พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

อีก ๑ เหรียญดีที่อยากแนะนำให้ลองค้นหากัน ผมได้พบเมื่อ"วันจักรี"ปีที่แล้วนี้เอง ก็งงอยู่เหมือนกันว่าทำไมมาพบเอาในวันนี้?

เป็นเหรียญเฉลิมฉลองพระนครครบ ๑๐๐ ปี จัดสร้างขึ้นในรัชสมัยของรัชกาลที่ ๕ ปีที่ ๑๕ ของการขึ้นครองราชย์ ด้านหน้าเป็นพระบรมฉายาลักษณ์ของรัชกาลที่ ๑-รัชกาลที่ ๕ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ บรรจุพระนามของแต่ละพระองค์เอาไว้โดยรอบ ด้านหลังเป็นพระลัญจกร และพระนามของแต่ละพระองค์โดยรอบ ตรงกลางบรรจุพระฤกษ์ของการก่อตั้งกรุงรัตนโกสินทร์ และพระฤกษ์ครบรอบปีที่ ๑๐๐ ของการก่อตั้งกรุงรัตนโกสินทร์ เป็นเหรียญที่มีลักษณะใหญ่มาก และมีความหนามากเป็นพิเศษ ทำด้วยโลหะทองแดงผสม มีน้ำหนักที่มากกว่าปกติ

ครั้งแรกที่นำให้อาจารย์ปู่ประถมตรวจสอบวันเสาร์ ๕ ที่ ๗ เมษายน ๒๕๕๐ ทันทีที่ท่านจับเหรียญท่านยิ้ม และอุทานออกมาว่า "โอ! กระแสโลกอุดร แรงมาก..."

มีพระเครื่องที่จัดสร้างในปีฉลองพระนครครบ ๑๐๐ ปีในปีพ.ศ. ๒๔๒๕ อีกมากมาย และยังทันหลวงปู่ท่านเจ้ากรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ ก็ลองค้นหากันดูครับ ถือว่าเป็นการศึกษาไม่ให้สูญหายไป

 

อืมมมมมมมมม ทำให้อยาก(ได้) แล้วก็จากไป(ลับไม่กลับมาหา) อีกแล้วนะเนี่ย คุณเพชรรรรรรรรรรรรรรรรรร

.

 

มาแอบกระซิบกัน(เบาๆ) ว่า คุณเพชรเอง มีอีกหลายๆสิ่ง หลายๆอย่าง ที่เป็นวัตถุมงคลที่เราๆท่านๆ หาชมได้ยาก

ต้องช่วยๆกัน กระตุ้น ,กระเซ้า ,เย้าแหย่ ให้คุณเพชร หลุดออกมา(ให้ชม)อีก ช่วยๆกันครับ

.

 

โอ! คุณหนุ่ม ผมเขียนตัวสะกดผิดไป ๒ แห่ง คือรัชกาลที่ ๑ ผมตกตัวอักษร"ล" ไป เลยกลายเป็น"กา"ไม่ใช่ "กาล"ไป แก้ไขจาก"กา" เป็น"กาล"

แห่งที่ ๒ ปีพ.ศ. ๒๔๒๕ ผมพิมพ์เป็น ๒๕๒๕

ขอรบกวนแก้ไขให้ด้วยนะครับ ข้อมูลว่ากันปากต่อปากกันไปจะเพี้ยนกันครับ...ขออภัยด้วยครับ

 

ผมคิดว่าหากมีผู้ที่ศึกษาโหราศาสตร์แขนงไหนก็ตามแต่ หากได้ทราบข้อมูลเหรียญนี้ เขาจะพยายามหาไว้บูชา สาเหตุเนื่องจากว่าการบรรจุพระฤกษ์ก่อตั้งพระนคร และพระฤกษ์วันที่จัดสร้างนั้น ผู้จัดสร้างน่าจะมีความรู้ทางโหราศาสตร์ด้วยการเขียนวันเดือนปีตามหลักโหราศาสตร์ไว้ครับ...พิจารณาจากตัวอักษรด้านหลังเหรียญนี้นะครับ

 

เมื่อวันเสาร์(5 มค.51)ที่ผ่านมา ผมลืมถามหลวงปู่ว่า ไม้เท้าใช้อย่างไร ลืมจริงๆ

สิ่งที่หลวงปู่ได้สอนทุกๆท่านที่ได้มีโอกาสฟัง อย่าลืมกันนะครับ "นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้น คณะเรายังไม่ได้ทำอะไรเลย"

