น้ำมันมนต์ครูบาสุรินทร์ แก้คุณไสย หลวงพ่อเกษม ***พระสุปฏิปันโน ภาคเหนือ เหรียญบาท พญาครุฑ ปี 17

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย kyetip, 19 เมษายน 2014.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. kyetip

    kyetip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    5,367
    ค่าพลัง:
    +855
    รายการที่ 156

    ตะกรุดลูกปืน ครูบาดวงดี วัดบ้านฟ่อน

    ปิดครับ ======
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSCF7639.JPG
      DSCF7639.JPG
      ขนาดไฟล์:
      69.7 KB
      เปิดดู:
      146
    • DSCF7640.JPG
      DSCF7640.JPG
      ขนาดไฟล์:
      60.3 KB
      เปิดดู:
      53
    • DSCF7641.JPG
      DSCF7641.JPG
      ขนาดไฟล์:
      88.2 KB
      เปิดดู:
      103
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 สิงหาคม 2015
  2. kyetip

    kyetip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    5,367
    ค่าพลัง:
    +855
    รายการที่ 157

    ตะกรุดเงิน เก้ายอด ติดจีวร เกศา 1 ใน 19 ดอก คลาดแคล้ว มหาอุตน์

    บูชา 450 บาทฟรี ems
    ====คุณnote watthapra จองครับ =====​
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSCF7672.JPG
      DSCF7672.JPG
      ขนาดไฟล์:
      104.8 KB
      เปิดดู:
      137
    • DSCF7673.JPG
      DSCF7673.JPG
      ขนาดไฟล์:
      86 KB
      เปิดดู:
      121
    • DSCF7678.JPG
      DSCF7678.JPG
      ขนาดไฟล์:
      75.7 KB
      เปิดดู:
      47
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 มีนาคม 2015
  3. kyetip

    kyetip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    5,367
    ค่าพลัง:
    +855
    รายการที่ 158

    พระผงเนื้อว่าน ผงพุทธคุณ 108 ผสมสีผึ้งเก่า ครูบาดวงดี บ้านฟ่อน

    ปิดครับ====
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSCF7665.JPG
      DSCF7665.JPG
      ขนาดไฟล์:
      114.5 KB
      เปิดดู:
      49
    • DSCF7669.JPG
      DSCF7669.JPG
      ขนาดไฟล์:
      114.7 KB
      เปิดดู:
      51
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กรกฎาคม 2015
  4. kyetip

    kyetip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    5,367
    ค่าพลัง:
    +855
    รายการที่ 159

    พระนาคปรกแดง ผสมว่านไก่แดง ดินภูเขาความ ดินทุ่งเศรษฐี

    ปิดครับ====
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSCF7659.JPG
      DSCF7659.JPG
      ขนาดไฟล์:
      82.1 KB
      เปิดดู:
      287
    • DSCF7660.JPG
      DSCF7660.JPG
      ขนาดไฟล์:
      100.8 KB
      เปิดดู:
      91
    • DSCF7663.JPG
      DSCF7663.JPG
      ขนาดไฟล์:
      71.3 KB
      เปิดดู:
      29
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กรกฎาคม 2015
  5. kyetip

    kyetip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    5,367
    ค่าพลัง:
    +855
    รายการที่ 160

    นางกวัก กะลาตาเดียว ติดเกศา จีวร สีผึ้ง ครูบาดวงดี วัดบ้านฟ่อน



    ==== ปิดให้ คุณ labboy46 ครับ =====​
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSCF7691.JPG
      DSCF7691.JPG
      ขนาดไฟล์:
      110.4 KB
      เปิดดู:
      53
    • DSCF7692.JPG
      DSCF7692.JPG
      ขนาดไฟล์:
      90.1 KB
      เปิดดู:
      44
    • DSCF7693.JPG
      DSCF7693.JPG
      ขนาดไฟล์:
      67.3 KB
      เปิดดู:
      40
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 เมษายน 2015
  6. kyetip

    kyetip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    5,367
    ค่าพลัง:
    +855
    รายการที่ 161

    พระคง โค้ด ดี ยุคต้น เนื้อผงพุทธคุณ ครูบาดวงดี วัดบ้านฟ่อน

    ปิดครับ====
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSCF7657.JPG
      DSCF7657.JPG
      ขนาดไฟล์:
      106.5 KB
      เปิดดู:
      43
    • DSCF7658.JPG
      DSCF7658.JPG
      ขนาดไฟล์:
      94.4 KB
      เปิดดู:
      39
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กรกฎาคม 2015
  7. kyetip

    kyetip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    5,367
    ค่าพลัง:
    +855
    รายการที่ 162

    พระคง โค้ด ดี ดี ดี ยุคต้น เนื้อผงพุทธคุณ ครูบาดวงดี วัดบ้านฟ่อน

    ปิดครับ====
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSCF7655.JPG
      DSCF7655.JPG
      ขนาดไฟล์:
      87.3 KB
      เปิดดู:
      104
    • DSCF7656.JPG
      DSCF7656.JPG
      ขนาดไฟล์:
      98.4 KB
      เปิดดู:
      41
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กรกฎาคม 2015
  8. kyetip

    kyetip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    5,367
    ค่าพลัง:
    +855
    รายการที่ 163

    พระยอดขุนพล เนื้อผงว่าน ทาทอง กรรมการ ครูบาดวงดี วัดบ้านฟ่อน

    ปิดครับ====


    ===== คุณ 9สิริมงคล จองครับ =======
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSCF7716.JPG
      DSCF7716.JPG
      ขนาดไฟล์:
      94.5 KB
      เปิดดู:
      56
    • DSCF7717.JPG
      DSCF7717.JPG
      ขนาดไฟล์:
      112.7 KB
      เปิดดู:
      94
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กรกฎาคม 2015
  9. kyetip

    kyetip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    5,367
    ค่าพลัง:
    +855
    รายการที่ 164

    ราหูกะลาตาเดียว หลังติดตะกรุด จีวร เกศา สร้างน้อยหายากมาก องค์นี้ กะลาราหู 1 ใน 100 ครับ ท่านสำเร็จวิชาการสร้างราหู ปลุกเสก หนุนดวง แก้ปีชง ครูบาดวงดี วัดบ้านฟ่อน ไม่มีใบฝอยนะครับ
    ]ภาพด้านล่าง ตัวอย่างใบฝอย นะครับ


    ปิดครับ====


    ======= ปิดให้คุณsupachaipnu ครับ ======​
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSCF7643.JPG
      DSCF7643.JPG
      ขนาดไฟล์:
      89.7 KB
      เปิดดู:
      65
    • DSCF7644.JPG
      DSCF7644.JPG
      ขนาดไฟล์:
      79.3 KB
      เปิดดู:
      69
    • DSCF7645.JPG
      DSCF7645.JPG
      ขนาดไฟล์:
      72.7 KB
      เปิดดู:
      50
    • DSCF7257.JPG
      DSCF7257.JPG
      ขนาดไฟล์:
      79.7 KB
      เปิดดู:
      83
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กรกฎาคม 2015
  10. kyetip

    kyetip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    5,367
    ค่าพลัง:
    +855
    รายการที่ 165

    ล็อคเกต กรรมการฉากทอง หลัง จีวร เกศา สีผึ้ง เศษชานหมาก ผงพุทธคุณเก่า ผงว่านยา ต่างๆ หายากมาก

    ปิดครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSCF7686.JPG
      DSCF7686.JPG
      ขนาดไฟล์:
      111.5 KB
      เปิดดู:
      44
    • DSCF7687.JPG
      DSCF7687.JPG
      ขนาดไฟล์:
      90.6 KB
      เปิดดู:
      52
    • DSCF7688.JPG
      DSCF7688.JPG
      ขนาดไฟล์:
      67.9 KB
      เปิดดู:
      42
    • DSCF7689.JPG
      DSCF7689.JPG
      ขนาดไฟล์:
      89.2 KB
      เปิดดู:
      40
    • DSCF7690.JPG
      DSCF7690.JPG
      ขนาดไฟล์:
      57.1 KB
      เปิดดู:
      45
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 พฤษภาคม 2015
  11. kyetip

    kyetip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    5,367
    ค่าพลัง:
    +855


    เหรียญเจริญพร เนื้อเงิน เลขโค้ด 40 หายากมาก ครูบาดวงดี ท่านเสกเดี่ยว หลายพิธี หลายวาระ อัดพลังเมตตาค้าขาย คุ้มครอง อย่างเต็มที่ ครับ เนื้อเงิน 1 ใน 199 เหรียญ ครับ ตอกโค้ดที่ สังฆาฏิ

    ปี ๒๕๕๓ เนื่องในวาระที่หลวงปู่ครูบาดวงดี ยติโก อายุวัฒนะครบ ๘ รอบ ทางวัดจึงได้มีการจัดสร้างเหรียญเนื่องในวันคล้ายวันเกิดหลวงปู่ขึ้นมาถือเป็นเหรียญ รุ่น 4 ที่วัดได้จัดสร้างขึ้น โดยใช้ชื่อว่า "เหรียญเจริญพร " ซึ่งก่อนที่จะมีการจัดสร้างวัตถุมงคลรุ่นนี้ทางคณะผู้จัดสร้างได้ไปขออนุญาตหลวงปู่ในการจัดสร้างวัตถุมงคลรุ่นนี้และได้ถามหลวงปู่ว่าควรจะสร้างเหรียญหรือพระผงรูปเหมือน...โดยหลวงปู่ท่านได้ตอบกลับมาว่า "เอาเหรียญเหมือนหนก่อนหนหลังฮั้นกะ" เมื่อหลวงปู่ท่านได้เลือกด้วยตัวท่านเองแล้ว ทางศิษย์ผู้จัดสร้างจึงนำแบบมาให้หลวงปู่ท่านเลือกด้วยตัวท่านเอง และนำแบบยันต์มาให้หลวงปู่ท่านเลือก โดยยันต์ที่นำมาให้หลวงปู่ท่านเลือกในตอนนั้นมียันต์ 1. เก้าผัด 2. ปถมัง ๔ ด้าน 3. ต่อ ๗ แม่ 4. ยันต์รอด 5. แต่หลวงปู่ท่านไม่ค่อยพึงพอใจ และได้บอกตอ่ลูกศิษย์ว่า " เอายันต์ เมตตาอย่างเก่านะก่า บ่เสือกิ๋นน้ำนมแมว กะงัวกิ๋นน้ำนมเสือ" ทางลูกศิษย์เมื่อได้ยินดังนั้นแล้วจึงได้ทำการคิดว่าควรเลือกใช้ยันต์ไหนดี ประจวบกับที่ว่าเมื่อตอนปี ๕๒ ทางวัดได้ออกตะกรุด วัวกินน้ำนมเสือไปแล้ว ทางวัดจึงเลือกที่จะใช้ยันต์ "หนูกินน้ำนมแมว" มาเป็นยันต์ในเหรียญรุ่นที่ 4 โดยหลวงปู่ได้ทำการปลุกเสกแบ่งเป็นวาระต่างๆดังนี้คับ...
    ๑ พุทธาภิเษกครั้งแรก ณ วัดบ้านฟ่อน วันอาทิตย์ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓ (มาฆบูชา)
    ๒ พุทธาภิเษกครั้งที่สอง ณ วัดบ้านฟ่อน วันเสาร์ ๒๐ มีนาคม ๒๕๕๓ (เสาร์ ๕)
    ๓ พุทธาภิเษกครั้งที่สาม ณ วัดบ้านฟ่อน วันพฤหัสบดี ๑๕ เมษายน ๒๕๕๓ (พญาวัน)
    ๔ พุทธาภิเษกครั้งที่สี่ ณ พระวิหารวัดบ้านฟ่อน วันศุกร์ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๕๓ (วิสาขบูชา)
    ๕ พุทธาภิเษกครั้งที่ห้า ณ วัดบ้านฟ่อน วันเสาร์ ๒๖ มิถุนายน ๒๕๕๓ (จันทรุปราคา)
    ๖ พุทธาภิเษกครั้งที่หก ณ พระวิหารวัดบ้านฟ่อน วันพุธ ๘ กันยายน ๒๕๕๓

