ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

โมทนาครับในจิตอันเป็นกุศล ยังไงก็อย่าโต้เถียงกันเลยครับว่า
ใครเห็นอย่างไรไอ้เรื่องภัยพิบัติผมก็เคยมีประสบการณ์ จากมโนมยิทธิหลายๆๆครั้งมาก หลักๆคือมีพระรัตนตรัย เทพ พรหม พระผู้ทรงคุณ
และคนดีๆเขาทำบุญกันเต็มกำลังเพื่อเลื่อนและบรรเทาภัยพิบัติลง ยังไงก็ไม่พ้นแน่
ไอ้เรื่องเห็น รู้ ผมว่ามันไม่สำคัญนัก(f) เท่าๆกับเราๆและพี่ๆน้องๆยังตนให้เป็นผู้ไม่ประมาทใช่ไหมครับ ทรงศีล5อย่างน้อยให้บริสุทธฺิ เคารพพระรัตนตรัยไม่สงสัย คิดอยู่เสมอว่ามีใครไม่ตายมั่ง เลือกได้ไหมว่า อย่าพึ่งตายไม่ได้เราตายเช้าสายบ่ายคำ่ คิดอยู่สมอว่าเราตายเเน่ ทรงให้ได้ตลอดวัน คิดว่าตายเราไปนิพพานดีกว่า ไม่เอาอีกร่างกาย ทรงให้ได้ทั้งวัน เตรียมจิตเตรียมใจทรงกำลังใจ
ได้ตลอดวัน อย่างนี้สำคัญกว่าเกิด ไม่เกิดเราก็สบายพ้นแน่อบายภูมิ สบายและต่อมา เตรียมกาย ออกกำลังประจำเปลี่ยนอุปนิสัยการกิน ต่อมา เตรียมอุปกรณ์ พวกอุปกรยังชีพต่างๆยามเกิดภัยพิบัติ แค่นี้ก็สบายเกิดก็สบายไม่เกิดก็สบาย

 

ช่วงนี้สหรัฐเจอภัยธรรมชาติหนักหน่อย
พายุทอร์นาโดกระหน่ำรัฐฟลอริดาและจอร์เจีย มีผู้เสียชีวิต
แคปิโตลา 8 มี.ค. – พายุทอร์นาโดพัดกระหน่ำรัฐฟลอริดาและจอร์เจียในสหรัฐ ทำให้บ้านเรือนได้รับความเสียหาย ต้นไม้และเสาไฟฟ้าล้ม ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 คน

สำนักงานอุตุนิยมวิทยาสหรัฐรายงานว่า มีพายุทอร์นาโดอย่างน้อย 12 ลูกพัดกระหน่ำรัฐฟลอริดาและจอร์เจีย สร้างความเสียหายทั้งบ้านเรือนและรถยนต์ และกระแสไฟฟ้าถูกตัดขาด รายงานระบุว่า ผู้เคราะห์ร้ายเป็นหญิง อายุ 62 ปี เสียชีวิตเพราะถูกต้นไม้ล้มทับบ้านเคลื่อนที่ของนางในเขตเลคซิตี้ รัฐฟลอริดา อิทธิพลของพายุทอร์นาโดครั้งนี้ ยังทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกอย่างน้อย 16 คน
ทางการสหรัฐระบุว่า ในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา สหรัฐเผชิญพายุทอร์นาโดมากถึง 368 ลูก มากกว่าในช่วงสามปีที่ผ่านมา โดยล่าสุดเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิตจากพายุทอร์นาโดกระหน่ำ 4 รัฐอย่างน้อย 57 คน นับว่ารุนแรงที่สุดในรอบ 20 ปี.-สำนักข่าวไทย

อัพเดตเมื่อ 2008-03-08 10:25:12

เกิดหิมะตกหนักที่สุดในรอบ 61 ปี ในรัฐเท็กซัสของสหรัฐ
สหรัฐ 8 มี.ค. - สภาพอากาศในสหรัฐผันผวนอย่างหนัก โดยที่รัฐเท็กซัสมีหิมะตกหนัก แต่ในรัฐฟลอริดา กลับเกิดพายุฝนฟ้าคะนองรุนแรง

