ประมูลวัตถุมงคลหลวงปู่พิศดู วัดเทพธารทอง จันทบุรี

หนังสือประวัติหลวงปู่ บทสวดลายลักษณ์(หลวงปู่เสกไว้) พร้อมผ้ายันต์พระอุปคุต คุณสุวัฒน์มอบให้..หนุมานมหาฤทธิ์ 2 ตน คุณทุเรียนทอดมอบเพิ่มให้...ขออนุโมทนาอย่างยิ่งครับ

 

ธนบัตรขวัญถุงขนาดราคา 100-50-20 และ 10 บาท พี่โสภารับจากมือหลวงปู่ทั้งหมด และมอบให้ทั้งหมดเลยครับ ส่วน 3 ฉบับที่เคลือบพลาสติคไว้ พี่ด๋อมอบให้ครับ

 

ปิดท้ายรายการของค่ำคืนวันนี้..ขออาราธนาพระรูปเหมือนบูชาขนาด 5 นิ้ว หมายเลข ๑๗๗ มอบโดย ผศ.ดร.กนกพร จาริก พร้อมกล่องเดิม ถุงเดิม จริงๆ (ตอนเอามาหลวงปู่ยังอยู่ในถุงอยู่เลยครับ) บุญนี้จากการติดต่อของ รศ.อัญชลี อุทัยไขฟ้า อุบาสิกาใหญ่แห่งสำนักสงฆ์สิริจันโท ขออนุโมทนาอย่างยิ่งครับ

 

มหาปฐวีธาตุ
ปฐวีธาตุ แปลตามศัพท์ก็คือ ธาตุดิน นั่นเอง ตามความหมายนั้นครูบาอาจารย์ผู้มีภูมิจิตที่เหนือกว่าระดับปุถุชนธรรมดาขึ้นไปแล้ว อาจจะทราบดีว่า ธาตุดินเป็นแม่ธาตุใหญ่ที่ให้กำเนิดธาตุต่างๆต่อๆกันมา รวมถึงสรรพสิ่งที่ถือกำเนิดขึ้นมาในจักรวาล ล้วนเกิดมาจากดินทั้งสิ้น ธาตุดินเป็นธาตุที่แข็ง และอ่อนได้ในทำนองเดียวกัน สามารถจับต้องได้ ด้วยความพิเศษนี้เองจึงมีการเปรียบธรณีปฐวีธาตุเสมือนพระพ่อ พระแม่ ผู้ให้กำเนิดทุกอย่างบนโลก เราก็เปรียบเสมือนลูกที่เกิดมาจากแม่ธาตุทั้ง4 อันมีธาตุดินเป็นธาตุหลัก เพราะฉะนั้นครูบาอาจารย์จึงให้ความสำคัญกับธาตุดิน หรือ ปฐวีธาตุเป็นสำคัญ เชื่อว่า หากถือเอาความสำคัญตรงจุดนี้และนำมาอธิษฐานเดินจิต ประจุพลังลงบนก้อนดินเหล่านั้นก็จะมีพลังอานุภาพที่ล้ำลึกพิสดาร สามารถนำมาอธิษฐานใช้ในสิ่งต่างๆได้ตามความปรารถนา
เท่าที่เราทราบมา ครูบาอาจารย์ที่ท่านอธิษฐานปฐวีธาตุนั้น ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดก็เห็นจะมีอยู่ 2 องค์ นันก็คือ ท่านเจ้าคุณนรฯ วัดเทพศิรินทร์ และหลวงปู่คำพันธ์ โฆสปัญโญ วัดธาตุมหาชัย ส่วนครูบาอาจารย์องค์อื่นๆที่อฐิษฐานปฐวีธาตุได้นั้นจริงๆก็มีอยู่หลายองค์ แต่ท่านเหล่านั้นอาจไม่เผยตัว หรือไม่ค่อยมีใครได้ไป

