เหรียญมนต์พระกาฬ ประสบการณ์มากมาย มาแล้ว หลวงปู่สิมพะลี วัดป่าวิชัยรวมมิตร

รายงานตัวครับ โอนมีดหมอเบอร์ 9 เรียบร้อยครับ
ที่อยู่แจ้งทาง pm ขอบคุณครับ

 

รับทราบครับ

 

มีดเบอร์ 89 โอนให้แล้วครับ 1550บาท
ที่อยู่ทางpm. ครับ

 

รับทราบการโอนนะครับ โอนครบเมื่อไหร่นับวันไปอีกสามเดือนรับของครับ

 

ผมโอนเงินแล้วนะครับ 1550 บาท

ที่อยู่จัดส่งทาง pm ครับ

 

รับทราบครับผม
มีดหมอด้ามครูของหลวงปู่ครับ
หลวงปู่ทำพิธี เปลื่ยนดวงชะตาให้ชาวสิงคโปร์
และหลังจากเสร็จพิธี มีคนป๋วย วิญญาณไม่ดีเข้าสิงพวกญาติๆพามาให้หลวงปู่ช่วย

 

ตะกรุดยันต์พรหมค้ำแผ่นดิน และ มะอะอัด ที่หลวงปู่เมตตาเขียนบอกว่า เอายันต์นี้นะ ที่ใส่ในมีดหมอเหล็กน้ำพี้รุ่นแรก ของหลวงปู่ครับ ส่วนที่ด้ามจารยันต์มหาอำนาจ ที่ปลอกจารยันต์ นะ มหาปราบ

 

จองมีดหมอหมายเลข 15 และหมายเลข 18 จำนวน 2 เล่มครับ!!

 

รับทราบครับ

 

Visudhi Punya
เมื่อวานนี้ เวลา 4:19 น. ·

พี่ๆน้องๆแห่งเราทั้งหลาย.....
เราจะขอกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายอีกว่า

ขณะนี้ปฏิบัติการชำระโลกสู่ยุคพลังงานใหม่
กำลังค่อยๆยกระดับความเข้มข้นขึ้นในแทบทุกด้าน
โดยเฉพาะด้านความสมดุลใหม่
ของอำนาจแม่เหล็กโลก

ซึ่งมันจะมีผลกระทบโดยตรงต่อ
เครื่องยนต์แห่งกรรมรูปธรรมมนุษย์
และทุกสรรพสิ่งที่ดำรงอยู่ในระบบโลก
ในอันที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่
ชนิดที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ในประวัติศาสตร์ของมวลมนุษยชาติ

ในการเปลี่ยนแปลงด้านอำนาจแม่เหล็กโลกนั้น
นอกจากจะเป็นเรื่องของความเข้มสนามแม่เหล็ก
กับระดับความสมดุลเหนือพื้นโลกของระบบโครงข่าย
ตามที่เราเคยกล่าวเปิดเผยมาก่อนหน้านี้แล้วนั้น
ยังมีความลับเบื้องหลังมิติโลกที่ท่านควรรู้
อยู่อีกกรณีหนึ่งก็คือ.......

การปรับเปลี่ยนแนวแกนแม่เหล็กโลกเหนือใต้
ตามแนวเข็มทิศแม่เหล็ก
ให้เบี่ยงเบนมาทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ
คือ เคลื่อนย้ายมาทางประเทศไทย
ในอัตราทำมุม 3 องศาจากแนวเดิม
ซึ่งขณะนี้นักวิทยาศาสตร์โลกก็เริ่มค้นพบ
ความเป็นพิรุธได้ชัดเจนเป็นรูปธรรมบ้างแล้ว

ในภาพประกอบที่เห็นเป็นพื้นที่สีแดง 2 ดวง
ตรงบริเวณขั้วโลกเหนือใต้นั้น
มันคือบริเวณที่สนามแม่เหล็กโลก
มีความเข้มข้นสูงสุด
ซึ่งตามปกติมันจะปรากฏอยู่เพียงดวงเดียวเท่านั้น
ขณะที่ตามภาพที่เห็นกลับพบว่ามีสีแดงเข้มอยู่ 2 ดวง
ทั้งทางด้านขั้วโลกเหนือและขั้วโลกใต้เลยทีเดียว

สาเหตุที่พระบิดา
เอกองค์จิตจักรวาลดวงใหญ่
ทรงมีกำหนดให้แนวพิกัดของเข็มทิศแม่เหล็กโลก
ตามแนวเหนือใต้ในปัจจุบัน
ให้เบี่ยงเบนไปจากแนวเดิม
มาทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ 3 องศา
ก็เพราะเหตุว่า.........

