สามสิ่งที่ต้องมีสำหรับโสดาบัน

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย นันทะชัยดี, 18 กุมภาพันธ์ 2015.

  1. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    ขออนุญาตถามค่ะ

    พระโสดาบันคือผู้ที่ละสังโยชน์เบื้องต่ำได้ 3 ข้อแล้ว ได้แก่ สักกายทิฏฐิ,วิจิกิจฉาและสีลัพพตปรามาส

    ดังนั้น พระโสดาบันต้องมาสร้างคุณสมบัติตามที่คุณนันทะบอกไว้หรือเปล่าคะ

    หรือว่าเป็นสภาวะที่เกิดขึ้นเองในภูมิจิตของโสดาบัน
     
  2. นันทะชัยดี

    นันทะชัยดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    251
    ค่าพลัง:
    +378
    ตามใดที่เราทำความสงบให้เรื่องต่างๆบรรเทาเบาบางไปจากใจได้ ก็ย่อมทำอารมณ์ของเราให้เป็นไปใน กรรมฐาน คือฝังแต่ พุทธานุสติ เป็นเบื้องต้นจนถึง สังฆานุสสติ เป็นปริโยสานไว้ในจิตใจ สัญญาต่างๆก็ไม่มี นิวรณ์ก็ไม่ปรากฏ ดวงจิตก็จะเข้าสู่ กรรมฐาน ผลทางกายคือกายโปร่งเบาคล่องแคล่ว ส่วนจิตก็ไม่ยุ่งยากอะไร โล่งโถงว่างเปล่า ปราศจากสัญญาอารมณ์ภายนอก ส่วนผลอื่นๆก็จะเกิดขึ้นมาตามอีก กล่าวตามความรู้ ก็คือ วิชชา ส่วนรูปได้แก่ อุคคหนิมิต นี่เป็นผลเกิดในส่วนร่างกาย นิมิตชนิดไหนก็ตามซึ่งปรากฏเป็นรูปในใจ ย่อมเป็นผลซึ่งเกิดซ้อนขึ้นมาอีก
     
  3. นันทะชัยดี

    นันทะชัยดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    251
    ค่าพลัง:
    +378
    เราไม่เคยศึกษาเล่าเรียนอะไรเลย แต่มันผุดขึ้นมาได้ เรียกว่า วิชชา อีกอย่างหนึ่งเวลาที่จิตสงบดี ถ้าเราประสงค์จะทราบเรื่องราวอย่างใดอย่างหนึ่ง ก็ขยับจิตเพียงนิดเดียว ก็สามารถจะรู้เรื่องราวนั่นๆได้ทันที ความรู้นี่แหละจะเป็น วิปัสสนาญาณ
     
  4. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    วิปัสสนาญาณ รู้อะไรบ้างคะ

    ดิฉันรู้อย่างเดียวว่า การบรรลุธรรมเป็นเรื่องของจิต การเข้ากระแสธรรมก็คือจิตเข้าสู่กระแส
    เมื่อบรรลุธรรมขั้นโสดาบันแล้ว จิตจะเป็นอธิจิต อธิศีล อธิปัญญา โดยอัตโนมัติ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กุมภาพันธ์ 2015
  5. นันทะชัยดี

    นันทะชัยดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    251
    ค่าพลัง:
    +378
    ถ้าเป็นความรู้เบื้องต่ำเกี่ยวกับสัญญาอดีต อนาคต สาวยาวนักก็เป็น โลกิยวิชชา คือเล่นในส่วนกายมากไปก็ทำให้จิตต่ำ เพราะไม่แก่ใน นาม ตัวอย่างเช่น นิมิตเกิดขึ้น ก็ไปติดอยู่ในนิมิต เช่น ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ เห็นชาติภพที่ล่วงมาแล้ว ก็เกิดความดีอกดีใจ ว่าเราไม่เคยรู้ไม่เคยเห็น ไม่เคยมีเคยเป็น ก็มามีขึ้นอย่างนี้ก็มี อันเป็นเหตุให้ดีใจเกินไปหรือเสียใจเกินไปก็ได้ ในระหว่างที่กำลังสาวไปในเรื่อวนิมิต ทำไมจึงเกิดดีใจหรือเสียใจได้ นั่นก็เพราะจิตเข้าไปยึดถือในเรื่องนั้นๆเป็นจริงเป็นจัง อย่างนี้ เป็น กามสุขัลลิกานุโยค พลาดไปจากมัชฌิมาปฏิปทา
     
