เหรียญบิน หลวงพ่อทรง - แพโบสถ์น้ำ หลวงตา (เล็ก) น. ๑๒๖๕

ขั้นตอนการเตรียมการ ( การปลุกเสกทองชนวนครั้งที่ ๑ )

เป็นเวลาร่วมปีกว่าที่คณะศิษย์ (ร.ท. สันติ ศรีงาม) ได้อาราธนาหลวงปู่พระครู บุญศรีอินฺทวณฺโณ ได้โปรดเมตตาลงยันต์และอักขระลงบนแผ่นทองแดงอย่างดีขนาด ประมาณ ๕ นิ้ว คูณ ๕ นิ้ว โดยหลวงปู่พระครู บุญศรีอินฺทวณฺโณ ได้มีเมตตาลงอักขระด้วยตัวท่านเองทุกๆแผ่นแทบจะทุกเสาร์ ครั้งละ ๓, ๕, ๗ หรือ ๑๐ แผ่นแล้วแต่โอกาสอำนวย ร.ท.สันติ ศรีงามได้สะสมแผ่นยันต์เหล่านี้เพื่อไว้หล่อพระ จนครบดังรายการต่อไปนี้





๑) แผ่นยันต์ครู นะหน้าทอง จำนวน ๑๔ แผ่น
๒) แผ่นยันต์ พระไตรปิฏก ( มะ อะ อุ ) ยันต์ประจำตัวหลวงปู่ จำนวน ๑๐๘ แผ่น ในด้านหลังแผ่นยันต์แต่ละแผ่น หลวงปู่ได้มีเมตตา เรียกสูตรลงอักขระ หัวใจคาถา ๑๐๘ เพื่อเพิ่มเติมสรรพคุณแก่ พระประธาน, พระบูชาจำลอง ๙ นิ้ว และพระกริ่ง พระชัยวัฒน์ รุ่น๑ แพโบถส์น้ำ ให้ครบทุกๆด้าน ดังรายการต่อไปนี้

1. สํวิธาปุกยป หัวใจ พระธรรม 7 คัมภีร์ 2. ทีมสํอํขุ หัวใจพระสูตร
3. อาปามจุป หัวใจ พระวินัย 4. วิรสติ หัวใจ วิปัสสนา
5. อุทาสติ หัวใจ พระรัตนคุณ 6. อรหํ หัวใจ พระยอดนิพพาน
7. มิติยาโน หัวใจ แก้ว 8 ประการ 8. พุทฺธิจติ หัวใจ นิพพานสูตร
9. เสพุสฺสเวตํอเส หัวใจ เสฎฐัน 10. ทุสมนิ หัวใจ ปถมง
11. พุทฺธสํมิ หัวใจ ไตรสรณาคมน์ 12. อิกวิติ หัวใจ อิติปิโส
13. จิปิเสคิ หัวใจ ปฏิสังขาโย 14. จิเจรุนิ หัวใจ ปรมัตถ (กุสลา)
15. สตอุเอ หัวใจ นะโม 16. สหชาตรี หัวใจ ตรีนิสิงเห
17. ยนิรตฺตนํ หัวใจ ยานี 18. จภกส หัวใจ กรณี
19. นมจ หัวใจ สนธิ 20. นมกย หัวใจ กุศล
21. นสมิเห หัวใจ สัคเค 22. กเมถ หัวใจ การก
23. สทสํน หัวใจ พระอิติปารมี 24. ทุสนิม หัวใจ อริยสัจ
25. สรณม หัวใจ สรณาคมน์ 26. จสิจมิ หัวใจ ฆเตสิก
27. มออุ หัวใจ พระไตรปิฏก (ตรีเพชร) 28.อิมทิตกรสุ หัวใจ มงกุฏพระเจ้า
29. สิริสโต หัวใจ สมาส 30.สิวากุทฺธ หัวใจ นิทาน
31. สขิสปิ หัวใจ วิปัสสิ 32. นหิโสตํ หัวใจ ยโตหัง
33. พามานาอุกสนทุ หัวใจ พาหุง 34.ทุสนโส หัวใจ ธรรมบท(เปรต)
35. กจยส หัวใจ ทิพยมนต์ 36. สิวํพุทธํ หัวใจ พระนิพพาน
37. นกรํน หัวใจ แก้ว 3 ประการ 38. สทปโต หัวใจ สัมพุธเธ
39. สธวิปิปสอุ หัวใจ สัมโพชฌงค์ 40. กาลกญฺชามหาภิสฺมา หัวใจ สมัย
41. ผเวสัจเจเอหิ หัวใจ บารมี 30 ทัศ 42. ปนปเญ หัวใจ บุคคลบัญญัติ
43. นการตฺถี หัวใจ ตะปะ 44. กรสติ หัวใจ จังงัง
45. อหํนุกา หัวใจ อิทธิฤทธิ์ 46. อหนฺติโก หัวใจ แคล้วคลาด
47. ถกจนา หัวใจ คิริมานนท์ 48. สยสปุยอป หัวใจ เจ็ตตำนาน
49. นรติ หัวใจ บุคคล 50. ภยนย หัวใจ ภาณยักษ์
51. นชาลิติ หัวใจ พระฉิมพลี 52. พุโมยโวนโร หัวใจ พุทธคุณ
53. นโมพุทธายะ หัวใจ พระเจ้า 5 พระองค์ 54. อิสวาสุ หัวใจ แก้ว 3 ประการ
55. ภควา หัวใจ พระ 56. ปภก หัวใจ พระศรีสากยมุนี
57. ปรกธ หัวใจ พระกัสสป 58. นมกต หัวใจ พระโกนาคมน์
59. สรตน หัวใจ พระเวสสันดร 60. นปกต หัวใจ พระเตมีย์
61. ปพยห หัวใจ พระมหาชนก 62. นปสอิ หัวใจ พระวิธูร
63. อวสทฺท หัวใจ พระสุวรรณสาม 64. ปสนวา หัวใจ พระโพธิสัตว์
65. ปสิมิวา หัวใจ พระภูริทัต 66. พลยฺย หัวใจ พระมาลัย
67. ปสอุอ หัวใจ พระมโหสถ 68. นรวาร หัวใจ พระศรีอาริย์
69. กูมฺมิภูมฺมิ หัวใจ พระภูมิ 70. นรกาลํ หัวใจ คน
71. จิตฺตํปุริโส หัวใจ ชาย 72. จิตฺตฺภิกขิรินิเม หัวใจ หญิง
73. นุภาวโต หัวใจ พญามาร 74. สุนโมโล หัวใจ ขุนแผน
75. อิสิวิร หัวใจ พระยาร้อยเอ็ด 76. กนฺหเนห หัวใจ โจร
77. อลวิ หัวใจ พระยามิลินท์ 78. โลรโทรํ หัวใจ คนพาล
79. สอนกโต หัวใจ พระอิศวร 80. วาลกโต หัวใจ พระพาย
81. ยตมอ หัวใจ หนุมาณ 82. ยุวาพวา หัวใจ ลิงลม
83. กาลถานู หัวใจ นกกาสัก 84. ยนฺตนุภา หัวใจ พาลี
85. พหวารา หัวใจ องคต 86. ตปฺปสิยํ หัวใจ งู ยุง
87. กิกุกุ หัวใจ พญาไก่ 88. อหิสปฺโป หัวใจ งู
89. องส หัวใจ พญานาค 90. อนฺตภาโว หัวใจ สัตว์
91. หนฺตนุตา หัวใจ กากี 92. โลกวิทู หัวใจ โลกทั้ง 3
93. กขมนิ หัวใจ อาวุธ 94. กขชน หัวใจ คงคาเดือด
95. สุกฺขโย หัวใจ พญาม้า 96. เตชสติ หัวใจ ไฟ
97. ลมออุ หัวใจ ตรีเพท 98. เมกมุอุ หัวใจ แม่พระธรณี
99. ภูตากํเก หัวใจ เกราะเพชร 100. วายุลภ หัวใจ ลม
101. ปถวิยํ หัวใจ แผ่นดิน 102. ฉนฉญา หัวใจ ข้าวเปลือก
103.นุภานุเว หัวใจ ธนู 104. อินวํ หัวใจ ก.ข.
105. ปสิส หัวใจ อาวุธพระเจ้า 106. วิเนสนฺติ หัวใจ คาบ
107. อนิขนิ หัวใจ อายันตุโภนโต 108. นหิโสตํ หัวใจ ยโตหัง
๓) นอกจากนี้ยังมีแผ่นยันต์เพิ่มเติมดังต่อไปนี้
๓.๑) แผ่นยันต์ทองแดง ๔ แผ่น ลง นะชาลีติ หัวใจพระสิวลี เพื่อเน้นทางด้านโชคลาภและโภคทรัพย์
๓.๒) แผ่นยันต์ทองแดง ๔ แผ่น ลง อุอากะสะ หัวใจเศรษฐี เพื่อเน้นทางด้านโชคลาภและโภคทรัพย์
๓.๓) แผ่นยันต์ทองแดงลง พระไตรปิฏก ( มะอะอุ ) อีกจำนวน ๑๐ แผ่น

๓.๔) แผ่นยันต์ทองแดงของ ท่านอาจารย์พระพิสาลพัฒนาทร ( ถาวร จิตตถาวโร ) วัดสระปทุม จำนวน ๓ แผ่น
๓.๕) แผ่นยันต์ พระไตรปิฏก ( มะอะอุ ) เงินแท้ จำนวน ๔ แผ่น

ยังมีต่อ

 

