ข่าวสารจากจิตจักรวาล

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย nondanun, 12 มกราคม 2007.

  1. แม่นายมล

    แม่นายมล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    1,069
    ค่าพลัง:
    +6,258
    รถเมล์สายที่ผ่าน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • MapMido.jpg
      MapMido.jpg
      ขนาดไฟล์:
      248.1 KB
      เปิดดู:
      113
  2. kanalove

    kanalove เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    221
    ค่าพลัง:
    +386
    แปลก...

    เขาบอกว่า เราเกิดมานาน 60000 ปีแล้ว พวกเราพึ่งเกิดมา 60800 โดยประมาณ แต่พระพุทธเจ้าท่านบอกว่า เราเกิดมาเป็นอสงไขยๆ อสงไขยหนึ่งก็นับไม่ได้ แต่ที่แน่ๆก็คือ อสงไขยหนึ่ง มันต้องเกิน 60000 ปีแน่ๆ

    แปลก... แต่จริง


    แล้วเอาไงดีล่ะ ข้อมูลผิดกันอย่างนี้ อีกอย่าง ต่อให้เราพึ่งเกิดมา 60000 ปีจริง และควรจะกลับไปได้แล้ว แต่เท่าที่เห็นจากสังคมแบบนี้ ถ้าจะต้องใช่เวลาอีก 60000 ปีหลายรอบหน่อย....


    สงสัยจิงๆว่า อะไรคือความจริง?
     
  3. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    ครับคุณ kanalove เรื่องนี้ก็ฟังไว้เป็นข้อมูลก่อนครับ
    จะขอเสริมให้ฟังอย่างนี้ครับ

    60,800 ปีที่อาจารย์บอกมาคือตั้งแต่มีมนุษย์รุ่นอดัมกับอีวาที่หน้าตาเหมือนคนในยุคปัจจุบัน (เป็นรุ่นล่าสุด)...ก่อนหน้านั้นขึ้นไปก็ยังมีมนุษย์โบราณ-มนุษย์ถ้ำ-โครมันยอง-สตีฟฟาอีกหลายจำพวกซึ่งนานกว่านั้นมากน่ะครับ ยุคไดโนเสาร์ก็มีมาหลายล้านๆปีก่อน..แถมจิตวิญญาณเราก็อาจเคยไปเกิดที่ระบบดาวอื่นๆมาแล้วก็หลายภพชาติอีก ถ้าคิดแบบจิตมนุษย์ก็อาจไม่เข้าใจครับ
    เป็นกำหนดวาระการเก็บคืนของระบบ..เป็นเรื่องกาลกำหนดครับเป็นอจินไตย อสงไขยนึงแน่นอนว่ายาวนานจริงๆและถึงรอบก็จะวนกลับมาตามวาระของการเกิดขึ้น-เปลื่ยนแปลง-ดำรงอยู่-และสร้างใหม่เสมอๆครับ

    ซึ่งตัวเลขเหล่านี้ที่ค้นคว้าดู ก็ตรงกันจาก 3 แหล่งข้อมูลครับ
    คือจากหลวงพ่อสด อนุตรธรรม และอาจารย์ปริญญาครับ..

    มีข้อมูลที่เชื่อถือได้ว่า...
    1 ยุค = 10,800 ปี
    10,800 x 12 ตำแหน่งเริ่มต้นและสุดท้ายของ 12 ราศีในจักรวาล
    1 มหายุค = 129,600 ปี

    ถ้าจะให้เห็นภาพก็อาจหมายถึงการที่กาแลคซี่เราโคจรครบ 1 รอบในเอกภพครับ

    [​IMG]


    ขณะนี้ในรอบมหายุคนี้โลกเราล่วงมาถึง 60,800 กว่าปีแล้ว (กึ่งหนึ่งของมหายุค)
    และโลกยังไม่แตก แต่จะมีการเปลื่ยนแปลงครั้งใหญ่ในรอบหกหมื่นปี ช่วงเวลานี้ พระคัมภีร์ของชาวคริสต์เรียก"วันพิพากษา"ในยุคสุดท้ายนี้ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 มีนาคม 2008
  4. kanalove

    kanalove เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    221
    ค่าพลัง:
    +386
    งั้นก็ไม่มีอะไรมารับรองได้อะดิ ว่าไปนิพพานแล้วไม่ต้องเกิดอีกรอบหนึ่ง?

