เมื่อพระยามัจจุราชมาทวงชีวิตข้าพเจ้า

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย tjs, 14 มิถุนายน 2013.

  1. มหาเมตตา

    มหาเมตตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    107
    ค่าพลัง:
    +283
    วันนี้ขณะผมดูเว็บไซด์อยู่ ก็เกิดความรู้สึกหนึ่งขึ้นในจิต คือ “ภัยพิบัติทางธรรมชาติที่รุนแรงบ่อยขึ้นและหายนะจากน้ำมือมนุษย์

    ซึ่งก่อนหน้านี้ผมได้เกิดความรู้สึกบางอย่างหรืออาจจะเป็นอุปทานปรุงแต่งก็ได้ ซึ่งรู้สึกว่า ตั้งแต่ วันที่ 1 มกราคม 2559 เป็นต้นไป จะมีเหตุการณ์ร้ายๆ เกิดขึ้นทั้งในและนอกประเทศ ต่อมา ผมรู้สึกอยากจะบวกรวมเลขปีขึ้นมา คือ 2559 กับ 2016 ผลรวมคือ 2+5+5+9=21 , 2+1=3 / 2+0+1+6=9 / 3+9=12 , 1+2=3 ผลรวมสุดท้ายของคริสตศักราชและพุทธศักราช คือ เลข 3 , ในความรู้สึกผม เลข 3 หมายถึง “ไตรภูมิ
    -------------------------------------------------------------------
    ไตรภูมิ
    จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

    ไตรภูมิ หรือ ไตรโลก (หมายถึง สามโลก) ซึ่งเป็นคติเกี่ยวกับโลกสัณฐานตามความเชื่อในพุทธศาสนา ไตรภูมิประกอบด้วย กามภูมิ รูปภูมิ และอรูปภูมิ
    มนุษย์และเวไนยสัตว์ทั้งหลายก็จะต้องเวียนว่ายตายเกิดในไตรภูมินี้ จนกว่าจะสำเร็จมรรคผล

    กามภูมิ

    กามภูมิ (หรือกามโลก) แบ่งเป็น 11 ส่วนย่อยได้แก่
    ทุคติภูมิ
    1. นรกภูมิ
    2. เปรตภูมิ
    3. อสูรกายภูมิ
    4. เดรัจฉานภูมิ

    สุคติภูมิ
    1. มนุสสภูมิ
    2. จาตุมหาราชิกา
    3. ดาวดึงส์
    4. ดุสิต
    5. ยามา
    6. นิมมานรดี
    7. ปรมิตวสวัตตี

    รูปภูมิ
    รูปภูมิ (หรือรูปโลก) แบ่งเป็น 16 ชั้น เป็นที่สถิตของพระพรหม (ตามคติของพราหมณ์)

    อรูปภูมิ
    อรูปภูมิ (หรืออรูปโลก) แบ่งเป็น 4 ชั้น เป็นที่สถิตของพระพรหมระดับสูงซึ่งไม่มีรูปกาย

    --------------------------------------------------------------------------

    ซึ่งผมรู้สึกได้ว่า ไตรภูมิ จะปรากฏเกิดสภาวะสั่นสะเทือนขึ้นบ่อยครั้ง เพราะเหตุแห่งมนุสสภูมิเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติที่รุนแรงบ่อยขึ้นและหายนะจากน้ำมือมนุษย์ ซึ่งภัยพิบัติที่รุนแรงจะเกิดซ้ำที่ญี่ปุ่นอีกครั้งเหมือนเช่นในอดีต และในอีกหลายประเทศทั่วโลก ซึ่งก็ถือว่า เป็นภัยพิบัติรุนแรงที่เคยเกิดขึ้นแล้วในอดีต แต่เกิดซ้ำอีกครั้งและเกิดบ่อยขึ้นเท่านั้นเอง ส่วนที่ผมรู้สึกว่า จะรุนแรงและมีผลกระทบไปทั่วโลกอย่างเห็นได้ชัดเจน ก็คือ การก่อการร้ายที่เป็นหายนะจากน้ำมือมนุษย์ เหตุการณ์นี้จะทำให้ทุกคนทั่วโลกในทุกประเทศเกิดอาการจิตตกหวาดผวากับโศกนาฏกรรมจากการก่อการร้ายที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง ทำให้กิจกรรมหรือเทศกาลใหญ่ๆได้รับผลกระทบ การท่องเที่ยวทั่วโลกได้รับผลกระทบและมีการหยุดชะงักการเดินทางท่องเที่ยวและการใช้เงินในบางประเทศไปช่วงระยะเวลาหลายเดือนอย่างชัดเจน เพราะเหตุจากข่าวสารการก่อการร้ายที่รุนแรงบ่อยครั้งนั้นเอง เพราะต่างคนต่างก็กลัวการลอบวางระเบิดและระเบิดพลีชีพในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงและมีคนกลุ่มใหญ่พลุกพล่าน ถือได้ว่า ปีหน้า 2559(2016) เป็นปีแห่งการก่อการร้ายหรือปีแห่งการลอบวางระเบิดหรือระเบิดพลีชีพเลยทีเดียว ซึ่งในเรื่องร้ายเหล่านี้ก็ยังมีเรื่องดีเกิดขึ้นในวงการของพระพุทธศาสนา เพราะจักมีเหล่าพระพุทธโพธิสัตว์ออกมาสืบสานพระพุทธศาสนามากยิ่งขึ้นในยุคแห่งความเสื่อมนี้ในกุศลอุบายที่โดดเด่นแนวพุทธปาฏิหาริย์ 3 คือ

    1. อิทธิปาฏิหาริย์ ปาฏิหาริย์คือฤทธิ์, แสดงฤทธิ์ได้เป็นอัศจรรย์

    2. อาเทศนาปาฏิหาริย์ ปาฏิหาริย์คือการทายใจหรือรู้แจ้งในวิถีแห่งจิตอย่างถ่องแท้ รู้แจ้งในอารมณ์ความรู้สึก,ความนึกคิด,อุปนิสัยและสภาวะของจิตได้อย่างถูกต้อง สำคัญคือ รู้ในเหตุปัจจัยและผลกรรมอันละเอียดซ้อนเร้นตามความเป็นจริง ได้เป็นอัศจรรย์

