ธรรมหลังกึ่งกลางพุทธกาลเป็นต้นไป เป็นธรรมบัวบาน จะเปิดเผยครั้งแรกในยุคนี้นะ

ในห้อง 'Black Hole' ตั้งกระทู้โดย anakarik, 12 พฤษภาคม 2016.

  1. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722

    มันคือหัวใจทิพย์

    หัวใจจันทระ หัวใจน้ำแข็ง พลังธาตุมีผลต่อจิตใจเสมอ
    หากใจร้อน ก็เกิดธาตุร้อน หรืออีกนัยหนึ่ง ธาตุร้อน หนุนให้ใจร้อน
     
  2. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    ไม่ต้องไปสอนธรรมะแทนพระพุทธเจ้า!


    เพราะพระศากยมุนีพุทธเจ้า เป็นพระพุทธเจ้าผู้ปกครองธรรมกาลอยู่จนถึง 5,000 ปีครับ ตลอดเวลานี้ พระองค์ทรงโปรดสัตว์ตลอด จึงไม่ม่ีความจำเป็นอะไรที่เราจะต้องปล้นตำแหน่งพระพุทธเจ้าแล้วเป็นศาสดากันซะเอง ทว่า หลายคนกำลังทำอยู่ นี่ไม่ใช่พุทธศาสนาแล้วครับ เพราะพุทธศาสนานั้น จะมีพระพุทธเจ้าปกครองธรรมกาล เหมือนมีกษัตริย์ที่ถูกต้องอยู่หนึ่งองค์ ไม่มีองค์อื่น ทว่า ตอนนี้ พวกเขากำลัง "คิดกบฎชิงบัลลังก์พระพุทธเจ้า" กันซะเอง คือ ทำตัวเป็นพระพุทธเจ้าซะเอง ทำเป็นรู้ธรรมในพุทธศาสนากันซะเอง ทำตัวเป็นครูไปสอนธรรมะในพุทธศาสนากันซะเอง

    พระศากยมุนีพุทธเจ้าจะทรงโปรดสัตว์ในสายสาวกยานตั้งแต่เริ่มต้นพุทธกาลไปจนถึงกึ่งกลางพุทธกาล หลังจากกึ่งกลางพุทธกาลไปจนสิ้นพุทธกาล จะหมดวาระที่จะทรงโปรดสาวกยาน แต่จะทรงโปรดสัตว์กลุ่มอื่นต่อไป ท่านจึงไม่ต้องกลัวว่าธรรมะจะสูญหายไปเลย โดยหลังกึ่งกลางพุทธกาลนี้พระพุทธเจ้าจะโปรดสัตว์ที่มีใจสูง เรียกว่า "มนุสสเทโว" หรือมนุษย์เทพ เพราะมนุษย์ธรรมดาจะไม่เห็นพระองค์ (หลังนิพพานแล้วจะเป็นเช่นนี้) ผู้ที่รับธรรมจากท่านได้จึงต้องเป็นมนุษย์พิเศษที่มีใจสูง หรือยกระดับจิตวิญญาณไปสู่มิติที่ห้า (ระดับเดียวกับสากลจักรวาล) ได้แล้วเท่านั้น หรือโปรดเหล่าเทพเทวดา ทั้งนี้ มนุษย์จะได้รับการ "สร้างใหม่" พวกเขาจะ "กำเนิดใหม่" ไปสู่มิติที่ห้า แล้วจึงรับธรรมะจากพระพุทธเจ้าได้ แต่หลังจากกึ่งกลางพุทธกาลเป็นต้นไป มนุสสเทโว หรือมนุษย์เทพจะลดลงเรื่อยๆ จนไม่เหลือเลย เมื่อสิ้นอายุพุทธกาล จึงไม่เหลือมนุษย์ที่จะรับธรรมจากพระพุทธเจ้าได้อีกจะมีแต่เทวดาเท่านั้นในยุครวมธาตุครับ

