รู้สึกว่ามีพลังชาร์ทที่ร่างกายตลอดเวลาจิตเรานิ่ง ท่านผู้รู้ช่วยที่..

ในห้อง 'ประสบการณ์อภิญญา' ตั้งกระทู้โดย sjsbud, 6 กรกฎาคม 2014.

  1. sjsbud

    sjsbud สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +16
    ตั้งแต่ข้าพเจ้าเิริ่มปฏิบัติเป็นจริงเป็นจังเป็นระยะเวลา 1 ปี ที่ผ่าน ในสถานที่ปฏิับัติต่างๆนั้นแต่มีอยู่ที่นึง ที่ไปปฏิับัติ10วัน แล้วพอกลับมา้อยู่บ้านปกติ ตอนแรกก็ไม่ทราบอะไร แต่พอเรานอนจิตสงบไม่ถึงนาที ก็รู้สึกว่าเหมือนมีพลังชาร์ทเข้ามา เหมือนที่เราชาร์ทแบตเตอรี่โทรศัพท์เลย แล้วางทีก็ ชาที่ตัวบ้าง และช่วงนี้ที่เป็นได้สัก2 เดือนแล้วนั้น คือพลังเย็น ที่ตัว แต่จะสลับเย็น ตรงหน้า้บ้าง แผ่นหลัง ฝ่ามือ คือแทบจะทุกส่วน สลับกันไป ข้าพเจ้าก็ไม่แน่ใจ กลัวว่าเราจะคิดไปเองแต่เราก็พิจารณาแล้วว่าไม่ได้คิดไปเอง หรือเพราะเปลียนแปลงไปตามสภาวะจิตของเรา รบกวนท่านผู้รู้ด้วยนะคะ..จะได้กระจ่างใจสักที..
     
  2. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,424
    ค่าพลัง:
    +35,040
    ไปปฏิบัติที่ไหนมาครับ..สภาพแวดล้อมเป็นอย่างไรว่างๆก็เล่าให้ฟังก็ดีครับ
    ยิ่งถ้าเป็นสายที่เน้นทางสายบารมีหรือสายบุญฤิทธิ์ก็ยิ่งมีโอกาสสัมผัสได้เร็วครับ..
    เด่วจะเล่าเพิ่มเติมให้ฟังนะครับว่าไม่ได้คิดไปเองหรอกครับ..มันเป็นผลการปฏิบัติ
    ของจิตเราที่โน้มไปสู่การรับพลังงานภายนอกได้..เป็นลักษณะของจิตเดิมที่เคยมีมา
    ซึ่งผู้ปฏิบัติบางคนมีเพียงส่วนน้อยที่จะสามารถสัมผัสได้.แต่ถ้าจิตมีพอมีเมตตา
    เป็นฐาน.มีความเสียสละต่อรวม. หรือมักทำอะไรไม่ค่อยหวังผลตอบแทน หรือมัก
    จะอุทิศส่วนกุศลให้ดวงจิตอื่นๆบ่อย.แม้จะไม่เคยมีความรู้เรื่องจักระอะไรก็ตามจะ
    สามารถเกิดอาการคล้ายๆแบบนี้ได้ซึ่งเป็นเหตุให้เริ่มสัมผัสกับพลังงานแบบนี้ได้..

