที่อ่านกระทู้นี้) ที่เป็นสัมมาทิฐิล้วนรับทราบและร่วมอนุโมทนากับการที่คุณเคารพรักพระรัตนตรัยอย่างสุดชีวิตจิตใจค่ะ...

    แต่การที่เราปรารถนาพระโพธิญาณเพื่อเป็นบรมครู สอนคนอื่นให้พ้นจาก กิเลส ตัณหา อุปาทาน อวิชชา ความไม่รู้นั้น... ตัวเราเองต้องสอนตัวเองให้รู้จักสิ่งเหล่านี้ก่อนมิใช่หรือค่ะ...

    อย่างที่คุณบอก ว่าคุณยังไม่บรรลุธรรม ย่อมมีความโกรธอยู่นั้น... เป็นเรื่องจริง... แต่ ในเมื่อเรารู้อยู่เต็มอกว่าเราปรารถนาพระโพธิญาณ... กำลังใจของเราต้องเข้มแข็ง หนักแน่น กว่าคนอื่นๆค่ะ...

    ขันติบารมี ปัญญาบารมี เป็นสิ่งที่ต้องนำมาใช้อย่างหนักในกรณีนี้... ถ้าใช้แล้วยังไม่เข้าใจกัน ก็ต้องปล่อย วางลงเป็นอุเบกขาค่ะ... ถือว่าใครทำกรรมอย่างไรไว้ ก็ต้องได้รับกรรมนั้นเอง...

    พระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ ท่านทราบดีว่า แม้แต่พระองค์ท่านเอง ยังโปรดคนไม่ได้ทุกคนเลยค่ะ... เพราะยังไม่ถึงเวลา ถึงวาระของพวกเขา

    การที่เราจะออกมาปกป้องพระศาสนา องค์พระรัตนตรัยนั้นทำได้หลากหลายวิธีมิใช่หรือค่ะ...

    ธรว่านี่เป็นโอกาสดีของคุณเลยนะคะที่จะได้ใช้เหตุการณ์นี้เป็นบททดสอบตัวเองว่าจะผ่านการทดลองหรือไม่... ถ้าคุณผ่านได้ ก็ถือได้ว่าคุณได้เพิ่มกำลังบารมีของคุณขึ้นอีกระดับแล้วล่ะค่ะ...

    ..............................


    ส่วนคุณที่เป็นคู่กรณี (รู้สึกจะมีหลายท่านด้วยกัน)... การที่คุณ NCK เธอออกอาการขุ่นเคืองนั้น เนื่องเพราะในจิตของเธอปรารถนาดีต่อคุณทุกคนนะคะ...

    เธอเกรงจะเป็นบาปแก่พวกคุณ... เพราะการกล่าวปรามาส (หรือแม้กระทั่ง แค่พูดเล่นก็ตามเถอะค่ะ) ต่อองค์พระรัตนตรัยนั้น ผลกรรมรุนแรงมากนะคะ...

    ถึงแม้องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์พระธรรม องค์พระอริยสงฆ์ทั้งหลาย ครูบาอาจารย์ทั้งหลาย... ท่านจะไม่ได้ถือโทษโกรธเคืองอะไรต่อใครก็ตามที่กระทำการไม่เหมาะสมกับท่าน... แต่โทษของกรรม โดยตัวกรรมนั้นเองมีอยู่ค่ะ...

    เช่น การที่คุณกำลังจะตักน้ำแกงร้อนจัดๆ ซึ่งกำลังตั้งอยู่บนเตาไฟที่ร้อนระอุ โดยที่คุณไม่ทันแม้แต่จะได้เป่าให้น้ำแกงนั้นเย็นลงก่อน... แล้วพอดีมีคนมาห้าม ทัดทานคุณเอาไว้ แต่คุณไม่เชื่อแถมตวาดให้เขาไปไกลๆ... แล้วคุณก็กินน้ำแกงคำนั้นเข้าไปด้วยความสนุกสนาน... ผลก็คือ คุณปากพอง พูดก็ไม่ถนัด แถมกินอะไรไม่ได้ไปอีกเป็นหลายอาทิตย์...