    หน้าที่ของเราหลังกึ่งกลางพุทธกาล จึงไม่ใช่การไปปกป้องธรรมะที่เก่าแล้ว ของเก่าท่านใช้โปรดสัตว์ไปแล้ว เป็นอดีตไปแล้ว ไม่มีความจำเป็นต้องไปยึด จบแล้วจบไป ธรรมะใหม่ๆ เทศนาใหม่อยู่ทุกวัน พระพุทธเจ้าทำหน้าที่อยู่ตลอดแต่มนุษย์มองไม่เห็นเอง มีแต่เทวดาเท่านั้นที่จะเห็นได้หากพระองค์รวมธาตุ ซึ่งจะกระทำในครั้งสิ้นอายุพุทธกาล ทว่า ช่วงนี้ยังไม่ได้รวมธาตุ พระองค์จะโปรดสัตว์ที่พิเศษ เช่น มนุสสเทโว ผู้ยกระดับจิตวิญญาณไปสู่มิติที่ห้าแล้วเท่านั้น แม้มองไม่เห็นก็รับธรรมะได้ เพราะมีใจสูง

    ดังนั้น เราจึงไม่ต้องไปทำหน้าที่แทนพระพุทธเจ้าท่านหรอกฮะ
     
  3. kimberly

    kimberly เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,627
    ค่าพลัง:
    +5,233
    ปัจจุบันคือสิ่งดี จิตที่มี สว่างเจอ
    สติไม่ผลั้งเผลอ ย่อมพบเจอ แต่ของจริง...:cool:
     
  4. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722

    ของปลอมก็มีข้อดีนะ
    ช่วยดึงคนที่ศรัทธาไม่จริงออกไปเองโดยเราไม่ต้องไล่ให้เหนื่อยไง
     
  5. คะนึง

    คะนึง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    178
    ค่าพลัง:
    +402
    ใช่ค่ะ ไม่ว่าเราจะดีหรือแย่แค่ไหน เขาพร้อมจะเคียงข้างพร้อมที่จะรอการเปลี่ยนแปลงของเราได้เสมอ คำพูดของท่านคมลึกให้ข้อคิดคติเตือนใจดีจังเลยค่ะ เพียงแค่รอรู้เท่านั้นเองค่ะว่าคนนั้นเป็นใครที่เคียงข้างอยู่กับเราตลอดเวลาไม่ว่าเราดีหรือเลว ไม่ว่าเราจะสุขหรือทุกข์ไม่เคยทิ้งไป ทำให้เรามั่นใจเสมอว่าเขาเข้าใจในตัวเรา
     
  6. kimberly

    kimberly เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,627
    ค่าพลัง:
    +5,233
    :( :( :( :( :( :( :(
     
  7. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722

    ถ้าไม่มีของปลอม ทุกคนจะแห่มาแย่งของจริงกัน
    จนคนที่ควรได้รับของจริง ก็จะไม่ได้รับ

    เมื่อมีของปลอมๆ จะล่อไอ้พวกชอบแย่งคนอื่นออกไป
    เมืื่อนั้น คนที่ควรได้รับของจริง ก็จะได้รับไม่ยากไงละ
     
  8. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,420
    ค่าพลัง:
    +3,204
    ที่จริงแล้วจิตยิ้มเข้ามาอ่านแล้วไม่เห็นด้วยค่ะ

    ไม่ไปว่าใครของเลยนะคะ ทุกคนก็อยากได้คนที่ดีที่สุด

    บางทีของปลอมของอีกคน อาจเป็นของจริงของอีกคนก็ได้

    วัฎจักรสงสารนี้มีอะไรแน่นอนบ้าง ขอให้เรารักษาตัวเป็นของจริงของคนคนหนึ่งได้ตลอดไปก็นับว่าโชคดีมากแล้ว ที่เขาทำบุญมาดี และก็ไม่ใช่ว่าคนที่เจอของปลอมสักวันเขาอาจจะเจอของจริงก็ได้ค่ะ

