สงสัยเรื่องพระพุทธทาสมากครับ

ไม่ได้ไฟแรงอะไรเลย แค่เขียนและวิเคราะห์ไปตามเหตุผล

 

พระอภิธรรมปิฎก ท่านพุทธทาสท่านก็บอกว่าไม่ยอมรับ

แปลว่าทั้งสามปิฎก มีเพียงพระสุตตันตะปิฎกเท่านั้น ที่ท่านพุทธทาสท่านยอมรับ

 

..ที่ท่านไม่ยอมรับเพราะพระอภิธรรมนั้นพระพุทธเจ้าท่านเสด็จขึ้นไปสอนเทวดาชั้นดาวดึงส์ แล้วพระอภิธรรมนั้นเป็นธรรมที่ใช้สอนเทวดาโดยเฉพาะ..

ส่วนความเห็นของหลวงปู่พุทธทาสนั้น ท่านไม่เชื่อเรื่องเทวดาอยู่ก่อนแล้ว นั้นจึงเป็นเหตุที่ท่านไม่ยอมรับ ก้อแล้วจะให้ท่านทำไงหล่ะก้อคนมันไม่เคยเห็น!

ท่านคนนี้นี่ก้อแปลกมีความเห็นเรื่องนิพพานดวงจิตคล้ายกับหลวงปู่พุทธทาสแต่กลับเห็นต่างกันกับท่านในบางเรื่อง ◑ˍ◐

 

..สมัยพุทธกาล ผู้ที่ถึงพร้อมแล้วได้สดับตรับฟังพระธรรมเพียงบาทบทเดียว ท่านก้อเป็นผู้หมดกิเลสแล้ว หลายรูปหลายท่านบรรลุมรรคผลตั้งแต่พระพุทธเจ้ายังไม่ได้แสดงพระอภิธรรม ผู้ที่จะบรรลุธรรมได้ไม่จำเป็นต้องเรียนพระไตรปิฎกจนจบหมดทั้งสามตะกร้าดอกก มองเห็นแค่ใบไม้ในกำมือ "พระอนิจจัง,ทุกขัง,อนัตตา," จบหมดโลกธาตุ..

 

ไม่แปลก...เพราะว่าธรรมที่ศึกษาเรื่องนิพพานมาจาก พระไตรปิฎกเล่มเดียวกัน
ถ้าพูดห์ตามหลักในพระไตรปิฎกแล้ว คำตอบที่ได้จะเหมือนๆกัน

อนึ่ง ควรทราบว่า ผมไม่ได้มีอคติใดๆต่อท่านพุทธทาสทั้งสิ้น
ไม่รัก และไม่เกลียด แต่ที่แสดงความคิดเห็น ก็ว่าไปตามเหตุผล

 

................ในความเห็นของผม คนชั้นหลัง เอง ที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ เหมือนเราท่านนั้นแหละ.....สมัยนั้นท่านพุทธทาส รวบรวม พระพุทธวจนะ จากพระโอษฐ์ จัดทำหนังสือ การรวบรวมข้อมูล จากหนังสือแปล หรือ แปลด้วยผู้รู้ก็ตาม การทำหนังสือ สมัยนั้นใช่จะง่าย ต้อง มีการทำการจดจำหน้า และ เนื้อหา ต้องมีการ โน้ตทบทวนความจำ การเรียงหน้า ส่งต่อ ให้ผู้รวบรวมผู้ช่วย.......ในภายหลัง เวลา มีผู้หวังดี แต่รู้เท่าไม่ถึงการ รวบรวม โน้ตส่วนตัว ที่จะ เอาเนื้อหาใหนลง ไม่เอาเนื้อหาใหน ลง (ที่ตรงกับ หัวข้อหนังสือเล่มนั้นนั้น เช่น ปฎิจสมุปบาทจากพระโอษฐ์ หรือ เล่มจากพระโอษฐ์อื่นอื่น) ที่จะส่งต่อให้ ผู้ช่วยรวบรวมต่อไป.(สมัยนั้นยังไม่ได้ใช้คอมพิวเตอร์ ก้ ต้อง โน้ต มืออย่างนี้แหละครับ คือ การทำ ดัมมี่ หรือ เลย์เอ้าท์ ห้นาเนื้อหาหนังสือนั้นแหละ)...เท่านั้น......แต่ในภายหลัง มีคนพิมพืเอาโน้ตนี้ลงไปด้วย โดยไม่ใช่เจตนาของท่าน.....ในหนังสือ ของท่านบ้าง มา พิมพ์ รวมลงไปด้วย.....แต่ที่จริงโน้ต เหล่านั้น เป็น แค่โน้ต เตือนความจำที่จะเอาลงในหนังสือเท่านั้น ว่าจะเอาเนื้อหาใหนบ้าง ...ไม่เอาเนื้อหาใหนบ้าง(ส่วนที่ ไม่มีในส่วนจากพระโอษฐ์เพราะไม่ตรงหัวข้อหนังสือ).....เมื่อ มีคน จับเอาเฉพาะ ตรงนั้นมาเป็นประเด็น.....มันก็เป็นอย่างนี้แหละครับ ..คนเรา เข้าใจตรงกันนะ