    ในกรณีนี้แม้จะไม่มีใครเลยที่ถือโทษโกรธเคืองคุณ... แต่ผลของกรรม (กรรม แปลว่าการกระทำค่ะ) นั้นก็มีอยู่โดยตัวของมันเอง... นี่เป็นเรื่องทางโลก ซึ่งเป็นของหยาบที่เราเห็น เรารู้ และจับต้องได้... ยังส่งผลถึงเพียงนี้...

    แล้วการปรามาสพระรัตนตรัย ซึ่งเป็นของสูง ของประเสริฐ เป็นสิ่งที่ละเอียดอ่อนมากๆ... ในทางธรรม ผลของสิ่งที่ทำจะสะท้อนกลับมาขนาดไหนคะ...

    คุณ NCK เธอทราบถึงผลที่จะเกิดขึ้นกับพวกคุณ เธอจึงเป็นห่วงเป็นใย ออกมาเตือนพวกคุณด้วยความหวังดี ปรารถนาดีกับพวกคุณนะคะ...

    แต่ทุกคนที่ได้อ่านกระทู้นี้ก็คงทราบกันดีว่า จริงๆ แล้วพวกคุณก็ไม่ได้มีจิตเจตนาร้ายใดๆ เพียงแค่พวกคุณนึกสนุกไปชั่วครู่ชั่วยามก็เท่านั้นเอง...

    ดังนั้น... ธรอยากจะขอร้องให้ทั้งคุณNCK และคุณที่เป็นคู่กรณีกัน... เลิกแล้วต่อกันเถอะค่ะ... อโหสิกรรม และอภัย ให้แก่กันและกันเสีย... เพราะทั้งสองฝ่ายต่างก็เคารพในองค์พระรัตนตรัยเหมือนๆ กัน...

    กราบขอขมาโทษต่อองค์พระรัตนตรัยเสีย... แล้วกลับมาสมานสามัคคีกันไว้ดีกว่าไหมคะ

    ด้วยอานิสงค์ผลบุญที่ธรเคยได้สร้างไว้ดีแล้วตั้งแต่ต้นกัปต้นกัลป์ มาถึงปัจจุบันนี้ และที่จะมีต่อไปในอนาคต ตราบจนกว่าจะเข้าสู่พระนิพพาน... ขอให้กุศลผลบุญทั้งหลายเหล่านั้นมารวมตัวกัน ณ ขณะนี้ และส่งผลให้ทุกๆ ท่านเป็นสัมมาทิฐิ และเข้าใจถึงเจตนาดีของทุกๆ ฝ่าย ในครั้งนี้ และขอให้ทุกๆ ท่านได้โปรด ยอมยกโทษ อภัยโทษให้แก่กันและกันนับแต่บัดนี้เป็นต้นไปตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพาน...

    และขอให้กุศลผลบุญที่ทุกๆ ท่านมีอภัยทาน ซึ่งเป็นทานสูงสุดนี้เป็นที่ตั้ง ขอจงส่งผลให้...

    คุณ NCK บรรลุซึ่งพระโพธิญาณในอนาคตกาลตามที่ปรารถนา

    และขอให้ทุกๆ ท่าน ซึ่งเป็นคู่กรณีกัน ขอให้มีความเจริญสูงสุด ทั้งทางโลก - เรื่องส่วนตัว ครอบครัว การเรียน การงาน - และทางธรรม และขอให้เข้าสู่ที่สุดแห่งธรรมตามที่ทุกๆ ท่านปรารถนา

    และขออนุโมทนากับทุกๆ ท่าน ที่ปรารถนาดีกับทั้งสองฝ่ายด้วยค่ะ... ขอให้เจริญในธรรม และเข้าถึงที่สุดแห่งธรรมโดยฉับพลันเฉกเช่นเดียวกันด้วยเถิด
     
  3. mootojang

    mootojang Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2007
    โพสต์:
    13
    ค่าพลัง:
    +27
    เข้ามาอ่านเพราะสงสัย แต่กลายเป็นกระทู้ทะเลาะกัน
     