    ทุกคนก็มีความมืด หาแสงสว่างเพื่อเรียนรู้เพื่อไปในเจอในสิ่งทุกคนต้องการใช่ไหมค่ะ

    คนที่คิดว่าดีที่สุด เลิศที่สุด เพอร์เฟ็กซ์ที่สุด ของคนอื่น ก็อาจแย่ในสายตาของเรา

    ส่วนคนที่แย่ที่สุดในสายตาของคนอื่น ก็อาจดีที่สุดในสายตาของเราก็ได้นะคะ

    ก็ดีนะคะจะได้ดักทางคนหลายใจว่าแท้ที่จริงมีตัวจริงแล้วไม่ยอมบอกคนอื่น เช่น เราเป็นต้น อิอิ(k)
     
  9. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,420
    ค่าพลัง:
    +3,204
    วัฏจักรที่วนเวียน น่าสงสารอยู่นี้ หาต้นชนปลายไม่มีจุดจบ

    เราเคยอาจต่างต้องเป็นของใครต่อของใครกันมามากมาย

    ไม่มีใครเป็นของใครได้แท้จริงสักคนเดียว....คิดว่านะคะ

    นอกจาก......
     
  10. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,420
    ค่าพลัง:
    +3,204
    หากทุกคนยังต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่อย่างนี้..แน่ใจแล้วเหรอค่ะว่า ทุกสิ่งจะเป็นอย่างนี้ตลอดไป อย่าโทษใคร ..นอกจากว่า ตนเองสร้างเหตุปัจจัยไว้อย่างไรนะคะ
     
  11. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,420
    ค่าพลัง:
    +3,204
    หากจะปราถนารักไร้พ่าย ต้องเข้าใจเหตุเข้าใจผล เข้าในที่มาที่ไปของสิ่งต่าง ๆ ได้ชัดเจน ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเราทุกสิ่งทุกอย่างมันก็ต้องเป็นของมันเช่นนั้นเอง เราไม่อาจควบคุมมันเป็นอย่างที่ตนเองให้เป็นไปได้ เมื่อเข้าใจแล้วถึงแม้ว่าจะผิดหวัง ไม่สมหวังในรักใด ๆ เราก็จะไม่เสียใจในสิ่งนั้นเลย เพราะเราเข้าใจมันแล้ว นั้นคือภูมิคุ้มกันอย่างดีที่สุด ก็คือ ปัญญาของเรานั่นเองค่ะ ที่จะคอยตามรักษาตัวเราตลอดไป....

    แล้วเราจะไม่พ่ายรักในที่ใด ๆ เพราะว่าคุณชนะใจมันได้แล้ว

    ให้กำลังใจทุกคนที่ยังไม่เจอของจริงค่ะ
     
  12. gratrypa

    gratrypa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2011
    โพสต์:
    1,283
    ค่าพลัง:
    +1,505
    เขียน ๐๐๕

    อนัตตา ไม่ต้องการความรัก มีเพียงผู้รู้ กะสิ่งที่ถูกรู้
    ทุกสิ่งที่เกิด ก็เป็นไปตามเหตุปัจจัย ไร้ซึ่งความผิดหวัง
    เพราะเพียงผัสสะกระทบ เวทนาบังเกิด สติตามทัน ก็จบกัน


    กระต่ายป่า แห่งเกาะนาฬิเกร์ / ธรรมะเก้าตา

    .
     