    พลังงานพวกนี้มันมีทั้งพลังงานร้อนและพลังงานเย็นครับ..พลังงานร้อนจะเอามาเพื่อ
    ใช้ประโยชน์ในการป้องกันและรักษาตนเองหรือผู้อื่นได้..ส่วนพลังงานเย็นจะช่วยเสริม
    ในเรื่องความสงบของจิตใจซึ่งส่งผลให้เข้าสมาธิได้เร็ว..โดยหลักจุดที่พลังงานแบบนี้
    จะเกิดขึ้นได้ง่ายก็คือ ตามแนวจักระต่างๆจากจุดที่ ๑ ไปยังยังจุดที่ ๗ คือกลางกระหม่อม
    ส่วนการรู้สึกที่แนวกระดูกสันหลังโดยปกติจะมาติดอยู่บริเวณกลางหลังก่อนซึ่งถือว่าเป็น
    ปกติครับ...และจะพัฒนาต่อมาเป็นที่ฝ่ามือก่อน..และก็ตามผิวหนังในลักษณะร้อนๆตึง
    บริเวณผิวเป็นบางช่วง.เช่นต้นแขน.ก็อาจจะเป็นตรงต้นแขนด้านนอก..จะไม่ใช่ว่าเป็น
    รอบบริเวณต้นแขนประมาณนี้..บางครั้งก็จะรู้สึกคล้ายจี๊ดเหมือนขนลุกได้เป็นจุดๆ.

    และถ้าเป็นแบบที่ว่ามาได้..ก็มักจะเกิดได้ทั้งตัว โดยเฉพาะบริเวณต้นขา ต้นแขนบริเวณติด
    กับข้อมือแนวนิ้วโป้ ตรงกลางข้อพับแขนด้านใน ตรงต้นแขนด้านนอก หรือบริเวณ
    กระโหลกศรีษะส่วนหน้าจะตึงๆ ส่วนตรงกลางกระโหลกจะรู้สึกเหมือนมีอะไรดึงๆ
    บริเวณหน้า.จะรู้สึกตึงๆบริเวณเหนือระหว่างคิ้วเล็กน้อย. บริเวณปลายจมูก และบริเวณ
    ข้างแก้มบริเวณต่ำกว่าใบหู แต่ฝ่ามือโดยมากจะรู้สึกร้อนๆมากกว่าเย็นครับ.ต่อไปก็สัง
    เกตุบริเวณกลางฝ่าเท้าก็จะรู้สึกได้คล้ายๆฝ่ามือ...

    ส่วนลักษณะกิริยาที่เราจะสัมผัสได้นะครับ..ที่ผิวแรกๆอาจจะเหมือนจี๊ดๆก่อน ต่อมาจะ
    ออกร้อนๆที่ผิวแบบวงขยายพื้นที่ไม่ทุกส่วน..ต่อมาตามบริเวณจักระต่างๆของร่างกาย
    ตรงนี้จะรวมต้องบริเวณหน้าอกทั้ง ๒ ข้างและข้างหลังในบริเวณหน้าอกเราด้วยครับ.
    จะสามารถรู้สึกร้อนๆได้ ตามด้วยตึง
    และก็จะมาคล้ายๆหมุนๆได้แรกจะหมุนวนทางด้านขวาก่อน
    แต่มามันจะหมุนได้เร็วขึ้นแบบเรียบๆก่อน ตามด้วยหมุนแบบเหวี่ยงๆ
    และต่อมาจะเหมือนหมุนแบบคล้ายๆมันกำลังดูดอะไร...
    ส่วนที่มีอจะรู้สึกเหมือนคล้ายๆว่าพลังงานมันจะวิ่งรอบๆ

    เป็นวงกลมได้บนฝ่ามือ...ซึ่งพวกนี้ยังเป็นประจุไฟฟ้าอยู่
    หากไม่รู้จักถ่ายการถ่ายเทจะส่งผลต่อร่างกายได้โดยที่เราคาดไม่ถึง
    เช่น ร้อนเกินไป ศรีษะตึงเกินไป ผิวหนังบริเวณที่เคยหมุนๆตึงเกิดไป
    ส่งผลให้เราหงุดหงิดง่าย หรือปวดศรีษะแบบลึกๆที่ทานยาไม่ค่อยหาย.
    และถ้าประจะไฟฟ้ามากเกินไป บางทีไปจับอะไรจะเกิดอาการไฟซ๊อตได้..
    ซึ่งจริงๆแล้วไม่มีอะไรมาก..หากรู้จักการถ่ายเทพลังงาน รู้จักการนำไปใช้งาน
    ให้เป็นประโยชน์ทางธรรม หรือ รู้จักนำไปใช้งานให้เกิดประโยชน์ทางสมาธิได้
    จะก่อประโยชน์ต่อตนเองและสามารถช่วยเหลือผู้อื่นๆได้ด้วยในอนาคต..