มีพายุทอร์นาโดอย่างน้อย 2 ลูก พัดเข้าทางเหนือของรัฐฟลอริดา เมื่อวันศุกร์ ตามเวลาในสหรัฐ ส่งผลให้มีบ้านเรือนถูกทำลายไปหลายสิบหลัง เสาไฟฟ้าหักโค่น แต่พบผู้บาดเจ็บเพียงเล็กน้อย ในขณะเดียวกัน ก็มีพายุหิมะพัดเข้ารัฐเท็กซัสไปจนถึงโอไฮโอ ส่งผลให้หลายพื้นที่มีหิมะกองท่วมสูง 1 ฟุต การสัญจรทางท้องถนนเป็นไปอย่างยากลำบาก โดยในช่วง 3 วันที่ผ่านมา มีพายุหิมะพัดเข้าพื้นที่ดังกล่าวถึง 2 ลูก สำนักงานพยากรณ์อากาศแห่งชาติระบุ เดือนนี้จะเป็นเดือนที่รัฐเท็กซัสมีหิมะตกหนักที่สุดในรอบ 61 ปี ส่งผลให้โรงเรียน และมหาวิทยาลัยต้องปิดทำการ และสนามบินต้องยกเลิกเที่ยวบินไปหลายร้อยเที่ยว. -สำนักข่าวไทย


อัพเดตเมื่อ 2008-03-08 15:10:35

 

เท่าที่ผมสอบถามจากท่านผู้รู้หลายๆ ท่านมีความเห็นตรงกันว่า ภัยพิบัติทางธรรมชาติจะไม่รุนแรงเหมือนกับคำทำนายโดยเฉพาะในประเทศไทย เพราะมีพระอริยะเจ้าอาศัยอยู่มาก ท่านเหล่านี้ได้คอยช่วยเหลืออยู่อย่างเงียบๆ ทำให้ภัยพิบัติที่จะเกิดกับประเทศไทยลดลงเหลือเพียง 50% จากคำทำนายดั้งเดิม

แต่ภัยจากสงครามยังคงมีอยู่เหมือนเดิมตามคำทำนาย เพราะจิตมนุษย์ในสมัยนี้สั่งสมบาปอกุศลเอาไว้มาก จิตมนุษย์เรานั้นมีอิสระเสรีที่จะเลือกทำดี หรือทำชั่วก็ได้ สุดแท้แต่การตัดสินใจของตัวเอง ไม่มีใครจะสามารถมาบังคับความคิดเห็นของใครได้ เมื่อคนเราคิดดีพูดดีทำดี ก็จะได้รับผลแห่งกรรมดีตอบแทน แต่เมื่อคนเราคิดชั่วพูดชั่วทำชั่ว ก็จะได้รับผลแห่งกรรมชั่วนั้นตอบแทนเช่นเดียวกันครับ

 

"ทำไมผมถึงกล้ายืนยันว่าอีก 10 ปียังไม่เกิดภัยพิบัติ"

ขณะที่ทรงอารมณ์อยู่ในพระกรรมฐาน จิตก็มุ่งไปหาหลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษี) โดยถามท่านว่า "ภัยพิบัติจะเกิดเมื่อใด" หลวงพ่อท่านยิ้มและพูดว่า "อีก 10 ปีก็ยังไม่มี ในประเทศไทยมีผู้ที่มีมรรคผลรอไปนิพพานเยอะ แรงบุญมันมากกว่าแรงกรรม มันจะเกิดหรือไม่เกิดจะไปสนใจมันทำไม แรงปฏิบัติเพื่อไปนิพพานอย่างเดียวก็พอ รู้แล้วเอาไปพูดเขาจะหาว่าบ้า เป็นการอวดอุตริด้วย"

จริงๆอย่างท่านว่า พูดไปคนหาว่ารู้มากหรือว่าบ้า ฝืนอาจารย์เลยเจอดี ขอนิพพานจงมีแด่ทุกท่าน...สาธุ

 

ภัยจากมนุษย์สุดจะห้าม.......​

​

เดือดม็อบปะทะตำรวจ จราจลกลางกรุง ​

23 ก.ค.50 ตร.ลุยสลายม็อบ นปก. ที่ปักหลักกดดันพลเอก เปรม ประธานองคมนตรีให้ลาออกจากตำแห่นงที่หน้าบ้านสี่เสาเทเวศน์จนทำให้เกิดการปะทะกันระหว่างม็อบ นปก. กับตำรวจจนเกิดเหตุการณ์ชุลมุนวุ่นวายกลายเป็นจราจลกลางกรุง

