การศึกษาไทย ควรก้าวไปทางไหนดี

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย ติงติง, 3 พฤศจิกายน 2014.

  1. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    @หญิงสาวบริสุทธิ์แต่งชุดไทย
    จะโชว์ใบหน้าอันไฉไลให้เห็นถนัด
    ต้องเร่งรีบเร่งรัดไปเอามาทัดด้วยมาลี

    ดุจบทกวี ที่มีธรรมเป็นเครื่องทัด
    จึงช่วยคุ้ม คุมโลกธรรมไม่ให้กัด
    ด้วยจิตที่ถูกแจงอย่างเเจ้งชัด เพราะมีธรรมมานำทางฯฯ
     
  2. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    อวิชชา พาใจ ให้มืดมิด
    ทำให้ศิษย์ ลืมคำ ครูพร่ำสอน
    หลงวัฏฏะ วนเวียน ด้วยอาวรณ์
    หลงอ้อนวอน หลงลืมคำ ไม่นำพา
     
  3. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,553
    ค่าพลัง:
    +18,998
    "นักเรียน...เงียบๆกันหน่อยได้ไม๊..."
    "นี่พวกเธอจะคุยแข่งกับครูหรือไง..ตั้งใจฟังที่ครูพูดบ้างไหม..."
    "พวกเธอรู้ไม๊ว่าพ่อแม่เธอเขาลำบากขนาดไหนที่ต้องส่งเสียให้พวกเธอมาเรียนกันทุกวันนี้น่ะ...แล้วดูพวกเธอทำเข้าซิ..."
    ฯลฯ...
    ประโยคเหล่านี้ผมได้ยินบ่อยๆตอนผมเป็นนักเรียน...
    บางครั้งผมเดินผ่านหน้าโรงเรียนก็ยังได้ยินครูทุกวันนี้บ่นๆๆๆ หลังเคารพธงชาติ..
    เรื่องความสะอาด เรื่องการใช้ห้องส้วม เรื่องโรงอาหาร เรื่องให้เคารพครู ฯลฯ
    ครูยืนบ่นอยู่ในร่ม พูดผ่านไมค์...
    เด็กๆยืนตากแดดฟังครู...นัยว่าเพื่อฝึกความอดทน...

    หลายสิบปีแล้ว มันก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลง ไม่มีพัฒนาการใดๆเกิดขึ้น...
    ครูคนเดิม...พูดเดิมๆ...กับนักเรียนที่ผ่านไปแล้วรุ่นแล้ว รุ่นเล่า...
    แต่ครูก็ยังไม่เคยได้คิดเลยว่า...ทำไมฉันยังต้องพูดอย่างเดิม ทำตัวเหมือนเดิม บ่นแต่เรื่องเดิมๆ...ซ้ำซากอยู่อย่างนั้น...นักเรียนเข้ามาใหม่ กี่รุ่นต่อกี่รุ่น ก็ต้องให้พูดซ้ำๆซากๆแบบเดิมๆ...

    ทำไม????

    ปัญหาการศึกษาไทย...อยู่ที่แม่พิมพ์....
     
  4. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,553
    ค่าพลัง:
    +18,998
    ครูให้การบ้านไปทำ ให้นักเรียนแยกย้ายกันไปทำ ห้ามไปลอกกันมานะ...
    ใครลอกกันมา ครูจับได้ จะลงโทษทั้งคู่ ทั้งคนที่ลอกและคนที่ให้ลอก...
    ????
    นี่คือ ต่างคนต่างทำใช่ไหมครับ?
    คือห้ามสอนเพื่อนด้วย ไม่งั้นมันทำออกมาเหมือนเราครูจะหาว่าเราให้มันลอก เราก็จะโดนไปด้วย...

    เห็นภาพไหมครับว่า ทำไมคนไทยถึงทำงานคนเดียวได้ แต่ทำงานเป็นทีมไม่ได้ ...
    จริงๆเป็นเพราะ ครูสอนมาแบบนี้ครับ...

    ทีนี้ลองมามองอีกมุมหนึ่ง...
    คือการให้การบ้านนักเรียนไปทำเป็นกลุ่มๆละ 3-5 คน ให้โจทย์ไป 20 ข้อ ไปช่วยกันทำ แล้วจะสุ่มเลือกคนใดคนหนึ่งมาทำบางข้อให้ดู ...
    ทั้งหมดจะช่วยกันปรึกษาหารือ ช่วยกันทำโจทย์ ช่วยกันคิด ไอ้ที่คิดไม่ออกก็นั่งน้ำลายยืด แต่ต้องคอยสนใจ เพราะไม่งั้นแล้วเดี๋ยวเวลาครูถามหรือเกิดซวยขึ้นมา ซึ่งมักจะซวยทุกทีสำหรับพวกที่เรียนไม่เก่ง ชอบโดนครูเรียกไปถามเสมอๆ...
    งั้นมันก็ต้องสนใจ เพื่อที่จะทำความเข้าใจ...