ถ้าเราเคยศึกษาประวัติท่านเจ้าคุณนรฯ วัดเทพศิรินทฯ จะมีอยู่ตอนหนึ่งที่ว่าด้วยเรื่องของ ปฐวีธาตุ ท่านเจ้าคุณนรฯตอนท่านอาพาธหนักนั้น ท่านเคยสั่งให้หลานของท่านไปหาก้อนกรวดที่ อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ เอามาให้ท่านเสกอธิษฐาน ท่านเรียกก้อนกรวดนี้ว่า พระ พ่อแม่ ธ ร ณี ป ฐ วี ธาตุ ท่านบอกว่าศักดิ์สิทธิ์ยิ่งกว่าพระเครื่องใดๆของท่านเสียอีก มีอานุภาพสามารถป้องกันอาวุธได้ทุกชนิด รวมทั้งป้องกันนิวเครียร์ได้

หลวงปู่คำพันธ์ โฆสปัญโญ ก็เป็นอีกองค์หนึ่งที่อธิษฐานปฐวีธาตุได้ ท่านได้ทำปฐวีธาตุแจกศิษย์มาแต่ปี พ.ศ. 2495 ท่านได้เล่าให้ฟังว่า ท่านได้รับตำราการอธิษฐานจิต " ปฐวีธาตุ" มาตั้งแต่ยังเป็นพระหนุ่มโดยได้มีชายผู้หนึ่งได้นำมาถวายให้ท่านตามคำสั่งเสียของบิดาก่อนตาย โดยบิดาของชายผู้นั้นได้สั่งกำชับบุตรชายไว้ว่า เมื่อพ่อตายแล้วจงเอาคัมภีร์เล่มนี้ไปมอบให้กับหลวงพ่อคำพันธ์แต่เพียงรูปเดียวเท่านั้น ซึ่งตำราเล่มนั้นเขียนด้วย "ตัวธัมใหญ่" ทั้งหมดซึ่งถือว่าเป็นอักขระที่มีความศักดิ์สิทธ์สูงสุด ใช้จารเฉพาะตำราชั้นสูงเท่านั้น เป็นตำราที่ว่าด้วยการ "อธิษฐานปฐวีธาต" สามารถทำธาตุธรรมชาติธรรมดาให้มีอานุภาพ มีพลังงานขึ้นมาได้อย่างน่าอัศจรรย์ ท่านจึงศึกษาวิธีการจนแตกฉาน จดจำได้ทุกขั้นตอน

มูลเหตุของการอธิษฐานจิตปฐวีธาตุ ของหลวงปู่คำพันธ์
สืบเนื่องจากในช่วงก่อนปี 2500 บ้านเมืองยังเต็มไปด้วยผู้ก่อการร้าย ทำให้เหล่าทหาร ตำรวจและข้าราชการต่างๆ มาขอของดีจากท่านเอาไว้คุ้มตัว ท่านจึงได้ให้เหล่าทหารและชาวบ้านไปเก็บหินในแม่น้ำโขงมาให้ท่านอธิษฐานจิต ท่านบอกว่า ท่านเสกด้วยพระคาถาชินบัญชรเช่นเดียวกับปฐวีธาตุของท่านเจ้าคุณนรฯ แล้วเสกหนุนธาตุต่างๆตั้งให้เป็นองค์พระและธาตุปฐวีคือ ธาตุหินนี้แกร่ง ท่านจึงเรียกปฐวีธาตุของท่านว่า " พระเพชร "
ลป.คำพันธ์ ท่านเก่งในการคุมธาตุสี่ น้ำ ดิน ลม ไฟ จนเป็นที่ยอมรับโดยทั่ว ลป.โต๊ะฯ ก็อีกรูปหนึ่ง เมื่อท่านนำ"ปฐวีธาตุ" มาเสกก็จะเรียกธาตุ 4 ทีละธาตุแล้วรวมธาตุเป็นหนึ่ง เสกบรรจุลงในก้อนปฐวีธาตุนั้น เมื่อนำมาใช้ธาตุสี่ในตัวเราก็จะผสานกับปฐวีธาตุนั้น สรรพคุณสุดแท้จะอธิษฐานเอา ในเวลาอธิษฐานปฐวีธาตุหลวงปู่ท่านจะอธิษฐานว่า ให้ป้องกันภัยอันจะเกิดแต่ธรรมชาติก็ดี ภัยอันเกิดแต่มนุษย์ก็ดี กันได้ทั้งสิ้น กันภัยจากอาวุธยุทโธปกรณ์ทุกชนิดที่มีอยู่ในปัจจุบัน และที่จะมีขึ้นในอนาคต ท่านเรียกการอธิษฐานแบบนี้ว่า " เสกครอบลงไป " การเสกแบบนี้ไม่เหมือนกับการเสกพระเครื่องทั่วไปของท่าน ท่านจึงย้ำว่า " ปฐวีธาตุนี้เป็นของที่ดีที่สุดเท่าที่มีอยู่ "
หลวงปู่คำพันธ์ท่านเคยกล่าวกับลูกศิษย์ถึงอานุภาพความศักดิ์สิทธิ์ของปฐวีธาตุของท่านว่า คุ้มครอง คุ้มภัย กันฟ้า กันไฟ ปฐวีธาตุแห่งแม่น้ำโขงนี้เป็นธาตุเย็น อานุภาพแห่งองค์พระเพชร สามารถป้องกันภัยอันเกิดจากรังสีความร้อนที่จะเกิดขึ้นอย่างฉับพลันได้