    [​IMG]
    โดยมีจำนวนที่จัดสร้างดังนี้นะคับ
    เนื้อเงิน ๑๙๙ เหรียญ
    เนื้อทองแดงชุบสามกษัตริย์ ๑๐๙ เหรียญ
    เนื้อตะกั่ว ๑๐๖๘ เหรียญ
    ทองแดง ๓๐๐๐ เหรียญ
    กรรมการเก้าโค้ด ๓๙ เหรียญ
    ทุกเนื้อตอกโค้ดและรันหมายเลขทุกเหรียญนะคับ...ซึ่งในตอนแรกนั้นทางวัดได้วางแผนไว้ว่าจะจัดสร้างเนื้อตะกั่ว แค่ ๑๐๐๐ เหรียญ แต่พอถึงเวลาปั๊มเหรียญเสร็จปรากฎว่า ชนวนเนื้อตะกั่วที่หลวงปู่ท่านได้จารอักขระลงไปนั้นเหลืออยู่เป็นจำนวนเยอะมาก ทางวัดจึงเกิดการเสียดายชนวนที่เหลือจึงให้ทางร้านปั๊มชนวนที่เหลือให้หมด ทำให้ได้เหรียญเนื้อตะกั่วเพิ่มมาอีก ๖๘ เหรียญ รวมเป็นทั้งหมด ๑๐๖๘ เหรียญคับผม โดยเริ่มแรกตอนนั้นวัดได้ให้ทำบุญตอน เนื้อตะกั่วกับทองแดงราคาเท่ากันนะคับ เหรียญละ ๘๐ บาท ที่ตั้งราคาไว้ไม่สูงเพราะหลวงปู่อยากให้คนที่มีรายได้น้อย ได้มีของดีติดตัวไปคุ้มครองคับผม สรุปได้ว่า" เหรียญเจริญพร รุ่น 4 "เป็นเหรียญที่ดีนอกและดีใน ตั้งแต่เจตนาการสร้างและการคัดเลือกยันต์ เรียกได้ว่าหลวงปู่ท่านตั้งใจมากๆคับกับเหรียญรุ่นนี้ อีกอย่างที่สำคัญคือเสกหลายครั้งหลายวาระด้วยคับผม แค่นั้นยังไม่พอนะคับเริ่มแรกตั้งแต่วันออกให้บูชาปรากฎว่าลูกศิษย์ทางมาเลเซียนั้นได้มาเหมาบูชาไปเป็นจำนวนมาคับผม เรียกได้ว่าตอนนั้น ยกไปเป็นกล่องๆเลยคับ ผมเลยไปถามพวกมาเลเซียดู เค้าบอกผมว่า " ป๊ะป๋าดวงดี สุดยอดเรื่องเมตตาค้าขายดีจริงๆ " ได้ยินมากะหูคับ เพราะตอนนั้นผมเฝ้าตู้ให้วัดอยู่คับ....บรรยายอะไรมากไม่ได้คับ เด่วจะโดนหาว่าโม้ หากท่านใดที่มีอยู่แล้วก็ถือว่าเป็นโชคดีของท่านนะคับ แต่ถ้าหากท่านใดไม่มีก็รีบเสาะหานะคับ ถือว่าเป็นของดี ที่ยังพอหาได้อยู่นะคับผม สุดท้ายนี้ต้องขอขอบพระคุณ อ้ายจ่ามี่ อ้ายหนานโอ๋ และคุณเสือบ้านฟ่อนที่เอื้อเฟื้อภาพและข้อมูลเพื่อให้ผมได้นำมาเสนอแก่สมาชิกคับผม ผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย
    ปล...เก้าแต้ม
    [​IMG]
    ขอบคุณข้อมูลจากท่านเก้าแต้มด้วยครับ


    โชว์ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSCF7695.JPG
      DSCF7695.JPG
      ขนาดไฟล์:
      98.9 KB
      เปิดดู:
      45
    • DSCF7702.JPG
      DSCF7702.JPG
      ขนาดไฟล์:
      115.5 KB
      เปิดดู:
      2,211
    • DSCF7703.JPG
      DSCF7703.JPG
      ขนาดไฟล์:
      110.6 KB
      เปิดดู:
      35
    • DSCF7704.JPG
      DSCF7704.JPG
      ขนาดไฟล์:
      78.2 KB
      เปิดดู:
      82
    • DSCF7707.JPG
      DSCF7707.JPG
      ขนาดไฟล์:
      72.6 KB
      เปิดดู:
      78
    • 06__resize.jpg
      06__resize.jpg
      ขนาดไฟล์:
      131.1 KB
      เปิดดู:
      1,482
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 เมษายน 2015
  12. kyetip

    kyetip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    5,367
    ค่าพลัง:
    +855
    รายการที่ 167
    พระสมเด็จ หลังยันต์ห้า ครูบาดวงดี วัดบ้านฟ่อน แจกกรรมการ ฉลองพรรษา 100 โรยงผงตะไบ ติดจีวร




    ====== ปิดให้ คุณ phairot vorapojpornchai ครับ=======
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSCF7681.JPG
      DSCF7681.JPG
      ขนาดไฟล์:
      87 KB
      เปิดดู:
      46
    • DSCF7682.JPG
      DSCF7682.JPG
      ขนาดไฟล์:
      111 KB
      เปิดดู:
      65
    • DSCF7683.JPG
      DSCF7683.JPG
      ขนาดไฟล์:
      100.9 KB
      เปิดดู:
      34
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 เมษายน 2015
  13. labboy46

    labboy46 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    658
    ค่าพลัง:
    +1,978
    จอวรายการนี้ครับ
     
  14. labboy46

    labboy46 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    658
    ค่าพลัง:
    +1,978
    จองรายการนี้ครับ
     
  15. kyetip

    kyetip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    5,367
    ค่าพลัง:
    +855
    รับทราบการจอง ครับ :cool:
     
  16. kyetip

    kyetip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    5,367
    ค่าพลัง:
    +855
    ครูบาท่านนึงที่ได้รับการยอมรับนับถือจากคนทั่วไป ให้ใช้คำนำหน้าว่า"ครูบา"ตั้งแต่ยังเป็นสามเณร แม้แต่ครูบาบุญชุ่ม ญาณสงฺวโร กล่าวถึงท่านไว้ว่า "นี่เณรน้อยรูปนี้ไม่ธรรมดา ท่านผู้นี้อีกหน่อยจะได้เป็นกำลังของพระศาสนา จะได้เป็นที่พึ่งของศรัทธาแน่นอนในอนาคต"

    เณรน้อยท่านนั้น ปัจจุบันคือ...........

    [​IMG]

    "ครูบาชัยยาปัถพี ชยฺยรตฺนจิตฺโต" แห่งสถานธรรมดอยดวงแก้วสัพพัญญู ต.เวียงกาหลง อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย คนบุญผู้สืบทอดวิชาเก่าแก่ของล้านนา ท่านแตกฉานอักขระล้านนา(ตั๋วเมือง) เรียนมนต์คาถา สู่การลงอักขระยันต์ต่างๆ ซึ่งครูคนแรกของท่านคือ ตาทวด(อุ๊ยหม่อนสน) ผู้เชี่ยวชาญวิชาทำเทียนมงคลต่างๆ เช่น เทียนเศรษฐีเรือนคำ เทียน๙จันทร์ เทียนเมตตาบัลดาลโชค ซึ่งตาทวดของท่านได้รับถ่ายทอดจาก ครูบาหม่อง วัดศรีถ้อย และได้ถ่ายทอดมาถึงครูบาชัยยาปัถพี นอกจากนี้ตาทวดของท่านยังเชี่ยวชาญวิชานะหน้าทองพรหมสามหน้า และวิชามหาเสน่ห์เมตตามหานิยม นอกจากการเรียนสรรพวิชาต่างๆ ครูบาชัยยาปัถพียังมีความสนใจในด้านวิปัสสนากรรมฐาน โดยท่านได้ฝากตัวเป็นศิษย์หลวงปู่ครูบาอินตา วัดวังทอง ซึ่งนอกจากศึกษากรรมฐานแล้วนั้นยังได้คาถาอาคมต่างๆเพิ่มเติมอีกด้วย ครูบาชัยยาปัถพีใส่ใจในการฝึกสมาธิให้แก่กล้าจนสามารถบำเพ็ญภาวนาครั้งนึงได้เป็นเวลานาน การอยู่นิโรธกรรมเป็นที่นิยมของพระสงฆ์ทางภาคเหนือที่สนใจในการปฏิบัติกรรมฐาน ครูบาชัยยาปัถพีก็ใช้วิธีการปฏิบัติแบบนี้เช่นกัน โดยอยู่นิโรธกรรมครั้งละประมาณ7วัน ซึ่งท่านใช้วิธีปฏิบัติแบบนี้มาตั้งแต่เป็นสามเณร จนกระทั่วบวชเป็นพระ ซึ่งในแต่ละครั้งท่านมีความก้าวหน้าในทางกรรมฐาน และได้พบกับเรื่องอัศจรรย์ต่างๆมากมาย

    ครั้งนึงครูบาชัยยาปัถพีนิมิตเห็นเทวดาซึ่งมีรูปงามกว่ามนุษย์ทั่วไป ได้นิมนต์ท่านเพื่อมอบยันต์อันศักดิ์สิทธิ์ โดยเทวดาองค์นั้นก็ได้ประสิทธิ์วิชาให้ซึ่งก็คือ วิชา"ยันต์พญานกยูงทอง" อันเป็นยันต์ประจำตัวของครูบาชัยยาปัถพี ที่นำมาใช้โปรดญาติโยมทั้งหลายที่ขาดที่พึ่ง ได้รับความเดือดเนื้อร้อนใจต่าง ด้วยความรู้ทางวิชาอาคมต่างๆที่ได้ร่ำเรียนมา ประกอบกับการมีสมาธิที่แน่วแน่ตั้งมั่นทำให้ผู้ที่เคารพศรัทธาทั้งหลายนั้น ผ่านพ้นวิกฤติไปได้อย่างอัศจรรย์ใจ ไม่ว่าจะเป็นการทำเทียนมงคลต่างๆที่มีผู้ไปใช้แล้วเห็นผล การทำวัตถุมงคล ตะกรุตเครื่องราง ก็มีประสบการณ์มากมายเป็นที่กล่าวขาน และที่จะไม่กล่าวถึงไม่ได้เลยนั้นก็คือ ยันต์นกยูงทองที่ถือเป็นเอกลักษณ์ของครูบาชัยยา
    ปัถพี

    ครูบาชัยยาปัถพี ชัยยรัตนจิตโต

    เจ้าตำรายันต์นกยูงทอง วิชาจากเทพประทาน

    มหายันต์มงคล นกยูงทอง คาถายันต์จากเทพประทาน
    มอบไว้เพื่อความเป็นมหาศิริมงคล แด่ผู้ศรัทธา ขอให้แคล้วคลาด เจริญรุ่งเรือง ร่ำรวย เป็นที่รักใคร่แด่คนทั่วไป

