วัตถุมงคล หลวงพ่อฤาษีฯ- หลวงปู่ชื้น-เหล็กไหล หลวงพ่อหวล-ของทนสิทธ์ฯลฯ

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย saipote, 19 สิงหาคม 2012.

  1. big2544

    big2544 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 เมษายน 2008
    โพสต์:
    60
    ค่าพลัง:
    +83
    ส่งให้หรือยังครับ

     
  2. saipote

    saipote เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2009
    โพสต์:
    6,115
    ค่าพลัง:
    +9,778
    ส่งแล้วค่า ไซลืมพิมพ์แจ้งค่า:cool:
     
  3. big2544

    big2544 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 เมษายน 2008
    โพสต์:
    60
    ค่าพลัง:
    +83
    ได้รับแล้วครับ
    ได้รับพระธาตุข้าวบิณฑ์ด้วย ขอบคุณมากครับ

     
  4. saipote

    saipote เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2009
    โพสต์:
    6,115
    ค่าพลัง:
    +9,778
    รับทราบค่า ขอบคุณเช่นกันค่า:cool:
     
  5. saipote

    saipote เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2009
    โพสต์:
    6,115
    ค่าพลัง:
    +9,778
    ** เหรียญวชิระมงกุฎ **6
    (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ร่วมปลุกเสก)

    ข้อมูลนี้มาจากหนังสือประวัติของวัดมกุฏฯ นำมาให้ดูกัน ข้อมูลปี 19 หาได้ในเว็บทั่วไปเเต่ข้อมูลปี 22 ไปเอามาจากหนังสือของวัด

    นี่คือข้อมูลพิธีที่เหรียญได้เข้าพิธีปี 2519 เเละ อีกทีปี 2522 หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ล.ป ชา มาร่วมด้วย

    พิธีพุทธภิเษก

    เมื่อสร้างเสร็จเป็นองค์พระแล้ว ได้ประกอบพิธีพุทธาภิเษกขึ้นอีก 7 วัน ณ พระอุโบสถคณะรังษี วัดบวรนิเวศวิหารฯ เมื่อวันที่ 5-11 ก.ค. 2519

    รายนามพระเกจิคณาจารย์ที่นั่งปรกปลุกเสกและเจริญพุทธมนต์พระสมเด็จพระอุณาโลมทรงจิตลดา - นางพญา สก. 2519

    1. วันจันทร์ 5 ก.ค. 2519 เวลา 17.00 น.
    พระเกจิคณาจารย์ที่นั่งปรกปลุกเสก
    1. สมเด็จพระญาณสังวร วัดบวรฯ
    2. พระสังวรวิมลเถระ(หลวงปู่โต๊ะ) วัดประดู่ฉิมพลี
    3. หลวงปู่สิม พุทธาจาโร วัดถ้ำผาปล่อง เชียงใหม่
    4. หลวงพ่อเมตตาหลวง วัดเทพพิทักษ์ฯ นครราชสีมา
    5. พระเทพวราลังการ(หลวงปู่ศรีจันทร์) วัดศรีสุทธาวาส จ.เลย
    6. พระสุทธิสารโสภณ วัดศรีโพแท่น จ.เลย
    7. หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ วัดป่านิโครธาราม จ.อุดรธานี
    พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ เจริญพุทธมนต์ ๑๐รูป
    1. สมเด็จพระวันรัต วัดสังเวชวิศยาราม
    2. สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ วัดสามพระยา
    3. สมเด็จพระพุทธิวงศมุนี วัดเบญจมบพิธ
    4. พระพรหมคุณากรณ์ วัดสระเกศ
    5. พระธรรมวราลังการ วัดบุปผาราม
    6. พระธรรมวิสุทธาจารย์ วัดพิชัยญาติการาม
    7. พระธรรมธีรราชมหามุนี วัดปากน้ำ
    8. พระราชสารมุนี วัดเขมาภิรตาราม
    9. พระปริยัติเมธี วัดมกุฎกษัตริย์
    10. พระอุดมศีลคุณ วัดบุรณศิริมาตยาราม

    2. วันอังคาร 6 ก.ค. 2519
    พระเกจิคณาจารย์ที่นั่งปรกปลุกเสก
    1. พระสังวรวิมลเถระ (หลวงปู่โต๊ะ) วัดประดู่ฉิมพลี
    2. หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ วัดป่านิโครธาราม จ.อุดรธานี
    3. พระอาจารย์วัน อุตตโม วัดอภัยดำรงธรรม สกลนคร
    4. หลวงพ่ออ่อนสี วัดพระงาม หนองคาย
    5. หลวงพ่อมา วัดวิเวกอาศรม ร้อยเอ็ด
    6. พระโพธิสังวรเถร (หลวงพ่อฑูรย์) วัดโพธินิมิต ธนบุรี
    7. พ่อหลวงเปลื้อง ปญญานโต วัดบางแก้วผดุงธรรม จ.พัทลุง
    3. วันพุธ 7 ก.ค. 2519
    พระเกจิคณาจารย์ที่นั่งปรกปลุกเสก
    1. พระสังวรวิมลเถระ (หลวงปู่โต๊ะ) วัดประดู่ฉิมพลี
    2. พระอาจารย์วัน อุตตโม วัดอภัยดำรงธรรม สกลนคร
    3. พ่อหลวงเปลื้อง ปญญานโต วัดบางแก้วผดุงธรรม จ.พัทลุง
    4. หลวงพ่ออ่อนสี วัดพระงาม หนองคาย
    5. หลวงพ่ออ่อน วัดประชานิยม กาฬสินธุ์
    6. หลวงปู่สี มหาวีโร วัดประชาคมฯ ร้อยเอ็ด
    7. หลวงพ่อชา วัดศรีแก่งคร้อ ชัยภูมิ
    8. หลวงพ่อชม วัดป่าบ้านบัวค่อม อุดรธานี
    9. หลวงพ่อบุญมา วัดอุดมคงคาคีรีเขต
    10. หลวงพ่อมา วัดวิเวกฯ ร้อยเอ็ด

    4. วันพฤหัสบดี 8 ก.ค. 2519
    พระเกจิคณาจารย์ที่นั่งปรกปลุกเสก
    1. พระสังวรวิมลเถระ (หลวงปู่โต๊ะ) วัดประดู่ฉิมพลี
    2. พ่อหลวงเปลื้อง ปญญานโต วัดบางแก้วผดุงธรรม จ.พัทลุง
    3. หลวงปู่สี มหาวีโร วัดประชาคมฯ ร้อยเอ็ด
    4. หลวงพ่อบุญมา วัดอุดมคงคาคีรีเขต
    5. พระอาจารย์สาม วัดป่าไตรวิเวก สุรินทร์
    6. หลวงพ่อจ้อย วัดสุวรรณประดิษฐ์ สุราษฎร์ธานี
    7. หลวงพ่อบุญรักษ์ วัดคงคาวดี สิชล นครศรีธรรมราช
    8. หลวงพ่อเหรียญ วัดป่าอรัญญบรรพต หนองคาย
    9. พระอาจารย์บัวพา วัดป่าพระสถิต หนองคาย

    5. วันศุกร์ 9 ก.ค. 2519
    พระเกจิคณาจารย์ที่นั่งปรกปลุกเสก
    1. พระสังวรวิมลเถระ (หลวงปู่โต๊ะ) วัดประดู่ฉิมพลี
    2. พ่อหลวงเปลื้อง ปญญานโต วัดบางแก้วผดุงธรรม จ.พัทลุง
    3. หลวงพ่อพุธ วัดป่าสาละวัน นครราชสีมา
    4. หลวงพ่อโชติ วัดภูเขาแก้ว อุบลฯ
    5. หลวงพ่อพั่ว วัดบ้านนาเจริญ อุบลฯ
    6. พระอาจารย์สมชาย วัดเขาสุกิม จันทบุรี
    7. หลวงพ่อจันทร์(อายุ ๑๐๒ปี) วัดนามะตูม ชลบุรี
    6. วันเสาร์ 10 ก.ค. 2519
    พระเกจิคณาจารย์ที่นั่งปรกปลุกเสก
    1. สมเด็จพระญาณสังวร วัดบวรฯ
    2. พระสังวรวิมลเถระ (หลวงปู่โต๊ะ) วัดประดู่ฉิมพลี
    3. หลวงพ่อเนื่อง วัดจุฬามณี สมุทรสงคราม
    4. หลวงพ่อถิร วัดป่าเลไลย์ สุพรรณบุรี
    5. หลวงพ่อเก็บ วัดดอนเจดีย์ สุพรรณบุรี
    6. หลวงพ่อสนิท วัดศีลขันธาราม อ่างทอง
    7. หลวงพ่อซ้วน วัดลาดใต้ อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา

    7. วันอาทิตย์ 11 ก.ค. 2519
    พระเกจิคณาจารย์ที่นั่งปรกปลุกเสก
    ตอนกลางวัน (เวลา 13.00 - 16.00 น.) หลวงปู่ธูป วัดสุทรธรรมทาน(วัดแค) กทม. นั่งปรกบริกรรมภาวนาเดี่ยว 4 ชั่วโมงเต็ม
    ตอนค่ำ 1. สมเด็จพระญาณสังวร วัดบวรฯ
    2. พระสังวรวิมลเถระ (หลวงปู่โต๊ะ) วัดประดู่ฉิมพลี
    3. หลวงพ่อซ้วน วัดลาดใต้ อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา
    4. พระอาจารย์ผ่อง วัดสามปลื้ม กทม.
    5. หลวงพ่อเส่ง วัดกัลยาฯ ธนบุรี
    6. หลวงพ่อสา วัดราชนัดดา กทม.
    7. พระครูสงัด วัดพระเชตุพนฯ กท

    ในวันที่ 12 ก.ค. 2519 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เสด็จพระราชดำเนิน ทรงเจิมและสุหร่าย สมเด็จนางพญา ส.ก.และพระสมเด็จอุณาโลม ในเวลา 16.00 น. ณ พระอุโบสถคณะรังษี วัดบวรฯ
    รายนามพระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์เจริญชัยมงคลคาถา ๑๐ รูป
    1. สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ วัดราชผติการาม
    2. พระสาสนโสภณ วัดเทพศิรินทราวาส
    3. พระพุทธพจน์วราภรณ์ วัดราชบพิธ
    4. พระญาณวโรดม วัดบวรราชนิเวศ
    5. พระธรรมปาโมกข์ วัดราชประดิษฐ์
    6. พระธรรมเสนานี วัดพระเชตุพนฯ
    7. พระธรรมวราภรณ์ วัดนรนาทสุนทริการาม
    8. พระเทพวราภรณ์ วัดบุรณศิริมาตยาราม
    9. พระเทพปัญญากวี วัดราชาธิวาส
    10 พระเทพกวี วัดบวรฯ

    นี่คือข้อมูล ปี 2522 ได้จากคุณลุงที่วัดมกุฏถ่ายจากต้นฉบับมาซึ่งคุณลุงบอกมีเล่มเดียว นี่คือข้อมูลจะเเจกให้อ่านพร้อมกับพระ
    กำหนดการ

    ประกอบพิธีพุทธภิเษกสมเด็จนางพญาณ พระอุโบสถ คณะรังษี วัดบวรนิเวศวิหารวันที่๙ - ๑๒ เมษายน พ.ศ ๒๕๒๒

    วันที่๙ เมษายน ๒๕๒๒

    เวลา ๑๘.๐๐ น สมเด็จพระญาณสังวร คณะกรรมการการจัดพิธีเเละเจ้าหน้าที่พร้อม ณพระอุโบสถ
    เวลา ๑๘.๓๐
    สมเด็จพระสังฆราช เสด็จเข้าสู่ พระอุโบสถทรงจุดธูปเทียนบูชาพระพุทธปฏิมาพระประธาน

    -ทรงเจิมเทียนชัย ทรงจุดเทียนชัย พระสงฆ์เจริญคาถาจุดเทียนชัยเจ้าหน้าที่อาราธนาศีลพระสงฆ์องค์ประธานให้ศีลสาธุชนรับศีลเจ้าหน้าที่อาราธนาพระปริต พระสงฆ์๑๐รูป เจริญพระพุทธมนต์จบเเล้วถวายจตุปัจจัยไทยธรรม พระสงฆ์อนุโมทนาสมเด็จพระสังฆราช ทรงจุดเทียนที่กระบะมุกข์พระสงฆ์สวดพุทธภิเษก พระอาจารย์๙รูป นั่งบริกรรมภาวนาจนกระทั่งเวลา ๒๒.๓๐ น .เเล้วประพรมน้ำพระพุทธมนต์

    วันที่๑๐ เมษายน พ.ศ ๒๕๒๒
    เวลา ๑๖.๐๐ น. พระสงฆ์ ๔ รูป สวดภารวารพระอาจารย์ ๑ รูป นั่งบริกรรมภาวนา
    เวลา ๑๙.๐๐ น พระสงฆ์ ๔ รูป สวดภารวารพระอาจารย์ ๙ รูป นั้งบริกรรมภาวนาจนกระทั่งเวลา ๒๒.๓๐ น.เเล้วประพรมน้ำพระพุทธมนต์

    วันที่ ๑๑ เมษายน ๒๕๒๒
    เวลา ๑๖.๐๐ น พระสงฆ์ ๔ รูป สวดภารวาร
    เวลา ๑๙.๐๐ น พระอาจารย์ ๙ รูปนั่งบริกรรมภาวนาจนกระทั่งเวลา ๒๒.๓๐ น.สมเด็จพระญาณสังวร ดับเทียนชัยพระสงฆ์ทั้งนั้นเจริญคาถาดับเทียนชัยจบเเล้วประพรมน้ำพระพุทธมนต์

    วันที่๑๒ เมษายน ๒๕๒๒
    เวลา ๑๕.๐๐ น คณะกรรมการเเละเจ้าหน้าที่พร้อมณ.ห้องประชุมตึกสภาการศึกษามหามกุฎราชวิทยาลัย วัดบวร
    เวลา ๑๕ ๓๐ น สมเด็จพระนางเจ้า พระบรมราชินีนาถเสด็จพระราชดำเนินเข้าสู่ห้องประชุมสภาการศึกษามหามกุฏราชวิทยาลัย ทรงจุดธูปเครื่องนมัสการพระรัตนตรัยประทับพระราชอาศน์สมเด็จพระราชาคณะทรงศีล
    ประธานกรรมการจัดงานกราบบังคมทูลรายงานทรงพระสุหร่ายพระสมเด็จนางพญา(พระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา)

    สมเด็จพระญาณสังวร ประธาน กรรมการมหาวชิราลงกรณ์ราชวิทยาลัยทูนเกล้า ถวาย พระสมเด็จนางพญา ๑๑๐๐๐๐ องค์ (๔๕ กล่อง )
    ทรงประเคนจตุปัยจัยไทยธรรม ทรงหลั่งทักษิโณทก
    (พระสงฆ์ถวายอนุโมทนาอดิเรก)

    รองประธานกนนมการจัดงานเบิกผู้บริจาคทรัพย์โดยพระเสด็จพระราชกุศลสมทบทุนมูลนิธิมหาวชิราลงกรณราชวิทยาลัย มูลนิธิสิรินธรเเละโดยเสด็จพระราชกุศลบำรุงมหาวชิราลงกรณ์ราชวิทยาลัยเข้ารับพระราชทานของที่ระลึกเสด็จไปทรงกราบหน้าเครื่องนมัสการ ทรงลาพระสงฆ์เเล้วเสด็จพระราชดำเนินกลับ เป็นเสร็จพิธี

    รายนามพระอาจารย์ที่อาราธนามานั่งบริกรรมภาวนาในพิธีพุทธภิเษกสมเด็จนางพญา ณ พระอุโบสถ คณะรังษีวัดบวรนิเวศวิหาร วันที่๙ - ๑๒ เมษายน ๒๕๒๒

    ๑ พระเทพวราลังการ (ศรีจันทร์) วัดศรีสุทธาวาส จ เลย
    ๒ พระราชสังวราภิมณท์ (หลวงปู่โต๊ะ) วัดประดู่ฉิมพลี
    ๓ พระราชธรรมวิจารย๋ (หลวงปู่ธูป) วันสุนทรธรรมทาน
    ๔ พระราชสังสรวิสุทธิ์ (บุญเลิศ) วัดราชสิทธาราม
    ๕ พระภาวนาวิมลเถร (สิริ) วัดชนะสงครม
    ๖ พระวิสุทธิสารเถร (ถิร) วัดป่าเลไลย์ สุพรรณบุรี
    ๗ พระรัตนากรวิสทุธิ์ (หลวงปู่ดุลย์) วัดศรีบูรพาราม สุรินทร์
    ๘ พระโพธิญาณเถร (หลวงปู่ชา) วัดหนองป่าพง
    ๙ พระณาญโพธิ (หลวงพ่อเข็ม) วัดสุทัศนเทพวราราม
    ๑๐ พระชินวงศาจารย์ (พุธ) วัดป่าสาลวัน นครราชสีมา
    ๑๑ พระโพธิสังวรเถร (ไพฑูรย์ ) วัดโพธินิมิตร ธนบุรี
    ๑๒ พระอุดมวิสุทธิเถร (อาจารย์วัน) วัดถ้าอภัยดำรง สกลนคร
    ๑๓ พระสุนทรธรรมภาณี (หลวงพ่อเเพ) วัดพิกุลทอง สิงห์บุรี
    ๑๔ พระครูเกษมธรรมานันท์ (เเช่ม) วัดดอนยายหอม
    ๑๕ พระครูสมุทรธรรมสุนทร (หลวพ่อสุด) วัดกาหลง สมุทรสาคร
    ๑๖ พระครูโกวิทสมุทรคุณ (หลวงพ่อเนื่อง) วัดจุฬามณี สมุทรสงคราม
    ๑๗ พระครูธรรมกิจโกศล (นอง) วัดทรายขาว ปัตตานี
    ๑๘ พระครูสุจิตตานุรักษ์ (จวน) วัดหนองสุ่ม สิงห์บุรี
    ๑๙ พระครูสังวรธรรมมานุวัตร (หลวงพ่อพล) วัดหนองคณที สระบุรี
    ๒๐ พระครูถาวรวิทยาคม (เพิ่ม) วัดสรรเพชณ์ นครปฐม
    ๒๑ พระมหาวีระ (ฤษีลิงดำ ) วัดจันทาราม อุทัยธานี
    ๒๒ พระอาจารย์สี มหาวีโร วัดประชาคมวนาราม ร้อยเอ็ด
    ๒๓ พระอาจารย์เหรียญ มหาปุญโญ วัดมหาสมณกิจภาวนา
    ๒๔ พระอาจารย์พัฒน์ สุขกาโม วัดทับซ้าน สกลนคร
    ๒๕ พระอาจารย์เเบน ธนากโร วัดธรรมเดจีย์ สกลนคร
    ๒๖ พระอาจารย์จวน กุลเชฐโร วัดเจติยาคิรี สกลนคร
    ๒๗ พระอาจารย์ฟัก สนติธมโม วัดเขาสามผาน จันทบุรี
    ๒๘ พระอาจารย์สาม อกิญจโน วัดไตรวิเวก สุรินทร์
    ๒๙ พระครูปลัดไพบูลย์ สุมังคโล วัดรัตนาราม พะเยาว์

    นี่คือข้อมูลจากต้นฉบับซึ่งหาได้อยากขนาดคุณลุงที่อยู่วัดมกุฏยังบอกว่ามีเล่มเดียว

    (((ปิดรายการนี้ค่า)))
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSCN1317.jpg
      DSCN1317.jpg
      ขนาดไฟล์:
      22.5 KB
      เปิดดู:
      31
    • DSCN1318.jpg
      DSCN1318.jpg
      ขนาดไฟล์:
      20.2 KB
      เปิดดู:
      31
  6. saipote

    saipote เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2009
    โพสต์:
    6,115
    ค่าพลัง:
    +9,778
    ** เหรียญวชิระมงกุฎ **7
    (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ร่วมปลุกเสก)

    ข้อมูลนี้มาจากหนังสือประวัติของวัดมกุฏฯ นำมาให้ดูกัน ข้อมูลปี 19 หาได้ในเว็บทั่วไปเเต่ข้อมูลปี 22 ไปเอามาจากหนังสือของวัด

