อยากทราบประสบการณ์อภิญญาของท่านต่างๆ

อยากทราบประสบการณ์อภิญญาของท่านต่างๆ

ถ้าเราทำจิตถึงฌาณ 4 ด้วยการกำหนดจิตอย่างไรก็เเล้วแต่ เราสามารถ ใช้อภิญญาได้ทุกอย่างหรือไม่ ผมเข้าใจว่าได้ ถูกต้องหรือไม่ครับ ถ้าชำนาญ

 

ยังเข้าใจคลาดเคลื่อนอยู่ครับ..
การจะใช้งานพิเศษทางจิตอะไรได้ก็ตาม
มันจะเป็นไปตามเนื้อหาเดิมแท้ของจิตดวงนั้นๆครับ..
เช่น ถ้าสะสมมาทางปัญญา ก็จะมีปัญญาทะลุทะลวงในทาง
ด้านนั้นๆ ถ้าสะสมมาทางอภิญญาจิตภายในก็จะไปทางด้าน
รู้เห็นภายในรู้ด้วยตัวเองรู้คนเดียว จริงหรือไม่จริงก็ไม่รู้
แต่ก็รู้ด้วยตัวเองแต่พิสูจน์อะไรไม่ได้
แสดงให้คนอื่นๆรับรู้ไม่ได้ ถ้ามาทางด้านอภิญญาภายนอก
ก็จะสามารถรับรู้ได้และแสดงให้คนอื่นๆรับรู้แบบเราได้ครับ....

และกำลังสมาธิหรือกำลังจิตนั้น มันเป็นแค่ๆๆๆๆๆ ย้ำว่าแค่ๆๆๆๆๆ
เหมือนตัวช่วยค้นหาโฟลเดอร์ในจิตของเราที่มันเก็บความสามารถ
ต่างๆที่ตัวจิตเรามันเคยทำได้ในอดีตเฉยๆเพียงแค่นั้นเองครับ..
ส่วนถ้าเราค้นโฟลเดอร์ความสามารถอะไรเจอแล้ว..
ก็ต้องมาดูด้วยว่า ความสามารถนั้นมันอยู่ระดับไหนครับ...
เราต้องเข้าใจด้วยนะครับ ความสามารถแต่ระอย่างมันมีระดับ
ของความสามารถในการนำไปใช้งานแตกต่างกันอยู่ครับ..
ไม่ใช่ว่า เห็นได้คล้ายตาทิพย์ เราจะเห็นได้ทุกอย่างและละเอียด
นะครับ..อย่างรู้ว่าฝนจะตก แต่ผู้เป็นเลิศที่สุดรู้ว่าฝนตกกี่เม็ด
อย่างนี้พอเข้าใจไหมครับ....

และเมื่อเราค้นหาโฟลเดอร์ตัวเองเจอแล้ว และสามารถใช้งานได้จริงๆแล้ว...
ความสามารถนั้นๆมันจะพัฒนาได้ไปจนถึงระดับ ที่นับเม็ดฝนได้หรือไม่นั้น
มันอยู่ที่การปล่อยวางของตัวจิตเรา ในระหว่างวันครับ..
และก็ขึ้นอยู่กับว่า เราใช้ความสามารถนั้นๆในทางที่เป็นประโยชน์
ต่อผู้อื่นๆโดยที่ไม่หวังผลอะไรและใช้ประโยชน์ในทางธรรมหรือไม่
และใช้แล้วไม่ทำให้ภาคส่วนภพภูมิได้รับการกระทบกระเทือนด้วย
ไม่ว่าจะระดับใดครับ..

และมันต้องสามารถปล่อยวางได้โดยธรรมชาติของมันเองด้วยครับ
เราถึงมาเดินปัญญาลด ละ กิเลสต่อยังไงหละครับ..และ
ปล่อยวางอะไร ก็ปล่อยวาง ลาภ ยศ สุข สรรเสริญ การอยากดี อยากเด่น
อยากดัง อยากได้ อยากมี ต่างๆได้หรือไม่ ความสามารถนั้นๆมันก็จะค่อยๆ
พัฒนาขีดความสามารถขึ้นมาของมันได้เองตามลำดับ
ของกิเลสที่มันมาเกาะกินตัวจิตเราที่น้อยลงเรื่อยๆประมาณนี้ครับ
ตรงนี้คือพูดเปรียบเทียบให้ฟัง หวังว่าจะพอเข้าใจนะครับ
ปล.อ่านดีๆนะครับ..

