ขอความรู้จากท่านที่ปฏิบัติธรรมเป็นประจำค่ะ..

คืออยากทราบว่ามีวิธีไหน ที่จะนอนหลับสนิทโดยไม่ฝันปรุงแต่งบ้างคะ? มีความเป็นไปได้มั้ยที่ทุกคืนจะหลับโดยรู้อยู่กับตัวว่า ตัวเองไม่ได้ฝันอะไรเลย แต่พอตื่นก้อมีร่างกายสดชื่น แจ่มใสดีน่ะค่ะ ทางวิทยาศาสตร์ จะมีหลับลึกกับหลับไม่ลึก และยังมีการวัดระดับคลื่นสมอง เวลานอน เวลาทำสมาธิ อะไรประมาณนี้น่ะค่ะ แล้วทางปฏิบัติธรรมเรียกว่าอะไรคะ? เวลาท่านทั้งหลายกำลังนอน มีวิธีกำหนดจิตอย่างไรบ้างคะ? สังเกตตัวเองว่าจะทำจิตใจสบายๆ ตามดูลมหายใจไปเรื่อยๆ แต่ก้อยังมีฝันอะไรฟุ้งๆอยู่บ่อยๆน่ะค่ะ และเป็นคนชอบเก็บเอามาคิด มาวิเคราะห์ด้วย อันนี้กลัวจะพาให้เป็นโรคประสาทไปซะก่อน แล้วท่านที่ปฏิบัติธรรมปกติจะนอนวันละกี่ชม.อ่ะคะ? คือถ้าร่างกายเต็มตื่นแล้ว ลุกมาเดินจงกลมเปลี่ยนอิริยาบถได้มั้ยคะ? เพราะบางทีเราก้อขี้เกียจเลยนอนต่อ มันก้อยิ่งฝันอะไรไปเรื่อยอีก ไม่มีสาระเลย เรื่องการติดนอนกับผ่อนอาหารนี่สำคัญกับกำลังใจในการปฏิบัติมั้ยคะ? ต้องสำรวจตัวเองและจริงจัง?


ขอบคุณนะคะที่มีพื้นที่สำหรับระบายความอัดอั้น __/\__

 

ฝึกสมาธิ มีสติ ตลอดเวลา ฝันก็มีสติ รู้ตัวครับ

ถ้าสติอ่อน จิตไม่มีกำลัง ก็ทำได้แค่ฟุ้งซ่านไปตามความฝัน

 

ขอแก้นิดนึงค่ะ ที่ว่า ตามดูลมหายใจไปเรื่อยๆนี่ เราพยายามนะคะ แต่ไม่ได้ดีค่ะ จะไปกดข่มบีบคั้นจิตตลอด ก้อพยายามทำจิตใจให้ปลอดโปร่งมากกว่าค่ะ ..สงสัยอาการคงหนักค่ะ บางทีนอนมากอาจมีส่วนนะคะ หรือท่านทั้งหลายว่าอย่างไร? ที่ถามเพราะอยากไม่ฝันนะคะ ไม่ใช่อยากควบคุมความฝัน งือๆๆๆ

เคยอ่านมาว่า ความฝันคือ ความคิดขณะหลับ จริงหรือเปล่าคะ?

เคยอ่านมาว่าการฝันมีหลายแบบ บางมีอาจเป็นลางหรือนิมิต ..แต่ของเราน่าจะออกแนววิปลาส..รึป่าว? *_*

 

ฝันได้น่ะดีแล้ว ถ้าไม่ฝันแล้วยังไม่เป็นพระอริยเจ้าขั้นพระอรหันต์น่ะ จะมีปัญหาในอนาคตเข้าขั้นวิกลจริต เกิดโรคซึมเศร้า ป่วยทางจิต
เพราะการฝันเป็นอาการที่ร่างกายปลดปล่อยอารมณ์ที่หมักหมม การเก็บกดมาทั้งวัน
ได้ปล่อยออกมาบ้างตื่นมาจะได้สมองโล่ง

 

อันนี้แล้วแต่บุญกรรมของแต่ละคนนะ

นักปฏิบัติธรรม หลายคน ปฏิบัติธรรมแล้วจะไม่ฝัน ถ้าไม่มีเหตุการณ์อะไรพิเศษ (ไม่มีฝันฟุ้งซ่าน)

 