ต่อ พระชุดแพโบสถ์น้ำ

ตกลง เรื่องมวลสาร โลหะ ยังไม่หมด แต่ตั้งแต่ตั้งใจว่าจะหล่อพระ ผมก็เอาแผ่นทองแดงให้ท่านจารเก็บไว้ ตามแต่โอกาศจะอำนวย ตามเวลาที่ท่านมีว่าง แล้วเอาเสกซ้ำ ตกลงพวกชุดแผ่นแรกๆน่ะ เสกมาเป็นปี เอาว่านับทุกอาทิตย์ พวกแผ่นแรกๆก็จะเสก กว่า ห้าสิบครั้งทับกันขึ้นไป และกว่าจะจบขบวนการ ที่ผมจะเล่าต้องไป กว่าจะเสกครั้งสุดท้าย หลวงปู่จะเสกเดี่ยวเป็น ร้อยครั้งขึ้นไปแน่นอน ตามสไตล์สร้างพระของผม เสกทีสองทีไม่มี เพราะไม่จุใจ ต้องเสกจนไม่เข้าค่อยเลิกกัน และว่ากันเป็นเดอนๆ หรือ ปีๆ ขึ้นไป ค่อยเอามาแจกกัน ใส่แล้วเงียบนี่ เลิกคุยกันได้

ผมขอท่านลงพวกหัวใจ ๑๐๘ ซ้ำ เรียกว่า เอาตำรามากางขอท่านลง เป็นการลงซ้ำ ด้านหลังแผ่นทองแดง จำไม่ได้หรอกว่าแผ่นไหน ลงอะไร และเมื่อหลวงป่ลงหัวใจอะไร ของจะเป็นแบบนั้นครับ รับรองว่าถึงตัวถึงตน ลูกศิษย์รู้กันดี พวกหัวใจที่ท่านหวงๆ ไม่ค่อยอยากลงให้ก็มี พวก หัวใจขุนแผน คงกลัวลูกศิษย์จะเป็นขุนแผน ...เหอๆ



ผมพอเอาให้ท่านลง ๑๐๘ จะครบเลยอยากได้ไว้เป็นส่วนตัวบ้าง เลยเอาแผ่นตะกรุด ๑๐๘ เก่า ทางเหนือ ที่ชำรุด มากางแผ่ใหม่ของหลวงปู่ ลงหัวใจให้ ลงอยู่นาน กว่าจะครบ ๑๐๘ หัวใจ แล้วผมเอา ไปใส่หลอดเงิน ทำสายตะกรุด ๑๐๘ ตะกรุด ๑๐๘ นี้น่าจะมีที่ผม ซึ่งเป็นของที่ท่านลง คงมีเส้นเดียว ตะกรุดสายนี้ เสกหลายครั้งและ เอาไปเสกบนแพโบถส์น้ำด้วย นอกจากนั้น ในพระส่วนของผมและ เครื่องรางของขลังรวมตะกรุดนี้ ผมก็ยกไปให้ท่านเสกซ้ำ ทุกอาทิตย์ต่อมา รวมๆแล้วน่าเกินกว่า ร้อยครั้ง ไปจนถึง สองร้อยกว่าครั้ง จนตามที่เคยเล่า ครั้งสุดท้าย ท่านเสกแล้วชี้มาที่ลังเหล็กของผม แล้วว่า มันเยอะแล้วน่ะ ผมก็ทราบทันทีว่า เยอะแล้ว ไม่เข้าแล้ว เลยไม่เอาไปอีก และอีกต่อมาไม่นานท่านก็เริ่มป่วย และล่ะสังขาร

ตะกรุดนี้ ผมพอจำได้ว่า ท่านบอกว่าลูกสะกดต้องมี สี่ลูก ข้างล่ะสอง เป็นเคล็ด ผมเลยให้ช่างกลึงมา เป็น งาสองลูก และ พญางิ้วดำสองลูก ขาวกับดำ หยินและ หยาง เอามาของหลวงปู่ลง และให้ช่างพยุหะร้อยให้ แต่ตั้งใจว่าจะเอาไปทำเข็มขัดเงิน เอาเงินเส้นมาร้อย แต่ ว่าจะ ว่าจะ ยังไม่ได้ทำสักที ตะกรุดนี้ผมแทบไม่เคยใช้ แต่เอาห้อยไว้ที่เสาเอกภายในบ้านครับ เพราะคิดว่าเป็นของสุดยอดของหลวงปู่อย่างหนึ่ง ลงมา ๑๐๘ อย่าง เสกมา เกิน ๑๐๘ ครั้ง เอาไว้คุ้มบ้านน่ะครับ และหลับสบายมาตลอดครับ แต่ผมเคยขโมยขึ้นบ้านทีหนึ่งน่ะครับ

จะเล่าให้ฟังตอนภาค หลวงปู่ลงหิน ฝังสี่ทิศครับ...แหะๆ เรื่องนี้มันยาว

 

ต่อ

มวลสารนี้ผมว่า และถ่ายรูปเฉพาะของที่ผมเกี่ยวข้องน่ะครับ ยังมีอีกเพียบที่เขาทำกันมาเช่น

โลหะ นวโลหะของอาจารย์อนันต์ แท่งใหญ่ ไม่ได้ ถ่ายรูปไว้ เพราะท่านเอามาวันงานพอดี ยุ่งเลยไม่ได้ถ่าย

พวกแผ่นโลหะลงยันต์ ชินบัญชรของเสี่ย ธ เขาลงเองหลวงปู่เสกให้ นอกนั้นยังมีตะกรุดเก่าๆอีกเพียบ มาจากหลายท่าน ไม่ทันได้ถ่ายรูป เป็นเหรียญพระเก่าๆ ห่วงเก่าๆ เหรียญเงิน พวกขันโตก ชาวบ้านเอามา ว่ากันเพียบ เดี่ยวผมจะค่อยๆบรรยายไปน่ะครับ

ส่วนทองคำ จะเล่าทีหลัง มีหลักฐานด้วย ไม่มั่วนิ่มมาขายของ...แหะๆ มีคนถ่ายรูปมาหลายคน อยากจะบอกว่า ทองคำก็เพียบ ต่างคนต่างเอามากันครับ

 

ต่อ พระชุดแพโบสถ์น้ำ

การปลุกเสกทองชนวนครั้งที่ ๒

รายการ ๑ , ๒ และ ๓ รวมน้ำหนักทองแดงและเงินอย่างดีหนักประมาณ ๕ กิโล และคณะศิษย์ ได้รวบรวมแผ่นยันต์ทั้งหมดห่อผ้าขาว แล้วหลวงปู่อนุญาตให้วางไว้ที่ๆหลวงปู่จำวัด แล้วคณะศิษย์ได้อาราธนาพระเดชพระคุณหลวงปู่ได้โปรดมีเมตตาปลุกเสกแผ่นยันต์ชนวนเป็นกรณีพิเศษอย่างเต็มที่ ทุกวัน เป็นเวลาร่วม ๒ เดือน (จากปลายเดือน มกราคม ถึง ๒๐ มีนาคม ๒๕๔๑ )





ข้อความข้างบนเขียนไว้ สิบกว่าปีแล้วน่ะครับ ต้องเอาลงทีล่ะช่วง เพราะโหลดรูปทีล่ะ หลายๆรูปในแต่ล่ะ ความเห็นไม่ได้ ผู้ชายรูปหล่อๆ มาด เท่ห์ๆ หน้าเหมือนญี่ปุ่นหรือตี๋ๆ ที่นั่งข้างหลวงปู่ และยืนถือตะกร้าแผ่นยันต์ ใส่ขาสั้น ในชุดทำงานแบบชุดตีกอล์ฟ คือ ผู้เขียนเองครับ...แหะๆ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ถ่ายไว้แบบนี้ก็ โชว์กันแบบนี้ ส่วนท่านอื่น เป็นศิษย์ของหลวงปู่พวกขาประจำ โดยเฉพาะคนตัวดำๆที่นั่งใส่เสื้อแขนยาว ลายสก็อต คือ สารวัตร อารยา คนนี้เป็นศิษย์คนโปรด ของ ของแม่ชีประทุม และ หลวงปู่พระครูบุญศรี และถ้าท่านเป็นศิษย์วัดท่าซุงรุ่นเก่าๆที่เกิดทันโตทัน พระเดชพระคุณ ท่านผู้มีบุญวัดท่าซุง ถ้าเห็นรูปถ่ายวันงานรุ่นเก่าๆ จะเห็นตำรวจคนหนึ่งแต่งเครื่องแบบยืนอยู่ด้านหลังๆ หลวงพ่อวัดท่าซุง คือบุรุษผู้นี้เอง ตกลงท่านผู้นี้มีอาจารย์ดี ถึงสามท่าน ( ไม่รวมพระที่ไปหา ขอของดี ) คือ หลวงพ่อวัดท่าซุง คุณแม่ประทุม และ หลวงปู่พระครูบุญศรีเป็นท่านสุดท้าย มีของหลวงพ่อวัดท่าซุง ของคุณแม่ชี และของหลวงปู่เพียบ...แหะๆ





ผมยังได้ สมเด็จองค์ปฐมรุ่นสอง รุ่นฐานมีรู ที่สารวัตรได้มากับมือหลวงพ่อวัดท่าซุง แล้วให้ผมมา ของที่ได้กับมือ หลวงพ่อวัดท่าซุง ท่านจะอธิษฐานซ้ำให้อีกทีตอนให้ แล้วแต่คนๆไป แล้วแต่วาระจิตของท่านที่จะอธิษฐานแบบไหนจะมีอะไร แถมมามากกว่า ชุดที่จำหน่าย รูปบนคือ สมเด็จองค์ปฐม ที่ได้มาจากมือ ท่านวัดท่าซุง แล้ว สารวัตรอารยากัดฟัน ให้ผมมาต่อ...แหะๆ ผมเอาไปเลี่ยมทองฝังเพชรไว้ ไม่เคยใส่ แต่เอาใส่มือพระประธานที่บ้านไว้ กราบไหว้ทุกวันครับ

