พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. Vilaiwanna

    Vilaiwanna เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    98
    ค่าพลัง:
    +145
    #13385

    To answer Khun Petch's question #13385
    First of all, I'm very impressed by your English knowledge;
    you probably graduated from abroard.
    Second of all, your 2 questions asked which I'll try to answer:
    1. Can you express this question in Thai? I can read Thai
    from here.
    2. The Wang-na votive tablets that I have:
    The first one is "the full figure of LP. Thep Loke Udon
    standing" with smiling on his face.
    I believe this one called "phra pong - powder"; the size
    is about 2" high.
    The second and third one are "phra pid ta and pid pung -
    stomach".
    I received all of these from an elder whom I highly
    respect.
    I also have one Phra Somdej Benjasiri which was given
    to me by my uncle a few years back.
    However, this one is not a real Wang-na just a duplicate
    one. What a relief!!!
    Anyway, I'm like a beginner in all of these in this web.
    I have a few books about LP. Thep Loke Udon which I
    bought in BKK. I know very little about Luang Pu Yai
    compare to you and khun Sithiphong.
    Now I'm very concerned about "the consequences" that
    K. Sithiphong is trying to warn everybody about Phra
    Wang-na. Now I don't know that I am lucky or unlucky to
    have them!!!
    Nevertheless, I thank to K. Sithiphong for his advice.
    By the way, pls. do not ask me to take pictures of my
    Wang-na and post in the web because I don't know how!!!
    I'm not a narrow minded person really.
    Regards to both of you.
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 มกราคม 2008
  2. Vilaiwanna

    Vilaiwanna เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    98
    ค่าพลัง:
    +145
    Khun Sithiphong's writing and posting pictures of "sticky rice" (kao niew) makes me hungry.
     
  3. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    55555...me too...
     
  4. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    สิ่งที่ดี ที่งาม ที่ถูกต้อง และที่สำคัญคือเป็นบุญเป็นกุศล ต้องช่วยกันครับ

    หากพระพิมพ์หมด รบกวนช่วยแจ้งผมด้วย ผมจะได้ฝากพระพิมพ์ไปเพิ่มให้อีกครับ

    โมทนาสาธุครับ

    .
     
  5. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  6. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    A-nu-mo-tha-na-sa-dhu..

    "Wisdom"(extend from inside to outside) is opposit to "Wisky"(made someone lack of wisdom)

    I appretiated to ask you two questions. If you have some information, please share us some idea.

    1)Most expatriate faith Lunagpu Boromkru Dhep Loke Udon is exist or not?

    2)Some expatriate hold "Phra Sondej Bhanjasiri" one of the Wang-Na's votive tablets. Which kind of your Wang-Na's votive tablet?

    thanks
    OK ขอ version ภาษาไทยบ้างนะครับ เพราะได้รับอนุญาตแล้ว

    1) คนต่างชาติส่วนใหญ่มีความเชื่อว่าหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรมีตัวตนหรือไม่

    พระพิมพ์ที่คุณใส่ชื่อภาษาอังกฤษมานี้ หากไม่เห็นภาพต้องจิตนาการเอาว่าเคยเห็น ว่ากันไปทีละองค์นะครับ (คำว่า"พระผง" คำศัพท์ใช้ว่า "powder" ที่แปลว่า แป้งหรือ?)

    The first one is "the full figure of LP. Thep Loke Udon
    standing" with smiling on his face.
    I believe this one called "phra pong - powder"; the size
    is about 2" high.
    องค์แรก น่าจะเป็นพระผงเนื้อผนังถ้ำ พิมพ์เดินจงกรมครับ

    The second and third one are "phra pid ta and pid pung -stomach"
    องค์ที่ ๒ พระปิดตานี้เป็นได้หลายพิมพ์ คืออาจจะเป็นปิดตาปุ้มปุ้ย ปิดตาลอยองค์ มากมายเลยครับ

    องค์ที่ ๓ พระปิดพุง อาจจะเป็นพระสังกัจจายน์ หรือหลวงปู่ฯ ต้องเห็นองค์จริง ตอบยากครับ

    Phra Somdej Benjasiri
    องค์ที่ ๔ นี้เป็นพระสมเด็จปัญจสิริ (Bhanjasriri) ต้องตรวจสอบให้ดีๆครับ มีปลอมได้เหมือนมาก

    อ่านไปเรื่อยๆนะครับ จะได้ความรู้โดยไม่รู้ตัว
     
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    พระพิมพ์หลวงปู่ในปัจจุบัน มีการปลอมกันเป็นจำนวนมาก บางพิมพ์เห็นแล้วบางท่านหงายท้องไปก็มี แต่ถ้าหากเห็นของจริงๆแล้ว จะมีข้อสังเกตุได้

    ไม่ใช่ว่า พระที่คณะผมมีจะแท้แต่เพียงที่เดียว แต่บางท่านมีพระแท้แล้วไม่ทราบว่า เป็นพระวังหน้าก็เป็นไปได้ หรือองค์ความรู้ไม่มี ไปยัดกรุเป็นวัดระฆังหรือวัดบางขุนพรหมก็เป็นไปได้เช่นกัน

    ผมเคยบอกแล้วว่า พระวังหน้าและพระกรุวัดพระแก้ว มีไม่ต่ำกว่าเลข 8 หลักครับ

    บางพิมพ์ องค์ผู้อธิษฐานจิตก็จะแตกต่างกันไปถึงแม้ว่า จะพิมพ์เดียวกัน เนื้อเดียวกัน แต่อาจจะนำเข้าพิธีพุทธาภิเษกหลวงคนละพิธี ซึ่งนั่นหมายความว่า การเชิญองค์ผู้อธิษฐานจิตมาในแต่ละครั้ง อาจจะเชิญมาไม่ซ้ำองค์ผู้อธิษฐานจิตได้ครับ

    .
     