 

......ส่วนการเทศน์ ต่อ ญาติโยม....พระทุกรูป แม้แต่สมัยปัจจุบัน ก็ ต้องเทศน์ ตามเจตนา ของการเทศน์นั้นนั้น....สอนเรื่อง ทั่วไปบ้างทำดีทำชั่วบ้าง บางท่านสอนแล้วปล่อยมุกขำไปบ้างเพื่อ เป็นกุศโลบายแก้เบื่อ ก็ แล้วแต่....สรุปแล้วยังต้องบอกอีกเหรอ

 

และจริงๆ ก้มบันทึก. ของวัดหลวงพ่อฤาษี ส่งคณะไปลองของ. ถ้าจำไม่ผิดมีการยกเอาพระพุทธรูปไปประกอบ เพื่อทดสอบอะไรจำไม่ได้ เหมือจะเอาไปถามชื่อมั้ง

ทราบแต่พอไปถึงวัด. ท่านพุทธทาส. ก็จัดที่นั่ง และที่วางพระพุทธรุปรอก่อนแล้ว. เลย
ไม่ต้องลองของ ลากลับกันเลย. อะไรทำนองนี้

และเรื้องฤทธ์ ส่วนที่เขียนด้วยลายมือ ก้มีบางส่วนกล่าวถึง ท่านลองเล่นกสิน


สร้างก้อนนำกลางฝ่ามือ. แล้วก้ให้มีปลาทองว่ายอยุ่ในนั้นด้วย พอทำได้ก้
บันทึกถึงการวางอารมณ์ฌาณ. กสิณแบบนี้ ต้องพวกทำอานาแานสติ
เพราะเล่นทีเดียว 5 กอง. คืออากาสา. ช่องว่างกลางมือ. น้ำดิน. ลม ไฟ(ปลาทอง)

แรกๆหนังสือเหล่านั้นก็พอเหนตีพิมพ์วางขาย. ไม่ได้ซื้อเกบไว้ เพราะว่าแปลก
ไม่เข้ากันกับกนังสือส่วนใหญ่ของท่าน

เรื่องบันทึกทางวัดท่าซุงลองของก็หายไป. เมื่อก่อนหาในเวบนี่แหละ เพราะ
เจ้าหน้าที่เองเขาลงเพื่อให้สมาชิกเลิกทำชั่ว

แต่สุดท้ายก้หายไป


เพราะกลุ่มใหม่ๆ. ก้เหลือแต่คณะที่อ้างว่าเหนพระรุปร่างอ้วนในโน้น

คณะหลวงพ่อฤาษีเดิมๆ หายไปหมดแล้วกระมัง

 