    ในเมื่อขอพระบิดาลงมาเกิดได้อย่างนี้อะคะ
     
  5. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    เลือกได้นะครับ.. (ทุกวันนี้เราก็อยู่บนดาวเคราะห์แห่งทางเลือกเสรี)
    ถึงได้สภาวะนิพพานที่ว่างเป็นสุญญตาแล้วก็มีหน้าที่อยู่นะครับ เป็นรูปธรรมทางพลังงานอันบริสุทธิ์ หากแต่จะยกมืออาสามาอีกกี่รอบก็ได้..หากตัวตนรวมของเราปรึกษากันและตั้งใจเช่นนั้น เนื่องจากเราก็เป็นส่วนขยายของจักรวาล-จักรวาลก็กำลังขยายออกไปเรื่อยๆ สามารถแบ่งคลื่นความถี่ออกมาใหม่ได้เสมอ-กี่รูปธรรมก็ได้ จะไปเกิดที่อื่นๆก็ได้..ไปที่ดาวดวงอื่นๆก็ได้ เพื่อการเรียนรู้สร้างสรรค์ครับ อาจเริ่มด้วยการนับ 1 ใหม่หรือเรียกว่าการอวตารก็ได้ แต่หน้าที่อาจจะหนักขึ้นกว่าเดิมมาก จิตวิญญาณแท้จริงแล้วไร้ระยะทาง ช่องว่างและกาลเวลาครับ ไม่มีอดีต-อนาคต..มีแต่ปัจจุบัน (เวลามีค่าเท่ากับหนึ่ง)...บนโลกมีเครื่องพรางมากมาย..มีมิติทับซ้อนกันหลายระดับจากละเอียดสุด-หยาบที่สุด ดาวดวงอื่นๆก็มีวิวัฒนาการแตกต่างกันกับโลกใบนี้ (แบบกลับทิศก็มี) จนเราก็นึกไม่ถึง แค่เราจะหยุดการเกิด-ดับ บนโลกใบนี้ก็ยากอยู่ครับ...เรื่องนี้ต้องค้นหาด้วยสติปัญญาจ๊ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 มีนาคม 2008
  6. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,681
    ค่าพลัง:
    +51,931
    ศึกษาหนทางหลุดพ้น
    ให้ศึกษาสัจจะธรรม

    มุ่งหลุดพ้น
    ให้มุ่งปฏิบัติสัจจะเป็นประจำ

    เข้าถึงแล้วรู้ได้เอง อธิบายยาก
    เพราะเป็นเรื่องเหนือโลก

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  7. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,681
    ค่าพลัง:
    +51,931
    จิตวิญญาณ...จะนำพาความรอบรู้มาให้

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  8. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,681
    ค่าพลัง:
    +51,931
    ศึกษาด้วยกาย ...ไปไม่ถึงที่สุด
    เพราะ ละเอียดไม่พอ

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  9. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425

    ***จิตวิญญาณคือความรู้***
    ไม่ต้องไปหาอื่นไกล...มีระบบเครือข่ายเชื่อมโยงกันหมด ..
    ถูกต้องที่สุดแล้วครับ

    (good)
     
  10. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,681
    ค่าพลัง:
    +51,931
    สัจจะที่ทำได้...คือ สื่อติดต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์เหนือโลก

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  11. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,681
    ค่าพลัง:
    +51,931
    สัจจะ...คือ สื่อรองรับพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์
    เมื่อไม่มีสัจจะ แล้วจะทำอะไรได้
    ไม่เชื่อสัจจะ ก็คือทำตัวขวางสัจจะธรรม