    แล้วรู้ไหมครับว่า ระหว่างให้ครูอธิบาย กับให้เพื่อนอธิบายนั้น...
    เพื่อนอธิบายได้เข้าใจง่ายกว่าครูอธิบาย...
    เพราะอะไร?
    ครูสอนมาหลายรอบแล้วครับ...ถ้าต้องสอน 5 ห้อง ก็ต้องพูดซ้ำเดิม 5 รอบ ถ้าสอนมา 20 ปีก็พูดมา 100 รอบแล้วครับ เรื่องเดิมๆครับ เบื่อครับ...มากๆด้วยครับ...
    ครูก็เลยคิดว่านักเรียนเข้าใจแล้วเหมือนอย่างที่ตัวเองเข้าใจ...
    เปล่าเลย???
    เพราะนักเรียนพึ่งเรียนครั้งแรกเท่านั้น...
    เพื่อนอธิบายเข้าใจ เพราะมันหัวอกเดียวกัน มันรู้ว่าพวกเราไม่รู้ไม่เข้าใจตรงไหน แต่ครูตะหากล่ะที่ไม่รู้ ว่านักเรียนไม่รู้อะไรตรงไหนบ้าง?
    ไม่ต้องเอานักเรียนเป็นศูนย์กลางหรอก...มันเป็นแค่วลีที่ฝ่ายการตลาดผลิตขึ้นมาเพื่อสร้างภาพความเป็นผู้บริหาร...เท่านั้นเอง...คือพูดแล้วทำให้ตัวเองดูดี...

    สอนเด็กเรียนเก่งให้ทำคะแนนได้ดี มันไม่แน่หรอกครับ เพราะคนเก่ง ขว้างหนังสือไปให้มัน พรุ่งนี้บอกให้มาสอบเลย มันก็ทำคะแนนได้เกือบเต็ม...ไม่ต้องไปสอนมันมากก็ได้...แต่คนพวกนี้ปีๆนึงมีไม่กี่คนหรอก...

    ส่วนมากน่ะเหรอ พูดแล้วพูดอีก มันก็ยังไม่เข้าใจ...
    มันไม่ได้โง่หรอกนะครับ...หรือโง่ก็ไม่มากมายอะไร...
    ปัญหาจริงๆอยู่ที่ครู ไม่รู้จักสื่อสาร ในทิศทางที่จะช่วยให้เด็กเข้าใจ...ไม่อยากบอกเลยว่าที่โง่จริงๆน่ะคือ ครู...
     
  5. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    ขอบพระคุณที่สุดค่ะพี่ระมิงค์ เขียนมาอีกนะคะพี่
    เป็นกระจกใสๆ สะท้อนความเป็นจริงค่ะ
     
  6. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    ใช่เป็นความเห็นกระจกเงาซึ่ง
    ลุงแมวเคยเป็นข้าราชการ
    ครูรร.มัธยมเห็นการปฏิบัติ
    ของคุณครูในรร.ส่วนใหญ่
    เป็นตามความเห็นจริงๆครับ
    โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
    เรื่องกรณีการทำงานการบ้านของ
    นร.ที่
    น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของการแก้ปัญหา
    สาธารณะด้วยความ
    สามัคคีคือคิดทำกันเป็นทีม
    แต่ในรร.กลายเป็น
    เรื่องความเสียหายเพราะ
    ไม่ซื่อสัตย์ต่อตนเองและต่อครูเสียนี่
    ดังนั้น ต้องคิดใหม่ว่า
    คุณครูควรจะใช้วิธีการวัดผลการเรียนรู้ในวิชา
    ต่างๆ มาเป็นเครื่องมือฝึกฝน บ่มเพาะ
    เรื่องความเมตตา
    กรุณา ความสามัคคี การทำงานเป็นทีม
    เพื่อบรรลุเป้าหมายแทนมหาชน
    โดยฝึกนิสสัยเยาวชนด้วยกิจกรรมทำการบ้าน
    และการสอบวัดผลหรือไม่เพียงไร!!
    ถ้าคุณครูรวมถึงผู้บริหารรร.
    มีความกล้าหาญและมองสถานการณ์
    ของที่มาของปัญหาสังคมได้บ้างก็สามารถ
    ทำได้โดยไม่ต้องรอผลการวิจัยซึ่งต้องรออ
    นาน
    หลายชาติหรืออาจไม่มีคนทำวิจัยเรื่องนี้
    จนวันสิ้นโลกก็เป็นได้
     
  7. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,553
    ค่าพลัง:
    +18,998
    ระฆังดังหง่างๆ ฆ้องใหญ่กว้างครางหึ่งๆ กลองหนังดังตึงๆ ตีกระดึงดังกริ่งๆ...ฯลฯ...
    ...........
    นกขวาน หัวเหมือนขวาน ปากแข็งจ้าน แหลมงุ้มงอน เที่ยวเลาะเจาะกินหนอน ในพฤษาพนาศรี...ฯลฯ
    ...........
    จงจรเทียว เทียวบทไป พงพนาไพร ไศลลำเนา...
    ให้อ่านว่า
    จงจะระเทียว...เทียว บะ ทะ ไป ...พง พะ นา ไพร...ไศ ละ ลำ เนา...
    ...............
    นรินทร์ไท นรถไท้ นเรนทร์ไท มิท้อถอน
    มิผูกรัก มิพักวอน มิพึ่งบารมีบุญ
    ถลันจ้วง ทลวงจ้ำ บุรุษนำ อนงค์หนุน...ฯลฯ

    ...............

    มีคำใดบ้างที่เป็นแม่ กง กม เกย เกอว
    คำเป็นคำตาย
    เอกโทษ โทโทษ
    พ้องรูป พ้องเสียง
    คำสมาท(สมาส) คำสนธิ
    ประโยคเชิงเดี่ยว
    ประโยคเชิงซ้อน
    คำที่สะกดผิด
    เป็นวลี มิใช่ ประโยค...
    ให้แยกมาว่าบทใด เป็น โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ร่าย
    บอกฉันทลักษณ์ ของกาพย์ยานี 11 และสุรางคนาง 108... 1009


    ครูท่านเอาเป็นเอาตาย กับเรื่องเหล่านี้ ทั้งที่ในชีวิตประจำวันหลังจากเรียนจบมาทำงาน
    เวลาเราอ่านประโยคต่างๆนั้น เราไม่เคยต้องบอกว่าคำไหนเป็นคำอะไร ประโยคเชิงเดี่ยวเชิงซ้อน ฯลฯ ซึ่งท่านผู้อวดรู้ทั้งหลายบัญญัติมันขึ้นมาเพื่อให้พวกเราเรียนแล้วทำข้อสอบไม่ได้ เพื่อให้เราเสียความมั่นใจในตัวเอง แล้วเราก็ท่องกันเข้าไป เพื่อจะไปใช้ในการสอบ...
    แต่...
    เราไม่เคยได้ประโยชน์ใดๆ หลังจากสอบเสร็จ นอกจากเหนื่อย ทั้งกายและใจ...