คนมาก เกลืออาจเป็นหนอนได้

หรือมิฉะนั้น อาจมีใครบางคนที่พาซื่อเพราะหวังดี จึงโทรศัพท์ไปบอกว่า เวลานั้นเวลานี้คณะนั้นจะไป
พร้อมนำพระพุทธรูปไปถวาย จะได้มีการจัดเตรียมต้อนรับ

ส่วนคณะที่ไป พอเห็นว่ามีการเตรียมสถานที่ต้อนรับไว้ก่อนทั้งๆที่ไม่ได้แจ้งไปล่วงหน้า
ก็เลยปักใจเชื่อว่าเป็นเรื่องอภินิหาร ล้มเลิกการตั้งใจทดสอบที่เตรียมไว้แต่แรก
ลักษณะแบบนี้ คือ การปักใจเชื่ออะไรง่ายเกินไป ขาดหลักกาลามสูตร

 

ม่ายช่ายๆ

ไอ้ที่ ทำเป็น เล่าไม่ครบ ทั้งที่ ก็บอกอยู่ว่า เจ้าหน้าที่เว็บนี้แหละ
เป็นคนมาเล่า ดังนั้น รายละเอียด มีหรือจะตกหล่น หากค้นไป
คลังกระตู้ฮู้ ย่อมเจอ

แต่ที่ เขียนครึ่งๆ กลางๆ ก็เพื่อที่ว่า


จะดูไงว่า ใครเป็นหนอนในเกลือ เที่ยวเสี้ยม

 

สำหรับ ประเด็น สุขขวิปัสสโก มีการปฏิบัติ ฌาณ4 ไหม !?

ลองมาดู พระไตรปิฏก กัน

ข้างบนนั้น คือ สุขวิปัสสโก แบบ บรรลุธรรมช้าาาาาาาาาาาาาาาาาา

ท่อนนี้ คือ บรรลุเร็ว




ทีนี้ สมมติว่า ใครขออุบายธรรม ในการมีวิมุตติ

นอกจาก รู้ลงปัจจุบัน มีสติ (กายคตาสติ) เนืองๆ ก็เพียงแต่
สังเกตว่า " อินทรีย์5 " " ศรัทธา สติ วิริยะ สมาธิ ปัญญา "
นั้นค่อยๆ ปรากฏให้รับรู้ว่า

" เอ้อเราก็มีเหมือนกัน "

หรือว่า

" ไม่ได้สนใจเลย กระโดดลงไปปฏิบัติ กายคตาสติ ด้วย อินทรีย์เท่าที่มีลงไปเลย "


ถ้าเป็น อย่างแรก คือ ค่อยๆ รับรู้ว่า " เออ หนอ เราก็มี อินทรีย์ค่อยๆ เกิดเนาะ "
ค่อยเป็นค่อยไปเนาะ อันนี้ก็จะบอกได้ว่า เป็นพวก ทุกขขาปฏิปทา ปฏิบัติ
ลำบากหน่อย โมหะเอาไปกิน โทษะเอาไปกิน โลภะอยากได้ลาภ สักการะ
ของรายล้อมเพื่อบริโภค มันหลอกรับประทาน พาไป มะงุมมะงาหรา

ถ้าเป็น อย่างที่สอง ก็พิจารณาอีกนิดเดียว่า อินทรีย์ที่ทำให้กระโดดลงไป
ปฏิบัติเลย ไม่พะวักพะวง อดีต หรือ อนาคต มีความรวดเร็ว มั่นคงแค่ไหน

มีมาก ก็ เอาให้ไว 7วัด 7เดือน หากพอกพูลด้วยกายคตาสติ จะเล่นกสิณ
เสกก้อนน้ำกลางฝ่ามือให้มีปลาทองว่ายอยู่ ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องไปตื่นเต้น
สาระวนอยู่กับ ทำได้ หรือไม่ได้

มีน้อย ก็ 7ปี 7ชาติ ก็ว่ากันไป

 