    3. อนุสาสนีปาฏิหาริย์ ปาฏิหาริย์คือสัจธรรมคำสอน, เป็นคำสอนตามสัจธรรมความจริง สอนให้เห็นจริง นำไปปฏิบัติได้ผลสมจริง เป็นอัศจรรย์ โดยอนุสาสนีปาฏิหาริย์นี้ประกอบด้วยกำลังของอิทธิปาฏิหาริย์และกำลังของอาเทศนาปาฏิหาริย์ กล่าวคือ แสดงฤทธิ์แห่งฌานสมาธิสู่จิตของเหล่าผู้ฟังธรรม อานิสงค์แห่งฤทธิ์ฌานส่งผลให้ผู้ฟังธรรมเกิดภาวะจิตว่างชั่วขณะจิตหนึ่งและคล้อยตามสัจธรรมคำสอนของพระพุทธองค์ โดยผู้สอนรู้ในวิถีวาระแห่งจิตของผู้ฟังธรรม,เห็นแจ้งในเหตุปัจจัยและผลกรรมอันละเอียดซ้อนเร้นตามความเป็นจริง และคำสอนนั้นแฝงด้วยกระแสจิตกระแสธรรมจากพระเบื้องบน รวมเป็นคุณวิเศษของพระพุทธะหรือพระพุทธคุณน้อมนำมาโปรดสอนมนุษย์และจิตวิญญาณทั้งหลายให้คืนสติสู่กุศลกรรมดี และเกื้อหนุนผู้ปฏิบัติธรรมให้เข้าสู่อริยจิต

    ในทางพระพุทธศาสนา ตั้งแต่ปี 2559(2016) เป็นต้นไป +50 ปีข้างหน้า จนถึง ปี 2609(2066) ถือว่า เป็นอีกยุคหนึ่งของการโปรดสัตว์ของเหล่าพระพุทธโพธิสัตว์นั้นแล สาธุ !

    (เขียนจบ ณ วันที่ 21/12/15 เวลา 5:55 pm.)
    - ผลรวมของวันเดือนปี (2+1=3 , 1+2=3 , 1+5=6 / 3+3+6=12 , 1+2=3 = ไตรภูมิ)
    - เลข 5 หมายถึง ดาวพลังแห่งปัญญาปัญญาทางธรรมะ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 ธันวาคม 2015
  2. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    วันนี้ขอกล่าวถึง สติ คือการระลึกรู้สึกตัวนั้น ขออธิบายว่า สติ นอกจาก สามารถแบ่งได้สองประเภทใหญ่ๆคือ
    1 สติ ฝ่ายโลกิยะ
    2 สติ ฝ่ายโลกุตระ
    นอกจากนั้น สติ เรายังสามารถจำแนกได้อีกว่า
    1 สติ ที่เกิดในสมาธิอย่างอ่อนและปานกลาง
    2 สติ ที่เกิดในสมาธิแบบรูปฌาณ
    3 สติ ที่เกิดในสมาธิแบบอรูปฌาณ
    4 สติ ที่เกิดในสมาธิแบบวิปัสสนาและมหาสติปัฏฐาน4
    5 สติ ที่เกิดโดยธรรมชาติปกติของมันเอง
    สติทั้ง5ที่กล่าวมา สติข้อ1-3เป็นสติฝ่ายโลกิยะ ส่วนสติข้อ4เป็นฝ่ายโลกุตระ ส่วนสติข้อ5 เป็นได้ทั้งฝ่ายโลกิยะและโลกุตระ
    แต่ไม่ว่าสติจะเป็นแบบไหนอย่างไร
    แต่สติ ทั้งหลาย ย่อมเป็นแดนเกิดแห่งสมาธิและปัญญามี วิชา คือปัญญาความรู้จริงรู้แจ้ง
    เพราะวิชาเกิดแล้ว อวิชาจึงดับ
    เพราะวิชาเกิดได้แล้วด้วย สติสัมปชัญญะ เป็นมูลรากฐาน ปัญญาจึงแก่กล้า
    เมื่อปัญญาแก่กล้า วิชาก็ย่อมแก่กล้า เมื่อวิชาแก่กล้าอวิชาจึงดับไม่เหลือ
    นั่นแหละคือผู้พ้นทุกข์แล้วโดยสิ้นเชิง

    เพราะนี่คือสัจจธรรม แห่ง สติ ใน โลกุตระธรรม เป็นไปอย่างนี้ หาได้มีประโยชน์เพื่ออย่างอื่นไม่
    สติ ในโลกุตระธรรมเป็นไปเพื่อ สมาธิ วิปัสสนา ปัญญา เกิดวิชารู้จริงรู้แจ้ง ดับอวิชาก็มีเท่านี้ครับ ดังนั้นพระพุทธองค์ จึงให้ความสำคัญกับ คำว่า สติ มากครับ และนี่คือเหตุผลที่เราทั้งหลายต้องฝึกสติ กันให้มากๆครับ สาธุ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  3. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    พระสงฆ์สาวกผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ปฏิบัติตรง ปฏิบัติสมควรแก่การกระทำอัญชลี กราบสักการะบูชา ผู้เจริญรอยตามพระพุทธองค์ ผู้เจริญรอยตามพระธรรม ผู้เจริญรอยตามพระอริยะเถรานุเถระสงฆ์ ผู้เจริญรอยตามสมเด็จพระญาสังวร สกลมหาสังฆปรินายก
    ข้าพเจ้า ขอกราบนอบน้อมสักการะต่อท่าน สมเด็จมหามุนีวงศ์ วัดราชบพิตร ครับ สาธุ สาธุ สาธุ


    สมเด็จพระมหามุนีวงศ์ (อัมพร อมฺพโร) เกิด 26 มิถุนายน พ.ศ. 2470 อุปสมบท 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2491 พรรษา 66 อายุ 86 วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม จังหวัด กรุงเทพมหานคร สังกัด ธรรมยุตินิกาย วุฒิการศึกษา ป.ธ.6 น.ธ.เอก ศน.บ. M.A.ตำแหน่งทางคณะสงฆ์ กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม
    ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 14-15 (ธรรมยุต)
    สมเด็จพระมหามุนีวงศ์ (อัมพร อมฺพโร) (นามเดิม: อัมพร ประสัตถพงศ์) เป็นพระสงฆ์ธรรมยุติกนิกาย ดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม, กรรมการมหาเถรสมาคม และรองแม่กองงานพระธรรมทูต รูปที่ 2 เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2552 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงพระกรุณาโปรดสถาปนาขึ้นเป็นสมเด็จพระราชาคณะ ชั้นสุพรรณบัฏ มีราชทินนามตามจารึกในสุพรรณบัฏว่า สมเด็จพระมหามุนีวงศ์ พิพัฒนพงศ์วิสุต พุทธปาพจนานุศาสน์ วาสนวรางกูร วิบูลศีลสมาจารวัตรสุนทร ตรีปิฎกธรรมวราลงกรณวิภูษิต ธรรมยุตติกคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี อรัญวาสี
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • O11039823-0.jpg
      O11039823-0.jpg
      ขนาดไฟล์:
      330.8 KB
      เปิดดู:
      55
    • _MOD6423.jpg
      _MOD6423.jpg
      ขนาดไฟล์:
      389.8 KB
      เปิดดู:
      46
    • _MOD8894.jpg
      _MOD8894.jpg
      ขนาดไฟล์:
      424.4 KB
      เปิดดู:
      35
  4. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    ชีวิตคนหนึ่งคน มีหน้าที่ต่างๆมากมายที่ต้องรับผิดชอบ มีสิ่งที่ต้องทำมากมาย ไม่มีใครที่จะประสพความสำเร็จทุกเรื่องทุกอย่าง หรือมีความสุขสมปราถนาทุกเรื่องทุกอย่าง