​

​

​

ที่มา http://www.pattayadailynews.com/thai/shownews.php?IDNEWS=0000003493

 

อภิญญามีสภาพไม่เหมือนกัน

โดยพระราชพรหมยาน(หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)​

เรื่องของอภิญญา คนส่วนใหญ่เมื่อฟังว่าอภิญญาแล้วก็มักจะคิดว่า ท่านที่ได้อภิญญาจะต้องมีความรู้แจ่มใสเหมือนพระพุทธเจ้าเสียทุกอย่าง เป็นการเข้าใจผิดถนัด พระพุทธเจ้าทรงเป็นสัพพัญญูคือ มีบารมีเป็นจอมอรหันต์ ย่อมทรงอภิญญาดีเลิศเป็นพิเศษ สำหรับพระสาวกที่ได้มีกำลังไม่เท่ากัน และไม่มีทางจะไปเปรียบเทียบกับพระพุทธเจ้าได้เลย จะเปรียบให้ฟัง เอาเพียงทิพยจักษุญาณอย่างเดียว อย่างอื่นให้เข้าใจว่าเหมือนกัน

1.ทิพยจักษุญาณของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีความสว่างคล้ายพระอาทิตย์ส่องแสงจัด ไม่มีเมฆบัง ไม่มีเผลอ ไม่มีพลาดในการเห็น

2.ของพระปัจเจกพุทธเจ้า มีความสว่างเหมือนวันเพ็ญพระจันทร์เต็มดวง มองเห็นคนกลางคืนเมื่อเดือนหงายมีสภาพอย่างไร ต่างกับกลางวันอย่างไร พิสูจน์เอาเอง

3.พระอัครสาวกทั้งสอง มีความสว่างเหมือนคบเพลิงดวงใหญ่สว่าง แต่แสงสว่างไม่ไกลเหมือนความสว่างของดวงจันทร์

4.ของพระอรหันต์สาวก สว่างเหมือนแสงตะเกียงดวงน้อย

5.ของท่านที่ได้ฌานโลกีย์ สว่างเหมือนอากาศเมื่อพระอาทิตย์ลับแล้ว กำลังมัวตา มองดูอะไรก็ไม่เห็นถนัดนัก

ข้อเปรียบเทียบนี้ยังไม่ละเอียดพอ แต่เกรงว่าลูกหลานจะเบื่อฟัง เอามาเปรียบเทียบเพียงย่อ ๆ ท่านที่ได้ฌานและอภิญญาไม่ใช่รู้อะไรหมด ยิ่งเป็นฌานโลกีย์ด้วยแล้ว ยิ่งมีจังหวะพลาดง่ายเหลือเกิน เพราะมีอุปาทานมาก ต้องระวังให้มาก ถ้าไม่ประมาทคิดว่าตัวดีไม่เป็นไร ถ้าประมาทเมื่อไรเจ๊งเมื่อนั้น สำหรับพระอริยท่านรู้ว่าท่านไม่ดีเสมอ ไม่มีความประมาท เรื่องเจ๊งไม่มี

ทีนี้เรามาพูดกันถึงเรื่องที่เล่ามาแล้ว ที่ฉันบอกเห็นอะไร ไปไหน คิดอะไร แล้วหลวงพ่อปาน รู้เรื่องที่บอกมา ไม่ใช่ฉันอวดตัวฉัน ที่บอกก็เพื่อให้ทราบว่าหลวงพ่อปานท่านรู้อภิญญา ที่เราเรียกว่าทิพยจักษุญาณ แต่ที่แท้แล้วญาณต่าง ๆ ของอภิญญามีชื่อหลายอย่าง



ที่มา http://www.palungjit.org/smati/books/index.php?cat=46

 

ใครบอกว่าเกิดภัยพิบัต หรือไม่เกิด ไม่สำคัญ

มันไม่สำคัญจริงถ้าคุณถึงนิพพาน

แต่มันสำคัญสำหรับคนทั่วๆไป

โลกกับธรรม มันไปด้วยกันไม่ได้หรอกครับ

ความมั่งคั่งทางโลก เกิดจากการสะสม

ความมั่งคั่งทางธรรม เกิดจากการสละ ละวาง

แค่นี้ก็ต่างกันแล้วครับ เพราะฉะนั้น ถ้าไม่เกิด เป้าหมายชีวิตทางโลกก็ดำเนินต่อไป ถ้าเกิดจริงๆ ก็ต้องเบนเป้าหมายการใช้ชีวิต หันมาใส่ใจทางธรรมมากขึ้น

ยกเว้น ท่านจะมีเป้าหมายนิพพาน ก็จบ

 

ถ้าไม่เกิดภัยพิบัติ แล้วโลกยุคใหม่จะมีขึ้นได้อย่างไร?