ดาวเคราะห์โลกในยุคพลังงานใหม่
หลังผ่านปฏิบัติการชำระคาบสุดท้าย
ในห้วงเวลา 56 วัน 8 ราตรีผ่านไปแล้วนั้น
จะมีพระศาสดาพระองค์ใหม่ปรากฏพระองค์ขึ้น
บนแผ่นดินที่เครื่องยนต์แห่งกรรมของเรา
เลือกใช้เป็นจุดศูนย์กลางของการสั่นสะเทือน
ทางด้านจิตสำนึกของดาวเคราะห์โลกอยู่นี้นั่นเอง

แน่นอนว่าในพิกัดที่ตั้งของประเทศนี้
จะเป็นดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์และบริสุทธิ์แท้
เมื่อขยะทั้งหลายทั้งคนทั้งวัตถุเท็คโนโลยี
จะได้รับการกำจัดคัดทิ้งจนหมดสิ้น

ผู้คนบนแผ่นดินนี้จะเป็นต้นแบบ
ของมวลมนุษย์แห่งโลกเสรี
ที่จะเข้าถึงความรักในนิยามขององค์จิตจักรวาล
และสามารถเข้าถึงการใช้ปัญญาญาณ
ของสมองซีกขวาซึ่งเป็นสติปัญญาของจิตวิญญาณได้
และแน่นอนว่า....สิ่งที่จะช่วยเกื้อกูลเพื่อการนี้ก็คือ
แนวเส้นแรงสนามแม่เหล็กโลกของระบบโครงข่าย
จะต้องพาดผ่านพิกัดประเทศนี้โดยตรงเท่านั้น

แต่เดิมมาจนตราบเท่าทุกวันนี้นั้น
ทิศทางของเส้นแรงแม่เหล็กโลกมันเอนเอียง
เบี่ยงเบนไปทางซีกโลกตะวันตกค่อนข้างมาก
จึงเกิดการเสียสมดุลตลอดมา
สาเหตุหลักแห่งการเสียสมดุลมี 3 ประการ คือ

1.เพราะแนวระนาบของกาแล็กซี่ทางช้างเผือก
ได้เกิดการเสียสมดุลขึ้นโดยเอนเอียงเบี่ยงเบน
ไปทางซ้ายทำมุม 0.2 องศากับแนวดิ่ง

จึงยังผลให้ผู้คนทางซีกโลกด้านตะวันออก
ซึ่งถูกกำหนดให้เป็นผู้ใช้ปัญญาญาณได้ดีกว่า
ไม่อาจเข้าถึงมันได้ง่ายอย่างที่ควรจะเป็น
พวกท่านจึงพากันหันมาใช้สมองซีกซ้ายนำซีกขวา
เพื่อการคิดรู้และยึดติดอยู่กับวัตถุเท็คโนโลยีขยะ
ตามผู้คนทางซีกโลกตะวันตกไปด้วย
ยังผลให้สองพันกว่าปีที่ผ่านมา
โลกเสรีนี้จึงมีแต่คนปราดเปรียว
ที่ขาดความปราชญ์เปรื่องด้านปัญญาญาณ

2.เพราะดาวเคราะห์โลกเสียสมดุลด้านพลังงาน
จึงยังผลให้พลังอำนาจ
ในการเหวี่ยงหมุนรอบตัวเองต่ำลงและไม่คงที่
จนเกิดอาการหมุนไปแกว่งไป ส่ายไปตลอดมา
ยังผลให้เส้นแรงสนามแม่เหล็กโลก
พลอยเสียสมดุลตามไปด้วย

3.เพราะดาวเคราะห์โลกด้านตะวันออก
มีผู้คนที่บกพร่องทางจิตสำนึก
เนื่องจากรักกันไม่ได้ ให้กันไม่เป็น
ยอมให้กิเลสตัณหาเข้าครอบงำจิตใจ
จนยังผลให้พลังงานรวมจากจิตสำนึกด้านบวก
ที่มอบให้กับแกนโลกมีปริมาณน้อยมาก

เมื่อมีพลังงานด้านบวกให้แก่โลกน้อย
ขณะที่ใช้พลังจิตผลิตสร้างแต่พลังงานลบ
ที่โลกไม่ต้องการออกมามากขึ้นๆเรื่อยๆ
มันก็มีส่วนทำให้แนวเส้นแรงสนามแม่เหล็กโลก
สูญเสียความสมดุลไปได้เช่นเดียวกัน

ท่านทั้งหลายจะต้องรู้ว่า
แนวเส้นแรงสนามแม่เหล็กโลก
คือ ถนนที่ท่านทั้งหลาย
ต้องใช้สื่อสารกับจักรวาล

เพื่อรับฟังข่าวสารจากจักรวาล
เพื่อรับเอาความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ
เข้ามาสู่กระบวนการคิดด้วยสมองซีกขวา
ที่เรียกว่า "ปัญญาญาณ"
หรือสติปัญญาของวิญญาณโดยเฉพาะ

หากมันเป็นถนนไม่แข็งแรงสมบูรณ์
ท่านก็ติดต่อกับจักรวาลได้ยากลำบากยิ่ง

แต่ถ้าหากมันเบี่ยงเบนไป
ไม่พาดผ่านพิกัดที่ท่านดำรงอยู่
ท่านก็จะขาดการติดต่อกับจักรวาลไปทันที
เหมือนเช่นในรอบสองพันปีที่ผ่านมา
จนกระทั่งถึงปัจจุบันนั่นแหละ

