ฝึกลมปราณ

โลกดับไป อายตนะดับไป ไม่ได้แปลว่าบรรลุธรรมครับ

 

คุ้น ๆ นะครับ คำนี้ "โลกดับ" หยิบเอามาใช้ดื้อ ๆ เลย
เมื่อก่อนคุณบิ๊กตู่ไม่ได้กล่าวแบบนี้นะ
จำได้ว่า เขาบอกว่า ขันธ์ ๕ ดับหมดเหลือแต่ผู้รู้เพียงอย่างเดียว
ก็ยังมีค้าน ๆ กันอยู่ว่า ขันธ์ ๕ ดับหมด แล้วจะยังมาหลงเหลือผู้รู้อาการอะไรอีก
อย่างนั้นก็ดับไม่จริง ดับไม่หมดนะสิ ถ้าดับหมดถึงจะเรียกว่า โลกมันดับ
และโลกทั้งโลกมันดับหมดนี่ิก็ไม่ได้การันตีด้วยว่า บรรลุธรรมนะครับ
แค่เกิดทิฏฐิอย่างใหม่ขึ้นมาแทน ก็เท่านั้นเอง (แต่ของคุณบิ๊กตู่นี่ไม่ใช่ด้วย)
ทำให้เห็นว่าตัวกูของกูที่แท้จริงอยู่ตรงไหน จะได้เห็นตัวก่อทุกข์ถูกที่
กิเลสยังไม่ได้ละสักตัวเลย จะหลงความรู้ใหม่อันนี้อีกหรือเปล่าก็ยังไม่รู้
ครูบาอาจารย์/ผู้รู้ยังต้องคอยช่วยประคับประคองให้อยู่กับร่องกับรอยไปก่อน
เรียกว่าถ้าเป็นเด็กก็คือเพิ่งหัดเดินเตาะแตะ มีโอกาสสะดุดล้มอีกมาก
ที่แน่ ๆ ถ้าทึกทักว่าตัวเองสำเร็จเป็นอริยบุคคลชั้นนั้นชั้นนี้แล้วละก็..โง่เลย
เป็นอัตตาสักกายทิฏฐิเต็ม ๆ ครับ

คอยดูนะ พอผมกล่าวไปเนี่ย เดี๋ยวมันจะมีคนหยิบเอาไปใช้แบบลอย ๆ อีกครับ
แต่จับได้เลย รู้เลยว่าไม่เนียน ไม่มีเหตุผลต้นปลายอะไร ล่องลอยไม่ได้นะ

 

โลกดับหมายความว่าอายตนะดับไปเท่านั้นเองนั้นเป็นผลของสมาธิครับแต่ญานที่เกิดขึ้นรู้เห็นการดับต่างหากครับการเข้าไปเห็นนิโรธสัจต่างหากคือการบรรลุครับ

 

โลกดับก็เป็นเพียงวลีที่หมายความว่าอายตนะทั้ง5นั้นดับไปคือกายสังขารดับไปนั้นเองเหลือแต่จิต. สักกายยทิฎฐิจะเกิดกับผู้มีญานเห็นการดับไปได้อย่างไร

 

วิธีแยกรูปนาม. บางคนอาจใช้การพิจารณา. บางคนอาจเข้าถึงฌานที่4เห็นรูปดับไป. แต่สิ่งที่ผมเห็น. ครั้งแรกผมเริ่มด้วยการพิจารณาพอเข้าใจได้แต่ไม่หายสงสัย. เพราะความไม่หายสงสัยในความเป็นตัวตนเป็นก้อนทึบแข็งตึงนี่แหล่ะ. ทำให้ผมต้องปฎิบัติไปจนเจอ. การแยกของรูปกับนามจริงๆ. คือก้อนกายกับจิตแยกจากกันในมโนทวารเป็นภาพปรากฎชัดเจนทั้งภาพทั้งความรู้สึก. เกิดช่องว่างเห็นการแยกออกจากกันชัดเจน. หลังจากนั้นจะเกิดมิตินึ่งถูกเปิดขึ้นมาเป็นลักษณะมิติที่คู่ขนาดอยู่กับมิติของเรา. เป็นลักษณะของความว่างเปล่าเท่านั้น. นั้นแหล่ะประตูนิพพานได้เปิดขึ้นแล้ว. ผมหายสงสัยทุกอย่างตั้งแต่นั้นมาเป็นเวลาไม่น้อยกว่า14-15ปี. เพราะจุกขุ ญาน ปัญญา. วิชา แสงสว่าง ปรากฎครบ และผมปฎิบัติต่อมาตลอดอย่างนัก ผมสามารถเข้าถึงกายสังขารดับหรือฌานที่4ผมจึงรู้ชัดเจนว่าฌาน4กับนิพพานนั้นต่างกัน