ยุคทองในความเชื่อของศาสนาอิสลาม​

เรื่องเล่าของนิมิตฝัน

นิมิตฝันนี้ผมได้รับรู้มาจาก ผู้ปฏิบัติธรรมท่านหนึ่งซึ่งผมไม่ขอเอ่ยนามนะครับ เป็นเรื่องของความฝันเกี่ยวกับภัยพิบัติทางธรรมชาติ ที่อาจจะเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้ ผมจึงขออนุญาตนำเนี้อความในฝันนั้นมาเล่าให้ท่านฟังดังนี้ครับ ​

๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑​

เรื่องสุบินนิมิตของผมนั้น จริง ๆ แล้ว ก็ไม่ต่างจากไปจากนวนิยายชวนฝันทั้งหลายหรอกครับ เพราะเป็นเพียงแค่ภาพที่เห็นจากความฝัน มิใช่สมาธินิมิตจริง ๆ ดังนั้นเรื่องราวที่เกิดจากความฝันของผม ขอคุณเกษมฟังเป็นนิทาน นะครับ​

ก่อนอื่นขอเล่าถึงเหตุแห่งสุบินนิมิตก่อนครับ.....คือเวลานอน ผมนอนทำสมาธิแล้วก็ก้าวลงสู่ความหลับ ซึ่งบางครั้งก็ฝัน บางครั้งก็ไม่ฝันครับ...ความฝันที่เกิดต่อจากจิตสงบแล้วก้าวลงสู่ความหลับ...จึงเป็นสุบินนิมิต (ซึ่งก็คือความฝันอยู่ดีครับ) บางครั้ง หากผมอยากเห็น ผมก็อธิษฐาน หรือตั้งใจอยากเห็นอย่างแรง แล้วค่อยนอนครับ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะฝันเห็นทันทีหลังจากอธิษฐานนะครับ จะฝันเห็นอย่างนั้นก็ต่อเมื่อ จิตของผมคลายจากความอยากนั้นแล้ว คืนต่อ ๆ มา ไม่คืนใดก็คืนหนึ่ง เมื่อเหตุปัจจัยพร้อม ก็จะฝันเห็นเองครับ...เช่นเคยอธิษฐานขอเห็น นาค นารีผล รุกขเทวดา เป็นต้น​

คร่าว ๆ คือ ฝันเห็นช่วงเกิดภัยพิบัติ ทั้งจากคน ทั้งจากธรรมชาติครับ เช่น ​

- ฝันเห็นความหนาวมาก หนาวระดับน้ำแข็งเกาะต้นไม้(เกิดหลังใช้อาวุธร้าย), ​

- ฝันเห็นน้ำท่วมใหญ่สูงระดับตึกสิบสองชั้น บ้าง น้ำท่วมหลากไหลนองเต็มทุกพื้นที่ที่ไม่สูง บ้าง (ฝนตกหนักนาน), ​

- ฝันเห็นความร้อน แล้ง ไม่มีอาหารจะกิน คนเป็นกินคนตาย..คนที่ไม่ตายก็ถูกฆ่าเป็นอาหาร...(ในกลุ่มคนบาปเอง จะรวมกลุ่มกันเองแล้วกินกันเอง...กลุ่มผู้มีศีล ถือศีลอดอาหารยอมตาย ไม่ยอมกินใครก็มี)...ทั้งเห็นเขาเอาแขนคนขาคน ซี่โครงคน มาแขวนแลกข้าวของ ตามข้างทาง...​

- ฝันเห็นแผ่นดินไหว, ตึกถล่ม, บ้านทรุดหายไปในดิน, คนที่อยู่ชายหาดหายไปกับน้ำ, เห็นลำแสงจากฟ้าฟาดลงพื้น จนดินแยก น้ำทะเลล้นกระแทกตึกถล่มไล่ทะลายล้มเป็นทิวแถว​