    นี่คือข้อมูลพิธีที่เหรียญได้เข้าพิธีปี 2519 เเละ อีกทีปี 2522 หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ล.ป ชา มาร่วมด้วย

    พิธีพุทธภิเษก

    เมื่อสร้างเสร็จเป็นองค์พระแล้ว ได้ประกอบพิธีพุทธาภิเษกขึ้นอีก 7 วัน ณ พระอุโบสถคณะรังษี วัดบวรนิเวศวิหารฯ เมื่อวันที่ 5-11 ก.ค. 2519

    รายนามพระเกจิคณาจารย์ที่นั่งปรกปลุกเสกและเจริญพุทธมนต์พระสมเด็จพระอุณาโลมทรงจิตลดา - นางพญา สก. 2519

    1. วันจันทร์ 5 ก.ค. 2519 เวลา 17.00 น.
    พระเกจิคณาจารย์ที่นั่งปรกปลุกเสก
    1. สมเด็จพระญาณสังวร วัดบวรฯ
    2. พระสังวรวิมลเถระ(หลวงปู่โต๊ะ) วัดประดู่ฉิมพลี
    3. หลวงปู่สิม พุทธาจาโร วัดถ้ำผาปล่อง เชียงใหม่
    4. หลวงพ่อเมตตาหลวง วัดเทพพิทักษ์ฯ นครราชสีมา
    5. พระเทพวราลังการ(หลวงปู่ศรีจันทร์) วัดศรีสุทธาวาส จ.เลย
    6. พระสุทธิสารโสภณ วัดศรีโพแท่น จ.เลย
    7. หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ วัดป่านิโครธาราม จ.อุดรธานี
    พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ เจริญพุทธมนต์ ๑๐รูป
    1. สมเด็จพระวันรัต วัดสังเวชวิศยาราม
    2. สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ วัดสามพระยา
    3. สมเด็จพระพุทธิวงศมุนี วัดเบญจมบพิธ
    4. พระพรหมคุณากรณ์ วัดสระเกศ
    5. พระธรรมวราลังการ วัดบุปผาราม
    6. พระธรรมวิสุทธาจารย์ วัดพิชัยญาติการาม
    7. พระธรรมธีรราชมหามุนี วัดปากน้ำ
    8. พระราชสารมุนี วัดเขมาภิรตาราม
    9. พระปริยัติเมธี วัดมกุฎกษัตริย์
    10. พระอุดมศีลคุณ วัดบุรณศิริมาตยาราม

    2. วันอังคาร 6 ก.ค. 2519
    พระเกจิคณาจารย์ที่นั่งปรกปลุกเสก
    1. พระสังวรวิมลเถระ (หลวงปู่โต๊ะ) วัดประดู่ฉิมพลี
    2. หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ วัดป่านิโครธาราม จ.อุดรธานี
    3. พระอาจารย์วัน อุตตโม วัดอภัยดำรงธรรม สกลนคร
    4. หลวงพ่ออ่อนสี วัดพระงาม หนองคาย
    5. หลวงพ่อมา วัดวิเวกอาศรม ร้อยเอ็ด
    6. พระโพธิสังวรเถร (หลวงพ่อฑูรย์) วัดโพธินิมิต ธนบุรี
    7. พ่อหลวงเปลื้อง ปญญานโต วัดบางแก้วผดุงธรรม จ.พัทลุง
    3. วันพุธ 7 ก.ค. 2519
    พระเกจิคณาจารย์ที่นั่งปรกปลุกเสก
    1. พระสังวรวิมลเถระ (หลวงปู่โต๊ะ) วัดประดู่ฉิมพลี
    2. พระอาจารย์วัน อุตตโม วัดอภัยดำรงธรรม สกลนคร
    3. พ่อหลวงเปลื้อง ปญญานโต วัดบางแก้วผดุงธรรม จ.พัทลุง
    4. หลวงพ่ออ่อนสี วัดพระงาม หนองคาย
    5. หลวงพ่ออ่อน วัดประชานิยม กาฬสินธุ์
    6. หลวงปู่สี มหาวีโร วัดประชาคมฯ ร้อยเอ็ด
    7. หลวงพ่อชา วัดศรีแก่งคร้อ ชัยภูมิ
    8. หลวงพ่อชม วัดป่าบ้านบัวค่อม อุดรธานี
    9. หลวงพ่อบุญมา วัดอุดมคงคาคีรีเขต
    10. หลวงพ่อมา วัดวิเวกฯ ร้อยเอ็ด

    4. วันพฤหัสบดี 8 ก.ค. 2519
    พระเกจิคณาจารย์ที่นั่งปรกปลุกเสก
    1. พระสังวรวิมลเถระ (หลวงปู่โต๊ะ) วัดประดู่ฉิมพลี
    2. พ่อหลวงเปลื้อง ปญญานโต วัดบางแก้วผดุงธรรม จ.พัทลุง
    3. หลวงปู่สี มหาวีโร วัดประชาคมฯ ร้อยเอ็ด
    4. หลวงพ่อบุญมา วัดอุดมคงคาคีรีเขต
    5. พระอาจารย์สาม วัดป่าไตรวิเวก สุรินทร์
    6. หลวงพ่อจ้อย วัดสุวรรณประดิษฐ์ สุราษฎร์ธานี
    7. หลวงพ่อบุญรักษ์ วัดคงคาวดี สิชล นครศรีธรรมราช
    8. หลวงพ่อเหรียญ วัดป่าอรัญญบรรพต หนองคาย
    9. พระอาจารย์บัวพา วัดป่าพระสถิต หนองคาย

    5. วันศุกร์ 9 ก.ค. 2519
    พระเกจิคณาจารย์ที่นั่งปรกปลุกเสก
    1. พระสังวรวิมลเถระ (หลวงปู่โต๊ะ) วัดประดู่ฉิมพลี
    2. พ่อหลวงเปลื้อง ปญญานโต วัดบางแก้วผดุงธรรม จ.พัทลุง
    3. หลวงพ่อพุธ วัดป่าสาละวัน นครราชสีมา
    4. หลวงพ่อโชติ วัดภูเขาแก้ว อุบลฯ
    5. หลวงพ่อพั่ว วัดบ้านนาเจริญ อุบลฯ
    6. พระอาจารย์สมชาย วัดเขาสุกิม จันทบุรี
    7. หลวงพ่อจันทร์(อายุ ๑๐๒ปี) วัดนามะตูม ชลบุรี
    6. วันเสาร์ 10 ก.ค. 2519
    พระเกจิคณาจารย์ที่นั่งปรกปลุกเสก
    1. สมเด็จพระญาณสังวร วัดบวรฯ
    2. พระสังวรวิมลเถระ (หลวงปู่โต๊ะ) วัดประดู่ฉิมพลี
    3. หลวงพ่อเนื่อง วัดจุฬามณี สมุทรสงคราม
    4. หลวงพ่อถิร วัดป่าเลไลย์ สุพรรณบุรี
    5. หลวงพ่อเก็บ วัดดอนเจดีย์ สุพรรณบุรี
    6. หลวงพ่อสนิท วัดศีลขันธาราม อ่างทอง
    7. หลวงพ่อซ้วน วัดลาดใต้ อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา

    7. วันอาทิตย์ 11 ก.ค. 2519
    พระเกจิคณาจารย์ที่นั่งปรกปลุกเสก
    ตอนกลางวัน (เวลา 13.00 - 16.00 น.) หลวงปู่ธูป วัดสุทรธรรมทาน(วัดแค) กทม. นั่งปรกบริกรรมภาวนาเดี่ยว 4 ชั่วโมงเต็ม
    ตอนค่ำ 1. สมเด็จพระญาณสังวร วัดบวรฯ
    2. พระสังวรวิมลเถระ (หลวงปู่โต๊ะ) วัดประดู่ฉิมพลี
    3. หลวงพ่อซ้วน วัดลาดใต้ อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา
    4. พระอาจารย์ผ่อง วัดสามปลื้ม กทม.
    5. หลวงพ่อเส่ง วัดกัลยาฯ ธนบุรี
    6. หลวงพ่อสา วัดราชนัดดา กทม.
    7. พระครูสงัด วัดพระเชตุพนฯ กท

    ในวันที่ 12 ก.ค. 2519 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เสด็จพระราชดำเนิน ทรงเจิมและสุหร่าย สมเด็จนางพญา ส.ก.และพระสมเด็จอุณาโลม ในเวลา 16.00 น. ณ พระอุโบสถคณะรังษี วัดบวรฯ
    รายนามพระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์เจริญชัยมงคลคาถา ๑๐ รูป
    1. สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ วัดราชผติการาม
    2. พระสาสนโสภณ วัดเทพศิรินทราวาส
    3. พระพุทธพจน์วราภรณ์ วัดราชบพิธ
    4. พระญาณวโรดม วัดบวรราชนิเวศ
    5. พระธรรมปาโมกข์ วัดราชประดิษฐ์
    6. พระธรรมเสนานี วัดพระเชตุพนฯ
    7. พระธรรมวราภรณ์ วัดนรนาทสุนทริการาม
    8. พระเทพวราภรณ์ วัดบุรณศิริมาตยาราม
    9. พระเทพปัญญากวี วัดราชาธิวาส
    10 พระเทพกวี วัดบวรฯ

    นี่คือข้อมูล ปี 2522 ได้จากคุณลุงที่วัดมกุฏถ่ายจากต้นฉบับมาซึ่งคุณลุงบอกมีเล่มเดียว นี่คือข้อมูลจะเเจกให้อ่านพร้อมกับพระ
    กำหนดการ

    ประกอบพิธีพุทธภิเษกสมเด็จนางพญาณ พระอุโบสถ คณะรังษี วัดบวรนิเวศวิหารวันที่๙ - ๑๒ เมษายน พ.ศ ๒๕๒๒

    วันที่๙ เมษายน ๒๕๒๒

    เวลา ๑๘.๐๐ น สมเด็จพระญาณสังวร คณะกรรมการการจัดพิธีเเละเจ้าหน้าที่พร้อม ณพระอุโบสถ
    เวลา ๑๘.๓๐
    สมเด็จพระสังฆราช เสด็จเข้าสู่ พระอุโบสถทรงจุดธูปเทียนบูชาพระพุทธปฏิมาพระประธาน

    -ทรงเจิมเทียนชัย ทรงจุดเทียนชัย พระสงฆ์เจริญคาถาจุดเทียนชัยเจ้าหน้าที่อาราธนาศีลพระสงฆ์องค์ประธานให้ศีลสาธุชนรับศีลเจ้าหน้าที่อาราธนาพระปริต พระสงฆ์๑๐รูป เจริญพระพุทธมนต์จบเเล้วถวายจตุปัจจัยไทยธรรม พระสงฆ์อนุโมทนาสมเด็จพระสังฆราช ทรงจุดเทียนที่กระบะมุกข์พระสงฆ์สวดพุทธภิเษก พระอาจารย์๙รูป นั่งบริกรรมภาวนาจนกระทั่งเวลา ๒๒.๓๐ น .เเล้วประพรมน้ำพระพุทธมนต์

    วันที่๑๐ เมษายน พ.ศ ๒๕๒๒
    เวลา ๑๖.๐๐ น. พระสงฆ์ ๔ รูป สวดภารวารพระอาจารย์ ๑ รูป นั่งบริกรรมภาวนา
    เวลา ๑๙.๐๐ น พระสงฆ์ ๔ รูป สวดภารวารพระอาจารย์ ๙ รูป นั้งบริกรรมภาวนาจนกระทั่งเวลา ๒๒.๓๐ น.เเล้วประพรมน้ำพระพุทธมนต์

    วันที่ ๑๑ เมษายน ๒๕๒๒
    เวลา ๑๖.๐๐ น พระสงฆ์ ๔ รูป สวดภารวาร
    เวลา ๑๙.๐๐ น พระอาจารย์ ๙ รูปนั่งบริกรรมภาวนาจนกระทั่งเวลา ๒๒.๓๐ น.สมเด็จพระญาณสังวร ดับเทียนชัยพระสงฆ์ทั้งนั้นเจริญคาถาดับเทียนชัยจบเเล้วประพรมน้ำพระพุทธมนต์

    วันที่๑๒ เมษายน ๒๕๒๒
    เวลา ๑๕.๐๐ น คณะกรรมการเเละเจ้าหน้าที่พร้อมณ.ห้องประชุมตึกสภาการศึกษามหามกุฎราชวิทยาลัย วัดบวร
    เวลา ๑๕ ๓๐ น สมเด็จพระนางเจ้า พระบรมราชินีนาถเสด็จพระราชดำเนินเข้าสู่ห้องประชุมสภาการศึกษามหามกุฏราชวิทยาลัย ทรงจุดธูปเครื่องนมัสการพระรัตนตรัยประทับพระราชอาศน์สมเด็จพระราชาคณะทรงศีล
    ประธานกรรมการจัดงานกราบบังคมทูลรายงานทรงพระสุหร่ายพระสมเด็จนางพญา(พระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา)

    สมเด็จพระญาณสังวร ประธาน กรรมการมหาวชิราลงกรณ์ราชวิทยาลัยทูนเกล้า ถวาย พระสมเด็จนางพญา ๑๑๐๐๐๐ องค์ (๔๕ กล่อง )
    ทรงประเคนจตุปัยจัยไทยธรรม ทรงหลั่งทักษิโณทก
    (พระสงฆ์ถวายอนุโมทนาอดิเรก)

    รองประธานกนนมการจัดงานเบิกผู้บริจาคทรัพย์โดยพระเสด็จพระราชกุศลสมทบทุนมูลนิธิมหาวชิราลงกรณราชวิทยาลัย มูลนิธิสิรินธรเเละโดยเสด็จพระราชกุศลบำรุงมหาวชิราลงกรณ์ราชวิทยาลัยเข้ารับพระราชทานของที่ระลึกเสด็จไปทรงกราบหน้าเครื่องนมัสการ ทรงลาพระสงฆ์เเล้วเสด็จพระราชดำเนินกลับ เป็นเสร็จพิธี

    รายนามพระอาจารย์ที่อาราธนามานั่งบริกรรมภาวนาในพิธีพุทธภิเษกสมเด็จนางพญา ณ พระอุโบสถ คณะรังษีวัดบวรนิเวศวิหาร วันที่๙ - ๑๒ เมษายน ๒๕๒๒

    ๑ พระเทพวราลังการ (ศรีจันทร์) วัดศรีสุทธาวาส จ เลย
    ๒ พระราชสังวราภิมณท์ (หลวงปู่โต๊ะ) วัดประดู่ฉิมพลี
    ๓ พระราชธรรมวิจารย๋ (หลวงปู่ธูป) วันสุนทรธรรมทาน
    ๔ พระราชสังสรวิสุทธิ์ (บุญเลิศ) วัดราชสิทธาราม
    ๕ พระภาวนาวิมลเถร (สิริ) วัดชนะสงครม
    ๖ พระวิสุทธิสารเถร (ถิร) วัดป่าเลไลย์ สุพรรณบุรี
    ๗ พระรัตนากรวิสทุธิ์ (หลวงปู่ดุลย์) วัดศรีบูรพาราม สุรินทร์
    ๘ พระโพธิญาณเถร (หลวงปู่ชา) วัดหนองป่าพง
    ๙ พระณาญโพธิ (หลวงพ่อเข็ม) วัดสุทัศนเทพวราราม
    ๑๐ พระชินวงศาจารย์ (พุธ) วัดป่าสาลวัน นครราชสีมา
    ๑๑ พระโพธิสังวรเถร (ไพฑูรย์ ) วัดโพธินิมิตร ธนบุรี
    ๑๒ พระอุดมวิสุทธิเถร (อาจารย์วัน) วัดถ้าอภัยดำรง สกลนคร
    ๑๓ พระสุนทรธรรมภาณี (หลวงพ่อเเพ) วัดพิกุลทอง สิงห์บุรี
    ๑๔ พระครูเกษมธรรมานันท์ (เเช่ม) วัดดอนยายหอม
    ๑๕ พระครูสมุทรธรรมสุนทร (หลวพ่อสุด) วัดกาหลง สมุทรสาคร
    ๑๖ พระครูโกวิทสมุทรคุณ (หลวงพ่อเนื่อง) วัดจุฬามณี สมุทรสงคราม
    ๑๗ พระครูธรรมกิจโกศล (นอง) วัดทรายขาว ปัตตานี
    ๑๘ พระครูสุจิตตานุรักษ์ (จวน) วัดหนองสุ่ม สิงห์บุรี
    ๑๙ พระครูสังวรธรรมมานุวัตร (หลวงพ่อพล) วัดหนองคณที สระบุรี
    ๒๐ พระครูถาวรวิทยาคม (เพิ่ม) วัดสรรเพชณ์ นครปฐม
    ๒๑ พระมหาวีระ (ฤษีลิงดำ ) วัดจันทาราม อุทัยธานี
    ๒๒ พระอาจารย์สี มหาวีโร วัดประชาคมวนาราม ร้อยเอ็ด
    ๒๓ พระอาจารย์เหรียญ มหาปุญโญ วัดมหาสมณกิจภาวนา
    ๒๔ พระอาจารย์พัฒน์ สุขกาโม วัดทับซ้าน สกลนคร
    ๒๕ พระอาจารย์เเบน ธนากโร วัดธรรมเดจีย์ สกลนคร
    ๒๖ พระอาจารย์จวน กุลเชฐโร วัดเจติยาคิรี สกลนคร
    ๒๗ พระอาจารย์ฟัก สนติธมโม วัดเขาสามผาน จันทบุรี
    ๒๘ พระอาจารย์สาม อกิญจโน วัดไตรวิเวก สุรินทร์
    ๒๙ พระครูปลัดไพบูลย์ สุมังคโล วัดรัตนาราม พะเยาว์

    นี่คือข้อมูลจากต้นฉบับซึ่งหาได้อยากขนาดคุณลุงที่อยู่วัดมกุฏยังบอกว่ามีเล่มเดียว

    (((ปิดรายการนี้ค่า)))
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSCN1319.jpg
      DSCN1319.jpg
      ขนาดไฟล์:
      22.1 KB
      เปิดดู:
      36
    • DSCN1320.jpg
      DSCN1320.jpg
      ขนาดไฟล์:
      19.8 KB
      เปิดดู:
      27
  7. saipote

    saipote เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2009
    โพสต์:
    6,115
    ค่าพลัง:
    +9,778
    ** เหรียญวชิระมงกุฎ **
    (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ร่วมปลุกเสก)
    ข้อมูลนี้มาจากหนังสือประวัติของวัดมกุฏฯ นำมาให้ดูกัน ข้อมูลปี 19 หาได้ในเว็บทั่วไปเเต่ข้อมูลปี 22 ไปเอามาจากหนังสือของวัด

    นี่คือข้อมูลพิธีที่เหรียญได้เข้าพิธีปี 2519 เเละ อีกทีปี 2522 หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ล.ป ชา มาร่วมด้วย

    พิธีพุทธภิเษก

    เมื่อสร้างเสร็จเป็นองค์พระแล้ว ได้ประกอบพิธีพุทธาภิเษกขึ้นอีก 7 วัน ณ พระอุโบสถคณะรังษี วัดบวรนิเวศวิหารฯ เมื่อวันที่ 5-11 ก.ค. 2519

    รายนามพระเกจิคณาจารย์ที่นั่งปรกปลุกเสกและเจริญพุทธมนต์พระสมเด็จพระอุณาโลมทรงจิตลดา - นางพญา สก. 2519