เรื่องการปลุกเสก ผมย้ำกันหลายทีแล้วว่า ถ้าเป็นของที่ผมทำจะมีการนำไปปลุกเสกหลายครั้ง เป็นร้อยๆครั้งขึ้นไป มูลเหตุเพราะผมชอบเรื่องนี้...แหะๆ และหลวงปู่ท่านก็เมตตาเสกของให้น่ะครับ ท่านเก่งมากด้านนี้ ถ้าท่านไปอ่านประวัติหลวงพ่อจง หลวงปู่โต้ะให้ดี จะเห็นว่าสองท่านนี้ ไม่ค่อยเทศ แต่ถ้าเป็นงาน ปลุกเสก หรือ พุทธาภิเศก จะไม่ค่อยพลาด คิวนิมนต์ยาวเหยียดข้ามเดือน สาเหตุ เพราะท่านเป็นพระที่ได้ ญาณสมาบัติและมีมากกว่านั้น มีความเชี่ยวชาญในด้านนี้ ยิ่งหลวงพ่อจงท่านเป่าทีเดียว ใช้ได้ดีจริงๆ ไม่ได้โม้

ผมเคยอ่านหนังสือเล่มหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับ หลวงพ่อจำเนียร วัดถ้ำเสือ พระองค์นี้ท่านดังทางใต้น่ะครับ ดังในแดนคนดุๆมานานแล้วตั้งแต่ผมยังเด็กๆทีเดียว สมัยยังเป็นพระหนุ่มๆ น่ะ ถูกลองมาเพียบ ท่านเคยเล่าให้ฟังว่าในตอนเรียนวิชา มีอาจารย์หลายท่าน ท่านหนึ่งที่ทันได้ไปเรียนคือ หลวงพ่อจงวัดหน้าต่างนอก พอจำได้ลางๆว่า ท่านไปขอเรียนการปลุกเสกพระและเครื่องราง จากหลวงพ่อจง หลวงพ่อจงท่านก็สอนให้

หลักๆคือ อันนี้ผมว่าตามที่จำน่ะครับ รายละเอียด และวิธีน่ะ ผมไม่ทราบหรอก เพราะทำไม่เป็น...แหะๆ หลวงพ่อจงท่านสอนว่า ให้กำหนดจิต เข้าไปที่โลกุตตระญาณ พระที่กำหนดจิตแบบนี้ได้ นอกจากจะได้ญาณสมาบัติ ตามแนว สมถะถึงญาณ สี่ แล้วจะต้องสำเร็จภูมิธรรม ขั้นใดขั้นหนึ่งในพระศาสนา เป็นกำลังญาณของพระอริยบุคคล สำเร็จขั้นไหน เข้าขั้นนั้น เป็นพระโสดาบัน ก็ใช้กำลังพระโสดาบัน เป็นสกิทาคามี พระอนาคามี พระอรหันต์ หรือ พระโพธิสัตว์ ก็ใช้กำลังนั้น มาอธิษฐาน เมื่อเข้าเต็มกำลังจากญาญสมาบัติของด้านสมถะแล้ว เหมือนเปิดขุมพลังนั้นออก พร้อมกำหนดกับเชิญ ครูบาอาจารย์ เทพเทวดาทุกชั้นฟ้าเสร็จสรรพ ก็อธิษฐานจิตไปตามที่ปราถนา แผ่ไปที่วัตถุมงคลเอา ด้านใด หรือ รวมไปเลยครอบจักรวาล ทั้งรูปพระและนานา ( เครื่องราง ) ที่เล่ามาหลายบรรทัด แต่กับพระระดับนี้ จิตท่านละเอียดยิบมาก กำลังสติกล้าแข็ง แจ่มใส ท่านรู้รอบ ( ปะริญญายันติ ) จะเกิดกับท่าน ชั่วเสี้ยววินาที จิตเร็วกว่า แสง เร็วกว่างูแลบลิ้น ช้างกระดิกหู แล้วเป่าพ้วงไปที่กองวัตถุมงคล ...ใช้ได้เต็มยิ่งกว่าพระที่ใช้กำลังญาณสมาบัติธรรมดา เสกเป็นปี หลวงพ่อจำเนียรพอท่านรู้เคล็ดก็ใช้ วิธีนี้มาปลุกเสกของๆท่าน และดังมีชื่อเสียงมานาน

จะเห็นได้ว่า ถ้าจิตถึง มีบารมีแล้ว ของชิ้นนั้นจะเป็นอะไรกได้ ก้อนหินก็ยังได้ ไม่ขึ้นกับรูปแบบมวลสารใดๆ แต่อยู่ที่จิตอย่างเดียวจริงๆ ให้อธิษฐานไปตามรูปแบบวัตถุมงคลที่เหมาะสมเท่านั้น และระดับหลวงปู่บุญศรี ผมก็ไม่ทราบว่าท่านขั้นใด แต่ท่านเสกของน่ะแป็ปเดียว หยิบส่งก็ได้แล้ว พระและเครื่องรางปกติ ที่ทำแจกกันก็เสกแบบนี้ มีอภินิหาร ตลอดมา

แต่ในครั้งหนึ่งผมเอาของไปให้ท่านเสกจำไม่ได้ว่าอะไรแต่เป็นพระเครื่อง ท่านยุ่งอยู่เนื่องจากแขกเยอะ แล้วทำให้แป็ปเดียว ผมยังไม่จุใจ พอคนว่างๆผมไปตื้อ ให้ท่านเสกอีก ท่านก็ทำให้อย่างดี อย่างดีนี้ ห้า หรือ สิบนาที เต็มแล้ว มีดอกไม้ ธูปเทียนบูชาอีกหน่อย เอาสายสิญญ์วง ผมเลยกราบเรียนถามท่าน ว่าหลวงปู่เสกแล้ว เอามาเสกซ้ำ ได้ไหมครับ ท่านบอกเลยว่า เสก หลายครั้งดี ผมเลยได้โอกาศ ถือเป็นคำอนุญาต ของๆผมเลยเอาไปเสกซ้ำเรื่อยๆ ท่านก็เมตตาทำให้ ผมมีลังเหล็กสองลัง ผ้าขาวหนึ่งผืน ไปครั้งใด จะเอา ลังวางข้างหลวงปู่ เอาผ้าขาวปู แล้วเอาลังวาง เอาผ้าขาวห่อ เป็นที่รู้กัน พอใครเอาของมาให้ท่านเสก ท่านก็เสกของผมรวมไปเลย เสกซ้ำให้ และบอกตามตรงผมนับครั้งไม่ได้ เพราะไม่ได้จำครับ บางวันแค่วันเดียวกัน เสก สองครั้งก็มี แต่รวมๆแล้วหลายร้อยครั้งขึ้นไปแน่อน จนท่านล่ะสังขาร และผมไม่ได้แบกไปให้ใครเสกเอีก นอกจากครั้งเดียวที่บ้านท่านอาจารย์อนันต์มีงาน นิมนต์ หลวงปู่พรหมมา มาที่บ้าน ท่านอาจารย์อนันต์ เลยบอกเอาของมาปลุกเสก ได้ ผมเลย เอาลังเหล็กเจ้าเก่า มีพระกริ่ง พระชัย และ ของส่วนตัวชุดเดิม ผมไปซ้ำ จำได้มีแค่ครั้งนั้นครั้งเดียว

 

รูปนี้พอมาดูแล้วนั่งนึก นานแล้วจำไม่ได้ สงสัยว่าถ่ายรูปกันเยอะ และอย่างที่บอก หลวงปู่ท่านเป็นคนขี้อาย เลยเดินหนีขึ้นกุฏิไป ภาพจับได้ไว้พอดี เป็นหลักฐาน...แหะๆ

 

ต่อ พระชุดแพโบสถ์น้ำ



ลังเหล็กและผ้าขาว

ตามเนื้อเรื่อง ที่ผมเล่ามา ผมจะแบกของขึ้นไปหาหลวงปู่ทุกครั้ง และจะขอท่านเสกให้ทุกครั้ง ของที่ใส่มีหลายอย่าง หนักเป็นสิบกิโลแน่อน แต่เนื่องจากเป็นกล่องเครื่องมือช่างบรรจุเครื่องมือช่าว ทำมาจากเมืองนอก USA จะเเข็งแรงมาก บรรจุพวกพระเครื่องและ เครื่องรางสบายๆ พอไปถึงผมก็เอาผ้าขาวปู เอาลังวางแล้วห่อผ้าขาวคลุมไว้ ขอให้หลวงปู่เสกให้ จะทำทุกครั้งและท่านก็เมตตาทุกครั้ง ยกเว้นท่านป่วย หรือ ไม่ค่อยสบายจะงด ซึ่งมีน้อยมาก หลวงปู่แทบไม่เคยป่วยเลยครับ ท่านแข็งแรงมาก

ตอนนั้นผมน่าจะยังแข็งแรงอยู่ พอยกลังขึ้นทีล่ะสองลัง บางที หลวงปู่ท่านจะแซวว่า แข็งแรงน่ะ ก็ไม่ทราบว่าชม หรือ ประชด เพราะขยันหาของมาให้เสกซ้ำกันอยู่เรื่อง แต่ท่านไม่เคยปฏิเสธกิเลสอันหนาแน่น ขอผมทางด้านนี้