    “ครู” คือผู้สั่งสอนวิชาความรู้ อบรมจรรยามารยาทให้แก่ศิษย์...
    “บา” เป็นภาษาถิ่น (ทางเหนือ) หมายถึงพระภิกษุสงฆ์ ที่มีพรรษามาก เป็นที่เคารพเลื่อมใสของพุทธศาสนิกชนทั่วไป...
    เพราะสมัยก่อนการศึกษาจะมีพระเป็นผู้สอน
    ดังนั้นจึงทำหน้าที่เป็นครูไปด้วย ดังนั้นจึงนำคำว่า "ครู" มาซ้อนกับคำว่า "บา" กลายเป็น "ครูบาอาจารย์"
    ในภาษาไทย ครูบา คือ อาจารย์หรือผู้สอน เดิมเรียกคล้องจองกันว่า ครูบาอาจารย์
    คำเรียกขานนำหน้าพระสงฆ์ว่า "ครูบา" นั้นประชาชนชาวทางอีสาน หมายถึงพระบวชใหม่ เป็นศัพท์เดิมของทางอีสาน ที่มีการใช้เรียกขานกันมานาน บางท้องที่เรียกครูบาทั้งพระเก่าพระใหม่
    แต่สำหรับคำว่า “ครูบา” ในความหมายของทางภาคเหนือนั้นกับตรงข้ามกับทางภาคอีสานซึ่งทางภาคเหนือนั้นจะนิยมเรียกขานที่มีหมายความเรียกถึงพระสงฆ์ที่มีพรรษาสูง หรือเป็นที่เคารพบูชา หรือเป็นผู้มีคุณธรรมเมตตาบารมีสูงส่ง
    ในทางเหนือ "ครูบา" นั้นยังหมายถึงพระภิกษุผู้ทรงคุณความรู้ เป็นที่เคารพศรัทธาอย่างยิ่งสำหรับคนทั่วไป ที่เป็นที่เคารพนับถือ กอปรด้วยบารมีคุณ พุทธคุณ ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ
    ปัจจุบันพระภิกษุสงฆ์ในเขตทางภาคเหนือนั้น ที่ประชาชนให้การยกย่อง นับถือ ว่าเป็นครูบา นั้นส่วนมากมักจะมีอายุในทางโลกนั้นมากตั้งแต่อายุประมาณ ๕๐-๖๐ ปี ขึ้นไปจึงมักจะได้รับการเรียกขานว่า ครูบา
    แต่สำหรับเรื่องราวต่อไปนี้ที่จะนำเสนอให้สาธุชนได้รับทราบนั้นเป็นเรื่องราวของครูบารูปหนึ่ง ซึ่งเป็นที่น่าประหลาดอัศจรรย์ใจแก่สาธุชนยิ่งนัก เพราะท่านเพิ่งได้ก้าวผ่านพ้นจากวัยสามเณร แล้วได้รับการยอมรับขึ้นมาเป็น ครูบา ท่ามกลางการยอมรับจากสาธุชนได้อย่างน่าทึ่ง ทั้งๆที่ท่านมีวัยเพียง ๒๒ ปีเท่านั้น แต่เหตุใดผู้คนทั้งหลายจึงให้การยอมรับและเรียกขานท่านว่า “ครูบา”
    -หรือเป็นเพราะว่าท่านเป็นพระหนุ่มรูปงามงดงามทั้งกิริยามารยาททั้งภายนอกและภายใน
    -หรือเป็นเพราะท่านมีชื่อแปลกอัศจรรย์ที่ได้รับการตั้งชื่อนับตั้งแต่วันกำเนิด
    -หรือเป็นเพราะได้รับการถ่ายทอดศาสตร์วิชาอาคม ยันต์ อักขระ ทางล้านนาในแขนงต่างๆได้นำมาฝึกฝนจนมีความช่ำชอง ชำนาญในวิชาที่แตกฉาน
    -หรือเป็นเพราะท่านมี ความทนอด และอดทน ต่อการถูกใส่ร้ายนินทาต่างๆนานจนสามารถผ่านอุปสรรคนั้นมาได้
    -หรือเป็นเพราะท่านได้รับการยอมรับในพลังอำนาจจิตที่มีความเชื่อถือตั้งแต่เป็นสามเณร จึงมีผู้เรียกขานท่านว่า “ครูบาเณร”
    -หรือเป็นเพราะท่านมีจิตใจเด็ดเดี่ยวในการบำเพ็ญภาวนานั่งสมาธิติดต่อกันทั้งกลางวันและกลางคืนติดต่อกันนานถึง ๗ วัน เป็นระยะเวลาติดต่อกัน ๕ ครั้ง
    -หรือเป็นเพราะเหตุที่ท่านมาพำนักสร้างสถานธรรมดอยดวงแก้วสัพพัญญู แห่งนี้เพราะจิตเดิมนับแต่อดีตชาติตั้งเจตจำนงที่จะมาปลดปล่อยดวงวิญญาณทหารที่ล้มตายจากการสู้รบจำนวนมากมายในสถานที่แห่งนี้ได้เสวยบุญ
    -หรือเป็นเพราะท่านได้รับคำพยากรณ์จากครูบาบุญชุ่ม ญาณสังวโร ผู้ที่ใน

    อดีตชาตินั้นท่านเคยเกิดเป็นครูบาศรีวิชัยมาก่อน และเป็นผู้ที่จะได้มาตรัสรู้

    เป็นพระพุทธเจ้าแน่นอนในอนาคตได้กล่าวถึงท่านครูบารูปนี้ว่า

    “หน่อพุทธภูมิเก่ากำลังจะหมดไป(เพื่อจะไปเป็นพระพุทธเจ้า) หน่อพุทธภูมิใหม่กำลังเกิดขึ้นมาแทน”
    -หรือเป็นเพราะท่านเป็นผู้มีวิชา พลังอำนาจจิต ที่เก็บซ่อนไว้ไม่เปิดเผยให้ใครทราบ ยากแก่การหยั่งรู้ได้ของคนทั่วไป จึงเป็นเสมือนเสือที่ซ่อนเล็บไว้ รอเวลาที่จะผงาดบุญเมตตามหาบารมีมงคลธรรมสู่สาธารณชน

    เรื่องราวของท่านมีประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจเพียงใด เหตุใดครูบาอายุยัง


    น้อยรูปนี้ จึงเป็นที่น่าสนใจจับตามองแก่พุทธศาสนิกชนยิ่งนัก ครูบาหนุ่มน้อย

    รูปงาม ผู้มีรูปร่างสัดส่วนสง่างามสมส่วน ผิวพรรณเกลี้ยงเกลา หน้าตาอย่าง

    เทพบุตรจำแลงมาจุติ

    ผู้มีนามว่า ครูบาชัยยาปัถพี ชัยยรัตนจิตโต หรือ “พระครูบาชัยยาปัถพี” แห่ง สถานธรรมดอยดวงแก้วสัพพัญญู บ้านทุ่งม่านเหนือ ต.เวียงกาหลง อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย



    อย่าประมาทในสิ่ง ๔ ประการ
    สมัยหนึ่ง พระเจ้าปเสนทิโกศล ได้กราบทูลถามพระพุทธองค์ว่า

    “สมณพราหมณ์บางพวกเป็นคณาจารย์เป็นเจ้า

    ลัทธิ มีเกียรติ มีชื่อเสียง ชนส่วนมากยกย่องว่า

    ดี คือ ปูรณกัสสปะ มักขลิโคสาล อชิตเกสกัมพล

    ปกุธกัจจายนะ สัญชัยเวลัฏฐบุตร และนิครนถ

    นาฎบุตรสมณพราหมห์เหล่านั้นเมื่อถูกข้าพระองค์

    ถามก็ยังมิกล้าปฎิญาณตนได้ว่าตรัสรู้พระอนุตตรสัม

    มาสัมโพธิญาณ ส่วนพระโคดมผู้เจริญยังมีชันษา

    อยู่ในวัยหนุ่ม และเป็นผู้ใหม่ในบรรพชิต ไฉนจึง

    กล้าปฏิญาณได้เล่า

    พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้มีพระเมตตาตรัสให้ทราบ

    เป็นปริศนาว่า

    “ดูก่อนมหาบพิตร สิ่ง ๔ ประการ

    เหล่านี้ไม่ควรดูหมิ่นว่าเล็กน้อย คือ

    ๑. กษัตริย์ไม่ควรดูหมิ่นว่ายังทรงพระเยาว์

    ๒. งูไม่ควรดูหมิ่นว่าตัวเล็ก

    ๓. ไฟไม่ควรดูหมิ่นว่ากองเล็ก

    ๔. ภิกษุไม่ควรดูหมิ่นว่ายังใหม่ต่อ

    เพศบรรพชิต

    ทั้งนี้เพราะเหตุว่ากษัตริย์ได้เสวยราช

    สมบัติแล้ว เมื่อพิโรธย่อมทรงลงพระอาญาอย่าง

    หนักแก่ชายหญิงได้ เพราะฉะนั้นผู้รักษาชีวิตของ


    ตนพึงงดเว้นการหมิ่น พระบรมเดชานุภาพของ

    กษัตริย์

    งูที่บ้านหรือที่ป่าก็ตาม ไม่พึงดูหมิ่นว่าตัวเล็ก เพราะงูเป็นสัตว์ที่มีพิษ พร้อมที่จะฉกกัด ทำร้ายชายหญิงผู้เขลา เพราะฉะนั้น ผู้รักษาชีวิตของตนพึงงดเว้นการดูหมิ่นงูนั้นว่าตัวเล็ก
    ไฟ แม้กองเล็กแต่เมื่อได้เชื้อ ย่อมลุกเป็นกองใหญ่ลามไหม้ชายหญิงผู้เขลาในบางคราว เพราะฉะนั้น ผู้รักษาชีวิตของตน พึงงดเว้นการดูหมิ่นไฟนั้นว่ากองเล็ก