    1. วันจันทร์ 5 ก.ค. 2519 เวลา 17.00 น.
    พระเกจิคณาจารย์ที่นั่งปรกปลุกเสก
    1. สมเด็จพระญาณสังวร วัดบวรฯ
    2. พระสังวรวิมลเถระ(หลวงปู่โต๊ะ) วัดประดู่ฉิมพลี
    3. หลวงปู่สิม พุทธาจาโร วัดถ้ำผาปล่อง เชียงใหม่
    4. หลวงพ่อเมตตาหลวง วัดเทพพิทักษ์ฯ นครราชสีมา
    5. พระเทพวราลังการ(หลวงปู่ศรีจันทร์) วัดศรีสุทธาวาส จ.เลย
    6. พระสุทธิสารโสภณ วัดศรีโพแท่น จ.เลย
    7. หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ วัดป่านิโครธาราม จ.อุดรธานี
    พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ เจริญพุทธมนต์ ๑๐รูป
    1. สมเด็จพระวันรัต วัดสังเวชวิศยาราม
    2. สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ วัดสามพระยา
    3. สมเด็จพระพุทธิวงศมุนี วัดเบญจมบพิธ
    4. พระพรหมคุณากรณ์ วัดสระเกศ
    5. พระธรรมวราลังการ วัดบุปผาราม
    6. พระธรรมวิสุทธาจารย์ วัดพิชัยญาติการาม
    7. พระธรรมธีรราชมหามุนี วัดปากน้ำ
    8. พระราชสารมุนี วัดเขมาภิรตาราม
    9. พระปริยัติเมธี วัดมกุฎกษัตริย์
    10. พระอุดมศีลคุณ วัดบุรณศิริมาตยาราม

    2. วันอังคาร 6 ก.ค. 2519
    พระเกจิคณาจารย์ที่นั่งปรกปลุกเสก
    1. พระสังวรวิมลเถระ (หลวงปู่โต๊ะ) วัดประดู่ฉิมพลี
    2. หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ วัดป่านิโครธาราม จ.อุดรธานี
    3. พระอาจารย์วัน อุตตโม วัดอภัยดำรงธรรม สกลนคร
    4. หลวงพ่ออ่อนสี วัดพระงาม หนองคาย
    5. หลวงพ่อมา วัดวิเวกอาศรม ร้อยเอ็ด
    6. พระโพธิสังวรเถร (หลวงพ่อฑูรย์) วัดโพธินิมิต ธนบุรี
    7. พ่อหลวงเปลื้อง ปญญานโต วัดบางแก้วผดุงธรรม จ.พัทลุง
    3. วันพุธ 7 ก.ค. 2519
    พระเกจิคณาจารย์ที่นั่งปรกปลุกเสก
    1. พระสังวรวิมลเถระ (หลวงปู่โต๊ะ) วัดประดู่ฉิมพลี
    2. พระอาจารย์วัน อุตตโม วัดอภัยดำรงธรรม สกลนคร
    3. พ่อหลวงเปลื้อง ปญญานโต วัดบางแก้วผดุงธรรม จ.พัทลุง
    4. หลวงพ่ออ่อนสี วัดพระงาม หนองคาย
    5. หลวงพ่ออ่อน วัดประชานิยม กาฬสินธุ์
    6. หลวงปู่สี มหาวีโร วัดประชาคมฯ ร้อยเอ็ด
    7. หลวงพ่อชา วัดศรีแก่งคร้อ ชัยภูมิ
    8. หลวงพ่อชม วัดป่าบ้านบัวค่อม อุดรธานี
    9. หลวงพ่อบุญมา วัดอุดมคงคาคีรีเขต
    10. หลวงพ่อมา วัดวิเวกฯ ร้อยเอ็ด

    4. วันพฤหัสบดี 8 ก.ค. 2519
    พระเกจิคณาจารย์ที่นั่งปรกปลุกเสก
    1. พระสังวรวิมลเถระ (หลวงปู่โต๊ะ) วัดประดู่ฉิมพลี
    2. พ่อหลวงเปลื้อง ปญญานโต วัดบางแก้วผดุงธรรม จ.พัทลุง
    3. หลวงปู่สี มหาวีโร วัดประชาคมฯ ร้อยเอ็ด
    4. หลวงพ่อบุญมา วัดอุดมคงคาคีรีเขต
    5. พระอาจารย์สาม วัดป่าไตรวิเวก สุรินทร์
    6. หลวงพ่อจ้อย วัดสุวรรณประดิษฐ์ สุราษฎร์ธานี
    7. หลวงพ่อบุญรักษ์ วัดคงคาวดี สิชล นครศรีธรรมราช
    8. หลวงพ่อเหรียญ วัดป่าอรัญญบรรพต หนองคาย
    9. พระอาจารย์บัวพา วัดป่าพระสถิต หนองคาย

    5. วันศุกร์ 9 ก.ค. 2519
    พระเกจิคณาจารย์ที่นั่งปรกปลุกเสก
    1. พระสังวรวิมลเถระ (หลวงปู่โต๊ะ) วัดประดู่ฉิมพลี
    2. พ่อหลวงเปลื้อง ปญญานโต วัดบางแก้วผดุงธรรม จ.พัทลุง
    3. หลวงพ่อพุธ วัดป่าสาละวัน นครราชสีมา
    4. หลวงพ่อโชติ วัดภูเขาแก้ว อุบลฯ
    5. หลวงพ่อพั่ว วัดบ้านนาเจริญ อุบลฯ
    6. พระอาจารย์สมชาย วัดเขาสุกิม จันทบุรี
    7. หลวงพ่อจันทร์(อายุ ๑๐๒ปี) วัดนามะตูม ชลบุรี
    6. วันเสาร์ 10 ก.ค. 2519
    พระเกจิคณาจารย์ที่นั่งปรกปลุกเสก
    1. สมเด็จพระญาณสังวร วัดบวรฯ
    2. พระสังวรวิมลเถระ (หลวงปู่โต๊ะ) วัดประดู่ฉิมพลี
    3. หลวงพ่อเนื่อง วัดจุฬามณี สมุทรสงคราม
    4. หลวงพ่อถิร วัดป่าเลไลย์ สุพรรณบุรี
    5. หลวงพ่อเก็บ วัดดอนเจดีย์ สุพรรณบุรี
    6. หลวงพ่อสนิท วัดศีลขันธาราม อ่างทอง
    7. หลวงพ่อซ้วน วัดลาดใต้ อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา

    7. วันอาทิตย์ 11 ก.ค. 2519
    พระเกจิคณาจารย์ที่นั่งปรกปลุกเสก
    ตอนกลางวัน (เวลา 13.00 - 16.00 น.) หลวงปู่ธูป วัดสุทรธรรมทาน(วัดแค) กทม. นั่งปรกบริกรรมภาวนาเดี่ยว 4 ชั่วโมงเต็ม
    ตอนค่ำ 1. สมเด็จพระญาณสังวร วัดบวรฯ
    2. พระสังวรวิมลเถระ (หลวงปู่โต๊ะ) วัดประดู่ฉิมพลี
    3. หลวงพ่อซ้วน วัดลาดใต้ อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา
    4. พระอาจารย์ผ่อง วัดสามปลื้ม กทม.
    5. หลวงพ่อเส่ง วัดกัลยาฯ ธนบุรี
    6. หลวงพ่อสา วัดราชนัดดา กทม.
    7. พระครูสงัด วัดพระเชตุพนฯ กท

    ในวันที่ 12 ก.ค. 2519 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เสด็จพระราชดำเนิน ทรงเจิมและสุหร่าย สมเด็จนางพญา ส.ก.และพระสมเด็จอุณาโลม ในเวลา 16.00 น. ณ พระอุโบสถคณะรังษี วัดบวรฯ
    รายนามพระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์เจริญชัยมงคลคาถา ๑๐ รูป
    1. สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ วัดราชผติการาม
    2. พระสาสนโสภณ วัดเทพศิรินทราวาส
    3. พระพุทธพจน์วราภรณ์ วัดราชบพิธ
    4. พระญาณวโรดม วัดบวรราชนิเวศ
    5. พระธรรมปาโมกข์ วัดราชประดิษฐ์
    6. พระธรรมเสนานี วัดพระเชตุพนฯ
    7. พระธรรมวราภรณ์ วัดนรนาทสุนทริการาม
    8. พระเทพวราภรณ์ วัดบุรณศิริมาตยาราม
    9. พระเทพปัญญากวี วัดราชาธิวาส
    10 พระเทพกวี วัดบวรฯ

    นี่คือข้อมูล ปี 2522 ได้จากคุณลุงที่วัดมกุฏถ่ายจากต้นฉบับมาซึ่งคุณลุงบอกมีเล่มเดียว นี่คือข้อมูลจะเเจกให้อ่านพร้อมกับพระ
    กำหนดการ

    ประกอบพิธีพุทธภิเษกสมเด็จนางพญาณ พระอุโบสถ คณะรังษี วัดบวรนิเวศวิหารวันที่๙ - ๑๒ เมษายน พ.ศ ๒๕๒๒

    วันที่๙ เมษายน ๒๕๒๒

    เวลา ๑๘.๐๐ น สมเด็จพระญาณสังวร คณะกรรมการการจัดพิธีเเละเจ้าหน้าที่พร้อม ณพระอุโบสถ
    เวลา ๑๘.๓๐
    สมเด็จพระสังฆราช เสด็จเข้าสู่ พระอุโบสถทรงจุดธูปเทียนบูชาพระพุทธปฏิมาพระประธาน

    -ทรงเจิมเทียนชัย ทรงจุดเทียนชัย พระสงฆ์เจริญคาถาจุดเทียนชัยเจ้าหน้าที่อาราธนาศีลพระสงฆ์องค์ประธานให้ศีลสาธุชนรับศีลเจ้าหน้าที่อาราธนาพระปริต พระสงฆ์๑๐รูป เจริญพระพุทธมนต์จบเเล้วถวายจตุปัจจัยไทยธรรม พระสงฆ์อนุโมทนาสมเด็จพระสังฆราช ทรงจุดเทียนที่กระบะมุกข์พระสงฆ์สวดพุทธภิเษก พระอาจารย์๙รูป นั่งบริกรรมภาวนาจนกระทั่งเวลา ๒๒.๓๐ น .เเล้วประพรมน้ำพระพุทธมนต์

    วันที่๑๐ เมษายน พ.ศ ๒๕๒๒
    เวลา ๑๖.๐๐ น. พระสงฆ์ ๔ รูป สวดภารวารพระอาจารย์ ๑ รูป นั่งบริกรรมภาวนา
    เวลา ๑๙.๐๐ น พระสงฆ์ ๔ รูป สวดภารวารพระอาจารย์ ๙ รูป นั้งบริกรรมภาวนาจนกระทั่งเวลา ๒๒.๓๐ น.เเล้วประพรมน้ำพระพุทธมนต์

    วันที่ ๑๑ เมษายน ๒๕๒๒
    เวลา ๑๖.๐๐ น พระสงฆ์ ๔ รูป สวดภารวาร
    เวลา ๑๙.๐๐ น พระอาจารย์ ๙ รูปนั่งบริกรรมภาวนาจนกระทั่งเวลา ๒๒.๓๐ น.สมเด็จพระญาณสังวร ดับเทียนชัยพระสงฆ์ทั้งนั้นเจริญคาถาดับเทียนชัยจบเเล้วประพรมน้ำพระพุทธมนต์

    วันที่๑๒ เมษายน ๒๕๒๒
    เวลา ๑๕.๐๐ น คณะกรรมการเเละเจ้าหน้าที่พร้อมณ.ห้องประชุมตึกสภาการศึกษามหามกุฎราชวิทยาลัย วัดบวร
    เวลา ๑๕ ๓๐ น สมเด็จพระนางเจ้า พระบรมราชินีนาถเสด็จพระราชดำเนินเข้าสู่ห้องประชุมสภาการศึกษามหามกุฏราชวิทยาลัย ทรงจุดธูปเครื่องนมัสการพระรัตนตรัยประทับพระราชอาศน์สมเด็จพระราชาคณะทรงศีล
    ประธานกรรมการจัดงานกราบบังคมทูลรายงานทรงพระสุหร่ายพระสมเด็จนางพญา(พระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา)

    สมเด็จพระญาณสังวร ประธาน กรรมการมหาวชิราลงกรณ์ราชวิทยาลัยทูนเกล้า ถวาย พระสมเด็จนางพญา ๑๑๐๐๐๐ องค์ (๔๕ กล่อง )
    ทรงประเคนจตุปัยจัยไทยธรรม ทรงหลั่งทักษิโณทก
    (พระสงฆ์ถวายอนุโมทนาอดิเรก)

    รองประธานกนนมการจัดงานเบิกผู้บริจาคทรัพย์โดยพระเสด็จพระราชกุศลสมทบทุนมูลนิธิมหาวชิราลงกรณราชวิทยาลัย มูลนิธิสิรินธรเเละโดยเสด็จพระราชกุศลบำรุงมหาวชิราลงกรณ์ราชวิทยาลัยเข้ารับพระราชทานของที่ระลึกเสด็จไปทรงกราบหน้าเครื่องนมัสการ ทรงลาพระสงฆ์เเล้วเสด็จพระราชดำเนินกลับ เป็นเสร็จพิธี

    รายนามพระอาจารย์ที่อาราธนามานั่งบริกรรมภาวนาในพิธีพุทธภิเษกสมเด็จนางพญา ณ พระอุโบสถ คณะรังษีวัดบวรนิเวศวิหาร วันที่๙ - ๑๒ เมษายน ๒๕๒๒

    ๑ พระเทพวราลังการ (ศรีจันทร์) วัดศรีสุทธาวาส จ เลย
    ๒ พระราชสังวราภิมณท์ (หลวงปู่โต๊ะ) วัดประดู่ฉิมพลี
    ๓ พระราชธรรมวิจารย๋ (หลวงปู่ธูป) วันสุนทรธรรมทาน
    ๔ พระราชสังสรวิสุทธิ์ (บุญเลิศ) วัดราชสิทธาราม
    ๕ พระภาวนาวิมลเถร (สิริ) วัดชนะสงครม
    ๖ พระวิสุทธิสารเถร (ถิร) วัดป่าเลไลย์ สุพรรณบุรี
    ๗ พระรัตนากรวิสทุธิ์ (หลวงปู่ดุลย์) วัดศรีบูรพาราม สุรินทร์
    ๘ พระโพธิญาณเถร (หลวงปู่ชา) วัดหนองป่าพง
    ๙ พระณาญโพธิ (หลวงพ่อเข็ม) วัดสุทัศนเทพวราราม
    ๑๐ พระชินวงศาจารย์ (พุธ) วัดป่าสาลวัน นครราชสีมา
    ๑๑ พระโพธิสังวรเถร (ไพฑูรย์ ) วัดโพธินิมิตร ธนบุรี
    ๑๒ พระอุดมวิสุทธิเถร (อาจารย์วัน) วัดถ้าอภัยดำรง สกลนคร
    ๑๓ พระสุนทรธรรมภาณี (หลวงพ่อเเพ) วัดพิกุลทอง สิงห์บุรี
    ๑๔ พระครูเกษมธรรมานันท์ (เเช่ม) วัดดอนยายหอม
    ๑๕ พระครูสมุทรธรรมสุนทร (หลวพ่อสุด) วัดกาหลง สมุทรสาคร
    ๑๖ พระครูโกวิทสมุทรคุณ (หลวงพ่อเนื่อง) วัดจุฬามณี สมุทรสงคราม
    ๑๗ พระครูธรรมกิจโกศล (นอง) วัดทรายขาว ปัตตานี
    ๑๘ พระครูสุจิตตานุรักษ์ (จวน) วัดหนองสุ่ม สิงห์บุรี
    ๑๙ พระครูสังวรธรรมมานุวัตร (หลวงพ่อพล) วัดหนองคณที สระบุรี
    ๒๐ พระครูถาวรวิทยาคม (เพิ่ม) วัดสรรเพชณ์ นครปฐม
    ๒๑ พระมหาวีระ (ฤษีลิงดำ ) วัดจันทาราม อุทัยธานี
    ๒๒ พระอาจารย์สี มหาวีโร วัดประชาคมวนาราม ร้อยเอ็ด
    ๒๓ พระอาจารย์เหรียญ มหาปุญโญ วัดมหาสมณกิจภาวนา
    ๒๔ พระอาจารย์พัฒน์ สุขกาโม วัดทับซ้าน สกลนคร
    ๒๕ พระอาจารย์เเบน ธนากโร วัดธรรมเดจีย์ สกลนคร
    ๒๖ พระอาจารย์จวน กุลเชฐโร วัดเจติยาคิรี สกลนคร
    ๒๗ พระอาจารย์ฟัก สนติธมโม วัดเขาสามผาน จันทบุรี
    ๒๘ พระอาจารย์สาม อกิญจโน วัดไตรวิเวก สุรินทร์
    ๒๙ พระครูปลัดไพบูลย์ สุมังคโล วัดรัตนาราม พะเยาว์

    นี่คือข้อมูลจากต้นฉบับซึ่งหาได้อยากขนาดคุณลุงที่อยู่วัดมกุฏยังบอกว่ามีเล่มเดียว

    (((ปิดรายการนี้ค่า)))
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSCN1321.jpg
      DSCN1321.jpg
      ขนาดไฟล์:
      23.1 KB
      เปิดดู:
      38
    • DSCN1322.jpg
      DSCN1322.jpg
      ขนาดไฟล์:
      20.3 KB
      เปิดดู:
      36
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กรกฎาคม 2018
  8. saipote

    saipote เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2009
    โพสต์:
    6,115
    ค่าพลัง:
    +9,778
    ** สร้อยข้อมือพลอยพญานาค เลี่ยมเงินแท้ **


    (((ปิดรายการนี้ค่า)))
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSCN1758.jpg
      DSCN1758.jpg
      ขนาดไฟล์:
      69.1 KB
      เปิดดู:
      49
    • DSCN1759.jpg
      DSCN1759.jpg
      ขนาดไฟล์:
      59.5 KB
      เปิดดู:
      45
    • DSCN1760.jpg
      DSCN1760.jpg
      ขนาดไฟล์:
      61.1 KB
      เปิดดู:
      56
    • DSCN1757.jpg
      DSCN1757.jpg
      ขนาดไฟล์:
      43.1 KB
      เปิดดู:
      41
  9. saipote

    saipote เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2009
    โพสต์:
    6,115
    ค่าพลัง:
    +9,778
    ** สร้อยข้อมือพลอยพญานาค เลี่ยมเงินแท้ **

    (((ปิดรายการนี้ค่า)))
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSCN1762.jpg
      DSCN1762.jpg
      ขนาดไฟล์:
      68.8 KB
      เปิดดู:
      52
    • DSCN1763.jpg
      DSCN1763.jpg
      ขนาดไฟล์:
      57.1 KB
      เปิดดู:
      50
    • DSCN1755.jpg
      DSCN1755.jpg
      ขนาดไฟล์:
      40.8 KB
      เปิดดู:
      45
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กรกฎาคม 2018
  10. saipote

    saipote เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2009
    โพสต์:
    6,115
    ค่าพลัง:
    +9,778
    จัดส่ง 06/05/14

    - คุณจักรกฤษ RH 8287 3966 3 TH
    - คุณพงศกร RH 8287 3967 7 TH
    - คุณเอกรัตน์ RH 8287 3968 5 TH
    - คุณวีระชัย RH 8287 3969 4 TH
    - คุณสมชาย RH 8287 3970 3TH
     
  11. saipote

    saipote เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2009
    โพสต์:
    6,115
    ค่าพลัง:
    +9,778
    #ตะกรุดพญาเหล็กไหลวรรณะเจ้าน้ำเงิน-ปีกแมลงทับ หลวงพ่อหวล วัดพุทไธสวรรค์#

    (ใช้ฝังในร่างกาย หรือเลี่ยมคู่กับวัตถุมงคล อื่นๆ) ของแแท้ 100%


    อานุภาพของธาตุกายสิทธิ์ (พญาเหล็ก/เหล็กไหล)
    …"เหล็กไหล" เป็น โลหะธาตุแปลกประหลาดที่มีชีวิต เป็นวิบากของกฏแห่งกรรม บันดาลให้วิญญาณอยู่ในสังสารวัฏ มาปฏิสนธิในสภาวะที่เป็นโลหะธาตุเหล็กไหล เคลื่อนไหวได้ เสพบริโภคผึ้งได้ ขับถ่ายได้ (เรียกว่าขี้เหล็กไหล)และสถานที่อยู่อาศัยนั้นชอบสถานที่สงบตามถ้ำ ดังนั้นจึงถือได้ว่าเหล็กไหลเป็นสิ่งมีชีวิตจำพวกเทพ เป็นเทพที่มาใช้วิบากกรรมในโลก เหล็กไหลจึงมีทั้งเทพที่เป็นยักษ์ ที่เป็นคนธรรพ์คอยอารักขาอยู่ตลอดเวลา เหล็กไหลที่พบกันจึงมีหลากหลายชนิดที่ได้เห็นกัน เหล็กไหลเป็นธาตุที่ทรงอำนาจในการป้องกันตัว และ สิ่งที่อยู่ใกล้ตัว ให้พ้นจากภัยอันตราย อันเกิดจาก "อาวุธปืน" หรือ "ของมีคม" และ "ศาสตราวุธ" ทุกชนิด "เหล็กไหล" เป็นสสารที่มีชีวิตเป็นอมตะ และ หาได้ยากยิ่ง ต้องมีพิธีกรรมมากมาย กว่าจะได้มา ฉะนั้น เหล็กไหลจึงเป็นวัตถุอาถรรพ์ที่มีราคาแพง เพราะเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย และ เป็นที่เข้าใจกันทั่วไปว่า เหล็กไหลมีอานุภาพยอดเยี่ยม สามารถคุ้มครองชีวิตผู้ที่มีเหล็กไหลไว้ในความครอบครองหรือพกพาติดตัว และจะได้รับความคุ้มครองให้ปลอดภัยจาก "อุบัติภัยร้ายแรง" ต่างๆ รวมไปถึง "อาวุธร้ายแรง" นานาชนิด ได้อย่างอัศจรรย์นั่นเอง