ตกลง เจ้าลังสองใบและผ้าขาวนี่ก็ผ่านการเสกมาด้วย ต้องหลายร้อยครั้งขึ้นไปและไปหลายงาน บางงานไปฝากเขาเช่น งานของหลวงพ่ออั้บ ก็ลังใบนี้นี่แหละ

กะว่าจะเอาลังเหล็กไปหลอมทำพระก็น่าจะทำได้น่ะครับ ส่วนผ้าขาวน่ะ ก็หลายงาน วันไหนว่างผมก็ขอให้หลวงปู่ท่านเขียนให้ ก่ะจะเอาให้เต็มผืน แต่ลืมบาง ไม่ว่างบ้าง จนหลวงปู่ท่านล่ะสังขาร ก็ได้มาหลายตัวเหมือนกัน ที่โชว์ให้เห็นเพียงหน้าเดียว ที่หลวงปู่ท่านเขียนให้ สารวัตรอารยาเคยเห็นจะเอาไปฉีกแบ่งกันทำผ้ายันต์ ผมรีบเก็บทันที บอกแกว่าลืมไปได้เลย...แหะๆ

ที่เอามาโชว์จะยืนยันว่า ผมนำของไปเสกซ้ำกันหลายทีจริง โดยเฉพาะพระกริ่งและพระชัยในส่วนของผม มีอุปกรณ์พร้อมไปเสก เสกจนจำไม่ได้ว่ากี่ที แต่จำได้ว่าเป็นปีๆขึ้นไปแน่นอน ถ้าไม่ขลังก็ ไม่มีอะไรพูดแล้วครับ

 

๔) ทองคำที่คณะศิษย์บริจาค ทั้งที่บริจาคที่หลวงปู่โดยตรง (หลวงปู่ซื้อทองคำมาเองประมาณ ๒ บาทเพื่อสำหรับงานหล่อพระ ) และที่ได้รับบริจาคในงาน รวมทั้งหมดประมาณ ๖๐ - ๗๐ บาท เป็นต้นว่าแผ่นทองคำ สายสร้อย สร้อยข้อมือ ตุ้มหู แหวน กำไล และอื่นๆ ไม่สามารถคำนวนน้ำหนักได้แน่นอนเพราะมีบางส่วนได้นำมาถวายหลวงปู่ก่อนหย่อนลงเบ้าเป็นเวลาไม่นาน นอกจากนั้นยังมีผู้หย่อนทองคำลงเบ้าด้วยตัวเองทั้งก่อนและหลังจากเริ่มพิธีเททอง คะเนว่าน้ำหนักทองทั้งหมด ไม่ต่ำกว่า ๑ กิโลกรัม นอกจากนั้นยังมีแหวนและสร้อยข้อมือทองคำขาวร่วมด้วยอีกจำนวนหนึ่ง

มาต่อกันน่ะครับ เรื่องความลับพระกริ่งแพโบถส์น้ำที่ กั้กมานานกว่าสิบปี ไม่ใช่เพราะกลัวจะดัง...แหะๆ แต่เห็นว่าผ่านไปนานแล้ว และ ของจากวัดก็ออกไปหมดนานแล้ว การก่อสร้างวัดก็สมดังเจตนาในยุคนั้นแล้ว แต่เมื่ออยากทราบผมก็จะขุดมาเล่าอีกครับ

จุด highlight อีกอันหนึ่งของพระชุด นี้คือ ทองคำ ครับ ทองคำ โลหะของเทพยดา


หล่อพระก็ต้องใส่ทองคำ ตามคติแต่โบราณเพราะทองคำ เป็นโลหะของเทพยดา พวกเทพชอบมาสถิตย์ในโลหะพวกนี้น่ะครับ มีความเชื่อมาแต่โบราณว่า พระองค์สำคัญๆ บางทีหล่อด้วยทองดอกบวบทั้งองค์ และ และของที่ทำเนื่องจากถวายเป็นพุทธบูชา ก็จะเป็นทองคำ เช่นพวกฉัตร และของที่ใส่ถวายในกรุต่างๆเป็นพุทธบูชาก็เป็นพวก แก้ว แหวน เงิน ทอง ใส่ร่วมกับพระมาในกรุ

การหล่อพระกริ่งก็ต้องมีทองคำ และอย่างที่เกริ่นๆ การก่อสร้าง และรวมไปถึงการหล่อพระ พวกเราไม่ค่อยจะมีเงิน เรื่องซื้อทองคำมาใส่ ก็ไม่มีเงินครับ ที่เอามาใส่กันก็จะเป็นของส่วนตัวตามศรัทธาของพวกลูกศิษย์เอง เพราะมีการหล่อพระประธาน ด้วยในคราวเดียวกัน ผมพอจำได้ว่า เบ้าทองมี สี่ ถึง ห้า เบ้า รวมทั้งเบ้าพระกริ่งพระชัย ด้วย

การเทเนื่องจากมีพระเยอะ พระประธาน พระบูชา และพระกริ่ง พระชัย จึงต้องมีทองหลายเบ้า หลายช่าง

พระประธานและพระบูชา เป็นช่างอีกคณะ ส่วนพระกริ่ง พระชัย เป็นอีกคณะ ซึ่งชำนาญพระเล็ก เท ด้วยการหล่อเหวี่ยง ซึ่ง อาจารย์อนันต์ท่านเมตตา ช่วยหามาให้

เมื่อทองคำ ต้องหามากันเอ หลังจากที่ข่าวออกไปมีการกำหนดวันเททองแน่นอน ท่านแรกที่ไปซื้อทองคือหลวงปู่ครับ ท่านไปที่ตลาด ผมจำได้ว่าที่ชัยนาท ไปกับพระอีกองค์ที่ท่านเล่าให้ฟัง ส่วนหลวงปู่ตามนิสัย ไม่ได้เล่าอะไร นอกจากผมไปถาม ก็พยักหน้า ว่า ใช่ ใช่ หลวงพี่องค์นี้ถ้าจำไม่ผิด คือ หลวงพี่ หมู ( มรณะภาพไปแล้วด้วยโรคประจำตัว ) หลวงพี่หมู ที่ไปเล่าว่า หลวงปู่ชวนไป ตอนแรกนึกว่าไปเที่ยว แต่หลวงปู่พาไปที่ร้านทอง ท่านเลือกซื้อสร้อยทอง น้ำหนัก สองบาท และยังบอกให้หลวงพี่ เลือกเอาจะซื้อให้ ( อันนี้เป็นการลองใจของหลวงปู่น่ะครับ ผมจะเล่าแยกไปในส่วนของผม ) และถ้าเลือกเอาตามกิเลสตัวเอง หลวงปู่ท่านก็คงซื้อให้ แต่คนๆนั้นจบครับ ปิดบัญชีบุญกับหลวงปู่ ครับ

ส่วนผมเอง จำได้ว่าแกะกรอบทองจากพระองค์เดิมๆ และไปซื้อทองคำมาเอง พวกแหวน น่าจะประมาณ สอง สามบาท ต้องไปดูบันทึกเก่าของผม เพราะลืม แต่ก็มีคุณแม่ผมอีก และผมไปชวนพวก พี่ ชาย และเพื่อนผม ให้ เอาทองคำมาหล่อ พวกที่ไม่มีทอง หรือ ไม่ได้เอาทองมา ก็เอาเงินมา ผมก็รวมๆไว้ไปซื้อทองคำมา หล่อให้

พอวันงาน ตามรูป ผมก็รวบรวมในสายผม พวกเพื่อนๆ ที่มาสมทบจำได้ว่าได้ทองประมาณ นี่ยี่สิบบาท และหลวงปู่ยังมี ลูกศิษย์อีก ที่พวกผม พอเห็นหน้าแต่ไม่ได้สนิทกัน เอาทองมาสมทบ การสมทบนี้มีที่เอามาให้หลวงปู่ไว้ หรือ เอามาให้ที่ผม และมากันเยอะมาก แต่เมื่อถึงเททองตอนเช้า เหตุการณ์ก็ค่อนข้างจะฉุกละหุกเพราะมีงานยุ่งๆ บอกตามตรงว่าไม่ได้มีเวลามาสัมภาษณ์ และจดชื่อ และถ่ายรูปไว้ เลยตามเลย ทองมีทั้งพวกทองคำ และพวกแหวนที่เป็นทองคำขาว ใส่เพชรพลอยมาเสร็จก็มีผม ถามช่าง ช่างท่านบอกใส่ได้ แต่เดี๋ยวพวก เพชร พลอยจะแตกไปเองเพราะความร้อน ผมเลยเอาพานทองใส่ทองมาถือไว้ เพราะคนเยอะ ไม่รู้ใครเป็นใคร คะเนๆ ว่ามารวมกับกลุ่มผมตอนนั้นแล้ว น่าจะร่วมๆ ๔ -๕๐ บาทเข้าไปแล้ว พอ ช่วงเดินไป เททอง ก็มีคนถอดใส่มาร่วมอีก ถวายหลวงปู่กันตรงนั้น ที่ถวายไม่ทันโยนลงเบ้าเองก็มี จัดว่าสนุกสนานเออามาก ใครไปอยู่ในเหตุการณ์ ตอนนั้น ด้วยศรัทธา พอมีเงินมีทองรับได้ มีทองก็ถอดใส่เบ้าครับ ผมว่าเอากันทุกคนครับ เพราะเหตุการณ์มันเข้มขลังจริงๆ