    ผู้ใดดูหมิ่นภิกษุผู้ยังใหม่ต่อเพศบรรพชิต แต่สูงด้วยคุณธรรมเดชแห่งศีลของภิกษุ ย่อมทำความพินาศแก่ผู้นั้น อีกทั้งทายาทจะไม่ได้รับทรัพย์มรดกบุคคลนั้นจะเป็นผู้ปราศจากเผ่าพันธุ์ เปรียบเสมือนตาลยอดด้วน เพราะฉะนั้น บุคคลผู้เป็นบัณฑิต พิจารณาเห็นกษัตริย์ผู้ทรงยศ งู ไฟ และภิกษุผู้มีศีล พึงประพฤติต่อสิ่งเหล่านั้นโดยชอบทีเดียว”
    ยันต์ประจำตัวยันต์พญานกยูงทอง (โมรปริตร)วิชาเทพประทาน
    คราวหนึ่งครูบาชัยยาปัถพีนิมิตอยู่ในภาวะกึ่งหลับกึ่งตื่น ได้เห็นเทวดาปรากฏกายขึ้น มีรูปงามกว่ามนุษย์ทั้งหลาย และได้กล่าวกับครูบาชัยยาปัถพีว่า
    “ขอนิมนต์พระคุณเจ้า เพื่อไปกับข้าพเจ้า โดยข้าพเจ้าจะได้มอบพระยันต์อันศักดิ์สิทธิ์ เพื่อเป็นยันต์ประจำตัวท่าน เพื่อนำไปโปรดญาติธรรมทั้งหลาย”
    จากนั้นครูบาชัยยาปัถพีรู้สึกว่าตนเอง ได้ไปอยู่ในสถานที่แห่งหนึ่ง ซึ่งมีพื้นสีขาวบริสุทธิ์ ดินแดนแห่งนั้นสะอาด งดงาม น่าเจริญหู เจริญตาและเจริญใจยิ่งนัก พร้อมกับเห็นแผ่นกระดานสีทองแผ่นหนึ่ง ลอยขึ้นมาในอากาศ พร้อมกับ มีพระยันต์ รูปนกยูงทอง ซึ่งครูบาก็ได้จดจำและท่องจนขึ้นใจ จากนั้นเทวดาองค์นั้นก็ได้ประสิทธิ์วิชาพระยันต์พญานกยูงทองนี้ให้ครูบาชัยยาปัถพี นำมาเพื่อสงเคราะห์ชาวโลก
    ซึ่งเป็นที่มาของพระยันต์พญานกยูงทอง อันเป็นยันต์ประจำตัวของครูบาชัยยาปัถพี เมื่อไปโปรดญาติโยมและสาธุชน ก็จะได้จดจารพระยันต์อันศักดิ์สิทธิ์นี้ ซึ่งถือว่าเป็นพลังแห่งบุญญาภินิหาร ไม่ว่าจะเป็นการเจิมพระยันต์หน้าบ้าน ห้างร้าน สถานประกอบการ รถยนต์ รวมไปถึง กระเป๋าเงินและธนบัตร เพื่อให้เป็นศิริมงคล เป็นพุทธคุณอันบริสุทธิ์ เพื่อให้คนทั้งหลาย ได้รำลึกถึงคุณของพระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า และ สังฆเจ้า อันเป็นธรรมะที่ซ่อนอยู่ในพระยันต์พญานกยูงทองนี้
    โมรปริตร นี้แปลว่า คาถาสำหรับป้องกันตัวของพญานกยูง พระบรมโพธิสัตว์ ดังมีเรื่องเล่าและเป็นที่มาของการสืบทอดออกมาเป็นวิชานกยูงทองในปัจจุบัน
    พลังฤทธิ์คาถายันต์นกยูง..
    ครูบาชัยยาปัถพี ได้มีการสร้างวัตถุมงคลออกมาแต่ละรุ่นนั้นจะสร้างเพียงจำนวนจำกัด เพื่อให้เกิดอานุภาพให้เป็นที่ประจักษ์ครั้นเวลาปลุกเสกอธิษฐานจิตเพ่งพลังบารมีลงในวัตถุนั้นจะกำหนดจิตไปตามจำนวนวัตถุที่มีการจัดสร้าง เพื่อให้มีอำนาจพุทธคุณครอบคลุมได้อย่างทั่วถึง
    ครั้งนั้นแม่นิอร อ่อนละมุน ได้นำกระเป๋าเงิน และธนบัตร รูปภาพของครูบาชัยยาปัถพีนำมาให้ครูบาชัยยาปัถพี ลงอักขระยันต์นกยูงทองให้เพื่อความเป็นศิริมงคล แล้วนำไปบูชาที่ร้านซึ่งประกอบกิจการค้าวัสดุก่อสร้าง ที่ตลาดต้นพะยอม ครั้งนั้นแม่นิอร อ่อนละมุน มีความศรัทธาในตัวครูบาชัยยาปัถพีมากแม้ว่าท่านจะมีอายุยังน้อยแต่ท่านเป็นผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ครั้งนั้นแม่นิอร อ่อนละมุนได้นำธนบัตรใบละ ๑๐๐ บาทไปให้ครูบาชัยยาปัถพีเขียนยันต์นกยูงทอง จึงได้อธิษฐานขอให้มีเงินใบละร้อยเยอะๆด้วยเถิด ปรากฏว่าตกเย็นนั้นสามีมาเปิดลิ้นชักดู พบว่าสินค้าขายดีมาก และลูกค้านำแต่ธนบัตรใบละ ๑๐๐ บาทมาจ่ายค่าสินค้า จึงสอบถามเรื่องราวภรรยาจึงเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ทราบว่า
    “ขอให้ค้าขายได้แต่ใบละร้อยบาทเยอะๆ”
    ฝ่ายสามี จึงย้อยกลับไป
    “อย่างนั้นขอให้ค้าขายได้แต่ใบละพันบาทมาเยอะๆ”
    แม่นิอร อ่อนละมุน จึงได้อธิษฐาน
    “ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้ขอให้ได้แต่เงินใบละพัน น่ะครูบา”
    ปรากฏว่ารุ่งขึ้นนั้นก็ขายสินค้าได้แต่ใบละพัน ได้มาจำนวน ๓๐,๐๐๐ บาท ในช่วงเวลาก่อนเที่ยงวัน เป็นที่อัศจรรย์แก่แม่นิอร อ่อนละมุนในครั้งนี้ยิ่งนัก..
    ค้าขายดี สินค้าไม่พอขาย
    ในตลาดเชียงใหม่ มีร้านค้าต่างๆมากมายรวมแม้กระทั่งแผงลอยก็มากมายที่เปิดขายตามชุมชนต่างๆ มีเจ้าของร้านค้าหนึ่งได้มีความเคารพศรัทธาในองค์ครูบาชัยยาปัถพี ได้รับวัตถุมงคลจากครูบาชัยยาปัถพีไปบูชา โดยปกติทุกๆครั้งเมื่อขายสินค้าจะต้องนำรถซาเล้งไปนำสินค้ามาส่งสินค้า แต่ปรากฏว่าวันนั้นเป็นที่แปลกใจของคนในครอบครัวที่ทุกๆวันจะมีเพียงรถซาเล้งมาส่งสินค้า แต่วันนี้ลูกเจ้าของร้านได้นำรถปิคอัพ นำสินค้ามาส่งที่ร้านค้า จึงเป็นที่แปลกใจของผู้เป็นแม่
    “วันนี้เอารถปิคอัพ มาทำไม”
    ลูกตอบให้แม่ทราบ
    “ยันต์ครูบาทำงานแล้ว”
    เป็นที่น่าประหลาดใจที่เมื่อได้ยันต์นกยูงทองจากครูบาชัยยาปัถพี ไปบูชาแล้วปรากฏว่าสินค้าที่นำมาวางขายในระยะเวลาไม่นานก็มีผู้มาเหมาซื้อไปจนใกล้หมด ครั้นนำรถซาเล้งไปรับสินค้ามาเพิ่มเติมในร้านก็ได้จำนวนน้อย ลูกคนนี้จึงได้ตัดสินใจนำรถปิคอัพมาบรรทุกสินค้าเพื่อให้ได้ปริมาณมากๆเพื่อให้มีสินค้าเพียงพอต่อการขายกับลูกค้าที่มาอุดหนุนซื้อสินค้ามีจำนวนมาก
    จึงเป็นที่อัศจรรย์ ที่เล่าสรุปให้ผู้เป็นแม่ฟังย่อๆด้วยความรีบเร่งที่จะกลับนำไปสินค้าไปขายต่อเพราะว่า
    “ยันต์ครูบาทำงานแล้ว”
    ครูบาชัยยาปัถพี ยืนยันว่า ยันต์นกยูงทอง นั้นมีอานุภาพสูงเพราะว่า
    “ใช้ได้ผลดีจริงๆเพราะเป็นคาถาของพระพุทธเจ้า อย่างเวลาที่ครูบาไปเจิมร้านให้เขา เขาบอกว่าค้าขายไม่ดี พอครูบาไปเจิมให้เขาสัมผัสได้ว่าร้านค้าเขาเจริญดีขึ้นจริงๆ ค้าขายดีขึ้นจริง”
    น้องปั๊ม เป็นเพื่อนครูบาชัยยาปัถพี มาตั้งแต่สมัยที่ท่านเรียนอยู่ที่จังหวัดเชียงรายและเป็นโยมอุปฐากรับใช้ครูบาชัยยาปัถพี ได้กล่าวให้ทราบถึงอานุภาพประสบการณ์ยันต์นกยูงทอง ที่มีการนำมาประทับไว้อยู่ด้านหลังรูปล็อกเก็ตของครูบาชัยยาปัถพีให้ได้รับทราบว่า
    “ประสบการณ์ ที่เคยเกิดขึ้นกับตนเองนั้นคือตอนนั้น ได้ค้าขายผ้าโบราณ เป็นผ้าเก่า เสริมรายได้ แต่มีผืนหนึ่งเป็นผ้าซิ่นโบราณที่ขายไม่ได้สักที ขายไม่ออกเลย ทดลองขายผ้าชิ้นนี้หลายวิธีทั้งฝากขาย ให้คนอื่นช่วยขายให้จนนานก็ยังขายไม่ได้ ประกาศขายทางอินเตอร์เน็ตก็ขายไม่ได้สักที จึงได้ลองอธิษฐานกับล็อกเก็ตรูปครูบาชัยยาปัถพี ด้านหลังเป็นยันต์นกยูงทอง จึงได้ลองอธิษฐานดูเพราะเราได้ล็อกเก็ตยันต์นกยูงทองมาแล้ว
    “ขอให้ขายผ้าผืนนี้ให้ได้ภายใน ๗ วันนี้ หากขายได้จริงเราจะเชื่อมั่นมากเลย”
    ปรากฏว่าภายระยะที่อธิษฐานนั้นสามารถขายผ้าซิ่นโบราณผืนนั้นได้จริงๆ
    ครูบาชัยยาปัถพี กล่าวให้ทราบถึงสิ่งที่ได้ผลตามอธิษฐาน
    “สิ่งเหล่านี้ต้องขึ้นอยู่กับความศรัทธาเชื่อมั่น และผู้นั้นต้องปฏิบัติอยู่ในศีลอย่างเคร่งครัดรักษาศีล ๕ ให้ได้เป็นอย่างน้อย ก็จะทำให้เกิดอานุภาพขึ้นได้ สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นมาจากแรงอธิษฐาน พลังของจิตขลังไม่ขลังอยู่ที่จิต ส่วนตัวอักขระยันต์นั้นก็มีส่วนเสริม”
    เพราะในยันต์นกยูงทองนั้นจะประกอบด้วย จะพะทะวะ เป็นหัวใจของคาถานกยูง ที่จะมีอานุภาพแคล้วคลาด เมตตามหานิยม เป็นมหาอำนาจ คุ้มครองป้องกันภัย และมีคาถาหัวใจพระสีวลี นะชาลีติ เป็นมหาโชคมหาลาภแก่ผู้บูชา

    ที่มาของคำว่า “ครูบาเณร”
    ครั้งนั้นมีโยมคนหนึ่งชื่อแม่จม อยู่จังหวัดเชียงราย ได้รับตะกรุดยันต์ที่สามเณรปัถพี แจกให้ขณะบิณฑบาต แม่จมได้นำติดตัวไว้ตลอดเวลา แล้วได้กลับไปบ้านแล้วไปทำมาหากินตามปกติของวิถีชีวิต แต่กลับไม่เข้าใจกับสามีเกิดการทะเลาะเบาะแว้งมีปากเสียงกันอย่างรุนแรง ด้วยความโมโหขาดสติ สามีจึงรีบไปคว้าปืนออกมายิงแม่จม ในระยะเผาขน ปรากฏว่ากระสุนปืนกระบอกนั้นไม่ออก ทำให้แม่จมนั้นรอดพ้นจากการเสียชีวิตไปได้อย่างน่าอัศจรรย์ เมื่อมาตรวจสอบในภายหลังถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจึงทำให้แม่จมนั้นเชื่อมั่นว่า ที่รอดชีวิตในครั้งนี้ได้นั้นเป็นเพราะได้รับตะกรุดจากสามเณรปัถพี เชื่อมั่นในพลังพุทธคุณที่ประจุอยู่ในตะกรุดคุ้มครองชีวิตถึงกับอุทานด้วยศรัทธา
    “นี่ที่รอดเป็นเพราะตะกรุดครูบาเณรปัถพี ครูบาเณรปัถพี”
    ปัจจุบันวิชาอาคมต่างๆที่ครูบาชัยยาปัถพี ได้รับการถ่ายทอดมาจากตาทวดนั้นจะไม่ได้นำมาใช้สงเคราะห์ผู้คนเท่าใดนัก แต่จะนำวิชาเทพประทานคือวิชา นกยูงทอง นำมาสงเคราะห์แทนด้วยการทำเป็นจารแผ่นยันต์นกยูงทองให้นำไปบูชาติดบ้านเพื่อความเป็นมงคล และการเป่ายันต์นกยูงทองลงในตัวคน และการทำตะกรุดให้พกติดตัว และวิชาทำเทียนประเภทต่างๆทั้งเทียนเศรษฐีเรือนคำ เทียน ๙ จันทร์ เทียนเมตตาบันดาลโชค วิชาทำน้ำมนต์เสริมชะตา และการทำพิธีบังสกุลเป็นบังสกุลตายปัดเป่าทุกข์ให้มลายเสริมสุขให้เกิดขึ้นเหมือนได้ทำนำความทุกข์ให้ตายไป สร้างความสุขให้เกิดขึ้นใหม่ในชีวิต
    ซึ่งในการสงเคราะห์ผู้คนตามศาสตร์วิชาที่ครูบาชัยยาปัถพี ได้ร่ำเรียนมาจากตาทวดและครูบาอาจารย์ท่านต่างๆนั้น วิชาที่จะนำมาใช้นั้นย่อมแตกต่างกันออกไปตามความทุกข์ของผู้คนที่มีแตกต่างกันออกไป บางคนที่มีปัญหาครอบครัว จึงได้มาขอเมตตาให้ครูบาชัยยาปัถพี ช่วยอธิษฐานจิตสงเคราะห์เพื่อให้ชีวิตดีขึ้น
    มีบางคนที่ประสบปัญหาในทางธุรกิจการงานกิจการค้าขายซบเซาแทบจะหมดตัวล้มละลายสิ้นเนื้อประดาตัว ได้มาขอเมตตาบารมีจากครูบาชัยยาปัถพี ท่านจึงได้นำวิชาที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากตาทวด นำมาสงเคราะห์ผู้คนปรากฏว่ากิจการค้าขายนั้นกลับดีขึ้นเป็นลำดับ จนสามารถผ่านพ้นวิกฤตไปได้
    มีโยมชื่อหมวย ประกอบอาชีพค้าขายสินค้าเกี่ยวกับการประมง แต่กิจการไม่ดี จึงได้เข้ามากราบขอเมตตาจากครูบาชัยยาปัถพี ท่านได้มีเมตตาทำเทียน ชื่อว่า เทียนเศรษฐีเรือนคำ แล้วได้มอบให้โยมหมวยนำไปอธิษฐานจุดติดต่อกันในระยะเวลาไม่เกิน ๗ วัน ปรากฏว่ากิจการที่ซบเซานั้นดีขึ้นมาอย่างน่าอัศจรรย์
    สิ่งที่ครูบาชัยยาปัถพี ได้เข้าในกระบวนการศาสตร์วิชาจากตาทวดทั้งหลายมานั้นล้วนมีการนำบทพุทธคุณนำมาย่อเป็นบทอักขระ บทยันต์ต่างๆขึ้นมา แต่สิ่งที่จะก่อให้เกิดอานุภาพได้ที่แท้จริงนั้นล้วนมาจากอำนาจจิต
    ครูบาชัยยาปัถพี กล่าวให้ทราบว่า
    “มูลเหตุที่ผู้คนนำไปใช้แล้วได้ผลนั้นส่วนหนึ่งมาจากคุณของครูบาอาจารย์ที่ถ่ายทอดสั่งสอนมา แล้วความศักดิ์สิทธิ์ของคาถานั้นส่วนมากนั้นคือบทมนต์คาถาของพระพุทธเจ้า หรือคำกล่าวของพระพุทธเจ้าทั้งนั้น ประกอบกับบุญบารมีที่มีการสั่งสมด้วยการที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบของผู้ปลุกเสก และผู้นำไปใช้นั้นต้องเป็นผู้ดำรงตนในศีลธรรม โดยเฉพาะการรักษาศีล ๕ เป็นพื้นฐาน ก็จะทำให้สิ่งเหล่านี้เกื้อกูลกัน ทำให้เกิดประสิทธิภาพแก่ผู้นำไปอธิษฐานใช้”