 

เข้าใจผิดแล้ว ยิ่งมีมิติคู่ขนานอะไรนั่นด้วยยิ่งไปกันใหญ่
ถ้าไม่หลงตามนิมิตภาวะอารมณ์เหล่านั้น มีสติทันสักหน่อย
ทันความหลงสังขารตาม ยึดมั่นถือมั่นตาม อิฎฐารมณ์
คืออารมณ์อันเป็นที่น่าใคร่น่าพอใจเหล่านั้นได้
อ่านให้ดีนะครับ อารมณ์อันเป็นที่น่าใคร่น่าพอใจ
หมายความว่า อยู่ที่จะมีสติรู้เท่าทันไหม
ไม่หลงยินดียินร้ายไปตามอารมณ์เหล่านั้น ได้หรือไม่
อิฏฐารมณ์ อนิฏฐารมณ์ สติ ปัญญา รูป นาม ตัวกูของกู
มันสัมพันธ์กันยังไง เห็นตามความเป็นจริงน่ะครับ
อันนี้มันโดนหลอกมาตั้งไกล กลับไปทบทวนใหม่
ทำความเห็นให้ถูกตรง ยังทันครับ

 

ทุกอย่างมีสองสถานะ. อสังขตะกับสังขตะ. เอาเถอะครับของแบบนี้มันเฉพาะตนครับ. แค่ชีวิตที่เลวที่สุดอย่างที่คุณขาดไม่ถึง. มาเป็นคนที่มีแต่ทาน ศิล ภาวนาแค่นี้. คุณคิดว่าอะไรทำให้ผมต้องเดินทางนี้ล่ะ15ปีแล้วนะไม่ใช่เดือนสองเดือน

 

สิ่งที่เห็นคืออะไรครับ"ตอนนั้น" เห็นการแยกกันหรือครับ?

ส่วนมิติคู่ขนานว่างเปล่านั้น แล้วบอกว่าเป็น นิพพาน นั้นยิ่งไกลจากความจริงเลยครับ

สังเกตุง่ายๆ ธรรมะจริงๆ ล้วนเป็นเหตุเป็นผลในตัวมันเอง ไม่มีเกิดขึ้นลอยๆ
การที่บอกว่าเห็นการแยกกัน และมิติที่ว่างเปล่านั้น แล้วบอกว่าหายสงสัย
เหตุใดจึงหายสงสัยครับ ? การเห็นมิติที่ว่างเปล่าหายสงสัยอะไร?

 

ทำไมจึงยกวลี อายตนะทั้ง 5 ดับ เป็นการบรรลุสกิทาคามีล่ะครับ
อายตนะ5ดับ ไม่ได้สำคัญเกี่ยวกับการบรรลุธรรมเลย

คุณ bigtoo ลองลำดับตอนเกิด "มรรคจิต" ดีๆอีกครั้งแบบละเอียดได้ไหมครับ
อย่าเพิ่งยำสิ่งเคยฟังอะไรมาแล้วคิดว่าใช่ ก็เอามายำรวมกันครับ บางอย่างอาจจะไม่ได้เกี่ยว หรือสำคัญในขณะเกิดมรรคจิตเลย

 