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  12. ดูท่านอยู่นะครับ

    ดูท่านอยู่นะครับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    2,666
    ค่าพลัง:
    +2,480
    ท่านที่สนใจ ในคำสอนของอาจารย์ ปริญญา บางส่วนในช่วงแรก ๆ และมีหลายท่านที่ ยังไม่รู้จัก อาจารย์ หาความรู้เพิ่มเติมได้ที่
    http://www.libertythai.com/modules....=592&sid=721d807de7e00a1e231b86476188d336#592
     
  13. ดูท่านอยู่นะครับ

    ดูท่านอยู่นะครับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    2,666
    ค่าพลัง:
    +2,480
  14. แม่นายมล

    แม่นายมล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    1,069
    ค่าพลัง:
    +6,258
  15. a5g1

    a5g1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    91
    ค่าพลัง:
    +384
    ที่ว่าโลกจะค่อยๆหมุนจากขั้วโลกเหนือมาขั้วโลกใต้นั้น จะเกิดก็ต้องมีดาวเคราะห์หรือดาวหางซึ่งขนาดใหญ่ทีเดียวพุ่งมาเฉี่ยวชนโลก จากด้านเหนือแฉลบมาตรงเส้นศูนย์สูตรลงสู่ทางใต้ ใครเล่นสนุก หรือบิลเลียต คงเข้าใจ อีกอย่างหากการเฉี่ยวชนเกิดจริงคงตายกันมาก และมีโอกาสเกิดขึ้นหลังจากนี้อย่างน้อย ๒ พันปี เพราะพุทธะดำรงอยู่ ๕ พันปีผมเชื่อ...อมิตตะพุทธ เป็นความเห็นส่วนตัว จงเดินทางสายกลาง ฟังหูไว้หู..สาธุๆๆ
     
  16. ดูท่านอยู่นะครับ

    ดูท่านอยู่นะครับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    2,666
    ค่าพลัง:
    +2,480
    ไปอ่านตรงนี้ยังครับ
    ถาม : บันทึกไว้ว่า พ.ศ. 5000 จึงจะเกิดยุคพระศรีอริยะ

    ตอบ : รหัสนั้นถูกเปลื่ยนแปลงไปแล้ว การชำระโลกครั้งนี้ไม่ได้ถูกวางแผนไว้ก่อน จึงถือว่าเวลาที่มีอยู่น้อยเกินไปที่จะแจ้งให้คนทั้งโลกรู้เรื่องการเปลื่ยนแปลงนี้ แต่ไม่จำเป็นว่า คนทั้งโลก 7000 ล้านคน จะต้องสั่นสะเทือนตามสมการนั้น เพียงไม่กี่เปอร์เซนต์ของคนทั้งโลกทำจิตให้สั่นสะเทือนทางด้านบวก โลกก็จะได้พลังงานด้านบวกมหาศาล เพราะฉะนั้นจึงไม่ได้ตั้งเป้าหมายว่าเราจะได้กี่เปอร์เซนต์ ขอให้มีมนุษย์อีกจำนวนหนึ่ง เท่าไรก็ได้ที่เข้าใจ และทำจิตให้สั่นสะเทือนไปตามสมการนั้นได้ เราก็จะได้ชื่อ ว่าทำสิ่งที่ดีที่สุดกับดาวเคราะห์โลกและจักรวาล และนำสิ่งที่ดีให้กับจิตวิญญาณของตัวเราเองด้วย ไม่ต้องไปตั้งเป้าหมายมากเดี่ยวจะท้อแท้ และจะทำให้เกิดจิตหยาบที่ทำให้เกิดปัญหาอีก
    คนที่ทำความชั่วแต่ร่ำรวย ก็เพราะเขามาใช้กรรมในชาติที่แล้ว การกระทำในชาตินี้คือการวางแผนของตนเองในชาติที่แล้ว การทำให้หลุดพ้นให้เหลือแต่ความว่างเปล่า มีแต่รู้ดี รู้ชั่ว และมีการสั่นสะเทือนไปตามนั้น สั่นสะเทือนทางกาย ทางใจ จิตวิญญาณมีความเป็นห่วงเป็นใยได้ มีความรัก ความเมตตาได้ ไม่ใช่ความปราถนา ถ้าความปราถนาคือ ความอยาก ถึงจะเป็นความปราถนาอยากให้คนอื่นพ้นทุกข์ ไม่ใช่เป็นความไม่ดีแต่เป็นความไม่ถูกต้อง ไม่สอดคล้องกับกฏเกณฑ์ทางกายภาพของจักรวาลที่เป็นสากล
     