และยังมีแผ่นทองที่ลงอักขระโดยศิษย์สายอื่น เขาลงกันมา แล้วเอามาให้หลวงปู่เสกให้ หรือ เขียนชื่อตัว เองญาติพี่น้องลงไป อีก หลายแผ่น ตกลงประเมินกันแบบไม่เข้าข้างเพราะไม่ได้โฆษณา ในตอนนี้ ทองคำน่ะ ร่วม ๖- ๗๐ บาทได้สบายๆ ครับ น้ำหนักทองก็ ร่วมๆ ร่วม กิโล หรือ พันกรัมล่ะครับ จัดว่าเกินความคาดหมายไปเยอะ ถ้าทำขายแบบ พวกพ่อค้า ก็ถ่ายรูปไว้ ชั่งให้ละเอียด คงจะดังในตอนนั้น...แหะๆ เพราะทองคำเพียบ



ในการเททอง อาจารย์อนันต์เสนอว่าให้ใส่ทองทั้งหมดในเบ้าพระกริ่ง พอทองละลายก็เอากรวยตักน้ำทอง ไปเทใส่ในอีก สี่เบ้า ก็ผู้ใหญ่ว่าก็ตกลงตามนั้น หลวงปู่ยิ่งไม่มีปัญหา เพราะท่าทางท่านดีใจ และ พอใจมากที่ได้เททอง และผมมาถามทีหลัง ว่าหลวงปู่เคยไปเททองที่ไหนมาก่อนบ้าง ท่านบอกไม่เคย ตกลง การเททอง สร้างพระครั้งนี้ เป็นครั้งแรก ครั้งเดียว และครั้งสุดท้ายในชีวิตของหลวงปู่ทีเดียวจัดว่ามีความสำคัญมากสำหรับท่านน่ะครับ เพราะท่าทางท่านจะยิ้มแย้มแจ่มใสตลอด คนโบราณชอบสร้างพระชอบเททองครับ เพราะทำยาก และผมมั่นใจว่า หลวงปู่ท่านตั้งใจมาก และ ปล่อย เต็มที่





รูปพวกนี้ถ่ายโดยกล้องสองกล้อง ผมจะเล่าเหตุการณ์ไปตามที่พอจำได้ แต่มีตัวละครสำคัญในนั้นคือ ท่านแรก หลวงปู่ อาจารย์อนันต์ ซึ่วเป็นเจ้าพิธีด้านฆราวาสไปโดยปริยาย และคุณเป็ดน้อย นักสร้างผ้ายันต์ สารวัตร อารยา เฮียโก ตาทิพย์ และศิษย์หน้าเก่าๆอีกหลายท่าน จำชื่อไม่ได้หมด จากรูป แม้ถ่ายโดยสองกล้องแต่พอจะเห็นว่า หลวงปู่หยิบทองจากในพาน ขยุ่มมือ หยิบ หลายครั้งกว่าทองในพานจะหมด ผมเป็นคนถือพาน ส่วนอาจารย์อนันต์ยืนยิ้มคอยกำกับอยู่

การเททองนี้ทำแบบพุทธในตอนฤถษ์เททอง เพราะเป็นฤถษ์หลวงปู่ให้เอง ไม่ได้คำนวนมาจากโหรท่านใด ผมถามท่านว่าจะเทตอนกี่โมง ท่านบอกตอนเช้า พอในวันงาน ผมไปถามอีก ท่านบอกว่าพอฉันเช้าเสร็จก็ เอาเลย จัดว่าเป็นฤถษ์ สดวก ตามแนวพุทธจริงๆ ไม่ใช่แบบพราหมณ์ เรียกว่า ท่านพร้อม ช่างพร้อม คนพร้อม พอสดวก ก็เอาเลย พระชุดนี้ ท่านใดที่ได้ครอบครอง จะได้ ฤถษ์สดวกไปด้วยน่ะครับ ทำอะไรก็สดวก ตามฤถษ์ของพระครับ และเป็นแนวพุทธครับ

 

ตามเหตุการณ์วันเททองน่ะครับ ก่อนเททอง เนื่องจากวันนั้นหลวงปู่ท่านดีใจมาก และ คงมีคนมาเยอะ ทองคำก็เยอะ ผมพยายามจำเหตุการณ์ ท่านคงพูดอะไรสักอย่างออกมา เกี่ยวกับทองและความร่ำรวย ทำให้ทุกคนในที่นั้นยิ้ม สังเกตุดูน่ะครับ หลวงปู่ก็ยิ้ม ท่านอาจารย์อนันต์ก็ยิ้ม พี่ช่างคนอ้วนๆ ชื่อ พี่พลายงามก็ยิ้ม ทั้งผม และทุกท่านที่ยืนดูอยู่ โดยเฉพาะหลวงปู่ยิ้มแบบถูกใจมาก



เห็นกันจะ จะ จำไม่ได้ว่าขยุ้มแรกหรือปล่าว แต่ในมือขวาหลวงปู่ขยุ้มทอง มือซายถือแผ่นทองคำรออยู่



รูปนี้เอาแผ่นทอง หย่อยใส่กระบวยของช่าง



ขยายให้เห็นว่าแผ่นทองหลายแผ่น ก็น่าจะหลายบาทแล้ว ในรูปแผ่นทองนี้



อันนี้ก็สายสร้อยอีก ผมจำได้ว่าหลวงปู่หยิบหลายครั้งขึ้นไปกว่าทองจะหมดในพาน และ ยังมีพวกยื่นให้หลวงปู่ตอนนั้นอีก อาจจะเป็นพวกที่ตัดสินใจตอนนั้น และ ที่ไม่ทันโยนตามลงในเบ้าก็มีอีกน่ะครับ แต่ไม่ทันถ่ายรูปไว้ เพราะมัวแต่ไปทำอย่างอื่นกัน

ที่หย่อนนี่เฉพาะทองคำตอนจะเทน่ะครับ พวก ทองเหลือง เงิน โลหะอย่างอื่น หลอมตั้งแต่คืนก่อนหน้าให้ทองสุกรอ ผมจะเล่าต่อไปน่ะครับ

วันนี้เอาแค่นี้ กลางคืนผมจะมาขยายความต่ออีกหน่อย แต่อยากจะบอกท่านว่า ถ้าราคาทองเป็นแบบวันนี้ ค่าทองคำวันนั้น จะตก กว่าล้านบาทครับ ถ้าท่านเช่าพระชุดนั้นมา ค่าทองต้องติดมาด้วยบ้าง จัดว่ากำไรในแง่วัตถุ สำหรับ พระ ชุดนี้ ถ้าเทขาย ไม่มีใครกล้าลงทุนแบบนั้นแน่ๆ ทีเกิดขึ้นเป็นเพราะศรัทธาครับ

 

๕) แท่งชนวนนวโลหะของแท้อย่างดีที่ผ่านพิธีหลวงและช่างหลวงหล่อรวมซ้ำๆกันมาหลายวัดเป็นต้นว่า วัดพระแก้วฯ, วัดบวรฯ เนื้อชนวนมาจากเนื้อทองสัมฤทธิ์โบราณจากองค์จริงหลวงพ่อมงคลบพิธจังหวัดอยุธยา เนื้อชนวนจากงานพิธีหลวงเนื่องในการหล่อ สมเด็จพระพุทธนวราชบพิตร, สมเด็จจิตรดาวัดพระแก้วฯ, ชนวนพระกริ่งและพระชัยวัฒน์ปวเรศ ๖๐ พระชันษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ วัดบวรฯ เนื้อชนวนจากการหล่อพระเครื่องของหลวงปู่พรหมา เขมจาโร วัดผาหินนางคอย ฯลฯ และยังมีอีกหลายวัดหลายพิธีที่มีโลหะหล่อซ้ำๆสะสมกันมาโดยท่านอาจารย์อนันต์ได้เก็บรวบรวมและหล่อเป็นแท่งไว้ เนื้อชนวนทั้งหมดน้ำหนักประมาณ ๓ - ๔ กิโล บริจาคโดยท่านอาจารย์ อนันต์ สวัสดิสวนีย์ ( ผ.อ. ช่างสิบหมู่ กรมศิลปฯ)


รายการนี้ไม่ได้ถ่ายรูปเพราะไม่ได้ถ่ายครับ ถ่ายไม่ทันครับเพราะตอนนั้นยุ่งมาก แต่เนื้อจะออกสีคล้ายๆแบบองค์นี้ เป็นสีนาก และถ้าโดนเหงื่อจะกลับดำคล้ำลงเรื่อยๆ เป็นสูตรของอาจารย์อนั้นต์น่ะครับพระของท่านที่เป็นโลหะ เนื้อจะออกแนวๆนี้



น่าจะทองชุดเดียวที่เกี่ยวข้อง เป็นพระของอาจารย์อนนันต์อีกรุ่นที่เจตนาดีตามสไตล์ของท่านอาจารย์อนันต์ ไม่ใช่พุทธพานิช อาจารย์อนันต์ ที่ทำให้หลวงปู่พรหมาปลุกเสก แจกฟรี และตอนขึ้นบ้านใหม่มีของเหลือ เสกมาอีกหลายครั้ง ท่านเอามาให้หลวงปู่พรหมาแจกฟรีแก่ผู้เข้ามาร่วมงานขึ้นบ้านใหม่ ผมเลยได้มากับมือหลวงปู่ท่านอีกองค์ ...แหะๆ