การบูชาปฐวีธาตุ
หลวงปู่คำพันธ์สั่งว่า เมื่อได้มาแล้วถ้าจะบูชาติดตัวก็พยายามเลี่ยมแบบเปิดหน้า เปิดหลังให้ปฐวีธาตุได้สัมผัสกับไอของร่างกาย ธาตุจะดึงดูดซึ่งกันและกันปรารถนาสิ่งใดก็ให้ตั้งจิตเอา ปฐวีธาตุช่วยได้ แต่ถ้าบูชาอยู่กับบ้าน ให้เอาปฐวีธาตุแช่น้ำสะอาดตั้งบูชาไว้บนที่สูง ใส่น้ำอบ น้ำหอมผสมลงในน้ำเป็นการบูชา ลอยด้วยดอกมะลิหรือดอกไม้หอมอื่นก็ได้ จุดธูปบูชา 7 ดอก สวดบทพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ แล้วต่อด้วยพระคาถานี้
" หิตะหิรา มันทิโล กะสิรา กะละลาสติ โสจะถิโห คะเนตะเน " ( 3จบ ) (ดูคล้ายๆกับคาถาวันโลกดับที่หลวงปู่พิศดูท่านให้เลย ซึ่งจริงๆแล้วก็คือคาถาเดียวกันนั้นแหละครับ เพียงแต่ครูบาอาจารย์แต่เก่ามาท่านใช้ท่องจำกันปากเปล่า ก็อาจทำให้เพี้ยนกันไปได้ อีกอย่าง ก็อยู่กันคนละภาคส่วน เรื่องภาษาสำเนียงก็อาจผิดเพี้ยนกันไปบ้าง นั่น..ก็เป็นคำถามอีกว่า ครูบาอาจารย์ทั้ง 3 องค์ดังกล่าวมา ท่านอยู่คนละภาคส่วนกัน แต่ทำไมจึงใช้คาถาเดียวกันเสกอธิษฐานปฐวีธาตุเหมือนกันได้อย่างไร..? )

