พระพุทธเจ้าพระองค์ท่านได้เคยเสด็จมายังแผ่นดิน สุวรรณภูมิ แผ่นดินไทย ด้วยตัวพระองค์เอง

พระโคตมพุทธเจ้า มีเวลาเผยแผ่ศาสนาไม่มากเพียงประมาณ 45 ปี เพื่อให้ศาสนาดำรงอยู่ 5 พันปี พระองค์มีความมหา กรุณาแก่สรรพสัตว์เป็นอย่างยิ่ง
สิ่งหนึ่งที่พระองค์มอบประทานเพื่อเป็นขวัญกำลังใจก็คือ พระธาตุต่างๆ พระธาตุที่พระองค์ท่านมอบประทานในสมัยที่พระองค์มีชีวิตอยู่คือ เกศาธาตุ
ในเมืองไทยเจดีย์พระธาตุต่างๆจำนวนมากบรรจุเกศาธาตุเอาไว้ จากตรงนี้พอจะถือเป็นหลักฐานได้หรือไม่ว่า ในสมัยพุทธกาลนั้น พระพุทธเจ้าพระองค์
ท่านได้เคยเสด็จมายังแผ่นดิน สุวรรณภูมิ แผ่นไทย ด้วยตัวพระองค์เอง
จากที่ได้อ่านพุทธตำนานพระเจ้าเลียบโลกได้อ่านเจอข้อความพระพุทธเจ้าเสด็จมามอบประทานเกศาธาตุอยู่หลายตอน
ท่านเพื่อน สมาชิกมีความเห็นเป็นอย่างไร กันบ้าง...มาเสวนากัน ({)

 

ตามพุทธประเพณี มีพุทธจริยวัตร ประการหนึ่งคือการประทับรอยพระพุทธบาท

ในกัปป์ใดก็ตามที่มีพระพุทธเจ้าบังเกิดขึ้นในยุคนั้น พระพุทธเจ้าทุกพระองค์จะประทับรอยพระพุทธบาทไว้ ที่ดินแดนสุวรรณภูมิ อันเป็นดินแดนที่จะเจริญรุ่งเรื่องของพุทธศาสนาสืบไปในอนาคต

ทั้งนี้มีวิถีปฏิบัติคือ หากกัปป์นั้น มีพระพุทธเจ้ามากกว่า1พระองค์ รอยพระบาทที่พระพุทธเจ้าพระองค์แรกประทับไว้ พระพุทธเจ้าพระองค์ต่อไปจะมาประซ้ำที่รอยพระพุทธบาทนั้น แต่การประทับรอบพระบาทนั้น พระพุทธเจ้าองค์ถัดมาจะต้องประทับรอยที่มีขนาดเล็กว่ารอยเดิมที่พระพุทธเจ้าพระองค์ก่อนประทับไว้แล้ว

ปัจจุบันจเราจะพบว่ารอยพระพุทธบาทที่สำคัญไม่กี่ที่นั้น ยกตัวอย่างเช่น รอยพระพุทธบาทที่สระบุรีนั้น จะมีรอยพระบาทซ้อนกันอยู่4รอย ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ในขณะนี้ โลกเรามีอายุยืนยาวมาถึง4กัปป์แล้ว มีพระพุทธเจ้าบังเกิดขึ้นมาแล้ว4พระองค์นั่นเองครับ ซึ่งตามพระไตรปิฏกนั้นกล่าวเรื่องการบังเกิดของโลกและการมาตรัสรู้ของพระพทธเจ้าไว้ว่าในกัปป์นี้เป็นภัทรกัปป์จะมีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้5พระองค์ ดังนั้น จึงยังเหลืออีก1พระองค์คือพระศรีอาริยเมตไตรย สัมมาสัมพุทธเจ้าครับ

อนึ่งในบางสถานที่ที่พระพุทธเจ้าทรงเห็นว่าจักเป็นประโยชน์แก่มหาชนหรือมีเหตุปัจจัยเกี่ยวข้อง พระพุทธเจ้าอาจจะเลือกประทับรอยพระบาทเฉพาะของพระองค์ไว้ให้ก็มีมากมายเช่นกัน แต่ถ้าหากว่ารอยพระบาทใดมี4รอยพระบาทประทับซ้อนกัน ขอให้รู้ไว้เถิดว่า รอยพระบาทนี้คือรอยพระบาทที่พระพุทธเจ้าทั้ง4พระองค์ประทับไว้เพื่อแสดงพุทธปาฏิหาริย์ ประกาศพุทธศาสนา นั่นเองให้ทราบโดยทั่วกันครับ สาธุ