ทีนี้ มาลอง ทำการพิจารณา ปฏิบัติดูบ้าง

สมมติว่า ใช้การปฏิบัติธรรม ง่ายๆ สติวเด็นท์สปีดที่สุด คือ สวดมนต์

ลองพิจารณา จิตของตนดู ตอนสวดมนต์ แล้ว ตรวจจับ โลภะ โทษะ
โมหะ มูลจิต ที่ลากไป ตกจากการสวดมนต์ แล้ว กลับมาสวดมนต์ใหม่

ถ้า ประสงค์เป็น สุขขาปฏิปทาแบบเล่นฤทธิ์ได้ ก็ให้ทำตาม มุขนัย
ที่ท่านพุทธทาสสอนคือ ให้ ยกปิติ ขึ้นกำหนดรู้ เอาให้ทัน สว่าง
ปั๊ปจั๊บ จิตจะสว่างทุกครั้งที่ ตรวจจับจิตที่โดนโทษะ โมหะ โลภะ
ลากตกจากการสวดมนต์

ยกเห็น ปิติได้ อย่ามัวแต่แช่ ทำตัวเป็น ฟืนเปียก ตำตัวเป็นดินเปียกชุ่ม
ให้ยกเห็นสุข ปัสสัทธิ นิรามิสสุข เข้าประกอบเป็น กายคตาสติ เข้ามาเลย
แล้วทำให้มากๆ พอกพูลฌาณ3 อันเป็น สัมภารญาณ(บ่อเกิดอภิญญา)
และ ฌาณ4(จุดแสดงอภิญญา) ให้มากๆ ก็เท่านั้น

แต่ถ้า ยกปิติ แล้ว จิตไม่สนใจ จิตมันหันมา สวดมนต์ให้จบลูกเดียว
หากทำไปเรื่อยๆ ก็เรียกว่า จิตนั้นไม่สนใจเรื่องอภิญญา ก็ไม่ว่ากัน
อย่างไรเสีย ลำพังแค่ปฐมฌาณ และ การซักฟอกกิเลส ก็ทำให้ถึงที่
สุดแห่งทุกข์ได้


ปล.ลิง : แต่ถ้าจะให้ได้ อภิญญาฤทธิ์จริงๆ กายคตาสติ นั้นจะต้อง
เจริญตลอดในทุกอริยาบท การเข้าหาโลก นิคม กามคุณ ขันธ์ สังขารสูตรฯลฯ
นะ ไม่ใช่ นับคาบ สวดมนต์อย่างเดียว

 

สุกขวิปัสสโก แปลว่าผู้รู้แจ้งอย่างแห้งแล้ง

ส่วนคำว่า

สุขาปฏิปฏิปทาทันธาภิญญา แปลว่า ปฏิบัติสบายๆ ได้บรรลุช้า

สุขาปฏิปทาขิปปาภิญญา แปลว่า ปฏิบัติสบายๆ แต่ได้บรรลุเร็ว

มีความหมายว่า พระบางองค์ ปฏิบัติแบบสบายๆ ไม่ต้องเคร่งครัดมาก จึงได้
บรรลุช้า

พระบางองค์แม้จะปฏิบัติแบบสบายๆไม่ต้องเคร่งครัดมาก แต่ก็ได้บรรลุเร็ว

คือมันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับคำว่า สุกขวิปัสสโก ที่แปลว่า รู้แจ้งอย่างแห้งแล้งเลย


มันยังมีอีกพวกหนึ่งคือ

ทุกขาปฏิปทาทันธาภิญญา ปฏิบัติลำบาก(หมายถึงเคร่งครัดมาก แต่ก็ยังได้บรรลุช้า

ทุกขาปฏิปทาขิปปาภิญญา ปฏิบัติลำบาก(หมายถึงเคร่งครัดมาก) ได้บรรลุเร็ว


คือคำพูดของเอกวีร์นั้น จับแพะชนแกะ
เอาคำว่า สุขาปฏิปทา มามั่วนิ่มกับคำว่า สุกขวิปัสสโก

เพื่อจะอ้างว่า พระอรหันต์สุกขวิปัสสโกได้ฌานสมาบัติด้วย ซึ่งเป็นการมั่วของเอกวีร์เอง