ถ้าปรับแก้ไขไปตามที่เรากล่าวมาสำเร็จ
พระศาสดาพระองค์ใหม่จึงจะสามารถติดต่อ
กับองค์จิตจักรวาลได้อย่างสะดวกดาย
และมนุษย์ยุคพลังงานใหม่บนแผ่นดินนี้
ก็จะปราชญ์เปรื่องเฟื่องฟู
ด้านการใช้ปัญญาญาณกันถ้วนหน้า

ทุกวันที่ผ่านมากว่าสามสิบปีแล้ว
เราจึงพยายามชี้แนวทาง สร้างแนวคิด
กระตุ้นจิตสำนึกของท่านทั้งหลายตลอดมา
สอนให้รักกันให้ได้ ให้กันให้เป็น
ไม่ก้าวล่วงซึ่งกันและกัน
ก็ล้วนเพื่อเตรียมตัวท่านให้พร้อม
ต่อการเป็นมนุษย์ยุคพลังงานใหม่ที่ถูกคัดไว้ทั้งสิ้น

ผู้ใดไม่ฟังเรา ไม่เชื่อเรา ไม่หันมาทางเรา
ผู้นั้นก็มิอาจเข้าถึงความรักของเรา
ที่พระบิดาทรงฝากเรามาเป็นกำนัลแก่ท่าน
ในภพชาติสุดท้ายนี้ได้

ผู้ใดก้าวล่วงเรา ในฐานะที่พระบิดาทรงใช้เรามา
นั่นเท่ากับว่าท่านผู้นั้นได้ก้าวล่วงต่อพระบิดา
ผู้ทรงให้กำเนิดจิตวิญญาณของท่านผู้นั้นเอง
ท่านก็คงจะมิอาจได้รับการละเว้นโทษทัณฑ์ได้

พายุสุริยะแต่ละระลอก
แผ่นดินไหวแต่ละครั้ง
ภูเขาไฟปะทุแต่ละที
บททดสอบจิตสำนึกสำหรับท่านแต่ละคน
ปฏิบัติการสามเหลี่ยมกับพระบิดา
ที่ทุกท่านได้หมั่นกระทำผ่านมาทางเรา
ล้วนเป็นหนึ่งในแผนการปรับย้าย
โครงข่ายสนามแม่เหล็กโลกทั้งสิ้น

การที่เราสื่อพระโอวาทในระบบจิตสู่จิดกับพระบิดา
มาให้ท่านทั้งหลายได้รับรู้เรียนรู้อยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
บนแผ่นดินประเทศนี้นั้น
มันคือปฏิบัติการทางจิตวิญญาณ
เพื่อการติดตั้ง "เสาอากาศ" ที่ถาวรไว้ตรงนี้
เพื่อการติดต่อระหว่างมนุษย์แห่งโลกเสรี
กับรูปธรรมอื่นๆในจักรวาล
และเพื่อพระศาสดาพระองค์ใหม่
จะทรงใช้ติดต่อสื่อสารกับองค์จิตจักรวาลต่อไปด้วย
เอเมน...

ป.วิสุทธิปัญญา
7-10-2014

 

Visudhi Punya
6 ตุลาคม เวลา 14:38 น. ·

:พี่ๆน้องๆแห่งเราทั้งหลาย
เราขอกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
ขณะนี้สนามแม่เหล็กโลกกำลังเริ่มแปรปรวน

ความแปรปรวนเกิดจากสองสาเหตุ

สาเหตุแรก:
เกิดจากจิตสำนึกมนุษย์แห่งโลกเสรีตกต่ำลง
ในระดับที่รุนแรงใกล้เคียงกับยุคที่เคยตกต่ำ
เมื่อราวๆสองหมื่นสี่พันปีที่ผ่านมา
จนพระบิดาต้องพิพากษาชำระโลกครั้งใหญ่
เพื่อคืนความสมดุลให้แก่ดาวเคราะห์ดวงนี้มาแล้ว

ผลที่เกิดขึ้นในครั้งนั้น คือ
มีสัตว์ตายและผู้คนล้มตายจำนวนมาก
วัตถุเท็คโนโลยีขยะถูกทำลาย
แผ่นดินจมหายด้วยการกลบฝังมันเอาไว้
ใต้ฝ่าเท้าของพวกท่านในยุคปัจจุบัน

ยิ่งปัจจุบันขณะ
ท่านทั้งหลายโดยส่วนใหญ่
ยังคงรักกันไม่ได้ ให้กันไม่เป็น เข่นฆ่าบ้าอำนาจกัน
ก่อสงครามล้างเผ่าพันธุ์ เบียดเบียนกันเอง
หนักข้อกันมากเท่าไหร่.....
มันจะยิ่งส่งผลร้ายทำให้สนามแม่เหล็กโลก
ที่เหวี่ยงออกมาห่อหุ้มอุ้มโอบระบบโลกนี้ไว้
เกิดอาการอ่อนแอ ไม่เข้มข้นแข็งแรง ไม่มีพลัง
และจะเกิดอาการวิปริตแปรปรวนในระดับที่รุนแรงได้