 

ขออนุญาตสนับสนุนข้อมูลของคุณ tjs ว่ากล่าวได้ถูกต้องแล้ว..กล่าวคือจากหนังสือที่พระเดชพระคุณพระราชพรหมญาณได้เขียนตอนที่พระอาจารย์ของท่าน(หลวงพ่อปาน)พาออกธุดงค์และผ่านไปที่พระพุทธบาทสระบุรีและได้พบกับพระบารมีขององสมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าปรากฏให้ได้เห็นเป็นเรื่องยืนยันจากครูบาอาจารย์ครับ..ลองหาอ่านดูครับ สาธุ สาธุ สาธุ

 

ผิดแล้ว รอยพระพุทธบาทที่สระบุรี ไม่ได้มีลักษณะซ้อนกัน 4 รอย ตามที่กล่าว

แต่ลักษณะที่เป็นชั้นๆ ตามประวัติ คงเนื่องมาจากการบูรณะ หาดูภาพเอา

ไปมาแล้วสิบกว่าครั้ง เพราะเคยอธิษฐานต้องไปสักการะให้ได้ 7 ครั้ง พอถึง 7 ครั้งแล้ว ฉุดไปไม่อยู่เป็นพิเศษ

ส่วนพระพุทธบาทสี่รอยนั้น อยู่ที่เชียงใหม่ มิใช่หรือ ตรงนี้ไม่เคยไป

 

มีความเห็นว่า

รอยพระพุทธบาท เป็นกุสโลบายเพื่อให้ชนรุ่นหลังรู้จัก
และเป็นกุสโลบายในการทำความดี อย่างน้อยให้รู้จักทำทาน รักษาศีล

ซึ่งจะเกิดจากมีผู้กระทำขึ้น

 

พระพุทธบาทสี่รอยที่ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ มีประวัติเป็นมาช้านาน มีทั้งที่เกี่ยวข้องกับพ่อแม่ครูบาอาจารย์หลายท่าน โดยเฉพาะครูบาศรีวิชัย ที่ท่านได้ทำวิหารครอบไว้

ควรหาโอกาสไปกราบสักการะสักครั้ง เป็นอะไรที่น่าทึ่งมาก

 

เรื่อง รอยพระพุทธบาทนั้นเราไม่รู้ รู้แต่ว่าพระบรมสารีฯในเมืองไทยนั้น ศรีลังกาถวายให้มา ประดิษฐานในเมืองไทย ในช่วงที่ศาสนาพุทธโดนกินโต๊ะในอินเดีย อันเนื่องมาจาก โดนอังกฤษยึด และอิทธิพลศาสนาอิสลาม อันเนื่องมาจาก ที่อินเดีย ชนชั้นสูงวรรณะขาว ส่วนใหญ่จะเป็นคนอินเดียที่นับถือ ซิกข์ ( ศาสนาพรามณ์ผสมอิสลาม กลายเป็นศาสนาซิกข์) กับ ศาสนา อิสลาม พวกนี้มีบรรพบุรุษ มาจาก อุซเบกีสถาน, อัฟกานีสถาน และ อิหร่าน อันนี้พวกนี้เขาพูดเองกับปากว่าอย่างนั้น ว่าพวกตนเป็นชนชั้นสูงที่สุดที่อินเดีย และบอกว่า พวก ฮินดู กับ พุทธ นั้นอยู่ฝั่ง เบงกอล (อินเดียตะวันออก) กับ อินเดียทางใต้ ที่นับถือ ฮินดู กะ พุทธ โดยมากจะนับถือในฝูงชนที่มี วรรณะต่ำกว่า ตั้งแต่ระดับกลางไปยังวรรณะล่าง ผิวไม่ขาว ไม่รวย เท่าพวก ซิกข์ กะอิสลาม ซึ่ง เป็น อินเดียประเภทที่ ทรงอิทธิพล มากที่สุดในอินเดีย ณ. ปัจจุบัน และ คนอินเดียฮินดู จะเห่อ พวกนี้กันมาก เพราะขาวกว่า นอกจากนี้พวกนี้ยังรวยกว่า และ พยามกินโต๊ะ ศาสนาอื่นๆ