เมื่อเปรียบเทียบกับสิ่งที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้มีพระเมตตา ทนทุกข์ทรมาณมา 6 ปี แล้วสำเร็จเป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และพระองค์ท่านมีพระเมตตาทรงสั่งสอนเวไนยสัตว์ทั้งหลาย ให้มีดวงตาเห็นธรรม เข้าสู่พระนิพพาน

เมื่อเปรียบเทียบกับคณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร ที่พระองค์ท่านได้มีพระเมตตาช่วยเผยแพร่พระศาสนาและค้ำจุนพระศาสนาให้อยู่ครบ 5,000 ปี

ช่างเทียบไม่ได้กับทุกๆท่านและผมที่ได้ทำมา สิ่งที่ทุกๆท่านและผมได้ทำมา ยังเป็นเพียงเศษเสี้ยวธุลีของพระเมตตาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและคณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร ที่ได้ทรงกระทำมาต่างๆนานาในการเผยแพร่พระพุทธศาสนา

ทุกๆท่านและผมเอง ยังคงต้องทำกันต่อไป ด้วยกำลังใจที่เข้มแข็งครับ

.

 

http://mediacenter.mcu.ac.th/data/caipyo/m5/web/hungtoom/p23.php

วาสนา

 

รู้แล้วครับว่า

วาสนาบารมีไม่ต้องช่วงเวลานั้น

เพราะผมนัดพี่ หลายท่านไปไหว้พระที่วัดหลายที่

นัดกันข้ามปีอย่างนี้
ผมจะปฏิเสธได้อย่างไร

แต่ผมก็ยินดีกับทุกท่านครับ
ที่มีโอกาสเห็นหลายๆ สิ่ง

สาธุครับ

 

คราวหน้ายังมี ยังต้องร่วมเดินทางกันไปอีกยาวนาน เป็นกำลังใจให้นะครับ

.

 

ตั้งใจนำมาให้ชมกันถึงของดีที่หายาก เหรียญนี้ได้รับมาจากคุณลุงท่านหนึ่งเกษียณอายุราชการปัจจุบันอายุอานาม ๙๐ กว่าปีเข้าไปแล้ว ผมกำลังจะบอกว่า เมื่อได้"วาระ" ท่านจะได้รับมาเอง และในราคาที่ถูกมากเหมือนแจกฟรีนั่นแหละ ตรงตามที่พี่ท่านหนึ่งของคณะเราบอกนั่นแหละครับ วันที่ได้รับเป็นวันจักรี ทันนำไปร่วมพุทธาภิเษกเสาร์ ๕ วันที่ ๗ เมษายน ๒๕๕๐ จะบังเอิญอะไรขนาดนั้น และไม่ได้ไปขวนขวายพยายามมากมายเลย ผ่านตาแล้วเกิดต้องใจ สะดุดใจเท่านั้นครับ

อีกเหตุผลหนึ่งกำลังจะบอกว่าปีสำคัญๆที่ครบรอบวันสำคัญอะไรประมาณนี้ มีหน่วยงานที่จัดสร้างวัตถุมงคลที่ระลึกออกมามากมาย ผมจำได้ว่าปีที่กรุงเทพครบ ๒๐๐ ปี ผมได้บูชาเหรียญประจำวันเกิดมา ๑ เหรียญ ในช่วงการฉลองพระนครครบ ๕๐ ปี ๑๐๐ ปี ๑๕๐ ปี เพื่อนๆลองคิดเล่นๆย้อนหลังดูนะครับว่า เป็นไปได้มากน้อยเพียงใดที่ภูมิปัญญาของคนโบราณจะด้อยไปกว่าคนปัจจุบันหรือ? การถือฤกษ์ถือยามของคนโบราณเข้มงวดกว่าปัจจุบันมาก อีกทั้งเจตนาการจัดสร้างก็บริสุทธิ์กว่าปัจจุบันมาก เหรียญนี้มีบันทึกไว้ในหนังสือทำเนียบเหรียญของไทย ราคาประมาณเล่มละ ๑,๕๐๐ บาท

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>"ข้าวเหนียวปิ้ง" EXPORT/แม่ช้อยนางรำ
http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9510000001997
</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>7 มกราคม 2551 14:42 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> โดย : แม่ช้อยนางรำ

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5></TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=250 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=250> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>"เตาปิ้งข้าวเหนียว" ที่ต้องพัฒนาให้ทันสมัย แต่ยังใช้ถ่านเพื่อบริการลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE> "ยอดของข้าวเหนียวปิ้ง วงการปิ้งข้าวเหนียว
เจ้าเดียวที่ทำตาม "ออเดอร์" สั่งจากต่างประเทศ"

ขึ้นปีใหม่...แต่อีชั้นจะเขียนของกินเก่า

ก็เพราะหมั่นไส้ เด็กเล็กสมัยนี้พอถึงเทศกาลขึ้นปีใหม่ลงปีเก่า ก็จะกินกันแต่..ขนมเด็ก!!