สาเหตุที่สอง:
เกิดจากปฏิบัติการทางเท็คนิกของช่างเท็คนิก
ผู้เดินทางมาจากนอกระบบโลก
ซึ่งคอยทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงหรือผู้พิทักษ์โลกตลอดมา
เพื่อคอยช่วยค้ำจุนระบบโครงข่ายสนามแม่เหล็กโลกไว้
ให้สมดุล มั่นคง แข็งแรง

พวกเขาต้องรับภาระหนัก
ที่จะเข้ามาช่วยกันกอบกู้พลังอำนาจของดาวเคราะห์นี้
ให้กลับคืนสู่สมดุลใหม่ที่เหมาะสมกับยุคพลังงานใหม่
โดยให้มีความเข้มสนามแม่เหล็กสูงขึ้นจากเดิม
และให้มีความสมดุลของระดับความสูงของโครงข่าย
คงที่ คือ 6 หมื่นกิโลเมตรจากพื้นผิวโลก

ซึ่งปฏิบัติการของทีมช่างเท็คนิกที่ต้องเข้ามา
ปฏิบัติการทางกายภาพในระบบโลกโดยตรงแล้ว
ยังจะต้องทำหน้าที่สัมพันธ์กันกับพระสุริยะเทพ
ในการปลดปล่อยพลังงานจากดวงอาทิตย์
ผ่านกระบวนการ Solar Flare
ที่ระเบิดถี่ขึ้น และรุนแรงขึ้นเรื่อยๆด้วย
เพื่อกระตุ้นให้มีการตื่นตัวขึ้นที่แกนโลก
เป้าหมาย คือ ยกระดับความเข้มสนามแม่เหล็ก
และระดับความสูงของระบบโครงข่ายขึ้นสูง
ในระดับที่พระบิดาได้ทรงกำหนดไว้ให้ใหม่แล้ว

ดังนั้น....
ระยะที่ผ่านมาจนบัดนี้และต่อๆไป
ท่านทั้งหลายจะพบว่าดวงอาทิตย์
จะเกิดโซล่าร์แฟลร์
บ่อยขึ้น ถี่ขึ้น รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
ท่านจะพบว่าจุดดำบนดวงอาทิตย์
ตรงด้านที่หันมายังโลกนั้น บางวันเวลา
อาจมีจำนวนเพิ่มสูงขึ้นถึงระดับ 9 ถึง 10 จุด
และอาจพบว่า มีการระเบิดบนพื้นผิว
เพื่อส่งพายุสุริยะมายังโลกมากกว่า 1 จุด
ในคราวเดียวกันเลยทีเดียวเชียว!

ท่านทั้งหลายจึงต้องรู้ความจริงกันด้วยว่า
หากเมื่อใดก็ตามที่ระดับโครงข่ายสนามแม่เหล็ก
ซึ่งห่อหุ้มดาวเคราะห์โลกนี้ไว้อ่อนแอ
ยกระดับเหนือพื้นโลกได้ไม่ถึง 6 หมื่นกิโลเมตร
หรือเดี๋ยวสูงเดี๋ยวต่ำ ขาดๆ เกินๆ ไม่พอดี
หรือที่เรียกว่า "แกว่ง" แล้ว

ดาวเคราะห์ดวงนี้จะต้องเสี่ยงกับการถูกชน
จากประดาเทหวัตถุที่เป็นขยะอวกาศ
จำพวก ดาวหาง อุกกาบาต และดาวเทียมหมดอายุ
ทั้งยังเสี่ยงกับการถูกบุกรุกโดยอาคันตุกะ
ที่พวกท่านไม่ได้เชื้อเชิญอีกต่างหากด้วย

เนื่องจากสนามแม่เหล็กโลก คือ รั้วของโลก
ถ้ารั้วบ้านไม่แข็งแรงเสียแล้ว
คนในบ้านจะปลอดภัยได้อย่างไรกัน

นอกจากนั้น....
ท่านทั้งหลายยังจะต้องรู้ว่า
ถ้าค่าความเข้มสนามแม่เหล็กโลก
เกิดอาการแปรปรวน วิปริต หรือ ไม่คงที่
มันยังจะมีผลใหญ่หลวงต่อมนุษย์โลกเสรีนี้อีกด้วย
ลองเรียนรู้ดูตัวอย่างพอสังเขปกันก็ได้ว่า
ผลกระทบต่อท่านทั้งหลายมีอะไรบ้าง
ดังต่อไปนี้......