ฮินดูยังพออยู่ได้ เพราะเป็นศาสนาเดิม และคนส่วนใหญ่ก็นับถือตั้งแต่คนจนไปจนคนรวย และมีพิธีกรรมคาบเกี่ยวกับศาสนาพรามณ์ แต่ ศาสนาพุทธนั้น เป็นศาสนาที่ตรงกันข้ามกับ อิสลาม และ พรามณ์ โดยสิ้นเชิง และไม่มีเรื่องระบบวรรณะ ทำให ม่เป็นที่นิยมในมู่ชนชั้นสูงของอินเดียนัก ประกอบกับกระแส ล่าเมืองขึ้นของอังกฤษยิ่งขับดันให้ระบบวรรณะกลายเป็นสิ่งที่ คนคลั่งกันมากยิ่งขึ้น ศาสนาพุทธจึงไม่สามารถเจริญงอกงามในอินเดียได้ แม้แต่ ในศรีลังกา ผู้นำวัด ที่ศรีลังกา เห็นว่าประดิษฐาน พระบรมฯ ไว้ที่ศรีลังกาจึงถวายมา ประดิษฐานอยู่เมืองไทยแทน

 

สมัยนั้น เคยไปบ่อย เว้นมาหลายปีไม่ค่อยได้ไป กะว่าจะไปอีกสักครั้งในโอกาสส่งท้ายต้อนรับปีใหม่

ว่าแต่เฮีย สร้างพระพุทธรูปให้เป็นกุศโลบายไปถึงไหนแล้ว

เกี่ยวกับโบราณคดี มีผู้เขียนบทความไว้ ก็น่าพิจารณาอยู่เหมือนกัน เป็นไปตามระดับของนักโบราณคดี
http://botkwamdee.blogspot.com/2011/04/blog-post_20.html

 

ครูบาศรีวิชัย ท่านถือว่าได้รับรองแล้ว(ท่านได้ปฏิสังขรณ์ ได้มาสร้างวิหารครอบพระพุทธบาทสี่รอยไว้จนถึงปัจจุบัน) นั่นคือแสดงว่า พระพุทธบาทสี่รอยที่ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ เป็นของจริงแน่แท้ ท่านสมาชิกควรหาโอกาสมาสักการะ สักครั้ง ตัวผมเองได้เคยมาสักการะแล้ว ได้รับรู้ได้สัมผัส ได้กำลังใจเพิ่มอีกเยอะเลยทีเดียว

 

ส่วนคำว่าสุวรรณภูมิ นั้นตาม ประวัติศาสตร์โลกที่ นักประวัติศาสตร์ทุกวันนี้ลงความเห็น มิได้หมายถึงประเทศไทย แต่หมายถึง อินโดนีเซีย

 

เจอบทความหนึ่ง ก็น่าพิจารณาอีกเช่นกัน

 

พระบรมสารีฯที่ท่านได้กล่าวถึง เป็นส่วนของที่ภายหลังจากพระพุทธเจ้าสิ้นพระชนม์ไปแล้วถึงได้ มา แต่ในกระทู้นี้พูดถึง พระเกศาธาตุ พระองค์ท่านมอบให้ศาสนิกชนในช่วงตอนที่พระองค์ท่าน ยังมีชีวิตอยู่ นั้นหมายถึงว่าพระองค์ท่านได้เคยเสด็จมาผืนแผ่นดินนี้ด้วยตัวตน ของพระองค์ท่านจริงๆ ในประวัติพระธาตุที่ผมเคยอ่านเจอ ยังได้พูดถึงว่ามีชาวพม่าได้รับเกศาธาตุด้วย อย่างนั้นก็แสดงว่าชนชาติพม่าก็มีมาเป็นพันๆปีแล้วเหมือนกัน

 

แต่ในบทความดังกล่าว ผู้เขียนได้หมายเหตุไว้ ก็ยังหาหลักฐานในพระไตรปิฏก ไม่เจอ

ผู้เขียนได้เขียนไว้ว่า

ซึ่งเจอแต่ "โกรัณฑปุปผิยเถราปทาน"

 

ขอบคุณท่านสมาชิกทุกท่านที่เข้ามาเสวนาครับ

คำที่เกี่ยวข้องกับสุวรรณภูมิ มี 2 คำคือ คือ สุวรรณภูมิ เป็นดินแดนที่เป็นแผ่นดินใหญ่ และ สุวรรณทวีป คือ เกาะที่อยู่ติดกับสุวรรณภูมิ