คุณเข้าฌานสี่ได้มั้ยครับ


สันทิฏฐิกสูตรที่ ๒
[๒๕๑] อุ. ดูกรอาวุโส พระผู้มีพระภาคตรัสว่า นิพพานอันผู้บรรลุจะพึงเห็นเองๆ ดังนี้
ดูกรอาวุโส โดยปริยายเพียงเท่าไรหนอแล พระผู้มีพระภาคตรัสนิพพานอันผู้บรรลุจะพึงเห็นเอง ฯ
อา. ดูกรอาวุโส ภิกษุในธรรมวินัยนี้ สงัดจากกาม ฯลฯ บรรลุปฐมฌาน ดูกรอาวุโส
โดยปริยายแม้เพียงเท่านี้แล พระผู้มีพระภาคตรัสนิพพานอันผู้บรรลุจะพึงเห็นเอง ฯลฯ
อีกประการหนึ่ง ภิกษุ เพราะล่วงเนวสัญญานาสัญญายตนฌานโดยประการทั้งปวง
บรรลุสัญญาเวทยิตนิโรธ และอาสวะทั้งหลายของเธอย่อมสิ้นไปเพราะเห็นด้วยปัญญา ดูกร
อาวุโส โดยนิปปริยายแม้เพียงเท่านี้แล พระผู้มีพระภาคตรัสนิพพานอันผู้บรรลุจะพึงเห็นเอง ฯ

นี่แหล่ะที่ว่านิพพานมีในสัมมาสมาธิทุกระดับ

 

ชดใช้กรรม ชดใช้ให้มันตรง ๆ ตัวไปเลย ยอมรับความจริง
ไม่ใช่ไปทำบาปทำกรรมมา แล้วมานั่งภาวนาชดใช้เอานะ
แบบนั้นจะแก้ได้ยาก จะกลายเป็นคนหัวหมอเจ้าเล่ห์ไปเสียมากกว่า

ยกตัวอย่าง..

เวลาเป็นหนี้ใคร หนี้อะไร กู้หนี้ยืมสินกับเจ้าหนี้เขามา
พอถึงเวลาต้องชดใช้เขานะ
ไม่ใช่ใช้สวดมนต์ภาวนาอุทิศบุญชดใช้หนี้แทน ใครเขาจะยอม
คิดจะหนีเจ้าหนี้ไปนิพพานเลย เขาจะยอมหรือ
ถ้ามลทินมันมีมาก บางทีกรรมมันจะบังตาให้เห็นไปว่า
ต้องหนีจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง หนีร้อนไปพึ่งเย็น ก็ดี
แต่ไฟพยาบาทมันสุมทรวง

จะพ้นทุกข์จริง ต้องแก้ที่ต้นเหตุแห่งปัญหาทุกมิติให้หมดสิ้น
นิพพานคือดับสนิทไม่มีส่วนเหลือ หมดจดอย่างแท้จริง
เหตุเกิดที่ไหนจงแก้ที่นั่น ผิดพลาดที่สมมุติก็ต้องไปแก้ที่สมมุติด้วย
วิมุติก็เรียนรู้ เพื่อคลายปัญหา คลายการหลงกิเลสในใจควบคู่กันไป


ฝากไว้เป็นข้อพิจารณาครับ

 

ใครจะใช้หนี่หมดครับบอกหน่อยมันเยอะน๊า. แค่ข้ามคลองไปได้ก็จบแล้วนะ

 

ตอนนี้กำลังคุยกะคุณ bigtoo เรื่องของ
ขณะบรรลุธรรม หรือ ขณะที่เกิดมรรคจิต

ซึ่งข้อเหล่านี้เคยถาม คุณ bigtoo แล้ว
คำตอบที่ได้จากคุณ bigtoo นั้นกลับไปกลับมา
คราวก่อนท่านว่า เห็นแสง ได้ยินเสียงฟ้าแลบ เห็นดินแดนว่างแห่งหนึ่ง
คราวนี้เห็นอยาตนะดับ

ถ้าบอกว่าตนเองเป็นอริยะ
อย่างนี้เอาขั้นต้นพอครับ สังโยชน์ถูกล้างผลาญไปตอนไหน?
จะละสังโยชน์ได้จริงๆไม่ได้เกิดจากการเชื่อตามใคร
เช่น เชื่อว่าตนไม่รดน้ำมนต์ ไม่ไหว้ขอพร แล้วอาศัยความเชื่อนั้น
มาบอกว่าตนละสังโยชน์ได้
แต่มันมีเหตุมีขณะที่สังโยชน์ถูกล้างผลาญไป