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ไว้ผมไปซื้ออุปกรณ์และไมค์มาก่อน แล้วจะเชิญชวนไปคุยกันครับ

    ยังไม่รู้ว่า ต้องมีอุปกรณ์อะไรบ้าง ว่าจะไปถามคนที่คุยในห้องนั้นอีกครั้งครับ

    .
     
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    http://palungjit.org/showthread.php?t=107236&page=2

    โพสโดย
    :::เพชร:::<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_904983", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    [​IMG]

    เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 09:17 AM
    วันที่สมัคร: Jul 2006
    อายุ: 42 ปี
    ข้อความ: 2,441 <!-- Start Post Thank You Hack -->
    ได้ให้อนุโมทนา 15,669 ครั้ง
    ได้รับอนุโมทนา 24,293 ครั้ง ใน 2,495 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
    พลังการให้คะแนน: 2688 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]

    วันนี้เป็นวันทำบุญระลึกถึงคุณความดีของท่านเจ้าคุณนรรัตนราชมานิต วัดเทพศิรินทราวาส ท่านได้แนะนำเรื่องพระนิพพานดังนี้

    โพสต์โดย: **wan**
    วันที่โพสต์: 10 มี.ค. 2007 เวลา 10:27



    <HR><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=text><!-- Message body -->[​IMG] [​IMG]
    พระภิกษุพระยานรรัตนราชมานิต (ตรึก จินตยานนท์)
    ท่านเจ้าคุณธมฺมวิตกฺโก ภิกขุ วัดเทพศิรินทร์ กทม.

    .....(พูดกับคุณโกศล ปัทมะสุนทร) โกศล ตายแล้วก็สามารถช่วยคนได้ดีกว่าอยู่อีกนะ ขอเพียงแต่เราอธิษฐานจิตถึงกันและกัน กระแสจิตเปรียบเหมือนเครื่องส่งวิทยุนะ ถ้าจูนเครื่องตรงกัน ก็สามารถติดต่อกันได้ ถ้าเครื่องส่งมีกำลังส่งมากเพียงไร แต่ถ้าเครื่องรับไม่จูนเครื่องให้ตรงกันก็ไม่สามารถรับได้ .....

    .....ร่างกายเป็นรังของโรค ต้องป่วยเจ็บอยู่เสมอเป็นธรรมดา เป็นเรื่องของการเกิดแก่เจ็บตาย อย่าเศร้าหมองตาการเจ็บป่วยนั้น ทำใจให้ปรอดโปร่ง และให้นึกเสมอว่าการเจ็บการตายไม่แน่นอน จะมาถึงเมื่อใดก็ได้อย่าประมาท อย่ารั้งรอต่อการทำความดี ในขณะที่ยังมีโอกาสทำความดี จะได้ไม่ต้องเสียใจแม้ความตายจะมาถึงในวินาทีใดก็ตาม .....(แล้วท่านเจ้าคุณก็มักจะกล่าวกลอนนี้เสมอ)

    ถึงกายแพ้แต่ใจเราไม่แพ้
    ใจไม่แก่เจ็บตายตามกายหนา
    กายนี้มันจะเน่าเราก็ลา
    ไปสวรรค์ชั้นฟ้านิพพานเอย...

    ท่านเจ้าคุณเป็นโรคมะเร็งที่ลำคอ จนมีขนาดดังรูป โดยท่านไม่เคยแสดงอาการเจ็บปวดให้ผู้ใดเห็น แม้สมเด็จพระราชินีทรงประสงค์จะส่งหมอมารักษา ท่านก็ได้ปฏิเสธพระองค์ และมีแพทย์หลายท่านประสงค์ที่จะมาทำการรักษา ท่านก็บอกว่าปล่อยให้มะเร็งมันตายไปกับท่าน ภาพถ่ายนี้ถ่ายตอนนายแพทย์มาทำความสะอาดแผลมะเร็งที่แตกแล้ว โดยท่านเจ้าคุณบอกให้ถ่ายไว้

    เพิ่มเติมที่ หนังสือตามรอย ธมฺมวิตกฺโก พระอรหันต์กลางกรุง ธค.2546 หจก. ป.สัมพันธ์พาณิชย์ ISBN 974-91833-8-X

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948

    หากคนไทยเรายึดแบบอย่างที่ดี(ที่สุด) อย่างท่านเจ้าคุณนรฯ เรื่องของความจงรักภักดีกันทุกๆคนแล้ว ประเทศชาติของคนไทยทุกๆคน ต้องดีกว่านี้แน่นอน

    กราบ กราบ กราบ กราบ กราบ

    โมทนาสาธุครับ
    .
     