- ฝันเห็นสงครามหลายครั้ง ทั้งทหารไล่ยิงคนตามภาคพื้นบ้าง ทั้งเครื่องบินบินเต็มท้องฟ้าทิ้งระเบิดสังหารบ้าง​

- ฝันเห็นแดนเร้นภัยต่าง ๆ ​

- ฝันเห็นเจดีย์ทองอันสวยงามสูงเสียดฟ้า เห็นวิหารเจดีย์ที่จมอยู่ใต้น้ำ เห็นทำเลเมืองใหม่ (เปิดตามองภาพจากอากาศ) เห็นสถานที่มุรธาภิเษกที่มีอยู่แต่ผีบังไว้หรืออยู่อีกมิติหนึ่ง ซึ่งมีหุ่นพยนต์ยักษ์รักษาไว้อยู่ แสดงว่าของทั้งหลายปัจจุบันโดยมากมีอยู่ มีเกิดขึ้นแล้ว แต่เทวดาปิดบังไว้อยู่........เป็นต้น​

นับตั้งแต่ช่วงก่อนปี ค.ศ. 2000 ผมมักจะฝันเห็นสถานที่แปลก ๆ ฝันเห็นเจ้าลัทธิต่าง ๆ เช่นพวกเข้าทรง รวมถึงสำนักพระศรีอาริย์ทั้งหลาย ฝันเห็นพระที่เป็นมิจฉาทิฏฐินำพาคนไปสู่มิจฉาทิฏฐิดุจตน ฝันเห็นพระเกิดความโลภครอบงำ..เป็นต้น แล้วในฝันนั้น ๆ ตนเอง เข้าไปพยายามขัดขวาง แต่ก็สู้ไม่ค่อยได้ หลาย ๆ ครั้งในฝันต้องนั่งสมาธิเอาตัวรอดและก็รอดได้ทุกครั้ง และหลาย ๆ ครั้งในฝันก็ตั้งจิตอธิษฐานขอบำเพ็ญตนเพื่อเป็นคนหนึ่งที่จะสะสางชำระและรักษาพุทธศาสนาให้ผุดผ่อง​

ผมเองเข้าใจว่า ภัยพิบัติใหญ่ จะเกิดขึ้นแน่นอน และตอนนี้ก็กำลังคืบคลานรุกเข้ามาเรื่อย ๆ และผมก็เข้าใจว่า คงมีผู้คนอีกมากมายคิดคล้าย ๆ ผม อยากให้โลกสงบสุข อยากให้โลกมีแต่คนดี ๆ มีเมตตา มีมุทิตา ไม่โลภ ไม่เอาเปรียบผู้อื่น ไม่รังแกกันและกัน

ซึ่งก่อนนี้ ด้วยเมตตาธรรม และกรุณาธรรม ผมคิดจะช่วยผู้อื่นโดยเฉพาะเหล่าญาติสนิทมิตรสหายให้รอดจากภัยพิบัติต่าง ๆ ด้วยอิทธิฤทธิ์ของตน จึงพยายามบำเพ็ญตนเพื่อให้สามารถทำได้ดังนั้น แต่ต่อมากลับมองเห็นการช่วยเหลือแบบนั้น เป็นวิธีการไม่ชอบธรรม เนื่องเพราะว่า คนเราจะอยู่จะตาย ก็ด้วยกรรมของตนบริโภคกรรมของตนเท่านั้น สัตว์ทั้งหลายย่อมเป็นไปตามกรรม นั่นคือ หากเราช่วยผู้คนที่มีศีลไม่ดีงามพอ มีคุณธรรมไม่งามพอ ให้รอดชีวิตจนเป็นชาวประชาแห่งเมืองใหม่แล้ว ผู้คนเหล่านั้น จักอยู่ลำบากเอง เพราะธรรมตนไม่เหมาะสมกับธรรมของคนส่วนใหญ่ เปรียบเสมือนให้คนไม่ชอบเข้าวัดฟังธรรมไปอยู่ในวัดฟังธรรมทั้งวัน เขาย่อมทนอยู่ไม่ได้ ฉะนั้น นี่อย่างหนึ่ง จักอยู่สร้างความลำบากให้คนดีคนอื่น เพราะธรรรมชาติของตนเป็นคนไม่ค่อยดีอยู่ก่อนแล้ว นี่อย่างหนึ่ง ผู้คนเหล่านี้ จักสร้างความปั่นป่วนให้เมืองใหม่ได้