การที่จะเอาผลมากล่าว ลองดูเถอะครับใครก็เอามาแสดงได้
หรือแม้แต่ปฏิปทา ก็ทำให้ดูเหมือนจะเป็นของแท้ได้
แต่เอาเข้าจริงถามถึงขณะบรรลุธรรม เป็นอย่างไร
กลับไม่อาจหาญแสดงออกมา เหมือนตอนที่กล่าวว่าตนเป็นอริยะ

ถ้ารู้ว่าตนพยายามเอาสิ่งที่ได้ยินได้ฟัง
หรือพยายามหาขณะของการเกิดมรรคจิตของคนอื่นมายำรวมกัน
โดยไม่มีขณะมรรคจิตที่เกิดขึ้นกับตนจริง
ข้อนี้ให้โจทย์ตนเองไว้ก่อนว่า ยังไม่ใช่
และจะไม่ประมาท ทำตามมรรค แล้ววันนึงจะเกิดผลเอง
โดยไม่ต้องพยายามทำให้เหมือน แต่เกิดจากภายในเอง


แต่หากมรรคจิตเกิดกับคุณ bigtoo จริงแล้ว
ก็ยืดออกแสดงรายละเอียด ว่า
มรรคที่ทำก่อนจะบรรลุธรรม คืออะไร ทำอย่างไร?
ขณะก่อนบรรลุธรรม มีอาการอย่างไร?
ขณะบรรลุธรรมเห็นอะไร?
ขณะบรรลุธรรมอาการเป็นอย่างไร?
สังโยชน์ขาดลงตอนไหน?

เหตุของการขาดไปของสังโยชน์เพราะอะไร
สักกายะทิฐิขาดลงเพราะเห็นอะไร ?
วิจิกิจฉา ขาดลงเพราะอะไร ?
ศีลพรตปรามาส ขาดลงเพราะอะไร ?

คำตอบเหล่านี้มีอยู่ในตัวแล้ว
ถ้าของจริงสำรวจตน แล้วแสดงออกมาได้เลยครับ
ตอบแบบอาจหาญในธรรม
เหมือนที่แสดงถึงผลที่ตนบรรลุให้คนอื่นได้อ่านครับ

 

การเล่าให้ฟังเรื่องการที่ได้ประจักรูปนามแยกจากกันเห็นนิพพานธาตุก็นั้นแหล่ะครับความเข้าใจในทุกสิ่งมันไม่ใช่ตัวตน. หายสงสัยทุกอย่าง นั้นแหล่ะเป็นผลจิต ส่วนมรรคจิตเกิดตั้งแต่ที่ซาบซึ้งในธรรมะตั้งแต่ประจักษ์รูปนามที่แท้จิงทั่วร่างกายแล้วเกิดดับๆแต่ยังแยกออกจากกันไม่ได้ พอแยกได้ก็พบนิพพาน ก็เกิดผลนะซิ สังโยชน์ก็ถูกทำลายลงเลย

 

ผมว่าเอาคำของพระพุทธเจ้าจะดีที่สุดนะครับ

 

เขียน ๒๒.๓๙

เปลี่ยนใจแระ ไม่ปล่อยดีกว่า เก็บไว้ให้กับคนที่อยากได้ดีกว่านะ เนอะ
วิชาของเรา ก็เริ่มต้นด้วยการหาได้ในร้านหนังสือทั่วไป แต่หลายเล่มหน่อย

ส่วนเคล็ดวิชาต่างๆ ส่วนใหญ่พัฒนามาให้เหมาะสมกับตัวเองโดยเฉพาะ
คนอื่นจะเอาไปใช้ตรงๆ ก็ยากจะเข้าใจได้ล่ะมั้ง นะ
เลยขอเก็บเคล็ดเยอะแยะไว้กะตัวก่อน น่าจะดีกว่า

โดยเฉพาะเรื่องลมปราณนี้ นับว่าเป็นความภาคภูมิใจอย่างมากเลยนะ ขอบอก
คิดไปคิดมา ก็น่าหวงอยู่นะ ว่าไม๊ ถ้าต้องให้กับผู้ที่ไม่สมควร หรือไม่อยากได้

ขอแคนเซิ้ลละกัน
หมดข้อยืดเยื้อข้ามภพข้ามชาติ ไปได้อีกอันนึง หึหึหึ


กระต่ายป่า แห่งเกาะนาฬิเกร์ / น็อต ตรามนุษย์
.