    ด้วยการรู้จักจัดระเบียบให้ประจุไฟฟ้าพวกนี้ที่เป็นคลื่นความถี่..เปลี่ยนมันมาเป็น
    สนามแม่เหล็กตามแนวแกนกระดูกสันหลังต่อไปในอนาคต..จะทำให้สามารถทำอะไร
    เกี่ยวกับเรื่องพลังงานแบบที่เป็นนามธรรม ซึ่งสามารถทำให้คนอื่นๆสัมผัสได้
    และถ้าหากสามารถยกระดับกำลังสมาธิได้จากความเข้าใจตรงนี้ จะมีประโยชน์
    ในการวิปัสสนาตัดกิเลสในระดับสมาธิกำลังสูงได้ในอนาคตครับ..

    ปล.ที่เล่าให้ฟังคือแบบทั่วๆไปเป็นภาพกว้างๆ ลองอ่านลิงค์ที่ให้ไปดูก่อน
    ให้พอเข้าใจก่อนนะครับ.ตอนนี้ความสามารถทางจิตคุณมันเด่นเรื่องสัมผัส
    มากอยู่แล้วครับแถมยังดีเรื่องการสื่อสารทางจิตแถมมาอีกด้วย
    ทางด้านทิพยจักขุก็ค่อนข้างใช้ได้และ
    ยังมีความดีหนุนอีกด้วยซึ่งมันเพียงพอที่จะทำได้แบบที่แนะนำ
    เจ้าของกระทู้ที่ให้อ่านได้แล้ว.ลองพิสูจน์ด้วยตัวเองก่อนแล้ว
    ค่อยคุยกันอีกทีครับ..
     