    เมื่อเราจบมาแล้ว สิ่งที่เราอ่าน และเราต้องการจากการอ่านคือ เราต้องได้ความรู้อะไรบ้างจากการอ่าน นี่เป็นประการที่1
    ประการต่อมา อ่านแล้วเราจะต้องรู้วัตถุประสงค์ของผู้เขียนว่าต้องการสื่ออะไรถึงเรา หรือต้องการให้เราเข้าใจว่าอะไร...
    ประการที่ 3 คือ อ่านแล้ว เราจะต้องรู้จักตัวตนของคนเขียนว่าเบื้องหลังอุปนิสัยของคนที่สื่อสารมาด้วยคำและความหมายเหล่านี้ ตัวตนของเขาเป็นคนอย่างไร...

    อ่านหนังสือ คือ การอ่านคนที่เขียนหนังสือ และเข้าใจถึงสื่อความหมายที่สามารถเอาสาระนั้นมาใช้ประโยชน์ได้...ไม่งั้นจะอ่านไปทำบ้าอะไรล่ะ...

    ซึ่งครูไม่เคยสอน...
    คือสิ่งที่มีสาระ เอาไปใช้ประโยชน์ได้ แบบนี้ครูไม่สอน...
    ครูจะสอนแต่สิ่งที่ไม่มีโอกาสนำไปใช้ประโยชน์ได้ ผมอยากจะเรียกว่าไร้สาระ...
    อันนี้ไม่ใช่โกรธแค้นที่ทำให้คะแนนวิชาภาษาไทยผมได้ 2 หรอกนะ...
    แต่ถ้าให้ผมนั่งท่องแต่ว่า...

    มัสมั่น แกงแก้วตา หอมยี่หร่า รสร้อนแรง
    ชายใด ได้กลืนแกง แรงอยากให้ ใฝ่ฝันหา....

    สู้สอนวิธีทำแกงมัสมั่นให้ผมดีกว่าครับ ... ผมยังเอาไปแกงกินเองได้ เวลาอดอยากปากหมองขึ้นมา...

    หยิบชีท หรือหนังสือ หรือแผ่นสไลด์ แผ่นใส ขึ้นมา ก่อนจะสอน ลองถามตัวเองดูสิว่า นักเรียน เรียนรู้ไปแล้ว เอาไปใช้ทำประโยชน์อะไรได้บ้าง...พวกเขาจะได้อะไรจากสิ่งเหล่านี้...
    ถ้าจะต้องท่องกาพย์เห่เรือเครื่องคาวหวานจริงๆตามหลักสูตร..
    ก็จะช่วยเพิ่มการวิเคราะห์เข้าไปได้ไหมว่า...
    เจ้าฟ้ากุ้งท่านก็ทรงเห็นแก่กินเสียจริงๆนะ...วิถีชีวิตพวกที่เห็นแก่กินนี่วันๆเขาทำอะไรบ้าง ทำประโยชน์อะไรไว้บ้าง หรือว่าเราดูไว้เป็นเยี่ยงแล้วเอามาวิเคราะห์การใช้ชีวิตของท่านเหล่านี้ได้ไหม...

    มีอาหารอะไรบ้างที่เป็นของไทย ปรุงรสกันอย่างไร ให้นักเรียนไปจับกลุ่มลองทำที่บ้านเพื่อน ให้ผู้ปกครองมาช่วยแนะนำ สอนหั่น สอนแกง ดัดแปลงเมนู...แล้วลองดูว่า ก้อยกุ้ง ที่ปรุงประทิน วางถึงลิ้น จะดิ้นแดโดย หรือว่าจะชักกะดิ้นชักกะแด่ว...

    หลักสูตรก็เป็นหลักสูตร ที่ถูกกำหนดมาจากคนที่ไม่รู้ว่าตัวเองไม่รู้....
    แต่ครู ควรต้องรู้ ต้องคิดเป็น ไม่ใช่มีแค่หลักสูตร ฉันก็สอนแค่หลักสูตร ไม่คิดอะไรใดๆทั้งสิ้น ฉันเอาแค่นี้พอ ที่เหลือนี่จะต้องรีบทำผลงาน เลื่อนขั้น เลื่อนซี อบรมมากี่ที มันก็ไม่มีประโยชน์...
     
  8. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,553
    ค่าพลัง:
    +18,998
    มัสมั่น นี่เป็นแกงของแขก ไม่ใช่อาหารไทย
    สมัยพระนารายณ์ แขกที่ชื่อ เจ้าเซน มาจากอาหรับ ... เซน นี่ภาษาอาหรับ แปลว่า ดี หรือแปลว่า ใช่ ก็ได้
    มัสมั่น ใช้เครื่องเทศ ของทางแขกล้วนๆ ของไทยไม่มี แขกเรียกว่า มัสสร่า..
    ไทยมากร่อนเสียง เป็นคำว่า มัสมั่น...