  17. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    เคยอ่านเจอมาเป็นอีกอย่างนะ พ.ศ.5000 คือหมดช่วงอายุของพระศาสนาพระโคดม พระพุทธเจ้า มนุษย์จะมีศีลธรรมที่เสื่อมทรามลงจนมนุษย์มีอายุขัยเฉลี่ยประมาณ 10 ปีจะเกิดเหตุกาลียุคฆ่ากันตายจนเกือบหมด คนที่หนีเข้าป่ารอดจากการฆ่ากันตายจะออกมาแล้วอยู่ร่วมกันใหม่พร้อมทั้งเริ่มยุคใหม่ที่มีศีลธรรมสูงขึ้น อายุขัยจะสูงขึ้นตามศีลธรรมของมนุษย์จนถึงที่สุด จุดสูงสุดของศีลธรรมมนุษย์มีอายุขัยสูงมากจนดูเหมือนอมตะ ไม่มีวันตายมนุษย์ก็เริ่มเข้าสู่วัฏจักรศีลธรรมเสื่อมอายุขัยจะน้อยลงจนถึงช่วงที่มนุษย์มีอายุขัย 80,000 ปีพระศรีย์อาริยเมตไตร จะมาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า รวมระยะเวลานับจากวันนี้ประมาณ 1 ล้านปีมั้ง กำหนดกาลเกิดไม่สามารถระบุเวลาชัดเจนได้ แต่ขึ้นกับเหตุการ์ณที่เกิดเช่นดูที่อายุขัยของมนุษย์หรือศีลธรรมของมนุษย์
     
  18. yutkanlaya

    yutkanlaya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    865
    ค่าพลัง:
    +4,403
    การจะเข้าใจ เข้าถึงจิตจักรวาลนั้น
    ง่ายๆ ได้ด้วยการเข้าใจในสรรพสิ่ง
    ว่าองค์ประกอบพื้นฐานของทุกๆสรรพสิ่ง
    คือ อะไร???
    หน่วยย่อยเดียวกัน มั้ย??? เหมือนกัน มั้ย???
    ทั้งสิ่งมีชีวิต ไม่มีชีวิต ต่างกันอย่างไร???
    ดังตัวอย่างที่ข้าพเจ้าเข้าใจ ดังนี้และลิงค์