เท่าที่ผมปฏิบัติมา กำหนดรู้ตามอริยาบทใหญ่คือรู้นั่ง นอน ยืน เดิน เป็นการปฏิบัติได้ง่ายและมีทุกข์น้อยมาก หลักนี้ผมปฏิบัติเองเพราะเหตุว่าไม่สามารถปฏิบัติธรรมแบบอื่นได้ แบบนี้กินอยู่ไปมาสบาย หลับก็ฝัน แต่เป็นฝันแบบสบาย ไม่เจอสิ่งน่ากลัวในฝัน
ปัจจุบันมาเป็นเพ่งฌานสมาบัติ แบบนี้ฝันน้อยมาก เดือนหนึ่งจะฝันประมาณ 1 หรือ 2 ครั้ง
เจริญในธรรม

 

ผมมัอาการจิตประสาทเสียดแทงร้ายกาจมาก
ก็พยายามบรรเทาทุก สิถีทาง

จนในที่สุดมาใช้คาถา มนต์ดูดเสกใส้่ ตระกรุดหลายๆดอก
เอาแบบตรงรอยม้วนไม่มีอะไรเสียบทะลุ เป็นหลอดโลหะ
และก็เอาเทียนไข มาห่อด้วยโลหะที่เอาไว้เผาปลา
แบ้วเสกมนต์พลังดูด ของครูบาคำเป็ง สำนักสวฆ์มะค่างาม จ กำแพงเพชร
พอตระกรุด กับ เทียนไขดูดอะไรก็ไม่รู้ออกมา
ก็ใช้คาถาจักรพรรด์ สัดถ้ำเมืองนะ อุทิศส่วนกุศลให้สิ่งที่ดูดมา
แล้วก็ใช้ค่าถาจักรพรรดฺิ์ อธิษฐานเอาสิ่งที่ดูดมา
ใส่บาตรกลวงพ่อเงอรไหลมาเทมา แห่งสัดท่าซุง จ อุทัยธานี
ภาวนาคาถา ชินญปัญชร ครั้งละมห้เกินเก้าจยต่อครั้ง โดยไม่ยุกยิก
ทำอยู่เป็นปี ก็พอมีสติกบะบมาได้บ้าง

แตกต่างกว่าสมัยไม่มีสติอย่างมาก

 

ขออภัยครับ สั วัดท่าซุง
ในเวบครูบาคำเป็งจะมีคาถาฆ่าสิ่งที่ดูดออกมา
อย่าฆ่าอะไรเด็ดขาด
เอาคาถาจัดรพรรดิ์ แบบวัดถ้ำเมือวนะ
เสกจนสิ่งที่โดนดูดมา ใจดี แล้วอธิษฐานด้วยคาุาจักรพรรด์นั้นแหละ
เอาสิ่งที่ดูดมา ใส่บาตร หลวงพ่อเวอนไหลมาเทมา
แห่งสัดท่าซุง

ต้องใช้ค่ถาจักรพรรดิ์ ใหเก่งมห้ได้
ต้องไปหัดใช้
อย่าฆ่าสิญญาญ ที่ดูดมาเด็ดขาด

 

ขออภัย โทรศัพท์ที่ใช้มันแก้คำผิดไม่ได้ พิมพ์แล้วพิมพ์เลน

 

อีกที
หลวงพ่อเงินไหลมาเทมาแห่งสัดท่าซุ
วัดท่าซุง

 

ผมพกเทียนไขที่ห่อด้วยโลหะ ติดตัว ไม่ต่ำว่าแปดสิ่งชิ้น
ใช้มีดหั่นเทียนให้เหลือท่อนเล็กๆ เอาฟรอยโลหะที่เอาไว้ห่อปลาเผาห่อ
แล้วลงมนต์พลังดูด
ผมพอไว้เกิดแบบสอบชิ้นเกือยตลอดเวลา
และต้องสวดคาถาจักรพรรดิ์ให้เกือบทั้งสั วัน
และวันๆก็ปล่อยไปหลายหน

ห้ามทำอันตรายสิ่งที่ดูดมาเด็ดขาด

 

วิธีที่ผมทำอันตรายมาก คือการดูดไสยเวทไว้พก
ถ้าไม่สามารถภาวนาค่ถาจัดรพรรด์ให้มีอานุภาพ
คือสวดได้เฉยๆ ไม่รู้สึกมั่นใจในอานุภาพ
คุณจะไม่สยาบตัวสบายใจอย่างร้ายกาจ
แต่ผมสบายตัวสบายใจขึ้นด้วยวิธีนี้
ต้องสวดค่ถาจักรพรรดิ์ให้ได้ผล
เป็นไข่แดงของวิธีนี้