  3. sjsbud

    sjsbud สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +16
    ขอบคุณมากๆเลยนะคะ
    คือ เม ไปปฏิับัติที่ธรรมอาภา จ.พิษณุโลกค่ะ เป็นแนวทางการสอนของท่านโกเอ็นก้าจากประเทศอินเดีย เป็นแนวทางการปฏิบัติขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าค่ะ ดีจริงๆ รูปกับนาม อยู่แต่กับร่างกายของเราเท่านั้นปฏิบัติตามแบบของพระพุทธเจ้า ซึ้งให้เรามีสติรู้ถึงเวทนา..เมื่อรับรู้ถึงเวทนาแล้วก็อย่าปรุงแต่งแต่อย่างใด ให้ทุกอย่างเป็นแบบธรรมชาติแม้กระทั่งลมหายใจก็ให้เฝ้าสังเกตดูด้วยใจที่เป็นกลาง อุเบกขา ทำจิตให้เป็นสมดุล อันนี้เล่าพอประมาณก่อนนะคะ
    แต่ก่อนหน้านนั้นก็พอจะรู้ได้้บ้าง เช่น รู้สึกชาที่ศีรษะ แขน เป็นต้น เพราะตัวเม เองท่านเจ ตลอดชีวิตได้2 ปีกว่าแล้วค่ะและ จะเน้นบำเพ็ญที่จิตด้วยคือ ขจัดกิเลสของความเคยชินทั้งหลายให้ค่อยๆหมดไปค่ะ มีเมตตาจิต เป็นผู้ให้หรือทำความดีโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน และลดอัตตาตัวตนค่ะ แต่พอไปปฏิบัติที่ธรรมอาภา กลับมาก็เหมือนได้ตรงนี้มาค่ะ ก็อย่างเช่น ถ้ามีใครแผ่บุญมาให้เรา
    เราก็จะรู้สึกได้ค่ะ บางทีสถานที่ตรงไหนพลังแรงๆ พลังก็จะมาที่ทรวงอก หรือหัวใจเต้นแรงแล้วแต่กระแสตอนนั้นค่ะ ส่วนพลังเย็นเนี่ยก็บางทีก็เย็นที่ ตา ฝ่ามือ เ้ท้า ทรวงอก ท้องน้อย แผ่นหลัง แขน บางทีก็หนาวเลย หรือไม่ก็เหมือนอยู่ในห้องแอร์ เช่น บางทีเราอยู่ในที่ที่อากาศร้อนแต่ข้างในกายเราเย็นก็เลยไม่รู้สึกร้อน บางทีตอนกลางคืนเมหลับอยู่ต้องตื่นกลางดึก ตี2 คือมีพลังชาร์ทแรงมากจนต้องตื่น เมเลยไม่รู้ว่า เป็นพลังจากเื้บื้องบนหรือป่าว หรือว่าร่างกายเรามันผิดปกติค่ะ รบกวนด้วยนะคะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 7 กรกฎาคม 2014
  4. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,424
    ค่าพลัง:
    +35,040
    ไม่ผิดปกติครับ เป็นกะแสพลังงานภายนอกหรือกะแสพลังงานเบื้องบน
    พลังงานเทพ พรหม พระพุทธฯ เป็นคลื่นประจุไฟฟ้าชนิดหนึ่งครับ
    ซึ่งสุดแล้วแต่ว่าจะเรียกว่าอะไรครับ..
    ปกติมนุษย์ที่จะสัมผัสพลังงานเย็นที่กลางหน้าอกได้ ส่วนอื่นถือว่าทั่วๆไป
    ถ้าเมตตาในจิตไม่ดีพอจะไม่สามารถสัมผัสได้เลยครับ สังเกตุได้บริเวนกลาง
    อกมักจะสัมผัสช่วงที่อยู่ใกล้รูปพระพุทธต่างๆ ถ้าอยู่ใกล้รูประดับพรหม
    จะสัมผัสที่กลางกะโหลก. ส่วนใกล้เทพเทวดาก็ตามผิวหนัง ปลีกย่อยค่อย
    ว่ากันอีกที หัวใจเต้นแรงเรื่องปกติครับ ถ้าจิตเรามีกำลังจิตมากพอจะไม่เป็นไรครับ
    แต่ที่เป็นตอนนี้ก็ไม่มีอะไรเสียหายครับ.เพราะคลื่นความถี่สูงกว่ามาเชื่อมนั่นเอง
    คือทางที่คุณไปเรียนมาเค้าเน้นวิปัสสนาลดละกิเลสปลายทางเพื่อให้ไม่มีกิเลสครับ
    ซึ่งถือว่าดีแต่จริตเดิมของจิตมันเคยฝึกทางวิชาเดินธาตุมาก่อนในอดีตชาติ. พอระดับกิเลสมันน้อยลง
    จากแนวทางที่ได้ไปเรียนมากบวกกับ
    ความเมตตาที่ออกจากจิตมันเกิดขึ้นคือเมตตาแบบไม่แบ่งแยก ตัดสิน ชี้ชัด แต่เราอาจ
    คิดๆแค่ว่า เฉยๆไปอยากมีเรื่องกับใครนั่นหละครับ แต่คุณอาจไม่ได้เล่าว่าอุทิศส่วนกุศล
    หรือแผ่เมตตามาพอสมควรร่วมด้วย..พวกนี้เป็นฐานที่ทำให้เราสัมผัสกับพลังงานแบบนี้
    ได้เป็นปกติครับ จากที่เล่านะครับ เช่นอยู่ใกล้พระพุทธรูป แล้วเราสามารสัมผัสได้อีก
    ให้รักษาสมาธิให้ดี เราจะสามารถมองเห็นกระแสตัวนี้วิ่งออกจากหน้าอกเราได้ด้วยตาเปล่า
    เค้าเรียกว่าเป็นส่วนหนึ่งของโหมดวิญญานธาตุ ที่เห็นได้เชื่อมได้ด้วยธาตุอากาศครับ..
    คือมีหลายๆคนมากๆ.ที่เค้าก็เป็นได้ ทำได้ โดยที่ไม่ต้องฝึกกสิณดิน น้ำ ลม ไฟ มาก่อน
    แต่ด้วยอาศัยองค์ประกอบ หลักๆ คือ ระดับกิเลสในใจที่น้อยลงเรื่อยๆจากการปฏิบัติ
    เมตตาที่ออกจากจิต..และการทำบุญแผ่เมตตาอุทิศส่วนกุศล.พวกนี้เป็นการโน้มการเชื่อม
    ไปยังพลังงานภายนอก..จากภายในของตนเองครับ.หรือบุคคลที่เค้าสวดคาถา
    ทางสายบารมีหรือทางสายบุญฤิทธิ์บางกลุ่มก็จะสัมผัสได้ปกติครับ
    ..แต่ถ้าเราไปอยู่ในสังคมที่เค้าวิปัสสนา
    ต้องทำใจเค้าจะไปเน้นเรื่องการสัมผัสภายนอกพวกนี้นะครับ..
    เค้าจะตรงไปยังการลดละกิเลสเลย
    เพราะฉนั้นเราก็เลือกถามให้ถูกประเด็นก็พอ ซึ่งจริงๆมันต้องควบคู่กัน
    ทั้งวิปัสสนาและแนวทางการปฏิบัติตามจริตของตนอย่างแยกขาดจากกันไม่ได้ครับ.
    ..ซึ่งเราควรต้องพอทราบแนวทางการปฏิบัติตรงนี้ไว้ด้วย ไม่งั้นจะเกิดนิวรณ์
    และการปฏิบัติไม่เดินหน้าต่อครับ...แต่มาตรงจุดนี้ถือว่าเล่าให้ฟังนะครับ..
    ยังไงลองพิจารณาดูก่อนครับ.
    .