สุวรรณภูมิอยู่ทางทิศตะวันออกของอินเดีย เมื่อพิจารณาจากแผนที่โลก จึงน่าจะสันนิษฐานได้ต่อไปว่า สุวรรณภูมิ คือส่วนที่เป็นแผ่นดิน ได้แก่ ประเทศพม่า ไทย กัมพูชา ส่วนสุวรรณทวีปซึ่งเป็นเกาะ น่าจะได้แก่เกาะชวา สุมาตรา หรืออินโดนีเซีย ตลอดทั้งฟิลิปปินส์

หาอ่านต่อได้จาก วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

 

แน่ใจว่าไม่ใช่ได้มาแต่สมัยพระอ้วนผอมที่มาเผยแพร่พุทธศาสนาผ่านทางประเทศมอญ หรือคะ อยากดูเวปไซต์ที่มีให้อ่านนะคะ

 

เมืองไทยมี คุณสมบัติไม่ตรงตาม องค์ประกอบการเป็นสุวรรณภูมิ ที่กล่าวถึงในพระไตรฯ คะ ยกตัวอย่างเช่น ระบบทางการทหาร และกฏหมาย นอกจากนี้ยังมีอีกหลายข้อ

 

ดัชเชส กสิณพาวเวอร์แบงค์

คุณสุชีโว ที่กำลังกล่าวถึงพระเกศาธาตุ คงหมายไปถึงท่านอุบาสกคู่นี้ ณ ชเวดากอง

หากยังไม่เคยฟังดนตรีแนวนี้ ลองฟัง (แล้วก็ค้นหาประวัติ ท่านตปุสสะและภัลลิกะ คือใคร)

<iframe width="560" height="315" src="//www.youtube.com/embed/vIM-xBMRRs8" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

 

และ นาที ที่11

<embed src="//www.youtube.com/v/T8lQc16hiAU?version=3&amp;hl=th_TH&start=660" type="application/x-shockwave-flash" width="560" height="315" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true"></embed>

 

การที่นัก โบราณคดี พูดถึงประเทศไทย ในสมัย สุโขทัย แต่ไม่ได้เคยพูด ถึง ในสมัยเชียงแสน หรือ โยนกนคร ที่บรรพบุรุษ ของไทย เล่าขาน และเขียน ตำราไว้ให้ได้สืบทอด กันมาช้านาน เทือกเถาเหล่ากอ ของคนไทย อยู่ที่แห่งหน นี้มีมาช้านาน ได้แตกเหล่ากอ ออกไป ถึง ๑๐ กว่าเผ่าพันธุ์ ดังที่ พ่อแม่ครูบาอาจารย์ ได้ขยายใจความเอาไว้ คนไทยด้วยกัน เสือกไม่เชื่อ แต่เสือกชอบเชื่อ ฝรั่งตาน้ำข้าว เห็นชอบตามๆกันไปเสียหมด และคนไทยก็อยู่ ตามประเทศต่างๆทั่วโลก


การที่พระอรหันต์ เกิดขึ้น ที่ทรงมีชีวิตอยู่ อันมากมายในประเทศไทย เอาง่ายๆ ท่านที่ละสังขารไปแล้ว สรีระกายของท่าน ได้แปรเปลี่ยนเป็นพระธาตุ ให้ท่านทั้งหลายได้กราบไหว้ ได้สักการะบูชา ที่ร่างกายไม่เน่าเปื่อย นับร้อยๆพระศพ และที่ เผาไปแล้วอีกมากมาย ทำไม ไม่ศึกษา หรือไปกราบไหว้ ทุกๆอย่างอยู่ในไทยครบสมบูรณ์แบบ มีให้พวกท่านได้ศึกษาและปฏิบัติ พระอรหันต์ ตามประวัติจริง ๆ ท่านมาประกาศในดินแดน สุวรรณภูมิ ตั้งแต่ พระพุทะเจ้า ทรงพระชนอยู่ ทั้งภาคเหนือ ภาคกลาง ออกตก เหนือใต้ มีรอยพระบาทไว้มากมาย ให้ศึกษา นับไม่รู้กี่ร้อยๆแห่ง


พระเกศาธาตุ ไปหาอ่านประวัติ พระธาตุจอมกิจติ ที่เชียงแสน พระธาตุดอยตุง ยิ่งพระธาตุ ในเมืองไทย มีมาในสมัยพุทธกาลโน่น ทะนานทองคำ ที่ตวงพระบรมสารีรีกธาตุ บรรจุอยู่ ใน เจดีย์ พระประโทน โทณพรหาม์ จ.นครปฐม ถ้าให้ พูด แล้วมันยาว จึงพูดมาค่าวๆครับ ในสมัยครั้งพระพุทธเจ้า เมืองสุวรรณภูมิ หรือเมืองทวารวดี ก็คือ นครปฐม เป็นเมืองหลวงถ้าจำไม่ผิด พระพุทธเจ้าถามหมอชีวกโกมารภัท ว่า ชีวก เธอไปเมืองทวารวดีมาหรือ ท่านตอบว่า พระพุทธเจ้าข้า แล้วเมืองทวาราวดี เขาพูด กันอย่างไร