    ถ้าสอนแบบนี้ ชวนเด็กๆวิเคราะห์ และตามหาเรื่องราวในเนื้อหา ชวนให้เด็กสงสัย แล้วไปช่วยกันค้นคว้าเพิ่มเติมมา เด็กจะสนุกไปด้วย เพราะความอยากรู้อยากเห็น ไม่น่าเบื่อ...
    เหมือนตอนที่ ท่านคมสันต์ ไปเป็นวิทยาธร สอนเด็ก ... ทำไมไม่ต้องบ่น ไม่ต้องว่า เรื่องคุยเสียงดัง ไม่ตั้งใจ ไม่สนใจจะเรียน...
    ก็เพราะว่า มันสนุกไงล่ะ....
    แล้วทำไมครูจึงชอบบ่นว่านักเรียนคุยกัน...
    ก็ที่ครูสอนมันน่าเบื่อไงล่ะ...เนื้อหาน่าเบื่อแล้ว...ครูผู้ถ่ายทอด ทำตัวได้ยิ่งกว่าน่าเบื่อเสียอีก...
    ครูทั้งหลายจะรู้บ้างหรือเปล่าว่า...

    เด็กๆน่ะ ไม่ได้อยากเรียน...
    แต่เด็กๆน่ะ...อยากรู้...

    แยกให้ออก ว่าอยากเรียน กับอยากรู้ ต่างกันยังไง...
    ถ้าแยกไม่ออก จะส่ง ท่านคมสันต์ กลับไปสาธิตให้ดูอีกสัก รอบ สอง รอบก็ได้นะครับ...
     
  9. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    ยุคนี้ต้องกาพย์รถไฟฟ้าความเร็วสูง
    พรรณนาเคเอฟซี สุกี้โคคา อาหารเกาหลีจานด่วน
    จะโดนใจเด็กมาก แต่จะโต่งไปหน่อย ฮากันทั้งประเทศ

    ส่วนดีคือคนเรียนได้มีกฎเกณฑ์แบบแผน(สำหรับยุคนั้น)
    ณ ตอนนี้ ถ้าใครสอนใครเรียน
    ปรับกันได้ว่าจะเรียนเอาสาระอะไร
    จะมีคุณค่าตรงไหน
    ก็ยังไม่เสื่อมเสียหมดทีเดียว

    แต่พูดกันไม่รู้เรื่องแล้วครับมาป่านนี้แล้ว
    ไอโฟน8 แล้วปล่อยไปเหอะ
     
  10. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    ลุงแมวหมดความเชื่อมั่นในตัวเองไป
    อย่างไม่เสียดายมาประมาณ4ปี-5ปี
    เพราะมีหลักอนิจจํ ของพระพุทธเข้าเเทนที่
    ถ้าไม่อินหลักนี้คงแก่เร็วกว่านี้ หรือโดนโรคภัย
    เบียดเบียนจนงอมแล้วครับ
     
  11. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,553
    ค่าพลัง:
    +18,998
    เรื่องความเชื่อมั่นในตัวเอง สมควรจะมีครับ
    แต่เรื่องยึดมั่นถือมั่นในตัวเองนี้ ควรจะพยายามลดน้อยลง
    หรือถ้าจะยึดก็อย่าให้มั่น ถ้าจะถือก็อย่าให้มั่น

    จะเล่าให้ฟังต่อเรื่องที่ครูชอบบ่น แล้วนักเรียนก็ชอบคุยกัน
    เวลาครูไปอบรมสัมนาฯ ครูพวกนี้ก็จับกลุ่มนั่งคุยกันหลังห้อง บางคนก็แอบหลับก็มี
    วิทยากรก็เซ็งครับ บ่นไม่ได้ ได้แต่เปรยๆ เพราะนึกในใจว่า โตๆกันแล้ว เป็นถึงครูบาอาจารย์ เวลาตัวเองสอน นักเรียนคุยกัน ก็ด่าเอา บ่นเอา แต่พอตัวเองมารับการอบรมกลับเป็นซะเอง...
    อันนี้เพราะรักดอก จึงหลอกด่า ไม่มีอะไร อย่าคิดมาก เพราะเรื่องพวกนี้มีมานานแล้ว และจะยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไป...

    ............
    ต่อไปนี่จะวิจารณ์เรื่องการสอนวิชาภาษาอังกฤษดีไหม?
    วิชาที่ผมได้คะแนนต่ำ แล้วก็เป็นวิชาที่ผมเกลียดเข้ากระดูกดำ แล้วก็ยังกลัวมากๆเมื่อถึงชั่วโมงเรียนวิชาภาษาอังกฤษ...
    ผมเริ่มเรียนวิชาภาษาอังกฤษเอาตอนป.5 จนกระทั่งป.ตรี เรียน FE1,FE2
    ป.โท ไม่ต้องเรียน ตำราเรียนตั้งแต่ป.ตรี ปี 2 เป็นภาษาอังกฤษหมด ข้อสอบก็ออกโจทย์เป็นภาษาอังกฤษ...ผมพูดอังกฤษไม่รอดครับ ผมกลัวมากถ้าจะมีชาวต่างชาติเดินเข้ามาถาม หรือพูดคุยกับผมเป็นภาษาอังกฤษ...
    ผมเคยนั่งคำนวณเวลาที่เรียนภาษาอังกฤษของผมมีพันกว่าชั่วโมง แต่ผมพูดภาษาอังกฤษไม่ได้...
    แล้วโรงเรียนกวดวิชาภาษาอังกฤษ เขาสอนกันไม่กี่สิบชั่วโมง ทำไมพูดได้ครับ?

    เคยได้ยินไหมครับว่า...
    ให้ดูหนังซาวแทร็ค...
    ฟังเพลงภาษาอังกฤษ แล้วเอาเนื้อร้องมาดูไปด้วย...
    หัดอ่านหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษ..
    ลองหัดพูดกับเพื่อนๆเป็นภาษาอังกฤษ...
    เหลือคำแนะนำสุดท้ายที่ผมยังไม่ได้ทำคือ หาเมียแหม่ม...