1.ถ้าค่าความเข้มมันแกว่งขึ้นๆลงๆจากค่าคงที่
ซึ่งปัจจุบัน คือ 14 เก๊าส์ ท่านทั้งหลายจะเกิดอาการ
ทางระบบประสาท ซึ่งเป็นกลไกทางไฟฟ้าที่สับสน
เช่น วิงเวียนศีรษะ ปวดมึนศีรษะ คลื่นไส้ เป็นต้น

2.กลไกทางไฟฟ้าเหนี่ยวนำในระบบเซล
จะแปลคำสั่งทางชีวภาพผิดพลาด เป็นว่าให้มัน
ทำร้ายตัวเอง....แทนที่จะรักษาสมดุลไว้
ด้วยการดำรงอยู่และซ่อมสร้างเหมือนดังปกติ
ท่านจะมีกายสังขารที่เสื่อมลงเร็วกว่าปกติ

3.การมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างต่อมไร้ท่อ
และอวัยวะภายในต่างๆ
ซึ่งอยู่นอกเหนือการควบคุมของจิตใจ
จะเกิดอาการผิดปกติ
เพราะสนามแม่เหล็กโลกมีปัญหา
นั่นคือ หัวใจ ปอด ตับ ไต ถุงน้ำดี กระเพาะอาหาร
ลำไส้ หรืออื่นๆ จะแสดงอาการเสื่อมสมรรถภาพ
ให้ได้รู้เห็นหรือเผชิญกันแน่นอน

4.ตาที่สามหรือประตูมิติในเครื่องยนต์แห่งกรรมของท่าน
จะถูกแง้มออกทันที ที่อำนาจแม่เหล็กโลกอ่อนแอ
หมายความว่า ความลับเบื้องหลังมิติโลก
ซึ่งเป็นมิติที่สูงกว่าสองตามนุษย์ปกติจะแลเห็นมันได้
ก็จะถูกเปิดอ้าออกในบางวันเวลา

เช่น บางคนจะเกิดภาพนิมิตบางสิ่งเข้ามาให้รู้เห็น
ในขณะที่คนอื่นๆเขาไม่อาจรู้เห็นได้

เช่นบางคนจะได้ยินเสียงแว่วอยู่ในหู
ฟังแล้วรู้ความได้ว่าคืออะไร
แต่ก็ไม่รู้ว่าเสียงนั้นเป็นเสียงอะไร เสียงใคร มาจากไหน
และไม่อาจจะระงับดับเสียงนั้นให้มันหยุดได้ดังใจอีกด้วย

ยังผลให้บางคนเข้าใจว่าตนนั้นเป็น "ผู้วิเศษ"
โดยมิได้ฝึกฝนเลยก็มี

ยังผลให้บางคนตกใจกลัว
ด้วยคิดว่าตนเองเกิดอาการป่วยทางประสาทไปก็มี
ที่แย่หน่อยก็คิดว่าถูกผีครอบงำไปก็มี

5.ถ้าสนามแม่เหล็กโลกแปรปรวนรุนแรงต่อเนื่อง
มันจะยังผลให้การนั่งกรรมฐานสมาธิแบบเก่า
ไม่ค่อยได้ผลอีกต่อไป หรือไม่ก็จะทำได้ไม่ง่ายอีกแล้ว
เนื่องจากกลไกต่อมไร้ท่อทั้งระบบ
ภายในเครื่องยนต์แห่งกรรมของท่านทั้งหลาย
เสียสมดุลไปจากกันและกัน

เราจึงขอกล่าวต่อท่านทั้งหลายว่า
สนามแม่เหล็กโลกได้จากพลังทางจิตสำนึกด้านบวก
ของพวกท่านทั้งหลายที่กระทำต่อกันในชีวิตประจำวัน
หากพวกท่านเรียนรู้ที่จะรักกันให้ได้ในทุกมิติ
รักกันให้ได้อย่างไร้เงื่อนไข
ดาวเคราะห์โลกดวงนี้
แม้จะถูกปรับชำระกันอยู่ในทุกวันนี้
มันก็จะไม่เกิดผลกระทบที่รุนแรงต่อผู้ใดทั้งสิ้น

จึงขอท่านทั้งหลาย
จงสร้างกฤติสติต่อเรื่องนี้กันเอาไว้ด้วย
อย่ามัวแต่ไปกังวลเรื่องพายุสุริยะที่มันจะ
ก่อให้เกิดภาวะแผ่นดินไหว ภูเขาไฟสะท้าน
และสภาพภูมิอากาศวิปริตผิดฤดูกาลกันอยู่ด้านเดียวเลย
เอเมน....สาธุ....