    ที่มาของชื่อจากปัถพีเป็นชัยยาปัถพี
    ความตั้งใจหนึ่งที่ครูบาเณรปัถพี ย้ายมาอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่นั้นเพราะอยากมาเรียนต่อในทางพระปริยัติธรรมให้สูงขึ้น
    แต่ด้วยวาสนาบารมีมีมาในทางสงเคราะห์ผู้คนจึงทำให้มีผู้คนเดินทางมากราบนมัสการครูบาเณรปัถพี มากขึ้นเพื่อขอให้มีเมตตาสงเคราะห์ในความทุกข์ด้านต่างๆ
    ครั้งนั้นได้มีโยมคนหนึ่งชื่อวรากร วรสุทธิพิสิทธิ์ ที่ทำธุรกิจขาดทุน และโดนโกงแชร์จนหมดตัว ได้เดินทางมาขอให้ครูบาเณรปัถพี ช่วยเหลือโยมท่านนี้มีที่ดินแปลงหนึ่ง ได้มาขอเมตตาให้ครูบาเณรปัถพีอธิษฐานจิตให้ เหยียบโฉนดที่ดินให้ เพื่อให้ขายที่ดินให้ได้
    ก่อนหน้านั้นครูบาเณรปัถพี ได้นิมิตทราบเหตุการณ์ล่วงหน้าว่าจะมีผู้เดินทางมาขอให้ช่วยเหลือเกี่ยวกับการขายที่ดิน ครูบาเณรปัถพีอธิษฐานจิตด้วยบทคาถาที่ได้เล่าเรียนมา ขณะนั้นความรู้ในจิตได้ผุดขึ้นให้ทราบว่า ที่ดินแปลงนี้จะขายได้ จึงได้พูดกับโยมชื่อวรากร วรสุทธิพิสิทธิ์ ว่า
    “ไม่เกิน ๗ วัน ไปเลย”
    ปรากฏว่าโยมชื่อวรากร วรสุทธิพิสิทธิ์ นั้นกลับไปกรุงเทพได้ไม่ถึง ๗ วัน ก็สามารถขายที่ดินแปลงที่นำมาให้ครูบาเณรปัถพี อธิษฐานได้อย่างง่ายดายน่าอัศจรรย์
    จากที่ครูบาเณรปัถพี อาศัยอยู่ในกุฏิมุงจาก โยมชื่อวรากร วรสุทธิพิสิทธิ์ จึงได้มาสร้างกุฏิให้ใหม่เป็นกุฏิถาวรสวยงาม
    เมื่อครูบาเณรปัถพี มีอายุใกล้อุปสมบท จึงได้เข้าไปกราบนมัสการหลวงปู่พระครูบาอินตาช่วงนั้นท่านป่วยหนัก สามเณรปัถพีกเข้าไปกราบเรียน
    “หลวงปู่ ลูกเณรจะอุปสมบทเป็นพระแล้วเน้อ”
    หลวงปู่พระครูบาอินตาจึงกล่าวกับครูบาเณรปัถพีว่า
    “หลวงปู่คงจะไม่ได้อยู่ไปงานบวชของเจ้าเน้อ ถ้าสูอุปสมบทวันใดให้นำคำว่า ชัยยา นำหน้าไปด้วยเน้อ”

    หลวงปู่พระครูบาอินตาได้ตั้งชื่อใหม่ให้แก่สามเณรปัถพี ใหม่โดยขอให้ใช้คำว่า ชัยยา ทางครูบาเณรปัถพีจึงได้นำคำว่า “ชัยยา” มาต่อหน้าชื่อ เพื่อความมีชัยชนะเหนือธรรมทั้งหลาย จนได้ชื่อใหม่ว่า “ชัยยาปัถพี” และต่อมาหลวงปู่พระครูบาอินตาก็ได้มรณภาพ

    เข้ากรรมบำเพ็ญบารมี
    เมื่ออายุ ๒๑ ปี เป็นระยะเวลา ๗ วัน ณ วัดน้ำแพร่ อ.ดอยสะเก็ด จ. เชียงใหม่
    การเข้าสู่การเข้านิโรธของครูบาชัยยาปัถพี นั้นก่อนที่จะลงไปอยู่ในหลุมที่เตรียมไว้สำหรับเข้านิโรธจะต้องมีการเตรียมสอบจากคณะสงฆ์ที่ต้องเปลื้องผ้าจีวร ตรวจสบงออกจากกายเสียก่อนเพราะต้องการให้ครูบาชัยยาปัถพี แสดงความบริสุทธิ์ใจในการที่จะไม่ให้มีการนำอาหารใดๆเข้าไปฉันได้เลยในซุ้มที่เข้านิโรธยกเว้นเพียงน้ำเปล่าบริสุทธิ์ ๑ บาตรเท่านั้นตลอด ๗ วัน
    จากการเข้านิโรธกรรม ก่อนที่จิตจะเข้าสู่สมาธิดับจากการรับรู้อายตนะทั้งหลาย ครูบาชัยยาปัถพี มักจะได้ยินและสามารถรับรู้ได้ในทางสมาธิถึงทั้งความชื่นชม และนินทาของสาธุชนที่อยู่ข้างนอกบริเวณเข้านิโรธ ที่อยู่ในสถานที่ห่างไกล กับสามารถได้ยินอย่างน่าอัศจรรย์ในพลังกระแสจิต
    การเข้านิโรธครั้งนี้ของครูบาชัยยาปัถพี มีความมุ่งมั่นที่จะชำระจิตให้บริสุทธิ์ เพิ่มตบะฌานให้สูงแก่กล้าขึ้น แต่บางครั้งการรวมจิตนั้นไม่ได้รวมอยู่ในกายเพียงเท่านั้น แต่จิตยังมีความปรารถนาที่จะไปเยือนดินแดนสถานที่ลี้ลับอยู่
    การบำเพ็ญสมาธิธรรมด้วยการเข้านิโรธกรรมครั้งนี้ จิตของครูบาชัยยาปัถพีเกิดสภาวะธรรมเย็นสบาย ได้เผลอส่งจิตออกนอกกายปรากฏว่า กายทิพย์ที่มีกำลังแก่กล้าได้หลุดออกจากกายเนื้อ กายทิพย์ของครูบาชัยยาปัถพีได้ไปยังดินแดนสถานที่แห่งหนึ่งซึ่งสถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยวิมานที่มีความวิจิตรสวยงาม ทราบว่าเป็นดินแดนที่อยู่อาศัยของเหล่าเทพเทวดา รูปร่างหน้าตาของเหล่าเทวดาที่ครูบาชัยยาปัถพีได้พบเห็นในครั้งนี้นั้นที่ได้พบเห็นสาวในดินแดนมิตินี้ หากจะเปรียบว่าสตรีในโลกมนุษย์ที่มีความสวยสดงดงามที่สุด ก็ยังไม่อาจเทียบเทียมได้เลยแม้แต่น้อยกับความงามของสาวชาวสวรรค์ที่มีความงดงามอ่อนช้อย
    เมื่อครูบาชัยยาปัถพีเอ่ยวาจาสอบถามกับชาวสวรรค์แต่หากลับได้มีคำตอบกลับมาใดๆจากผู้คนที่อยู่ในดินแดนแห่งนี้เลยแม้แต่น้อยนิดเหมือนสื่อสารภาษาที่ไม่เข้าใจกัน เมื่อตั้งหลักได้ครูบาชัยยาปัถพีจึงได้ทดลองถามชาวเมืองใหม่อีกครั้งแต่ครั้งนี้เป็นการกำหนดจิตถามขึ้น
    “สถานที่แห่งนี้คือสถานที่แห่งใดหรือ”
    ชาวเมืองดินแดนแห่งนี้กล่าวให้ทราบว่า
    “สถานที่แห่งนี้เป็นเมืองสวรรค์”
    ครูบาชัยยาปัถพี สงสัยจึงกำหนดจิตถาม
    “โอ๋ ทำไมเมืองนี้จึงมีผู้คนมาอยู่อาศัยกันมากเหลือเกิน”
    ครูบาชัยยาปัถพีสังเกต มองดูโดยรอบพบว่าในดินแดนที่เรียกว่าสวรรค์นี้แต่ชาวเมืองสวรรค์ไม่ได้บอกว่าเป็นสวรรค์ชั้นใด ล้วนเต็มไปด้วยเพศสตรีมีจำนวนมากมาย ชาวสวรรค์เมื่อมีโอกาสได้พบกับผู้ทรงศีลต่างพากันเข้ามากราบนมัสการครูบาชัยยาปัถพี กันเป็นจำนวนมาก แล้วได้นำอาหารมาถวายจึงได้น้อมรับด้วยความนอบน้อมเคารพในทานของชาวสวรรค์ เมื่อได้รับการถวายอาหารทิพย์ครูบาชัยยาปัถพีจึงได้ฉันอาหารทิพย์นั้นเป็นการฉลองศรัทธาชาวสวรรค์
    ดินแดนแห่งนี้ที่ครูบาชัยยาปัถพีมองเห็นเป็นปราสาทราชวังมีความสวดสดงามอ่อนช้อย สถานที่อยู่อาศัยอยู่ในมิติที่มองเห็นคล้ายภูเขาซ้อนกันอยู่หลายลูกอาศัยสลับซับซ้อนกัน มองดูสาวชาวสวรรค์แต่ละนางนั้นมีอายุไม่มากแต่ละนางดูจากภาพลักษณ์ภายนอกนั้นน่าจะมีอายุไม่เกิน ๑๗-๑๘ ปี ไม่มีคนแก่คนเฒ่าเลย สาวชาวสวรรค์ได้กราบเรียนให้ครูบาชัยยาปัถพี ทราบถึงผลกรรมที่ได้มาเสวยอยู่ในสถานที่แห่งนี้ให้ทราบว่า
    “เนื่องด้วยผลกรรม ที่เคยให้ทาน รักษาศีล ๕”
    ความรู้สึกที่ครูบาชัยยาปัถพีอยู่ในสถานที่แห่งนี้มีความรู้สึกว่าไม่นาน เที่ยวชมดินแดนสวรรค์เป็นเวลาพอสมควร ก็ได้ยินเสียงคล้ายมีเสียงระฆังเรียกดังกังวาน เรียกให้กลับมา ครั้นครูบาชัยยาปัถพี ลืมตาขึ้นมาก็มองเห็นมีคนมาเปิดประตูซุ้มที่เข้านิโรธมานิมนต์ครูบาชัยยาปัถพีให้ออกจากการเข้านิโรธ...