  11. นายสติ

    นายสติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    911
    ค่าพลัง:
    +4,285
    มิลินทปัญหา

    ปัญหาที่ 5

    ถามเรื่องบรรพชา

    ครั้งนั้น พระนาคเสนเถระก็ได้เข้าไปสู่พระราชนิเวศน์ของพระเจ้ามิลินท์ ขึ้นสู่ปราสาทแล้วนั่งลงบนอาสนะที่ เขาจัดไว้ พระเจ้ามิลินท์ก็ทรงเลี้ยงดูพระภิกษุสงฆ์ด้วยพระองค์เอง เสร็จแล้วจึงถวายผ้าไตรจีวร

    ครั้นพระนาคเสนครองไตรจีวรแล้ว พระเจ้ามิลินท์จึงตรัสขึ้นว่า
     
  12. Phocharoen

    Phocharoen เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    109
    ค่าพลัง:
    +225
    สวัสดีปีใหม่ท่านสมาชิกทุกท่าน ผมขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย คุ้มครองทุกๆท่าน และสมหวังในการปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ครับ
     
  13. chaipat

    chaipat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,282
    ค่าพลัง:
    +11,099
    วันนี้ พบเจอพี่ในที่ทำงานคนละหน่วยงาน

    คล้องพระที่มีพลอย หรือเพชร หรือ ฯ

    องค์ใหญ่มากๆ องค์ใหญ่กว่าองค์พ่อจตุคามรามเทพอีกครับ

    ลักษณะรูปทรงสี่เหลี่ยม ผืนผ้า 2 นิ้วกว่าๆ ยาว 3 นิ้วกว่าๆ

    ใหญ่กว่า พระพิมพ์พุทธประวัติอีกครับ

    แต่ไม่คุยกับเขาหรอกครับ เพราะมันจะยาว เงียบๆ ดีกว่า

    เดี๋ยวจะยุ่งครับ

    สาธุครับ
     
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ขอพรนี้กลับไปหาผู้อำนวยอวยพรเป็นร้อยเท่าพันทวีคูณเช่นกันนะครับ

    โมทนาสาธุครับ

    .
     
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    (*) (*) (*) (*) (*)

    พระพิมพ์ที่ติดพลอย หรือน้ำประสาน หรือเหล็ก(ไหล) หรืออื่นๆ จะมีทั้งที่เป็นพระแท้ และพระไม่แท้

    อย่างที่เคยบอก(ไม่รู้กี่ครั้งแล้ว)ว่า ต้องตรวจสอบทั้ง รูป (เนื้อหาทรงพิมพ์) และ นาม (พลังอิทธิคุณขององค์ผู้อธิษฐานจิต) ประกอบกันไปทั้งสองอย่าง

    รักยาวให้บั่น รักสั้นให้ต่อ

    มหาโมทนาสาธุครับ

    (good)
    .
     
  16. Vilaiwanna

    Vilaiwanna เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    98
    ค่าพลัง:
    +145
    Thank you very much for the information you provided.
    I'm sorry I called "phra pong - powder" just like what I read from the website that they're selling "Buddha image and votive tablets".
    I also apologize to call "phra pid ta and pid pung".
    They look like "phra sankajai" which are "roob lor loi ong".
    My God, this is very difficult to spell.

    Anyway, don't talk about farangs believe in LP. Loke Thep Udon or not.
    I have 6 Thai friends here who have never heard His name before!!!
    My brother said some phra kreung vendors don't think that
    Luang Pu Yai is exist.
    They said that there is no way to prove and there is no time frame to record His biography.

    Well, it doesn't matter anyway because there are a large number of Thais who believe His existence.
    Like people always said "although you don't believe, don't make fun of it".

    Farangs only know our Lord Buddha and Phra Mae Guan yin.
    BELIEVE IT OR NOT ???

    Thanks a whole bunch,
     
  17. นายสติ

    นายสติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    911
    ค่าพลัง:
    +4,285
    <CENTER>[​IMG]</CENTER>​
    หลวงปู่แขก วัดบางบำหรุ เจ้าของวิชาเบี้ยแก้อันลือลั่น (พระอาจารย์หลวงปู่รอดวัดนายโรง)