    แต่สิ่งที่สำคัญคือ การที่คุณต้องรู้ตัวตนของตนเอง แล้วเลือกทำในบางอย่างที่ตนถนัดและกำหนดเป้าหมายให้มัน เพื่อทำมันให้ดีที่สุด เพราะมันจะเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้คุณก้าวไปถึงความสำเร็จสมปราถนาตามที่วาดฝัน

    ซึ่งแม้อาจมีเพียงเรื่องเดียว ตลอดทั้งชีวิตที่คุณทำได้ แต่จงภูมิใจในความสำเร็จนี้แม้จะเป็นเพียงสิ่งเดียวที่ทำได้ก็ตาม
    เพราะนั่นย่อมดีกว่าหลายๆคนที่มีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ อย่างไม่มีจุดหมาย เหมือนจะทำทุกอย่างได้ และเหมือนจะดี แต่ก็ไม่มีอะไรที่ดีหรือทำได้สำเร็จสักอย่าง เพื่อสร้างไว้ให้โลกรับรู้ถึงความสำเร็จหรือความดีต่อไป

    จงประเมินความสามารถของตนเองให้ได้ หาให้เจอ อย่างน้อยต้องมีสักหนึ่งเรื่องหนึ่งอย่างที่เราถนัดหรือมีความสามารถมากที่สุด จงเลือกและยกมันขึ้นมาตั้งเป้าหมายที่สำคัญของชีวิต จงเลือกด้วยหัวใจที่รู้ใจตนเองและรู้ในผลประโยชน์อันดีงามที่จะบังเกิดและได้รับถ้าเราทำเรื่องนี้ แล้วจงมุ่งมั่นทำมันให้สำเร็จ เพียงหนึ่งความดีงามมี่คนเพียงหนึ่งคนสร้าง อาจจะมีประโยชน์ต่อเพื่อนมนุษย์อีกมากมายนับไม่ถ้วนก็อาจเป็นไปได้
    สุดท้ายนี้ ทุกคนก็ต้อง แก่ เจ็บ และตาย จึงควรใช้ชีวิตอันน้อยนักของตนนี้ ให้ดีที่สุด อย่าให้เสียโอกาสนี้ไป

    เพราะความจริงแล้ว แม้พระอรหันต์ผู้สำเร็จกิจหลุดพ้นทุกข์ได้สำเร็จแล้วก็ตาม แต่พระอรหันต์ทั้งหลาย ต่างก็ไม่ได้เก่งหรือประสพความสำเร็จไปเสียทุกเรื่อง เพียงแต่ท่านประสพความสำเร็จเพียงเรื่องเดียวคือการชำระจิตให้ขาวสะอาดหลุดพ้นทุกข์แล้วเท่านั้นเอง
    ดังนั้นชีวิตนี้จึงเป็นของท่านอยู่ที่ท่านเลือกเองครับ สาธุ
     
  5. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    จิตที่ขาวรอบ ไม่มีขาย อยากได้ต้องชำระเอง ทำเอง

    จิตที่ขาวรอบ จะขาวสะอาดได้ มันไม่ได้อยู่ดีๆแล้วมันขาวสะอาดรอบ แต่เพราะอาศัยความเพียร อาศัยขันติ อาศัยการขัดเกลาให้มากคือต้องทำให้มาก ทำมันทุกลมหายใจเข้าออก ทำมันทุกขณะจิต

    ปกติจิต ย่อมรับเอา เจตสิก รับเอาเครื่องปรุงแต่งทั้งอวิชา ตัณหาอุปาทานทั้งหลาย เสวยเป็นอารมณ์ อันเป็นสิ่งที่ทำให้จิตไม่ขาวสะอาดรอบ

    ความชำระออกเสียได้ซึ่งเครื่องปรุงแต่งทั้งปวง นั่นแหละคือการชำระจิตให้ขาวสะอาดรอบ ครับ สาธุ
     
  6. ros

    ros เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    187
    ค่าพลัง:
    +218
    วันนี้เจอเหตุการณ์น่าตื่นเต้นมาเล่าสู่กันฟัง เมื่อวานเป็นนอนเป็นเพื่อนแม่เพราะพี่สาวไปธุระ สามีดิฉันก็ไปด้วย และสามีสภาพจิตและร่างกายไม่แข็งแรงดิฉันจึงเป็นคนขับรถ วันรุ่งขึ้นต้องไปขายของ และเป็นคนถ้าแปลกที่แล้วจะนอนไม่หลับ กว่าจะหลับได้ก็ตีสาม ตอนเช้าตื่นตีห้าต้องไปขายของที่ตลาดนัด ขากลับก็ง่วง แต่ก็ฝืนพยายามร้องเพลงตามวิทยุและรถช่วงนั้นก็เยอะมาก พอสักพักได้ยินเสียงเพล้งๆพล้างๆเหมือนเสียงกระจกรถแตกรู้สึกว่ารถจะวิ่งขึ้นไปบนฟุตบาทก็ขับรถลงมาและลงไปดูรถตอนนั้นยังงอยู่ว่าเกิดอะไขึ้น แต่ รถก็ไม่เป็นอะไรล้อรถถลอกเปิดออกมาแต่แปลกมากว่าช่วงนั้นรถไม่มีวิ่งเลยทั้งๆเมื่อกี้รถเยอะ ดิฉันแปลกใจว่าทำไมดิฉันถึงได้ควบคุมอารมณ์ตนเองให้นิ่งได้ในขณะนั้นไม่รู้สึกกลัวเลย ถ้าตกใจก็คงจะเป็นอะไรมากไปกว่านี้ คงเป็นเพราะการสวดมนต์ภาวนาถิอองค์พระเป็นที่พึ่งทำให้เหตุร้ายกลายเป็นเบา ช่วยรักษาสติของเราไว้เพราะลักษณะตัวดิฉันเองปกติเป็นคนตื่นกลัวง่าย เก็บอะไรไม่ค่อยได้มีอะไรก็พูดตรงนั้นเลย ขอขอบพระคุณองค์พระรัตนตรัยเทพพรมทุกๆท่านและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่ได้ช่วยปกป้องคุ้มครอง สาธุๆ
     