  13. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    อะไรที่ใช่ มันไม่ต้องอ้างเหตุผลหรอก


    เหมือนสามีกลับบ้านดึกเพราะไปหากิ๊ก มักมีเหตุผลมากมายมาอ้าง นี่แหละ พฤติกรรมชอบอ้างเหตุผล เพราะมันไม่ใช่ แต่อยากให้เมียเชื่อ เลยต้องอ้างเหตุผลให้สวยหรูดูดีไว้ก่อน ตรงข้ามอะไรที่มันใช่ มันก็ใช่ อยู่วันยังค่ำ โดยไม่ต้องอ้างเหตุผล ส่วนการอ้างเหตุผลหรือข้อมูลต่างๆ นั้น มันเป็นแค่ "ศิลปะการโน้มน้าวใจ ด้วยตรรกะก็ดี, ด้วยข้อมูล ก็ดี" เท่านั้นเอง ในพุทธศาสนานี้ไม่ใช่ศาสนาตรรกะ ไม่ใช่ปรัชญาชาวกรีกที่ว่าด้วยตรรกะ หากเราสนใจจะศึกษาอย่างแท้จริง และเข้าถึงได้แล้ว จะพบว่าพุทธไม่ใช่เรื่องของเหตุผล ด้วยเหตุผลนั้นเป็นเรื่องของ "สมมุติธรรม" ซึ่งเกิดดับๆ อยู่ ไม่เที่ยง ไม่ใช่สัจธรรมแก่นแท้ เหมือนสิ่งที่เกิดดับๆ วนเวียนตามปฏิจจสมุปบาทนั้น ล้วนเป็นเรื่องของสมมุติ ปราศจากอวิชชาแล้ว มันก็ไม่มีอะไรทั้งหลายที่เกิดดับตามๆ กันในวงจรปฏิจสมุปบาทเลย

    ทางพุทธ อะไรที่ใช่ เขาไม่ใช้การพิสูจน์ด้วยเหตุผลแบบนักตรรกะวิทยา แต่เขาใช้ "จิต" เรียกว่า "จิตสู่จิต" จิตมันตื่นแจ้งเมื่อไร มันก็หลุดพ้น โพล่งไปเองแหละ ไม่ต้องอ้างอิงตรรกะอะไรกับมันทั้งนั้น ในคริสตศาสนา ก็มีการสอนให้ใช้จิตใจ เรียกว่า ให้ใช้ "ความรักนำทาง" ความรักคือทางไปสู่พระเจ้า สู่ความจริง และชีวิตนิรันด์ ซึ่งก็ตรงกับพุทธครับ เพราะพุทธก็ไปถึงพระพุทธเจ้า ผู้เป็นเจ้าสูงสุด ไปสู่สัจธรรมความจริง และชีวิตที่แท้จริง อันไม่เกิด ไม่ดับอีก เห็นไหม ลึกๆ แล้วไม่ได้สอนต่างกันเลย มนุษย์ทุกคนล้วนรู้ได้เอง เพราะคนเราทุกคนมี "จิต" และจิตนี่เองคือ "มโนธาตุ" หรือธาตุรู้ มันรู้อยู่แล้ว เพียงแค่ "กิเลสมาจรบดบังเหมือนเมฆ" เป็นครั้งคราวบ้างก็เท่านั้น ทำให้ความเข้าใจผิดเกิดขึ้นได้ ความหลงจึงมีได้ แท้แล้วทุกคนสามารถรู้ได้เอง เรียกว่า "สัญชาตญาณการหยั่งรู้ของมนุษย์" ตราบใดที่เรายังไม่เสียความเป็นมนุษย์ไป เราจะมีจิตสำนึก ระลึกรู้เองได้โดยไม่ต้องมีใครสอน โดยจิตรู้ของเราเองภายใน ทว่า เมื่อเราสูญเสียความเป็นมนุษย์ไปแล้ว เราก็จะไม่อาจรู้ได้ด้วย "จิตสำนึกปกติของมนุษย์" อีก เมื่อนั้น เราจะไม่รู้อะไรดี อะไรชั่ว อะไรถูก อะไรผิด อย่างแท้จริง เพราะไร้จิตสำนึก

    พุทธศาสนา เป็นเรื่องของ "จิต" รู้ด้วยจิต ไม่ใช่รู้ด้วยตรรกะอะไร
     
  14. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    บางครั้งเราอาจไม่รู้ และไม่จำเป็นต้องรู้หรอก
    แต่เมื่อเรา "ยอมรับ" มันได้ทุกอย่าง

    สิ่งต่างๆ ที่มันเป็นเช่นนั้นเองอยู่แล้ว
    ก็กลายเป็นคำตอบ และเราก็เบิกบาน


    Sometime we don't know, and no need to know.
    But when we can accept all everything,

    Everything will always be as it be.
    And then it'll be the answer,
    After that we're bloom!