ท่านหมอชีวกกับพระพุทธเจ้าสทนากัน อย่างสนุกสนาน แล้วหมอชีวก ถามพระพุทเจ้าว่า ภันเตภควา ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้เจริญ คำพูดของ เมืองทวาราวดี นี้ พระองค์เรียนมาหรือ หรือด้วยที่พระองค์ เป็นพระพุทธเจ้า แล้ว พูด ด้วยปฏิสัมภิทายานของพระองค์ พระพุทธองค์ ทรงตอบว่า ชีวก ตถาคตได้เรียนมาไม่ มันเป็น คำพูด ของตระกูล สืบๆกันมา และโดยโคตรของพระตถาคตเอง คำพูด ที่เมือทวาราวดี เขาพูด คำโดดๆ กินก็กิน นอนก็นอน พระผู้มีพระถาคเจ้าตรัส กับหมอชีวกว่า ภาษา เมืองทวาราวดีนี้ เป็นภาษาที่ไพเราะ ที่สุดในโลก นี่ท่านจงใช้ใจของท่านพิจรณาเอาเองครับ ว่าจริงเท็จเป็นประการใด อย่าพึ่งเชื่อ




และอีกประการหนึ่ง พระบรมสารีรีกธาตุ มาได้ไปได้ ผู้ที่เคารพ จริงๆ สามารถขอท่านได้ คนในเมืองไทย เขามีบูชากัน นับไม่รู้กี่ล้านคนแล้ว ของจริงมีไว้ศึกษา และปฏิบัติ ไม่ใช่ มาพูดกันลอยๆ ดินแดน แห่ง สุวรรณภูมิ พระพุทธเจ้าส่ง พระอรหันต์มาก่อน ที่พระองค์ จะเสด็จมาภายหลัง ชื่อ เมืองหมู่ บ้าน ย่อมเปลี่ยนแปลง ไปตามกาลเวลา แต่หลักฐาน การอ้างอิงแต่ละพื้นที่ เขายังมีอยู่ให้ได้ศึกษาค้นคว้า หลายๆจังหวัดนะท่านทั้งหลาย ทุกภาคของประเทศ มีไว้ให้ท่านได้ศึกษา และค้นคว้ากัน และนำไปปพิฤปฏิบัติกัน นะขอโทษทีพูดไปก็เสียเวลาเปล่าๆ อดไม่ได้ที่จะมาแจม

 

​

พระมหาธาตุเจดีย์ชเวดากอง ตั้งอยู่บริเวณเนินเขาเชียงกุตระ เมืองย่างกุ้ง ประเทศพม่า
เชื่อกันว่าเป็นมหาเจดีย์ ที่บรรจุพระเกศาธาตุ ของพระพุทธเจ้า จำนวน 8 เส้น

ตามตำนาน เจดีย์ชเวดากองนั้นสร้างเมื่อ 2,500 ปีที่แล้ว แต่นักโบราณคดีเชื่อกันว่าสร้างระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 6-10 โดยชาวมอญ ตามตำนานนั้นเริ่มจากว่า มีพี่น้องพ่อค้า 2 คน ได้ไปเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า พระองค์จึงประทานพระเกศามา 8 เส้น สำหรับให้พ่อค้าทั้งสองรับไว้บูชา

พระเจดีย์ได้ถูกทิ้งร้างจนมาถึงคริสต์ศตวรรษที่ 14 พระเจ้าพินยาอู ได้ทรงสร้างพระเจดีย์ใหม่สูง 18 เมตร พระเจดีย์ได้ถูกซ่อมแซมเรื่อยมา จนมามีความสูง 98 เมตร ในคริสต์ศตวรรษที่ 15 แผ่นดินไหวเล็กๆน้อยๆ เรื่อยมาทำให้พระเจดีย์ได้รับความเสียหาย และเมื่อปี พ.ศ. 2311 (ในสมัยกรุงธนบุรี) ได้เกิดแผ่นดินไหวอย่างหนัก ทำให้ยอดของพระเจดีย์หักถล่มลงมา

พระมหาธาตุเจดีย์ชเวดากอง - วิกิพีเดีย