    ปล.มีอะไรสงสัยคุยกันได้ถือว่าแลกเปลี่ยนประสบการณ์ครับ
     
  5. ตุ้มโฮม

    ตุ้มโฮม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2012
    โพสต์:
    168
    ค่าพลัง:
    +497
    ขออนุญาตท่านเจ้าของกระทู้ ผมขอสอบถามท่าน nopphakan ในอาการจากการปฏิบัติ โดยในช่วงนี้ (ประมาณ ๕-๖ วัน ที่ผ่านมา) ผมมีอาการเหมือนมีพลังอะไรมากด มาบีบ บริเวณศรีษะด้านบน เหนือๆหู บางทีก็กลางๆกระหม่อม(กระโหลก)บริเวณหน้าผากด้วย และมีอาการหูอื้อ มากบ้างน้อยบ้าง และอาการดังกล่าวยืนระยะเวลานาน จนเกือบจะตลอดเวลาก็ว่าได้(มากบ้าง น้อยบ้าง) ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่มีอาการเป็นช่วงๆ ผมขอสอบถามว่า

    ๑)เป็นอาการของฌานหรือไม่ เพราะผมสามารถ โน้มจิตเพื่อรักษาระดับของอาการดังกล่าวไว้ได้ หรือให้อาการเพิ่มขึ้นก็ได้ (แต่ก็ได้แค่ระดับหนึ่ง ไม่ถึงขั้นหูดับ)..
    (ส่วนอาการที่หูได้ยินเสียงแมลงปีกแข็งตลอดเวลา(เหมือนเสียงแมลงในป่าเวลากลางคืน).. เป็นมานานแล้ว แต่จะดังมากขึ้นแปรผันตามอาการข้างต้น)

    ๒)เป็นพลังงานจากภายนอก หรือจากครูบาอาจารย์หรือไม่

    ๓)ช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา ผมอ่านบทความเรื่องจักระ ผมลองทำดู เดินจักระทั้ง ๗ ฐาน หมุนจักระตามสีของจักระแต่ละฐาน แต่ทำไปไม่กี่ครั้ง เลยไม่แน่ใจว่าจะเป็นผลจากการฝึกในแนวนี้ หรือไม่