ขนมมะเหงกกินเป็นมั้ย?

เจ้านายเจ้าค่ะ ช่วงปลายปีที่ผ่านไป และต้นปีใหม่ที่ผ่านมา อากาศค่อนข้างจะเย็น...เย็นสบาย แต่ไม่ถึงกับหนาวเหมือนภาคเหนืออีสานบ้านเฮาก็เลยอยากจะแนะนำเจ้านายให้รู้จักของกินเล่น...เล่นเวลาอากาศหนาวเย็นที่กรรมเวร เด็กสมัยนี้แทบจะไม่รู้จัก.. "ข้าวเหนียวปิ้ง"

.............................................................................

สมัยเด็กอยู่ต่างจังหวัด "กรุงเก่า" บ้านอีชั้นจะปิ้งข้าวเหนียวห่อใบตองปิ้งบนเตาถ่าน ทั้งอุ่นทั้งอร่อยแบ่งกินกัน...หายหนาว

ถ้าอยู่อีสานก็จะปิ้งข้าวเหนียวคลุกไข่ใส่เกลืองา เรียกว่า...ปิ้งข้าวจี่

ตอนไปอยู่เหนือเชียงราย ก็จะเผา "ข้าวหลาม" เผากินกันกลางดอย ทั้งอร่อยทั้งลำ

เมื่อวันหยุดตั้งสาม..สี่วันที่ผ่านมา

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>"ข้าวเหนียวปิ้ง" สูตรโบราณ แบบชาวบ้าน ข้าวเหนียวกลิ่นใบเตย มันมะพร้าวหวานข้าวเหนียวหอมใบตอง</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE> อีชั้นอิ่มอร่อยกันทั้งบ้านด้วย "ข้าวเหนียวปิ้ง" อุ่นอร่อยแบบสมัยเด็ก กินกันทั้งครอบครัว

มะ...มาอีชั้นจะแนะนำ "ข้าวเหนียวปิ้ง" อร่อยเจ้านี้ให้เจ้านาย

ข้าวเหนียวปิ้ง
แบบ "ชาวบ้าน"

คนขายชื่อ "ป้าสุทิน" ถ้าจำไม่ผิด
ทำข้าวเหนียวปิ้งขายอยู่ในซอย
โรงหนังจักรวาลข้างโบสถ์แม่พระฟาติมา
ถนนดินแดงมาสี่...ห้าสิบปี
ข้าวเหนียวปิ้งของป้ามี 4 ไส้
กล้วย/เผือก/กุ้งและทุเรียนแปลกมั๊ย

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>"ข้าวเหนียวปิ้ง" สูตรโบราณ แบบชาวบ้าน ข้าวเหนียวกลิ่นใบเตย มันมะพร้าวหวานข้าวเหนียวหอมใบตอง</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE> ข้าวเหนียวปิ้งเจ้านี้ ลูกค้าตั้งสมญานามให้ว่า

"ข้าวเหนียวปิ้งเอ็กซ์ปอร์ต" คือ เขาส่งไปขายเมืองนอกจริงๆ ลูกค้าส่วนใหญ่ก็คือร้านอาหารที่อยู่ต่างประเทศ

เหตูที่ต้องสั่งข้าวเหนียวเจ้านี้ก็เพราะว่า เก็บได้นานเป็นสัปดาห์ข้าวเหนียวไม่แข็ง ไส้ก็ยังไม่ร่วน

อย่างที่อีชั้นซื้อมาเป็นสิบ..สิบอันกินไม่หมดก็เก็บเอาไว้ได้สาม..สี่วัน อยากกินเมื่อไหร่ก็ใส่ไมโครเวฟ เป็นอันว่าอร่อยเหมือนเดิม