ป.วิสุทธิปัญญา
6-10-2014



Visudhi Punya
6 ตุลาคม เวลา 16:59 น. ·

เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

จิตวิญญาณของพวกท่าน
คือ ผู้ที่ขันอาสามาเกิดเป็นคน
เพื่อเรียนรู้ที่จะคนตนเองให้เป็นมนุษย์
วิธีการคนนั้น
พระพุทธองค์ทรงเรียกว่าหมุน "ธรรมจักร"

สำหรับฆารวาสหรือนักสู้เพื่อการรู้แจ้ง
ผู้เลือกที่จะครองรักครองเรือนกันอยู่
การหมุนธรรมจักรในตนเองนั้น
จะเกิดได้ก็ต้องใช้ "จิตปัญญา"
โดยต้องสั่นสะเทือนทางจิตให้เกิดเป็น "ความรัก"
และต้องสั่นสะเทือนทางปัญญาของสมอง
ให้เกิดเป็น "ความเฉลียวฉลาด"
ที่รวมเรียกว่าต้องใช้ "จิตสำนึก" เท่านั้น

ดังนั้น...
จิตสำนึก ของท่านมันจะเกิดได้
รวมทั้งการหมุนธรรมจักร จะบังเกิดผลสำเร็จได้นั้น
พระบิดาแห่งจิตวิญญาณจึงต้องทรงปิดมิติพวกท่านไว้
ด้วยอำนาจแม่เหล็กโลกในปัจจุบัน

เพื่อให้พวกท่านที่เป็นมนุษย์
สามารถยกระดับจิตปัญญาได้ด้วยตัวท่านเอง
จากการใช้สติปัญญา
สู่การใช้ปัญญาญาณเพื่อการหยั่งรู้
ด้วยวิธีการทางธรรมชาติในชีวิตประจำวัน
มิใช่การใช้วิธีพิเศษเยี่ยงนักพรตนักบวช
จนบังเกิดสิ่งที่เรียกว่า "ตาทิพย์"
จนหลงตัวเองว่าเป็นผู้วิเศษเหนือมนุษย์
เพราะสามารถใช้ตาที่สามได้
ทั้งๆที่จิตปัญญาหรือจิตสำนึก
ยังมิได้ผ่านการยกระดับ
หรือพัฒนาสู่การเป็นมนุษย์เลยแม้แต่เพียงนิดเดียว

บทบาทของนักสู้เพื่อการรู้แจ้งแท้จริง
ซึ่งเป็นวิถีแห่งฆราวาสอันควรปฏิบัตินั้น
คนสามัญธรรมดาทุกคน
ใครๆก็สามารถเปิดตาที่สามได้
ด้วยพลังอำนาจในตนเอง
จากการยกระดับจิตปัญญาในชีวิตประจำวัน
ด้วยการเรียนรู้ที่จะรักให้ได้ ให้ให้เป็น
ไม่คิดก้าวก่ายล่วงเกินผู้อื่น
และเรียนรู้ที่จะใช้ปัญญาของตนเองเพื่อการคิดรู้
เพื่อการตัดสินใจ เพื่อการแสดงออกหรือกระทำใดๆ
ทั้งต่อปัญหา ต่องาน ต่อตนเอง และต่อผู้อื่นให้ถูกต้อง

เพียงเท่านี้ตาที่สามก็เปิดออกได้แล้ว
แม้สนามแม่เหล็กโลกจะปิดเอาไว้ในคนปกติก็ตาม

ดังนั้น....
การเปิดตาที่สามได้ ใช้ตาที่สามเป็นจึงไม่ใช่เรื่องยาก
ไม่ใช่เรื่องที่จะทำให้ใครเหนือกว่ามนุษย์คนอื่นๆหรอก
หากเรียนรู้วิธีปฏิบัติทางเท็คนิก
ตามแบบที่พระพุทธองค์ซึ่งเป็นนักบวชทรงค้นพบไว้
ก็สามารถปฏิบัติได้อย่างไม่ยากเย็นเลย
แต่หากทำได้แล้ว ก็ต้องถามตนเองว่า
ทำได้แล้วยังไงต่อล่ะ....

วันนี้เรากล่าวถึง "ตาที่สามรั่ว"
กับการที่บางคนเชื่อว่าตน "เปิดตาที่สามได้"
ไม่ว่าจะเป็นวิธีทางเท็คนิก
หรือวิธีแบบมนุษย์ๆที่เรียกว่า
นักสู้เพื่อการรู้แจ้งเขาทำกันนั้น

คนที่ฉลาดและมีภูมิปัญญาของตนเอง
จะเข้าใจดีว่าที่เรากล่าวไว้นั้น
"มันเป็นคนละเรื่องกัน"
เรายังมิได้ไปก้าวล่วงความเป็นผู้วิเศษของใครเลย
เราบอกแล้วว่า

โลกนี้เป็นดาวเคราะห์แห่งทางเลือกเสรี
ท่านใดฝักใฝ่ในสิ่งใด อันควรหรือไม่ควร
มันล้วนเป็นเรื่องของพวกท่าน
เชิญพวกท่านตามสะดวกเถิด

เรามีหน้าที่ของเรา เราก็ทำหน้าที่ของเราไป
หากท่านเป็นผู้พัฒนาจิตปัญญาดั่งผู้วิเศษแท้จริงแล้ว
ใยต้องสั่นไหวไปในทางต่ำ
กับความรู้ของเรากันด้วยเล่า
เอเมน...