    (ปัจจุบัน ก็แผ่เมตตา อุทิศบุญให้ภพภูมิ อยู่บ่อยๆ ตามแนวทางของครูบาอาจารย์สายพุทธภูมิ สลับกับการวิปัสนา เจริญสติในอิริยาบท และดูการเปลี่ยนแปลงของอารมณ์ ที่กระทบจิต)

    ขอบคุณล่วงหน้าครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 กรกฎาคม 2014
  6. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,424
    ค่าพลัง:
    +35,040
    ตอบคุณ ตุ้มโฮม นะครับ.ข้อที่ ๑ เป็นผลการปฏิบัติของเราที่มันเริ่มพัฒนาออกไป
    เชื่อมกระแสพลังงานภายนอกได้แต่ข้อดีอีกอย่างของคุณคือ
    ยังสามารถเชื่อมต่อกระแสพลังงาน
    ภายนอกในลักษณะของการสื่อสารทางจิตได้อีกอย่างร่วมด้วยครับ..
    ซึ่งพอมาอ่านข้อความในวงเล็บ หลังจากคำถามข้อที่ ๓ แล้วยิ่งไม่แปลกใจเลยครับ
    ..ผู้ปฏิบัติตามสายครูบาร์อาจารย์ท่านที่กล่าวนั้น.
    .หากจะไปถึงขั้นบุญฤิทธิ์ได้ในอนาคต
    .พื้นฐานที่จำเป็นมากก็คือความสามารถในการเชื่อม
    กับกระแสพลังงานภายนอกครับ.ต่อไปนอกจากจักระทั้ง ๗ ตามที่หาได้จากอากู๋ กูเกิล
    แล้วจะสามารถพัฒนาเชื่อมได้ไม่ว่าฝ่ามือฝ่าเท้าและทุกส่วนของ
    ร่างกายครับ.เด่วขั้นนี้ค่อยว่ากันอีกที ถ้าไปอ่านกระทู้น้องนิวดีๆ
    น่าจะพอจับแนวทางเดินได้ .ส่วนในขั้นนี้
    ใครจะเชื่อมได้อย่างเดียว หรือ
    ทั้งเชื่อมได้ด้วยสื่อได้ด้วยก็แล้วแต่บุคคลครับ(การรักษาอารมย์นั้นหละครับ)
    และอาการที่เป็นตอนนี้เป็นกิริยาปกติก่อนการจะเชื่อมกับภายนอกได้เป็นปกติครับ
    ..จุดที่กลางกระหม่อมนั้นเป็นการเชื่อมกับระดับพรหมขึ้นไป
    หรือไม่ก็ครูบาร์อาจารย์หรือเทพที่มีฤิทธิ์ด้วยครับ.
    .ส่วนกิริยาที่เกิดตรงจุดที่อยู่เหนือหูข้างขวาประมาณเกือบนิ้วเป็นการเชื่อม
    พลังงานภายนอกในลักษณะของการสื่อสารรูปแบบหนึ่งจากภายนอกครับ
    หากผู้ส่งมากำลังจิตสูงมากๆ.จะเชื่อมเป็นกระแสตรงเข้าจุดนี้.
    สังเกตุง่ายๆว่า จะสามารถทำให้คลื่นความถี่รอบๆตัวเราสงบได้.
    .เรียกง่ายๆก็คือ สภาพแวดล้อมเงียบ แต่ยังมีการเชื่อมอยู่
    พวกนี้เป็นกลุ่มที่ไม่ได้อยู่วัฏจักรของเรา(พอเข้าใจนะครับ)
    พวกนี้มักจะเจาะมาเชื่อมตรงต่อมไพเนียลแกนของเรา.
    แต่ก็มักจะมาไม่บ่อยมากคล้ายๆเค้าก็สุ่มๆหาคนเชื่อมไปเรื่อยๆ..