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=250 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=250> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>"ป้าสุทิน" คนเดียวในวงการข้าวเหนียวปิ้งทำส่งขายต่างประเทศทั่วโลก</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE> เพราะฉะนั้นร้านอาหารไทยในต่างประเทศสั่งซื้อเป็นประจำ ตลาดใหญ่อยู่อเมริกา ใครไปแอล..เอมาก็ควรแปลกใจ เพราะขนมไทยที่เอ็กซ์ปอร์ตไปจากเมืองไทยก็คือ ขนมหม้อแกง..กับข้าวเหนียวปิ้งเจ้านี้

ขอแนะนำเจ้านายว่า เลิกกินเค้ก กินเบเกอรี่ฝรั่งกันเถอะ

ปีนี้จะต้องเน้นเศรษฐกิจพอเพียง ไม่งั้นปีชวดหนู จะเป็นปีเดี้ยง!!

กินขนมไทยถูกแล้วอร่อยดี อย่างข้าวเหนียวปิ้งเจ้านี้ แฮปปี้!!

กินเล่นก็อร่อยดี

กินอิ่มก็อร่อยได้

ร้านนี้หาง่าย ไปถนนดินแดงจะมีโบสถ์แม่พระฟาติมา ข้างโบสถ์จะมีซอยเข้าโรงหนังจักรวาล เข้าซอยนี้เพียงไม่กี่เมตร ก็จะเห็น..ข้าวเหนียวปิ้งเอ็กซ์ปอร์ต

...เหมาข้าวเหนียวปิ้งของป้ามาเลี้ยงลูกน้องทั้งบริษัท ถูกชะมัด ถูกกว่าซื้อเค้กฝรั่งเลี้ยงพนักงาน กินกันจนอาน กินกันจนเอียนแล้วเจ้าค่ะ เจ้านาย...
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
************************************************

 

ไปแอบฟังหลายๆคนคุยกันครับ

http://www.gchats.com/red5chat/visichat/visichat.php

.

 

ผมได้ยินเสียงของใครคนหนึ่ง ร้องบอกผ่านเสียงหูโทรศัพท์ว่า "ล้างจานเสร็จหรือยัง"
​

 

อ้างอิง:

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong
ไปแอบฟังหลายๆคนคุยกันครับ

http://www.gchats.com/red5chat/visichat/visichat.php


</TD></TR></TBODY></TABLE>

เงียบๆไว้ นั่งอยู่ข้างหลังผมเอง หุหุหุ

.

 

<TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 9 คน ( เป็นสมาชิก 4 คน และ บุคคลทั่วไป 5 คน ) </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>sithiphong, :::เพชร:::+, aircgo, มุซาชิ </TD></TR></TBODY></TABLE>

ขอให้อ่านให้สนุก เก็บเกี่ยวความรู้กันไปนะครับ

.

 

ความแตกต่างระหว่างความศรัทธากับความงมงาย<O</O​

ศรัทธากับความงมงายแตกต่างกันอย่างไร แล้วเราจะแยกแยะออกจากกันอย่างไร<O</O

ศรัทธาที่ปราศจากการพิจารณาประกอบ จะโน้มเอียงเป็นความงมงาย ส่วนศรัทธาที่มีการพิจารณาแล้ว(หรือให้ดีกว่านั้นคือเห็นตามจริงจากประสบการณ์แล้ว) ว่าสิ่งที่ศรัทธามีคุณอย่างไร มีโทษอย่างไร<O</O
เมื่อใดพิจารณาแล้วว่าสิ่งที่ศรัทธา เช่นพระพุทธเจ้าและคำสอนของท่าน มีแต่คุณ คือเอี้อให้ดำรงตนอย่างเป็นสุข มีชีวิตโดยไม่ต้องหวาดกลัวกับทั้งไม่มีโทษ คือไม่ต้องเอาความเชื่อทางศาสนาไปเป็นข้ออ้างเบียดเบียนใคร มีชีวิตโดยไม่ต้องเป็นที่หวาดผวาของใคร ๆ พอตรึกตรองรอบคอบแล้วจึงยึดพระพุทธเจ้ากับคำสอนของท่านเป็นสรณะ อย่างนั้น เรียกว่าศรัทธาอันประกอบด้วยปัญญา<O</O