สุขปฏิปทา
ทุกขาปฏิปทา นั้นหากจะพูดให้เห็นภาพต้องนำไปเปรียบเทียบกับนักเรียน

คือ นักเรียนบางคนขยันเรียนตั้งใจเรียน จึงได้เกรดดี
นักเรียนบางคน แม้ขยันเรียนแล้ว แต่บางทียังได้เกรดต่ำหรือต้องเรียนซ้ำชั้น

นักเรียนบางคน เรียนแบบสบายๆ เรียนบ้างไม่เรียนบ้าง แต่ก็ยังได้เกรดดี

นักเรียนบางคนเรียนบ้างไม่เรียนบ้าง แล้วเกรดต่ำ

ความหมายของคำว่า สุขาปฏิปทา ทุกขาปฏิปทา มีความหมาย
เหมือนกับตัวอย่างที่ยกมานี้แหละ ไม่ใช่หมายถึง คำว่าสุกขวิปัสสโก
อย่างที่เอกวีร์มั่ว บิดเบือนธรรมวินัย

 

กั๊กๆๆๆๆ

งั้น ลองเอาไป ทำตรรกศาสตร์ดูนะ

การปฏิบัติ ปฏิปทา มี4 อย่างเท่านั้น ในธรรมวินัยนี้

หาก สุขวิปัสโก บ้าน บิดาคุณ ไม่ตกในหมวด สุขขาปฏิปทา
งั้นแปลว่า สุขขวิปัสสโก เป็น ทุกขขาปฏิปา เหรอ

คนเขาจะ ตรวจได้ทันทีว่า ปัญญาตรรกศาสตร์ คุณก็หา หางอึ่ง ไม่ได้

 

ผมเสี้ยมเองได้เปล่า..ล่ะ อยากเสี้ยมอ่ะ....เช่น

...ไม่เชื่อในพระสูตร ก็ให้พูดตรงๆว่าตนเองไม่เชื่อในพระสูตร เพราะในบางพระสูตรอาจมีการแก้ไข เปลี่ยนแปลงเองของสาวกบางเหล่า เพื่อให้มันเอื้อเฟื้อมันตรงกับการปฏิบัติของตน.....อาจจะตั้งข้อ พินาว่า...อันนี้ไม่น่าใช่ความจริง..อาจมีการแต่งเติมเสริมแต่ง ลบออก บวกเพิ่ม ..เข้ามา ด้วยเพราะเจตนาอันมีอวิชชาเป็นเชื้อ

ดังนั้น..อย่ามาพูดว่า...ข้าไม่เชื่อในตัวพระพุทธะเจ้า....อันนี้..มันท้าทายศาสดา...เกินหน้าสาวก..ที่เข้ามาอาศัยผ้ากาสาวพัต..ของศาสดา แต่ลบหลู่ศาสดา..เพราะตนเองด้อยปัญญา ในการแยกแยะ จริง ไม่จริง
..
หัดโทษต้วเองว่าโง่เอง..คนเขายังให้อภัย..แต่มีแต่จะกล่าวโทษคนอื่นว่ามาหลอกลวงตน....อันนี้..พวกลืมตัวครับ..เอกเที่ยวราวี..วี่วี..วิ๊ดวิ้วววว

 

เมื่อไม่ได้เข้าใจคำว่า สุขาปฏิปทา หมายความว่าอะไร ก็เกิดความมั่ว
เอาไปรวมกับคำว่า สุกขวิปัสสโก ดังที่เอกวีร์พยายามทำอยู่นี่แหละ

แท้จริงสุขาปฏิปทา หมายถึงปฏิบัตแบบสบายๆ คือทำเพียรบ้าง ไม่ทำความเพียรบ้าง บางองค์ก็ได้บรรลุเร็ว บางองค์ก็ได้บรรลุช้า