โลหะอาจารย์อนันต์ท่านเอามาให้ในตอนเช้าวันเท ตอนนั้น ทองสำหรับเทพระประธานทั้งสี่เบ้า ได้หลอมทองจนสุกมาตั้งแต่คืนก่อนห้า ( ผมเล่าย้อนไปย้อนมาล่ะตอนนี้ แต่เนื่องจากจะเอาเรื่องพระชุดแพโบถส์น้ำมาก่อน ก็ต้องไปอย่างนี้ล่ะครับ ) ส่วนทองสำหรับเทพระกริ่งโดยคณะช่างอีกช่างมาในตอนเช้าของวันเท มาตั้งเตาและเบ้าหลอมทองในตอนเช้า กว่าทองจะละลายก็สายพร้อมที่หลวงปู่ท่านจะมาเทพอดี

ผมเห็นว่า มีงานหลายอย่างรอยุ่งๆอยู่ เลยเอานวโลหะใส่ไปในเบ้าพระประธาน จะได้ละลายพร้อมไปก่อนหน้านั้น มาคิดดูเพราะประสบการณ์ของผมในการสร้างพระโลหะในตอนนั้นมีน้อย ถ้าเอามาใส่ในเบ้าพระกริ่ง น่าจะดีกว่าในแง่เนื้อโลหะ และพวกนวโลหะ ละลายไม่ยากเท่าไหร่ แต่อย่างไรก็ตาม หลังจากทองละลาย และหลังจากใส่ทองคำที่เบ้าพระกริ่ง ช่างก็จะตักทองจากเบ้าพระกริ่ง ไปใส่ทุกเบ้า และ เอาทองจากเบ้าพระประธานมาผสมกัน เพราะในเบ้าพระประธานทั้งสี่เบ้าจะมีเนื้อเงิน เนื้อโลหะพวกผสม ซึ่งละลายยากใส่ไปก่อน เช่น ถาดเงิน เข็มขัดเงิน โลหะพวกอื่นๆ ซึ่งมีมากจะบรรยายกันในความเห็นต่อไป

ทองพวกนี้ ช่างบอกว่าละลายยากโดยเฉพาะพวกเหรียญสตางค์ ถ้าเอามาใส่ตอนจะเริ่มเทจะละลายไม่ทัน จะทำให้มีปัญหาคือตอนเทจะไปอุดรูน้ำทองซ่ะอีกทำให้มีปัญหาน้ำทองไม่เดิน ส่วนทองคำนั้นละลายง่าย พอจะเท ค่อยเอามาใส่ พอทองละลายแผ่ซ่านดี ก็ตักแบ่งเบ้าต่างๆ แล้วเท ได้สบายๆ จะเห็นว่าในการเททองพระ ทองคำจะมาใส่ในรายการสุดท้ายจะประธานในพิธีทั้งนั้น เช่นถ้าพิธีหลวงก็จะใส่ทองโดยพวกเจ้านายทั้งหลาย ถ้าพิธีของพระอาจจะใส่ทองโดยอธิบดีสงฆ์ในที่นั้นๆ เป็นผู้นำจัดว่าเป็นผู้มีบุญ

ทองชนวนแท่งนี้ผ่านพิธี แบบทับถมมามากหลายพิธีและเป็นพิธีใหญ่ๆแบบพิธีหลวงแทบทั้งสิ้น พิธีแบบนี้ผมชอบ เพราะเจ้าพิธี คนมาเททองจะเป็นเจ้านายหรือ พระที่มี บุญบารมีสูงเป็น เจ้าคนนายคน เป็นบุญฤทธิ์ที่ เพิ่มมาจากอิทธิฤทธิ์ จากการปลุกเสกด้วยญาณสมาบัติ และมีที่เด็ดคือ มีทองสัมฤทธิ์ จากองค์พระหลวงพ่อมงคลบพิตร แท้ๆ ที่ เหลือจากการซ่อม หลวงพ่อมงคลบบิตร น่าจะเกือบๆ ร้อยปีมาแล้ว เนื่องจากองค์หลวงพ่อมงคลบพิตรชำรุดเสียหายมากมาตั้งแต่ครั้งกรุงแตก ทางช่างหลวงได้ทำการซ่อม และ ตัดเนื้อส่วนที่ชำรุด เนื่องจากท่านองค์ใหญ่ เมื่อตัดออกมา หนักหลายสิบกิโล เนื้อตรงนี้จากรูปพรรณสันฐานน่าจะเป็นเนื้อจากซอกนิ้วพระหัตต์ขององค์หลวงพ่อ ยืนยันว่าไม่ใช่ข้อพระกรจากที่เขาเขียนๆกัน อันนี้ผมฟังจากปากท่านอาจารย์อนันต์เอง เนื้อโลหะนี้ถูกเก็บมานานในพระคลังหลวง จนจำได้ว่ากรมศิลจะมีการหล่อ องค์พระศรีศากยะทศพลญานประธานพุทธมณฑลสุทรรศน์ที่พุทธมลฑล ให้แล้วเสร็จเมื่อประมาณ พ.ศ. ๒๕๒๑ ก็มีการระดมทองเอามาเท ในการเท เนื่องจากเป็นพระสำคัญ และ เป็นพระองค์ใหญ่ ต้องใช้ทองมาก และต้องคัดทองให้มีมาตรฐานเดียวกัน เป็นโลหะ สัมฤทธิ์ ตามสูตรของช่างหลวงโลหะเก่าๆที่หมดยางแล้ว ก็จะถูกคัดออก ( อันนี้ผมเล่าไปตามความคาดการณ์ของผมตามประสบการณ์การเทพระมา ) เพราะโลหะที่หมดยางแล้ว เอาไปผสมอาจจะมีปัญหาทำให้เนื้อกรอบ แตก ไม่สวย ถ้าเทพระองค์เล้กพวก พระเครื่องก็จะไม่เท่าไหร่ เพราะเสียก็คัดออก หรือ หลอมใหม่ และอาจจะดูสวยด้วยถ้าเนื้อพระไม่กลืนกัน แต่กับพระองค์ใหญ่ๆ แล้ว เป็นคนละ concept เนื้อจะต้องกลืนและเข้ากัน จะแต่งง่ายกว่า ดูดีกว่า พระองค์ใหญ่ๆ เนื้อไม่กลืนกัน ซ้ำ โลหะ ถ้ามาลั่น มาแตกมาร้าว ก็ยุ่งเลย เพราะซ่อมยาก ช่างต้องเก่งจริงๆ ยิ่งไปซ่อมอาจจะยิ่งแตกร้าวมาอีก จะหล่อใหม่ การหล่อทองเยอะๆ ใช้เงินมากเพราะเพราะต้องใช้ไฟเยอะ ใช้พลังงานมาก ทองเยอะหลายเบ้าจะยุ่งยากมากไปอีก ที่เล่าเพียงแต่จะบอกว่า ของทองก้อนสำคัญเป็นซึ่งทองเก่า รุ่นกรุงศรีอยุธยา อาจจะกรอบๆผุๆพังๆไปบ้างเพราะมีอายุหลายร้อยปี ผ่านการปลุกเสกและผ่านประวัติของชนชาติไทยมายาวนานนี้ ถูกคัดออก และ ส่งผ่านกันมาถึงมือผู้มีบุญ
ท่านผู้นั้นก็เอาผสม ทำพระเล็กพระใหญ่ แจกจ่ายกันไปหลายสิบปี ทำให้ของที่มีมงคลนี้กระจายไปยังผู้ที่รอรับส่วนบุญ ท่านใดได้ไปจัดว่ามีพระของ ของคู่บ้านคู่เมือง มีองค์พระมหากษัตริย์หลายสิบองค์ มีพระเก่งๆ ในยุคเก่าน่าจะหลายร้อยองค์ ทำพิธีมา จัดว่ามีมงคลน่ะครับ พูดได้มากแค่นี้แหละครับ ...แหะๆ





เนื้อทองจากองค์หลวงพ่อมงคลบพิตร จะมีลักษณะแบบนี้น่ะครับ พระหลายองค์นี้ เทมาจากเนื้อ โลหะ สัมฤทธิ์จากองค์หลวงพ่อมงคลบพิตร ล้วนๆ ไม่มีอะไรเจือปน และผ่านพิธีหลวงมาหลายงาน ผ่านการปลุกเสกจาก พระ ที่ทรงคุณมาหลายสิบองค์มาก อาจจะเป็นร้อยๆ องค์น่ะครับ ทั้งปลุกเสกหมู่ หรือ เดี่ยว ก็กราบขอบพระคุณอย่างสูง แก่ผู้ที่ให้ผมมาด้วยเจตนาบริสุทธิ์น่ะครับ ของให้ท่านมีความสุข ความเจริญ สำเร็จในธรรม และของเหล่านี้จะเป็นของประจำตระกูลผมไป นานเท่านาน...แหะๆ



ภาพอาจารย์ อนันต์และ หลวงปู่บุญศรี ในภาพเททองพระประธาน

 

๖) ถาดเงินจำนวน ๕ แผ่น ( น้ำหนัก ประมาณ ๖ กิโล ) ที่หลวงปู่อธิฐานจิต และลงยันต์พระพุทธเจ้า ๕ พระองค์, รวมกับโลหะเงินอื่นอีก เป็นต้นว่า เข็มขัดเงินเก่าและใหม่ แหวนเงิน กรอบพระเงิน สายสร้อยเงิน กำไลเงิน ช้อนส้อมเงิน ถ้วยรางวัล ที่หนีบกลักไม้ขีดเงิน เหรียญเงินเก่าและใหม่ เงินพดด้วง เศษโลหะเงินอีกหลายชนิด รวมทั้งสิ้นเป็น โลหะเงินน้ำหนักประมาณ ๑๕ - ๒๐ กิโลกรัม บริจาคโดยคณะศิษย์หลายท่าน