    ประสบการณ์วัตถุมงคล
    พระกริ่งชัยยรัตนจิตโต..
    ครูบาชัยยาปัถพีได้มีการสร้างวัตถุมงคลรุ่นหนึ่งขึ้นมาเป็นพระกริ่งชัยยรัตนจิตโต มีครอบครัวหนึ่งมีตายายและหลาน ได้เดินทางด้วยการอาศัยรถซาเล้งขนสินค้าน้ำแข็งใสไปค้าขายกำลังเดินทางเลี้ยวโค้ง แต่แล้วด้วยกรรมวิบัติเกิดขึ้นแก่ครอบครัวนี้ เมื่อกรรมวิบัติมาถึงขณะที่ครอบครัวนี้นั่งรถออกมาค้าขายน้ำแข็งใส แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้นกับครอบครัวนี้ได้เกิดขึ้นเพราะแรงกรรมส่งผล เมื่อได้มีรถยนต์บรรทุกได้ขับมาพุ่งชนรถขายน้ำแข็งใสคันนี้ จนทำให้รถซาเล้งพังเสียหายยับเยินไม่เหลือร่องรอยความเป็นรถซาเล้งเลย สภาพเป็นเพียงเศษเหล็กเก่าที่ทับถมมันเหล็กและล้อรถม้วนพับไม่เป็นรูปร่างเดิมให้เห็นได้เลย เมื่อมาตรวจดูสถานที่เกิดเหตุปรากฏว่าตาผู้นั้นได้รับผลกระทบกระเทือนอย่างหนักจนทำให้ถึงกับเสียชีวิตคาที่ แต่สำหรับส่วนสอง ยายและหลาน นั้น กลับรอดชีวิตอย่างน่าอัศจรรย์ ตรวจดูร่างกายกับไม่มีบาดแผลใดๆไม่ได้รับความบาดเจ็บใดๆแม้แต่น้อย ตรวจดูร่างกายพบว่าร่างกายเป็นปกติทุกอย่าง
    เมื่อตรวจดูร่างกายถึงกับทำให้ยายและหลานทึ่งและเชื่อมั่นว่าเหตุที่ตนเองรอดพ้นจากการเสียชีวิตครั้งนี้ได้ยิ่งกว่าปาฏิหาริย์เพราะทั้งสองเชื่อมั่นว่าเป็นเพราะพุทธคุณที่ครูบาชัยยาปัถพี ประจุพลังอำนาจจิต พลังอำนาจบุญลงในวัตถุมงคลพระกริ่งชัยยรัตนจิตโต และล็อกเก็ตรูปครูบาชัยยาปัถพีเป็นแน่แท้
    “โอ้นี่เป็นเพราะบุญบารมีของครูบาเป็นแน่แท้ ที่ช่วยให้รอดพ้นจากความตายได้ในครั้งนี้”
    พระกริ่งชัยยรัตนจิตโต รุ่นนี้ก่อนที่จะมีการปลุกเสกประจุพลังลงในวัตถุมงคลรุ่นนี้ ครูบาชัยยาปัถพีจะบริกรรมภาวนาจิตเป็นการลงอักขระลงไว้ในจิตก่อนที่จะเพ่งพลังลงในวัตถุมงคลเป็นระยะเวลา ๓ วัน ๓ คืน ก่อนที่จะมาปลุกเสกลงในวัตถุมงคลพระกริ่งชัยยรัตนจิตโต เหตุที่พลังคุ้มครองชีวิตสองยายหลานให้รอดพ้นครั้งนี้ ครูบาชัยยาปัถพีกล่าวให้ทราบว่า
    “เป็นเพราะพลังอธิษฐานบารมี”

    อดีตของสถานธรรมดอยดวงแก้วสัพพัญญู
    ในดินแดนดอยดวงแก้วสัพพัญญูแห่งนี้เมื่อครูบาชัยยาปัถพีได้เจริญสมาธิภาวนาจึงพอทราบว่า ในอดีตสถานที่แห่งนี้นั้น ดินแดนแห่งนี้เคยเป็นราชธานีเก่าแก่มาก่อนแห่งหนึ่ง มีการปกครองในระบบกษัตริย์ ผู้คนทำมาหากินตามวิถีชาวดอย ต่อมามีการเกิดศึกสงครามมีการสู้รบทำให้มีเหล่าทหาร ราษฏรล้มหายกันเป็นจำนวนมากมายนับหมื่นนับแสนชีวิต เพราะภัยสงคราม
    ดินแดนแห่งนี้เคยเป็นราชธานีเก่ามานานเมื่อหลายพันปีมาก่อน เคยสร้างเป็นเมืองขึ้นมาก่อนสมัยโยนกนคร และก่อนหน้านั้นก็เคยเป็นดินแดนที่เคยมีการสู้รบมาตลอดเวลา แม้เวลาจะผ่านมากี่ภพชาติกี่ชาติเกิดการสร้างบ้านแปลงเมืองขึ้นมาใหม่ สถานที่แห่งนี้ก็ยังมีการสู้รบฆ่าฟันกันล้มตายกันเป็นจำนวนมากมาย
    ภาพนิมิตที่ครูบาชัยยาปัถพี สัมผัสรับรู้จากสมาธิทราบว่าภพชาติหนึ่งครูบาชัยยาปัถพี เคยเกิดเป็นรัชทายาทของเจ้าเมืองและได้ขึ้นสืบราชบัลลังก์เป็นเจ้าเมืองในสถานที่แห่งนี้
    ภาพนิมิตที่เกิดขึ้นในห้วงกระแสจิตที่ครูบาชัยยาปัถพี รับทราบนั้นในอดีตชาติมีการสู้รบ เกิดสงครามทำให้มีคนล้มตายจำนวนมากนับจำนวนแสนชีวิต เห็นเหล่าทหารทั้งพม่า มอญ ไทย สู้รบกันล้มหายตายจากนับแสนชีวิต วิถีชีวิตมีแต่การสู้รับฆ่าฟันการตาย อาหารการกินขาดแคลนเพราะไม่เพียงพอต่อการกินดำรงชีพ เหล่าทหารเหล่าใดเมื่อรบชนะอริราชศรัตรู ฆ่าทหารฝ่ายตรงข้ามตายก็จะพากันนำร่างของทหารเหล่านั้นที่ล้มตายนำร่างกายที่ตายนำมาเชือดต้มกิน ย่างกิน เพราะอาหารขาดแคลน จึงทำให้วิญญาณทหารจำนวนมากยังไม่ได้ไปผุดไปเกิด
    ในนิมิตที่ครูบาชัยยาปัถพี ทราบนั้นในพื้นดินปฐพีแห่งนี้นั้นเต็มไปด้วยกองกระดูก ที่เต็มไปด้วยเลือดเนื้อและวิญญาณจำนวนมาก
    ดอยดวงแก้วสัพพัญญูดินแดนสมัยก่อนพุทธกาล
    ในอดีตของสถานที่แห่งนี้มีเรื่องราวแห่งตำนานที่ผ่านล่วงมานานหลายกัปป์ แล้วจึงมีการสร้างเป็นเมือง เป็นราชธานีเมื่อหลายพันปีก่อนที่ผ่านมาและล่มสลายไปตามกฎธรรมชาติ เกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป
    ตามตำนานสถานที่ดอยดวงแก้วแห่งนี้ หรือดินแดนเวียงกาหลง อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย ในปัจจุบันนั้น มีตำนานที่เกี่ยวพันกับภูลังกา ที่มีพื้นที่อยู่อ.บึงโขงหลง อ.เซกา จ.หนองคาย(จ.บึงกาฬ ในปัจจุบัน)และอำเภอบ้านแพง จ.นครพนม

    ในตำนานนั้นมีการกล่าวถึง ภูลังกาไว้ว่า....
    ความลึกลับของภูลังกา หรือ (รังกา) อันเป็นดินแดนลี้ลับอาถรรพณ์ มีภูเขาห้าลูกเชื่อมโยงกันด้วยป่าไม้หนาแน่นสูงเฉียดฟ้าและหุบเหว มีตำนานเล่าสืบทอดกันมาว่า
    ภูลังกาในสมัยดึกดำบรรพ์ ยุคสร้างโลกเป็นที่สถิตอยู่ของ “รังกาเผือก” มีไข่ ๕ ฟอง วันหนึ่งขณะที่ กาเผือกสองผัวเมียออกไปหาอาหารได้เกิดลมพายุพัดเอารังกาพลิกไหว ไข่ทั้ง ๕ ฟอง ปลิวไปตามลมแรง กระจัดกระจายไปตกลงยังที่ต่างๆ
    ไข่ฟองที่ ๑ ไปตกยังถิ่นของแม่ไก่ แม่ไก่นำไปเลี้ยงไว้ ต่อมาได้บำเพ็ญบารมีจนได้บรรลุธรรมเป็นพระพุทธเจ้านามว่าพระกกุสันโธพุทธเจ้า
    ไข่ฟองที่ ๒ ไปตกในเมืองพญานาค ท้าวพญานาคนำไปเลี้ยงไว้ ต่อมาได้บำเพ็ญบารมีจนได้บรรลุธรรมเป็นพระพุทธเจ้านามว่าพระโกนาคมพุทธเจ้า
    ไข่ฟองที่ ๓ ไปตกในแดนของเต่า พญาเต่านำไปเลี้ยงไว้ต่อมาได้บำเพ็ญบารมีจนได้บรรลุธรรมเป็นพระพุทธเจ้านามว่า พระกัสสโปพุทธเจ้า
    ไข่ฟองที่ ๔ ไปตกในแดนแม่โค แม่โคได้เลี้ยงไว้ ต่อมาได้บำเพ็ญบารมีจนได้บรรลุธรรมเป็นพระพุทธเจ้านามว่าพระสมณโคตมะพุทธเจ้า และ
    ไข่ฟองที่ ๕ ไปตกที่แดนของพญาราชสีห์ พญาราชสีห์เอาไปเลี้ยงไว้ในอนาคตจะได้มาบรรลุธรรมเป็นพระพุทธเจ้านามว่า พระศรีอริยเมตไตรย รวมเป็นพระเจ้า ๕ พระองค์

    เรื่องภูลังกาที่เกี่ยวข้องกับพระเจ้า ๕ พระองค์นี้ เป็นเรื่องพื้นถิ่น ความศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา บันดาลใจให้ชาวบ้านเทิดทูนพระพุทธเจ้า ต้องการให้เห็นว่าพื้นถิ่นของตนนั้น มีความผูกพันเกี่ยวข้องกับพระพุทธเจ้าทั้ง ๕ พระองค์อยู่ตลอดไป จึงถือเป็นว่าภูลังกาเป็นที่เกิดของพระพุทธเจ้าทั้ง ๕ พระองค์
    และเหตุที่สถานที่หนึ่งเรียกว่า เซกา มีตำนานเรื่องเล่าว่า กาทั่วไปจะไม่สามารถบินข้ามภูลังกาได้ จะต้องบินเซหลบภูเขาลูกนี้ จึงเป็นที่มาของอำเภอเซกา นั้นซึ่งเป็นอำเภอหนึ่งในจังหวัดบึงกาฬ(จ.หนองคาย เดิม)
    ในตำนานนั้นได้กล่าวถึงแม่พญากาเผือก ตัวนั้นได้พลัดหลงกับลูกทั้ง ๕ ของตนเพราะถูกลมพายุพัดไปไกล จนหลงทางกลับรังไม่ถูก บินถลามาไกลข้ามเขามาอีกหลายลูกเพื่อตามหาลูกของตน จนมาถึงสถานที่แห่งหนึ่ง แม่กาเผือกหลงรัง กลับไปหาลูกทั้งห้าไม่เจอ จนได้มาสิ้นใจในสถานที่แห่งนี้ จึงเป็นตำนานของชื่อเวียงกาหลง ซึ่งอยู่ในสถานที่เป็นตำบลหนึ่งในอำเภอเวียงป่าเป้า จ.เชียงราย ในปัจจุบัน
    แต่ในอีกหนึ่งตำนานมีการกล่าวถึงเวียงกาหลงไว้ว่า....
    เวียงกาหลง จุดกำเนิดของพระพุทธเจ้า เกิดขึ้นเมื่อพระโพธิสัตว์ได้ปฏิสนธิในครรภ์ของแม่พญากาเผือก พร้อมกันถึง 5 พระองค์ เป็นจำนวนไข่ 5 ฟอง ที่ต้นมะเดื่อริมฝั่งแม่น้ำคงคา ระหว่างที่แม่พญากาเผือกได้เฝ้าฟูมฟัก ทะนุ ถนอมไข่ ทั้ง 5 ฟอง โดยออกหาอาหารในถิ่นที่อุดมด้วย ธรรมชาติอันสมบูรณ์พร้อมด้วยพืชพันธุ์ธัญญาหารนั้น ได้เกิดอาเพศพิบัติภัยพายุเป็นเหตุให้แม่พญากาเผือก หาทางออกไม่พบ ซึ่งบริเวณนั้นก็คือเวียงกาหลงในปัจจุบัน
    ส่วนไข่ทั้ง 5 ฟองก็ได้ถูกสายน้ำ พัดหายไป เมื่อนางพญากาเผือก ออก ตามหา ถามกับ ช้าง ม้า ปลา กวาง และ สัตว์ต่างๆ ก็ต้องพบกับความผิดหวัง ทำให้โศกเศร้าเสียใจจนกระทั่งสิ้นใจตายในที่สุด ด้านไข่ทั้ง 5 ฟอง ก็ได้ถูกสัตว์ต่างๆ แยกย้ายกันเก็บไปเลี้ยง และฟักตัวออกมาเป็นมนุษย์ในเวลาไล่เลี่ยกัน ครั้น ล่วงเลยไป 12 ปี ด้วยบุญกุศลเก่าหนุนส่ง ทั้ง 5 พระองค์ ได้บำเพ็ญบารมีสำเร็จตามปณิธาน แม่เลี้ยงของแต่ละ พระองค์ จึงได้ฝากชื่อของตนไว้กับ พระนามลูกเพื่อเป็นอนุสรณ์ ซึ่งเป็นที่มาของพระคาถา 5 พยางค์ นะ โม พุทธ ธา ยะ จนถึงปัจจุบัน แต่แล้ววันหนึ่ง ขณะที่ทั้งห้าพระองค์ได้บำเพ็ญตนเป็นฤๅษีอยู่ในป่าด้วยเหตุปัจจัย ทำให้เดินทาง มาพบกัน โดยมิได้นัดหมาย และถามไถ่กันจนทราบว่าแต่ละพระองค์ต่างก็มีแม่เลี้ยงจึงร่วมกันตั้งจิตอธิษฐาน เพื่อตามหาแม่ที่แท้จริง ด้วยแรงอธิษฐาน ส่งถึงแม่พญากาเผือก ซึ่งมีรูปทิพย์อยู่บนชั้นพรหม ต้องจำแลงเป็น แม่พญากาเผือกมาปรากฏต่อหน้าฤๅษีทั้ง 5 ให้ได้ทราบถึงความเป็นมาของแม่ที่แท้จริง ฤๅษีทั้ง 5 เมื่อทราบ เหตุการณ์แล้วก็เกิดความ สลดใจจึงขอให้แม่พญากาเผือกให้สัญลักษณ์ไว้เพื่อที่จะได้กราบไหว้บูชา แม่พญากา เผือกจึงได้ใช้ขนของตัวเอง ฟั่นเป็นไส้ประทีปสัญลักษณ์ตีนกา เพื่อเอาไว้ใช้ จุดสักการะผ่านแม่น้ำคงคา ในวันขึ้น 15 ค่ำ ส่วนฤๅษีทั้ง 5 หลังจากบำเพ็ญบารมีเวียนว่ายในวัฏสงสารแล้วก็ได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ห้าพระองค์เรียงตามลำดับเวลาที่ต่างกัน