    ผู้ที่จะทำพิธีตัดเหล็กไหลได้นั้น จะต้องเป็นผู้ที่มีคุณธรรมชั้นสูง และต้องประพฤติปฏิบัติรักษาศีลได้อย่างมั่นคง ไม่มีจิตคิดละโมภ กล่าวคือ จะต้องขออนุญาตจาก "เทพยดา" ผู้ดูแลรักษาเสียก่อน เมื่อได้รับอนุญาตจึงค่อยทำพิธีตัดเอาได้ มิฉะนั้น หากเราขืนตัดเหล็กไหลด้วยกำลัง หมายแย่งชิงเอาโดยพละการ ถือดีในพระเวทย์ก็อาจมีเภทภัยถึงแก่ชีวิต หรือ เกิดความขัดแย้งในหมู่คณะจนถึงขั้นวิบัติเอาได้ ด้วยอิทธิฤทธิ์ของเทพยดาผู้รักษาเหล็กไหลนั้นเอง

    หลวงพ่อหวลท่านได้เรียนวิชาอาคม สุดยอดวิชาอาคมที่เกือบจะเรียกว่าสาบสูญไปแล้ว ได้แก่วิชาอาคมเรียกและเชิญเหล็กไหล หรือพญาเหล็กไหลสุดยอดแห่งธาตุกายสิทธิ์ ที่ทุกคนต้องการได้มาครอบครอง วิชาอาคมเรียกหรือเชิญเหล็กไหลนั้นไม่ใช่จะเปิดเผยกันง่ายๆการเรียกหรือเชิญเหล็กไหลก็ไม่ใช่เรื่องธรรมดาที่ใครๆก็ทำได้ เหล็กไหลเป็นธาตุกายสิทธิ์…..ย่อมเป็นอันตรายต่อผู้ที่จิตไม่บริสุทธิ์ หากทำการเรียกหรืออัญเชิญเหล็กไหล อาจถึงตายได้ ซึ่งหลวงพ่อหวล แห่งวัดพุทไธสวรรค์ จ.พระนครศรีอยุธยา ท่านได้เล่าเรียนศึกษาวิชา "การเรียกและตัดเหล็กไหล" จากศิษย์หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ จ.นครสวรรค์ หลายท่านบอกว่าหลวงพ่อเดิมท่านชอบเล่นแร่แปรธาตุ บางคนตั้งให้หลวงพ่อเดิมท่านเป็นเทพเจ้าแห่งการเล่นแร่แปรธาตุเลยทีเดียว

    เหล็กไหลที่หลวงพ่อหวลได้ตัดไว้ มีด้วยกัน 3 วรรณะ ซึ่งแต่ละสีก็แบ่งแยกตามชั้นวรรณะของเหล่าบรรดา "เทพยดา หรือ ฤาษี" ที่ปกปักรักษา ได้แก่

    1.วรรณะเจ้าน้ำเงิน
    2.วรรณะท้องปลาไหล
    3.วรรณะเงินยวง

    และรูปแบบของเหล็กไหลที่ท่านตัดไว้มีหลายอย่าง อาทิเช่น แบบพิมพ์พระกริ่ง (นิยมสูงสุด และหายากมากที่สุด!!! ), พระพุทธ, แคปซูล, แหวน, กำไล, พระขรรค์ ,กรมหลวงชุมพร,หลวงปู่ทวด,รัชกาลที่ 5, พระสมเด็จ,พระนางพญา,พระผงสุพรรณ,พระซุ้มกอ,พระรอด,เจ้าแม่กวนอิม,พระขรรค์,ตรีสูญ,พระบูชา,พระสังกัจจายน์ ฯลฯ เป็นต้น ซึ่งเหล็กไหลแต่ละพิมพ์นั้น หลวงพ่อหวลจะต้องจัดสร้าง "หุ่นเทียน" ขึ้นมาไว้ก่อน จากนั้นหลวงพ่อท่านจึงนำเข้าไปในถ้ำกลางป่าลึก แล้วเมื่อท่านเจอ "เหล็กไหล" ท่านจึงทำ "พิธีอัญเชิญเหล็กไหล" ให้ "ไหลวิ่ง" ลงมาตามด้ายสายสิญจ์ โดยอัญเชิญให้เหล็กไหลวิ่งมาก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างขึ้นเอง เพื่อให้เราสามารถที่จะจับต้องเหล็กไหลเป็นรูปธรรมได้ ตามรูปแบบทรงพิมพ์ของหุ่นเทียนที่หลวงพ่อท่านได้ขออนุญาตจัดสร้างเตรียมขึ้นมา (หุ่นเทียน 1 อัน จะได้เหล็กไหล มาเพียงแค่ 1 ชิ้นเท่านั้น) ซึ่งพิธีในขั้นตอนนี้เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "พิธีหุงเหล็กไหล" โดยเป็นวิธีการหุงแบบตามธรรมชาติ โดยให้เหล็กไหลวิ่งมาก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างขึ้นเอง ซึ่งในการทำพิธีแต่ละครั้ง ต้องใช้ "อำนาจพลังจิต" สูงมาก และเหล็กไหลที่ได้มาแต่ละชิ้นนั้น ต้องใช้ระยะเวลาในการหุงนานมาก จึงทำให้ในการทำพิธีแต่ละครั้งจะได้เหล็กไหลเพียงไม่กี่ชิ้น (โดยในแต่ละขั้นตอนในการทำพิธีนี้ ต้องเป็นผู้มีวิชาอาคมใน "การเรียกและตัดเหล็กไหล" โดยเฉพาะ) ไม่ได้มาทำกันเล่นๆๆ หรือ นำเหล็กมาปั๊ม หรือ นำมาหล่อ เหมือนอย่างพระเครื่องทั่วๆไป ซึ่งทำให้ "ของปลอม" ยากที่จะทำออกมาเลียนแบบได้ ซึ่งปัจจุบันเหล็กไหลของหลวงพ่อหวลนี้หายากมากๆๆ เดินตามสนามพระทั่วไปแล้ว ท่านจะไม่ได้พบเห็นเลยแม้แต่ชิ้นเดียว เพราะเป็นที่หวงแหนของผู้ที่มีไว้ครอบครองเป็นอย่างยิ่ง ซึ่ง "เหล็กไหล ทั้ง 3 สี 3 วรรณะ" นี้ เป็นเหล็กไหลที่หาได้ค่อนข้างยากมากๆๆๆ (เพราะมีระดับสภาวะ ขั้นสูงสุด 31 ภพภูมิ ทั้งยังมีเทพยดา และ ฤาษี ชั้น "มหาเทพ" และ "มหาฤาษี" ลงมาปกปักรักษามากที่สุดและจะพบ "เหล็กไหล 3 สี 3 วรรณะ" นี้ได้ ต้องเป็นถ้ำที่มีอากาศค่อนข้างหนาวเย็นมาก และอยู่ในกลางป่าลึก บริเวณใจกลางหุบเขา "เหล็กไหล ทั้ง 3 สี 3 วรรณะ" มีคุณวิเศษทางด้านเมตตาแรงมากๆๆ มหาเสน่ห์ขั้นสูง คงกระพันชาตรี แคล้วคลาด เรียกโชคลาภขั้นสูง บันดาลทรัพย์สินเงินทอง ดลจิตดลใจ พลิกดวงชะตา จากตกต่ำให้เป็นสูงขึ้น (จากหน้ามือเป็นหลังมือ) เตือนภัยเมื่อมีเหตุคับขัน และสามารถล่องหนกำบังตัวหลบภัยได้ (ครบวงจร) ชอบช่วยเหลือผู้ปฏิบัติธรรม หรือ จะดลจิตดลใจของผู้ครอบครองเหล็กไหลนี้ ให้ตั้งมั่นอยู่แต่ในศีลในธรรม ในความดี มุ่งแต่สร้างบุญสร้างกุศล เพราะเกิดจากฤทธิ์ของมหาเทพและมหาฤาษีในขั้นระดับ “อรูปฌาณ” ที่มีบารมีธรรมสูงมาก ที่เป็นผู้ปกป้องครอบครองเหล็กไหลประเภทนี้ อยู่นั้นเอง

    "เหล็กไหล ทั้ง 3 สี 3 วรรณะ" นี้ มักจะตกได้อยู่แต่ในความครอบครองของ "พระภิกษุ" หรือ "นักบวชต่างๆ" (ที่มีฌาณขั้นอุกฤษณ์) คนธรรมดาอย่างเราๆ ยากนักที่จะได้เป็นผู้ครอบครอง เพราะใช่ว่ามีเงินเพียงอย่างเดียวจะหามาไว้ในความครอบครองได้ง่ายๆๆ จะต้องเป็น "ผู้มีบุญญาธิการบารมี" และต้องมี "กรรมเก่าเกี่ยวกัน" จริงๆๆ จึงจะได้เป็นผู้ครอบครอง พระพญาเหล็กไหลนี้ มีคุณ 108 ประการตามแต่อธิษฐาน ท่านบอกว่าใครได้ครอบครองไว้จะมีอำนาจ บารมี เหนือผู้อื่นพกพาติดตัวแคล้วคลาดปลอดภัย กิจการงานเจริญก้าวหน้า เดินทางไปที่ใด มีเทพยดา ปกปักรักษา มีโชคลาภ เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง และพระพญาเหล็กนี้ใช่ว่ามีเงินแล้วจะได้ครอบครอง ล.พ.หวลท่านบอกว่าต้องมีบุญวาสนาแต่ชาติปางก่อนจึงได้ครอบครอบครอง


    (((ปิดรายการนี้ค่า)))
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSCN1819.jpg
      DSCN1819.jpg
      ขนาดไฟล์:
      31.7 KB
      เปิดดู:
      43
    • DSCN1820.jpg
      DSCN1820.jpg
      ขนาดไฟล์:
      31.4 KB
      เปิดดู:
      46
    • DSCN1818.jpg
      DSCN1818.jpg
      ขนาดไฟล์:
      33.8 KB
      เปิดดู:
      36
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 มิถุนายน 2014
  12. saipote

    saipote เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2009
    โพสต์:
    6,115
    ค่าพลัง:
    +9,778
    #ตะกรุดพญาเหล็กไหลวรรณะเจ้าน้ำเงิน-ปีกแมลงทับ หลวงพ่อหวล วัดพุทไธสวรรค์#
    (ใช้ฝังในร่างกาย หรือเลี่ยมคู่กับวัตถุมงคล อื่นๆ) ของแแท้ 100%

    อานุภาพของธาตุกายสิทธิ์ (พญาเหล็ก/เหล็กไหล)
    …"เหล็กไหล" เป็น โลหะธาตุแปลกประหลาดที่มีชีวิต เป็นวิบากของกฏแห่งกรรม บันดาลให้วิญญาณอยู่ในสังสารวัฏ มาปฏิสนธิในสภาวะที่เป็นโลหะธาตุเหล็กไหล เคลื่อนไหวได้ เสพบริโภคผึ้งได้ ขับถ่ายได้ (เรียกว่าขี้เหล็กไหล)และสถานที่อยู่อาศัยนั้นชอบสถานที่สงบตามถ้ำ ดังนั้นจึงถือได้ว่าเหล็กไหลเป็นสิ่งมีชีวิตจำพวกเทพ เป็นเทพที่มาใช้วิบากกรรมในโลก เหล็กไหลจึงมีทั้งเทพที่เป็นยักษ์ ที่เป็นคนธรรพ์คอยอารักขาอยู่ตลอดเวลา เหล็กไหลที่พบกันจึงมีหลากหลายชนิดที่ได้เห็นกัน เหล็กไหลเป็นธาตุที่ทรงอำนาจในการป้องกันตัว และ สิ่งที่อยู่ใกล้ตัว ให้พ้นจากภัยอันตราย อันเกิดจาก "อาวุธปืน" หรือ "ของมีคม" และ "ศาสตราวุธ" ทุกชนิด "เหล็กไหล" เป็นสสารที่มีชีวิตเป็นอมตะ และ หาได้ยากยิ่ง ต้องมีพิธีกรรมมากมาย กว่าจะได้มา ฉะนั้น เหล็กไหลจึงเป็นวัตถุอาถรรพ์ที่มีราคาแพง เพราะเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย และ เป็นที่เข้าใจกันทั่วไปว่า เหล็กไหลมีอานุภาพยอดเยี่ยม สามารถคุ้มครองชีวิตผู้ที่มีเหล็กไหลไว้ในความครอบครองหรือพกพาติดตัว และจะได้รับความคุ้มครองให้ปลอดภัยจาก "อุบัติภัยร้ายแรง" ต่างๆ รวมไปถึง "อาวุธร้ายแรง" นานาชนิด ได้อย่างอัศจรรย์นั่นเอง

    ผู้ที่จะทำพิธีตัดเหล็กไหลได้นั้น จะต้องเป็นผู้ที่มีคุณธรรมชั้นสูง และต้องประพฤติปฏิบัติรักษาศีลได้อย่างมั่นคง ไม่มีจิตคิดละโมภ กล่าวคือ จะต้องขออนุญาตจาก "เทพยดา" ผู้ดูแลรักษาเสียก่อน เมื่อได้รับอนุญาตจึงค่อยทำพิธีตัดเอาได้ มิฉะนั้น หากเราขืนตัดเหล็กไหลด้วยกำลัง หมายแย่งชิงเอาโดยพละการ ถือดีในพระเวทย์ก็อาจมีเภทภัยถึงแก่ชีวิต หรือ เกิดความขัดแย้งในหมู่คณะจนถึงขั้นวิบัติเอาได้ ด้วยอิทธิฤทธิ์ของเทพยดาผู้รักษาเหล็กไหลนั้นเอง

    หลวงพ่อหวลท่านได้เรียนวิชาอาคม สุดยอดวิชาอาคมที่เกือบจะเรียกว่าสาบสูญไปแล้ว ได้แก่วิชาอาคมเรียกและเชิญเหล็กไหล หรือพญาเหล็กไหลสุดยอดแห่งธาตุกายสิทธิ์ ที่ทุกคนต้องการได้มาครอบครอง วิชาอาคมเรียกหรือเชิญเหล็กไหลนั้นไม่ใช่จะเปิดเผยกันง่ายๆการเรียกหรือเชิญเหล็กไหลก็ไม่ใช่เรื่องธรรมดาที่ใครๆก็ทำได้ เหล็กไหลเป็นธาตุกายสิทธิ์…..ย่อมเป็นอันตรายต่อผู้ที่จิตไม่บริสุทธิ์ หากทำการเรียกหรืออัญเชิญเหล็กไหล อาจถึงตายได้ ซึ่งหลวงพ่อหวล แห่งวัดพุทไธสวรรค์ จ.พระนครศรีอยุธยา ท่านได้เล่าเรียนศึกษาวิชา "การเรียกและตัดเหล็กไหล" จากศิษย์หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ จ.นครสวรรค์ หลายท่านบอกว่าหลวงพ่อเดิมท่านชอบเล่นแร่แปรธาตุ บางคนตั้งให้หลวงพ่อเดิมท่านเป็นเทพเจ้าแห่งการเล่นแร่แปรธาตุเลยทีเดียว

    เหล็กไหลที่หลวงพ่อหวลได้ตัดไว้ มีด้วยกัน 3 วรรณะ ซึ่งแต่ละสีก็แบ่งแยกตามชั้นวรรณะของเหล่าบรรดา "เทพยดา หรือ ฤาษี" ที่ปกปักรักษา ได้แก่

    1.วรรณะเจ้าน้ำเงิน
    2.วรรณะท้องปลาไหล
    3.วรรณะเงินยวง

    และรูปแบบของเหล็กไหลที่ท่านตัดไว้มีหลายอย่าง อาทิเช่น แบบพิมพ์พระกริ่ง (นิยมสูงสุด และหายากมากที่สุด!!! ), พระพุทธ, แคปซูล, แหวน, กำไล, พระขรรค์ ,กรมหลวงชุมพร,หลวงปู่ทวด,รัชกาลที่ 5, พระสมเด็จ,พระนางพญา,พระผงสุพรรณ,พระซุ้มกอ,พระรอด,เจ้าแม่กวนอิม,พระขรรค์,ตรีสูญ,พระบูชา,พระสังกัจจายน์ ฯลฯ เป็นต้น ซึ่งเหล็กไหลแต่ละพิมพ์นั้น หลวงพ่อหวลจะต้องจัดสร้าง "หุ่นเทียน" ขึ้นมาไว้ก่อน จากนั้นหลวงพ่อท่านจึงนำเข้าไปในถ้ำกลางป่าลึก แล้วเมื่อท่านเจอ "เหล็กไหล" ท่านจึงทำ "พิธีอัญเชิญเหล็กไหล" ให้ "ไหลวิ่ง" ลงมาตามด้ายสายสิญจ์ โดยอัญเชิญให้เหล็กไหลวิ่งมาก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างขึ้นเอง เพื่อให้เราสามารถที่จะจับต้องเหล็กไหลเป็นรูปธรรมได้ ตามรูปแบบทรงพิมพ์ของหุ่นเทียนที่หลวงพ่อท่านได้ขออนุญาตจัดสร้างเตรียมขึ้นมา (หุ่นเทียน 1 อัน จะได้เหล็กไหล มาเพียงแค่ 1 ชิ้นเท่านั้น) ซึ่งพิธีในขั้นตอนนี้เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "พิธีหุงเหล็กไหล" โดยเป็นวิธีการหุงแบบตามธรรมชาติ โดยให้เหล็กไหลวิ่งมาก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างขึ้นเอง ซึ่งในการทำพิธีแต่ละครั้ง ต้องใช้ "อำนาจพลังจิต" สูงมาก และเหล็กไหลที่ได้มาแต่ละชิ้นนั้น ต้องใช้ระยะเวลาในการหุงนานมาก จึงทำให้ในการทำพิธีแต่ละครั้งจะได้เหล็กไหลเพียงไม่กี่ชิ้น (โดยในแต่ละขั้นตอนในการทำพิธีนี้ ต้องเป็นผู้มีวิชาอาคมใน "การเรียกและตัดเหล็กไหล" โดยเฉพาะ) ไม่ได้มาทำกันเล่นๆๆ หรือ นำเหล็กมาปั๊ม หรือ นำมาหล่อ เหมือนอย่างพระเครื่องทั่วๆไป ซึ่งทำให้ "ของปลอม" ยากที่จะทำออกมาเลียนแบบได้ ซึ่งปัจจุบันเหล็กไหลของหลวงพ่อหวลนี้หายากมากๆๆ เดินตามสนามพระทั่วไปแล้ว ท่านจะไม่ได้พบเห็นเลยแม้แต่ชิ้นเดียว เพราะเป็นที่หวงแหนของผู้ที่มีไว้ครอบครองเป็นอย่างยิ่ง ซึ่ง "เหล็กไหล ทั้ง 3 สี 3 วรรณะ" นี้ เป็นเหล็กไหลที่หาได้ค่อนข้างยากมากๆๆๆ (เพราะมีระดับสภาวะ ขั้นสูงสุด 31 ภพภูมิ ทั้งยังมีเทพยดา และ ฤาษี ชั้น "มหาเทพ" และ "มหาฤาษี" ลงมาปกปักรักษามากที่สุดและจะพบ "เหล็กไหล 3 สี 3 วรรณะ" นี้ได้ ต้องเป็นถ้ำที่มีอากาศค่อนข้างหนาวเย็นมาก และอยู่ในกลางป่าลึก บริเวณใจกลางหุบเขา "เหล็กไหล ทั้ง 3 สี 3 วรรณะ" มีคุณวิเศษทางด้านเมตตาแรงมากๆๆ มหาเสน่ห์ขั้นสูง คงกระพันชาตรี แคล้วคลาด เรียกโชคลาภขั้นสูง บันดาลทรัพย์สินเงินทอง ดลจิตดลใจ พลิกดวงชะตา จากตกต่ำให้เป็นสูงขึ้น (จากหน้ามือเป็นหลังมือ) เตือนภัยเมื่อมีเหตุคับขัน และสามารถล่องหนกำบังตัวหลบภัยได้ (ครบวงจร) ชอบช่วยเหลือผู้ปฏิบัติธรรม หรือ จะดลจิตดลใจของผู้ครอบครองเหล็กไหลนี้ ให้ตั้งมั่นอยู่แต่ในศีลในธรรม ในความดี มุ่งแต่สร้างบุญสร้างกุศล เพราะเกิดจากฤทธิ์ของมหาเทพและมหาฤาษีในขั้นระดับ “อรูปฌาณ” ที่มีบารมีธรรมสูงมาก ที่เป็นผู้ปกป้องครอบครองเหล็กไหลประเภทนี้ อยู่นั้นเอง