  4. อักขรสัญจร

    อักขรสัญจร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    4,514
    ค่าพลัง:
    +27,181
    ก็พึงสำนึกบุญคุณหลวงปู่ทุกๆองค์กลับไป
    ไม่ใช่ไปเพ่งความสนใจแต่ที่เขาทะเลาะกันจ้ะ [​IMG]
     
  5. Komodo

    Komodo หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    11,610
    กระทู้เรื่องเด่น:
    145
    ค่าพลัง:
    +104,605
    เอ๋ครับ ใจเย็นนิดนึง

    คำพูดนี้น่าเป็นห่วงนะครับ เกรงว่าจะกลายเป็น "มิจฉาทิฎฐิ" ไป

    การปรารถนาที่จะ "เป็น" นั้น "ทำได้" แต่อย่าเพิ่งคิดว่าจะ "ได้เป็น" นะครับ
    อันตรายมากๆในการเจริญ "สติ" ควบคู่ไปกับ "โมหะ"

    อ่านหลายคำตอบแล้ว ไม่คิดว่า เอ๋ จะโมโหขนาดนี้ วางกำลังใจให้ถูกนะครับ
    บางอย่างอย่าให้ "ตึง" เกินไป บางอย่างอย่าให้ "หย่อน" เกินไป

    มีศัตรูเพียง 1 คน ก็ถือว่าอันตรายกับเราแล้วนะครับ

    เรียนรู้ที่จะ "อภัยทาน" ให้ซึ่งกันและกันนะครับ เรายังต้องเกิดมาเจอกันอีกนาน มีมิตร 1 คน ดีกว่าสร้างศัตรู 1 คนนะครับ

    จริงๆไม่อยากพูดมากเท่าไหร่ เด๋วจะทำให้เคือง แต่เพราะรู้จักกัน ก็เลยต้อง "เสี่ยง" ที่จะเตือน หากข้อความใดทำให้ไม่สบายใจก็ต้องกราบขออภัยด้วยนะครับ

    ขออนุโมทนา และขอให้ทุกฝ่ายยุติเรื่องนี้และให้อภัยซึ่งกันและกันครับ
     
  6. สักการะ

    สักการะ ชิวิตดั่งอาทิตย์อัศดง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    4,915
    ค่าพลัง:
    +5,742
    เข้ามาดูตามหัวข้อกระทู้ครับ เพราะอยากจะเขียนเรื่องที่ได้ทราบมาจากหนังสือเล่มหนึ่งของ คุณ ภันธกานต์ แต่ว่า...... เนื้อในกระทู้ไม่ตรงกับหัวข้อกระทู้แล้ว ขออนุญาตผ่านไปครับ .....
     
  7. kanalove

    kanalove เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    221
    ค่าพลัง:
    +386
    อย่าทะเลาะกันเลยคะ แล้วก็อย่าด่ากันแรงเกินไปด้วยนะคะ มันหม่นหมองทั้งใจผู้รับและผู้พูดคะ

    ส่วนเรื่องที่พระอาจารย์ที่เป็นที่เคารพรักของผู้คนทั้งหลาย พากันละสังขารไปหลายองค์แล้ว เราเคยได้ยินจากสายของหลวงพ่อฤาษีว่า
    ที่พระอริยะเจ้าพากันละสังขารน่ะ เพราะบุญจากการละสังขารของท่านจะคืนสู่โลก... เพื่อเลื่อนให้ภัยพิบัติออกไป!!

    ได้ยินมาอย่างนี้นะคะ * *... แล้วก็ หากพูดอะไรผิดล่ะก็ อย่าด่าเรานะ เห็นว่ากันจังเลย แต่ยังไงก็ตาม ของสูงต้องพูดระวังคะ ของสูงมากๆยิ่งต้องระวังมาก * * นะคะ
     