เมื่อท่องคาถาดังกล่าวแล้วตั้งจิตระลึกถึงคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ คุณมารดา บิดาคุณครูบาอาจารย์ พระคุณของครูบาอาจารย์เจ้าของปฐวีธาตุนั้น เหล่าเทพเทวดา พญานาค ผู้รักษาองค์ปฐวีธาตุ ทั้งที่สถิตอยู่ในสถานที่ที่ได้ปฐวีธาตุนั้นมา ปรารถนาสิ่งใดก็อธิษฐานเอา หลวงปู่บอกว่า ปฐวีธาตุมีคุณวิเศษครอบจักรวาลมีทุกข์ร้อนสิ่งใดก็ให้บอกกล่าว สามารถช่วยเหลือได้จริง การลอยดอกไม้ในน้ำให้ทำเฉพาะวันพระ เมื่อหมดวันพระแล้วให้ช้อนดอกไม้ออกอย่าให้เน่าเสียคาภาชนะเด็ดขาด น้ำหล่อปฐวีธาตุถ้าจะเปลี่ยนให้นำไปประพรมบ้านเรือนหรือสาดขึ้นหลังคาบ้านเป็นสิริมงคลนัก กันภัยนานาชนิด
หมายเหตุ การที่หลวงปู่ท่านให้แขวนแบบเปิด ไม่ได้หมายความว่ากลัวพุทธคุณจะออกมาไม่ได้ แต่เป็นวิธีการ "ใช้งาน" ในแบบเฉพาะของวัตถุมงคลประเภทนี้ ที่ทำแบบนั้นก็เพราะต้องการให้กระแสธาตุในร่างกายเราได้สัมผัสกระแสธาตุในองค์ปฐวีธาตุพลังงานในปฐวีธาตุน่ะออกมาหาเราได้ แต่พลังงานในกายเราเข้าไปหาเขาไม่ได้ จึงจำเป็นที่จะต้อง "เลี่ยมเปิด" เพื่อสงเคราะห์ตัวเราเอง ไม่ใช่เพื่อช่วยเหลือท่าน

ปฐวีธาตุต่างกับพระเครื่องอย่างไร
ปฐวีธาตุต่างจากพระเครื่องตรงที่กรวดจากสถานที่สำคัญ ซึ่งครูบาอาจารย์ท่านนำมาอธิษฐานเหล่านั้น พวกนาคเขาถือว่าเป็นสมบัติอย่างหนึ่งของเขา กรวดเหล่านั้นจึงมีพลังงานของพวกเขาติดมาด้วย และเมื่อได้รับการอธิษฐานด้วยกระบวนการทางจิตที่ซับซ้อนอย่างยากที่เราจะเข้าใจ ก็จะทำให้กรวดเหล่านั้นเกิดพลังงานมหาศาลชนิดที่เราก็ไม่เข้าใจอีกอยู่ดีว่าเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร
พลังงานมหาศาลที่ว่านี้ หลวงปู่คำพันธ์รับรองว่า กันนิวเคลียร์ได้
เมื่อปฐวีธาตุซึ่งมีพลังงานแฝงอยู่แล้ว ได้รับการอธิษฐานจากจิตที่มีพลังงานมหาศาลเพราะได้รับการฝึกฝนมาดีเยี่ยม พุ่งกระแสลงไปสู่หินเป็นจุดเดียว กระแสจิตที่แรงกล้าเกิดกระทบกับพลังงานที่อยู่ในหินแล้วกระจายตัวออกเป็นวงกว้าง เป็นคลื่นรังสีที่มีพลัง งานแรงสูง พอที่จะให้ความคุ้มครองผู้บูชาตามที่ผู้อธิษฐานได้ ตั้งโปรแกรมไว้ นอกเหนือไปจากหมู่นาคทั้งหลายที่จะขึ้นมาพิทักษ์รักษาผู้ครอบครองปฐวีธาตุเมื่อยามเกิดภัยพิบัติตามคำทำนาย ชนิดปฐวีธาตุ 1 องค์ ต่อพญานาค 1 ตน ซึ่งคุณสมบัติดังกล่าวไม่อาจมีในพระเครื่องที่ถูก "สร้าง" ขึ้นด้วยน้ำมือมนุษย์ ผิดกับ "ปฐวีธาตุ" ที่ถูกรังสรรค์ขึ้นจากผลงานของธรรมชาติ จึงเก็บประจุพลังงานจากธาตุทั้งสี่และรังสีจากจักรวาลมาเนิ่นนานนับได้เป็นล้าน ๆ ปี
ครูบาอาจารย์ผู้มีจิตอัศจรรย์เข้าถึงหลักธรรมชาติอย่างถ่องแท้จึงมักทำปฐวีธาตุให้ศิษย์ อาทิ ท่านเจ้าคุณนรฯ วัดเทพศิรินทร์ หลวงปู่ขาว อนาลโย วัดถ้ำกลองเพล หลวงปู่ดูลย์ อตุโล วัดบูรพาราม ท่านพ่อเมือง พลวัฑโฒ วัดป่ามัชฌิมวาส ซึ่งก็ตรงตามที่หลวงปู่คำพันธ์เคยบอกว่า
"ผู้ที่จะอธิษฐานปฐวีธาตุได้นั้น ต้องเป็นผู้เดินวิปัสสนาล้วน จะเป็นผู้ที่มาทางสายวิชาอาคมไม่ได้เลย"