แต่หาก กรรมของตนของตน เป็นผู้จำแนก คัดสรร จัดสรรแล้ว กลุ่มของสรรพสัตว์ จะเกิดการแบ่งอย่างชัดเจน คนที่รอดชีวิตก็จะรอดได้ด้วยกรรมของตนเองเป็นปัจจัย คนที่มีศีลดีงามจริง ๆ มีคุณธรรมดีงามจริง ๆ มีทิฏฐิตรงจริง ๆ มีศรัทธาเดียวกันจริง ๆ จะได้อยู่ในเมืองใหม่ เมืองที่เหลือแต่คนดี ๆ จึงจะมีแต่ความสงบสุขสมเป็นเมืองในอดุมคติได้

เมื่อเห็นดังนี้ จิตจึงก้าวเข้าสู่อุเบกขาธรรม ปล่อยให้คนทั้งหลายสร้างตนเอง บำเพ็ญทางรอดเอง ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ...ผู้ใดได้ยินได้ฟังเรื่องราว เกิดความตื่นตัว มิใช่ตื่นตูม แล้วใคร่รู้ทางรอด วิธีการดำเนินชีวิตเพื่อความเป็นผู้รอด ผู้นั้น ก็จักขวายขวายเอง เมื่อรู้วิธีดำเนินตนแล้ว พยายามดำเนินตนตามแนวทางนั้น ๆ จริง ๆ จนคุณธรรม ศีลธรรมซึมเข้าจิตใจเป็นอันดีแล้ว เขาจักรอดเอง ด้วยคุณธรรมของเขาเอง

แม้แต่ตัวผมเอง หากมีคุณธรรม ศีลธรรมดีไม่พอ ก็ไม่รอดเหมือนกัน ดังนั้น จึงสำนึกในใจเสมอว่า ต้องประพฤติตัว บำเพ็ญตน ในคุณธรรม ศีลธรรม อันนั้นเหมือนกัน

อากาศรองรับได้แต่เฉพาะของเบากว่าหรือคู่ควร สิ่งที่หนักกว่าอากาศ หรือไม่คู่ควร ย่อมอยู่บนอากาศไม่ได้

น้ำปรับตัวเองเป็นไอน้ำ จึงอยู่บนอากาศได้

ไอน้ำเมื่อรวมตัวกันเป็นหยดน้ำ ย่อมร่วงหล่นลงภาคพื้น

ฉบับนี้ เท่านี้ก่อนนะครับ...ขอบคุณครับ


ที่มา http://palungjit.org/showthread.php?t=79471&page=22<!-- / message --><!-- edit note -->


<!-- / message --><!-- edit note -->

 

อย่าพยายามสร้างกระแส

ผมเห็นหลายคนพยามยามสร้างกระแสแห่งภัยพิบัติ โดยพยามยามหยิบเอาเรื่องโน้นเรื่องนี้มาปะติดปะต่อกัน โพสแล้วก็โพสอีก สงครามหรือภัยธรรมชาติเขาเกิดของเขาทุกวินาที อยู่แล้ว ที่ผ่านมาก็เกิดแต่ไม่มีใครสนใจเพียงแต่ช่วงนี้กระแสมาแรงก็เลยตื่นกันใหญ่ ถ้าทุกท่านเชื่อมั่นในพระรัตนตรัย ภัยใดใด ก็ไม่รุนแรงดอกซิบอกให้....

 

ถ้าความฝันไม่ผิด ท่านปู่พระอินทร์ท่านมาบอกว่าจะไม่มีภัยพิบัติใดๆๆเกิดขึ้น แต่จะมีภัยจากคนแทน ไม่รู้จริงป่ะ

 

ด้วยความจริงใจแล้ว เมื่อได้ทราบเรื่องภัยที่จะเกิด ทำให้เรื่องทางโลกผมไม่ก้าวหน้า เพราะกลัวลงแรงไปแล้วสูญเปล่า แต่อย่างช้าปลายปีหน้าถ้าไม่เกิดอีก ก็จะไม่คอยดูแล้วครับ

 

ดิฉันก็เคยคิดอย่างนั้นนะคะ แต่คิดไปคิดมา ดิฉันว่ามันไม่ถูก
ไม่ถูกทั้งในหน้าที่ และไม่ถูกต้องตามธรรม
เพราะเราเกิดมามีหน้าที่ที่จะต้องรับผิดชอบตัวเอง
ทุกอย่าง นอกเหนือจากกาย วาจา ใจ แล้ว
ก็ยังมีการดำรงชีพ ที่ควรทำให้ถูกต้องเหมาะสม
กับหลักสัมมาอาชีวะ