    "เหล็กไหล ทั้ง 3 สี 3 วรรณะ" นี้ มักจะตกได้อยู่แต่ในความครอบครองของ "พระภิกษุ" หรือ "นักบวชต่างๆ" (ที่มีฌาณขั้นอุกฤษณ์) คนธรรมดาอย่างเราๆ ยากนักที่จะได้เป็นผู้ครอบครอง เพราะใช่ว่ามีเงินเพียงอย่างเดียวจะหามาไว้ในความครอบครองได้ง่ายๆๆ จะต้องเป็น "ผู้มีบุญญาธิการบารมี" และต้องมี "กรรมเก่าเกี่ยวกัน" จริงๆๆ จึงจะได้เป็นผู้ครอบครอง พระพญาเหล็กไหลนี้ มีคุณ 108 ประการตามแต่อธิษฐาน ท่านบอกว่าใครได้ครอบครองไว้จะมีอำนาจ บารมี เหนือผู้อื่นพกพาติดตัวแคล้วคลาดปลอดภัย กิจการงานเจริญก้าวหน้า เดินทางไปที่ใด มีเทพยดา ปกปักรักษา มีโชคลาภ เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง และพระพญาเหล็กนี้ใช่ว่ามีเงินแล้วจะได้ครอบครอง ล.พ.หวลท่านบอกว่าต้องมีบุญวาสนาแต่ชาติปางก่อนจึงได้ครอบครอบครอง

    (((ปิดรายการนี้ค่า)))
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSCN1822.jpg
      DSCN1822.jpg
      ขนาดไฟล์:
      30.6 KB
      เปิดดู:
      44
    • DSCN1823.jpg
      DSCN1823.jpg
      ขนาดไฟล์:
      30.7 KB
      เปิดดู:
      38
    • DSCN1821.jpg
      DSCN1821.jpg
      ขนาดไฟล์:
      35 KB
      เปิดดู:
      37
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กรกฎาคม 2018
  13. saipote

    saipote เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2009
    โพสต์:
    6,115
    ค่าพลัง:
    +9,778
    #ตะกรุดพญาเหล็กไหลวรรณะเจ้าน้ำเงิน-ปีกแมลงทับ หลวงพ่อหวล วัดพุทไธสวรรค์#
    (ใช้ฝังในร่างกาย หรือเลี่ยมคู่กับวัตถุมงคล อื่นๆ) ของแแท้ 100%

    อานุภาพของธาตุกายสิทธิ์ (พญาเหล็ก/เหล็กไหล)
    …"เหล็กไหล" เป็น โลหะธาตุแปลกประหลาดที่มีชีวิต เป็นวิบากของกฏแห่งกรรม บันดาลให้วิญญาณอยู่ในสังสารวัฏ มาปฏิสนธิในสภาวะที่เป็นโลหะธาตุเหล็กไหล เคลื่อนไหวได้ เสพบริโภคผึ้งได้ ขับถ่ายได้ (เรียกว่าขี้เหล็กไหล)และสถานที่อยู่อาศัยนั้นชอบสถานที่สงบตามถ้ำ ดังนั้นจึงถือได้ว่าเหล็กไหลเป็นสิ่งมีชีวิตจำพวกเทพ เป็นเทพที่มาใช้วิบากกรรมในโลก เหล็กไหลจึงมีทั้งเทพที่เป็นยักษ์ ที่เป็นคนธรรพ์คอยอารักขาอยู่ตลอดเวลา เหล็กไหลที่พบกันจึงมีหลากหลายชนิดที่ได้เห็นกัน เหล็กไหลเป็นธาตุที่ทรงอำนาจในการป้องกันตัว และ สิ่งที่อยู่ใกล้ตัว ให้พ้นจากภัยอันตราย อันเกิดจาก "อาวุธปืน" หรือ "ของมีคม" และ "ศาสตราวุธ" ทุกชนิด "เหล็กไหล" เป็นสสารที่มีชีวิตเป็นอมตะ และ หาได้ยากยิ่ง ต้องมีพิธีกรรมมากมาย กว่าจะได้มา ฉะนั้น เหล็กไหลจึงเป็นวัตถุอาถรรพ์ที่มีราคาแพง เพราะเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย และ เป็นที่เข้าใจกันทั่วไปว่า เหล็กไหลมีอานุภาพยอดเยี่ยม สามารถคุ้มครองชีวิตผู้ที่มีเหล็กไหลไว้ในความครอบครองหรือพกพาติดตัว และจะได้รับความคุ้มครองให้ปลอดภัยจาก "อุบัติภัยร้ายแรง" ต่างๆ รวมไปถึง "อาวุธร้ายแรง" นานาชนิด ได้อย่างอัศจรรย์นั่นเอง

    ผู้ที่จะทำพิธีตัดเหล็กไหลได้นั้น จะต้องเป็นผู้ที่มีคุณธรรมชั้นสูง และต้องประพฤติปฏิบัติรักษาศีลได้อย่างมั่นคง ไม่มีจิตคิดละโมภ กล่าวคือ จะต้องขออนุญาตจาก "เทพยดา" ผู้ดูแลรักษาเสียก่อน เมื่อได้รับอนุญาตจึงค่อยทำพิธีตัดเอาได้ มิฉะนั้น หากเราขืนตัดเหล็กไหลด้วยกำลัง หมายแย่งชิงเอาโดยพละการ ถือดีในพระเวทย์ก็อาจมีเภทภัยถึงแก่ชีวิต หรือ เกิดความขัดแย้งในหมู่คณะจนถึงขั้นวิบัติเอาได้ ด้วยอิทธิฤทธิ์ของเทพยดาผู้รักษาเหล็กไหลนั้นเอง

    หลวงพ่อหวลท่านได้เรียนวิชาอาคม สุดยอดวิชาอาคมที่เกือบจะเรียกว่าสาบสูญไปแล้ว ได้แก่วิชาอาคมเรียกและเชิญเหล็กไหล หรือพญาเหล็กไหลสุดยอดแห่งธาตุกายสิทธิ์ ที่ทุกคนต้องการได้มาครอบครอง วิชาอาคมเรียกหรือเชิญเหล็กไหลนั้นไม่ใช่จะเปิดเผยกันง่ายๆการเรียกหรือเชิญเหล็กไหลก็ไม่ใช่เรื่องธรรมดาที่ใครๆก็ทำได้ เหล็กไหลเป็นธาตุกายสิทธิ์…..ย่อมเป็นอันตรายต่อผู้ที่จิตไม่บริสุทธิ์ หากทำการเรียกหรืออัญเชิญเหล็กไหล อาจถึงตายได้ ซึ่งหลวงพ่อหวล แห่งวัดพุทไธสวรรค์ จ.พระนครศรีอยุธยา ท่านได้เล่าเรียนศึกษาวิชา "การเรียกและตัดเหล็กไหล" จากศิษย์หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ จ.นครสวรรค์ หลายท่านบอกว่าหลวงพ่อเดิมท่านชอบเล่นแร่แปรธาตุ บางคนตั้งให้หลวงพ่อเดิมท่านเป็นเทพเจ้าแห่งการเล่นแร่แปรธาตุเลยทีเดียว

    เหล็กไหลที่หลวงพ่อหวลได้ตัดไว้ มีด้วยกัน 3 วรรณะ ซึ่งแต่ละสีก็แบ่งแยกตามชั้นวรรณะของเหล่าบรรดา "เทพยดา หรือ ฤาษี" ที่ปกปักรักษา ได้แก่

    1.วรรณะเจ้าน้ำเงิน
    2.วรรณะท้องปลาไหล
    3.วรรณะเงินยวง

    และรูปแบบของเหล็กไหลที่ท่านตัดไว้มีหลายอย่าง อาทิเช่น แบบพิมพ์พระกริ่ง (นิยมสูงสุด และหายากมากที่สุด!!! ), พระพุทธ, แคปซูล, แหวน, กำไล, พระขรรค์ ,กรมหลวงชุมพร,หลวงปู่ทวด,รัชกาลที่ 5, พระสมเด็จ,พระนางพญา,พระผงสุพรรณ,พระซุ้มกอ,พระรอด,เจ้าแม่กวนอิม,พระขรรค์,ตรีสูญ,พระบูชา,พระสังกัจจายน์ ฯลฯ เป็นต้น ซึ่งเหล็กไหลแต่ละพิมพ์นั้น หลวงพ่อหวลจะต้องจัดสร้าง "หุ่นเทียน" ขึ้นมาไว้ก่อน จากนั้นหลวงพ่อท่านจึงนำเข้าไปในถ้ำกลางป่าลึก แล้วเมื่อท่านเจอ "เหล็กไหล" ท่านจึงทำ "พิธีอัญเชิญเหล็กไหล" ให้ "ไหลวิ่ง" ลงมาตามด้ายสายสิญจ์ โดยอัญเชิญให้เหล็กไหลวิ่งมาก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างขึ้นเอง เพื่อให้เราสามารถที่จะจับต้องเหล็กไหลเป็นรูปธรรมได้ ตามรูปแบบทรงพิมพ์ของหุ่นเทียนที่หลวงพ่อท่านได้ขออนุญาตจัดสร้างเตรียมขึ้นมา (หุ่นเทียน 1 อัน จะได้เหล็กไหล มาเพียงแค่ 1 ชิ้นเท่านั้น) ซึ่งพิธีในขั้นตอนนี้เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "พิธีหุงเหล็กไหล" โดยเป็นวิธีการหุงแบบตามธรรมชาติ โดยให้เหล็กไหลวิ่งมาก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างขึ้นเอง ซึ่งในการทำพิธีแต่ละครั้ง ต้องใช้ "อำนาจพลังจิต" สูงมาก และเหล็กไหลที่ได้มาแต่ละชิ้นนั้น ต้องใช้ระยะเวลาในการหุงนานมาก จึงทำให้ในการทำพิธีแต่ละครั้งจะได้เหล็กไหลเพียงไม่กี่ชิ้น (โดยในแต่ละขั้นตอนในการทำพิธีนี้ ต้องเป็นผู้มีวิชาอาคมใน "การเรียกและตัดเหล็กไหล" โดยเฉพาะ) ไม่ได้มาทำกันเล่นๆๆ หรือ นำเหล็กมาปั๊ม หรือ นำมาหล่อ เหมือนอย่างพระเครื่องทั่วๆไป ซึ่งทำให้ "ของปลอม" ยากที่จะทำออกมาเลียนแบบได้ ซึ่งปัจจุบันเหล็กไหลของหลวงพ่อหวลนี้หายากมากๆๆ เดินตามสนามพระทั่วไปแล้ว ท่านจะไม่ได้พบเห็นเลยแม้แต่ชิ้นเดียว เพราะเป็นที่หวงแหนของผู้ที่มีไว้ครอบครองเป็นอย่างยิ่ง ซึ่ง "เหล็กไหล ทั้ง 3 สี 3 วรรณะ" นี้ เป็นเหล็กไหลที่หาได้ค่อนข้างยากมากๆๆๆ (เพราะมีระดับสภาวะ ขั้นสูงสุด 31 ภพภูมิ ทั้งยังมีเทพยดา และ ฤาษี ชั้น "มหาเทพ" และ "มหาฤาษี" ลงมาปกปักรักษามากที่สุดและจะพบ "เหล็กไหล 3 สี 3 วรรณะ" นี้ได้ ต้องเป็นถ้ำที่มีอากาศค่อนข้างหนาวเย็นมาก และอยู่ในกลางป่าลึก บริเวณใจกลางหุบเขา "เหล็กไหล ทั้ง 3 สี 3 วรรณะ" มีคุณวิเศษทางด้านเมตตาแรงมากๆๆ มหาเสน่ห์ขั้นสูง คงกระพันชาตรี แคล้วคลาด เรียกโชคลาภขั้นสูง บันดาลทรัพย์สินเงินทอง ดลจิตดลใจ พลิกดวงชะตา จากตกต่ำให้เป็นสูงขึ้น (จากหน้ามือเป็นหลังมือ) เตือนภัยเมื่อมีเหตุคับขัน และสามารถล่องหนกำบังตัวหลบภัยได้ (ครบวงจร) ชอบช่วยเหลือผู้ปฏิบัติธรรม หรือ จะดลจิตดลใจของผู้ครอบครองเหล็กไหลนี้ ให้ตั้งมั่นอยู่แต่ในศีลในธรรม ในความดี มุ่งแต่สร้างบุญสร้างกุศล เพราะเกิดจากฤทธิ์ของมหาเทพและมหาฤาษีในขั้นระดับ “อรูปฌาณ” ที่มีบารมีธรรมสูงมาก ที่เป็นผู้ปกป้องครอบครองเหล็กไหลประเภทนี้ อยู่นั้นเอง

    "เหล็กไหล ทั้ง 3 สี 3 วรรณะ" นี้ มักจะตกได้อยู่แต่ในความครอบครองของ "พระภิกษุ" หรือ "นักบวชต่างๆ" (ที่มีฌาณขั้นอุกฤษณ์) คนธรรมดาอย่างเราๆ ยากนักที่จะได้เป็นผู้ครอบครอง เพราะใช่ว่ามีเงินเพียงอย่างเดียวจะหามาไว้ในความครอบครองได้ง่ายๆๆ จะต้องเป็น "ผู้มีบุญญาธิการบารมี" และต้องมี "กรรมเก่าเกี่ยวกัน" จริงๆๆ จึงจะได้เป็นผู้ครอบครอง พระพญาเหล็กไหลนี้ มีคุณ 108 ประการตามแต่อธิษฐาน ท่านบอกว่าใครได้ครอบครองไว้จะมีอำนาจ บารมี เหนือผู้อื่นพกพาติดตัวแคล้วคลาดปลอดภัย กิจการงานเจริญก้าวหน้า เดินทางไปที่ใด มีเทพยดา ปกปักรักษา มีโชคลาภ เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง และพระพญาเหล็กนี้ใช่ว่ามีเงินแล้วจะได้ครอบครอง ล.พ.หวลท่านบอกว่าต้องมีบุญวาสนาแต่ชาติปางก่อนจึงได้ครอบครอบครอง

    (((ปิดรายการนี้ค่า)))
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSCN1828.jpg
      DSCN1828.jpg
      ขนาดไฟล์:
      32.8 KB
      เปิดดู:
      41
    • DSCN1829.jpg
      DSCN1829.jpg
      ขนาดไฟล์:
      32.7 KB
      เปิดดู:
      40
    • DSCN1827.jpg
      DSCN1827.jpg
      ขนาดไฟล์:
      34.5 KB
      เปิดดู:
      37
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กรกฎาคม 2018
  14. saipote

    saipote เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2009
    โพสต์:
    6,115
    ค่าพลัง:
    +9,778
    #ตะกรุดพญาเหล็กไหลวรรณะเจ้าน้ำเงิน-ปีกแมลงทับ หลวงพ่อหวล วัดพุทไธสวรรค์#
    (ใช้ฝังในร่างกาย หรือเลี่ยมคู่กับวัตถุมงคล อื่นๆ) ของแแท้ 100%

    อานุภาพของธาตุกายสิทธิ์ (พญาเหล็ก/เหล็กไหล)
    …"เหล็กไหล" เป็น โลหะธาตุแปลกประหลาดที่มีชีวิต เป็นวิบากของกฏแห่งกรรม บันดาลให้วิญญาณอยู่ในสังสารวัฏ มาปฏิสนธิในสภาวะที่เป็นโลหะธาตุเหล็กไหล เคลื่อนไหวได้ เสพบริโภคผึ้งได้ ขับถ่ายได้ (เรียกว่าขี้เหล็กไหล)และสถานที่อยู่อาศัยนั้นชอบสถานที่สงบตามถ้ำ ดังนั้นจึงถือได้ว่าเหล็กไหลเป็นสิ่งมีชีวิตจำพวกเทพ เป็นเทพที่มาใช้วิบากกรรมในโลก เหล็กไหลจึงมีทั้งเทพที่เป็นยักษ์ ที่เป็นคนธรรพ์คอยอารักขาอยู่ตลอดเวลา เหล็กไหลที่พบกันจึงมีหลากหลายชนิดที่ได้เห็นกัน เหล็กไหลเป็นธาตุที่ทรงอำนาจในการป้องกันตัว และ สิ่งที่อยู่ใกล้ตัว ให้พ้นจากภัยอันตราย อันเกิดจาก "อาวุธปืน" หรือ "ของมีคม" และ "ศาสตราวุธ" ทุกชนิด "เหล็กไหล" เป็นสสารที่มีชีวิตเป็นอมตะ และ หาได้ยากยิ่ง ต้องมีพิธีกรรมมากมาย กว่าจะได้มา ฉะนั้น เหล็กไหลจึงเป็นวัตถุอาถรรพ์ที่มีราคาแพง เพราะเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย และ เป็นที่เข้าใจกันทั่วไปว่า เหล็กไหลมีอานุภาพยอดเยี่ยม สามารถคุ้มครองชีวิตผู้ที่มีเหล็กไหลไว้ในความครอบครองหรือพกพาติดตัว และจะได้รับความคุ้มครองให้ปลอดภัยจาก "อุบัติภัยร้ายแรง" ต่างๆ รวมไปถึง "อาวุธร้ายแรง" นานาชนิด ได้อย่างอัศจรรย์นั่นเอง

    ผู้ที่จะทำพิธีตัดเหล็กไหลได้นั้น จะต้องเป็นผู้ที่มีคุณธรรมชั้นสูง และต้องประพฤติปฏิบัติรักษาศีลได้อย่างมั่นคง ไม่มีจิตคิดละโมภ กล่าวคือ จะต้องขออนุญาตจาก "เทพยดา" ผู้ดูแลรักษาเสียก่อน เมื่อได้รับอนุญาตจึงค่อยทำพิธีตัดเอาได้ มิฉะนั้น หากเราขืนตัดเหล็กไหลด้วยกำลัง หมายแย่งชิงเอาโดยพละการ ถือดีในพระเวทย์ก็อาจมีเภทภัยถึงแก่ชีวิต หรือ เกิดความขัดแย้งในหมู่คณะจนถึงขั้นวิบัติเอาได้ ด้วยอิทธิฤทธิ์ของเทพยดาผู้รักษาเหล็กไหลนั้นเอง