และนี่คือสาเหตุที่ว่าทำไม "ปฐวีธาตุ" จึงมีความแตกต่างจากพระเครื่องมากมายนัก


ปฐวีธาตุของหลวงปู่พิศดู
ส่วนปฐวีธาตุของหลวงปู่พิศดูนั้น ท่านสั่งให้เอาหินในลำธารศักดิ์สิทธิ์ที่วัดเทพธารทอง มาให้ท่านอธิษฐาน ท่านเรียกลำธารนี้ว่า "เนรัญชลา"หลวงปู่บอกว่า " เราน้อมเอาแม่น้ำเนรัญชลาจากอินเดียมาไว้ที่วัดเทพฯ ลำธารของที่นี่เป็นลำธารศักดิ์สิทธิ์ " ก้อนหินที่แช่อยู่ในธารนี้หลวงปู่บอกว่า " เป็นสมบัติของพวกนาคราช " ตามปกติของพวกนาคราช หรือพญานาคนั้น มักจะบำเพ็ญตบะ และทำบุญกุศลจนมีร่างที่เป็นกึ่งทิพย์และมีอิทธิฤทธิ์ต่างๆได้ ถ้าเป็นพวกพญานาคที่เป็นสัมมาทิษฐิ ก็จะมีความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา และศรัทธาในพระสงฆ์ผู้ปฏิบัติดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งก้อนหินที่อยู่ในวัดเทพธารทอง สมัยที่องค์หลวงปู่ท่านยังอยู่นั้น ก็จะได้รับกระแสแห่งฌานสมาบัติ และกระแสเมตตาที่หลวงปู่ท่านแผ่ไปในโลกธาตุทั้งสามด้วย ผมเคยเห็นนักปฏิบัติหลายคนที่มาภาวนาอยู่ที่วัด และเคยให้เขาจับกระแสพลังของก้อนหินในวัด ทุกคนบอกตรงกันหมดว่า มีกระแสพลังที่ดีอยู่ในหินทุกก้อนแน่นอน แม้แต่กิ่งไม้ใบหญ้าก็มี เพียงแต่ยังไม่ได้ตั้งองค์พระไว้เท่านั้น แต่ถ้าเราจะเอามาตั้งจิตอธิษฐานระลึกถึงองค์หลวงปู่ก็จะสามารถใช้เป็นวัตถุมงคลได้เลยโดยไม่ต้องปลุกเสก บางครั้งมีคนที่สร้างพระให้วัดต่างๆมาขอมวลสารของหลวงปู่ ท่านก็บอกว่า ถ้าอยากได้ให้ไปงมเอาหินเอาทรายในลำธารนั่นก็ได้เอามาเราจะเสกให้ อีกทั้งหลวงปู่ยังเคยเล่าให้ฟังด้วยว่า ใต้พื้นพิภพอันเป็นที่ตั้งของวัดเทพธารทองแห่งนี้ลงไป เป็นเมืองนาคราชอันใหญ่โตรโหฐาน และพวกนาคที่นี่จัดเป็นภพภูมิที่สูงกว่านาคในที่อื่น(เพราะอาจจะได้รับกระแสบุญบารมีจากองค์หลวงปู่ท่านก็ได้) ลำธารที่ไหลผ่านที่วัดนั้น ก็เป็นทางขึ้นล่องของพวกเขา แต่ถูกปกปิดไม่ให้คนได้ล่วงรู้ จริงแล้วที่วัดเทพธารทองก็มีปล่อง(ทาง)เข้าออกของเขาอยู่ประมาณ 3 ทาง เท่าที่ผมรู้ก็บริเวณพระเจดีย์ใหญ่ สมัยก่อนมีญาติโยมหลายคนได้เห็นมีงูแปลกๆตัวใหญ่ๆโผล่ขึ้นมาจากปล่องนี้บ่อยๆ ซึ่งปัจจุบันองค์หลวงปู่ได้สั่งให้สร้างพระเจดีย์ครอบเอาไว้แล้ว เพื่อให้พวกนาคฯเหล่านั้นดูแลปกปักรักษาพระเจดีย์นี้ด้วย