    [​IMG]
     
  15. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    We can't find any truth from any Dharma.
    We just can find only some ideas of it!

    But Dharma is a trick to enlighten us awaken from any ideas.
    Then we'll get that there's no need to find any truth anymore.

    Because it's already be as it be!



    [​IMG]
     
  16. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    บางครั้ง ความรักกับความสุขก็เหมือนพระจันทร์

    ยามพระจันทร์เต็มดวง ความสุข สว่างเต็มรอบ
    ยามนั้น ความรักเหมือนความว่างเปล่าโดยแท้

    ยามเมื่อพระจันทร์มืดมิด ความรักกลับครอบงำ
    ยามนั้น ความสุขกลับกลายเป็นความว่างเปล่า

    เมื่อความสุขสว่างชัด ความรักกลับว่าง
    เมื่อความสุขว่าง ความรักกลับสว่างแทน

    เฉกเช่นดวงจันทร์ มีเต็มดวง และเว้าแหว่งไปฉะนั้น



    [​IMG]
     
  17. คนโง่โง่

    คนโง่โง่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2012
    โพสต์:
    483
    ค่าพลัง:
    +302
    บางครั้ง ความเศร้ากับความเหงาเหมือนดอกไม้และสายหมอก
    ยามเช้าเบ่งบานผลิใบ เหมือนใจเหงา
    เมฆหมอกมาเหมือนความเศร้าเบาเลือนลาง
    พยายามจะเล่นด้วยนะครับท่านดอกไม้ ครึ่งชั่วโมงคิดได้ท่อนเดียว !!!!
    ไม่รู้จะกล่าวอะไร แต่คำตอบข้างล่างนี้ดีจริงๆ
    สิ่งต่างๆ ที่มันเป็นเช่นนั้นเองอยู่แล้ว
    ก็กลายเป็นคำตอบ และเราก็เบิกบาน
     
  18. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    เพราะยอมรับ "ความจริง" ไม่ได้ ธรรมะจึงเกิด


    สัจธรรมความจริง มีอยู่เช่นนั้นเองอยู่แล้ว แต่เมื่อเรายอมรับความจริงนั้นๆ ไม่ได้ เราจึงต้องสร้าง "ธรรมะ" ขึ้นมาปลอมประโลมใจ เป็นดั่งยาฝิ่นที่ใช้แก้ปวด แก้ความทุกข์ไปบางครั้งบางคราวเท่านั้น หากเรายอมรับความจริงทุกอย่างได้เราก็ไม่ต้องแสวงหาความจริง เพราะความจริง ก็เป็นเช่นนั้นเองอยู่แล้ว ไม่ได้หนีหายจากเราไปไหน ไม่ได้ถูกแบ่งแยกไปจากเรา ไม่ได้ถูกใครเอาไปซ่อนไว้เลย ที่เจ้าชายสิทธัตถะออกแสวงหาความจริงนี้ สาเหตุก็มาจากพระบิดาของท่าน ปิดบังไว้ แล้วสร้างโลกปลอมๆ ที่มีแต่ความสุข ความดีงามมาหลอกลวงท่านไว้เท่านั้นเอง หากไม่มีเรื่องแบบนี้แล้ว หรือหากเราไม่ได้ตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนั้นแล้ว เราก็ไม่จำเป็นต้องหนีไปแสวงหาความจริงที่ไหน สัจธรรมความจริงก็อยู่รอบตัวเราอยู่ตลอด เพียงแต่ "เรายอมรับความจริงนั้น ได้หรือไม่?" หากไม่ได้ เราก็จะสร้างธรรมะขึนมาเรื่อยๆ เพื่อมาหลอกตัวเอง ปลอบใจตัวเอง เหมือนคนเสพฝิ่นบรรเทาความเจ็บปวด แต่ไม่ยอมรักษาโรคให้ตัวเองฉะนั้น เช่น เมื่อเราเห็นหญิงงาม เรามีความต้องการแต่เรากลับหลอกตัวเองด้วยธรรมะที่เราสร้างขึ้น