    หลวงพ่อหวลท่านได้เรียนวิชาอาคม สุดยอดวิชาอาคมที่เกือบจะเรียกว่าสาบสูญไปแล้ว ได้แก่วิชาอาคมเรียกและเชิญเหล็กไหล หรือพญาเหล็กไหลสุดยอดแห่งธาตุกายสิทธิ์ ที่ทุกคนต้องการได้มาครอบครอง วิชาอาคมเรียกหรือเชิญเหล็กไหลนั้นไม่ใช่จะเปิดเผยกันง่ายๆการเรียกหรือเชิญเหล็กไหลก็ไม่ใช่เรื่องธรรมดาที่ใครๆก็ทำได้ เหล็กไหลเป็นธาตุกายสิทธิ์…..ย่อมเป็นอันตรายต่อผู้ที่จิตไม่บริสุทธิ์ หากทำการเรียกหรืออัญเชิญเหล็กไหล อาจถึงตายได้ ซึ่งหลวงพ่อหวล แห่งวัดพุทไธสวรรค์ จ.พระนครศรีอยุธยา ท่านได้เล่าเรียนศึกษาวิชา "การเรียกและตัดเหล็กไหล" จากศิษย์หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ จ.นครสวรรค์ หลายท่านบอกว่าหลวงพ่อเดิมท่านชอบเล่นแร่แปรธาตุ บางคนตั้งให้หลวงพ่อเดิมท่านเป็นเทพเจ้าแห่งการเล่นแร่แปรธาตุเลยทีเดียว

    เหล็กไหลที่หลวงพ่อหวลได้ตัดไว้ มีด้วยกัน 3 วรรณะ ซึ่งแต่ละสีก็แบ่งแยกตามชั้นวรรณะของเหล่าบรรดา "เทพยดา หรือ ฤาษี" ที่ปกปักรักษา ได้แก่

    1.วรรณะเจ้าน้ำเงิน
    2.วรรณะท้องปลาไหล
    3.วรรณะเงินยวง

    และรูปแบบของเหล็กไหลที่ท่านตัดไว้มีหลายอย่าง อาทิเช่น แบบพิมพ์พระกริ่ง (นิยมสูงสุด และหายากมากที่สุด!!! ), พระพุทธ, แคปซูล, แหวน, กำไล, พระขรรค์ ,กรมหลวงชุมพร,หลวงปู่ทวด,รัชกาลที่ 5, พระสมเด็จ,พระนางพญา,พระผงสุพรรณ,พระซุ้มกอ,พระรอด,เจ้าแม่กวนอิม,พระขรรค์,ตรีสูญ,พระบูชา,พระสังกัจจายน์ ฯลฯ เป็นต้น ซึ่งเหล็กไหลแต่ละพิมพ์นั้น หลวงพ่อหวลจะต้องจัดสร้าง "หุ่นเทียน" ขึ้นมาไว้ก่อน จากนั้นหลวงพ่อท่านจึงนำเข้าไปในถ้ำกลางป่าลึก แล้วเมื่อท่านเจอ "เหล็กไหล" ท่านจึงทำ "พิธีอัญเชิญเหล็กไหล" ให้ "ไหลวิ่ง" ลงมาตามด้ายสายสิญจ์ โดยอัญเชิญให้เหล็กไหลวิ่งมาก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างขึ้นเอง เพื่อให้เราสามารถที่จะจับต้องเหล็กไหลเป็นรูปธรรมได้ ตามรูปแบบทรงพิมพ์ของหุ่นเทียนที่หลวงพ่อท่านได้ขออนุญาตจัดสร้างเตรียมขึ้นมา (หุ่นเทียน 1 อัน จะได้เหล็กไหล มาเพียงแค่ 1 ชิ้นเท่านั้น) ซึ่งพิธีในขั้นตอนนี้เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "พิธีหุงเหล็กไหล" โดยเป็นวิธีการหุงแบบตามธรรมชาติ โดยให้เหล็กไหลวิ่งมาก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างขึ้นเอง ซึ่งในการทำพิธีแต่ละครั้ง ต้องใช้ "อำนาจพลังจิต" สูงมาก และเหล็กไหลที่ได้มาแต่ละชิ้นนั้น ต้องใช้ระยะเวลาในการหุงนานมาก จึงทำให้ในการทำพิธีแต่ละครั้งจะได้เหล็กไหลเพียงไม่กี่ชิ้น (โดยในแต่ละขั้นตอนในการทำพิธีนี้ ต้องเป็นผู้มีวิชาอาคมใน "การเรียกและตัดเหล็กไหล" โดยเฉพาะ) ไม่ได้มาทำกันเล่นๆๆ หรือ นำเหล็กมาปั๊ม หรือ นำมาหล่อ เหมือนอย่างพระเครื่องทั่วๆไป ซึ่งทำให้ "ของปลอม" ยากที่จะทำออกมาเลียนแบบได้ ซึ่งปัจจุบันเหล็กไหลของหลวงพ่อหวลนี้หายากมากๆๆ เดินตามสนามพระทั่วไปแล้ว ท่านจะไม่ได้พบเห็นเลยแม้แต่ชิ้นเดียว เพราะเป็นที่หวงแหนของผู้ที่มีไว้ครอบครองเป็นอย่างยิ่ง ซึ่ง "เหล็กไหล ทั้ง 3 สี 3 วรรณะ" นี้ เป็นเหล็กไหลที่หาได้ค่อนข้างยากมากๆๆๆ (เพราะมีระดับสภาวะ ขั้นสูงสุด 31 ภพภูมิ ทั้งยังมีเทพยดา และ ฤาษี ชั้น "มหาเทพ" และ "มหาฤาษี" ลงมาปกปักรักษามากที่สุดและจะพบ "เหล็กไหล 3 สี 3 วรรณะ" นี้ได้ ต้องเป็นถ้ำที่มีอากาศค่อนข้างหนาวเย็นมาก และอยู่ในกลางป่าลึก บริเวณใจกลางหุบเขา "เหล็กไหล ทั้ง 3 สี 3 วรรณะ" มีคุณวิเศษทางด้านเมตตาแรงมากๆๆ มหาเสน่ห์ขั้นสูง คงกระพันชาตรี แคล้วคลาด เรียกโชคลาภขั้นสูง บันดาลทรัพย์สินเงินทอง ดลจิตดลใจ พลิกดวงชะตา จากตกต่ำให้เป็นสูงขึ้น (จากหน้ามือเป็นหลังมือ) เตือนภัยเมื่อมีเหตุคับขัน และสามารถล่องหนกำบังตัวหลบภัยได้ (ครบวงจร) ชอบช่วยเหลือผู้ปฏิบัติธรรม หรือ จะดลจิตดลใจของผู้ครอบครองเหล็กไหลนี้ ให้ตั้งมั่นอยู่แต่ในศีลในธรรม ในความดี มุ่งแต่สร้างบุญสร้างกุศล เพราะเกิดจากฤทธิ์ของมหาเทพและมหาฤาษีในขั้นระดับ “อรูปฌาณ” ที่มีบารมีธรรมสูงมาก ที่เป็นผู้ปกป้องครอบครองเหล็กไหลประเภทนี้ อยู่นั้นเอง

    "เหล็กไหล ทั้ง 3 สี 3 วรรณะ" นี้ มักจะตกได้อยู่แต่ในความครอบครองของ "พระภิกษุ" หรือ "นักบวชต่างๆ" (ที่มีฌาณขั้นอุกฤษณ์) คนธรรมดาอย่างเราๆ ยากนักที่จะได้เป็นผู้ครอบครอง เพราะใช่ว่ามีเงินเพียงอย่างเดียวจะหามาไว้ในความครอบครองได้ง่ายๆๆ จะต้องเป็น "ผู้มีบุญญาธิการบารมี" และต้องมี "กรรมเก่าเกี่ยวกัน" จริงๆๆ จึงจะได้เป็นผู้ครอบครอง พระพญาเหล็กไหลนี้ มีคุณ 108 ประการตามแต่อธิษฐาน ท่านบอกว่าใครได้ครอบครองไว้จะมีอำนาจ บารมี เหนือผู้อื่นพกพาติดตัวแคล้วคลาดปลอดภัย กิจการงานเจริญก้าวหน้า เดินทางไปที่ใด มีเทพยดา ปกปักรักษา มีโชคลาภ เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง และพระพญาเหล็กนี้ใช่ว่ามีเงินแล้วจะได้ครอบครอง ล.พ.หวลท่านบอกว่าต้องมีบุญวาสนาแต่ชาติปางก่อนจึงได้ครอบครอบครอง

    (((ปิดรายการนี้ค่า)))
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSCN1831.jpg
      DSCN1831.jpg
      ขนาดไฟล์:
      32.4 KB
      เปิดดู:
      40
    • DSCN1832.jpg
      DSCN1832.jpg
      ขนาดไฟล์:
      32.7 KB
      เปิดดู:
      33
    • DSCN1830.jpg
      DSCN1830.jpg
      ขนาดไฟล์:
      39.2 KB
      เปิดดู:
      43
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กรกฎาคม 2018
  15. saipote

    saipote เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2009
    โพสต์:
    6,115
    ค่าพลัง:
    +9,778
    #ตะกรุดพญาเหล็กไหลวรรณะเจ้าน้ำเงิน-ปีกแมลงทับ หลวงพ่อหวล วัดพุทไธสวรรค์#
    (ใช้ฝังในร่างกาย หรือเลี่ยมคู่กับวัตถุมงคล อื่นๆ) ของแแท้ 100%

    อานุภาพของธาตุกายสิทธิ์ (พญาเหล็ก/เหล็กไหล)
    …"เหล็กไหล" เป็น โลหะธาตุแปลกประหลาดที่มีชีวิต เป็นวิบากของกฏแห่งกรรม บันดาลให้วิญญาณอยู่ในสังสารวัฏ มาปฏิสนธิในสภาวะที่เป็นโลหะธาตุเหล็กไหล เคลื่อนไหวได้ เสพบริโภคผึ้งได้ ขับถ่ายได้ (เรียกว่าขี้เหล็กไหล)และสถานที่อยู่อาศัยนั้นชอบสถานที่สงบตามถ้ำ ดังนั้นจึงถือได้ว่าเหล็กไหลเป็นสิ่งมีชีวิตจำพวกเทพ เป็นเทพที่มาใช้วิบากกรรมในโลก เหล็กไหลจึงมีทั้งเทพที่เป็นยักษ์ ที่เป็นคนธรรพ์คอยอารักขาอยู่ตลอดเวลา เหล็กไหลที่พบกันจึงมีหลากหลายชนิดที่ได้เห็นกัน เหล็กไหลเป็นธาตุที่ทรงอำนาจในการป้องกันตัว และ สิ่งที่อยู่ใกล้ตัว ให้พ้นจากภัยอันตราย อันเกิดจาก "อาวุธปืน" หรือ "ของมีคม" และ "ศาสตราวุธ" ทุกชนิด "เหล็กไหล" เป็นสสารที่มีชีวิตเป็นอมตะ และ หาได้ยากยิ่ง ต้องมีพิธีกรรมมากมาย กว่าจะได้มา ฉะนั้น เหล็กไหลจึงเป็นวัตถุอาถรรพ์ที่มีราคาแพง เพราะเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย และ เป็นที่เข้าใจกันทั่วไปว่า เหล็กไหลมีอานุภาพยอดเยี่ยม สามารถคุ้มครองชีวิตผู้ที่มีเหล็กไหลไว้ในความครอบครองหรือพกพาติดตัว และจะได้รับความคุ้มครองให้ปลอดภัยจาก "อุบัติภัยร้ายแรง" ต่างๆ รวมไปถึง "อาวุธร้ายแรง" นานาชนิด ได้อย่างอัศจรรย์นั่นเอง

    ผู้ที่จะทำพิธีตัดเหล็กไหลได้นั้น จะต้องเป็นผู้ที่มีคุณธรรมชั้นสูง และต้องประพฤติปฏิบัติรักษาศีลได้อย่างมั่นคง ไม่มีจิตคิดละโมภ กล่าวคือ จะต้องขออนุญาตจาก "เทพยดา" ผู้ดูแลรักษาเสียก่อน เมื่อได้รับอนุญาตจึงค่อยทำพิธีตัดเอาได้ มิฉะนั้น หากเราขืนตัดเหล็กไหลด้วยกำลัง หมายแย่งชิงเอาโดยพละการ ถือดีในพระเวทย์ก็อาจมีเภทภัยถึงแก่ชีวิต หรือ เกิดความขัดแย้งในหมู่คณะจนถึงขั้นวิบัติเอาได้ ด้วยอิทธิฤทธิ์ของเทพยดาผู้รักษาเหล็กไหลนั้นเอง

    หลวงพ่อหวลท่านได้เรียนวิชาอาคม สุดยอดวิชาอาคมที่เกือบจะเรียกว่าสาบสูญไปแล้ว ได้แก่วิชาอาคมเรียกและเชิญเหล็กไหล หรือพญาเหล็กไหลสุดยอดแห่งธาตุกายสิทธิ์ ที่ทุกคนต้องการได้มาครอบครอง วิชาอาคมเรียกหรือเชิญเหล็กไหลนั้นไม่ใช่จะเปิดเผยกันง่ายๆการเรียกหรือเชิญเหล็กไหลก็ไม่ใช่เรื่องธรรมดาที่ใครๆก็ทำได้ เหล็กไหลเป็นธาตุกายสิทธิ์…..ย่อมเป็นอันตรายต่อผู้ที่จิตไม่บริสุทธิ์ หากทำการเรียกหรืออัญเชิญเหล็กไหล อาจถึงตายได้ ซึ่งหลวงพ่อหวล แห่งวัดพุทไธสวรรค์ จ.พระนครศรีอยุธยา ท่านได้เล่าเรียนศึกษาวิชา "การเรียกและตัดเหล็กไหล" จากศิษย์หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ จ.นครสวรรค์ หลายท่านบอกว่าหลวงพ่อเดิมท่านชอบเล่นแร่แปรธาตุ บางคนตั้งให้หลวงพ่อเดิมท่านเป็นเทพเจ้าแห่งการเล่นแร่แปรธาตุเลยทีเดียว

    เหล็กไหลที่หลวงพ่อหวลได้ตัดไว้ มีด้วยกัน 3 วรรณะ ซึ่งแต่ละสีก็แบ่งแยกตามชั้นวรรณะของเหล่าบรรดา "เทพยดา หรือ ฤาษี" ที่ปกปักรักษา ได้แก่

    1.วรรณะเจ้าน้ำเงิน
    2.วรรณะท้องปลาไหล
    3.วรรณะเงินยวง

    และรูปแบบของเหล็กไหลที่ท่านตัดไว้มีหลายอย่าง อาทิเช่น แบบพิมพ์พระกริ่ง (นิยมสูงสุด และหายากมากที่สุด!!! ), พระพุทธ, แคปซูล, แหวน, กำไล, พระขรรค์ ,กรมหลวงชุมพร,หลวงปู่ทวด,รัชกาลที่ 5, พระสมเด็จ,พระนางพญา,พระผงสุพรรณ,พระซุ้มกอ,พระรอด,เจ้าแม่กวนอิม,พระขรรค์,ตรีสูญ,พระบูชา,พระสังกัจจายน์ ฯลฯ เป็นต้น ซึ่งเหล็กไหลแต่ละพิมพ์นั้น หลวงพ่อหวลจะต้องจัดสร้าง "หุ่นเทียน" ขึ้นมาไว้ก่อน จากนั้นหลวงพ่อท่านจึงนำเข้าไปในถ้ำกลางป่าลึก แล้วเมื่อท่านเจอ "เหล็กไหล" ท่านจึงทำ "พิธีอัญเชิญเหล็กไหล" ให้ "ไหลวิ่ง" ลงมาตามด้ายสายสิญจ์ โดยอัญเชิญให้เหล็กไหลวิ่งมาก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างขึ้นเอง เพื่อให้เราสามารถที่จะจับต้องเหล็กไหลเป็นรูปธรรมได้ ตามรูปแบบทรงพิมพ์ของหุ่นเทียนที่หลวงพ่อท่านได้ขออนุญาตจัดสร้างเตรียมขึ้นมา (หุ่นเทียน 1 อัน จะได้เหล็กไหล มาเพียงแค่ 1 ชิ้นเท่านั้น) ซึ่งพิธีในขั้นตอนนี้เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "พิธีหุงเหล็กไหล" โดยเป็นวิธีการหุงแบบตามธรรมชาติ โดยให้เหล็กไหลวิ่งมาก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างขึ้นเอง ซึ่งในการทำพิธีแต่ละครั้ง ต้องใช้ "อำนาจพลังจิต" สูงมาก และเหล็กไหลที่ได้มาแต่ละชิ้นนั้น ต้องใช้ระยะเวลาในการหุงนานมาก จึงทำให้ในการทำพิธีแต่ละครั้งจะได้เหล็กไหลเพียงไม่กี่ชิ้น (โดยในแต่ละขั้นตอนในการทำพิธีนี้ ต้องเป็นผู้มีวิชาอาคมใน "การเรียกและตัดเหล็กไหล" โดยเฉพาะ) ไม่ได้มาทำกันเล่นๆๆ หรือ นำเหล็กมาปั๊ม หรือ นำมาหล่อ เหมือนอย่างพระเครื่องทั่วๆไป ซึ่งทำให้ "ของปลอม" ยากที่จะทำออกมาเลียนแบบได้ ซึ่งปัจจุบันเหล็กไหลของหลวงพ่อหวลนี้หายากมากๆๆ เดินตามสนามพระทั่วไปแล้ว ท่านจะไม่ได้พบเห็นเลยแม้แต่ชิ้นเดียว เพราะเป็นที่หวงแหนของผู้ที่มีไว้ครอบครองเป็นอย่างยิ่ง ซึ่ง "เหล็กไหล ทั้ง 3 สี 3 วรรณะ" นี้ เป็นเหล็กไหลที่หาได้ค่อนข้างยากมากๆๆๆ (เพราะมีระดับสภาวะ ขั้นสูงสุด 31 ภพภูมิ ทั้งยังมีเทพยดา และ ฤาษี ชั้น "มหาเทพ" และ "มหาฤาษี" ลงมาปกปักรักษามากที่สุดและจะพบ "เหล็กไหล 3 สี 3 วรรณะ" นี้ได้ ต้องเป็นถ้ำที่มีอากาศค่อนข้างหนาวเย็นมาก และอยู่ในกลางป่าลึก บริเวณใจกลางหุบเขา "เหล็กไหล ทั้ง 3 สี 3 วรรณะ" มีคุณวิเศษทางด้านเมตตาแรงมากๆๆ มหาเสน่ห์ขั้นสูง คงกระพันชาตรี แคล้วคลาด เรียกโชคลาภขั้นสูง บันดาลทรัพย์สินเงินทอง ดลจิตดลใจ พลิกดวงชะตา จากตกต่ำให้เป็นสูงขึ้น (จากหน้ามือเป็นหลังมือ) เตือนภัยเมื่อมีเหตุคับขัน และสามารถล่องหนกำบังตัวหลบภัยได้ (ครบวงจร) ชอบช่วยเหลือผู้ปฏิบัติธรรม หรือ จะดลจิตดลใจของผู้ครอบครองเหล็กไหลนี้ ให้ตั้งมั่นอยู่แต่ในศีลในธรรม ในความดี มุ่งแต่สร้างบุญสร้างกุศล เพราะเกิดจากฤทธิ์ของมหาเทพและมหาฤาษีในขั้นระดับ “อรูปฌาณ” ที่มีบารมีธรรมสูงมาก ที่เป็นผู้ปกป้องครอบครองเหล็กไหลประเภทนี้ อยู่นั้นเอง

    "เหล็กไหล ทั้ง 3 สี 3 วรรณะ" นี้ มักจะตกได้อยู่แต่ในความครอบครองของ "พระภิกษุ" หรือ "นักบวชต่างๆ" (ที่มีฌาณขั้นอุกฤษณ์) คนธรรมดาอย่างเราๆ ยากนักที่จะได้เป็นผู้ครอบครอง เพราะใช่ว่ามีเงินเพียงอย่างเดียวจะหามาไว้ในความครอบครองได้ง่ายๆๆ จะต้องเป็น "ผู้มีบุญญาธิการบารมี" และต้องมี "กรรมเก่าเกี่ยวกัน" จริงๆๆ จึงจะได้เป็นผู้ครอบครอง พระพญาเหล็กไหลนี้ มีคุณ 108 ประการตามแต่อธิษฐาน ท่านบอกว่าใครได้ครอบครองไว้จะมีอำนาจ บารมี เหนือผู้อื่นพกพาติดตัวแคล้วคลาดปลอดภัย กิจการงานเจริญก้าวหน้า เดินทางไปที่ใด มีเทพยดา ปกปักรักษา มีโชคลาภ เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง และพระพญาเหล็กนี้ใช่ว่ามีเงินแล้วจะได้ครอบครอง ล.พ.หวลท่านบอกว่าต้องมีบุญวาสนาแต่ชาติปางก่อนจึงได้ครอบครอบครอง