ปฐวีธาตุนั้น หากเป็นที่ภาคอีสาน หลวงปู่อิง และหลวงปู่คำพันธ์บอกว่า ให้ไปเอาที่ใต้แม่น้ำโขง
หากเป็นที่ภาคกลาง เจ้าคุณนรฯบอกว่า ให้ไปเอาที่ อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ ซึ่งตัวผมเองหลังจากฟังเรื่องปฐวีธาตุเจ้าคุณนรฯแล้ว ก็มีความอยากได้มาก จึงมีความคิดว่าให้เพื่อนที่อยู่แถวบางบ่อหาเก็บมาให้ แต่ก็ไม่ได้ความเสียเลยเพราะเพื่อนไม่ไปหาเก็บมาให้ กะว่าจะขอความเมตตาจากหลวงปู่พิศดูช่วยเสกให้ เพราะว่าองค์หลวงปู่บอกเองว่า " ท่านเจ้าคุณนรฯกับเราก็เป็นสายเดียวกัน " และต่อมาพอผมเกือบลืมไปแล้ว หลวงปู่ท่านสั่งให้ลูกศิษย์ไปเก็บหินในลำธารในวัดมาให้ท่าน ท่านจะเสกปฐวีธาตุให้ แต่ก็มีอยู่ไม่มากนัก (รู้อย่างนี้จะขอให้เอามาสักกระสอบหนึ่งก็ดี จะได้เอามาแจกให้ทั่วๆกันเลย)
ถ้าจะเอาปฐวีธาตุ ในภาคตะวันออก ผมว่าคงต้องเอาที่วัดเทพธารทอง ฯลฯ ดังที่ได้กล่าวมา ไม่ต้องไปหาปฐวีธาตุที่ไหนหรอกครับ ขององค์หลวงปู่พิศดูนี้แน่นอนที่สุด ลงใจก็ที่สุด ไม่ต้องเสี่ยงกับการไม่มั่นใจว่าใครเสกหรือไม่ หากใครมีก็อยากให้เก็บรักษาเอาไว้ให้ดี ถ้าจะมอบให้ใครอยากให้พิจจารณาดูว่าคนๆนั้นเหมาะสมที่จะเอามาใช้จริงๆครับ เพราะนับจากนี้จะไม่มีใครที่เสกปฐวีธาตุ(ที่วัดเทพธารทอง)ได้ดีจริงเหมือนของหลวงปู่พิศดูอีกแล้ว เพราะถ้าเป็นหน้าน้ำหลากมา ก้อนหินที่อยู่ในลำธาร(ในสมัยที่หลวงปู่อยู่วัด) ก็จะถูกพัดพาไปกับกระแสน้ำหมดแล้ว ที่เหลืออยู่ก็เป็นเพียงก้อนหินธรรมดา แต่อาจจะมีกระแสของพวกนาคอยู่บ้าง แต่คงไม่ได้รับกระแสเมตตาจากองค์หลวงปู่