  7. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    เล่าสู่กันฟัง

    การภาวนามีหลากหลายแบบ แต่การภาวนาหลายครั้งมันก็จบลงทีความสงบมันก็ว่างเบาสบาย พอเป็นแบบนี้ บางทีมันทำให้เราขี้เกียจ จึงหันมาสวดมนต์แบบภาวนาบริกรรม ซึ่งจะทำก่อนภาวนาแบบหนดสติตามดูจิตในสติปัฏฐาน

    กาวภาวนาแบบบริกรรมเจริญพระคาถา สร้างความสงบแบบพิศดารมากเช่นกัน เกิดปิติเกิดสมาธิดีมาก บางบทเป็นฝ่ายอิทธิวิธี เราสมาธิเราดีจริงแน่วแน่อ่อนโยนลึกตัดเวทนาทางกายไปได้มันสงบนิ่งภายในพระคาถาที่บริกรรมมันก้องกังวาลและเหมือนมันจะมีอานุภาพแปลกๆหลายอย่าง

    บางครั้งบริกรรมภาวนาพระคาถานานๆมันสงบนิ่งเกิดนิมิตทั้งๆที่เราก็ยังบริกรรมคาถาอยู่ในสมาธิหลับตา นิมิตมีมากมายหลายแบบ แต่สมาธิเราต้องดีจริง การบริกรรมพระคาถาของเราต้องไม่ผิดเพี้ยนใดๆ อิทธิวิธีเหล่านี้จึงจัะเกิดครับ
    เพราะผมศรัทธาพ่อท่านคล้ายวาจาสิทธิ์ มากยกท่านเป็นบรมครู ท่านเคยมาทำให้ดูว่าต้องทำแบบนี้ เราก็จดจำได้และสัมผัสได้ว่าแบบนี้คือถูกคือดี คือสมาธิมันต้องทรงอารมณ์แบบนี้ มันสัมผัสได้และถ้าเราทำได้คือสภาวะ ธรรมารมณ์เป็นแบบนี้นั่นคือถือว่าทำถูกทำดีแล้ว ควรแก่อิทธิวิธีควรแก่การงานนั่นเอง อยู่ที่เราจะใช้ประโยชน์ครับ สาธุ

    การสวดมนต์ ที่ถูกต้องควรทำเพื่อฝึกสมาธิด้วยคือ การสวดมนต์ด้วยการออกเสียงที่ไม่เบาหรือดังเกินไป ให้เสียงออกจากลำคอ ลิ้นและปากอย่างพอดีไม่เร็วหรือช้าเกินไป กล่าวออกมาเป็นคำๆถูกต้องตามอักขระ เมื่อจิตเราเป็นสมาธิ เราจะไม่ปรากฏรับรู้เวทนาทางกายทั้ปวง จิตดิ่งลงสู่คำภาวนาบริกรรมพระคาถา หากสมาธิเราดีมากตั้งมั่นได้แล้วจะไม่มีผิดพลาดหรือผิดเพี้ยน ถ้ายังผิดอยู่แสดงว่า ยังไม่ผ่านไม่ดี ซึ่ง ถ้าเราทำชำนาญแล้วจะรับรู้ได้ครับ

    พระคาถาที่กล่าวบริกรรมออกไป หากสังเกตุจะพบว่าเป็นเอคตาจิตเพียงหนึ่งเดียว ที่อ่อนโยนแน่วแน่ลงไปในการภาวนาบริกรรม นั่นแหละจึงจะเกิดอานุภาพแห่งสมาธิครับ สาธุ

    ดังนั้นการภาวนามีหลากหลายแบบ การบริกรรมภาวนา เป็นสมาธิฌาณอย่างหนึ่งที่มีคุณประโยชน์มากเช่นกันที่ทุกท่านควรฝึกฝนและทำให้เป็นให้ชำนาญครับ สาธุ
     
  8. kaka krit

    kaka krit Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    38
    ค่าพลัง:
    +96

    สวัสดีครับ มีข้อสงสัยอีกแล้วครับ เลยอยากให้คุณก้องช่วยเมตตาตอบด้วยครับ :cool:
    1.คือแม่ผมชอบได้ยินเสียงคนเรียกจากหน้าบ้านบ่อยๆครับ หรือแม้แต่เดินอยู่กำลังเข้าบ้านก็มีเสียงคนมาพูดแบบระยะประชิดเลยครับ ผมอยากทราบว่าเค้าเป็นใครครับ จะได้แผ่เมตตาไปถูกครับ
    2.โรคที่เท้าตอนนี้ก็ยังไม่หายเลยครับ เหมือนจะดีขึ้นแต่ก็ยังไม่หาย ทำบุญตามคำแนะนำแล้ว ก็ดีขึ้นบ้างแต่ก็ยังเป็นเยอะอยู่ดีครับ
    3.ธุรกิจที่อยากทำ มีโอกาสจะสำเร็จมั้ยครับ หาทางมาหลายวันแล้ว ไม่เจอวิธีเลยครับ โปรดชี้แนะผมด้วยนะครับ
     
  9. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    นำบุญ มาฝากครับ ช่วงปีใหม่นี้กับการทำบุญ ที่บ้านคนชราทุพพลภาพ คาเมเลี่ยน โคกปีบ ปราจีนบุรี ครับ ผมและเพื่อนๆได้ไปร่วมทำบุญทาน ด้วยการแจกอาหาร ป้อนอาหาร พร้อมด้วยของกินของใช้ให้กับ คนชราที่ทุพพลภาพ ไร้ครอบครัวญาติพี่น้องดูแล ครับ

    แม้ทุกคนจะมีการนับถือคริตส์ แต่แท้จริงแล้วทุกศาสนาก็สอนให้คนทุกคนเป็นคนดีและสอนให้มีเมตตาช่วยเหลือกัน

    ชีวิตคนเรามีแต่เสื่อมลงทุกวันคือสังขารร่างกาย ไม่วันใดวันหนึ่งเราก็ต้องล้มป่วยหรือเจ็บป่วยแก่ชรา ร่างกายทรุกโทรมไม่แข็งแรงไม่เที่ยง อันความไม่เที่ยงหรือความเสื่อมคือทุกข์จะเกิดขึ้นกับเราเสมอ