    ประวัติหลวงปู่แขก
    หลวงปู่แขก (มรณภาพประมาณปี พ.ศ. 2466 อายุขณะมรณภาพประมาณ 80 ปี) เป็นอดีตเจ้าอาวาส รุ่นที่ ๒ต่อจากสมภารพราหมณ์(หรือพรหม)วัดบางบำหรุ กรุงเทพมหานคร วัดบางบำหรุเป็นวัดเก่าแก่ตั้งอยู่ตำบลบางบำหรุ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร ด้านฝั่งธนบุรี (อยู่หลังเซ็นทรัลปิ่นเกล้า) วัดนี้มีมาตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนปลายเคยมีการขุดพบพระเครื่องจากเจดีย์ใกล้วิหารเก่าเป็นพระเครื่องเนื้อดินเผาศิลปะ สมัยอยุธยาตอนปลายทั้งสิ้น บริเวณวัดอยู่ต่อกับวัดสุวรรณคีรี (วัดขี้เหล็ก) และใกล้วัดนายโรง หลวงปู่แขก นั้นเป็นพระเกจิยุคเก่าที่แก่กล้าในพระเวทย์ วิทยาคม และโด่งดังในแถบย่านบางบำหรุและท่านเป็นพระอาจารย์ของสมภารฉาย (เจ้าอาวาสลำดับต่อจากหลวงปู่แขกและสมภารฉายเป็นพระอาจารย์ของหลวงพ่อรัตน์ สุมโน) หลวงปู่แขกเป็นพระร่วมสมัยเดียวกับพระปลัดทองซึ่งพระอาจารย์ของหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว แต่เนื่องจากประวัติของหลวงปู่แขก นั้นมีการจดบันทึกไว้น้อยมากประกอบกับท่านสร้างวัตถุ มงคลไว้ไม่มากและไม่ได้แพร่หลายไปยังพื้นที่ต่างๆ ประวัติของท่านจึงถูกลืมเลือนไปตามกาลสมัยที่ผ่านมายาวนาน ทำให้ปัจจุบันมีผู้ทราบประวัติและรู้จักท่านน้อย จากคำบอกเล่าของพระครูธรรมวิจารณ์ (ชุ่ม) อดีตเจ้าอาวาส วัดศรีสุดาราม (วัดชีปะขาว) ​
    เขตบางกอกน้อย ซึ่งเล่าไว้เมื่อปี พ.ศ. 2517 ขณะท่านอายุ 97 ปี พรรษา 71 ว่า หลวงปู่รอด วัดนายโรง(ปรมาจารย์ทางเบี้ยแก้อันโด่งดัง) ได้เล่าให้ท่านฟังว่า หลวงปู่แขก วัดบางบำหรุ เป็นพระที่มาจากนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม และหลวงปู่รอดได้ศึกษาวิชาเบี้ยแก้จากหลวงปู่แขก ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสวัดบางบำหรุ ขณะที่หลวงปู่แขกมาอยู่ที่วัดบางบำหรุนั้น ท่านเป็นพระมาแล้วโดยได้ธุดงค์มาจากนครชัยศรี พื้นเพหลวงปู่แขกเป็นชาวอยุธยาเป็นสหายกับพระปลัดปาน วัดตุ๊กตา (พระอุปัชฌาย์ของหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว) และพระปลัดทอง วัดกลางบางแก้ว (วัดคงคาราม) จังหวัดนครปฐม (พระกรรมวาจาจารย์และพระอาจารย์ ซึ่งสอนวิชาการต่างๆ และวิชาอาคมให้หลวงปู่บุญ) ส่วนหลวงปู่แขกจะมาธุดงค์มาจากวัดตุ๊กตา หรื อ วัดกลางบางแก้วนั้นไม่เป็นที่แน่ชัด พระปลัดปาน พระปลัดทองและหลวงปู่แขกนั้นเป็นสหายกันหรืออาจเป็นศิษย์ร่วมสำนักเดียวกัน​
    1.
    เบี้ยแก้เป็นเครื่องรางที่ใช้ติดตัวเมื่อเดินทางไปในป่าในดงเพื่อป้องกันไข้ป่า ภูตผีไพร สัตว์เขี้ยวสัตว์ร้ายต่างๆ และยังป้องกันคุณไสย มนต์ดำ และยังถือว่าเป็นเครื่องรางเมตตามหานิยมอีกด้วย และเบี้ยแก้นั้นปรากฎหลักฐานว่ามีการสร้างมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา แล้ว การทำเบี้ยแก้นั้นหากจะแยกก็พอที่จะแยกออกเป็น 3 สายคือ วัดกลางบางแก้ว วัดนายโรง และสายจังหวัดอ่างทอง โดยสายวัดกลางบางแก้วเท่าที่มีการสืบค้นพบว่ามีหลวงปู่ทอง พระอาจารย์หลวงปู่บุญเป็นผู้สร้างเบี้ยแก้แล้วสืบต่อมายังหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว ผู้เป็นศิษย์ ส่วนสายวัดนายโรง เท่าที่สืบค้นพบว่ามีหลวงปู่แขก วัดบางบำหรุ ย่านบางกอกน้อยเป็นผู้สร้างเบี้ยแก้แล้วสืบต่อมายังหลวงปู่รอด วัดนายโรง และ หลวงปู่รอดได้ถ่ายทอดวิชาทำเบี้ยให้แก่หลวงพ่อม่วง วัดคฤหบดี นอกจากนี้ หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลีท่านก็รับถ่ายทอดได้วิชาทำเบี้ยแก้สายหลวงปู่รอดเช่นกันแต่ท่านมิได้ทำแพร่หลาย​