    ดวงจิตวิญญาณ เป็น พลังงาน?><O:p></O:p>


    หลักปกิจสมุทปบาท (ทฤษฎีสัมพันธภาพ)<O:p></O:p>


    ก่อนอื่นต้องเข้าใจว่า <O:p></O:p>


    ทุกสรรพสิ่งในสากลจักรวาล มีหน่วยย่อยที่เล็กที่สุด เป็น สิ่งเดียวกัน<O:p></O:p>

    นั่นคือ<O:p></O:p>
    สรรพสิ่ง คน สัตว์ พืช มวลสาร เทหวัตถุใดๆ ในสากลจักรวาล ประกอบด้วย<O:p></O:p>
    โมเลกุล หลายๆโมเลกุลรวมกัน ซึ่งแต่ละ โมเลกุล ประกอบด้วย<O:p></O:p>
    อะตอม หลายๆอะตอมรวมกัน ซึ่งแต่ละ อะตอม ประกอบด้วย<O:p></O:p>
    อิเล็กตรอน วิ่งรอบ นิวเคลียส ซึ่งมี โปรตรอน นิวตรอน ควากซ์ ฯลฯ เช่นเดียวกันหมด <O:p></O:p>
    โดยมี พลังงาน แรงดึงดูด แรงยึดเหนี่ยว(พันธะ-สัญญา) ต่อกันและกัน จึงคงอยู่ร่วมกันอย่างสมดุล<O:p></O:p>
    สิ่งมีชีวิตจิตใจ ประกอบด้วย<O:p></O:p>
    รูปกาย อันมีภาวะตาม สังขาร+จิตวิญญาณ อันมีภาวะตาม เวทนา อารมณ์ โดยมี แรงดึงดูด แรงยึดเหนี่ยว คือ สัญญา ก็คือ ขันฑ์ 5 นั่นเอง<O:p></O:p>
    ดังนั้น<O:p></O:p>
    จิตวิญาณ คือ รูปหนึ่งของพลังงาน มวลสาร นั่นเอง โดยมี สัญญา เวทนา สังขาร ทำให้เราระลึกได้ว่าเป็นเรา และหลอมรวมพลังงานจิตวิญญาณธาตุรู้ ให้เป็นหนึ่งเดียวคือ เรา เพียงแต่ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ หยาบๆของมนุษย์เรา ยังไม่สามารถสัมผัสได้ ยกเว้น พระอริยะ หรือผู้มีสมาธิขั้นสูง<O:p></O:p>
    ดังนั้น<O:p></O:p>
    จิตวิญาณ จึงไม่มีวันสูญหาย ตามกฎพลังงาน แม้กายหยาบจะสลาย?(ตาย)??ไปก็ตาม<O:p></O:p>
    และแน่นอนพลังงานสามารถถ่ายเท แบ่งปันได้(ไฟฟ้า แบ่ง อนุกรม ขนาน) จึงไม่น่าแปลก ที่เราจะถอดจิตวิญญาณได้ ในขณะที่ ร่างกายยังคงมีชีวิตอยู่ โดยใช้พลังงานจิตวิญญาณต่ำที่สุด คือ การหายใจ ท่านจึงสอนไว้ว่า การทำสมาธิ ที่ถูกต้องโดยการกำหนดลมหายใจ เข้า ออก เพื่อรักษาชีวิตอย่างง่าย และประหยัดพลังงาน สงบที่สุด นั่นเอง<O:p></O:p>


    ธรรมจักรวาล<O:p></O:p>


    ธรรม ธรรมชาติ สรรพสิ่งในสากลจักรวาล<O:p></O:p>

    ดู Link
    http://palungjit.org/threads/ธรรม-จักรวาล-การละเมิด.81953/
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 ธันวาคม 2009
  19. NO RELIGIOUS.

    NO RELIGIOUS. สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +0
    รู้ได้ขนาดนี้ ทำแล้วผลเป็นยังไงบ้าง บอกกันบ้างซิครับ
     
  20. yutkanlaya

    yutkanlaya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    865
    ค่าพลัง:
    +4,403
    เมื่อเราเข้าใจ ในทุกสรรพสิ่ง ว่าเป็นหนึ่งเดียวกันแล้ว
    เราจะ รัก เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา อภัย ต่อทุกๆสิ่ง
    เมื่อจิตใจ เรารักทุกสรรพสิ่ง ในจักรวาลแล้ว เราจะรัก
    ทุกๆจักรวาล ทุกๆภพภูมิ ทั้งสุคติและทุคติภูมิ ทั้งมวล
    สุดท้ายเราจะรู้เข้าใจในทุกๆสรรพสิ่ง วางอุเบกขาอย่างยิ่ง
    เมื่อจิตใจ อารมณ์ ความรู้สึก เข้าถึงภาวะนี้ นี่เองหรือคือ???
    จิตจักรวาล อันครอบคลุมโดยแท้ และมีแต่ สุขใจอย่างยิ่ง
    หรือว่า จิตวิญญาณ อารมณ์ ความรู้สึกเช่นนี้ คือ นิพพานจิต โดยแท้หนอ???