    ผมพบว่าไม่ใช่ผมเพียงคนเดียวเท่านั้นที่เป็นเช่นนี้...เกือบทั้งหมดของคนรอบตัวผมก็เป็นเช่นนี้ ทั้งที่บางคนเรียนมาตั้งแต่ป.1...
    ทำไมครับ? เพราะอะไร? มีใครกำลังเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่าครับ?
    หรือว่าคนเรียนโง่....หรือว่าคนสอนตะหากล่ะที่โง่...
    ไว้จะมาเล่าให้ฟัง...

    แล้วจะค่อยๆไล่ไปทีละวิชา...สังคม ประวัติศาสตร์...ลูกเสือ เนตรนารี กีฬา ฟันดาบกระบี่กระบอง วิทยาศาสตร์ ...
    บ่นไปงั้นแหละครับ...รู้ว่าแก้ไม่ได้ เพราะมันไม่มีใครตั้งใจจะแก้...
    ปล่อยวางก็ปล่อยวางนะครับ...แต่ไม่ได้ปล่อยปละละเลย...
     
  12. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    สะใจมากค่ะพี่ระมิงค์ คุณลุงแมว
    ติงชอบอ่านค่ะ
    การศึกษาไทยเราถอยหลังเข้าคลองแบบก้าวประโดดจริงๆ
    แต่ติงทดลองอะไรบางอย่างแล้ว(ในวันนี้)
    คุณครูส่วนมากไม่ยอมรับ
    ไม่ชอบให้ใครมาวิพากษ์เกี่ยวกับตนเอง(๕๕๕)
    เขาว่าคนที่สอนยากมีสองประเภท
    ๑. พระ
    ๒. ครู
    อ้อ! อีกนิดนะคะ เค้าว่าพระครูยิ่งหนักเข้าไปอีกค่ะ
    อันนี้คงว่ากันเอาสนุก แต่ก็เป็นจริงตามนั้นค่ะ:cool::cool:
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 พฤศจิกายน 2014
  13. (-*-)

    (-*-) เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    664
    ค่าพลัง:
    +1,060
    พึ่งรู้ครับว่าพี่ระมิ่งก็ไม่ชอบภาษาอังกฤษ
    ของผมก็แย่สุดๆเลย เรียนมาตั้งแต่ ป 5 ยัน ปริญญาตรี หูไม่กระดิก
    ดูหนังซาวน์แทรคก็ฟังไม่ออกหนักเลย

    จนมามาเริ่มหัดเรียนใหม่ตอนมีอายุ
    แล้วเพิ่งมาพบว่าตัวเองเรียนรู้โดยการใช้ตาเป็นหลัก โดยหูไม่ค่อยใช้
    จึงพอเวลาฟังเสียงภาษาอังกฤษจะไม่ค่อยตั้งใจ
    และอีกอย่างคือการออกเสียง ถ้าออกเสียงตัวอักษรหลักไม่ชัด
    จะทำให้เราออกเสียงคำต่างๆไม่ตรง พอไม่ตรงคนฟังก็ฟังเราไม่เข้าใจ
    แล้วเราก็ฟังเขาไม่เข้าใจเพราะนึกว่าพูดอีกคำ

    แต่พอเข้าใจปัญหาและฟังบ่อยๆ จะเริ่มได้ยินเสียงเล็กๆที่แอบแฝง
    ที่แยกแยะคำและความหมายได้บ้าง
     
  14. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    เรื่องภาษาอังกฤษติงคงแย่ที่สุดค่ะ
    พออ่านได้นิดหน่อย
    การเขียนแย่
    การฟังและการพูดแย่ที่สุด
    ทั้งที่เรียนภาษาอังกฤษมาไม่น้อยกว่า ๑๔ ปี
    สงสัยว่ากับวิชาอื่นๆ ทำไมเราไม่มีปัญหามากขนาดนี้
    สาเหตุมาจากอะไรนะ
     
  15. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,553
    ค่าพลัง:
    +18,998
    ปัญหาภาษาอังกฤษ ห่วยแตก ของนักเรียน นักศึกษาไทย จำนวนมากนั้น
    เกิดมาจาก ครูผู้สอน...
    คือการสอนของครู มีความต้องการให้ นักเรียน พูดไม่ได้ และ เขียนไม่เป็น...

    ที่ผมกล้ากล่าวหาครูสอนภาษาอังกฤษเช่นนี้ ผมมีหลักฐานครับ...
    1. สิ่งที่ครูสอน ไวยกรณ์ต่างๆ เป็นสิ่งที่ โดยมากไม่ได้ใช้ในชีวิตประจำวัน แต่จะให้เราท่องจำกันแบบเอาเป็นเอาตาย Past perfect จำพวกเหตุการณ์ในอดีต ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน หรือเหตุการณ์ในอดีตได้ดำเนินต่อเนื่องมาในระยะเวลาหนึ่งและจบลงแล้วในอดีต
    ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นในชีวิตจริง ในชีวิตประจำวัน ไม่ยอมสอนครับ ข้อสอบที่ออกก็ไม่ยอมออกมาถามด้วยเช่นกัน สังเกตไหมครับว่า ข้อสอบจะถามถึงแต่เรื่องหยุมหยิมที่ชาตินี้แทบไม่มีโอกาสจะหยิบเอามาใช้ได้เลย มันจะเป็นข้อยกเว้นเล็กๆน้อยๆในไวยกรณ์ หรือจะเป็นศัพท์ที่นานๆๆๆ จะได้เอามาใช้...เหมือนคำว่า ปลาใบไม้ หรือ ผักทอดยอด ผักรู้นอน...คือที่ครูสอน และ ที่ครูเอามาออกข้อสอบ เพื่อให้นักเรียน ทำไม่ได้ จะได้ไม่มีวันได้คะแนนเต็ม และจะได้มีนักเรียนบางคนสอบตกด้วยสิ...อยากทำข้อสอบได้ ก็ต้องไปเสียเงินเรียนพิเศษสิ...อิอิอิ...