  6. นันทะชัยดี

    นันทะชัยดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    251
    ค่าพลัง:
    +378
    บางทีเห็นในรูปภพที่ไม่พึงปรารถนา ก็เกิดใจเหี่ยวแห้ง สลดหดหู่ นี่ก็เป็น อัตตกิลมถารุโยค พลาดไปจากมรรคอีก ไม่ตรงคำสอนของพระองค์
     
  7. VERAJAK

    VERAJAK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    998
    ค่าพลัง:
    +1,579
    รู้อะไรอะไรที่รู้จิตหลอกจิตหรือเปล่าทางทีืพระพุทธองค์ทรงสอนคือทุกข์อะไรคือทุกข์ทำไมถึงทุกข์สาเหตุคืออะไรเราทุกขตรงไหนแล้วทางดับทุกขคือทางไหนทางพ้นทุกขต้องทำยังไงแค่นี้เองไม่มีอะไรมากกว่านี้แล้วโลกนี้มีอะไรยึดอะไรอุปทานอะไรกิเลสอาศัยอะไรเกิดจากอะไรเวทนาสิ่งอะไรทั้งหลายท้้งปวงรวมอยู่ในขันธ์นี้จิตต่างหากที่ลึกลับซับซ่อนระวังจิตนี้ให้ดีม้นเร็วมากเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาแต่อย่าไปจับมันนะอย่าใช้เหตุผลกับมันอย่าไปหาม้นเข้าละชั่วกัปชั่วกัลป์ก็หลงตายเปล่าอยู่เฉยๆไม่ต้องส่งออกตัดความคิดปรุงแต่งเสียแล้วจะรู้จ้กมันทันทีมันไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นย้งไงลอกทำดูทั้งๆที่ลิมตานี่แหละใช้สติปัญญาพิจารณาเห็นๆกันจะเข้าใจเอง. สาธุ
     
  8. นันทะชัยดี

    นันทะชัยดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    251
    ค่าพลัง:
    +378
    ทางที่ถูกต้องไม่แสดงความดีใจ หรือเสียใจ ทั้งในสิ่งที่พึงปราถนาและไม่พึงปรารถนา เมื่อเห็นความจริงเป็นดังนี้แล้ว จิตก็จะเกิดความเบื่อหน่าย จิตก็จะว่างเฉยเป็นมรรคขึ้น ดวงใจก็ยืนตังคงที่อยู่เฉยๆ ไม่มีอะไรมาเกาะเกี่ยวกังวล จิตก็จะพ้นไปจากนิมิตอันเรื่องของตนเองและคนอื่น ของตนคือ ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ ในเรื่องของคนอื่น คือ จุตูปปาตญาณ ผู้ที่มีความยับยั้งความรู้ของตน จิตก็เข้าสู่กระแสธรรม จิตก็จะพ้น โลกิยะ กลายเป็น อาสวักขยญาณ
     
  9. นันทะชัยดี

    นันทะชัยดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    251
    ค่าพลัง:
    +378
    ปัญญาที่พิจารณาเห็นชัดแจ้ง ในอริยสัจสี่นั้น มิได้หมายความว่า เมื่อเห็นชัดแจ้งจะต้องเห็นพร้อมๆกันทั้งสี่ในขณะจิตอันเดียวกันก็หาไม่ บางทีอาจเห็นชัดแจ้ง ในอริยสัจใดอริยสัจหนึ่งก่อน แล้วเมื่อจะรวมเข้าเป็นองค์มรรคใดมรรคหนึ่ง สัจจะทั้งสี่จึงตะมารวมให้เห็นชัดแจ้ง ในที่อันเดียว แลขณะจิตเดียว
     
  10. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    เริ่ม เป๋

    สำเร็จ กสิณ จนสามารถน้อมไปใน บุพเพวาสานุสสติญาณ มีฌาณ4 เป็น
    อย่างต่ำ ยังโดนปรักปรำได้ว่าเป็น " กามสุขัลลิกานุโยค "

    แบบนี้ ลำบากแน่ๆ หาก ไม่แน่นจริง
     
  11. นันทะชัยดี

    นันทะชัยดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    251
    ค่าพลัง:
    +378
    รูปเป็นที่ตั้งของกามราคะ เมื่อมาพิจารณาเห็นโทษภัยของมันด้วยแยบคายแล้ว ก็จะเบื่อหน่ายจนละรูปนี้ได้ ส่วนนามเป็นของละได้ยาก หากไม่ดำเนินให้เข้าถึงมรรคแล้ว ก็จะจมดิ่งอยู่ในโลกนี้ ตลอดกาลนาน
     