ทุกวันนี้ ธุระกิจที่ดิฉันทำอยู่ เรียกได้ว่า
กำลังไปได้ดี แต่เราก็เตือนตัวเองเสมอว่า
ไม่ควรยึดติด เราทำหน้าที่ที่ควรทำในวินาทีนี้
ให้ดีที่สุด และก็ในวินาทีนี้เท่านั้น ที่สิ่งเหล่านี้
จะเป็นประโยชน์ และเมื่อวินาทีไหนที่ภัยพิบัติ
เกิดขึ้น วินาทีนั้น ทรัพย์สมบัติอะไรจะเสีย
ก็ให้มันเสียไป เพราะมันไม่มีประโยชน์แล้ว

ไม่ต้องกลัวเสียแรงปล่าวหรอกนะคะ
เพราะเราได้ประโยชน์กับมันเต็มที่แล้ว
ตั้งแต่วินาทีที่เราเริ่มลงมือ

 

<TABLE class=tborder id=post1020610 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>zz<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1020610", true); </SCRIPT>
สมาชิก



เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 02:26 PM
วันที่สมัคร: Apr 2005
ข้อความ: 2,208 <!-- Start Post Thank You Hack -->
ได้ให้อนุโมทนา 16,686 ครั้ง
ได้รับอนุโมทนา 30,317 ครั้ง ใน 2,113 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
พลังการให้คะแนน: 3122


</TD><TD class=alt1 id=td_post_1020610 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->06-03-2008 คุณจินดา(ภรรยา) ฝันว่า...เกิดการปฏิวัติโดยทหาร...มีความโกลาหลในเมือง....ครอบครัวผมอพยพออกจาก กทม.
<!-- / message --><!-- sig -->
____________________________________________________________
โครงการจัดสร้างปรียนันท์ธรรมสถาน บัญชีออมทรัพย์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาลาดกระบัง
ชื่อบัญชีจินดา จตุวงษ์ เลขที่ 264-1-28141-2
</TD></TR></TBODY></TABLE>
ที่มา http://palungjit.org/showthread.php?t=79471&page=59

เกษม สมาชิก

เหตุการณ์ตอนนี้ชักไม่น่าไว้วางใจแล้วครับ ถึงพวกเราไม่ฝักไฝ่ฝ่ายใดก็จริงอยู่ แต่เมื่อช้างสารชนกันเมื่อใด เหล่าบรรดาหญ้าแพรกอย่างพวกเรา ก็ต้องพลอยแหลกราญไปด้วย ตอนนี้ภัยจากมนุษย์เริ่มรุนแรงมากขึ้นทุกขณะแล้วครับ

ใครจะหาว่าพวกเราเป็นกระต่ายตื่นตูมก็ช่างเขาเถอะครับ เราเตรียมพร้อมเพื่อความอยู่รอดปลอดภัยของพวกเราเอาไว้ดีกว่า อยากจะเตือนเรื่องระบบธนาคารว่าเมื่อเกิดเหตุการณ์จราจลขึ้นเมื่อใด ระบบธนาคารอาจจะใช้การไม่ได้

ควรเตรียมเบิกเงินสดสำรองติดไว้กับตัว หรือควรเปลี่ยนจากเงินฝากในธนาคารเป็นทองคำแท่งเอาไว้บ้าง ก็จะสะดวกในเวลาต้องอพยพอย่างเร่งด่วน ไม่สามารถเก็บข้าวของเครื่องใช้ติดตัวไปได้ทัน ทองคำแท่งจะมีประโยชน์มาก เมื่อระบบธนาคารไม่สามารถใช้การได้ครับ

***ข้อความนี้เป็นความเชื่อส่วนตัวผมครับ ท่านผู้อ่านโปรดใช้วิจารณญาน***

 