    .ถ้าเป็นในวัฏจักรเราจะตรงเรียบเข้ามายังกลางใบหูเราไปยัง
    แกนกลางกระโหลกเราครับ
    และถ้าเป็นคนที่มีพอมีกำลังจิตและจะพยายามสื่อกับเรา.
    จะมาที่หูด้านขวาเช่นกันแต่จะ
    เป็นลูกคลื่นหมุนๆคล้ายๆจักระค้างที่ภายนอกหูก่อน.
    ส่วนเราจะปรับให้เป็นเส้นตรงเพื่อสื่อได้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับ
    เรื่องเฉพาะบุคคลครับ..

    ส่วนแนวทางการปฏิบัติต่อไป.หากจะเข้าใจในสิ่งที่ได้อธิบายมาก่อน
    หน้าได้ดีขึ้น..ก็คือ ไปเน้นเปิดจักระตรงกลางกระหม่อมให้ได้ก่อน
    เป็นอันดับแรก.โดยไม่ต้องสนใจต่ำแหน่งอื่นๆ(ทำจุดนี้ได้จุดอื่นๆ
    ถึงจะเปิดแล้วไม่ปิด).แรกๆมันจะดันๆก่อน แล้วก็หมุนๆวนขวาได้ตามมา
    ต่อด้วยมันจะขยายวงไปถึงกระโหลกศรีษะด้านหลัง..หลังจากนี้มันถึง
    จะเหมือนเป็นเส้นตรง.คล้ายแผ่นคลื่นๆใสก่อนวิ่งขึ้นไปข้างบนตรงๆ
    และพัฒนาจนขึ้นเป็นเส้นตรง(ถ้าอยู่หน้ากระจกจะสามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่าครับ)
    .ก็จะเป็นการเชื่อมกับกับครูบาร์อาจารย์
    หรือท่านที่เราคิดไว้ในใจได้ทุกครั้งหรือเป็นปกติครับ..

    ส่วนในระหว่างนี้ก็ให้มาฝึกปั่นจักระที่บริเวณหูขวาร่วมด้วยหรือจะตรง
    ข้างแก้มด้านขวา(ลากจากกลางหูตรงๆไปยังตาประมาณนิ้วแล้วลาก
    ตั้งฉากลงมาประมาณนิ้ว)..ตรงนี้ถ้าทำได้ถึงขั้นได้ยินเสียงคุยหรือเสียง
    อะไรก็ตามชนิดใสกิ๊ก(เสียงปีกแมลงบินจะยังไม่ถึงระดับใช้งานได้ปกติครับ)
    ต่อไปจะมีความสามารถในการสื่อสารจากภายนอกได้เป็นปกติครับ.
    ช่วงนี้อาจจะเข้าภาษาสัตว์ตัวเล็กๆได้.อย่าพึ่งสนใจนะครับพวกนี้เป็นตัวขวาง
    ให้เราไปถึงจุดใช้งานได้ช้าลงครับ..

    และฝึกรวมบารมีครูบาร์อาจารย์มาตั้งต้นไว้ก่อน แล้วรวมเข้ากับบารมี
    ของเราเพื่อฝึกสมาธิใช้งานระดับปกติและขยายวงสมาธิแล้วถึง
    อุทิศหรือส่ง.ตามแนวเดิม..จะส่งเสริมให้เกิดเมตตาที่จิตได้เร็วขึ้น.จะทำ
    ให้สามารถพัฒนาการเชื่อมภายนอกไปยังระดับพระพุทธฯต่างๆจากบริเวณกลาง
    หน้าอกของเราได้เร็วขึ้นครับ..


    ปล.พยายามอธิบายแบบไม่เจาะจงมาก.คงครบทุกข้อที่ถาม
    หวังว่าจะพอเข้าใจที่สื่อนะครับ..;)
     
  7. ตุ้มโฮม

    ตุ้มโฮม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2012
    โพสต์:
    168
    ค่าพลัง:
    +497
    ขอบคุณมากครับ เข้าใจที่ท่าน nopphakan อธิบายเกือบทั้งหมด
    จะทำต่อไปเรื่อยๆ มีข้อสงสัยอย่างไร จะขออนุญาตเรียนสอบถามมาอีก

    โมทนาสาธุในกุศลจิต ครับ..
     