    ตัวอย่างสรรพสิ่งที่สงสัย
    อะตอม โมเลกุล อนุภาคต่างๆของ หิน ดิน ทราย ทำไม??
    อิเล็กตรอนตัวนี้ โปรตรอนตัวนี้ นิวตรอนตัวนี้ จึงจำกันได้ว่า ต้องอยู่ร่วมกัน ในอะตอมนี้ โมเลกุลนี้ ทรายเม็ดนี้ ดินเม็ดนี้ หินก้อนนี้
    หรือว่า พวกเขามีสัญญาต่อกัน อันเป็นข้อมูลที่มีอยู่ใน จิตวิญญาณ ธาตุรู้ อันเป็นพื้นฐานของชีวิต นั่นเอง
    และจิตวิญญาณธาตุรู้นี้ ก็ตัดสัญญาจาก รูปสังขารเหล่านี้มิได้ เพราะมีเวทนา อารมณ์ รักไม่รัก ชอบไม่ชอบ ละไม่ละจาก รูปสังขารเหล่านี้ ทั้งตัวเองและสิ่งแวดล้อมที่คิดว่าเป็นของตัวเอง จึงเป็นที่มาของภพชาติใหม่ๆวนไปเวียนมาไม่สิ้นสุดซะที จนกว่าจะละวางได้ เท่านั้นเอง
    แสดงว่า
    ในอะตอมหนึ่งๆ ล้วนมีขัณฑ์ 5 ครบมั้ย? หรือควรสรุปได้ว่า
    ทุกสรรพสิ่ง ธาตุสี่ อะตอมทั้งหลาย โมเลกุลทั้งหลายฯลฯ ล้วนมีชีวิตทั้งสิ้น???
    แต่ จะเคลื่อนไหวเองได้ ไม่ได้ อีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งน่าจะบอกได้ว่า
    วิทยาศาสตร์ วัตถุยุคใหม่ อธิบายสิ่งมีชีวิตได้ไม่ครอบคลุม หรือผิดนั่นเอง
    (tm-love) (tm-love) (tm-love)
    บางครั้ง ก็รู้สึกท้อใจเหลือเกิน กับการที่จะทำให้สรรพสิ่งชีวิตทั้งหลาย เข้าใจกันและกันได้อย่างถูกต้อง อยู่ร่วมกันได้อย่างเป็นสุข ยิ่งในภาวะแห่งวัตถุนิยมเช่นนี้ ที่มนุษย์นับถือวัตถุธาตุ นับถือความรู้ ว่าสูงค่ายิ่งกว่า ชีวิตจิตวิญญาณ อันอมตะประเมินค่าเป็นเงินทรัพย์วัตถุ มิได้ ประกอบกับภาวะค่านิยมเห็นแก่ได้เช่นนี้ ยิ่งรู้สึกว่าหนทางที่ปรารถนาช่างยาก ลำบากเหลือเกิน

    จนบางครั้งอยากลาโลกมนุษย์นี้ไป คล้ายพระอริยะสงฆ์ทั้งหลายในขณะนี้ แล้วปล่อยให้มันเป็นไป ตามตถตา ตามยถากรรม แต่ครั้นใช้สมาธิ ตั้งสติ ตริตรึกนึกคิด พินิจพิจารณาแล้ว ความรักเมตตาที่มีต่อโลกนี้ จักรวาลนี้ สรรพชีวิตเหล่านี้ มีเหลือประมาณนัก ครั้นจะมุ่งหน้าเข้าหาทางแห่งวิมุติ นั่นก็เป็นเพียงหนทางสุขสว่างแต่เพียงตัวเอง แล้วครอบครัว ญาติสนิทมิตรสหายหล่ะ ประชาชนและสรรพชีวิตทั้งหลายจะเป็นยังไง ใครเขาจะหาว่าเห็นแก่ตัว ซึ่งตรงข้ามกับเราอย่างสิ้นเชิง