พวกโลหะนี้ผมถ่ายรูปไว้เฉพาะที่รวบรวมได้น่ะครับ มีโลหะที่เขาเอามาถวายหลวงปู่ต่างหากที่ผมไม่ทันได้ถ่ายรูปเพราะบางทีเขามาตอนเช้าวันงาน หรือมาก่อนวันงานตอนที่หลอมทอง เขาเอาใส่กันเอง หรือ มาใส่กันเองในวันงานเลยไม่รู้ว่าอะไรบ้าง อาจจะเป็นพวกเงิน ทอง นาก เหรียญเศษสตางค์ เศษเงิน เศษทอง เศานาก แหวน กำไร เข็มขัด บางอย่างก็ทันเห็นแต่ไม่ได้ถ่ายรุปไว้ และเนื่องจากเททองพระประธานด้วยโลหะพวกนี้อาจจะไปลงเบ้าประธาน และไปเทรวมอยู่ที่องค์พระประธาน แต่หลักๆจะเป็นทองเหลืองอย่างดีที่ช่างจัดมาให้

ถาดเงินนี่เป็นเงิน sterling ที่ใช้ในสายการบินยุคเก่าๆ เพื่อนที่บริษัทเชลล์ ให้มาร่วมงาน นอกนั้นยังมีอีกหลายอย่างผมจำไม่ได้ จัดว่าเป็นโลหะผสมก็แล้วกันน่ะครับ

แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มิถุนายน 2011



ชนวนเพียบ เป็นของบริจาค ที่ถ่ายภาพมาแค่ส่วนเดียว เงินนี่ผมจำได้ น่าจะเป็นยี่สิบกว่ากิโล เพราะ บางคนเอาเข็มขัด เครื่องเงินมาใส่ให้เลย เพราะเห็นว่า หลวงปู่พระครูบุญศรี เททองครั้งแรก ยังเล็กๆน้อยพวกเเหวน สร้อย เหรียญ ตะกรุดอีก

 

ต่อ พระชุดแพโบสถ์น้ำ

พระชุดแพโบถส์น้ำ (ต่อ )

มาต่อเรื่องโลหะที่เอามาหล่อพระชุดนี้ต่อน่ะครับ

๗) แร่ดีบุกบริสุทธิ์อย่างดีจากทะเลภูเก็ต น้ำหนักประมาณครึ่งกิโลกรัม ผ่านการปลุกเศกจากหลวงปู่หลายครั้ง บริจาคโดย คุณ คีม เหล่าวจีศาสตร์ บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย
๘) ชนวนพระประธานสมเด็จองค์ปฐม ประจำสำนักแม่ชีประทุม น้ำหนักประมาณครึ่งกิโลกรัม บริจาคโดยสำนักแม่ชีประทุม
๙) แร่โคตรเศรษฐี ๑ ถุงเล็กเพื่อเพิ่มสรรพคุณด้านโภคทรัพย์บริจาคโดยป้าอิ้ดสำนักแม่ชีประทุม
๑๐) แผ่นยันต์ทองเหลืองลงจารพระคาถา ชินบัญชร บริจาคโดย คุณ ทนงศักดิ์ เอื้อรักสกุล
๑๑) นอกจากนั้นยังมีโลหะทองเหลืองและทองแดง เป็นต้นว่า ถาด ขัน ขันข้าว ทัพพี เหรียญเศษสตางค์ทองเหลืองรุ่นเก่า ๕, ๑๐, ๒๕, ๕๐ สตางค์ เหรียญ ๑ บาทรุ่นเก่า แผ่นทองเหลืองและทองแดงเป็นจำนวนมาก ที่คณะศิษย์ได้เขียนชื่อหรืออธิฐานจิตร่วมสร้างพระรวมได้ไม่ต่ำกว่า ๓๐ - ๔๐ กิโลกรัม

บางอันไม่ได้ถ่ายรูปน่ะครับ เช่น เหรียญสตางค์ ผมได้มาเป็น จากป้าสุธี ภรรยาช่างประดิษฐ์ นักแกะสลัก แห่งพยุหะคิรี ผู้ล่วงลับไปแล้ว ซึ่งผมสนิทสนมดี ไปอาบน้ำ แอบพักผ่อนที่บ้านท่าน และ จ้างพวกท่านทำงานแกะสลักให้หลายอย่าง พอรู้ว่าจะหล่อพระท่านไปค้น เหรียญเก่าๆ มาได้ เป็นกระสอบถุงปุ๋ย บอกเอาไปหล่อพระน่ะ ผมก็เอาไปให้หลวงปู่เสกไว้ และเอาใส่เบ้าทองก่อนวันเททั้งหมด

ส่วนก้อนดีบุกน่ะ ถ่ายไปในรูปที่แล้ว แร่โคตรเศรษฐี ป้าอิ้ดก็เอามาใส่ในวันงาน แผ่นชินบัญชร นั้น เสี่ย ธ ก็ลงมาแล้วไปขอหลวงปู่ท่านลงให้ จัดว่ามาหลายทาง บางอย่างผมไม่ได้จดบันทึกไว้ ลืมไปเหมือนกัน จัดเป็นโลหะผสม แต่เนื่องจากเทพระประธานและพระบูชาด้วย โลหะ ที่ช่างเตรียมมาจะเป็นทองเหลืองอย่างดีเยอะหน่อย โลหะเลยจะหนักไปในด้านทองเหลือง ผมเคยคุยกับอาจารย์อนันต์ ยังคุยกันว่า ถ้าเปลี่ยนได้จะเอาทองแดงมาเป็นโลหะหลักดีกว่า ถึงแพงกว่าหน่อย แต่เนื้อที่ออกมา คงจะสวยน่าดู ออกแนวสัมริดได้สวยกว่าแน่อน แต่ไม่มีโอกาศแล้วน่ะครับ....แหะๆ คนเสกท่านไม่อยู่แล้ว

 

สาธุครับพี่ อ่านแล้วอิ่มเอิบใจจริงๆ ทั้งที่อ่านมาหลายรอบมากแล้ว

และนับว่าผมเองยังพอมีวาสนาอยู่บ้างที่ได้ครอบครอง พระกริ่งและพระชัยฯ แพโบสถ์น้ำอยู่ชุดนึง ซึ่งพระกริ่งแพโบสถ์น้ำผมแขวนเกือบทุกวันที่ออกจากบ้าน(วันที่ไปใกล้ๆ ก็แขวนพวกเหรียญจอบ หรืออื่นๆที่เกี่ยวเนื่องกับหลวงปู่ฯเสมอครับ) ส่วนพระชัยฯแฟนผมแขวนติดตัวตลอดเวลา

จากวันที่ออกมาทำงานของตัวเองได้จนตอนนี้ 5 ปี แม้จะยังไม่ร่ำรวย แต่พูดได้เต็มปากครับว่า ไม่ลำบาก เกินกว่าที่ผมหวังไว้มาก

ติดตามเสมอครับ

 

คนใจคอมั่นคง ขยันขันแข็ง จะได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่าเสมอครับ

 

ต่อ พระชุดแพโบสถ์น้ำ



แร่โคตรเศรษฐี

มีการกล่าวถึงแร่โคตรเศรษฐีหลายครั้ง และ มีการนำชื่อนี้ไปใช้ หลายกลุ่ม ทำพระโคตรเศรษฐี หรือ รุ่นโคตรเศรษฐี จำหน่าย

แต่ต้นตำหรับ แท้ๆมีท่านเดียวคือของ ท่านแม่ชีประทุม โชติอนันต์

ตามรูปเป็นพระที่หล่อ และ ปั้มท์จากแร่โคตรเศรษฐีล้วนๆ เป็นพิมพ์บางน่ะครับ พิมพ์หนาจะเป็นรุ่นแรก ที่ทันพระเดชพระคุณ หลวงพ่อ ฤาษีลิงดำ และ ท่านแม่ชี ประทุม มีจำนวนไม่มาก ผมเลือนๆไป คงประมาณหลักร้อยองค์ ถ้าสนใจ หาอ่านได้จากในเน็ตน่ะครับ ส่วนพิมพ์บางไปทำมาเพิ่ม หลังจากรุ่นแรกน่าจะหมด ใกล้หมด รุ่นนี้ทันท่านแม่ชีประทุม และผมคิดว่า หลวงปู่บุญศรีน่าจะอธิษฐานจิตให้ เพราะยุคหลังๆ ท่านแม่ชี มาหาหลวงปู่ประจำ น่าจะยังมีเหลือที่สำนักแม่ชีน่ะครับ

แร่นี้ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ท่านกล่าวไว้ว่า ใครมีในครอบครองจะจนไม่เป็น และพอรวยจะรวยแบบโคตรเศรษฐีครับ...แหะๆตามความเชื่อน่ะครับ แต่ผมน่ะเชื่อ เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ครับ



พระที่เอามาโชว์ เป็นพระชุดที่ผสม เนื้อแร่โคตรเศรษฐีอยู่ในปริมาณที่มากครับ ทำกับแบบเอาไว้ใช้เอง ส่วนใหญ่

 