    (((ปิดรายการนี้ค่า)))
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSCN1834.jpg
      DSCN1834.jpg
      ขนาดไฟล์:
      33.1 KB
      เปิดดู:
      33
    • DSCN1835.jpg
      DSCN1835.jpg
      ขนาดไฟล์:
      31.9 KB
      เปิดดู:
      42
    • DSCN1833.jpg
      DSCN1833.jpg
      ขนาดไฟล์:
      37.5 KB
      เปิดดู:
      35
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กรกฎาคม 2018
  16. saipote

    saipote เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2009
    โพสต์:
    6,115
    ค่าพลัง:
    +9,778
    ** พลอยพญานาค (สีเหลืองอัมพัน) **

    - ให้บูชา 550 (รวมส่งค่า)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSCN1872.jpg
      DSCN1872.jpg
      ขนาดไฟล์:
      44.3 KB
      เปิดดู:
      47
    • DSCN1874.jpg
      DSCN1874.jpg
      ขนาดไฟล์:
      32 KB
      เปิดดู:
      43
    • DSCN1875.jpg
      DSCN1875.jpg
      ขนาดไฟล์:
      45.3 KB
      เปิดดู:
      33
    • DSCN1883.jpg
      DSCN1883.jpg
      ขนาดไฟล์:
      41.6 KB
      เปิดดู:
      37
  17. saipote

    saipote เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2009
    โพสต์:
    6,115
    ค่าพลัง:
    +9,778
    ** พลอยพญานาค (สีแดงอมส้ม) **

    - ให้บูชา 550 (รวมส่งค่า)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSCN1914.jpg
      DSCN1914.jpg
      ขนาดไฟล์:
      43.9 KB
      เปิดดู:
      37
    • DSCN1915.jpg
      DSCN1915.jpg
      ขนาดไฟล์:
      42.4 KB
      เปิดดู:
      34
    • DSCN1916.jpg
      DSCN1916.jpg
      ขนาดไฟล์:
      34.5 KB
      เปิดดู:
      34
    • DSCN1917.jpg
      DSCN1917.jpg
      ขนาดไฟล์:
      44.8 KB
      เปิดดู:
      29
    • DSCN1918.jpg
      DSCN1918.jpg
      ขนาดไฟล์:
      46.9 KB
      เปิดดู:
      32
    • DSCN1919.jpg
      DSCN1919.jpg
      ขนาดไฟล์:
      36.1 KB
      เปิดดู:
      41
  18. saipote

    saipote เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2009
    โพสต์:
    6,115
    ค่าพลัง:
    +9,778
    #ตะกรุดพญาเหล็กไหลวรรณะเจ้าน้ำเงิน-ปีกแมลงทับ หลวงพ่อหวล วัดพุทไธสวรรค์#
    (ใช้ฝังในร่างกาย หรือเลี่ยมคู่กับวัตถุมงคล อื่นๆ) ของแแท้ 100%

    อานุภาพของธาตุกายสิทธิ์ (พญาเหล็ก/เหล็กไหล)
    …"เหล็กไหล" เป็น โลหะธาตุแปลกประหลาดที่มีชีวิต เป็นวิบากของกฏแห่งกรรม บันดาลให้วิญญาณอยู่ในสังสารวัฏ มาปฏิสนธิในสภาวะที่เป็นโลหะธาตุเหล็กไหล เคลื่อนไหวได้ เสพบริโภคผึ้งได้ ขับถ่ายได้ (เรียกว่าขี้เหล็กไหล)และสถานที่อยู่อาศัยนั้นชอบสถานที่สงบตามถ้ำ ดังนั้นจึงถือได้ว่าเหล็กไหลเป็นสิ่งมีชีวิตจำพวกเทพ เป็นเทพที่มาใช้วิบากกรรมในโลก เหล็กไหลจึงมีทั้งเทพที่เป็นยักษ์ ที่เป็นคนธรรพ์คอยอารักขาอยู่ตลอดเวลา เหล็กไหลที่พบกันจึงมีหลากหลายชนิดที่ได้เห็นกัน เหล็กไหลเป็นธาตุที่ทรงอำนาจในการป้องกันตัว และ สิ่งที่อยู่ใกล้ตัว ให้พ้นจากภัยอันตราย อันเกิดจาก "อาวุธปืน" หรือ "ของมีคม" และ "ศาสตราวุธ" ทุกชนิด "เหล็กไหล" เป็นสสารที่มีชีวิตเป็นอมตะ และ หาได้ยากยิ่ง ต้องมีพิธีกรรมมากมาย กว่าจะได้มา ฉะนั้น เหล็กไหลจึงเป็นวัตถุอาถรรพ์ที่มีราคาแพง เพราะเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย และ เป็นที่เข้าใจกันทั่วไปว่า เหล็กไหลมีอานุภาพยอดเยี่ยม สามารถคุ้มครองชีวิตผู้ที่มีเหล็กไหลไว้ในความครอบครองหรือพกพาติดตัว และจะได้รับความคุ้มครองให้ปลอดภัยจาก "อุบัติภัยร้ายแรง" ต่างๆ รวมไปถึง "อาวุธร้ายแรง" นานาชนิด ได้อย่างอัศจรรย์นั่นเอง

    ผู้ที่จะทำพิธีตัดเหล็กไหลได้นั้น จะต้องเป็นผู้ที่มีคุณธรรมชั้นสูง และต้องประพฤติปฏิบัติรักษาศีลได้อย่างมั่นคง ไม่มีจิตคิดละโมภ กล่าวคือ จะต้องขออนุญาตจาก "เทพยดา" ผู้ดูแลรักษาเสียก่อน เมื่อได้รับอนุญาตจึงค่อยทำพิธีตัดเอาได้ มิฉะนั้น หากเราขืนตัดเหล็กไหลด้วยกำลัง หมายแย่งชิงเอาโดยพละการ ถือดีในพระเวทย์ก็อาจมีเภทภัยถึงแก่ชีวิต หรือ เกิดความขัดแย้งในหมู่คณะจนถึงขั้นวิบัติเอาได้ ด้วยอิทธิฤทธิ์ของเทพยดาผู้รักษาเหล็กไหลนั้นเอง

    หลวงพ่อหวลท่านได้เรียนวิชาอาคม สุดยอดวิชาอาคมที่เกือบจะเรียกว่าสาบสูญไปแล้ว ได้แก่วิชาอาคมเรียกและเชิญเหล็กไหล หรือพญาเหล็กไหลสุดยอดแห่งธาตุกายสิทธิ์ ที่ทุกคนต้องการได้มาครอบครอง วิชาอาคมเรียกหรือเชิญเหล็กไหลนั้นไม่ใช่จะเปิดเผยกันง่ายๆการเรียกหรือเชิญเหล็กไหลก็ไม่ใช่เรื่องธรรมดาที่ใครๆก็ทำได้ เหล็กไหลเป็นธาตุกายสิทธิ์…..ย่อมเป็นอันตรายต่อผู้ที่จิตไม่บริสุทธิ์ หากทำการเรียกหรืออัญเชิญเหล็กไหล อาจถึงตายได้ ซึ่งหลวงพ่อหวล แห่งวัดพุทไธสวรรค์ จ.พระนครศรีอยุธยา ท่านได้เล่าเรียนศึกษาวิชา "การเรียกและตัดเหล็กไหล" จากศิษย์หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ จ.นครสวรรค์ หลายท่านบอกว่าหลวงพ่อเดิมท่านชอบเล่นแร่แปรธาตุ บางคนตั้งให้หลวงพ่อเดิมท่านเป็นเทพเจ้าแห่งการเล่นแร่แปรธาตุเลยทีเดียว

    เหล็กไหลที่หลวงพ่อหวลได้ตัดไว้ มีด้วยกัน 3 วรรณะ ซึ่งแต่ละสีก็แบ่งแยกตามชั้นวรรณะของเหล่าบรรดา "เทพยดา หรือ ฤาษี" ที่ปกปักรักษา ได้แก่

    1.วรรณะเจ้าน้ำเงิน
    2.วรรณะท้องปลาไหล
    3.วรรณะเงินยวง

    และรูปแบบของเหล็กไหลที่ท่านตัดไว้มีหลายอย่าง อาทิเช่น แบบพิมพ์พระกริ่ง (นิยมสูงสุด และหายากมากที่สุด!!! ), พระพุทธ, แคปซูล, แหวน, กำไล, พระขรรค์ ,กรมหลวงชุมพร,หลวงปู่ทวด,รัชกาลที่ 5, พระสมเด็จ,พระนางพญา,พระผงสุพรรณ,พระซุ้มกอ,พระรอด,เจ้าแม่กวนอิม,พระขรรค์,ตรีสูญ,พระบูชา,พระสังกัจจายน์ ฯลฯ เป็นต้น ซึ่งเหล็กไหลแต่ละพิมพ์นั้น หลวงพ่อหวลจะต้องจัดสร้าง "หุ่นเทียน" ขึ้นมาไว้ก่อน จากนั้นหลวงพ่อท่านจึงนำเข้าไปในถ้ำกลางป่าลึก แล้วเมื่อท่านเจอ "เหล็กไหล" ท่านจึงทำ "พิธีอัญเชิญเหล็กไหล" ให้ "ไหลวิ่ง" ลงมาตามด้ายสายสิญจ์ โดยอัญเชิญให้เหล็กไหลวิ่งมาก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างขึ้นเอง เพื่อให้เราสามารถที่จะจับต้องเหล็กไหลเป็นรูปธรรมได้ ตามรูปแบบทรงพิมพ์ของหุ่นเทียนที่หลวงพ่อท่านได้ขออนุญาตจัดสร้างเตรียมขึ้นมา (หุ่นเทียน 1 อัน จะได้เหล็กไหล มาเพียงแค่ 1 ชิ้นเท่านั้น) ซึ่งพิธีในขั้นตอนนี้เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "พิธีหุงเหล็กไหล" โดยเป็นวิธีการหุงแบบตามธรรมชาติ โดยให้เหล็กไหลวิ่งมาก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างขึ้นเอง ซึ่งในการทำพิธีแต่ละครั้ง ต้องใช้ "อำนาจพลังจิต" สูงมาก และเหล็กไหลที่ได้มาแต่ละชิ้นนั้น ต้องใช้ระยะเวลาในการหุงนานมาก จึงทำให้ในการทำพิธีแต่ละครั้งจะได้เหล็กไหลเพียงไม่กี่ชิ้น (โดยในแต่ละขั้นตอนในการทำพิธีนี้ ต้องเป็นผู้มีวิชาอาคมใน "การเรียกและตัดเหล็กไหล" โดยเฉพาะ) ไม่ได้มาทำกันเล่นๆๆ หรือ นำเหล็กมาปั๊ม หรือ นำมาหล่อ เหมือนอย่างพระเครื่องทั่วๆไป ซึ่งทำให้ "ของปลอม" ยากที่จะทำออกมาเลียนแบบได้ ซึ่งปัจจุบันเหล็กไหลของหลวงพ่อหวลนี้หายากมากๆๆ เดินตามสนามพระทั่วไปแล้ว ท่านจะไม่ได้พบเห็นเลยแม้แต่ชิ้นเดียว เพราะเป็นที่หวงแหนของผู้ที่มีไว้ครอบครองเป็นอย่างยิ่ง ซึ่ง "เหล็กไหล ทั้ง 3 สี 3 วรรณะ" นี้ เป็นเหล็กไหลที่หาได้ค่อนข้างยากมากๆๆๆ (เพราะมีระดับสภาวะ ขั้นสูงสุด 31 ภพภูมิ ทั้งยังมีเทพยดา และ ฤาษี ชั้น "มหาเทพ" และ "มหาฤาษี" ลงมาปกปักรักษามากที่สุดและจะพบ "เหล็กไหล 3 สี 3 วรรณะ" นี้ได้ ต้องเป็นถ้ำที่มีอากาศค่อนข้างหนาวเย็นมาก และอยู่ในกลางป่าลึก บริเวณใจกลางหุบเขา "เหล็กไหล ทั้ง 3 สี 3 วรรณะ" มีคุณวิเศษทางด้านเมตตาแรงมากๆๆ มหาเสน่ห์ขั้นสูง คงกระพันชาตรี แคล้วคลาด เรียกโชคลาภขั้นสูง บันดาลทรัพย์สินเงินทอง ดลจิตดลใจ พลิกดวงชะตา จากตกต่ำให้เป็นสูงขึ้น (จากหน้ามือเป็นหลังมือ) เตือนภัยเมื่อมีเหตุคับขัน และสามารถล่องหนกำบังตัวหลบภัยได้ (ครบวงจร) ชอบช่วยเหลือผู้ปฏิบัติธรรม หรือ จะดลจิตดลใจของผู้ครอบครองเหล็กไหลนี้ ให้ตั้งมั่นอยู่แต่ในศีลในธรรม ในความดี มุ่งแต่สร้างบุญสร้างกุศล เพราะเกิดจากฤทธิ์ของมหาเทพและมหาฤาษีในขั้นระดับ “อรูปฌาณ” ที่มีบารมีธรรมสูงมาก ที่เป็นผู้ปกป้องครอบครองเหล็กไหลประเภทนี้ อยู่นั้นเอง

    "เหล็กไหล ทั้ง 3 สี 3 วรรณะ" นี้ มักจะตกได้อยู่แต่ในความครอบครองของ "พระภิกษุ" หรือ "นักบวชต่างๆ" (ที่มีฌาณขั้นอุกฤษณ์) คนธรรมดาอย่างเราๆ ยากนักที่จะได้เป็นผู้ครอบครอง เพราะใช่ว่ามีเงินเพียงอย่างเดียวจะหามาไว้ในความครอบครองได้ง่ายๆๆ จะต้องเป็น "ผู้มีบุญญาธิการบารมี" และต้องมี "กรรมเก่าเกี่ยวกัน" จริงๆๆ จึงจะได้เป็นผู้ครอบครอง พระพญาเหล็กไหลนี้ มีคุณ 108 ประการตามแต่อธิษฐาน ท่านบอกว่าใครได้ครอบครองไว้จะมีอำนาจ บารมี เหนือผู้อื่นพกพาติดตัวแคล้วคลาดปลอดภัย กิจการงานเจริญก้าวหน้า เดินทางไปที่ใด มีเทพยดา ปกปักรักษา มีโชคลาภ เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง และพระพญาเหล็กนี้ใช่ว่ามีเงินแล้วจะได้ครอบครอง ล.พ.หวลท่านบอกว่าต้องมีบุญวาสนาแต่ชาติปางก่อนจึงได้ครอบครอบครอง

    (((ปิดรายการนี้ค่า)))
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSCN2028.jpg
      DSCN2028.jpg
      ขนาดไฟล์:
      30.7 KB
      เปิดดู:
      43
    • DSCN2029.jpg
      DSCN2029.jpg
      ขนาดไฟล์:
      30.6 KB
      เปิดดู:
      37
    • DSCN2030.jpg
      DSCN2030.jpg
      ขนาดไฟล์:
      40.9 KB
      เปิดดู:
      34
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กรกฎาคม 2018
  19. saipote

    saipote เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2009
    โพสต์:
    6,115
    ค่าพลัง:
    +9,778
    #ตะกรุดพญาเหล็กไหลวรรณะเจ้าน้ำเงิน-ปีกแมลงทับ หลวงพ่อหวล วัดพุทไธสวรรค์#
    (ใช้ฝังในร่างกาย หรือเลี่ยมคู่กับวัตถุมงคล อื่นๆ) ของแแท้ 100%

    อานุภาพของธาตุกายสิทธิ์ (พญาเหล็ก/เหล็กไหล)
    …"เหล็กไหล" เป็น โลหะธาตุแปลกประหลาดที่มีชีวิต เป็นวิบากของกฏแห่งกรรม บันดาลให้วิญญาณอยู่ในสังสารวัฏ มาปฏิสนธิในสภาวะที่เป็นโลหะธาตุเหล็กไหล เคลื่อนไหวได้ เสพบริโภคผึ้งได้ ขับถ่ายได้ (เรียกว่าขี้เหล็กไหล)และสถานที่อยู่อาศัยนั้นชอบสถานที่สงบตามถ้ำ ดังนั้นจึงถือได้ว่าเหล็กไหลเป็นสิ่งมีชีวิตจำพวกเทพ เป็นเทพที่มาใช้วิบากกรรมในโลก เหล็กไหลจึงมีทั้งเทพที่เป็นยักษ์ ที่เป็นคนธรรพ์คอยอารักขาอยู่ตลอดเวลา เหล็กไหลที่พบกันจึงมีหลากหลายชนิดที่ได้เห็นกัน เหล็กไหลเป็นธาตุที่ทรงอำนาจในการป้องกันตัว และ สิ่งที่อยู่ใกล้ตัว ให้พ้นจากภัยอันตราย อันเกิดจาก "อาวุธปืน" หรือ "ของมีคม" และ "ศาสตราวุธ" ทุกชนิด "เหล็กไหล" เป็นสสารที่มีชีวิตเป็นอมตะ และ หาได้ยากยิ่ง ต้องมีพิธีกรรมมากมาย กว่าจะได้มา ฉะนั้น เหล็กไหลจึงเป็นวัตถุอาถรรพ์ที่มีราคาแพง เพราะเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย และ เป็นที่เข้าใจกันทั่วไปว่า เหล็กไหลมีอานุภาพยอดเยี่ยม สามารถคุ้มครองชีวิตผู้ที่มีเหล็กไหลไว้ในความครอบครองหรือพกพาติดตัว และจะได้รับความคุ้มครองให้ปลอดภัยจาก "อุบัติภัยร้ายแรง" ต่างๆ รวมไปถึง "อาวุธร้ายแรง" นานาชนิด ได้อย่างอัศจรรย์นั่นเอง

    ผู้ที่จะทำพิธีตัดเหล็กไหลได้นั้น จะต้องเป็นผู้ที่มีคุณธรรมชั้นสูง และต้องประพฤติปฏิบัติรักษาศีลได้อย่างมั่นคง ไม่มีจิตคิดละโมภ กล่าวคือ จะต้องขออนุญาตจาก "เทพยดา" ผู้ดูแลรักษาเสียก่อน เมื่อได้รับอนุญาตจึงค่อยทำพิธีตัดเอาได้ มิฉะนั้น หากเราขืนตัดเหล็กไหลด้วยกำลัง หมายแย่งชิงเอาโดยพละการ ถือดีในพระเวทย์ก็อาจมีเภทภัยถึงแก่ชีวิต หรือ เกิดความขัดแย้งในหมู่คณะจนถึงขั้นวิบัติเอาได้ ด้วยอิทธิฤทธิ์ของเทพยดาผู้รักษาเหล็กไหลนั้นเอง

    หลวงพ่อหวลท่านได้เรียนวิชาอาคม สุดยอดวิชาอาคมที่เกือบจะเรียกว่าสาบสูญไปแล้ว ได้แก่วิชาอาคมเรียกและเชิญเหล็กไหล หรือพญาเหล็กไหลสุดยอดแห่งธาตุกายสิทธิ์ ที่ทุกคนต้องการได้มาครอบครอง วิชาอาคมเรียกหรือเชิญเหล็กไหลนั้นไม่ใช่จะเปิดเผยกันง่ายๆการเรียกหรือเชิญเหล็กไหลก็ไม่ใช่เรื่องธรรมดาที่ใครๆก็ทำได้ เหล็กไหลเป็นธาตุกายสิทธิ์…..ย่อมเป็นอันตรายต่อผู้ที่จิตไม่บริสุทธิ์ หากทำการเรียกหรืออัญเชิญเหล็กไหล อาจถึงตายได้ ซึ่งหลวงพ่อหวล แห่งวัดพุทไธสวรรค์ จ.พระนครศรีอยุธยา ท่านได้เล่าเรียนศึกษาวิชา "การเรียกและตัดเหล็กไหล" จากศิษย์หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ จ.นครสวรรค์ หลายท่านบอกว่าหลวงพ่อเดิมท่านชอบเล่นแร่แปรธาตุ บางคนตั้งให้หลวงพ่อเดิมท่านเป็นเทพเจ้าแห่งการเล่นแร่แปรธาตุเลยทีเดียว