    ผมจะยกตัวอย่างประโยคที่ผมถูกทดสอบตอนมัธยมแล้วผมก็ไม่ผ่าน...คือการทักทาย..

    ครูติง : Hello,How are you Mr.Raming?
    Raming : How are you ครูติง?
    ครูติง : I'm fine, Thank you and you(อันนี้ต้องเน้นเสียงสูงด้วยนะ)?
    Raming : I'm fine, Thank you.

    ............................
    ผมตายตั้งแต่ประโยคแรกเลยครับ พอ How are you ? ผม I'm fine , Thank you.
    ลองแปลเป็นไทยดูสิครับว่า ในชีวิตจริง เราเคยทักทายและพูดคุยกันแบบนี้หรือครับ?

    เหตุการณ์สมมติจริงๆเช่น...
    ครูติง/ นู๋พายุ เป็นไงมั่ง..
    พายุ/ เมื่อคืนฝันไม่ดี ค่ะ ทำเอานอนไม่หลับเลย...
    ครูติง/ ฝันไรล่ะ
    พายุ/ ฝันว่าฉี่รดหน้าปอบค่ะ
    ครูติง/ งวดนี้ 42 สามตัวบน 100คูณ100 เล่น 422 มีบ้านขายบ้าน มีรถขายรถ...
    พายุ/จิงดิ ไมล่ะคู...
    ครูติง/ อ้าว...ก็ ฉี่ จ๊อง จ๊อง ไงล่ะ..เต็งแล้วก็เผื่อโต๊ดด้วย จบ...
    ..............
    ทีนี้เอาเรื่องสมมติที่ต้องทำข้อสอบนะครับ...
    พายุ/ สายันต์สวัสดิ์ค่ะ สบายดีไหมคะ ครูติง?
    ครูติง/ สบายดีไหมคะ นู๋พายุ?
    พายุ/ สบายดีค่ะ ขอบคุณ แล้วครูล่ะคะ
    ครูติง/ สบายดีค่ะ ขอบคุณ...

    ลองดูนะครับ สักวันนึง ไปเจอหน้าเจอหนวดกันแล้วลองทักทายกันแบบนี้ดูนะครับ มันเริ่ดมากเลยครับ ขอบอก...
    นี่แค่ตัวอย่างหลักฐานที่ว่า เรื่องที่ต้องรู้ต้องใช้ในชีวิตประจำวัน ครูจะไม่สอน ไม่เอามาออกเป็นแบบทดสอบ...ส่วนเรื่องที่ไม่ค่อยได้ใช้ในชีวิตประจำวัน ข้อที่ผิด ตก ยกเว้น ครูจะเอามาสอน และจะเอามาออกข้อสอบ...พอมองออกแล้วหรือยังครับว่า ทำไมพวกเราถึงพูดภาษาอังกฤษกันไม่ได้สักทีนึง...
    เดี๋ยวค่อยมาบ่นต่อ...คืนนี้ง่วงจัง...ขอไปซ่อนตาดำก่อน...
     
  16. คมสันต์usa

    คมสันต์usa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,879
    ค่าพลัง:
    +11,861
    อันวิชาความรู้ที่ครูสอน
    มีขั้นตอนอบรมบ่มนิสัย
    ให้ความรู้ในวิชากับเด็กไทย
    สอนตามไปกับจริตศิษย์จดจำ


    เริ่มต้นกันที่ครูดูที่เด็ก
    สอนแต่เล็กอบรมบ่มนิสัย
    เรียนบ้างให้เล่นบ้างช่างปะไร
    เด็กจำได้ไม่ใช่ครูดุด่าตี


    สมัยก่อนสอนวิชามานจบ
    มียางลบกับดินสอแค่พอเขียน
    ถึงเวลากราบหนังสือก่อนจะเรียน
    ค่อยพากเพียรหมั่นถามครูเรียนรู้ไว


    ด้วยเมตาวิหารธรรมนำมาสอน
    ดินเหนียวก้อนก้านมะพร้าวหาเข้าใว้
    หาใบตองนำมาพับสลับกับไป
    ส่วนไม้ไผ่ไว้ใช้สานงานฝีมือ


    สอนให้คิดงานประดิษฐ์จิตสร้างสรร
    ทั้งจักสานงานฝีมือฝึกปรือใว้
    ไม่เสียเงินงบประมาณผลาญเงินใคร
    เด็กเรียนได้เพราะของมีที่บ้านเรา
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • PICT0666.JPG
      PICT0666.JPG
      ขนาดไฟล์:
      915.5 KB
      เปิดดู:
      39
  17. (-*-)

    (-*-) เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    664
    ค่าพลัง:
    +1,060
    อันนี้ผมว่าพี่ระมิ่งคิดไปเองล่ะครับ

    ถ้าไม่เชื่อ ลองถามลุงแมว
    เพราะลุงแมวเป็นครูสอนภาษาอังกฤษครับ

    ไม่มีครูคนไหนหรอกครับ ที่สอนแล้วเจตนาไม่อยากให้นักเรียนเข้าใจ!

    ปัญหานี้ ไม่มีใครเจตนาให้มันเกิดขึ้นมาหรอกครับ
    เพราะถ้าใครเจตนา แล้วทำไมถึงเป็นกันทุกพื้นที่ในไทย
    จนหมดทั้งประเทศล่ะครับ?