 

เทียนไข่ืี่ห่อด้วยฟรอย และลงมนต์ดูด แปดสิบชิ้น

 

ความฝันเป็นสิ่งที่บังคับไม่ได้ครับ^^
เวลาไม่นอนเรายังบังคับให้เราหยุดคิดนุ่นนี่นั้นไม่ได้เลย
นับประสาอะไรกับหลับมันอยากฝันอะไรปล่อยมันฝันไปเถอะครับ
ความฝันไม่มีผลต่อบาปต่อกรรมอะไรครับไม่ต้องคิดมาก^^
ส่วนตัวผม ฝันทุกวันฝันยันตื่น แทบจะไม่มีเลยที่ไม่ฝัน
แต่เท่าที่สังเกตดู ถ้าตอนใหนหนักไปทางภาวนา ในฝันจะเหาะได้บ้าง ไปในที่แปลกๆ
เหาะได้สูง แต่บางทีที่ขี้เกียจไม่ภาวนา ในฝันจะเหาะไม่ขึ้นพยายามแค่ใหนจะไม่เป็นผล
แต่โดยสรุปแล้ว ฝันก็คือฝันครับ ขนาดนั่งภาวนามีนิมิตเกิด ครูบาอาจารย์ท่านยังไม่ให้ติดไม่ให้ยึดเลยครับ ^^

 

หลับฝันก็มีเป็นธรรมดาของคน แต่ที่สำคัญ เมื่อตื่นลืมตาแล้ว ไม่่ควรคิดนึกลำดังเรื่องที่ฝัน เพราะจะทำให้วิถีจิตมีกำลัง ฝันก็ฝัน ตื่นก็ตื่นว่างั้นเถอะ

 

"มันเป็นธรรมดาคุณโยม ของคนที่คิดนู้นคิดนี่ไปเรื่อยเวลานอนมันก็ยังเอามาฝันเอามาคิดต่อ................อย่างอาตมา คิดถึงปลาทูบ่อยๆๆ( เคยกินไหมคุณโยม) เวลาบิณฑบาตรก็จะนึกว่าให้โยมๆๆใส่ปลาทูนะปลาทู ทุกครั้ง ตอนกลางคืนอาตมายังฝันว่าลูกศิษย์วัดเอาปลาทูมาฝากเลย.....เลยฟาดซะเรียบเชียวคุณโยม.....ตืนมาน้ำลายไหลเต็มสองแก้มเชียวล่ะ

คิดมากมันก็เป็นอันตรายนะคุณโยมมันหมายความว่า เราถูกครอบงำด้วยความคิดคนส่วนใหญ่ก็เป็นอย่างงี้ พอหลุดไปในโลกความคิดสติมันหายไปในทันที ความคิดเป็นนายเราไม่ใช่เราเป็นนายมัน นี่เป็นปัญหาแล้ว คิดน้อยๆๆแต่ทุกความคิดแจ่งชัด เป็นประโยชน์กว่าคิดมากๆๆแต่เพ้อเจ้อเรื่อยเปื่อยนะคุณโยม.....

ส่วนจะทำยังไง อาตมาจะบอกให้ว่าไม่ต้องทำอะไรเลยปล่อยให้มันฟุ้งนั้นแหละดีอย่าไปกดทับต่อต้านมันไม่งั้นมันจะเล่นงานคุณโยมหนักกว่าเดิมจะหาว่าอาตแมวไม่เตือนนะ อย่างพวกกดทับเรื่องเพศตอนกลางคืนฝันสยิวเชียวคุณโยม.....เอ๋ย......เพราะพอไปกดทับมันก็กลายเป็นคิดซ้ำๆๆย้ำคิดย้ำทำ มันเลยหนักเลยล่ะคุณโยม..........เรื่องนี้พวกฝรั่งที่เป็นนักจิตวิเคราะห์ก็รู้ ถึงกับเขียนทฤษฏีจิตใต้สำนึกอะไรนั้น..................เป็นเล่มๆๆทีเดียว ดังนั้นอย่าไปห้ามมัน ขอให้เห็นมันทุกๆๆครั้งที่ความคิดเกิด คุณโยมเห็นมันได้ไหม? เห็นความคิดแต่ไม่เข้า ไปในความคิด ไม่ปล่อยให้มันสืบต่อเรื่อยเปื่อย เห็นปุ๊บมันขาดลงตรงนั้น ไม่ใช้จดจ้องในความคิดไม่งั้นโยมจะติด จะหาว่าหลวงปู่ไม่เตือนนะคุณโยม