    ดอยดวงแก้วเป็นจุดพักเสวยอาหารของสมเด็จพระนเรศวร
    ที่อำเภอแม่สรวย(มีระยะห่างจากอำเภอเวียงป่าเป้าประมาณ ๕๐ กิโลเมตร)นั้นมีประวัติกล่าวไว้ว่า เป็นสถานที่ซึ่ง สมเด็จพระนเรศวร และสมเด็จพระเอกาทศรถ พระอนุชาธิราช ได้เคยเสด็จกรีธาทัพหลวง ออกจากกรุงศรีอยุธยา เพื่อไปตีกรุงอังวะ ซึ่งอยู่ทางตอนบนของ จ.เชียงราย ในครั้งนั้นได้ทรงยกทัพเข้าสู่เมืองเชียงใหม่ และประทับอยู่เป็นเวลา 1 เดือน จากนั้นได้จัดทัพเป็น 2 ส่วน ให้พระอนุชาเสด็จไปทาง อ.ฝาง ส่วนพระองค์เสด็จทาง อ.แม่สรวย และทรงพักทัพอยู่ ณ สถานที่แห่งนี้
    สมเด็จพระนเรศวรมหาราช นั้น ภายหลังที่ทรงเป็นองค์ประกันที่กรุงหงสาวดีแล้ว ได้เสด็จกลับสู่กรุงศรีอยุธยา และทรงประกาศอิสรภาพไม่ขึ้นตรงต่อพม่า ครั้นปีพ.ศ.2133 ได้เสด็จขึ้นครองราชย์เป็นพระมหากษัตริย์องค์ที่ 18 แห่งกรุงศรีอยุธยารามเทพนคร เสวยราชสมบัติอยู่เป็นเวลา 15 ปี
    (สมเด็จพระนเรศวร ราชาธิราช เสด็จขึ้นครองราชเมื่อวันที่29 กรกฎาคม พ.ศ. 2133 เสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2148 )
    ตลอดพระชนม์ชีพของพระองค์ ทรงทำการรบเป็นสามารถมาโดยตลอด เป็นเหตุให้ภายหลังรัชกาลของพระองค์ พม่าไม่มารบกับสยามอีกเลย เป็นเวลากว่า 150 ปี จึงควรที่ลูกหลานไทยจะได้สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ไปตราบชีวิตจะหาไม่
    ด้วยประวัติของสถานที่ดังที่ได้กล่าวมา เมื่อครั้งวันที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2512 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมด้วย สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จพระราชดำเนินมายัง อ.แม่สรวย ในครั้งนั้นทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งการพระราชพิธีบวงสรวงสังเวย เป็นราชพลี และทรงบำเพ็ญพระราชกุศลอุทิศถวายแด่ดวงพระวิญญาณ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช และสมเด็จพระเอกาทศรถ พระอนุชาธิราช ตลอดจนเหล่าทหารหาญที่ตามเสด็จครั้งนั้น
    ต่อมาในวันที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2533 พล.ท.ศิริ ทิวะพันธุ์ แม่ทัพภาคที่ 3 (ยศ และตำแหน่งในขณะนั้น) ได้ทำพิธีวางศิลาฤกษ์ ในการตั้งศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราชนี้ขึ้นมา ครั้นเมื่อวันเสาร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ.2534 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้เสด็จฯ ไปทรงเป็นประธานพิธีเททองหล่อพระบรมรูปสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ขนาดเท่าพระองค์จริง ณ วัดบวรนิเวศวิหาร กรุงเทพฯ และได้อัญเชิญไปประดิษฐานที่ศาลอำเภอแม่สรวย ในวันที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2546
    ในนิมิตครั้งหนึ่งที่ครูบาชัยยาปัถพี ทราบนั้นเมื่อสมัยที่พระนเรศวรมหาราชได้ยกทักมาปราบกบฏที่ทางภาคเหนือ ก่อนที่องค์พระนเรศวรจะเดินทางไปตั้งทัพที่อำเภอแม่สรวยนั้น
    ได้มีการเดินทางลัดเลาะมาตามขุนเขาเพราะการเดินทัพสมัยก่อนนั้นต้องมียุทธศาสตร์เพื่อป้องกันศัตรูเห็นความเคลื่อนไหว องค์พระนเรศวรที่ชำนาญทางยุทธศาสตร์ เชี่ยวชาญภูมิประเทศ จึงเลือกที่จะเดินทางผ่านมาทางเส้นทางนี้ และได้หยุดพักเสวยอาหารเที่ยงในสถานที่ดอยดวงแก้วสัพพัญญูแห่งนี้ เมื่อองค์พระนเรศวรมหาราชเสวยอาหารและเหล่าทหารรับประทานอาหารเสร็จเรียบร้อย พระองค์จึงสั่งให้ทุบหม้อข้าวทิ้งเพื่อให้ทหารมีความมุ่งมั่นที่จะทำการรบให้มีชัยชนะต่อไป หากปรารถนาที่จะมีข้าวกินต่อไปต้องรบชนะเท่านั้นจึงจะมีอาหารกิน
    (ในปัจจุบันหากขุดดินในสถานธรรมดอยดวงแก้วสัพพัญญูแห่งนี้ลึกลงไปประมาณ ๒ เมตร จะสามารถพบเศษหม้อข้าว หม้อแกง ที่แตกหักได้อย่างน่าอัศจรรย์ถึงการตรวจสอบถึงเรื่องราวในอดีตชาติ)
    ภพชาตินิมิตที่ครูบาชัยยาปัถพี ทราบในครั้งนี้จะมีเสียงผู้รู้แจ้งออกมาให้ทราบว่า
    “ชาติก่อนเราเองนั้นเคยฆ่าคนให้ล้มตายเป็นจำนวนมาก มาในชาตินี้เราจะได้มาช่วยคนแล้วบริวารเก่าที่เคยเป็นทหารเก่าก็จะเข้ามาช่วยเอง ดวงจิตเดิมที่เคยร่วมกันในชาติก่อนนั้นที่ได้มาเกิดเป็นมนุษย์แล้วก็จะได้กลับมาช่วยกันญาติโยมนั้นจะพากันมาช่วยในการปลดปล่อยดวงวิญญาณ”
    ในนิมิตที่ครูบาชัยยาปัถพีทราบนั้นภายหลังจากที่พระองค์นเรศวรและทหารเสวยอาหารเรียบร้อยเมื่อครั้งอดีตในสถานที่แห่งนี้(ดอยดวงแก้วสัพพัญญู)แล้วจึงได้เดินทางต่อไปยังสถานที่แห่งหนึ่งเพื่อไปตั้งทัพและพักแรม ซึ่งในสถานที่แห่งนั้น ในปัจจุบันคือสถานที่ ตั้งศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ในเขตอำเภอแม่สรวย จ.เชียงราย
    จากการรับรู้ทางสมาธิครั้งนี้ของครูบาชัยยาปัถพี ทราบว่าครั้งหนึ่งในอดีตที่ล่วงมานั้นพระนเรศวรได้เคยกรีฑาทัพมาเสวยอาหารในสถานที่แห่งนี้
    และเพื่อเป็นการยืนยันถึงสิ่งที่ครูบาชัยยาปัถพี รับรู้มานั้นมีความแม่นยำเพียงใด ทางผู้เขียนจึงได้ขอเมตตาให้พระอาจารย์สุริยันต์ จันทวัณโณ วัดป่าฉัพพรรณรังสี อ.จัตุรัส จ.ชัยภูมิ ท่านได้พิจารณาถึงสถานที่ดอยดวงแก้วสัพพัญญูแห่งนี้ท่านได้มีเมตตาพิจารณาแล้วให้ทราบว่า
    “ สถานที่แห่งนี้ในอดีตนั้นพระนเรศวรเคยมาพักกินข้าว แล้วปลูกต้นไม้ไว้สองต้นทางทิศตะวันออกของสถานที่แห่งนี้ไว้ ปัจจุบันไม่แน่ใจว่าจะคงมีอยู่หรือไม่ สถานที่แห่งนี้เคยเป็นสมรภูมิสู้รบมีการฆ่ากันตายเป็นจำนวนมาก กี่ยุคกี่สมัยหลายชาติที่ผ่านมาสถานที่แห่งนี้ก็จะวนเวียนอยู่กับการสู้รบ มีการสู้รบมาโดยตลอดตั้งแต่ยุคไดโนเสาร์ มาถึงยุคใดๆสถานที่แห่งนี้ก็ยังเป็นสมรภูมิรบตลอด กลิ่นคาวเลือดและกองกระดูกของทหารตายทับถมกันมากจนเกิดแผ่นดินไหว เหล่าเทพเทวดาจึงได้ทำให้พื้นดินแห่งนี้พลิกกลบกระดูกจำนวนมากนั้นจมลงไปในพื้นดิน ทำให้แผ่นดินแยกออกเป็นระดับชั้น ๓ ชั้นเห็นเป็นหุบเหว หากขุดลงไปในพื้นดินก็จะเจอกระดูกจำนวนมากที่ฝังอยู่ในพื้นดินนั้น
    ทางครูบาชัยยาปัถพีท่านนั้นในอดีตท่านเคยเกิดเป็นรัชทายาทเป็นลูกเจ้าเมืองเก่ามาก่อนและเคยเกิดเป็นกษัตริย์มาก่อนจริง ท่านได้เห็นการล้มตายของผู้คนในสถานที่แห่งนี้มามาก จึงได้ตั้งจิตอธิษฐานหากมาเกิดในชาติใดก็ขอให้ได้มาอยู่ในสถานที่แห่งนี้เพื่อมาปลดปล่อยวิญญาณที่ล้มตายให้ได้ไปผุดไปเกิด สถานที่แห่งนี้จะเต็มไปด้วยของเก่าวัตถุโบราณมากมาย ครูบาชัยยาปัถพีเป็นพระที่มีบารมีเก่ามากสร้างสมบารมีไว้มาก ท่านมีดีเยอะมีพลังมากแต่นำออกมาใช้มากไม่ได้เพราะท่านกลัวมันเสื่อม ท่านมีญาณรู้เห็นต่างๆมากแต่ยังไม่ถึงวาระที่ท่านจะต้องเปิดตัวให้คนรู้เมื่อถึงเวลาแล้วผู้คนก็จะรู้เอง ส่วนด้านคาถาอาคมวิชาต่างๆนั้นท่านเป็นของแท้แน่นอนที่ได้รับการถ่ายทอดมาตรงตามตำราจริง
    แต่ท่านต้องต่อสู้มากเพราะตัวท่านนั้นสร้างทานไว้มาก แต่บริวารของท่านนั้นไม่ได้ทำทานไว้มากจึงไม่ค่อยมีพลังมาช่วยท่านได้มาก ท่านต้องอดทนสู้ไปอีกสักระยะจึงจะทำให้สถานที่แห่งนี้เจริญขึ้นมาได้
    สถานที่แห่งนี้ตามเกณฑ์ประมาณ ๑๓ ปี จึงจะเจริญรุ่งเรือง แต่หากมีกระแสสื่อช่วยก็จะเจริญรุ่งเรืองขึ้นภายในระยะ ๖-๗ ปี การดูคนต้องดูระยะยาวต่อไปพระรูปนี้จะเป็นพระที่มีบารมี มีชื่อเสียงกว่าครูบาอาจารย์เพราะท่านมีบารมีเก่าสั่งสมไว้มาก”