    ครูเค้าจะรวมหัวกันทั้งประเทศกันเลยเหรอครับ?
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 พฤศจิกายน 2014
  18. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,553
    ค่าพลัง:
    +18,998

    ใช่แล้วครับ...วิธีการรวมหัวกันทั้งประเทศ สามารถทำได้โดยการ ออกแนวข้อสอบไงล่ะครับ...เมื่อแนวข้อสอบออกคำถามมาเพื่อทดสอบไวยกรณ์ ในหมดหมู่ที่ไม่ค่อยมีใครใช้กัน ครูก็จะต้องสอนและติวไปในทิศทางนั้น...

    Idioms จำกันได้ไหมครับ ผมท่องทั้งเล่มเลยนะ เพื่อที่จะใช้ตอนสอบเข้า ผมท่องจนหลับฝันไป เห็นตัวภาษาอังกฤษลอยไปลอยมาในอากาศ เพื่อที่จะใช้สอบเข้าให้ได้ แล้วเชื่อไหมว่าผมไม่เคยใช้มันในชีวิตประจำวันผมเลย เพราะผมไม่รู้จะใช้มันตอนไหนยังไงบ้าง....

    ผมมีประสบการณ์กับภาษาอังกฤษ บางอย่างที่จะเล่าสู่กันฟังคือ
    ตอนเรียนมัธยม สมัยนั้นยังใช้เปิดตลับเทปแล้วกรอ กลับมาให้ฟังซ้ำ...
    เสียงในเทปพูดเร็วมาก เร็วจนผมไม่คิดว่ามันจะเป็นภาษาที่คนฟังควรจะเข้าใจได้...แน่นอนว่าผมฟังไม่ทันและไม่เข้าใจ ไม่รู้เรื่อง มันทำให้ผมที่ไม่มีความมั่นใจอยู่แล้ว ยิ่งมั่นใจเข้าไปอีกว่าเรามันไม่เอาไหน....
    เพื่อนผมบอกว่า เมียมันท้องแก่จะรีบไปคลอด ทำให้ต้องรีบพูด...

    ในชีวิตจริงเวลาเราจะสื่อสารกับใครที่เขาไม่ถนัดในภาษาที่เราใช้อยู่นั้น แล้วเราต้องการให้เขาเข้าใจในสิ่งที่เราพูด เราจะพูดช้าๆ ชัดๆครับ เราจะไม่พูดให้มันเร็วๆจนคนที่เราคุยด้วยไม่เข้าใจ...แต่ถ้าเจตนาจะให้คุ้นกับสำเนียง ก็ให้อ่านให้จบก่อนสักรอบหนึ่ง แล้วค่อยเปิดให้นักเรียนฟัง เป็นท่อนๆ เพื่อดูว่าออกเสียงแบบไหนอย่างไร....

    ประสบการณ์ครั้งที่ 2 คือตอนเรียนปี 2 มีเพื่อนสาวชาวสิงคโปร์มาเที่ยวพร้อมกับครอบครัวเธอ มากับสำนักลัทธิเต๋า เธอคนนี้น่ารักมากๆครับ...เธอพูดได้ 9 ภาษา ผมพูดได้แต่แต้จิ๋ว ซึ่งจะคล้ายๆฮกเกี้ยนที่เธอพูดได้ แต่ก็ไม่เหมือนกัน ...
    ด้วยความที่อยากจะเข้าไปสนิทสนมด้วย สุดท้ายก็ต้องพูดคุยกันด้วยภาษาอังกฤษ อยู่ด้วยกัน 3 วัน พยายามที่จะพูดโดยเลือกคำศัพท์ที่ใช้สื่อสารกันอย่างง่ายๆ ประโยคที่ใช้เล่าเรื่องก็มีแค่ อดีต ปัจจุบัน อนาคต ไม่มี If then else ที่ใช้ Adj ซ้อน Adj แล้วซ้อน Adv อีกที(อันนี้ประชดนะครับ คือผมงงกับเรื่องแบบนี้แหละครับ)
    หลังจากนั้นผมก็พบว่า จริงๆแล้ว ผมก็พูดภาษาอังกฤษได้นี่นา ... แต่มันต้องอาศัยแรงจูงใจ...ไม่ใช่จู่ๆก็บอกให้ผมรักภาษาอังกฤษ รักๆๆๆๆ....ผมลองมาแล้วครับ มันไม่ได้ผลหรอกครับ...ที่ได้ผลคือ แรงจูงใจที่ทำให้เราอยากพูด และพูดผิดบ้าง เขาก็ไม่หัวเราะเยาะเรา ทั้งเราและเขาพยายามที่จะคุยกันให้เข้าใจ....ที่สุดก็คุยกันรู้เรื่องได้นี่นา...

    ประสบการณ์ที่ 3 คือ ตอนที่ผมต้องพรีเซ้นท์ งานให้กับมือขวาของประธานาธิบดีที่แอฟริกา เป็นงานที่รัฐบาลไทยไปรับปากเขาไว้ มีรุ่นพี่ที่เป็นฑูตคอยประสานงานให้...ผมต้องลากเพื่อนๆไปช่วย แต่ในท้ายที่สุดแล้ว มันเป็นเรื่องที่ต้องอธิบายทางเทคนิค ไม่มีใครช่วยผมได้เลย ต้องโม้เอง...
    สิ่งที่ผมสังเกตเห็นคือ ผู้ชายคนนี้เชื้อชาติอินเดีย เป็นรุ่นที่ 3 หลังจากรุ่นแรกถูกเกณฑ์เข้าไปเพื่อใช้แรงงานทาส...เขาเรียนจบด้านคอมพิวเตอร์และบริหารธุรกิจ ภาษาอังกฤษเขาดีมาก คือมากกว่าผมมากๆก็แล้วกันนะ...