คุณธรถือเป็นแบบอย่างการปฏิบัติที่ดีที่ตรงอยู่แล้วอย่ากังวล
ท่านใดออกนอกแนวปฏิบัติพุทธะ ก็ต้องเตือนกัน
เพราะเราเป็นพี่น้องกันเตือนกันได้ และต้องไม่โกรธกันด้วย
มัวแต่เกรงใจกันจะพาออกนอกทางได้
ดีแล้วครับ จะได้ช่วยคุณคณานันท์,อ.คลิก อีกแรง
ผมว่ายังไม่พอต้องเพิ่มอาจารย์มากกว่านี้อีก
ท่านใดทั้งรู้ทั้งเห็นนี่แหละจะช่วยคนได้มากครับ
มาให้กำลังใจครับ

 

ประเทศใดหากเกิดการแตกความสามัคคีหายนะแน่...
ประชาชนตาดำๆที่ไม่มีแรงสู้ย่อมเดือดร้อน...
ขอวิงวอนเหล่าผู้มีอำนาจอย่าปะทะกันเลย...

 

ใช่ครับ เพราะการก่อม๊อบ..การต่อต้านใดๆก็ตาม...ไม่มีผลดีครับ กลับจะก่อให้เกิดความรุนแรงรวดเร็วยิ่งขึ้น

ทุกวันนี้คนเรามันใช้คำพูดว่า "ต่อต้าน" ในการรณรงค์ต่างๆ ซึ่งทำให้การ รณรงค์เหล่านั้นไม่ประสบผลสำเร็จซักที ดังนั้น ควรเปลี่ยนคำพูดเชิงลบ จากคำว่า "ต่อต้าน" เป็นคำพูดเชิงบวก คำว่า "ส่งเสริม" คงจะดีกว่า เช่น... ​

-แทนที่จะต่อต้านสงคราม ก็ควรเปลี่ยนเป็น สนับสนุนสันติภาพ
-แทนที่จะต่อต้านความยากจนอดอยาก ก็ควรเปลี่ยนเป็น สนับสนุนผู้คนให้มีอาหารกิน
-แทนที่จะต่อต้านพรรการเมืองใดเป็นพิเศษ ก็ควรจะเปลี่ยนเป็นสนับสนุนพรรคการเมืองพรรคที่เราพอใจนั้นแทน​

หากทุกคนเพ่งไปยังสิ่งที่ไม่ต้องการ สิ่งนั้นมันคงยังวนเวียนในหัวสมองของทุกคน แล้วในที่สุด มันก็เป็นการตอกย้ำและดึงดูดให้สิ่งที่ทุกคนไม่ต้องการนั้นเกิดขึ้น เหมือนสุภาษิตไทยว่า "ยิ่งเกลียดยิ่งเจอ" นั่นเอง ดังนั้นทุกคน ควรเรียนรู้ที่จะสงบนิ่งและละความสนใจไปจากสิ่งที่เราไม่ต้องการครับ​

The secret ได้บอกหลักสำคัญๆของแหล่ง "แรงดึงดูดสิ่งดีดี" ไว้ดังนี้
1.1 การคิดเชิงบวก (positive thinking):

ทุกความคิดมีแรงดึงดูด เคยสังเกตุมั๊ยว่า หากเราคิดคำนึ่งหรือกังวลเรื่องใดเรื่องหนึ่งบ่อยๆๆ เรื่องนั้นก็มักเกิดขึ้นจริง ดังนั้น หากเราเปลี่ยนความคิดจากการคิดถึงสิ่งที่ไม่ดีบ่อยๆ เป็นคิดถึงแต่สิ่งที่ดีดี บ่อยๆ คลื่นความคิดเราก็จะแปรเปลี่ยนเป็นแรงดึงดูด ดูดสิ่งดีดีเข้ามาในชีวิต​

ในประเด็นนี้ หากเรามองในทางธรรมแล้ว ก็คงไม่ต่างอะไรกับที่ชอบพูดกันว่า
คิดดีทำดี พูดดี ..สิ่งที่สะท้อนกลับมาหาเราก็คงดีเหมือนกัน​

1.2 รู้เท่าทันความคิดของตัวเอง :
เหมือนเป็นการมีสติ กำหนดรู้ว่า ขณะนี้เราคิดอะไร คิดดีหรือคิดเลว เมื่อเรารู้เท่าทันความคิดเราเมื่อไหร่ เราก็สามารถคัดแยกความคิดเลวออกจากความคิดดีได้ ทำให้เรามีโอกาสที่จะยับยั้งความคิดเลว และดำเนินความคิดดีดีต่อไป
อนาคตของคุณขึ้นอยู่กับ "ความคิด" ของคุณ​