 

แจ่มขึ้นมากครับ

แจ่มขึ้นมากครับอาจารย์ ได้ต่อยอดเส้นทางให้ผมเดินต่อไปถนนติดไฟ

 

ท่านช่วยสอนให้ฟังหน่อยครับ ว่าอะไรผิดเเล้วที่ถูกเป็นอย่างไรครับ ขอบพระคุณครับ

มีอะไรที่ท่านสอนได้สอนมาให้หมดเลยครับอยากฟัง ครับอยากได้ความรู้จากหลายๆท่านครับ กรุณาด้วยเถิดครับ

 

อันนี้ความเห็นของผมนะครับ เรื่องของอภิญญาเป็นเรื่องที่สั่งสมมาแล้วตั้งแต่อดีตชาติ ไม่ว่าจะปฏิบัติต่อหรือไม่ปฏิบัติต่อ เมื่อถึงวาระหนึ่งที่บารมีแก่รอบ จิตระลึกรู้ของเก่าที่ทำมาได้ ฤทธิ์ต่าง ๆ จะเกิดขึ้นมาปรากฎให้เห็นได้เอง ไม่ว่าจะเป็น เจโตปริญญาณ อดีตังสญาณ หรืออนาคตังสญาณ มันมาเองเลยครับ ไม่รู้เพียงแต่แค่ตนเอง ยังรู้ไปถึงบุคคลอื่นได้ด้วย ไม่เพียงแต่หน้า แม้อยู่ไกลกันคนละจังหวัดก็ยังสามารถรู้ของเขาได้เลยครับ แต่บุคคลเหล่านี้มักจะมีจิตใฝ่ธรรมมุ่งจะปฏิบัติต่อไปเพื่อความพ้นทุกข์ โดยไม่ต้องมีใครมาเคี่ยวเข็ญใด ๆ ครับ

 

ขออนุญาตเพิ่มเติมอีกหน่อยครับ..
แบบที่คุณ Shinasungkia กล่าวเป็นลักษณะที่เรียกว่า
โลกุตระครับ และจะเป็นไปตามเนื้อหาเดิมของจิตดวงนั้นๆ
ที่ได้เคยสะสมมาในอดีตชาติครับ
..ซึ่งความสามารถพวกนี้บางครั้งเราก็อาจข้ามไปได้
โดยที่ไม่รู้ตัวครับ และโดยทั่วไปเราก็มักไม่ค่อยทราบว่า
ความสามารถแบบต่างๆมันจะกลับมาตอนไหนด้วยครับ..
ซึ่งถ้าปฏิบัติของเราไปมุ่งเน้นเพื่อความพ้นทุกข์ไป
และไม่ยึดติดกับความสามารถต่างๆที่มันขึ้นมาในระหว่างทาง
คือมันจะมีมันจะเกิด ก็ช่างมัน ไม่ไปยึดติดกับความสามารถต่างๆ
เด่วความสามารถอื่นๆก็จะค่อยๆขึ้นมา
และมีลำดับการพัฒนาที่ดียิ่งขึ้นได้เอง
ตามแต่เนื้อหาเดิมที่จิตดวงนั้นๆได้เคยสะสมมาของมันเองครับ
ก็ขึ้นอยู่กับว่า ผู้นั้นตัวจิตสามารถตัดเรื่อง การยึดติด ในลาภ ยศ สุข สรรเสริญ
ได้มากน้อยเท่าไรครับ
และใช้คำว่าตามวาระ น่าจะคลอบคลุมดี
สำหรับเรื่องความสามารถต่างๆที่ขึ้นมานะครับ

 

เอาอย่างนี้ ครับ

ตามที่หลวงพ่อท่านว่า...แต่ละคนบารมี และนิสัย ต่างกัน จะให้ทำอภิญญา ครบหมดทุกอย่าง เป็นไปได้ยากมาก แค่ วิชา 3 ก็ เหนื่อย แทบตายแล้ว การกำหนดจิต ก็คือนึกเอา ในหัว อาศัยกำลังของสมาธิ จะไปไหน จะบริกรรมอะไร... จะเล่นได้ ใจต้องว่าง ทำไมต้อง ญาณ 4 ท่านตอบว่า กำลัง ของ ญาณ 4 มีมากมาย ใครไปถึงได้ จะทำได้คล่องตัวดีมาก....ท่านว่า แค่อุปจาระ สมาธิ ก็ ทำได้แล้ว เอาแค่ ปฐมฌาณ ยังลำบากกันเลยทุกวันนี้.......:boo:

ท่านสอนผมอีกว่า...อันนี้เป็นพวกฤทธิ์ ก็ ถ้า ทำได้ จะเหมือน ฤาษี ที่มีฤทธิ์ แต่ทุกอย่างนี้ ต้องอาศัยการปฏิบัติ เลี้ยงเอาไว้ ไม่งั้นเสื่อมหมด....ท่าน ว่า ให้เอาธรรม เพราะถ้าเข้า ถึงแล้วไม่เสื่อม ไม่ถอยกลับมา เป็นปุถุชนอีก..หลุดพ้นอย่างเดียว