    ค้นพบวัตถุโบราณพบความจริงตามนิมิต
    ครูบาชัยยาปัถพี ได้มาวางฤกษ์การสร้างสถานธรรมดอยดวงแก้วสัพพัญญู เมื่อวันที่ ๕ เดือน ๕ ปี พ.ศ.๒๕๕๕ ครูบาชัยยาปัถพีจึงได้ตั้งจิตอธิษฐาน
    “ขอให้สถานที่แห่งนี้มีความเจริญรุ่งเรืองขึ้นไป ขอให้มีบริวารเข้ามาช่วยสร้างวัด อุทิศบุญให้วิญญาณที่ล่วงลับ”
    เนื่องเพราะสมัยที่ครูบาชัยยาปัถพี เป็นเด็กจำความได้นั้นมักจะจะฝันเห็นดินแดนสถานที่แห่งหนึ่ง ฝันเห็นสถานที่แห่งนั้นมีความเกี่ยวพันกับชีวิตมาโดยตลอด ฝันว่าได้มีการสู้รบต่อสู้ทำศึกสงครามมาโดยตลอด จิตเกิดความหวาดกลัว และเกิดความปลงสลดสังเวชในชีวิตที่ได้รู้เห็นเหตุการณ์มาตั้งแต่เด็ก เมื่อได้สติระลึกถึงภพภูมิหลังภพชาติเก่าครูบาชัยยาปัถพี ในวัยเด็กจึงมีความตั้งใจปรารถนาที่จะมาช่วยเหลือช่วยปลดปล่อยความทุกข์ให้ผู้คน ให้แก่ดวงวิญญาณที่อยู่ในเวียงเก่าแก่นั้น
    แต่ไม่ทราบว่าสถานที่แห่งนั้นอยู่ที่ใด แต่รู้ว่าในดินแดนนั้นเป็นดินแดนที่ยังมีวิญญาณตกค้างไม่ได้ไปผุดไปเกิดอยู่อีกมากมาย
    จนได้เดินทางมาตามนิมิต และพบสถานที่แห่งหนึ่งจึงได้ทราบความจริงว่าสถานที่ที่ครูบาชัยยาปัถพี ติดตามหามาโดยตลอดนั้นเป็นสถานที่สถานธรรมดอยดวงแก้วสัพพัญญูแห่งนี้นั้นเอง ที่ยังมีวิญญาณจำนวนมากรอคอยบุญกุศลหนุนนำให้เพื่อให้ได้ไปผุดไปเกิด
    ณ สถานที่โป่งแล้งแห่งนี้ เคยเป็นสมรภูมิแห่งการรบราฆ่าฟันกันของทหารในยุคอดีตนานหลายร้อยปีบางชาติก็นานหลายพันปีผ่านมา จำพวกศรัตราวุธ ขวาน ง้าว หอก ดาบ ยังคงหล่นถูกฝังดินนานหลายร้อยปี ทั้งโครงกระดูก ร่างต่าง ๆ มากมาย
    ขณะนั้นเป็นเวลากลางคืนครูบาชัยยาปัถพี ได้เดินจงกรมแล้วได้มองเห็นแสงสว่างจ้าขึ้นมา ณ ลานกลางสถานธรรมดอยดวงแก้ว

    ต่อมาเมื่อมีการทำพิธีสร้างศาลา จึงได้มีการนำรถแบ็คโครนำมาขุดดินเพื่อขุดเป็นหลุมอาคาร(ฟุตติ้งอาคาร) รถขุดดินได้ขุดดินบนกองเนินดินปรากฏว่าได้เจอทั้งโครงกระดูก พระพุทธรูปหินเก่า ขวานหินโบราณ เศษหม้อดินเก่าแก่ ยิ่งขุดลงไปในดินก็ยิ่งเจอมากขึ้น ๆๆๆ จึงกลบดินฝังไว้ดังเดิม
    ในนิมิตของครูบาชัยยาปัถพีทำให้รู้และเป็นบทพิสูจน์ได้ทราบว่า…วิญญาณเหล่านี้เป็นวิญญาณนักรบที่ต้องเข่นฆ่ารบราฟันกัน เนื่องเพราะกรรมฝังในจิต ในขณะทำสงคราม ในขณะที่ยังมีชีวิต จิตฝังในความรู้สึกแรงกล้า พอสังขารตายในสมรภูมิรบยังฝังในวิญญาณการสู้รบของวิญญาณนั้นไม่ได้จบลงไป เนื่องเพราะความที่ยึดถือในสิ่งที่ตนเคยอาศัย ในเหตุการณ์นั้นจึงทำให้เป็นเหตุให้เกิดตายไม่หยุด วิญญาณ จิตยึดติดในสถานการณ์นั้น ๆ ที่ฝังในจิตยึดติดมานาน วิญญาณบางตนถูกฆ่าตายไปในสนามรบ รบฟันฆ่ากัน วิญญาณเหล่านั้นก็จะมารบฆ่าฟันกันใหม่
    เสียงกลองดังอึกทึกครึกโครม โห่ร้องด้วยความมุ่งมั่นองอาจ กล้าหาญ วิญญาณเหล่านี้เป็นวิญญาณที่ตายในสนามรบ วิญญาณจึงติดนั้นตลอดเวลา กิเลสความรุ่มร้อนในใจยังมีมาก พอถึงขวบเก่าเวลาเดิมก็ต้องมารบฆ่าฟันกัน รูปแบบการรบเวลาผ่านได้เปลี่ยนไปตามสภาพสภาวะ ครั้นพอถึงเวลารบทำศึกกัน กองทัพแต่ละฝ่ายก็ลดน้อยลง ๆๆ เพราะวิญญาณบางดวงก็ได้ไปเกิดเรื่อย ๆ วิญญาณบางดวงก็ไม่เคยทราบมาก่อนว่าตนเองตายไปแล้วก็มี เนื่องเพราะอยู่ในสงครามจิตมีแต่จะรบราฆ่าฟันกันอยู่ตลอดเวลา โดยที่ไม่รู้ว่าตัวเองตายไปแล้วยังคิดว่าตนเองมีชีวิตธาตุขันธ์เช่นมนุษย์อยู่ก็มี เมื่อครูบาชัยยาปัถพีเข้าสมาธิมักจะมีวิญญาณเข้ามาหาเพื่อขอทางสว่างช่วยปลดปล่อยดวงวิญญาณพวกตนเหล่านี้ด้วย
    “ขอให้มีความสุข ความเจริญ ๆๆ นะ”
    พลันสิ้นการแผ่เมตตาจากครูบาชัยยาปัถพีให้แก่ดวงวิญญาณหลายดวงก็ได้ไปผุดไปเกิดเพราะจิตคลายจากความยึดมั่นถือมั่น หลังจากนั้นวิญญาณได้พากันกราบลาและหายไปในคืนนั้น…
    ในสภาวะจิตละเอียด อยู่ในสภาวะทิพย์ ครูบาชัยยาปัถพี จึงสามารถมองเห็นภพภูมิ เพ่งมองไปเพ่งมองมา เห็นวิญญาณผีทหารยุคสมัยที่ยังเป็นอาณาจักร ต่าง ๆ ก่อนที่จะรวบรวมเป็นประเทศไทย

    ครูบาชัยยาปัถพี รับทราบเรื่องราวของดินแดนสถานที่แห่งนี้แล้วมีความรู้สึกว่าต้องไปทำการปลดปล่อยวิญญาณที่ยังตกค้างอยู่ในสถานที่แห่งให้ได้ไปผุดไปเกิดหรือให้ดวงวิญญาณได้รับบุญกุศลเพื่อให้พ้นจากความทุกข์
    ครูบาชัยยาปัถพีจึงได้มุ่งมั่นด้วยการหมั่นสวดมนต์ ไหว้พระปฏิบัติกรรมฐาน กรวดน้ำ ต้องช่วยเหลือผู้คนหากช่วยเหลือคนได้ก็จะได้อานิสงส์มีพลังอำนาจจิตพลังอำนาจบุญแผ่ให้ไปถึงดวงวิญญาณได้มากขึ้น
    ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะปลดปล่อยความทุกข์ของสรรพวิญญาณในครั้งนั้นขณะที่ครูบาชัยยาปัถพีเจริญจิตเมตตาภาวนาได้สัมผัสพบกับดวงวิญญาณเป็นจำนวนมากมาย วิญญาณบางดวงได้เข้ามาพบครูบาชัยยาปัถพีเพื่อมากราบลาภายหลังจากที่ได้รับพลังกระแสจิตแผ่บุญไปให้ บางวิญญาณมาปรากฏรูปกายให้ครูบาชัยยาปัถพีรับทราบในรูปร่างก่อนที่จะเสียชีวิตบ้างมองเห็นแต่ศรีษะ บ้างเห็นแต่ร่างครึ่งท่อน บ้างเห็นเพียงร่างกายไม่มีแขน บ้างเห็นแต่ไหล่ บ้างไม่มีศรีษะ วิญญาณเหล่านั้นเข้ามาปรากฏกายให้ทราบเพียงรูปลักษณ์เพื่อมาขอลาเพื่อไปผุดไปเกิด
    นิมิตครั้งนั้นครูบาชัยยาปัถพี ทราบว่าสถานที่แห่งนี้ครั้งหนึ่งเคยเป็นสถานที่ประดิษฐานพระพุทธรูปเก่าแก่ ๒ องค์เชื่อว่าเป็นพระพุทธรูปเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองของเวียงกาหลง คือพระพุทธรูปพระเจ้าทองทิพย์(มีการขุดพบขึ้นในปัจจุบันนำไปประดิษฐานที่วัดพระเจ้าทองทิพย์) แต่อีกองค์หนึ่งเป็นพระที่ไม่สามารถนำขึ้นมาได้ แม้จะนำช้าง ๑๐ เชือกขึ้นมาก็ไม่สามารถลากขึ้นมาได้ พระองค์นี้เป็นพระเนื้อดิน ปัจจุบันประดิษฐานอยู่ในแอ่งน้ำวนอยู่ริมฝั่งแม่น้ำแม่ลาว
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSCF7721rr.jpg
      DSCF7721rr.jpg
      ขนาดไฟล์:
      72.5 KB
      เปิดดู:
      97
    • Picture 372.jpg
      Picture 372.jpg
      ขนาดไฟล์:
      160.5 KB
      เปิดดู:
      230
    • Picture 335.jpg
      Picture 335.jpg
      ขนาดไฟล์:
      265 KB
      เปิดดู:
      1,330
  17. kyetip

    kyetip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    5,367
    ค่าพลัง:
    +855
    รายการที่ 168

    พระผงว่านยา ครูบาชัยยาปัถพี หลัง ยันต์พญานกยูงทอง เทพประทาน เมตตา ค้าขาย เสริมดวง พลิกผัน ดวงชะตา

    บูชา 200 บาท
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSCF7721.JPG
      DSCF7721.JPG
      ขนาดไฟล์:
      96.1 KB
      เปิดดู:
      74
    • DSCF7722.JPG
      DSCF7722.JPG
      ขนาดไฟล์:
      102.3 KB
      เปิดดู:
      51
    • DSCF7723.JPG
      DSCF7723.JPG
      ขนาดไฟล์:
      95 KB
      เปิดดู:
      53
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 พฤษภาคม 2015
  18. kyetip

    kyetip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    5,367
    ค่าพลัง:
    +855
    รายการที่ 169

    พระผงว่านยา ครูบาชัยยาปัถพี หลัง ยันต์พญานกยูงทอง เทพประทาน เมตตา ค้าขาย เสริมดวง พลิกผัน ดวงชะตา เนื้อผงมีกลิ่นหอม มากๆครับ

    บูชา200 บาท
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSCF7724.JPG
      DSCF7724.JPG
      ขนาดไฟล์:
      90.1 KB
      เปิดดู:
      49
    • DSCF7725.JPG
      DSCF7725.JPG
      ขนาดไฟล์:
      109.9 KB
      เปิดดู:
      57
    • DSCF7726.JPG
      DSCF7726.JPG
      ขนาดไฟล์:
      94.4 KB
      เปิดดู:
      42
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 พฤษภาคม 2015
  19. supachaipnu

    supachaipnu ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,369
    ค่าพลัง:
    +7,301
    ปิดครับ
     
  20. kyetip

    kyetip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    5,367
    ค่าพลัง:
    +855
    รับทราบ ครับ
    ขอบคุณครับ:cool::cool:
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...