เรียนพี่พี

ผมเพียงเพิ่งรู้จักท่าน น่ะครับ
เอาไว้ผมมีโอกาส ไปพบท่านผู้นี้ แล้วจะบันทึกคำบอกเล่าของท่านมาให้ อ่านกัน
และท่านผู้นี้จะนำพระชุดแพโบสต์น้ำ ซึ่งมีทั้ง ชุดพระกริ่ง+ พระชัย และ ชุดพระชัย เดี่ยวๆ ออกให้ทำบุญ โดยเงินทั้งหมด ถวายเพื่อการกุศล ทั้งหมดครับ เมื่อผมทราบว่า แน่ชัดแล้วจะมาแจ้งให้ทราบเพื่อร่วมบุญกันอีกที

ขอบคุณครับ





รูปหล่อ ๕ นิ้วนี่ไม่ทันหลวงปู่น่ะครับ หล่อที่สำนักแม่ชี พร้อมรูปหล่อขนาดเท่าองค์จริง องค์ที่ไปตั้งที่วัด ที่ปิดทอง ๑๐๐๐๐ บาท ยุคนั้นผมก็เป็นเจ้าภาพเอง

รูปหล่อนี้ปลุกเสกที่สำนัก โดยหลวงพ่อหวล วัดพุทไธสวรรค์ ปลุกเสกเสร็จท่านลุก เดินหลับยังหนมามอง ที่รูปหล่อ ๒ , ๓ ครั้ง มองแล้วมองอีก น่าจะมีอะไรดีๆน่ะครับ

ยุคทันหลวงปู่ท่านไม่อนุญาต รูปหล่อขนาดใหญ่น่ะครับ ยกเว้น แอบทำมา ขนาด ๓ นิ้ว และไม่ทำมาอีก ท่านไม่เอาด้วย

 

ต่อ พระชุดแพโบสถ์น้ำ

ขั้นตอนการเทพระที่วัดใหม่ฯ ( การปลุกเสกทองชนวนครั้งที่ ๓ )

คณะช่างมาจากโรงหล่อพระแก้วโชคอุดม ( ฝั่งธนฯ ) และ โรงหล่อพระแก้วมโนรมย์ ( บางเลน นครปฐม ) ด้วยการเมตตาอุปถัมภ์และอนุเคราะห์ของ ท่านอาจารย์ อนันต์ สวัสดิสวนีย์ ซึ่งมีความชำนาญทางด้านนี้มาหลายสิบปี ผ่านพิธีหลวงมาหลายครั้งเป็นต้นว่า งานหลวงพิธีหล่อสมเด็จพระพุทธนวราชบพิตรและพระสมเด็จจิตรดา วัดพระแก้ว, พระกริ่งและพระชัยวัฒน์ปวเรศ ๖๐ พระชันษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ วัดบวรฯ และมีคุณพี่ลำใย, คุณสำอางค์, คุณสมทรง และ คุณพลายงาม แก้วมโนรมย์ คณะพี่น้องเป็นผู้ดำเนินการ

โดยมีคุณสมทรงเป็นช่างปั้นและตกแต่งพระประธาน ซึ่งจำลองมาจากองค์จริง ส่วนพระบูชาจำลอง ๙ นิ้ว คุณสมทรงได้ปั้นไว้เมื่อประมาณ ๑๐ ปีที่แล้ว สำหรับเนื้อทองพระบูชาจำลอง ๙ นิ้ว พระกริ่งและพระชัยวัฒน์ เป็นทองเบ้าเดียวในพิธีกับพระประธาน ซึ่งเป็นทองที่หลอมเทในพิธีที่วัดใหม่ทั้งสิ้น โดยเฉพาะพระกริ่งและพระชัยวัฒน์ จะมีส่วนผสมโลหะเงินและทองคำที่เหลือเสร็จจากการเททององค์พระประธานในเบ้าเป็นจำนวนมากเป็นพิเศษ

ข้างบนเป็นบันทึกที่ผมบันทึกไว้ในคอม เพื่อแจกพวกพ้องเมื่อ สิบกว่าปีที่แล้ว มีคณะช่าง สองคณะ คณะหนึ่งคือ คณะโรงหล่อพระแก้วมโนรมย์ จากบางเลน ผมไปที่โรงหล่อนี้หลายครั้ง ขับไปจนคล่องทางทีเดียว เพื่อไปคุยกับช่าง ไปเรียนรู้ ไปกับท่านอาจารย์อนันต์ จะเล่าว่าพระบูชานี้ ช่างคนตัวดำ เดี๋ยวผมหาภาพเจอจะ โฟกัสให้ดู ท่านปั้นไว้เองเมื่อ สิบกว่าปีที่แล้ว ก่อนจะเทพระชุดแพฯ มาถึงเวลานี้ก็ยี่สิบกว่าปี ช่างคนนี้ท่านมีอารมณ์ศิลปินมาก จะเล่าต่อไปเรื่อยๆน่ะครับ

ส่วนตามรูปก็เป็นการเตรียมงานในวันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๔๑ คณะช่างๆนี้มีความพร้อมสูง เตรียมทำการบ้านมาดีมาก เตรียมวัสดุ พวกหุ่นพระประธาน หุ่นพระบูชา ถ่าน อิฐก่อเตา และ กำลังคนมาแบบพร้อมเพรียง



พวกเด็กๆจากโรงเรียนวัดใหม่มาช่วยกันกวาดลานวัดเตรียมพื้นที่เตรียมงานน่ะครับ ส่วนเด็กโค่งๆตัวโตๆ น่ะ เป็นลูกศิษย์หลวงปู่แบบเดียวกับกับนายบี ส่วนนายคนนี้ผมน่ะลืมชื่อ ส่วนนายบี ที่อยู่วัดหลวงพ่อทรง คือสติแกจะ อ่อนๆหน่อยๆ แต่จะมาช่วยงาน รับใช้หลวงปู่หลวงพ่อตลอด




ช่วยกันขนวัสดุ และ หุ่นพระลงจากรถ จะเห็นถ่านเป็นถุงๆ การเทพระจะใช้ถ่านมากน่ะครับ น่าจะเป็นหัวใจหนึ่งของการหลอมทองให้สุกและละลายดี

<O</O



ในรูปช่างก็กำลังช่วยกันขน วัสดุ และ หุ่นพระลง และจะเห็นได้ว่ามีข้าวของมากพอสมควร มีหุ่นพระบูชาเป็นจำนวนมาก งานนี้เป็นงานหนึ่งที่เทจริง หน้างานเยอะ ไม่ใช่แบบมาเท หลอก กัน ไม่กี่องค์ เท พระไม่กี่ช่อให้ดูขลัง แล้ว ที่เหลือ กลับไปเทโรงงาน แต่ก็เป็นเรื่องจริง ถ้าเทพระใหญ่ แบบเป็น ร้อยๆ องค์ จะเป็นเรื่องใหญ่ อาจจะต้องมีทองหลายเบ้า และ ช่างหลายคณะ



ผู้เขียนเองกำลังคุยกับพี่ พลายงาม ( คนอ้วนๆ ที่นั่งอยู่ ) เป็นคนน้องที่มีหน้าที่เป็นผู้จัดการ พี่คนนี้ มีนิสัย ร่าเริง อ้อนน้อม และ เฮฮา เป็นคนที่เข้าง่ายมาก พวกเราโชคดีมากที่ได้ช่างชุดนี้มา

 

การเตรียมงาน หล่อพระชุดแพโบสถ์น้ำ

หลวงปู่พระครูบุญศรี มาทำพิธี เปิดเตาให้ บอกครูบาอาจารย์ เทพ เทวดา

 

เป็นการเตรียมงานก่อน ทำพิธีเททอง ๑ - ๒ วัน


ทางวัดก็มีการปริหารจัดการ เตรียมงานในส่วนของวัด


ในรูปจะเห็นหลวงปู่นั่งดูอยู่ ตรงนั้นเป็นที่ประจำของท่านน่ะครับ



เบ้าใหญ่ๆ มีตาข่ายเหล็ก รัดไว้ เป็นพระประธาน ส่วนเบ้าเล็กเป็น พระบูชา ๙ นิ้ว เทแบบ สองถอดน่ะครับ ช่างคนตัวใหญ่ๆ บอกเป็นงานเล็ก ที่มีพระเททอง จริงๆในงานมากกว่าพิธีใหญ่ๆอีกครับ ส่วนใหญ่จะเท เป็นพิธี ที่เหลือ จะไปเทต่อในโรงงาน

 

จะเททองกันที่ลานวัด หน้ากุฏิ หลวงปู่น่ะแหละครับ พื้นที่กว้างขวาง สบายๆครับ

 

ต่อ

ตอนกลางคืนจะมีการเผาหุ่น และ เคี่ยวทองทั้งคืนครับ

มาดูรูปเก่าเจอพอดี ตอนเคี่ยวทอง ผมเลยเอาพวก ชิ้นใหญ่ๆ ต้มซ่ะก่อน ในรูป เป็ฯแท่ง ชนวน ที่ได้จาก อ. อนันต์ น้ำหนักประมาณ ๒-๓ กิโล เป็นชนวนที่มีโลหะของดี ของมงคลมากมายเช่น เนื้อโลหะจากซอกนิ้วหลวงพ่อมงคลบพิตร เนื้อจากเศษโลหะ พระมหาบุษบก เนื้อโลหะจากพิธี หลวง พิธีราษฎร์ หลายสิบงาน สะสม ปลุกเสก ซ้ำไปมา อ. อนันต์ท่านพิ๔ีพิถันเรื่องนี้มากครับ และ ถาดเงินใช้ในเครื่องบินยุคเก่า เงิน สเตอริงค์ หนา หนักมาก น่าจะ สอง สามโลน่ะครับ โลหะพวกนี้ หลวงปู่เสกให้อีกที ก่อนจะหย่อนลงเบ้า