    ปีใหม่นี้ขอเราท่านจงไม่ประมาท ขอให้ตั้งมั่นในการทำความดี ละบาป ชำระจิตให้ขาวสะอาด ทำหน้าที่รับผิดชอบหน้าที่ของตนทุกหน้าที่ให้ดีให้สมบูรณ์

    และขอความสุขสวัสดีจงบังเกิดมีแด่ทุกท่าน ขอลาภผลอันประเสริฐจงบังเกิดมีแก่ทุกท่าน ขอให้ภัยอันตรายใดๆจงมลายหายหมดสิ้นไป ขอทุกท่านพึงเจริญยิ่งๆขึ้นไปทั้งทางโลกและทางธรรมมีที่สุดคือหลุดพ้นทุกข์ครับ สาธุ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  10. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    ==============

    ผมไปที่นี่แล้ว ส่วนใหญ่ขาพิการต้องใช้วีลแชร์ และหลายคนมีหลายโรครุมเร้า ความเสื่อมของร่างกายมันเป็นทุกข์มาก เพราะความแก่ชรานำมาซึ่งโรคภัยทางกาย ที่ต้องเกิดกับทุกคน คนที่เป็นบุตรหลาน ต้องดูแลพ่อแม่ปู่ย่าตายายคนชราให้ดีที่สุด เพราะกำลังใจของท่านเหลือน้อยมาก ผมกล่าวกับคนที่ศูนย์ว่า ปัจจัยสี่ที่มอบให้ในครั้งนี้ เป็นเพียงเครื่องประเทืองประคับประคองชีวิต แต่สิ่งที่สำคัญกว่าปัจจัยสี่คือ กำลังใจ กำลังใจที่จะต้องเข้มแข็ง ปล่อยวางปัญหาทางโลกปล่อยวางความทุกข์ทางกายลงให้ได้ รักษากำลังใจของเราให้ดีที่สุด ผมทราบดีว่าทุกคนมีความทุกข์และเจ็บปวดใจมากกว่าสิ่งอื่นใด ผมขอมอบกำลังใจและเป็นแรงใจ ขอให้ทุกๆท่านจงมีกำลังกายใจ ปล่อยวางทุกข์ สร้างรอยยิ้มให้กับตนเอง จงใช้เวลาที่อยู่กับสิ่งดีงามคือพระเจ้า หากทุกท่านทำได้ทุกท่านจะได้รับพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทุกท่านจะพ้นทุกข์ ด้วยจิตที่ดีงามของท่าน ทุกท่านจะไปสู่สุคติเมื่อเวลานั้นมาถึง นี่คงเป็นสิ่งหนึ่งที่ผมควรจะต้องช่วยเหลือและทำให้ต่อเนื่องทุกปีหรือทุกช่วงโอกาสที่ต้องทำเพื่อสงเคราะห์คนเหล่านี้ครับ

    การเดินทางง่ายมากเพราะเมื่อเดินทางถึงตัว อำเภอศรีมโหสถ จะมีป้ายบอกให้เลี้ยวเข้าไป ชื่อศูนย์คาเมเลี่ยน เป็นสถานที่สงเคราะห์ช่วยเหลือผู้ชราภาพที่ทุพพลภาพครับ อยู่ในเมืองโบราณ ครับ
     
  11. มหาเมตตา

    มหาเมตตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    107
    ค่าพลัง:
    +283
    เรื่องเล่าในช่วงปีใหม่ 2559

    ก่อนจะถึงช่วงวันหยุดยาวปีใหม่ 2559 ผมรู้สึกว่าจะต้องเกิดเหตุการณ์อะไรบางอย่างหรือหลายอย่างขึ้นกับตัวผม แต่ก็ไม่แน่ใจ หรืออาจจะเป็นอุปทานปรุงแต่งไปเองก็ได้ สุดท้ายก็มี 1 เหตุการณ์ที่ผมแน่ใจก็เลยนำมาเล่าและมาขอคำชี้แนะจากท่าน tjs ด้วยครับ

    เหตุการณ์ที่ 1
    เกิดขึ้นที่ศาลเจ้าพ่อเห้งเจียบนเขาสมอแคลง จ.พิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก ดอยสุเทพ 2 เขาสมอแครง จ.พิษณุโลก (ศาลเจ้าพ่อเห้งเจีย และ โรงเจไซทีฮุกตึ๊ง) >

    หลังจากไหว้เทพเจ้าต่างๆ แล้ว ผมก็จะเดินขึ้นบรรไดไปชั้นบนที่มีเง็กเซียนฮ่องเต้และพระอมิตาภพุทธเจ้าองค์ใหญ่ แต่ก่อนจะขึ้นไปชั้นบนจะต้องเดินผ่านห้องขายรูปปั้นเทพเจ้าต่างๆ ซึ่งขณะผมย่างก้าวเข้าไปในห้อง ผมเกิดความรู้สึกอยากเช่าบูชารูปปั้นเทพเจ้าขึ้นมาทันที แต่ก็ยังไม่แน่ใจว่าจะเช่าบูชาเทพเจ้าองค์ใด ผมคิดพิจารณาใช้ความรู้สึกเลือกดูอยู่สักครู่ ก็รู้สึกแน่ใจว่า เลือกองค์นี้ ใช่เลย นั้นคือ "เทพเจ้ากวนอูปางห้ามศึก" สีทองอร่ามพ่นทราย แต่ผมยังไม่เช่าทันที เพราะผมจะขึ้นไปไหว้เง็กเซียนฮ่องเต้และพระอมิตาภพุทธเจ้าก่อนค่อยลงมาเช่า เมื่อผมเดินขึ้นไปชั้นบนสุด ขณะที่ผมกำลังเดินเข้าไปจะกราบพระอมิตาภพุทธเจ้าระหว่างนั้นในใจผมก็พูดบอกท่านว่า ขอให้เกิดเหตุการณ์บางอย่างทำให้ผมมั่นใจมากยิ่งขึ้นในการเช่าบูชาเทพเจ้ากวนอูปางห้ามศึกนี้ด้วยครับ พอผมเดินก้าวไปถึงเบาะไหว้ ผมก็คุกเข่าลงและเริ่มสวดนะโมยังไม่ถึง 3 จบ นาฬิกาปลุกที่ผมตั้งไว้เวลา 17:00 นาฬิกามันก็ปลุกดังขึ้นมาทันที เหตุการณ์นี้ทำให้ผมรู้ได้ว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ณ ที่แห่งนี้เป็นผู้จัดสรรเรื่องราวและดลใจให้ผมตั้งนาฬิกาปลุกเวลา 17:00 นาฬิกา ดลใจให้ผมอยากเช่าบูชาเทพเจ้ากวนอู ซึ่งเป็นตัวแทนของเหล่าเทพเทวดาพรหมและพระเบื้องบนที่มาในนามของตำนานเทพเจ้ากวนอูที่สถิตอยู่ ณ ศาลเจ้าแห่งนี้มาร่วมสร้างบารมีกัน เพราะถูกกำหนดไว้แล้ว

    ขอท่าน tjs ช่วยชี้แนะด้วยครับ

    คำถาม

    1.ในองค์เทพเจ้ากวนอูมีกระแสจิตบารมีของเทพเทวดาพรหมหรือพระเบื้องบนกี่องค์ครับ? ท่านอยู่สวรรค์พรหมชั้นไหนบ้างครับ?