ความเชื่อในช่วงเริ่มต้นเพียงน้อยนิดนั้น คือศรัทธาที่เปรียบเหมือนเปลวไฟดวงน้อยบนหัวไม้ขีด แต่ก็อาจกลายเป็นชนวนความสว่างที่ยั่งยืน ขอเพียงนำเปลวไฟน้อยไปประดิษฐานให้ถูกที่เช่น ไส้เทียนใหญ่คือปัญญาอันตั้งลำมั่นคง สติปัญญา ความมีเหตุผล และประสบการณ์ประจักษ์แจ่มแจ้งเท่านั้น จะรักษาศรัทธาไว้ได้ตลอดรอดฝั่งกระทั่งตัวตายไปพร้อมกับศรัทธา เปรียบเหมือนคนตาบอดที่ผ่าตัดได้ดวงตาแล้ว ลืมตาขึ้นเห็นสีสันและความจริงทั้งหลายแล้ว ก็ย่อมไม่มีคนตาบอดและคนตาดีที่ไหนมาหลอกได้ว่า โลกและสีสันความจริงเป็นอย่างอื่น ไม่ใช่อย่างที่กำลังเห็น<O</O

อย่างไรก็ตาม ในแง่ของศรัทธาในศาสนาแล้ว เมื่อยังไปไม่ถึงจุดที่ ได้ดวงตาเห็นความจริง ก็อาจมีหลายสิ่งที่คลุมเครือก้ำกึ่งกันอยู่ บางครั้งแม้ศรัทธาอย่างมีปัญญาประกอบแล้ว ก็เหมือนจำต้องงมงายเชื่อไว้ก่อน ยกตัวอย่างเช่นศาสนาพุทธบอกว่ากรรมวิบากมีจริง ทุกสิ่งมีเหตุผลที่มาที่ไปเสมอ เราส่งใจพิจารณาตามแล้วก็คล้อยตามได้ โดยไม่รู้สึกว่าตัวเองเหมือนคนโง่ที่ใครพูดมาก็เชื่อหมด แต่กรรมวิบากก็เป็นเรื่องอจินไตย ถ้าขาดสมาธิผ่องแผ้ว ขาดตาทิพย์ทะลุมิติกรรมวิบาก เราก็ไม่อาจพิสูจน์จะแจ้งด้วยจิตตนเองอยู่ดี <O</O

ตรงนี้แหละ ตรงที่ตระหนักว่ายังต้องฟังผู้อื่นพูด ก็ต้องอาศัยศิลปะ อาศัยหลักการแยกแยะว่าเรารับฟังอย่างงมงายหรือรับฟังด้วยศรัทธาที่ประกอบปัญญา พูดง่าย ๆ ว่า หากศรัทธาแล้วเราถูกปล้นปัญญา ปล้นเหตุผล ปล้นความเป็นตัวเราไปหมด เขาใช้วิธีบีบคอ บอกอะไรเราต้องเชื่อหมด ขู่อะไรเราต้องหงอหมด อย่างนั้นเขาวางตัวเป็นผู้ทำเราให้เชื่ออย่างงมงายแล้ว<O</O

แต่หากศรัทธาแล้วเรายิ่งมีปัญญาคิดอ่านอะไรทะลุปรุโปร่ง อ่านปัญหาขาด แก้ข้อติดขัดได้หมด กับทั้งยังคงเป็นตัวของตัวเอง ไม่ต้องตกอยู่ในภาวะพึ่งพา เป็นผู้ได้เหตุผลที่ทำให้ชีวิตเป็นสุขขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งทางใจและทางกาย อย่างนี้เขาส่งเสริม ให้เรามีศรัทธาในแบบที่เป็นขาตั้งให้ปัญญาแข็งแรงยั่งยืน ยิ่งฐานศรัทธากว้างขวางมั่นคงเพียงใดปัญญาก็ยิ่งต่อยอดขึ้นสูงได้มากขึ้นเพียงนั้น

ทั้งหมดที่กล่าวก็กล่าวตามเนื้อผ้านะครับ ไม่ใช่ข้อตัดสินแบบจำเพาะเจาะจงลงไปที่ศาสนาไหนหรือคนกลุ่มใด พระพุทธองค์เคยให้หลักการไว้ ว่าจะเชื่อนั้นอย่าเชื่อเพราะเหตุผลอื่นใด ขอให้คำนึงเพียงประการเดียวว่าเชื่อแล้วเป็นประโยชน์หรือเป็นโทษ มีเหตุผลเป็นสุขหรือเป็นทุกข์กับตนเองและผู้อื่น นี่แหละครับจึงจะกล่าวได้เต็มปากว่าศรัทธาแบบพุทธ<O</O
<O</O