    เมื่อพิจารณาลักษณะของเบี้ยแก้สายวัดกลางบางแก้ว และสายวัดนายโรง พบว่า การสร้างเบี้ยแก้ของสายวัดกลางบางแก้ว และสายวัดนายโรง นั้นคล้ายคลึงกันมาก จนเชื่อได้ว่า ตำราการสร้างเบี้ยแก้ทั้งของหลวงปู่บุญ และหลวงปู่รอด น่าจะมาจากแหล่งเดียวกันก็เนื่องจากหลวงปู่แขก อดีตเจ้าอาวาสวัดบางบำหรุนั้นได้ธุดงค์มาจากนครชัยศรี และเป็นสหายหรืออาจเป็นศิษย์ร่วมสำนักเดียวกับหลวงปู่ทอง ส่วนสายอ่างทอง นั้นพระอาจารย์ใหญ่สายนี้น่าจะเป็นหลวงพ่อนุ่ม วัดนางใน จังหวัดอ่างทอง หลวงพ่อพักตร์ วัดโบสถ์ และหลวงพ่อคำ วัดโพธิ์ปล้ำ ปัจจุบันสายวัดกลางบางแก้ว หลวงปู่เจือ ปิยสีโล ยังคงสร้างเบี้ยแก้อยู่ ส่วนสายหลวงปู่รอด นั้น เมื่อหลวงพ่อม่วงได้มรณภาพลงแล้วก็ไม่ปรากฎการทำเบี้ยแก้อีก ส่วนสายอ่างทองนั้น ก็ยังคงการทำเบี้ยแก้อยู่เช่นเดียวกัน​
    (ข้อมูลอ้างอิง : หนังสือเซียนของขลัง เขียนโดย รศ. กมล ฉายาวัฒนะ พิมพ์ครั้งที่ 1 ธันวาคม 2549 ​
    <CENTER>[​IMG]</CENTER>​
    2.
    ประวัติหลวงปู่รอด วัดนายโรง ปรมาจารย์ทางเบี้ยอันลือลั่น
    หลวงปู่รอด มีชาติภูมิเป็นชาวบางพรหม อำเภอตลิ่งชัน จังหวัดธนบุรี เดิมหลวงปู่รอด อุปสมบทที่วัดเงิน (วัดรัชฏาธิษฐาน ) ในคลองบางพรม เข้าใจกันว่า ก่อนที่จะย้ายไปอยู่วัดนายโรง ​
    (วัดสมัชชผล) หลวงปู่รอดได้จำพรรษาอยู่ที่วัดบางบำหรุด้วย และท่านได้ฝากตัวเป็นศิษย์หลวงปู่แขก เพื่อศึกษาสรรพวิชาต่างๆ และที่โดดเด่นคือวิชาเบี้ยแก้ต่อมาหลวงปู่รอด จึงได้ย้ายมาจำพรรษาที่วัดนายโรง จนกระทั่งได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสองค์ที่ 2 ของวัดนายโรง และเป็นพระอุปัชฌาย์ได้ทำการอุปสมบทให้แก่กุลบุตร นับแต่ชั้น พ่อ ลูก หลาน ของแต่ละตระกูลในแถบย่านคลองบางกอกน้อย คลองชักพระ ตลิ่งชัน บางระมาด บางพรม บางกรวย บางใหญ่ บางคูเวียงจึงมีลูกศิษย์เป็นจำนวนมาก ​
    หลวงปู่รอดเป็นพระเถระที่สำคัญองค์หนึ่งในย่านคลองบางกอกน้อย เป็นพระเถระ​
    ที่เชี่ยวชาญในด้านวิปัสสนาธุระ และมีเกียรติคุณเป็นพิเศษในทางพุทธาคมและเวทย์วิทยาคม ​
    โดยเฉพาะวิชาเบี้ยแก้ซึ่งมีการเล่าขานกันว่าวิชาอาคมของท่านสามารถเสกเบี้ยแก้ให้คลานเองได้ และบริกรรมคาถาให้ปรอทเดินเข้าไปในเบี้ยแก้ได้เองโดยไม่ต้องใช้แรงคนกรอกเข้าไปเลย​
    <CENTER>[​IMG]</CENTER>​
    3.
    พระกรุของหลวงปู่แขก ของดีที่หลายท่านยังไม่ทราบ
    เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2550 ทางวัดบางบำหรุได้มีการปรับพื้นที่เพื่อจะจัดงานเจริญพระพุทธมนต์ในวันที่ 7 พฤษภาคม 2550 ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระชนมายุ ครบ 80 พรรษา ขณะปรับพื้นที่ได้รื้อฐานเจดีย์เก่าแก่ที่หักมานานแล้วออกพบช่องสี่เหลี่ยมมีช่องที่ฐานเจดีย์พบพระเครื่องขนาดเล็กคลุกอยู่กับดินในช่องสี่เหลี่ยมดังกล่าวเมื่อนำพระออกจากกรุทั้งหมดได้พระจำนวนมากแต่ส่วนใหญ่ชำรุดแตกหักคงเหลือสภาพดีประมาณ 1,000 กว่าองค์ ตามหลักฐานของเจดีย์ปรากฏว่าเป็นเจดีย์ที่สร้างขึ้นในสมัยหลวงปู่แขก พระเครื่องนี้มีลักษณะเป็นพิมพ์ตุ๊กตาขนาดเล็ก (พิมพ์คล้ายพระวัดพลับ) ซึ่งหลวงปู่แขกสร้างบรรจุไว้ก่อนปี พ.ศ. 2466​
    พระเครื่องที่พบมี 3 พิมพ์คือ เล็ก กลาง ใหญ่ แต่พิมพ์กลางมีน้อยมาก เนื้อที่พบส่วนใหญ่จะเป็นสีดำ ส่วนที่เป็นเนื้อสีแดงมีจำนวนน้อย วัดบางบำหรุจึงนำออกทำบุญเฉพาะเนื้อสีดำ พิมพ์ใหญ่ประมาณ 800 กว่าองค์ บุชา องค์ละ 999 บาท พิมพ์เล็กประมาณ800 กว่าองค์เช่นกันบูชาองค์ละ 599 บาท ​
    วัตถุประสงค์ที่เปิดให้บูชาเพื่อรวบรวมจตุปัจจัยบูรณะปฏิสังขรณ์อุโบสถวัดบางบำหรุ
    บูชาได้ที่วัดบางบำหรุ หรือติดต่อสอบถามรายละเอียดกับวัดบางบำหรุ​
    ได้ที่ เบอร์โทร. 02 4244486 และ081 9811319​
    ไม่ธรรมดานะครับหลวงพ่อแขกนี่น่ะ ก็แม้แต่
    พี่ใหญ่ยังบูชาไว้เลย "ท่านเก่งมากๆๆ พระของท่านใช้ได้ครบทุกอย่างรวมทั้งโชคลาภอีกด้วยลองเอาไปบูชาดูแล้วจะรู้"
    และที่สำคัญยังได้ช่วยกันบูรณะปฏิสังขรณ์อุโบสถวัดบางบำหรุอีกด้วยนะครับ
     