 

นี่แหล่ะความตระหนี่นะ

 

.
เขียน ๑๓.๕๐

ปล่อย


อากู๋เตรียมวีดีโอไว้ให้เหมาะดีแฮะ
ถามครั้งเดียวได้เรื่องเลย ยูทูปอันแรกซะด้วยสิ ฮิฮิฮิ

https://www.youtube.com/watch?v=Jee0gR2tuN8


เพลง ปล่อย
อ้น ธวัชชัย ชูเหมือน

ใครจะชิงใครจะชังมันก็ช่างหัวเขา แค่ตัวเรารู้เราช่างเค้าประไร
ใครจะชักใครจะแช่งใครจะแกล้งใครจะหยัน ก็ให้ช่างหัวมันก็ให้ปล่อยเค้าไป
ใครจะชมใครจะเชิดว่าประเสริฐเลิศหรู ตัวเรารู้เราอยู่ปล่อยเค้าชมไป
ใครจะรักใครจะเกลียดใครจะเสียด ใครจะสีก็เรารู้ตัวดีปล่อยเค้าทำไป..

เกิดเป็นมนุษย์สิ้นสุดแค่ตาย เอาอะไรมากมายในความอนัตตา
โลภไปทำไมช่วงชิงแข่งขัน สุดท้ายเหมือนกันต้องไปป่าช้า
จะเอาอะไรแค่รักโลภโกรธหลง ไม่มีความมั่นคงบนกิเลสตัณหา
เกิดแก่เจ็บตายใยจะไปยึดมั่น สรรพสังขารล้วนอนิจจา

ปล่อยวางมันเสีย ทุกโขติณณา...

ใครจะเมินใครจะมองใยจะต้องไหวหวั่น ใครจะใส่ร้ายกันใยจะต้องสนใจ
ใครจะดีใครจะเลวมันก็เรื่องของเขา ใครจะนินทาเราใยจะต้องทุกข์ใจ
ใครจะล้อใครจะด่าใยจะต้องว่าตอบ ใครไม่สนใครไม่ชอบใยจะต้องใส่ใจ
ใครจะคิดใส่ความใยจะต้องวุ่นจิต หากตัวเราไม่ผิดจะไปคิดทำไม...

เกิดเป็นมนุษย์สิ้นสุดแค่ตาย ประดุจดังท่อนไม้ล้มทับโลกา
หมดลมเมื่อไรหาประโยชน์ใดเล่า ล้วนต้องถูกเผาหามไปป่าช้า
ชีวิตยังมีสร้างความดีไว้เถิด ได้ไม่เสียชาติเกิด ได้ไม่ต้องอายหมา
อันว่าความตายคือสัจธรรมของเที่ยง สิ้นสรรพสำเนียงเน่าเหม็นขึ้นมา

จะเอาอะไร...จะเอาอะไรกันนักหนา...



ขอบคุณเนื้อเพลงจากเวบ เนื้อเพลง ปล่อย - อ้น ธวัชชัย ชูหมือน | MusicATM



กระต่ายป่า แห่งเกาะนาฬิเกร์ / ชาวหมู่บ้านในนิทาน
.

 

ปล่อยนะเลิกด่าพระหรือยังครับ. เลิกนะแล้วจะดี

 

ขอสอบถาม จักระครับ เปิดจักระ มาสองอาทิต จักระที่กระหม่อม กับตาที่สามหมุนอย่างหนัก

ด้วตัวมันเองตลอด จักกระะอื่นไม่หมุนเองเลย เป็นเพราะอะไร วิธีแก้มีไหมครับ