คุณโยมจะทำได้ต้องอาศัยการเจริญสติ.....จนมีกำลังพอไม่งั้นคุณโยมไม่เห็นหรอก เพราะคุณโยมชินกับการหลับเสียแล้ว อีกอย่างไอ้วิธีแบบนั่งนิ่งหลับตากำหนดลมหายใจ อาตแมวจะบอกให้ว่า มันไม่ได้ผลหรอกคุณโยม ต้องใช้ฐานเคลื่อนไหวไม่ใช่ฐานนิ่งไม่ได้ผลหรอกคุณโยม คือปฏิบัติกายคตาสติจะเหมาะกว่านะคุณโยม อย่างอาตแมวก็ปฏิบัติตามแนวหลวงพ่อเทียนมาก่อนก็เพราะเหตุผลนี้แหละ อาตมาเป็นแมวคิดมาก"

เจริญพุง......................
​

 

ถ้าหลับในฌาณได้ จะไม่ฝันนะครับ ถ้าทรงฌาณได้นะครับ

ถ้าฝันก็จะเป็นเหตุการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต หรือไม่ก็เทพสังหรณ์

ถ้าทรงฌาณ หลับในฌาณ นอนน้อย แต่มีผลมาก ตื่นมาสดชื่น

กระปรี่ กระเปร่า ทั้งกายและใจ ลองดูนะครับ..

..สังเกตง่ายๆ พอตื่นขึ้นปุ๊ป ไม่มีอารมณ์ หรือความคิดอะไรเข้าแทรก

พอรู้สึกตัวว่าตื่นขึ้น ใจจะอยู่กับลมหายใจทันที รู้ตัวทั่วพร้อม

ลมเข้าก็ู้ ลมออกก็รู้ มีสติตามดูลมตลอด ไม่ขาดสาย แบบนี้หลับในฌาณนะ

ลองดูครับ

 

ช่างกล้าลงรูป หึๆ

.

 

อาตมายังมีอีกหลายรูปนะคุณโยม.....ถ้าไม่กลัวถูกสื่อขุดคุ้ย แล้วถูกจับสึกเสียก่อน....
ตอนนี้อาตมามี megaprojectว่าจะระดมทุน สร้างแมวกวักที่ใหญ่ที่สุดในโลก
ทำด้วยมรกต..................เลยว่าจะตั้งโต๊ะของบริจาค
ตามศรัทธาของญาติโยม
เรื่องของเรื่องคือเมื่อวานอาตมานั่งสมาธิอยู่ แล้วพระอินทร์หน้าเขียว(ใครเตะผ่าหมากองค์ท่านล่ะเนี่ย) ลงมาหาขอให้อาตมาสร้างแมวกวักเพื่อประเทศชาติ จะได้กวักเงินกวักทองให้ไหลเขามาในประเทศไทยเพราะเศรษฐกิจตกต่ำเหลือเกิน หลังจากพลัดกันรุกพลัดกันรับ(เอ...นึกถึงชาวสีม่วงจัง)ของขาใหญ่ในประเทศมาหลายปี จีดีพีนี่โตแค่สามก็เก่งแล้วเพื่อนบ้านล่อไปแปดไปสิบ

สนไหมคุณโยม ............ร่วมบุญกัน ขอประชาสัมพันธ์ใครมีโรสรลอย์คันมืออยากบริจาคเชิญทางนี้(อาตแมวไม่รับรถญี่ปุ่นนะคุณโยมเป็นโรคแพ้ของถูก) ใครมีเรแบนด์อยากบริจาคเชิญทางนี้ ใครมีหลุยส์คันมืออยากบริจาคเชิญทางนี้บริจาควันนี้รับไปรูปข้างล่างพร้อมลายเซ็นส์ภาพนู้ดอาตมา............


อนุโมทนา...สาธุเจริญพุง............