    สัจธรรมความจริงนั้น ไม่จำเป็นต้องมีศัพท์บัญญัติใดๆ ขึ้นมาใหม่เลย เราไม่จำเป็นต้องสร้าง "บาลี" ขึ้นมาเพื่อผูกขาดธรรมะนั้นให้เป็นของเราผู้เดียว ของศาสนาเราอย่างเดียว ทำแบบนั้น สัจธรรมก็จะไม่เป็นสากลอีกต่อไป เพราะถูกเราผูกขาดไว้ด้วยศัพท์บัญญัติที่เราสร้างขึ้นที่เรารู้ เราเข้าใจของเราเองคนเดียวแบบนี้ไม่เป็นสากล สัจธรรมความจริงที่แท้นั้นอยู่นอกเหนือคำศัพท์บัญญัติใดๆ ไม่ต้องไปบัญญัติคำศัพท์ใหม่ เช่น คำว่า "ความหลุดพ้น" เดิมพราหมณ์ก็มีอยู่แล้ว เรียกว่า "โมกษะ" แต่เพราะพระสมณโคดมต้องการสร้างพระพุทธศาสนาขึ้นมาใหม่จึงหาคำใหม่บัญญัติเป็น "นิพพาน" แทน เพราะพราหมณ์ในตอนนั้น มีทิฏฐิมาก และคุยให้เข้าใจได้ยาก จึงใช้คำศัพท์ร่วมกันไม่ได้ เพื่อเลี่ยงปัญหาต่างๆ พระสมณโคดมจึงได้สร้างพระพุทธศาสนาขึ้นมา และบัญญัติศัพท์ธรรมะต่างๆ ขึ้นมา แท้แล้ว สิ่งเหล่านี้ไม่มีความจำเป็น หากคุณเข้าใจถึงสาเหตุที่ต้องมี ต้องสร้าง คุณก็จะเข้าใจว่าสัจธรรมความจริงนั้น ไม่ต้องมี ไม่ต้องสร้างศัพท์บัญญัติธรรมะและศาสนาขึ้นมาเลยนั้น หมายความว่าอย่างไร และเมื่อนั้นคุณจะเข้าใจ "คัมภีร์ไร้อักษร" แลไร้ซึ่งคำกล่าวใดๆ ได้โดยพลัน!

    เลิกวนติดในคำศัพท์ ในอักษรภาษา ในความหมายใดๆ เถิดครับ
     
  19. kimberly

    kimberly เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,627
    ค่าพลัง:
    +5,233
    ข้าขอให้เอ็งอดทนในทุกสิ่ง
    แล้วเอ็งจะโชคดี..เชื่อข้า
    (หลวงปู่ดู่):cool:
     
  20. kimberly

    kimberly เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,627
    ค่าพลัง:
    +5,233
    นั่งอ่านมุมมองความรักของท่านดอกไม้น้ำแข็ง..อืมมม.
    ช่างลึกล้ำยิ่งนัก..:cool:
    ปล.วันหลังจะถ่ายทอดความรักในมุมมองของคนแบบเราๆบ้าง
    ชีวิตมันไม่มีอะไรมาก...
    แค่เปิดใจยอมรับ..ทุกอย่างก็เบิกบาน:cool:
     

แชร์หน้านี้

Loading...