    สาธุครับ !


    image.jpeg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 มกราคม 2016
  12. มหาเมตตา

    มหาเมตตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    107
    ค่าพลัง:
    +283
    พระอมิตาภพุทธเจ้า
    image.jpeg
     
  13. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    การสร้างบารมี หรือการทำความดีถือว่าเป็นเรื่องเฉพาะบุคคล

    การสร้างบารมี ของแต่ละคนย่อมมีปัญหาอุปสรรค มากน้อยไม่เท่ากัน อันมีความแตกต่างกันยากง่ายไม่เหมือนกัน เพราะอาศัยการสั่งสมไว้แล้วในอดีตไม่เท่ากัน ผลกรรมที่ทำไว้จึงให้ผลแตกต่างกัน

    คนที่จะทำงานใหญ่ คนที่สั่งสมบารมีมาแล้วระดับหนึ่ง การที่จะก้าวหน้า พัตนาความดีบารมีของตน ย่อมต้องเจออุปสรรคมากยิ่งขึ้น ย่อมต้องทำเรื่องยากๆเพราะของง่ายๆทำมามากแล้วผ่านมาแล้วรู้หมดแล้วนั่นเอง

    ดังนั้นจงภูมิใจเถิด และมีความเชื่อมั่น มุ่งมันในการทำความดีสร้างบารมี อย่าท้อถอย สิ่งที่ทำได้ยากอุปสรรคมาก มันจะเป็นเครื่องพิสูจน์ความสามารถในการที่จะทำงานใหญ่ในอนาคต

    ครูอาจารย์เคยกล่าวกับผมในสมาธิคืนวันที่31 ธค 58 ที่ผ่านมาว่า

    ลูกเอ๋ย เจ้าต้องสร้างบารมีคือความดีหลายอย่าง เจ้าต้องเจออุปสรรคและปัญหามากมาย มันหนักเพราะต้องแบกรับภาระต่างๆมากมายของผู้อื่น การช่วยเหลือหรือสร้างบารมีหรือความดีมันไม่มีแบ่งแยกนะลูก จะดีหรือชั่ว ก็ไม่แบ่งแยก เงินทองที่หามาก็อย่าไปเสียดาย แต่ควรใช้เพื่อสร้างประโยชน์ ช่วยเหลืออุปภัมถ์ผู้ด้อยกว่าแย่กว่า ให้เขาได้มีกายใจมีชีวิตที่ดีขึ้น เพราะมันเป็นหน้าที่ ของเจ้า

    ก็เราปราถนาทำงานใหญ่ เราก็ต้องมีภาระอันใหญ่เช่นกัน อย่าท้อถอยยอมแพ้ เราสั่งสมมามากแล้ว เราผ่านเรื่องง่ายๆเล็กๆและปานกลางมามากแล้ว ถึงเวลาแล้วที่เราต้องทำงานใหญ่ให้สมกับสติปัญญากำลังและบารมีของเราที่จะต้องสั่งสมและก้าวข้ามไปให้สำเร็จ ให้มองดูพระโพธิสัตว์ผู้มีบารมีมากหลายๆพระองค์ท่านเกิดมาท่านก็ต้องทำงานใหญ่ด้วยกันทั้งสิ้น ท่านไม่ได้สุขสบายนะ ท่านลำบากทั้งกายใจ แต่ส่วนลึกท่านมีความสุขนะ สุขเพราะได้ทำให้คนอื่นมีความสุขนั่นเอง

    ฉนั้น นี่จึงคือบทเรียนบทพิสูจน์กำลังใจ ความกล้าหาญความเสียสละ ความพยายาม ความอดทน อดกลั้น ทุกอย่างย่อมต้องสั่งสมสร้าง รักษาจิตใจให้ดีงามตั้งมั่น มั่นคงต่อความดีทั้งปวง จงทำหน้าที่ของตนให้ดีไม่ย้อท้อหรือท้อถอยนั่นเอง

    เพราะเราเกิดมาแล้ว เราจะต้องตายลงเมื่อไหร่ไม่อาจทราบได้แน่ชัด ร่างกายเราก็เสื่อมลงทุกวัน ในวันนี้เรายังมีกำลังดีพร้อมทั้งกายใจ ดังนั้นจึงควรทำวันนี้ของเราให้ดีที่สุดอย่าปล่อยให้ล่วงเลยไปผ่านไปอย่างไร้ค่า น่าเสียดายเวลาที่กำลังหมดลงทุกทีนะลูก ''

    ปีใหม่นี้ ขอให้ทุกท่านอย่าท้อถอยต่อการทำความดีสร้างบารมีของตนให้งอกงามไพบูลย์ยิ่งๆขึ้นไป งานจะเบาจะหนักแค่ไหน หากเป็นความดีเป็นสิ่งดีงามเกิดประโยชน์แล้ว

    จงตั้งใจทำสร้างสั่งสมทำมันให้ดีที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ครับ สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 มกราคม 2016
  14. buytona

    buytona Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2013
    โพสต์:
    29
    ค่าพลัง:
    +97
    ขอคุณก้องมีกำลังใจอันดี มั่นคงในการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ ให้ถึงที่สุดแดนพุทธภูมิที่ปรารถนา ขอร่วมอนุโมทนาบุญที่คุณก้องได้กระทำ ขอบคุณในความรู้ คำแนะนำที่นำมาเผยแพร่ ในวาระดิถีขึ้นปีใหม่นี้ ขออำนาจคุณพระรัตนตรัยคุ้มครองให้คุณก้องและครอบครัว มีความสุข ความเจริญ
    สุขภาพแข็งแรง เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไป อนุโมทนาบุญ สาธุ
     
  15. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    ==================

    กระผมขอกราบขอบคุณคุณหลวงพี่ด้วยครับ สาธุ สาธุ สาธุ
     
  16. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    บุญและบาป เป็นกรรม คนละส่วนกัน