ป.วิสุทธิปัญญา
6-10-2014

 

เบอร์ 18 ซ้ำครับผม

 

ตารางอัพเดทรายการจองมีดหมอ แร่น้ำพี้ หลวงปู่สิมพะลี ธรรมวโร

 

จองมีดหมอ เลข 56 ครับ

 

รับทราบครับผม

 

Visudhi Punya
4 ชม. ·

เหตุการณ์ที่สมควรบันทึกไว้เป็นข้อสังเกต
จากแนวรอยร้าวของแผ่นเปลือกโลก
ที่เกิดการเคลื่อนตัวต่อเนื่องในแนวดิ่ง
ณ พิกัดเดียวกัน!

จากระดับความลึก 40 กิโลเมตร
ไหวครั้งสองจากระดับความลึก 33 กิโลเมตร
และไหวครั้งที่สามที่ระดับความลึก 10 กิโลเมตร

นี่คือปรากฏการณ์ที่เรียกว่า....
"ช่างเท็คนิกแล่ (ชำระ) แผ่นเปลือกโลก"
โดยจะแบ่งออกเป็นชิ้นๆ ตามที่กำหนดไว้

สถานการณ์แผ่นดินไหวครั้งต่อไป
ก็จะเป็นลักษณะเช่นว่านี้
โดยจะไหวซ้ำๆกันตรงที่เดิมหรือใกล้เคียง
เพียงแต่ระยะเวลาไหวสั่นอาจจะไม่ใกล้เคียงกันชัดเจน
อย่างเช่นในครั้งนี้....

ครั้งนี้...จัดทำขึ้นเป็นกรณีพิเศษ
เพื่อหยิบเอามากล่าวความจริงต่อพวกท่าน
ให้เกิดการเรียนรู้อย่างมีมหาสติ
มิเช่นนั้นจะก้าวล่วงเราให้เป็นความผิดบาปต่อตนเอง
ด้วยโทษมหันต์เหมือนเช่นครั้งที่ผ่านมา
เอเมน....

ป.วิสุทธิปัญญา
9-10-2014

 

Visudhi Punya
เมื่อวานนี้ เวลา 3:38 น. ·

นักเรียนที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราขอกล่าวต่อท่านทั้งหลายว่า

ในชีวิตประจำวันของท่านต่อแต่นี้
จะมีการเคี่ยวกรรมเข้มข้นขึ้น
จะมีบททดสอบจิตสำนึกระดับสูงกว่าเดิม
ทั้งจะมีบทเรียนโลกให้ท่านแต่ละคน
ได้เรียนรู้กันอย่างคึกคักเข้มข้นกันอีกด้วย

ในความเข้มข้นคึกคักที่ท่านจักต้องได้เผชิญนั้น
มีด้วยกันหลากหลายอรรถรส
ขึ้นกับว่าจิตวิญญาณแก่นแท้ของท่าน
รังสรรค์บทละครของตนกันมาแบบใดบ้าง

หนึ่งในนั้นที่เราจะหยิบมากล่าวถึงก็คือ
สถานการณ์หรือเรื่องราวหรือเงื่อนไข
ที่จะนำพาท่านให้ได้เผชิญกับสิ่งที่เรียกว่า
"ความกลัว" ในบรรยากาศของการผจญภัย

สถานการณ์ที่พอจะเป็นตัวอย่างได้
คงไม่มีอะไรชัดเจนเท่ากับการผจญภัย
ของ "หนู" ซึ่งกำลังเผชิญหน้าอยู่กับ "แมว" เป็นแน่แท้

ถ้าท่านเป็นเสมือนหนูตัวน้อยจ้อยจิริด
ในยามเผชิญหน้ากับแมวที่แสนดุร้าย
ที่ทั้งว่องไวปราดเปรียว และมีเขี้ยวเล็บแหลมคม
ซึ่งพร้อมจะจับท่านกินเป็นอาหารทันที
ตัวท่านจะต้องปฏิบัติตนอย่างไร

1.เพื่อให้รอดตายจากการถูกแมวจับกิน
หรือเพื่อให้ตัวท่านรอดพ้นจากการถูกทำร้ายรังแก

2.เพื่อรักษาจิตให้สงบสมดุลไว้

3.เพื่อมิให้เกี่ยวกรรมกับแมวหรือศัตรูโดยไม่จำเป็น

ดังนั้น....
ท่านทั้งหลายจึงสมควรที่จะจดจำ
"กฎแห่งการผจญภัย"
ในโอกาสที่ท่านจะต้องเผชิญหน้ากับบุคคลที่เป็นศัตรู
หรือต้องเผชิญกับสถานการณ์ร้ายๆที่ไม่พึงประสงค์
โดยท่านจักต้องยึดหลัก "5 ไม่" ดังนี้ คือ

1.ไม่กลัว:
ในสถานการณ์ไม่พึงประสงค์เช่นนี้
สิ่งแรกที่มันจะเกิดขึ้นภายในจิตใจท่านคือ "ความกลัว"
กลัวจะถูกทำร้าย กลัวจะสู้เขาไม่ได้
กลัวว่าตนจะเสียหาย และอื่นๆ