  8. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493

    เป็นลักษณะของปีติ-ปัสสัทธิ พึงกำหนดรู้ดูทันทุกๆสภาวะที่เกิดมี แล้วจะเข้าใจได้ คือ ธรรมะหรือธรรมชาติมันสอนเราเอง ขออย่างเดียวกำหนดรู้ทุกๆสภาวะที่เกิด ไม่ว่าจะทาง ตา-เห็น หูได้ยินเสีย จมูกได้กลิ่น ฯลฯ
     
  9. sjsbud

    sjsbud สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +16
    ขอบคุณมากๆเลยนะคะ ถ้ามีอะไรดีดี ก็ชี้แนะได้นะคะ เพื่อเป็นประโยชน์ในการปฏิบัติของข้าพเจ้า ต่อไป
     
  10. sjsbud

    sjsbud สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +16
    ขอบคุณ คุณnopphakan มากๆ เลยค่ะ ที่ช่วยเติมปัญญา.. ถ้ามีวิธีการปฏิบัติอะไรดีดีก็ชี้แนะได้นะคะ
     
  11. alale

    alale เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2009
    โพสต์:
    36
    ค่าพลัง:
    +131
    ถ้าไปปฏิบัติ ตามท่าน อาจารย์โกเอนก้า ก็ไม่ต้องวิตกกังวลอะไรทั้งนั้นครับ ตามคำสอนของท่าน อะไรเกิดขึ้น ก็แค่รู้ โดยไม่แทรกแทรง เท่านั่น ผมก็เคยไปปฎิบัติ ของอาจารย์ โกเอนก้าหลายครั้ง มีอาการเนื้อเต้นอยู่ในปากติดมาตั้งแต่ครั้งแรก จนถึงทุกวันนี้ก็ 5-6ปีแล้ว บางที่มันก็วิ่งไปมาอยู่ในหัว บางทีมันก็วิ่งไปมารอบตัว ก็ช่างมันดูมันไปเรื่อยๆ
     
  12. sjsbud

    sjsbud สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +16
    ค่ะ คุณก็เป็นเหมือนกันหรอคะ ใช่ค่ะ ดูมันไปเลื่อยๆ :cool:
     
  13. ฐสิษฐ์929

    ฐสิษฐ์929 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    876
    ค่าพลัง:
    +1,844
    เป็นการปรับธาตุในโครงสร้างของร่างกาย เป็นไปด้วยอานาจของสมาธิ การปรับนี้ก็เพื่อให้ร่างกายสามารถรับพลังงานที่จะเกิดขึ้นต่อร่างกาย และการปรับธาตุนี้จะทำให้เกิดการสมดุลของธาตุ ทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้นครับ
     
  14. remixsong

    remixsong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    51
    ค่าพลัง:
    +177
    พลังที่เกิดขึ้นตัวนี้แหละ ที่จะใช้เป็นพลังสมาธิในการใต่ลำดับเลื่อนสู่ ฌาน ที่สูงขึ้นไป ถ้ามีพลังมาก ฌานยิ่งขึ้นสูงมาก สูงสุดสามารถใช้ดับกิเลสได้เป็น วิกขัมภนปหาน คือ การละกิเลสได้ด้วยข่มไว้ด้วยฌาน ถ้าสูงขึ้นไปอีก คือการทรงโลกียฌาน โดยการใช้ชีวิตประจำวันตามปกติ แต่จิตทรงฌานอยู่ โดยไม่ต้องมานั่งหลับตาทำสมาธิ ถ้าพลังสูงขึ้นไปมากกว่านี้ น่าจะถึงขั้น อภิญญา แล้ว
     

แชร์หน้านี้

Loading...