* บทความจาก เตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัว เล่ม 5 ผู้เขียน ดังตฤณ

 

ผมก็ได้มีโอกาศไปบ้านปู่ด้วย และร่วมกราบปีใหม่กับปู่พร้อมกับสวัสดีปีใหม่ และทานอาหารเที่ยงร่วมกันกับพี่น้องๆ รู้มีความตืนตันใจเป็นอย่างยิ่ง เหมือนกับรู้จักกันมาเป็นแรมปี ทั่งคุณเพชร, คุณกวง, คุณน้องหนู และท่านอื่นๆ ยินดีที่ไดพบและได้รู้จัก โชคดีปีใหม่นะ ครับทุกๆท่าน

ยิ่งกว่านั้นคุณหนุ่มได้มอบพระสมเด็จยาวาสนาให้ผม ๑๐๐ องค์เพื่อที่ร่วมทำบุญในการสร้าง หอระฆัง ณ วัดพุทธประทีป ซึ่งผมได้ขอรับเป็นผู้ที่จะจัดทุนในการสร้างในครั้งนี้ แบบของการสร้าง จากกรมการศาสนา ที่ท่านเจ้าอาวาสวัดพุทธประทีป พระราชภาวนาวิมล ซึ่งเป็นหัวหน้าพระธรรมทูต กำลังดำเนินการขออนุญาติทางการของเมืองวิมเบอร์ดัน กรุงลอนดอนอยู่ คาดว่าคงจะได้รับอนุญาติใน ๒-๓ เดือนข้างหน้านี้ หลังจากนั้นก็จะลงมือก่อสร้างทันที่ งบประมาณคาดว่า ๑ แสนปอนด์ หรือ ประมาณ ๗ ล้านบาท ส่วนพระที่คุณหนุ่มมอบให้มานั้น ผมจะนำออกมอบให้กับผู้ที่ร่วมทำบุญ ซึ่งผมจะกำหนดและแจ้งให้ทราบ หลังจากเรียนให้ท่านเจ้าอาวาสทราบก่อน

ผมขอขอบคุณ คุณหนุ่มมากในทุกๆอย่างที่คุณได้ทำมาทั้งการเผยแพร่ประวัติ และได้พยายามต่อสู้เพื่อความถูกต้องของพระวังหน้า และได้ชักนำผมให้ได้พบกับเพชรแท้ ของวงการประวัติศาสตร พระเครื่องตระกูลสมเด็จ ท่านปู่ประถม อาจสาคร ซึ่งท่านไม่ได้มีความต้องการสิ่งตอบแทนในเชิงพานิชยเลยแม้แต่น้อย เพียงแตต้องการให้ชนรุ่นหลังได้มีโอกาสเรียนรู้ในสิ่งที่ถูกต้อง แต่เป็นที่น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่งที่ ทั้งหลายที่เรียกตัวเองว่าเซียนพระ ไม่ต้องที่จะทำเช่นเดียวกับปู่

ผมได้แนบเวปของวัดพุทธประทีปมาด้วย หากพี่ๆ น้องๆ ต้องการมีความรู้เพิ่มเติม เวปของวัด ซึ่งจะเน้นการเผยแพร่พระพุทธศาสนาในต่างแดน ส่วนอีกเวปหนึ่ง จะเห็นกิจกรรม ของเด็กนักเรียน โรงเรียนพุทธศาสนาวันอาทิตย์ ซึ่งจะมีการเรียนการสอนภาษาไทย, วัฒธรรมไทย, ดนตรีไทย, รำไทย และ พุทธศาสนา ให้กับเด็กไทย รวมทั้งผู้สนใจอื่นๆ ซึ่งอยู่ภายใต้การดำเนินการ ของวัดพุทธประทีป

http://www.buddhapadipa.org/
http://www.siaminuk.org.uk/sunday_school/sund.swf
http://miltonpictures.co.uk/thai.file/wat.html

ขอขอบคุณทุกท่าน อีกครั้งนะครับ

 

โมทนาสาธุด้วยครับ

 

มาฝึก"ไท้เก๊ก"เสริมสุขภาพกาย ใจ กันhttp://palungjit.org/showthread.php?p=904977#post904977

<LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>

 

โมทนาสาธุครับ ท่าน drmetta ผมมองจากรอยยี้มแล้วผมเชื่อว่าวันนั้น พี่มีความสุขมากๆครับ ยินดีและดีใจด้วยครับ
nongnooo...