    ผมพบว่าเขาพูดช้าๆ ถามก็ช้าๆ เพื่อให้ผมเข้าใจ แล้วผมก็สามารถเข้าใจถึงคำถามของเขา มีการวาดรูปประกอบการพูด มันทำให้เราเข้าใจสิ่งที่เขาพยายามจะสื่อสารออกมา...
    ผมจึงมาย้อนนึกว่า ไอ้เราหรือ ภาษาอังกฤษห่วยแตก แล้วยังอยากจะดัดจริตเอ๊กเซ่นท์ แถมยังพยายามพูดให้เร็วไว้ แบบว่ากลัวเขาจะจับได้ว่าเราพูดไม่ได้เรื่อง เลยพูดให้มันเร็วๆมั่วๆเข้าไว้ เผื่อว่าเขาจะไม่รู้ จับไม่ได้ว่าเรานี่โง่...
    แต่จริงๆผมนี่โง่หนักกว่าที่ผมคาดการณ์เอาไว้มากที่ไปทำเรื่องไม่เป็นเรื่อง..
    วันนั้นคุยกันจนจบและเข้าใจด้วยดี ก็เพราะผมเองพูดและอธิบาย ช้าๆเหมือนกัน คำไหนอธิบายไม่ชัดเจน ก็วาดรูปประกอบให้ดู ผมไม่ได้พูดเร็วๆเหมือนในเทปที่ครูสอนมาหรอกครับ...เพราะผมจะคุยเอาธุระ เอาสาระ จริงๆคือจะเอาตังค์เขานั่นแหละ ผมไม่ได้เอาเท่ห์แน่ๆ เพราะเท่ห์กับผมนี่ไม่ถูกกัน...

    จากประสบการณ์ 2 ข้อหลัง ทำให้ผมออกไปต่างประเทศได้ พูดฟังพอรู้เรื่อง แล้วก็ไม่มีใครเชื่อครับว่า ผมฟังเพลงภาษาอังกฤษไม่ออก ผมดูหนังซาวแทร็คแล้วฟังไม่เข้าใจ...แต่กลับพูดจาทำมาหากินโดยใช้ภาษาอังกฤษได้...

    เล่ามาอย่างยืดยาว เพื่อจะแสดงให้เห็นว่า ที่จริงพวกเราทุกคนสามารถสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษได้ แต่เพียงเพราะครูไม่เคยสอนในสิ่งที่เราต้องไปใช้ในการเจรจาทำมาหากินในชีวิตประจำวันแบบนี้เลย ครูสอนเพื่อจะให้เราทำข้อสอบเพื่อสอบแข่งขันเข้าสถาบันการศึกษาเท่านั้น...อังกฤษหลักไม่สอน อังกฤษเสริม เอามาสอนให้เราพูดคุยประโยคพื้นฐานได้ก็ยังดีนะ...
    ไม่ใช่ให้ผมไปยืนท่องหน้าห้องว่า...

    " Three gray geese on three green hills
    Gray were the geese, Green were the hill."

    แล้วก็รอดูว่าผมจะท่องเพี้ยนคำไหนให้เพื่อนช่วยกันฮา...
    มันก็ตลกดีนะ แต่ตอนนั้นผมไม่ขำ...ผมเครียด...
     
  19. ราคุเรียวซาย

    ราคุเรียวซาย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    2,940
    ค่าพลัง:
    +8,515
    ฮือๆๆ หนูติด F ภาษา อังกฤษ ค่ะ(ตอนเรียน ป.ตรี)
    ตอนหนูเรียน เป็นอย่างที่ท่านระมิงค์ว่ามาเลย จนทุกวันนี้ จะพูดอังกฤษจนท้อไปเลย

    แล้วมันอะไรกัน ตอนสอบตอนเด็กๆ แกรมม่า เราก็ดี สอบได้ท๊อบบ่อยๆ แล้วทำไม ฟังไม่รู้เรื่องเลย เพราะเค้าพูดไวมากเลยในเทป งงมาก
    ไม่ใช่ละ
    แล้วก็เครียด แล้วก็สงสัยว่าเราโง่เหรอ เนี่ย ที่แท้เรามันโง่เหรอเนี่ย
    แล้วก็จากนั้น ก็สอบตกมาโดยตลอด สงสัยธาตุไฟเข้าแทรกค่ะ (บาปด้วย เพราะเผลอนินทาคุณครูภาษาอังกฤษ เลยเป็นง่อยวิชานี้ไปเลย)

    ขนาดหู จับสำเนียง ได้ดี แอกเซ้นท์ ดี ให้พูดได้ แต่ฟังตัวเองยังม่ายฮู้เฮื่อง ๕๕๕๕
    ที่ไม่ไปเรียน ป.เอก ก็เพราะ ภาษาอังกฤษ ย่ำแย่ นี่ล่ะค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 พฤศจิกายน 2014
  20. (-*-)

    (-*-) เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    664
    ค่าพลัง:
    +1,060
    ครูสอนอังกฤษรวมหัวกันทั้งประเทศ ผมว่าไม่ใช่แระครับ
    ข้อสอบเดียวกันมันเพิ่งมามียุคหลังๆ นี่เองนะครับ

    ยังงัยก็ตามลุงแมวมาชี้แจงดีกว่าครับ
    อย่างน้อยจะได้รู้ว่า ลุงแมว ได้เอาหัวไปรวมกับเค้าด้วยหรือป่าว อิอิ
     

แชร์หน้านี้

Loading...