  18. chaipat

    chaipat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,282
    ค่าพลัง:
    +11,099
    เรียน ท่านพี่

    ดูไม่เป็น ไม่อยากเข้าไปคุยครับ
    ไม่ใช่เซียนพระ จุดที่นำมาเสนอนี้

    เริ่มเป็นที่ดังมากๆ แล้ว ทั้งรูปพรรณที่ไม่เคยเห็นครับ
    ก็พึงสังวรครับ เดี๋ยวจะมีคนนำไปใช้ในทางอีกแบบ

    ก็เรื่องของเขา หากเข้าไปคุย ความก็ยาว เขาก็จะต้องถามว่า
    แล้วที่เอ็งมี แบบไหน แล้วแท้ยังไง ผมจะติดบ่วงที่ดันทุรังสูง
    เข้าไปชี้แจง ซึ่งตนเองไม่ค่อยจะรู้ครับ
    ปล่อยไปตามเรื่องครับ ขอตามทำดีๆ ดีกว่าครับ
    นอนเรียบ ไม่ร้อนรน ทานอร่อย ไปไหนได้สบายดี

    เพียงแต่นำมาแจ้งให้ทราบครับ ว่าเริ่มมีแปลกๆ มากขึ้นครับ
    สาธุครับ
     
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE class=tborder id=post543702 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">05-04-2007, 09:46 AM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right> #4430</TD></TR></TBODY></TABLE>