จะไปด้านไหนอยู่ที่ความชอบ ของคนนั้น ครับ บางคนไม่ชอบของร้อน ๆ เขาไม่เอา กสินไฟ ชอบพวกของ เย็น ๆ ว่าง ๆ อาศัยความว่าง เป็น อารมณ์ เช่น อากาศ ลมบ้าง แสงสว่างบาง น้ำใส ๆ บ้าง เป็นองค์ฌาณ

เคยได้ยินมาว่า คนเล่น ธาตุไฟ เก่ง ๆ กุฏิไฟไหม้หมด สมาธิเขาแรงมาก ทำได้ขนาดนั้น ครูอาจารย์ มาเห็นเข้า ก็โดนกันไป เล่นเกินขอบเขต :boo:

สุดท้าย...ของทุกอย่างมีโทษ ถ้า เล่นมากไป ธาตุ ทั้ง 4 ในร่าง เกิด ผิดปกติ หรือแปรปรวน ถ้าแก้ไม่ทัน จะ เสียสติ เป็นโมฆะได้....ต้องมีอาจารย์ คอยกำกับดูแล นะครับ

อันนี้เขาเล่ามา....หลวงพ่อมีศิษย์ 4 คนเก่งไป คนละทาง มีอยู่ 1 องค์ เก่งมาก เรื่องถอดญาณ ถอดกาย มีกฎ ว่าห้ามนอน กลางวัน ...แต่ท่านจะนอน เลย ถอด ญาน ไว้รอบกุฏิทั้ง 4 ทิศ ใครมาใกล้ กุฏิจะรู้หมด

(เป็น ฤาษีมาเยอะของเก่าเขาแน่น) ทีนี้หลวงพ่อท่านมาเอง หันมาอีกที เดินมาถึงตัวแล้ว จับความรู้สึกไม่ได้เลย ครูอาจารย์ท่านรู้เห็น หมด ครับใครแอบเล่นอะไร

ผมฟัง ก็ ตกใจ แต่ว่า ขำ ๆ ลูกศิษย์ จะเก่งกว่า หลวงพ่อท่านได้หรือ

 

เห็นด้วยเลยครับ ให้เอาธรรมไว้ก่อนครับ เข้าถึงแล้วจะไม่มีเสื่อม
ท่านที่มีความสามารถทางจิตสูง
๔ ท่านที่เป็นพระสงฆ์ที่ส่วนตัวได้พบท่านก็แนะนำแนวทางเหมือนกัน
กับหลวงพ่อนี่หละครับ ต่างกันที่การใช้ภาษาพูดและวิธีการถ่ายทอดเท่านั้น
ที่สำคัญอีกอย่าง ความสามารถก็จะค่อยๆพัฒนาขึ้นมาได้เอง
เป็นไปของมันเอง คือมันจะค่อยๆกลับไปสู่เนื้อหาเดิมแท้ของจิต
ดวงนั้นๆ ตามวาระของมันนั่นหละครับ..
ลักษณะที่เป็นมิจฉา มันต้องรักษาไว้ มันมีเสื่อมได้เป็นธรรมดามากๆ
และต้องมาทำให้คล่อง ให้เป็นวสี และก็เหนื่อย
ในเวลาใช้งานอีกต่างหาก..

ไม่เหมือน ทำได้แล้วมาทางธรรม ทิ้งที่เคยทำได้มาซะ
ยิ่งทิ้งได้มากเท่าไร มันกลับยิ่งมีขึ้นมา ทำได้ดีกว่า
ได้ผลดีกว่า เบากว่า คือทำได้แล้วมันจบเลยไม่ต้องมา
ฝึกอะไรให้ยุ่งยากอีก เหลือแค่เอาธรรม เพื่อที่จะทิ้ง
ลาภ ยศ สุข สรรเสริญให้ได้ เด่วมันก็มาตามวาระ
ของมันเองได้นั้นหละพวกความสามารถพิเศษต่างๆ..
ส่วนจะไปถึงปลายทางได้หรือไม่ ก็เป็นเรื่องเฉพาะบุคคลไป..

ปล.ประมาณนี้ครับ

 

เห็นด้วยกับคุณ nopphakan ครับ เมื่อก้าวข้ามไม่ไปสนใจมัน ตามดูกาย ดูจิต ไป จิตจะสอนให้ ปัญญาก็จะเกิดขึ้น ปัญญานี่แหละจะสอนให้วาง โลภ โกรธ หลง ครับ และเมื่อวางได้แล้ว ความรู้ต่าง ๆ ก็จะเกิดตามขึ้นมาเอง มันจะมามันก็จะมา ห้ามไม่ให้มันมาก็ห้ามไม่ได้ครับ

 

ใครมีเทคนิคตรวจสอบกำลังสมาธิ ที่ชัดเจน หรือวัด บอกค่าได้มั่งครับ หรือ เท่าที่ดีที่สุดครับ หรืออื่นๆ ครับ

 

ดูความสามารถในการนำไปใช้งานได้จริงครับ