 

คืออยากทราบว่ามีวิธีไหน ที่จะนอนหลับสนิทโดยไม่ฝันปรุงแต่งบ้างคะ?

+++ เกือบทั้งหมด เกี่ยวข้องกับคำว่า "อยู่" เป็นหลัก หาก "อยู่กับความคิด" มันย่อมฝัน เป็นธรรมดา แม้ว่าจะเดินอยู่บนถนนเป็นปกติก็ยัง "ฝันกลางวัน" ได้ หากไม่อยากฝัน ก็ต้อง "ฝึกการอยู่" กับอย่างอื่น สิ่งที่เป็นปฏิปักษ์ ตรงกันข้ามกับ ความคิด คือ "ความรู้สึกตัว" ดังนั้นให้ฝึก "อยู่" กับความรู้สึกตัว แทนการ อยู่ กับความคิด ก็จะแก้เรื่อง "ฝัน" ได้ (นิมิต ไม่ใช่ ฝัน)

มีความเป็นไปได้มั้ยที่ทุกคืนจะหลับโดยรู้อยู่กับตัวว่า ตัวเองไม่ได้ฝันอะไรเลย แต่พอตื่นก้อมีร่างกายสดชื่น แจ่มใสดีน่ะค่ะ

+++ เป็นไปได้ และ "เป็นไปแล้ว" สำหรับผู้ที่ฝึก "อยู่" กับความรู้สึกตัวจนได้ "นิสัย"

ทางวิทยาศาสตร์ จะมีหลับลึกกับหลับไม่ลึก และยังมีการวัดระดับคลื่นสมอง เวลานอน เวลาทำสมาธิ อะไรประมาณนี้น่ะค่ะ แล้วทางปฏิบัติธรรมเรียกว่าอะไรคะ?

+++ หาก "รู้สึกตัว" ตลอดเวลา ในขณะที่หลับไม่ลึกเรียกว่า ขณิกะสมาธิ ในขณะที่หลับกลาง ๆ พอที่จะได้ยินเสียงกรนของตนเรียกว่า อุปจาระสมาธิ ในขณะที่หลับลึก ๆ โดยที่ หลับอยู่ส่วนหลับและตื่นอยู่ส่วนตื่น (วิปัสนา) หรือ รู้ว่า หลับอยู่แต่ไม่ได้ให้ความหมายอะไรกับสิ่งที่เรียกว่าหลับ (สมถะ) เรียกว่า อัปปนาสมาธิ

เวลาท่านทั้งหลายกำลังนอน มีวิธีกำหนดจิตอย่างไรบ้างคะ?

+++ เลือกการ "อยู่" ให้เป็น จนรู้ว่า "อยู่กับอะไร ให้ผลเป็นอะไร" เมื่อรู้แล้ว "ชอบอันไหน ก็อยู่กับอันนั้น" ตรงนี้เป็น ปัจจัตตัง ของจริตแต่ละคน

สังเกตตัวเองว่าจะทำจิตใจสบายๆ ตามดูลมหายใจไปเรื่อยๆ แต่ก้อยังมีฝันอะไรฟุ้งๆอยู่บ่อยๆน่ะค่ะ

+++ ก็ลอง "อยู่" กับลมไปก่อน พอความสบายเกิดขึ้นก็ "ย้ายมาอยู่" กับความ สบาย แทนแล้วก็ "แช่" อยู่อย่างนั้น ไม่นานก็ทราบผลได้เอง

และเป็นคนชอบเก็บเอามาคิด มาวิเคราะห์ด้วย อันนี้กลัวจะพาให้เป็นโรคประสาทไปซะก่อน

+++ เข้าใจ "ถูกต้อง" แล้ว ให้สังเกตุ ดี ๆ ว่า สิ่งที่เรียกว่า "วิเคราะห์" นั้น "อาการ" ของมัน คือ "สมมุติ" อะไรบางอย่างแล้วนำมา "เปรียบเทียบ" ใช่หรือไม่ โดยไม่ใส่ใจว่า "สิ่งสมมุตินั้น ไม่ใช่ สัจจะ" และ ยามใดที่ "สมมุติจนพอใจ หรือ ได้ดั่งใจ" แล้ว ก็เชื่อถือและยึดเอาตามนั้น ที่เรียกว่า "บัญญัติ" นั่นแหละ ทั้งหมดเลยเรียกว่า "หลงสมมุติบัญญัติ" นั่นเอง

+++ หลังจาก "คิดเอาเอง จน เออเอาเอง" จน "ถูกใจ" แล้ว ก็ลอง "ระลึกย้อนหลัง" ดูว่า "ในชั่วชีวิตนี้" ทำมามากเท่าไร และ "ใช้งานได้จริง" กี่เปอร์เซ็นต์ สรุปสั้น ๆ ว่า "มันคุ้ม" กับการเกิดมาหรือไม่ ลอง "ตั้งใจ วิเคราะห์" ตรงนี้แบบ "ตรงไปตรงมา" เดี๋ยวเดียว ก็ชัดเจนได้เอง

แล้วท่านที่ปฏิบัติธรรมปกติจะนอนวันละกี่ชม.อ่ะคะ?

+++ ตรงนี้แล้วแต่ สถานภาพ และ สถานการณ์ ส่วนบุคคล รวมทั้ง ความพอเหมาะ ในแต่ละคนด้วย ไม่มีกฏ "ยึด บัญญัติอันมาจากสมมุติ" ตายตัว ทั้งหมดขึ้นกับระดับของ "สติ" ในแต่ละบุคคล

คือถ้าร่างกายเต็มตื่นแล้ว ลุกมาเดินจงกลมเปลี่ยนอิริยาบถได้มั้ยคะ?

+++ จะทำอะไรก็ทำ "อย่าไปตั้ง กฏ ให้ตัวเองมากเกินไป" จนกลายเป็น "หุ่นยนต์" ที่โดนโปรแกรมจากความคิดบีบบังคับตนเองตลอดเวลา มันไม่มี "ความสุข" หรอก ให้ "มีสติ อยู่กับความเป็นจริง" ไปเรื่อย ๆ ก็ค่อย ๆ รู้ไปได้เองแหละ

เพราะบางทีเราก้อขี้เกียจเลยนอนต่อ มันก้อยิ่งฝันอะไรไปเรื่อยอีก ไม่มีสาระเลย เรื่องการติดนอนกับผ่อนอาหารนี่สำคัญกับกำลังใจในการปฏิบัติมั้ยคะ?

+++ "มีสติ อยู่กับความเป็นจริง" ไปเรื่อย ๆ ก็จะตอบตนเอง ได้เองแหละ

ต้องสำรวจตัวเองและจริงจัง?

+++ "ถูกต้อง" ตรงเป๊ะเลย

ขอบคุณนะคะที่มีพื้นที่สำหรับระบายความอัดอั้น __/\__

ขอแก้นิดนึงค่ะ ที่ว่า ตามดูลมหายใจไปเรื่อยๆนี่ เราพยายามนะคะ แต่ไม่ได้ดีค่ะ จะไปกดข่มบีบคั้นจิตตลอด ก้อพยายามทำจิตใจให้ปลอดโปร่งมากกว่าค่ะ ..สงสัยอาการคงหนักค่ะ บางทีนอนมากอาจมีส่วนนะคะ หรือท่านทั้งหลายว่าอย่างไร? ที่ถามเพราะอยากไม่ฝันนะคะ ไม่ใช่อยากควบคุมความฝัน งือๆๆๆ

+++ อือ ๆๆๆ ก็ "อยู่" กับลม แล้วย้าย มา "อยู่" กับสบาย ลอง ๆ ดูก่อน แค่ "อย่าอยู่" กับความคิด ก็พอ

เคยอ่านมาว่า ความฝันคือ ความคิดขณะหลับ จริงหรือเปล่าคะ?

+++ ส่วนใหญ่ "ใช่" แต่อีกหลาย ๆ ส่วน เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับ "ผลลัพธ์ในการ อยู่ ของจิต" ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับความคิด รวมทั้งความสัมพันธ์ระหว่าง "จิตเราจิตเขา" ก็มีอยู่มาก เช่นกัน

เคยอ่านมาว่าการฝันมีหลายแบบ บางมีอาจเป็นลางหรือนิมิต ..แต่ของเราน่าจะออกแนววิปลาส..รึป่าว? *_*

+++ ถ้า "อยู่กับความคิด" ก็จะออกไปทางแนวนั้น และ ไม่นานก็จะ "ตกกระแสไปทางนั้น" ดังนั้น เลือกในการ "อยู่" ให้เป็นเสียก่อนนะ ก็จะได้อะไรดี ๆ อีกแยอะ