ท่านจึงควรรู้ว่า ความกลัวนั้นมันจะทำให้ท่านเสื่อม
เพราะความกลัวทำให้จิตตก ทำให้เกิดความทุกข์กังวล
ทำให้ท่านไม่กล้าเผชิญหน้า
ทำให้ท่านขาดความเชื่อมั่นในตนเอง
จะยังผลให้ท่านเข้าถึงการใช้ปัญญาและความรักไม่ได้
เนื่องเพราะขาดมหาสติ

2.ไม่เกลียด:
ในสถานการณ์ไม่พึงประสงค์เช่นนี้
สิ่งถัดมาที่มันจะเกิดขึ้นภายในจิตใจท่าน
คือ "ความเกลียด" หรือรังเกียจ

จนยังผลให้ท่านไม่อยากเผชิญหน้า
จนทำให้ท่านปรารถนาจะหลบเลี่ยงไปให้พ้น
ซึ่งมันจะบ่อเกิดแห่งทุกข์ไปทันที

เพราะว่าแม้ท่านจะรังเกียจหรือเกลียดมากแค่ไหน
ท่านก็มิอาจหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้านั้นไปได้พ้น
จึงเมื่อเกิดทุกข์ขึ้นในจิตใจแล้ว
มหาสติย่อมไม่มา
มหาปัญญาย่อมไม่เกิดไปทันที

3.ไม่กลุ้ม:
ในสถานการณ์ไม่พึงประสงค์เช่นนี้
สิ่งต่อมาที่มันมักจะเกิดขึ้นภายในจิตใจท่าน
คือ "ความกลัดกลุ้ม"

เหตุหลักแห่งความกลัดกลุ้มนั้น
ส่วนใหญ่จะเป็นผลมาจาก
ความปริวิตกเป็นกังวลล่วงหน้าในสิ่งที่ยังมาไม่ถึง
เช่น วิตกว่าตนจะแพ้ทั้งๆที่ยังมิได้ลงมือต่อสู้เลย
ดังนั้น....
ทางที่ดีแล้วท่านจะต้องฝึกฝนตนเองให้
เป็นคนที่ไม่มองโลกไปในแง่ร้าย
และไม่คาดหมายต่อตนเองไปในทางต่ำเข้าไว้
จึงจะข้ามผ่านฟันฝ่าบททดสอบและบทเรียน
ในลักษณะที่ว่านี้ไปได้อย่างราบรื่น

4.ไม่ใกล้:
ในสถานการณ์ไม่พึงประสงค์เช่นนี้
สิ่งถัดมาที่ท่านพึงสังวรณ์ไว้
คือ "ระยะถ่าง" หรือ ระยะห่าง
ระหว่างตัวท่านกับคนๆนั้นหรือสถานการณ์นั้นๆ

หากท่านฉลาดท่านจึงควรเว้นวรรค
หรือเว้นช่องถ่างระหว่างตัวท่านกับสถานการณ์นั้น
หรือเว้นช่องถ่างระหว่างตัวท่านกับคนที่น่ากลัวนั้น
เพราะการนำตนเองเข้าไปใกล้ๆ
มันจะทำให้ท่านไม่ปลอดภัยนั่นเอง

5.ไม่กล้า:
ในสถานการณ์ไม่พึงประสงค์เช่นนี้
สิ่งสุดท้ายที่มันจะเกิดขึ้นภายในจิตใจท่านคือ "ฮึดสู้"
สู้เพื่อเอาชนะ
สู้เพื่อความอยู่รอดปลอดภัย
สู้เพื่อเกียรติยศและศักดิ์ศรี
จนบางทีด้วยความที่อยากเอาชนะมากเกินเหตุ
มันจะทำให้ท่านเกิดความกล้าหาญเกินตัว
หรือบางทีความโกรธจัดในขณะนั้น
มันจะทำให้ท่านเกิดอาการเห็นช้างตัวเท่ามด
ดุจดั่งหนูไม่กลัวแมว จนหาญกล้าสู้กับแมว
โดยช่างไม่เจียมตัวเอาเสียเลย

กฎแห่ง 5 ไม่ ที่เรากล่าวไว้ทั้งหมดนี้
มันจะช่วยให้ท่านครองมหาสติเอาไว้ได้

จนทำให้ท่านสามารถเข้าถึง
การใช้ความรู้ ความรัก และความฉลาด
ในการเอาตัวรอด
ในการข้ามผ่าน
ในการฟันฝ่า
สถานการณ์ไม่พึงประสงค์
หรือบุคคลอันตรายนั้นๆไปได้อย่างไม่บอบช้ำ
โดยจะไม่ก่อกรรมใหม่ร่วมกันกับใครๆเขาได้เสมอ

เราขอให้นักเรียนทุกท่านโชคดีมีชัย
ในทุกสถานการณ์เหล่านี้ด้วยกันทุกคนนะ

ป.วิสุทธิปัญญา
8-10-2014

 

จอง มีดหมอ หมายเลข 95 กับ 64 ครับ ซ้ำมั้ยครับ

 

จองมีดหมอเบอร์64,46ครับขอบคุณครับ

 

จองได้ครับ