  12. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    คนเขาถาม โสดาบัน ภาวนายังไง

    พี่เล่นไป อาสวะขยะญาณ มันตรงคำถามที่ถามไหมครับ

    ระวังเขาจะ หยั่งทราบเอาได้ว่า " เพ้อเจ้อ " เลื่อนลอย ไม่มีแก่นสาร ไม่มีต้น
    ไม่มีปลาย เอาได้ น๊า
     
  13. VERAJAK

    VERAJAK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    998
    ค่าพลัง:
    +1,579
    พระอริวสัจ4ถ้าไม่เห็นทุกขก็ผิดทางแน่ๆต้องเห็นทุกขก่อนรู้จักทุกขก่อนไม่รู้ทุกขแต่รู้ทางพ้นทุกขไม่สามารถเป็นไปได้เอาแค่ดับทุกขก่อนจะดับยังไงลองใขข้อข้องใจให้หน่อยครับ. สาธุ
     
  14. นันทะชัยดี

    นันทะชัยดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    251
    ค่าพลัง:
    +378
    การเดินมรรค เป็นของง่ายนิดเดียว ส่วนใหญ่ไปทำให้ยุ่งยาก อันแสดงถึงการวางความยึดของจิตไม่ถูกต้องนั้นเอง แค่ปล่อยวางทำใจให้เฉยตามสภาพของมัน การต่อสู้กับอารมณ์ที่ค้างภายในจิต(เป็นการเดินมรรค) เมื่อเอาชนะมันได้แล้ว จิตสงบเป็นกลางวางเฉย หากอารมณ์ใหม่จะเกิดจึ้นมาอีก เราจะต้องยึดความเป็นกลาง ไว้ก่อนเสมอ แล้วจึงน้อมเอาจิตอีกส่วนหนึ่งออกไปตรวจค้นพิจารณาดู ให้เหตุผลของอารมณ์นั้นๆ อารมณ์นั้นก็จะหายไป แล้วมากำหนดไว้ตรงที่เดิมอีก เมื่อทำได้อย่างนี้ทุกๆกรณี จะเป็นการเดินมรรคที่สม่ำเสมอ แลมั่นคงที่สุด
     
  15. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    พระอริยเจ้าท่านบอกว่าต้องเห็นมรรค(อริยมรรค)ก่อนค่ะ จึงจะเห็นทุกข์ เห็นสมุทัยและเห็นนิโรธ ดิฉันฟังมาจากหลวงปู่หล้า ค่ะ ซึ่งก็เห็นจริงตามท่าน สาธุ
     
  16. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +3,984
    ท่านเอกวีร์..กลุ่มนี้เขาเป็นธรรมจัดสรรของธรรมกายครับ เขาไม่สนใจตอบใครหรอกครับ ไปดูจำนวนผู้ชมซิครับ จัดสรรเป็นกรุ๊ปเลย :cool:
     
  17. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    ไม่เห็น มีลูกแก้ว หรือ หยุดของหยุด เลยนี่ ฮับ

    มีแต่ ถอดจิตไปเหนือตัว แล้ว เพ่งลงมาที่ตัว 45 องศา.......อ้าว !! คุ้นๆ

    สงสัย จะออกแนวศิษย์คนละฝากับน้าจร มากกว่า น๊า


    แต่ การตอบโต้ ให้กลับมาลงลอยตามแบบแผน เก่งกว่า น้าจร เยอะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กุมภาพันธ์ 2015
  18. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    ห้องอภิญญานี่เจ้าที่แรงนะคะ คิดเองเออเองก็ได้ [​IMG]
     
  19. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +3,984
    ขออภัยถ้าไม่ใช่ แต่คุ้นมากเคยไปเสนอที่พันทิพบ่อยๆๆแนวเดียวกัน สวยสด งดงาม ไปหมด ..สะอาดดีนะครับ:cool:
     
  20. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    ท่านใดรู้....โปรดแสดงปัญญาค่ะ อย่าแสดงวาทะที่ไม่ก่อให้เกิดปัญญาแก่ผู้อ่าน มันจะเป็นกรรม
     

แชร์หน้านี้

Loading...