    แต่เมื่อลองมองย้อนกลับไปในอดีต จากชีวิตคนอีสานธรรมดา บรรพบุรุษลาวเวียงจันทน์ แต่ชีวิตก็ผกผัน นำพาให้มาได้เรียนรู้ชีวิตและสังขารมนุษย์ ด้วยการศึกษาวิชาแพทย์ศาสตร์แล้ว ยังไม่เพียงพอ ก็ได้มาเรียนรู้ต่อในชีวิตและสังขารโลกและวัตถุ ด้วยการศึกษาวิชาวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม อันบรรจบพบพอดีกับความร้อนของโลก ดุจดั่งมีผู้ลิขิตนอกจากจิตของตัวเอง ที่อยากให้เรารู้จริงใน ชีวิตมนุษย์และโลกวัตถุ จักรวาล เหมือนต้องการให้นำพาฟ้ายังบันดาลให้เราเข้ามาสู่ถนนการเมือง อันเป็นเรื่องของผู้นำมหาชนคนส่วนใหญ่ ไล่ไปแล้วก็ตั้งแต่เป็นคณะทำงานรองประธานสภาผู้แทน มาสู่คณะทำงานรัฐมนตรีช่วยเกษตรฯ หันเหไปสู่ท้องถิ่นเป็นคณะที่ปรึกษานายก อบจ.จังหวัดใจกลางภาคอีสาน แล้วกลับมาเป็นคณะทำงานท่านที่ปรึกษารัฐมนตรีเกษตรฯในปัจจุบัน ซึ่งเราปฎิเสธมาเสมอที่มีผู้อยากให้เราเป็นผู้ทำงานมวลชนเอง ในใจเราขอเพียงแค่ผู้นำรับฟังและเชื่อเราบ้างก็เพียงพอแล้ว แต่นั่นมันก็เพียงแค่เปลือกนอก ที่ลอกออกมาแล้ว ยังหาที่สุดมิได้ เพียงแต่เราพอได้มีโอกาสเติมสิ่งดีๆความปรารถนาดีๆจากใจเราเข้าไปในนโยบายบ้างตามแนวทางของพระธรรม แต่ก็ยังคงไม่ถึงที่สุด เพียงแค่เริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่เราปรารถนาบ้างแล้ว ก็พอใจบ้าง แต่ที่ท้อใจคงเพราะไม่ทันใจ อารมณ์ วิญญาณ ความรู้สึก ที่ยึดมั่นตัวตนของเราเองเท่านั้นแหละ