    เรื่องของพลังอิทธิคุณกับกรอบพลาสติกนั้น พลาสติกไม่กี่มิลลิเมตรจะปิดกั้นอำนาจของผู้ปลุกเสกได้ ผมจะยกตัวอย่างเปรียบเทียบนะครับ เช่นก้อนแร่รังสีปรมนู ถ้านำไปเก็บไว้ในที่เก็บ รังสีจะออกมาได้หรือไม่ และทำอันตรายกับผู้คนที่อยู่บริเวณนั้นได้หรือไม่หรือเพียงแต่นำเอาตะกั่วแผ่นบางๆ หุ้มก้อนแร่รังสีปรมณูไว้ รังสีสามารถออกมาทำอันตรายกับสิ่งมีชีวิตรอบข้างได้หรือไม่ แต่ถ้านำออกมาวางไว้กลางแจ้ง ผู้คนที่อยู่รอบข้างจะได้รับรังสีหรือไม่ เฉกเช่นเดียวกับพลังจิตของผู้ที่ปลุกเสกพระครับ หรือเปรียบเทียบกับสายไฟฟ้าภายในบ้าน ถ้าเราเปิดไฟ กระแสไฟฟ้าก็จะวิ่งมาตามสายไฟ ซึ่งมีฉนวนหุ้มอยู่ เราสามารถจับสายไฟเส้นนั้นได้ แต่ถ้าเราลอกฉนวนออก เราก็ไม่สามารถจับสายไฟเส้นนั้นได้ ใช่ไหมครับ เรื่องของพลังจิตนั้น เป็นนามธรรม เป็นสิ่งที่ไม่สามารถจับต้องได้ แต่สามารถสัมผัสได้หากบุคคลผู้นั้น ได้ปฎิบัติธรรมมาจนถึงในระดับหนึ่งนะครับ
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ทุกๆสิ่งในโลกนี้ ย่อมมีของที่กันหรือแก้ในตัวเองอยู่ เพียงแต่ว่าเราจะรู้หรือไม่รู้เท่านั้น
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    เรื่องของพลังอิทธิคุณ ต้องเดินทางในอากาศธาตุนะครับ เหมือนกับกระแสไฟฟ้าซึ่งต้องเดินบนตัวนำไฟฟ้า แต่จะไม่เกี่ยวข้องกับความศักดิ์สิทธิ์หรือไม่ศักดิ์สิทธิ์ครับ พระพิมพ์หรือวัตถุมงคล ที่ผ่านพิธีพุทธาภิเษกมานั้น ย่อมมีความศักดิ์สิทธิ์ทั้งนั้น แต่ว่าจะมากน้อยนั้น อยู่ที่ผู้เสกเป็นสำคัญครับ<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    พระพิมพ์ที่ผมห้อยอยู่นั้น ผมเลี่ยมแล้วผมนำเข็มเย็บผ้าไปลนไฟให้ร้อนแล้วเจาะรูบริเวณด้านล่างหรือตรงกลางของกรอบพระ (จะกี่รูก็ได้)ครับ ท่านอาจารย์ประถมท่านเองเลี่ยมพระแบบเปิด คือหมายความว่า เป็นการเลี่ยมจับขอบเท่านั้น ไม่มีพลาสติกหุ้มอยู่ทั้งด้านหน้าและด้านหลังเลยครับ<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ผมเองเคยมีประสบการณ์ กรอบพระสแตนเลสระเบิดออกมา พระที่กรอบสแตนเลสระเบิดเป็นหลวงปู่ม่น วัดเนินตามาก ชลบุรีครับ ถ้าเป็นทางวิทยาศาสตร์จะไม่สามารถอธิบายได้ว่า ระเบิดออกมาได้อย่างไร ก่อนวันสงกรานต์ ผมได้ไปทำความสะอาดพระ ที่กุฏิที่ผมเคยไปบวช วันนั้นผมห้อยพระไป 5 องค์ โดยองค์กลางเป็นพระธาตุพระสิวลี องค์อยู่ข้างบนต่อมาด้านซ้ายเป็นหลวงปู่ทิม วัดระหารไร่ องค์ด้านขวา เป็นหลวงปู่ม่น วัดเนินตามาก ผมทำความสะอาดพระซึ่งมีเป็นจำนวนมาก ผมไปเห็นโกฏิที่ใส่กระดูกคนตาย ที่อยู่หลังพระพุทธรูปองค์ใหญ่ พี่เขยผมไม่เข้าไปยุ่ง ไม่ได้นำออกมาทำความสะอาด แต่ผมนำออกมาวางบนตู้พระไตรปิฎก ซึ่งผมลืมคิดไปว่าไม่สมควร ผมนำผ้าชุบน้ำแล้วทำความสะอาด พอทำความสะอาดเสร็จแล้ว ผมกำลังนำผ้าไปซัก เดินพ้นจากตู้พระไตรปิฎกมา 2 ก้าว ปรากฏว่าเหรียญหลวงปู่ม่นซึ่งผมเลี่ยมใส่กรอบพลาสติกและผมได้เจาะรูไว้ 3 รูนั้น ได้เกิดระเบิดขึ้น ผมเองก็ตกใจว่าเกิดอะไรขึ้น ผมกลับไปมองที่โกฏินั้น ผมเห็นว่าไม่สมควรที่จะนำไปวางไว้บนตู้พระไตรปิฎก ผมจึงรีบนำโกฏิไปไว้ที่เดิม ต่อมาผมได้สอบถามเพื่อนผม เพื่อนบอกว่าหลวงปู่ม่นท่านดังในเรื่องของการไล่ผีมาก (ในตอนแรกๆ ผมไม่ค่อยศรัทธาหลวงปู่ม่นเท่าไร ท่านคงมาช่วยผมไว้และแสดงให้เห็นว่าหลวงปู่ม่น ท่านก็ไม่ธรรมดา) การที่กรอบแสตนเลสระเบิดนั้น มันเกิดจากสาเหตุอะไร ลองคิดดูกันเองนะครับ<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    เรื่องของการจับพลังพระพิมพ์นั้น มีปัจจัยที่เข้ามาเกี่ยวข้องอยู่หลายประการ อาทิเช่น <O:p</O:p
    1.พระพิมพ์บางองค์ เวลาที่กดพระพิมพ์นั้น อาจกดไปโดนฤกษ์ดอกลูกพิษ ถ้าพระพิมพ์องค์ไหน กดโดนฤกษ์ดอกลูกพิษ ไม่ว่าพระองค์ไหน ก็เสกไม่เข้าทั้งสิ้น ฤกษ์ดอกลูกพิษนั้น มีทุกวัน แต่ว่ามีเป็นช่วงๆ บางครั้งในหนึ่งวัน มีช่วงเดียว บางครั้งในหนึ่งวัน อาจมีหลายช่วงก็เป็นไปได้ทั้งสิ้น <O:p</O:p