  8. สักการะ

    สักการะ ชิวิตดั่งอาทิตย์อัศดง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    4,915
    ค่าพลัง:
    +5,742
    ที่คุณ kanalove เขียนมาตรงกันกับที่ผมได้รับทราบมาจากหนังสือของ คุณ ภันธกานต์ ครับ ที่ผมได้ทราบมาก็คือ หลวงปู่สรวง ท่านละสังขารคืนสู่แผ่นดินก็เพื่อช่วยเหลือผู้คนที่จะต้องล้มตายจากการเกิดภัยพิบัติเป็นจำนวนนับแสนๆ ชีวิต ซึ่งถือเป็นความกรุณาอย่างหาที่สุดไม่ได้ เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้คนได้มีโอกาสได้ทำความดีเพื่อช่วยให้โลกคงอยู่ต่อไปได้ แต่ก็ไม่รู้ว่าสิ่งที่ท่านได้ทำ จะช่วยได้มากน้อยแค่ไหน เพราะผมก็ยังคงเห็นผู้คนทำชั่วกันเป็นปกติ
     
  9. Tossaporn K.

    Tossaporn K. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,565
    ค่าพลัง:
    +7,747
    จะช่วยได้มากน้อยแค่ไหน เพราะผมก็ยังคงเห็นผู้คนทำชั่วกันเป็นปกติ

    ผู้คนที่มาเกิดบนโลกในยุคนี้มีประมาณมากกว่า 50% ที่มาจากนรกภูมิโดยมีโทษกรรมเบาบางลงมากแล้วถูกส่งให้มาแก้ไขปรับปรุงตัวเองเสียใหม่เป็นครั้งสุดท้ายหากแก้ไขปรับปรุงตัวเองไม่ได้ก็ต้องลงไปอยู่ในนรกภูมิอีกยาว 80,000 ปีเป็นอย่างน้อย อย่างมากก็ราวๆ 160,000 ปี ถึงจะมีโอกาสแก้ตัวกลับมาเกิดใหม่ได้ คนที่พ้นโทษจากนรกที่มาเกิดเหล่าส่วนใหญ่มักจะยังติดอุปนิสัยเดิมๆคือโหดอำมหิตเห็นแก่ได้ ไม่เชื่อในกฏแห่งกรรม ไม่เชื่อในคำสอนของพระพุทธองค์ ไม่เชื่อในศีลธรรมและคุณธรรม ทำให้ยังมีปรากฏการเข่นฆ่ากันอยู่ทุกวัน หลายคนที่มานรกเหล่านี้ยังมีความแค้นพยาบาทตามมาทวงหนี้กรรมเอาคืนคือมาเอาชีวิตลูกหนี้ที่เคยติดค้างไว้ในอดีตชาติ ซึ่งผู้คุมกฏแห่งกรรมก็อนุญาติให้ทวงหนี้กรรมคืนได้เป็นการชำระกรรมครั้งสุดท้ายก่อนจะเข้ายุคใหม่ยุคจักรทองของพระธรรมมิกราชา ดวงจิตใครสามารถอโหสิกรรมให้ลูกหนี้ได้หมดและเรียนรู้กรรมของตัวเองได้หมดก็จะประสพผลสำเร็จแห่งการเกิดใหม่ในยุคจักรทองที่จะมาถึงนี้ได้

    ส่วนอีกเกือบ 50 % ที่เหลือ ก็จะมาจากภพภูมิต่างๆที่ไม่ใช่จากนรกภูมิ

    ไม่แปลกที่หลังจากภัยพิบัติเกิดแล้วจะเหลือผู้รอดเพียง 30 - 40 % เท่านั้น
     
  10. angkoonrat

    angkoonrat สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2008
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +6
    เท่าที่เคยได้ยินครูบาอาจารย์ท่านเคยบอก ท่านบอกว่าเมื่อใดที่พระอริยะเจ้าทั้งหลายละร่างกันมากๆ แสดงว่ากำลังของฝ่ายตรงข้ามหนักหนามาก ต้องไปรวมพลังกับท่านผู้มีพระคุณทั้งหลายข้างบนเพื่อช่วยขจัดปัดเป่าภยันตรายต่างๆที่จะเกิดกับลูกหลานของท่าน การเป็นส่วนทิพย์ย่อมมีภาวะที่คล่องตัวกว่าการมีขันธ์ 5
     

แชร์หน้านี้

Loading...