    แล้วเมื่อปีจอที่ผ่านมา มันก็มีเหตุปาฏิหารย์เกิดแก่ตัวเราเองและทีมงานที่เข้าใจเพียงแค่ว่ามันคือปรากฎการณ์ธรรมชาติ แต่ในใจเรานั้นมันมีแต่คำถามและธรรมชาติกับจิตบางดวงที่เราปรามาสเท่านั้นที่รู้ และมันยังคงเป็นความลับที่ไม่เคยแพร่งพรายให้ใครรับรู้แม้แต่ทีมงานหรือใครๆต้องโบ้ยไปให้โทษธรรมชาติ ทำให้จากผู้ชายคนธรรมดาที่ไม่เคยสนใจในพระธรรม เพราะไม่ชอบในรูปแบบพิธีกรรมต่างๆ คำเทศน์คำสวดอันเป็นภาษาที่เราไม่เคยเข้าใจแต่วัยเยาว์แล้ว อีกทั้งความเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่เห็นทุกสิ่งต้องพิสูจน์ได้มีหลักฐานชัดแจ้งจึงจะเชื่อ จากนั้นมาก็รู้สึกเกิดความสงสัยในใจเหลือประมาณ จึงบันดาลให้สนใจในพระธรรม ในพระพุทธเจ้า แล้วก็เริ่มศึกษาอย่างจริงจังนับแต่นั้นเป็นต้นมานี้เอง จากหนังสือและเว็บไซต์แห่งนี้เองที่กัลยาณมิตรแนะนำ ก็ต้องขอขอบคุณเจ้าของเว็บ ทีมงานและกัลยาณมิตรทั้งหลายในเว็บนี้อย่างยิ่ง จวบจนบัดนี้ก็คิดว่าเข้าใจพอสมควรแล้ว พิสูจน์หลายๆอย่างแล้ว เจอเหตุปาฏิหารย์มากมายหลายครั้งแล้ว จนศรัทธาแล้วว่าพระพุทธองค์ ทรงคือสุดยอดอัจฉริยบุคคลเอกของโลกและจักรวาล อันหาคำบรรยายมิได้แล้วในใจเรา แต่ก็ยังหาวิธีการที่ดีไม่ได้ที่จะทำให้คนอื่นเข้าใจอย่างที่เราเข้าใจ ในภาวะสังคมที่เป็นเช่นนี้ โดยไม่จำเป็นต้องใช้อิทธิฤทธิ์ ปาฏิหารย์ ประกอบ จนในบางครั้งช่างรู้สึกท้อใจเหลือเกิน แต่ก็ถือว่าโชคดีที่วิถีชีวิตเราอยู่ในแวดวงสังคมการเมืองและผู้นำสังคม อันทำให้พอใจชื้นขึ้นอยู่บ้างว่าผู้ที่ฟังเราแล้วเชื่ออยู่ในฐานะผู้นำมวลชน ซึ่งคงได้รับการขยายกระจายความต่อผู้คนจำนวนมากมายได้ไม่ยากนัก และเรายังคงมั่นใจอยู่เสมอว่าไม่มีสิ่งใดๆในโลกนี้จะเหนือกว่า สูงค่ากว่า จิตวิญญาณ ความปรารถนาดี ของมนุษย์เรา

    เพียงแต่ในบางครั้ง การดำเนินการนั้นๆไม่ทันใจ เวทนา อารมณ์ ความรู้สึกของเรา ก็เท่านั้นเอง แต่ก็เชื่อว่าฝันสีทองของมนุษยชาติเราจะต้องเป็นจริงได้ในไม่ช้าไม่นานนี้ อย่างแน่นอน

    นานๆครั้ง ก็ลองมานั่งบ่น วิเคราะห์ เจาะลึก และเปิดเผยตัวเองบ้าง อย่างง่ายๆไม่ต้องใช้ภาษาธรรม ก็ทำให้รู้สึกเบาใจ คลายจิต ดีไม่น้อย คงเพราะเราตึงเกินไปนั่นเอง
    ความจริงใจ เปิดเผย ไม่ปิดบัง ไม่ซ่อนเร้น ไม่มีเล่ห์กล คุณผู้อ่านคงไม่รำคาญหรอกน่ะ ที่ต้องมานั่งฟังคนแก่บ่น
    (tm-love) (tm-love) (tm-love) (tm-love) (tm-love) :d :d :d :d :d

    แต่ก็ยังมีข้อสงสัยในบางประการ ทำไมคนในเว็บธรรมอันนี้ ไม่ค่อยมีคนจริงใจ กล้าเปิดเผยตัวเองเลย แม้แต่ชื่อก็ยังปิดบังซ่อนเร้นแล้ว หรือว่าศีลธรรมข้อนี้ ไม่มีคนสนใจแล้ว ล้าหลังไปแล้ว ในภาวะทุนนิยม ยุคโลกาภิวัฒน์ เช่นนี้หนอ หรือนี่คือค่านิยมใหม่ ที่ใครๆต้องหลอกกัน ใครโกหกเก่งกว่า คือ ผู้เหนือกว่า ผู้ชนะ???
    หรือว่าท่านเจ้าของเว็บ จะลองสร้างวัฒนธรรมใหม่ แห่งความงามสง่า กล้าหาญ เปิดเผย ตัวตนที่แท้จริง ของผู้เข้ามาเว็บ ผ่านการลงทะเบียนที่ถูกต้อง???ตรวจสอบได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 กันยายน 2010

แชร์หน้านี้

Loading...