    2.ในการจับพลังองค์พระพิมพ์นั้น บางวัน พระผู้เสกท่านอาจปิดกระแสขององค์พระพิมพ์ก็เป็นได้ การปิดกระแสนั้น พระผู้เสกย่อมทำได้เนื่องจากว่า ระดับของญาณหรืออภิญญาสูงกว่าผู้จับพลังองค์พระพิมพ์ มีเพื่อนผมคนหนึ่ง สามารถจับพลังขององค์พระพิมพ์ได้ มีอยู่วันหนึ่ง เพื่อนผมผู้นี้ได้นำพระพิมพ์องค์หนึ่ง ไปให้อาจารย์ของเขาตรวจพลังให้ แต่ปรากฏว่า อาจารย์ของเขาได้บอกว่า พระพิมพ์องค์นี้ ไม่มีพลัง ไม่มีอะไรเลย แต่เพื่อนผมได้นำพระพิมพ์องค์เดิมไปให้เพื่อนของเขาจับ ปรากฎว่าเพื่อนของเขาจับพลังได้ และยังบอกอีกว่า พลังขององค์พระพิมพ์นั้น แรงมากด้วย ในเรื่องนี้ ความคิดเห็นส่วนตัวผม ผมเห็นว่า พระผู้เสกท่านอาจปิดกระแสไม่ให้อาจารย์ของเพื่อนตรวจพลัง นะครับ <O:p</O:p
    3.ในบางวัน พระผู้เสก ท่านอาจปิดกระแสขององค์พระพิมพ์ ก็เป็นไปได้เช่นเดียวกัน <O:p</O:p
    4.และในบางวัน ผู้ที่ตรวจพลังของพระพิมพ์ เป็นวันที่เบื้องบนไม่ให้ตรวจพลังขององค์พระพิมพ์ ก็เป็นไปได้เช่นเดียวกัน <O:p</O:p
    5.พิมพ์ทุกองค์นั้น เวลาที่ผ่านการปลุกเสกแล้ว จะมีเทวดารักษาองค์พระพิมพ์ทุกองค์ บางครั้งเทวดาที่รักษาองค์พระพิมพ์อาจจะปิดกระแสก็เป็นไปได้อีกเช่นกัน <O:p</O:p
    6.ในบางครั้งพระปลอมก็มีพลังเช่นเดียวกัน ถ้าผู้ทำพระปลอมได้นำพระไปเข้าพิธีพุทธาภิเษก <O:p</O:p
    7.หรือบางครั้งผู้ทำพระปลอมได้นำเศษพระแท้ผสมลงไป ก็สามารถมีพลังได้เหมือนกัน เพียงแต่พลังอาจจะน้อยกว่าพระแท้ครับ <O:p</O:p
    8.การนำพระแท้ไปไว้ในที่ไม่สมควร เทวดาที่รักษาองค์พระพิมพ์ ท่านอาจจะไม่อยู่ครับ และทำให้พลังขององค์พระพิมพ์นั้นเสื่อมได้ครับ ตามหลัก มีเกิดได้ก็มีดับได้นะครับ<O:p</O:p
    9.พระพิมพ์ที่ปลุกเสกโดยพระคณาจารย์บางองค์นั้น จะเป็นสื่อให้กับพระคณาจารย์หรือเทพเบื้องบน เวลาที่มีเหตุให้ช่วย พระคณาจารย์หรือเทพเบื้องบนบางองค์จะทราบและจะลงมาช่วยเหลือ โดยพระพิมพ์เป็นเพียงสื่อให้พระคณาจารย์หรือเทพเบื้องบนเท่านั้นครับ<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    <O:p</O:p
    การตรวจสอบพลังอิทธิคุณขององค์พระพิมพ์นั้น ผมแนะนำให้ไปหาผู้ทรงฌานหรือผู้ทรงญาณ หลายๆท่าน(ควรไม่ต่ำว่า 5 ท่าน) นะครับ และผลที่ตรวจได้นั้น ต้องตรงกัน <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    การตรวจสอบพระพิมพ์นั้น ที่ถูกต้องที่สุดก็คือการตรวจทั้งรูป(เนื้อหาทรงพิมพ์)และนาม(พลังอิทธิคุณขององค์พระพิมพ์) การตรวจเฉพาะนาม(เนื้อหาทรงพิมพ์)โดยการส่องกล้องเพียงอย่างเดียวนั้น หากว่าผู้ตำผง (โดยปกติต้องใช้เวลาตำผง 4 ชั่วโมงต่อ 1 ครกนั้น) ตำเพียง 2 หรือ 3 ชั่วโมง เนื้อขององค์พระพิมพ์นั้นก็จะไม่เหมือนกันการตำที่ใช้ระยะเวลา 4 ชั่วโมง หรือบล็อกแม่พิมพ์นั้น มีการสร้างโดยช่างสิบหมู่หลายๆท่าน ในแต่ละท่านอาจมีสัญลักษณ์(ที่เราๆเรียกว่าโค๊ต)ของตนเองก็มีครับ<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผมเอง แล้วแต่ท่านผู้อ่านใช้ว่ามีคิดเห็นกันอย่างไรครับ<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    สุดท้ายผมขอโมทนาในบุญกุศลที่ทุกๆท่านได้ทำด้วยครับ<O:p</O:p
    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  20. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ผมได้ไปสมัครสมาชิกเว็บพลังธรรมมาตามเสียงกระซิบของน้องguawn คิดว่าจะไปตั้งกระทู้ที่เว็บพลังธรรม จะใช้ชื่อว่า "พระวังหน้า ที่หลวงปู่เทพโลกอุดรอธิษฐานจิต" ไม่ทราบว่า พี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆทุกๆท่านคิดเห็นกันอย่างไรครับ

    http://www.palungdham.com/board/index.php

    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=alt1 width="100%">[​IMG] Palungdham Forums
    </TD><TD class=alt2 vAlign=top noWrap>ยินดีต้อนรับ คุณ sithiphong
    คุณมาครั้งล่าสุดเมื่อ วันนี้ เวลา 04:35 PM
    ข้อความส่วนตัว: Unread 0, Total 0.
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead colSpan=2>สถิติโดยสรุปของ Palungdham Forums </TD></TR></TBODY><TBODY id=collapseobj_forumhome_stats><TR><TD class=alt2>[​IMG]</TD><TD class=alt1 width="100%">กระทู้: 348, ข้อความ: 428, สมาชิก: 911, สมาชิกเข้ามาบ่อย: 69
    ยินดีต้อนรับ คุณ sithiphong เป็นสมาชิกคนล่าสุด

    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    .
     

แชร์หน้านี้

Loading...