    การทำบุญและการทำบาปจึงแยกส่วนกัน แต่ก็มีส่วนที่เกี่ยวเนื่องหรือสัมพันธ์กัน

    การละบาป หรือการทำบุญ ต้องมีพื้นฐานเหมือนกันคือ การมีศีลการรักษาศีล อาศัยการรักษาสติและสมาธิ

    เราทุกคนมีโอกาสในการทำบาปทั้งแบบเจตนาและไม่เจตนา จะด้วยความมีสติหรือขาดสติ หรือจะด้วยเพราะขาดปัญญาหลงผิดก็มี

    การทำบุญก็มีทั้งแบบเราทำด้วยสติปัญญาหรือทำเพราะอวิชาฝ่ายดีหนุนนำ หรือทำไปเพราะความลุ่มหลงมัวเมาก็ดี แต่บุญหรือกรรมดีย่อมให้ผลแห่งความดีเสมอมากน้อยแล้วแต่ปัจจัยต่างๆที่สนับสนุน

    ไม่มีปุถุชนใดๆที่จะละบาปกรรมได้หมด และสั่งสมแต่บุญเพียงส่วนเดียวได้

    การปฏิบัติธรรม จึงหมายถึงการที่เรา ต้องฝึกอบรมตนเอง เข้าไปเรียนรู้วิธีการละบาปและการทำบุญสร้างบุญสั่งสมบุญอย่างค่อยเป็นค่อยๆไปตามลำดับขั้น เพื่อเรียนรู้เข้าใจในสัจธรรมทั้งปวง เพื่อยกจิตสู่อริยะบุคคลผู้ละบาปกรรมโดยสิ้นเชิง น้อมนำจิตสู่เส้นทางแห่งบุญกุศลหรือความดีงาม มีที่สุดคือพระนิพพานครับ

    บุคคลผู้ก้าวย่างจะรู้หรือทราบได้อย่างไรว่า การปฏิบัติธรรมหรือจิตของเรายกสูงขึ้น
    1ให้ดูที่การละบาปของเราต้องก้าวหน้าไม่ทำบาปหรือละบาปได้มากขึ้น
    2ศีลของเราสะอาดยิ่งขึ้น
    3กิเลสโลภโกรธหลงเบาลง มีสติตามทันมากขึ้น
    4สติปัญญารู้ทันวาระจิต การกระทบทางกายใจมากยิ่งขึ้น
    5จิตฝักไฝ่การทำบุญทานการไหว้พระสวดมนต์มากยิ่งขึ้น
    6จิตมีความเคารพรักในพระรัตนตรัยมากยิ่งขึ้นมั่นคง
    7จิตมองเห็นความทุกข์ชัดเจนมากยิ่งขึ้นอันเป็นการรู้ทันทุกข์อันเป็นความไม่เที่ยง อันเกิดจากการเกิด หรือการเวียนว่ายตายเกิดนั่นเอง
    8จิตยอมรับในความเกิดแก่เจ็บตาย เห็นความตายคือความเสื่อมที่ชัดเจนยอมรับ จึงทำให้ดำรงชีวิตอย่างไม่ประมาท

    การชำระจิตแท้จริงมันเกิดตั้งแต่การที่เรารู้จักละบาปและหมั่นสร้างบุญ จวบจนที่สุดคือการหลุดพ้นจากความยึดติดในบาปและบุญทั้งปวงครับ สาธุ
     
  17. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    กรรมในอดีตเราแก้ไขไม่ได้ เราทำได้เพียงการรู้ทันกรรมที่ได้รับผลในปัจจุบัน

    เราสร้างปัจจุบันให้ดีด้วยการ หยุดทำบาป ละบาปกรรมทั้งปวง

    เราสร้างปัจจุบันให้ดีด้วยการรักษาศีล สร้างกุศลกรรมให้มากเท่าที่จะทำได้ ทุกบุญกริยา ด้วยกาย วาจา จิต

    เราสร้างปัจจุบันให้ดี ด้วยการเจริญสติ สมาธิ ปัญญา ชำระจิต

    การละบาป การทำดี ย่อมส่งผลให้เราห่างไกลทุกข์ หนีพ้นทุกข์ได้ระดับหนึ่ง แต่กรรมหนักที่ตามให้ผลย่อมไม่ละเว้น ย่อมต้องได้รับผล

    การชำระจิตมีสติปัญญาขั้นโลกุตระ ย่อมเป็นผู้รับผลแห่งวิบากกรรมหนักที่ไม่ดีที่เป็นทุกข์ ได้โดยไม่ทุกข์ ทุกข์เพียงกายเพราะเป็นธรรมดา แต่จิตหลุดพ้นไม่มีทุกข์ เมื่อนั้นวิบากกรรมใดๆก็ทำร้ายจิตที่ขาวสะอาดของท่านไม่ได้

    นี่คือแนวทางที่พระพุทธองค์ทรงวางกำหนดไว้ดีแล้ว
    เมื่อเรามีกรรมเป็นเงาติดตามตัว เราต้องรับใช้กรรม กรรมไม่ดีเราหนีมันได้ด้วย การละบาป การทำความดี
    เมื่อเราหนีกรรมได้ส่วนหนึ่งแต่กรรมหนักส่วนหนึ่งเราหนีไม่ได้ เราจึงต้องอาศัย ศีล สมาธิ ปัญญา ในการชำระจิตให้ขาวรอบ เมื่อเราทำได้ เราย่อมเป็นผู้ไม่ต้องหนีกรรม แต่เราจะยินดีรับกรรมเพื่อชดใช้กรรมและหลุดพ้นจากกรรมจากทุกข์ โดยไม่ทุกข์เพราะจิตที่ขาวรอบเมื่อทำได้แล้ว ย่อมพ้นแล้วจากทุกข์ทั้งปวงนั่นเองครับ

    นี่จึงเป็นวิถีแห่งมรรคผลนิพพานที่ก้าวตามพระพุทธองค์ และ พระอรหันต์ ที่กระทำสืบต่อเนื่องมาแบบนี้นั่นเองครับ สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มกราคม 2016
  18. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    มนุษย์ทั้งหลายย่อมเป็นไปตามกรรม

    กรรมย่อมให้ผลคือวิบากกรรมตามวาระแห่งช่วงอายุไข

    การถือกำเนิดเกิดมาก็อาศัยกรรม ในอดีต

    การเกิดมาแล้วมีรูปร่างหน้าตาสติปัญญามากน้อยไม่เท่ากันก็อาศัยกรรมในอดีต

    การดำรงชีวิตตั้งแต่วัยเด็ก วัยรุ่ย วัยผู้ใหญ่ วัยชรา ก็อาศัยกรรม ทั้งปัจจุบันและอดีต