ทุกขาปฏิปทา หมายถึงปฏิบัติแบบลำบาก ปฏิบัติแบบเคร่งครัด
บางองค์เมื่อปฏิบัตดังนี้แล้วจึงได้บรรลุเร็ว แต่บางองค์แม้เคร่งครัดอย่างนี้แล้ว
แต่ก็ยังได้บรรลุช้า มันขึ้นอยู่กับ ปัญญาและบารมีของแต่ละองค์ไม่เท่ากัน

ความหมายที่แท้จริงมันก็มีอยู่เท่านี้
ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับคำว่าสุกขวิปัสสโก ผู้รู้แจ้งอย่างแห้งแล้ง อย่างที่เอกวีร์พยายามจะมั่ว

 

เอางี้ ละกัน

ไปหาคำเทศนา หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ดู ตอนที่เทศนา เรื่อง สุขวิปัสสโก

แล้ว สังเกต ท่านยก ตัวอย่าง พระเถระ ชื่ออะไร

เสร็จแล้ว เอา ชื่อพระเถระท่านนั้น ไปค้นในพระไตรปิฏก หาบทสนทนา
เรื่อง ปฏิปทา4 แล้วดูสิว่า พระเถระ ท่านนั้น ออกตัวว่า ตนปฏิบัติด้วย
ปฏิปทา ชื่ออะไร


ทีนี้ ถ้าสนใจธรรมะ จริงๆ ก็จะ เห็นคุณค่า จดจำใส่ใจ

แต่ถ้า ไม่ได้เข้ามาเพื่อ สนทนาธรรม เพียงแต่ หาอะไรก็ได้ ทำให้
คนแตกแยกกัน มันก็จะออกลูก เดี๋ยวก็ไม่เชื่อคำสอนพระชื่อนั้น
เดี๋ยวก็ไม่เอาบางส่วนคำสอนพระชื่อนี้ ทำที เป็นคนมีเหตุผล
แต่เบื้องหลังคือ ....................................

 

ไอ้มั่ว ศัพท์คล้ายกันแต่ความหมายต่างกันลิบลับ
หัดไปศึกษาให้ดีก่อนจะมาเที่ยวสอนคนอื่น

 

ถ้าตอนนี้ ผมจะกล่าวว่า วัดไหนขายวัดถุมงคล ผมไม่ยอมรับ....เนี่ย แสดงเหตุผลประกอบ

แล้วผิดตรงไหน....แต่อย่ามาพูดว่า พระสงฆ์สาวกของพระพุทธเจ้าสมัยนี้ ผมไม่ยอมรับ..แบบนี้ลามปามถึงพระพุทธเจ้า....ไม่ควรอย่างยิ่ง

ต้องพูดว่า พระสงฆ์ทุกวันนี้ ...ไม่เหมาะสมกับเป็นสงฆ์สาวกเลย...จึงไม่ยอมรับ...นี่ต้องพูดแบบนี้

ไม่ได้เสี้ยม....นะครับ(เว้ยเฮ้ย

 

เอะอะก็อ้างหลวงพ่อฤาษี เหอะๆ
เมื่อวานที่กระทู้ปู่ฤาษี เกศแก้ว มีคนยกคำสอนหลวงพ่อฤาษีมาอ้าง
ว่าหลวงพ่อฤาษีสอนว่า อรหันต์แม้บวชมาร้อยวัน ก็ไม่นั่งหน้าพระโพธิสัตว์
ผู้บวชแม้วันเดียว เลยถูกผมยกเรื่องพระอชิตะภิกษุ ผู้เป็นโพธิสัตว์
ศรีอริยเมตไตร แต่เป็นพระใหม่นั่งท้ายแถวอยู่ในสงฆ์
เอามายันซะหน้าหงายไปเลย

ถ้าวิญญาหลวงพ่อฤาษีรับรู้ได้จริง ไม่สะดุ้งแปดตลบก็ต้องหัวเราะก๊ากก
แล้วเกาหัวบอกว่าตูพลาดดดด

ตามลิงก์นี้http://palungjit.org/threads/ปู่ฤาษีเกศแก้ว-มีญาณหรืออิทธิฤทธิ์ด้านใดบ้าง.212905/page-5:cool: