เปิดจักระ 100%ในงาน มินิมหกรรมพลังจิต ครั้งที่ 3

ก้มมุนา วัตตีโลโก ฯ (ถ้าเขียนไม่ถูกขออภัยด้วย)

ทุกสิ่งถูกบันทึกหมด
รักษาธรรมของตัวเองให้ดี อย่าให้ถอยหลัง
ให้ก้าวเดินไปข้างหน้า

ถึงเวลาถูกถาม ต้องตอบให้ได้
ทำเพื่ออะไร ทำ ทำไม
ทำแล้วมีผลดี เสียอย่างไร สิ่งที่กระทำประมาทหรือไม่
เวลานั้น ตอบ ต้องฉะฉาน ถ้ามัวแต่อ้า อ้า ๆ อื้อๆ
เสร็จแน่นอน
ไปเริ่มต้นไหม่

 

รับทราบครับ อาจารย์

ขออนุญาติไปพักผ่อนนะครับ

แล้วเดี๋ยวมีแรงแล้วมาใหม่

 

ผู้ที่ต้องการเปิดจักระเมื่อเปิดแล้วต้องการจะมาปิดภายหลังอันเนื่องจากสาเหตุอันใดก็ตาม ท่านต้องทำความเข้าใจและยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยครับ ผมจะแบ่งเป็นหัวข้อเล็กๆครับ
1. เปิดเพื่อความโก้เก๋ เห็นเขาเปิดอยากเปิดบ้าง
2. เพราะความอยากรู้อยากเห็นว่าเปิดแล้วจะเป็นเช่นไร
3. เพียงแค่ได้ยินผู้อื่นว่าเมื่อเปิดแล้วจะมีอิทธิฤทธิ์ สามารถทำอะไรได้หลายอย่าง
4. เปิดเพื่อจะรักษาร่างกายให้แข็งแรงจากโรคที่เป็นอยู่
5. เพียงเพื่ออยากลองว่าหลอกลวงหรือป่าว
6. เปิดเพื่ออยากช่วยเหลือผู้อื่น
7. เมื่อเปิดแล้วทำตัวเป็นผู้วิเศษเหนือกว่าผู้อื่น และอวดรู้มากกว่าผู้อื่น
8. เมื่อเปิดแล้วไม่ได้ปฏิบัติตามที่ได้ร่ำเรียนมา ทำให้เกิดอาการไฟธาตุแตก เหมือนหนังกำลังภายใน
นี่เป็นเพียงสาเหตุส่วนน้อยๆที่ผมนึกออก หรือท่านที่ต้องการเปิดมีข้ออื่นที่ผมยังนึกไม่ออก แล้วท่านที่อยากเปิดจักระเลือกข้อไหนกันบ้าง 555 ขออภัยที่ทำให้ใครบางท่านอารมณ์ บ่จอย

 

จะเล่าประสบการณ์ให้ฟังอีก พลังจักรวาลแท้ที่จริงก็คือ ธาตุลมละเอียด
ก็ วิ่งผ่านจุดนั้นจุดนี้ ก็ประตูลมนั่นแหละ

ใครสนใจจะฝึก ก็ ให้เอาตำราเรื่อง ลม ของท่านพ่อลี วัดอโศการามมาอ่าน นั่นแหละ ของแท้ เพราะว่า ท่านพ่อลี ท่านเป็นพระอรหันต์ ไม่มั่วแน่นอน

สำหรับผม พอฝึกจนมีพลังจิตได้ระยะหนึ่ง ก็ควบคุมลมน้อยใหญ่ในกายได้ พอ ปวดตรงไหน กำหนดจิต เลื่อนลมละเอียดไปตรงนั้น ก็จะดีขึ้นจนถึงหายไป

พอวันไหนไม่มีแรง ก็กำหนดจิต เลื่อนลม เลื่อนพลังไป โคจรให้เกิดลมอุ่น ตามสันหลัง ก็จะดีขึ้น

เหล่านี้มันเป็นวิชาที่เกี่ยวกับ ธาตุลมโดยตรง ไม่ใช่พลังจักรวาลหรอก

คนสมัยใหม่ ไม่เข้าใจธรรมชาติของลม เขาก็เลยเรียกว่าพลังจักรวาล

แท้จริงลมมีหลายประเภทนะ ลมละเอียด นี่ยังกับปรมาณูเลย เชื่อมต่อไปไวมาก ยิ่งกว่าแสง

ก็ อย่าไปฝึกเลย พลังจักรวาล แต่ให้ฝึกอานาปานสติ ดูลมหายใจ แล้วเอาจิตไปไว้ตามจุดต่างๆ ค่อยๆ หายใจ เข้าออกจนมันละเอียด แล้วนึกไปถึงจุดต่างๆ ในขณะที่หายใจ เข้าออกละเอียดนั่นแหละ ลมละเีอียดจะไปตรงนั้น จะรู้สึกได้เลยว่า มันเข้าออกผ่านทางผิวหนัง ก็เพราะว่ามันละเีอียดมาก

ก็เอาเท่านี้ ใครสนใจ ต้องไปฝึกด้วยอานาปานสติ ดูก่อน ให้ชำนาญ

ส่วนเปิด จักระ ไม่ต้องเปิดหรอก ใช้วิธีนี้แหละ อานาปานสติ ที่สุดแห่งพระกรรมฐาน ใครสนใจ ผมจะสอนให้ หรือ ถามมาก็ได้

 

ไม่ว่าใครถ้ารู้จักเท่าทันตัวเองและรู้ให้จริงในสิ่งที่ตัวเองรู้แล้วก็สามารถถ่ายทอดให้แก่ผู้อื่นได้ แต่ถ้ารู้เพียงแค่เปลือกซึ่งไม่ใช่แก่นแท้แล้ว ใยยังมาสอนผู้อื่นได้ มิทำให้ผู้ที่ได้รับการถ่ายทอดสับสนไปฤา การแอบอ้างคำสอนของครูบาอาจารย์ โดยที่ตัวเองไม่รู้อย่างลึกซึ้งในสิ่งที่ท่านสอนจะเกิดประโยชน์อันใด

 

ข้างบนนี่พูดถึงใครหว่า พูดถึงใครยังไม่รู้เรื่องเลย แล้ว จะรู้ไหมว่า ใครรู้จริง

 

่สนับสนุน ข้อ4 กะ 6 ครับ (sing)(||)
บางคนแสวงหาอยากได้อยากมีก็ไม่ได้ บางคนไม่อยากได้ก็มาเอง...

 

ในทางพุทธนั้น ทราบกันดีว่า สิ่งที่ช่วยให้สังขาร หรือ ร่างกาย ทรงตัว หรือ กลับมาในภาวะปรกติได้นั้นคือ การเจริญอิทธิบาท

อิทธิบาทนั้น ก็มีองค์ประกอบอยู่ 4 คือ ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา

การที่ผู้คนเทียวไปยังสำนักต่าง อันเชื่อว่า รักษาได้ การกระทำเช่นนั้น คือการ เจริญ อิทธิบาท 4 โดยไม่รู้ตัว เพราะต้อง พอใจ(ฉันทะ) และยอมรอนแรมเดินทาง(วิริยะ) เมื่อไปถึงแล้วก็เอาใจจดจ่อ(จิตตะ) เมื่อได้รับการกระทำอย่างหนึ่งอย่างใดแล้ว ก็พอใจเท่าที่เป็นที่รู้สึก แม้เจ็บปวดอยู่ ก็อาจลืมลงเสียได้(วิมังสา) กลับมาบ้านด้วยจิตใจที่เข็มแข็งขึ้น พอที่จะรักษาตัวกินยา กินน่ำ กินข้าว ทำงานอย่างวิถีปรกติ ยิ้มได้กับคนรอบข้าง อันมีความสุข สดชื่น พอที่จะทำอะไรได้อย่างปรกติสุขต่อไป

การเจริญพลังจักรวาลนั้น ก็คือ การเจริญ อิทธิบาท 4 ด้วยตัวเอง หากแต่อาศัย นิมิตแห่งลม ย้ายไปตามฐานต่างๆ ซึ่งการย้ายนั้น ก็ล้วนเป็นการย้ายด้วยนิมิต ไม่ใช่ย้ายลม(จริง) กระบวนการทั้งหมดก็คือ พอใจในการไปฝึก หรือ ฝึก และมุ่งมั่นปฏิบัติ(วิริยะ) ด้วยการเอาใจจดจ่อ(จิตตะ)ในนิมิตแห่งลมจนสามารถเสมือนเคลื่อนย้ายฐานได้ เมื่อสำเร็จได้ผลอย่างไรเท่าใด ก็พึงพอใจในผลของการกระทำเท่าที่ได้นั้น(วิมังสา)

แต่อย่างไรแล้ว สังขาร ก็คือ สังขาร ย่อมมีล่วงโรย และดับ

เช่นดั่งพระพุทธองค์ หลังฉันสุกรมัทวะ(เห็ดพิษ) ท่านก็เจริญอิทธิบาท 4 ควบคุมจิตใจ ลมหายใจ(พลังจักรวาลก็เรียก) เดินทางรอนแรมด้วยเท้าด้วยตัวพระองค์เองจากเมืองหนึ่งไปอีกเมืองหนึ่งได้อยู่ แต่แล้วเมื่อสมควรแก่กาล ก็ยุติการเจริญอิทธิบาทนั้น

 

ถ้ามีทุกคนที่มีความคิดเช่นเดียวกับคุณ และไม่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนจากความคิดส่วนตัวของตัวเองแล้วคงจะดีไม่น้อย

 

เมื่อวานฤกษ์สะดวกเลยปรับฮอร์โมน ให้ตัวเองซะเลย หุหุ (||)

 

แวะเข้ามาอ่านเจอเรื่องคนที่อยาก "ปิดจักระ"
เลยขอถามซะหน่อยนะคะ

เรื่องเดิมที่เคยมาเล่าให้ฟังว่าเพื่อนที่เรียนพลังจักรวาล
แล้วเค้าเผาตำราทิ้ง เอาพีระมิดไปลอยน้ำ
บอกเลิกวิชาพลังจักรวาล
ทำไมเค้ายังยืนยันว่าจักระเค้าไม่ปิดหละคะ
(จริง ๆ อาจารย์สอนว่าจักระจะปิดถ้าปฏเสธวิชานี้ไม่ใช่หรอคะ)
แต่นี่เค้าบอกว่า เค้านั่งสมาธิปฎิบัติธรรมยังไงก็ไม่ปิด
จักระ ๗ เค้ายังมีพลังงานไช ๆ จี๊ด ๆ อยู่เลยขะ
(โม้ป่าวหว่า)
เหมือนเค้าปฏิเสธวิชาพลังจักรวาล แต่เสียดายที่จักระจะปิดอะขะ

 

มีใครมีเบอร์ของศูนย์ที่อยู่ที่ลาซาลมั้ยคะ จะโทรไปถามข้อมูลหน่ะค่ะ

 

ระดับ 5.1 เปิดสอน วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2551 ครับ 13.00-16.00 น และ ระดับ 5.2 วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2551 ที่ศูนย์ลาซาลครับผม

 

เบอร์ตามใบนี้ (02)745-8120 กลัวเห็นไม่ชัด
ตามใบนี้ในข้อ 6 คือข้อห้ามเพียงข้อเดียวของพลังจักรวาลใช้ไมครับ

 

ผมว่าพลังจักรวาลก็เป็นเรื่องหนึ่ง เรื่องลมจากการกำหนดอานาปานสติก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งนะครับ น่าจะเป็นคนละเรื่องกัน ไม่รู้ว่าผมเข้าใจถูำกหรือเปล่าว่าพลังจักรวาลก็คือพลังแห่งธรรมชาติที่มีอยู่แล้วรอบๆตัวเรา

ดังนั้นการที่จะสามารถรับพลังนี้ได้ต้องมีการฝึกเิปิดจักระเพื่อให้สามารถเชื่อมต่อกับพลังได
(ผมเคยฝึกวิชาพลังกายทิพย์ ซึ่งจริงๆก็เหมือนกับพลังจักรวาล สายคุณย่าเยาวเรศครับ)้

ส่วนการฝึกอานาปานสติของคุณขันธ์ก็น่าจะเหมือนกับการฝึกวิชาลมปราณของจีน นั่นคือการฝึกให้มันเกิดขึ้นเองภายในกายของเรา ไม่ได้นำพลังมาจากข้างนอก

ผมสนใจเรื่อง ลม ของหลวงพ่อลีครับ ไม่ทราบจะหาหนังสือได้จากที่ไหน

 

สาเหตุที่เปิดคือ ข้อ 4 และ 6 เหมือนกันค่ะ
ส่วนข้อ 8 ซาบซึ้งเลยล่ะค่ะ แหกคอกไปหน่อย ไม่เป็นไร เลี้ยวกลับมาใหม่ได้ เพราะเรามีศรัทธา + ใจสู้ซะอย่าง ขอบคุณ คุณสามเหลี่ยม ณ ที่นี้ด้วยค่ะ ที่คอยให้คำแนะนำ และ ช่วยเหลือทุกอย่าง(deejai)

 

ขอบคุณค่ะ ^-^

 

ขอหนับหนุนข้อความค่ะ ...ถ้าเลือกได้ขอเป็นคนธรรมดาที่มีสุขภาพดีดีกว่าค่ะ..
... แต่ในทางศาสนาพุทธก็กล่าวว่า มีเหตุจึงเป็นผล หากไม่ป่วยหรือทุกข์เราก็จะไม่พบกับธรรมะ เราก็จะไม่รู้จักแก่นแท้ของเหตุที่เป็นทุกข์และการดับทุกข์หากมันเป็นทางที่สบายจนไม่มีอุปสักใดๆก็จะไม่รู้ซึ้งถึงแก่นแท้ของธรรมะ เขาจึงว่า มารไม่มีบารมีไม่เกิด จรึงไหมค่ะ น่าขอบใจนะคะที่ตัวเองได้ป่วยเพราะไม่งั้นก็คงไม่รู้จักหรอกค่ะการฟังเทศน์ฟังธรรม นั่งสมาธิ หรือแม้แต่พลังจักรวาลก็คงไม่รู้จัก ถ้าเป็นเมื่อก่อนก็คงจะหัวเราะไปแล้วว่า อะไรหรือ พลังอะไร มีจริงหรือ ...ได้สัมผัสกับตัวเอง หลายๆอย่างไม่ไม่น่าเป็นไปได้ แต่ก็เชื่อแล้วค่ะ

 

วันนี้ ได้มีโอกาสพูดคุยกับผู้ต้องการ "ปิดจักระ" ทางโทรศัพท์
สอบถามกันอยู่นานพอดู สรุปได้ความดังนี้

เพื่อนเป็นผู้เปิดจักระให้
เปิดได้ครบ 100% หรือไม่ ไม่ทราบได้
เพื่อนที่เปิดให้ อยู่ระดับใด ไม่รู้
หลังจากรับการเปิดแล้ว ไม่ได้เรียนรู้หลักการอะไรเพิ่มเติม
รู้แต่เพียงว่าให้กำหนดจิตไว้ที่จักระเจ็ดตลอด

ความทรมานที่ได้รับ
จิ้ดๆ ตึงๆ ปวดหน่วงๆที่จักระเจ็ดเกือบตลอดเวลา
ตอนหลังเป็นมากเข้า เริ่มปวดหัว มึนตึงภายในหัว ฯลฯ

ได้พูดคุยกัน ถึงข้อดี ข้อเสีย ในหลายแง่มุม และการแก้ไข
ตกลงยังไม่ขอปิดจักระ
ขอคิดดูอีกสักอาทิตย์ แล้วจะขอปรึกษาใหม่

ตกลงเรื่องนี้ จบ.


ขอเตือน ผู้ที่ได้รับการเปิดจักระแล้ว
กรุณาศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม เคล็ดวิชาที่ถูกต้อง การแก้ไขปัญหา จากผู้รู้
ทุกท่านที่ฝึกจะมีความแตกต่างในปัญหา
แม้ในเรื่องที่คล้ายกัน การแก้ปัญหาก็ไม่แน่ว่าจะใช้วิธีเดียวกันได้

ใครก็ตามที่ไม่อาจทนได้ ทรมานมากเหลือเกินกับการเปิดจักระ
บอก "ขอมา"
เราจะ"ปิด"ให้

แต่บอกก่อนนะว่า
เหมือนผ่าตัดแปลงเพศ โดยผ่าโดนตัดไปแล้ว จะเรียกร้องกลับคืนไม่ได้
(โยนให้เป็ดกินไปแล้ว)

 

หลายท่านที่ได้ศึกษาพลังจักวาลมาในชั้นเรียน เมื่อเริ่มศึกษา
ผู้สอน (ไม่ว่าสายใหน คุณย่าเยาว์เรศ,ท่านลือมินด๋าง,หรือคุณบาบารา ฯ (ถ้าเขียนชื่อผิด กราบขอโทษด้วย))
ล้วนแนะนำผู้เรียนถึงที่มาของวิชานี้ ว่ามาจากภิกษุรูปหนึ่งนามว่า สิดาดารดา (ถ้าเขียนชือผิดก็กราบขอโทษอีกที) เป็นภิกษุชาว... (จำไม่ได้วุ้ย)
ท่านที่ได้กล่าวชื่อไว้ได้รับถ่ายทอดมาจากภิกษุสงฆ์รูปนี้

สงฆ์แต่โบราณทุกชาติ เวลาอุปสมบท จะได้รับกรรมฐานว่า " เกษา โลมา นขา ทันตา ตะโจ" ทังสิ้น
และด้วยกรรมฐานชุดนี้ จะสามารถนำผู้ฝึก เข้าสู่สติปัตฐานสี่ ทำให้มีพลัง(ปราณยาม) สติสมาธิ ปัญญา และฯลฯ

ดังนั้นจึงอาจกล่าวได้ว่าพลังจักวาลที่พวกท่านทั้งหลายฝึกอยู่
แท้จริงแล้ว เป็นพลังที่เกิดจากสติปัตฐานสี่ ในหัวข้อ กายานุสติกรรมฐาน
เพียงแต่พลังจักวาลได้ถูกปรับเปลี่ยนชื่อให้เป็นสากล
และให้ผู้ฝึก ฝึกได้ง่ายโดยการมีผู้มาช่วยเปิดจักรให้
ทำให้ย่นระยะเวลาในการฝึก

การช่วยให้การฝึกเร็วขึ้นดังกล่าว
มีทั้งข้อดีและเสีย

ผู้เข้าใจ กายานุสติกรรมฐานอย่างถ่องแท้ จะเข้าใจเรื่องนี้