    ทุกอย่างจึงเป็นเรื่องของกรรม ทั้งสิ้น กรรมย่อมให้ผลคือสุขทุกข์ เกิดสู่กายใจเสมอ

    กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ในอดีตและปัจจุบะันที่เกิดใหม่ ล้วนมีผลทั้งในปัจจุบันและอนาคตทั้งสิ้น

    กรรมจึงเป็นพลังงานที่หนุนนำปั้นแต่งให้สรรพสัตว์เป็นไปต่างๆนานา และเวียนว่ายวนเวียนอยู่ในวัฏฏะไม่จบสิ้น

    เมื่อใดที่จิตว่าง หรือจิตท่านเข้านิพพาน เมื่อนั้น ก็จะว่างจากกรรมทั้งปวงด้วยเช่นกัน

    การว่างของจิตคือ ไม่มีการสร้างกรรมใดๆเกิดขึ้น จะเป็นกุศลหรืออกุศลก็ตาม ความว่างของจิตย่อมเป็นเครื่องหลุดพ้นจากอำนาจแห่งกรรม เป็นเครื่องหลุดพ้นกรรมหรือทุกข์ได้อย่างแท้จริง

    แม้กระนั้นอันวิบากกรรมในอดีตแม้จะมีกำลังให้ผลแก่ผู้เข้านิพพานผู้ตัดขาดจากกรรม แต่วิบากกรรมทั้งหลายในอดีตที่ตามมาให้ผล ย่อมให้ผลแค่เพียงกายสังขาร เท่านั้น วิบากกรรมทั้งปวง ย่อมไม่สามารถให้ผลสุขทุกข์แก่จิตในปัจจุบันที่เข้านิพพานหรือเข้าสู่ความว่าง เมื่อใดที่กายสังขารแตกดับเสื่อมสิ้นไปตามกฏของธรรมชาติ เหลือเพียงจิตนิพพานดวงเดียว เมื่อนั้นวิบากกรรมทั้งปวงก็จะตัดขาดจากจิตนิพพานโดยสิ้นเชิง

    ดังนั้นจึงกล่าวสรุปได้ว่า

    ความว่างเป็นความสูญ คือสูญสิ้นไปจากกรรมหรือเป็นความตัดขาดจากกรรม ทั้งปวงที่ปรุงแต่งจิต

    ความว่างในนิพพานจึงเป็นสุขอย่างยิ่งเพราะเป็นความหลุดพ้นกรรม หลุดพ้นทุกข์ โดยสิ้นเชิงนั่นเองครับ สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 มกราคม 2016
  19. ros

    ros เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    187
    ค่าพลัง:
    +218
    มีเรื่องถามคุณ อีกแล้วค่ะ ดิฉันท่องพระคาถาเงินล้านของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ โดยท่องคำว่า นาสังสิโม พรหมา จะ มหาเทวา สัพเพยักขา ปะรายันติ พรหมา จะ มหาเทวา อภิลาภา ภะวันตุ เม มหาปุญโญ มหาลาโภ ภะวันต ุเม
    มิเตภาหุหะติ (โดยการหายใจเข้า)
    และสวด พุทธะมะอะอุ นะโมพุทธายะ วิระทะโย วิระโคนายัง วิระหิงสาวิระทาสี วิระทาสา วิระอิทถิโย พุทธัสสะ มานีมามะ พุทธัสสะ สวาโหม สัมปะติจฉามิ เพ็ง ๆ พา ๆ หา ๆ ฤา ๆ (โดยการหายใจออก) โดยใช้การหายใจเข้าและออกเพียงรอบเดียวต่อ 1 จบ) เป็นการถูกต้องหรือเปล่าคะ มันเหมือนกับเป็นการลากลมหายใจไปกับบทสวด ขอช่วยแนะนำด้วยค่ะ สาธุๆ
     
  20. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    การสวดพระคาถา สำหรับคนที่ยังใหม่สมาธิยังไม่แน่วแน่หรือชำนาญ ครูอาจารย์แนะนำให้เว้นวรรคและแบ่งห้องตามลมหายใจ

    หากสมาธิท่านดี มันไม่เกี่ยวกับลมหายใจที่เข้าและออก มันไม่เกี่บยวด้วยกาย แต่มันเกี่ยวด้วยกำลังพลังทางจิต การภาวนาพระคาถาจึงต้องทำด้วยสมาธิจิตคือภายในเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องออกเสียง แต่กำหนดที่จิตแล้วกล่าวบริกรรมพระคาถาภายในจิต หนึ่งเดียวแน่วแน่น เมื่อครบทุกคาถาจบบทแล้ว ก็สำฤทธิ์ผลตามปราถนาครับ

    เรื่องการเรียกทรัพย์มีอานิสงค์จริงหากทำสม่ำเสมอด้วยสมาธิแน่วแน่ มีศีลสะอาด ย่อมส่งผลสามแบบคือ

    1ย่อมเรียกทรัพย์ที่ทำไว้มากหรือน้อยที่กำลังจะให้ผล ให้ผลรวดเร็วทันทีในอาทิตย์นั้นเดือนนั้นหรือปีนั้น

    2ย่อมเรียกทรัพย์ที่ทำไว้มากหรือน้อยทีรอให้ผลอีกนาน จะ ให้ผลรวดเร็วขึ้นปานกลาง ในเดือนหน้า หรือปีหน้าหรือปีต่อไปเป็นต้น

    3ย่อมเรียกทรัพย์ที่ ไม่มีหรือไม่เคยทำไว้ จะให้ผลเกิดทรัพย์ตามมานั้นสามารถเกิดได้ด้วยเพราะเทพพรหมและสิ่งศักดิ์สิทธิ์มอบบุญทรัพย์ของตน มอบให้แก่เราผู้สวดภาวนา ให้เกิดขึ้นแก่เราได้ ช้า ปานกลาง เร็ว ก็อาศัยวาสนาชะตาของตนประกอบปรากฏให้เกิดมีครับ

    ดังนั้นเมื่อผลที่ได้ยังไม่ได้สมปราถนา นั่นเพราะมีเหตุปัจจัย พึงทำความเข้าใจและอดทนพยายามต่อไปอย่าท้อถอยครับ ในที่สุดเมื่อปัจจัยพร้อมทุกอย่างย่อมปรากฏผลสำเร็จแก่ท่านแน่นอนครับ สาธุ
     

แชร์หน้านี้

Loading...