    เหล็กไหลที่หลวงพ่อหวลได้ตัดไว้ มีด้วยกัน 3 วรรณะ ซึ่งแต่ละสีก็แบ่งแยกตามชั้นวรรณะของเหล่าบรรดา "เทพยดา หรือ ฤาษี" ที่ปกปักรักษา ได้แก่

    1.วรรณะเจ้าน้ำเงิน
    2.วรรณะท้องปลาไหล
    3.วรรณะเงินยวง

    และรูปแบบของเหล็กไหลที่ท่านตัดไว้มีหลายอย่าง อาทิเช่น แบบพิมพ์พระกริ่ง (นิยมสูงสุด และหายากมากที่สุด!!! ), พระพุทธ, แคปซูล, แหวน, กำไล, พระขรรค์ ,กรมหลวงชุมพร,หลวงปู่ทวด,รัชกาลที่ 5, พระสมเด็จ,พระนางพญา,พระผงสุพรรณ,พระซุ้มกอ,พระรอด,เจ้าแม่กวนอิม,พระขรรค์,ตรีสูญ,พระบูชา,พระสังกัจจายน์ ฯลฯ เป็นต้น ซึ่งเหล็กไหลแต่ละพิมพ์นั้น หลวงพ่อหวลจะต้องจัดสร้าง "หุ่นเทียน" ขึ้นมาไว้ก่อน จากนั้นหลวงพ่อท่านจึงนำเข้าไปในถ้ำกลางป่าลึก แล้วเมื่อท่านเจอ "เหล็กไหล" ท่านจึงทำ "พิธีอัญเชิญเหล็กไหล" ให้ "ไหลวิ่ง" ลงมาตามด้ายสายสิญจ์ โดยอัญเชิญให้เหล็กไหลวิ่งมาก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างขึ้นเอง เพื่อให้เราสามารถที่จะจับต้องเหล็กไหลเป็นรูปธรรมได้ ตามรูปแบบทรงพิมพ์ของหุ่นเทียนที่หลวงพ่อท่านได้ขออนุญาตจัดสร้างเตรียมขึ้นมา (หุ่นเทียน 1 อัน จะได้เหล็กไหล มาเพียงแค่ 1 ชิ้นเท่านั้น) ซึ่งพิธีในขั้นตอนนี้เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "พิธีหุงเหล็กไหล" โดยเป็นวิธีการหุงแบบตามธรรมชาติ โดยให้เหล็กไหลวิ่งมาก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างขึ้นเอง ซึ่งในการทำพิธีแต่ละครั้ง ต้องใช้ "อำนาจพลังจิต" สูงมาก และเหล็กไหลที่ได้มาแต่ละชิ้นนั้น ต้องใช้ระยะเวลาในการหุงนานมาก จึงทำให้ในการทำพิธีแต่ละครั้งจะได้เหล็กไหลเพียงไม่กี่ชิ้น (โดยในแต่ละขั้นตอนในการทำพิธีนี้ ต้องเป็นผู้มีวิชาอาคมใน "การเรียกและตัดเหล็กไหล" โดยเฉพาะ) ไม่ได้มาทำกันเล่นๆๆ หรือ นำเหล็กมาปั๊ม หรือ นำมาหล่อ เหมือนอย่างพระเครื่องทั่วๆไป ซึ่งทำให้ "ของปลอม" ยากที่จะทำออกมาเลียนแบบได้ ซึ่งปัจจุบันเหล็กไหลของหลวงพ่อหวลนี้หายากมากๆๆ เดินตามสนามพระทั่วไปแล้ว ท่านจะไม่ได้พบเห็นเลยแม้แต่ชิ้นเดียว เพราะเป็นที่หวงแหนของผู้ที่มีไว้ครอบครองเป็นอย่างยิ่ง ซึ่ง "เหล็กไหล ทั้ง 3 สี 3 วรรณะ" นี้ เป็นเหล็กไหลที่หาได้ค่อนข้างยากมากๆๆๆ (เพราะมีระดับสภาวะ ขั้นสูงสุด 31 ภพภูมิ ทั้งยังมีเทพยดา และ ฤาษี ชั้น "มหาเทพ" และ "มหาฤาษี" ลงมาปกปักรักษามากที่สุดและจะพบ "เหล็กไหล 3 สี 3 วรรณะ" นี้ได้ ต้องเป็นถ้ำที่มีอากาศค่อนข้างหนาวเย็นมาก และอยู่ในกลางป่าลึก บริเวณใจกลางหุบเขา "เหล็กไหล ทั้ง 3 สี 3 วรรณะ" มีคุณวิเศษทางด้านเมตตาแรงมากๆๆ มหาเสน่ห์ขั้นสูง คงกระพันชาตรี แคล้วคลาด เรียกโชคลาภขั้นสูง บันดาลทรัพย์สินเงินทอง ดลจิตดลใจ พลิกดวงชะตา จากตกต่ำให้เป็นสูงขึ้น (จากหน้ามือเป็นหลังมือ) เตือนภัยเมื่อมีเหตุคับขัน และสามารถล่องหนกำบังตัวหลบภัยได้ (ครบวงจร) ชอบช่วยเหลือผู้ปฏิบัติธรรม หรือ จะดลจิตดลใจของผู้ครอบครองเหล็กไหลนี้ ให้ตั้งมั่นอยู่แต่ในศีลในธรรม ในความดี มุ่งแต่สร้างบุญสร้างกุศล เพราะเกิดจากฤทธิ์ของมหาเทพและมหาฤาษีในขั้นระดับ “อรูปฌาณ” ที่มีบารมีธรรมสูงมาก ที่เป็นผู้ปกป้องครอบครองเหล็กไหลประเภทนี้ อยู่นั้นเอง

    "เหล็กไหล ทั้ง 3 สี 3 วรรณะ" นี้ มักจะตกได้อยู่แต่ในความครอบครองของ "พระภิกษุ" หรือ "นักบวชต่างๆ" (ที่มีฌาณขั้นอุกฤษณ์) คนธรรมดาอย่างเราๆ ยากนักที่จะได้เป็นผู้ครอบครอง เพราะใช่ว่ามีเงินเพียงอย่างเดียวจะหามาไว้ในความครอบครองได้ง่ายๆๆ จะต้องเป็น "ผู้มีบุญญาธิการบารมี" และต้องมี "กรรมเก่าเกี่ยวกัน" จริงๆๆ จึงจะได้เป็นผู้ครอบครอง พระพญาเหล็กไหลนี้ มีคุณ 108 ประการตามแต่อธิษฐาน ท่านบอกว่าใครได้ครอบครองไว้จะมีอำนาจ บารมี เหนือผู้อื่นพกพาติดตัวแคล้วคลาดปลอดภัย กิจการงานเจริญก้าวหน้า เดินทางไปที่ใด มีเทพยดา ปกปักรักษา มีโชคลาภ เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง และพระพญาเหล็กนี้ใช่ว่ามีเงินแล้วจะได้ครอบครอง ล.พ.หวลท่านบอกว่าต้องมีบุญวาสนาแต่ชาติปางก่อนจึงได้ครอบครอบครอง

    ((ปิดรายการนี้ค่า)))
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSCN2031.jpg
      DSCN2031.jpg
      ขนาดไฟล์:
      32.8 KB
      เปิดดู:
      39
    • DSCN2032.jpg
      DSCN2032.jpg
      ขนาดไฟล์:
      34.7 KB
      เปิดดู:
      39
    • DSCN2033.jpg
      DSCN2033.jpg
      ขนาดไฟล์:
      41.5 KB
      เปิดดู:
      34
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กรกฎาคม 2018
  20. saipote

    saipote เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2009
    โพสต์:
    6,115
    ค่าพลัง:
    +9,778
    #ตะกรุดพญาเหล็กไหลวรรณะเจ้าน้ำเงิน-ปีกแมลงทับ หลวงพ่อหวล วัดพุทไธสวรรค์#

    (ใช้ฝังในร่างกาย หรือเลี่ยมคู่กับวัตถุมงคล อื่นๆ) ของแแท้ 100%


    อานุภาพของธาตุกายสิทธิ์ (พญาเหล็ก/เหล็กไหล)
    …"เหล็กไหล" เป็น โลหะธาตุแปลกประหลาดที่มีชีวิต เป็นวิบากของกฏแห่งกรรม บันดาลให้วิญญาณอยู่ในสังสารวัฏ มาปฏิสนธิในสภาวะที่เป็นโลหะธาตุเหล็กไหล เคลื่อนไหวได้ เสพบริโภคผึ้งได้ ขับถ่ายได้ (เรียกว่าขี้เหล็กไหล)และสถานที่อยู่อาศัยนั้นชอบสถานที่สงบตามถ้ำ ดังนั้นจึงถือได้ว่าเหล็กไหลเป็นสิ่งมีชีวิตจำพวกเทพ เป็นเทพที่มาใช้วิบากกรรมในโลก เหล็กไหลจึงมีทั้งเทพที่เป็นยักษ์ ที่เป็นคนธรรพ์คอยอารักขาอยู่ตลอดเวลา เหล็กไหลที่พบกันจึงมีหลากหลายชนิดที่ได้เห็นกัน เหล็กไหลเป็นธาตุที่ทรงอำนาจในการป้องกันตัว และ สิ่งที่อยู่ใกล้ตัว ให้พ้นจากภัยอันตราย อันเกิดจาก "อาวุธปืน" หรือ "ของมีคม" และ "ศาสตราวุธ" ทุกชนิด "เหล็กไหล" เป็นสสารที่มีชีวิตเป็นอมตะ และ หาได้ยากยิ่ง ต้องมีพิธีกรรมมากมาย กว่าจะได้มา ฉะนั้น เหล็กไหลจึงเป็นวัตถุอาถรรพ์ที่มีราคาแพง เพราะเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย และ เป็นที่เข้าใจกันทั่วไปว่า เหล็กไหลมีอานุภาพยอดเยี่ยม สามารถคุ้มครองชีวิตผู้ที่มีเหล็กไหลไว้ในความครอบครองหรือพกพาติดตัว และจะได้รับความคุ้มครองให้ปลอดภัยจาก "อุบัติภัยร้ายแรง" ต่างๆ รวมไปถึง "อาวุธร้ายแรง" นานาชนิด ได้อย่างอัศจรรย์นั่นเอง

    ผู้ที่จะทำพิธีตัดเหล็กไหลได้นั้น จะต้องเป็นผู้ที่มีคุณธรรมชั้นสูง และต้องประพฤติปฏิบัติรักษาศีลได้อย่างมั่นคง ไม่มีจิตคิดละโมภ กล่าวคือ จะต้องขออนุญาตจาก "เทพยดา" ผู้ดูแลรักษาเสียก่อน เมื่อได้รับอนุญาตจึงค่อยทำพิธีตัดเอาได้ มิฉะนั้น หากเราขืนตัดเหล็กไหลด้วยกำลัง หมายแย่งชิงเอาโดยพละการ ถือดีในพระเวทย์ก็อาจมีเภทภัยถึงแก่ชีวิต หรือ เกิดความขัดแย้งในหมู่คณะจนถึงขั้นวิบัติเอาได้ ด้วยอิทธิฤทธิ์ของเทพยดาผู้รักษาเหล็กไหลนั้นเอง

    หลวงพ่อหวลท่านได้เรียนวิชาอาคม สุดยอดวิชาอาคมที่เกือบจะเรียกว่าสาบสูญไปแล้ว ได้แก่วิชาอาคมเรียกและเชิญเหล็กไหล หรือพญาเหล็กไหลสุดยอดแห่งธาตุกายสิทธิ์ ที่ทุกคนต้องการได้มาครอบครอง วิชาอาคมเรียกหรือเชิญเหล็กไหลนั้นไม่ใช่จะเปิดเผยกันง่ายๆการเรียกหรือเชิญเหล็กไหลก็ไม่ใช่เรื่องธรรมดาที่ใครๆก็ทำได้ เหล็กไหลเป็นธาตุกายสิทธิ์…..ย่อมเป็นอันตรายต่อผู้ที่จิตไม่บริสุทธิ์ หากทำการเรียกหรืออัญเชิญเหล็กไหล อาจถึงตายได้ ซึ่งหลวงพ่อหวล แห่งวัดพุทไธสวรรค์ จ.พระนครศรีอยุธยา ท่านได้เล่าเรียนศึกษาวิชา "การเรียกและตัดเหล็กไหล" จากศิษย์หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ จ.นครสวรรค์ หลายท่านบอกว่าหลวงพ่อเดิมท่านชอบเล่นแร่แปรธาตุ บางคนตั้งให้หลวงพ่อเดิมท่านเป็นเทพเจ้าแห่งการเล่นแร่แปรธาตุเลยทีเดียว

    เหล็กไหลที่หลวงพ่อหวลได้ตัดไว้ มีด้วยกัน 3 วรรณะ ซึ่งแต่ละสีก็แบ่งแยกตามชั้นวรรณะของเหล่าบรรดา "เทพยดา หรือ ฤาษี" ที่ปกปักรักษา ได้แก่

    1.วรรณะเจ้าน้ำเงิน
    2.วรรณะท้องปลาไหล
    3.วรรณะเงินยวง

    และรูปแบบของเหล็กไหลที่ท่านตัดไว้มีหลายอย่าง อาทิเช่น แบบพิมพ์พระกริ่ง (นิยมสูงสุด และหายากมากที่สุด!!! ), พระพุทธ, แคปซูล, แหวน, กำไล, พระขรรค์ ,กรมหลวงชุมพร,หลวงปู่ทวด,รัชกาลที่ 5, พระสมเด็จ,พระนางพญา,พระผงสุพรรณ,พระซุ้มกอ,พระรอด,เจ้าแม่กวนอิม,พระขรรค์,ตรีสูญ,พระบูชา,พระสังกัจจายน์ ฯลฯ เป็นต้น ซึ่งเหล็กไหลแต่ละพิมพ์นั้น หลวงพ่อหวลจะต้องจัดสร้าง "หุ่นเทียน" ขึ้นมาไว้ก่อน จากนั้นหลวงพ่อท่านจึงนำเข้าไปในถ้ำกลางป่าลึก แล้วเมื่อท่านเจอ "เหล็กไหล" ท่านจึงทำ "พิธีอัญเชิญเหล็กไหล" ให้ "ไหลวิ่ง" ลงมาตามด้ายสายสิญจ์ โดยอัญเชิญให้เหล็กไหลวิ่งมาก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างขึ้นเอง เพื่อให้เราสามารถที่จะจับต้องเหล็กไหลเป็นรูปธรรมได้ ตามรูปแบบทรงพิมพ์ของหุ่นเทียนที่หลวงพ่อท่านได้ขออนุญาตจัดสร้างเตรียมขึ้นมา (หุ่นเทียน 1 อัน จะได้เหล็กไหล มาเพียงแค่ 1 ชิ้นเท่านั้น) ซึ่งพิธีในขั้นตอนนี้เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "พิธีหุงเหล็กไหล" โดยเป็นวิธีการหุงแบบตามธรรมชาติ โดยให้เหล็กไหลวิ่งมาก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างขึ้นเอง ซึ่งในการทำพิธีแต่ละครั้ง ต้องใช้ "อำนาจพลังจิต" สูงมาก และเหล็กไหลที่ได้มาแต่ละชิ้นนั้น ต้องใช้ระยะเวลาในการหุงนานมาก จึงทำให้ในการทำพิธีแต่ละครั้งจะได้เหล็กไหลเพียงไม่กี่ชิ้น (โดยในแต่ละขั้นตอนในการทำพิธีนี้ ต้องเป็นผู้มีวิชาอาคมใน "การเรียกและตัดเหล็กไหล" โดยเฉพาะ) ไม่ได้มาทำกันเล่นๆๆ หรือ นำเหล็กมาปั๊ม หรือ นำมาหล่อ เหมือนอย่างพระเครื่องทั่วๆไป ซึ่งทำให้ "ของปลอม" ยากที่จะทำออกมาเลียนแบบได้ ซึ่งปัจจุบันเหล็กไหลของหลวงพ่อหวลนี้หายากมากๆๆ เดินตามสนามพระทั่วไปแล้ว ท่านจะไม่ได้พบเห็นเลยแม้แต่ชิ้นเดียว เพราะเป็นที่หวงแหนของผู้ที่มีไว้ครอบครองเป็นอย่างยิ่ง ซึ่ง "เหล็กไหล ทั้ง 3 สี 3 วรรณะ" นี้ เป็นเหล็กไหลที่หาได้ค่อนข้างยากมากๆๆๆ (เพราะมีระดับสภาวะ ขั้นสูงสุด 31 ภพภูมิ ทั้งยังมีเทพยดา และ ฤาษี ชั้น "มหาเทพ" และ "มหาฤาษี" ลงมาปกปักรักษามากที่สุดและจะพบ "เหล็กไหล 3 สี 3 วรรณะ" นี้ได้ ต้องเป็นถ้ำที่มีอากาศค่อนข้างหนาวเย็นมาก และอยู่ในกลางป่าลึก บริเวณใจกลางหุบเขา "เหล็กไหล ทั้ง 3 สี 3 วรรณะ" มีคุณวิเศษทางด้านเมตตาแรงมากๆๆ มหาเสน่ห์ขั้นสูง คงกระพันชาตรี แคล้วคลาด เรียกโชคลาภขั้นสูง บันดาลทรัพย์สินเงินทอง ดลจิตดลใจ พลิกดวงชะตา จากตกต่ำให้เป็นสูงขึ้น (จากหน้ามือเป็นหลังมือ) เตือนภัยเมื่อมีเหตุคับขัน และสามารถล่องหนกำบังตัวหลบภัยได้ (ครบวงจร) ชอบช่วยเหลือผู้ปฏิบัติธรรม หรือ จะดลจิตดลใจของผู้ครอบครองเหล็กไหลนี้ ให้ตั้งมั่นอยู่แต่ในศีลในธรรม ในความดี มุ่งแต่สร้างบุญสร้างกุศล เพราะเกิดจากฤทธิ์ของมหาเทพและมหาฤาษีในขั้นระดับ “อรูปฌาณ” ที่มีบารมีธรรมสูงมาก ที่เป็นผู้ปกป้องครอบครองเหล็กไหลประเภทนี้ อยู่นั้นเอง

    "เหล็กไหล ทั้ง 3 สี 3 วรรณะ" นี้ มักจะตกได้อยู่แต่ในความครอบครองของ "พระภิกษุ" หรือ "นักบวชต่างๆ" (ที่มีฌาณขั้นอุกฤษณ์) คนธรรมดาอย่างเราๆ ยากนักที่จะได้เป็นผู้ครอบครอง เพราะใช่ว่ามีเงินเพียงอย่างเดียวจะหามาไว้ในความครอบครองได้ง่ายๆๆ จะต้องเป็น "ผู้มีบุญญาธิการบารมี" และต้องมี "กรรมเก่าเกี่ยวกัน" จริงๆๆ จึงจะได้เป็นผู้ครอบครอง พระพญาเหล็กไหลนี้ มีคุณ 108 ประการตามแต่อธิษฐาน ท่านบอกว่าใครได้ครอบครองไว้จะมีอำนาจ บารมี เหนือผู้อื่นพกพาติดตัวแคล้วคลาดปลอดภัย กิจการงานเจริญก้าวหน้า เดินทางไปที่ใด มีเทพยดา ปกปักรักษา มีโชคลาภ เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง และพระพญาเหล็กนี้ใช่ว่ามีเงินแล้วจะได้ครอบครอง ล.พ.หวลท่านบอกว่าต้องมีบุญวาสนาแต่ชาติปางก่อนจึงได้ครอบครอบครอง


    (((ปิดรายการนี้ค่า)))
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSCN2034.jpg
      DSCN2034.jpg
      ขนาดไฟล์:
      31 KB
      เปิดดู:
      46
    • DSCN2035.jpg
      DSCN2035.jpg
      ขนาดไฟล์:
      32.3 KB
      เปิดดู:
      36
    • DSCN2036.jpg
      DSCN2036.jpg
      ขนาดไฟล์:
      40.6 KB
      เปิดดู:
      36
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 สิงหาคม 2014

แชร์หน้านี้

Loading...