หากใครอยากจะถามว่า จะหาก้อนปฐวีธาตุขององค์หลวงปู่พิศดูได้จากไหน ผมคงต้องบอกว่า คงไม่ต้องตามหาหรอกครับ เพราะว่า มหาปฐวีธาตุชนิดก้อนกรวดนั้น มีน้อยเอามากๆ เพียงแค่หลักร้อยเท่านั้น แต่ถ้าจะให้มีทางเลือกอีกทางหนึ่งซึ่ง มหาปฐวีธาตุดังกล่าว ผมคงต้องแนะนำว่า " พระกสิณ " ขององค์หลวงปู่พิศดู นี่แหละเป็นอีกหนึ่งในมหาปฐวีธาตุขององค์หลวงปู่ที่ท่านได้สร้างสรรไว้ เพราะมวลสารหลักนอกจากจะมีผงมวลสารวิเศษต่างๆแล้ว ก็ยังมีดินศักดิ์สิทธิ์จากสถานที่ต่างๆ รวมถึงดินในวัดเทพธารทองแห่งนี้ผสมอยู่ด้วย ถ้าไม่สำคัญจริงๆท่านคงไม่ใส่ดินเหล่านั้นลงไปเป็นส่วนผสมขององค์พระที่ท่านสร้างหรอกจริงไหมครับ และขึ้นชื่อว่า พระกสิณ ก็คือ ธาตุทั้ง4 ที่ก่อเกิดพลังแห่งฤทธิ์ต่างๆนั่นเองครับ..

​

 

เหตุใดจึงต้องนำปฐวีธาตุมาอธิษฐานเป็นของดีนั้น ก็อาจจะมาจาก ปฐวีธาตุ หรือเรียกว่า ธาตุดิน เป็นแม่ธาตุใหญ่ หรือเป็นธาตุหลักของทุกสรรพสิ่ง หากทุกสรรพชีวิตไม่มีธาตุดินคอยหุ้มห่อไว้ ธาตุอื่นๆ น้ำ ลม ไฟ ก็จะสลายไม่อาจประชุมรวมกันได้ เพราะฉะนั้นคุณของแม่พระธารณีจึงมีคุณใหญ่มาก พระคณาจารย์เจ้าผู้ทรงญาณทัศนะจึงได้กำหนด และสรรเสริญคุณของธาตุดินไว้ว่ามีกำลังสูงสุดดังนี้..
ธาตุดิน มีกำลัง 30
ธาตุน้ำ มีกำลัง 16
ธาตุลม มีกำลัง 22
ธาตุไฟ มีกำลัง 12
รวมกันแล้วมีกำลัง 80 เรียกว่า อสีติธาตุ

ปฐวีธาตุนั้นมีหลายที่ครับ ส่วนใหญ่ต้องนำก้อนหินมาจากในแม่น้ำที่ไหลผ่านไม่ขาดสาย.. การทำปฐวีธาตุให้มีความศักดิ์สิทธิ์นั้น หลวงปู่ท่านใข้วิธีอธิษฐานจิตครับ โดยการตั้งองค์พระไว้ในก้อนปฐวีธาตุนั้นและอธิษฐานให้ พยานาคเป็นผู้รักษาดูแล ส่วนปฐวีธาตุของหลวงปู่ท่าน ท่านให้ไปเก็บในลำธารหลังวัด ท่านบอกว่าเป็นลำธารศักดิสิทธิใต้พื้นที่วัดนี้เป็นเมืองนาคราช ใหญ่โตมโหฬาร หินในลำธารนี่เป็นของๆเขาถ้าเอามาเสกจะศักดิ์สิทธิ์มาก เพราะว่าภพภูมิบริเวณวัดเทพ เป็นภูมิสูง ที่นี้ ป็นที่ของพระอินทร์ท่านดูแลอยู่ ที่วัดนี้จึงมักจะทำอะไรเป็นสีเขียวทั้งหมด ประกอบกับจริตของหลวงปู่ท่าน และภพภูมิบริเวณนี้ รวมถึงธรรมชาติ ถูกกันกับสีเขียว ฯลฯ...

ปฐวีธาตุนั้น หลวงปู่ท่านใช้บทอธิษฐานคือ คาถาวันโลกดับ ชินบัญชร คาถาอิติสุคโต ฯลฯ ซึ่งบังเอิญไปเหมือนกันกับ ท่านเจ้าคุณนรฯ วัดเทพศิรินทร์ และ ลป.คำพันธ์ วัดธาตุมหาชัย
แต่ผู้ที่ทำการอธิษฐานปฐวีธาตุได้นั้น ต้องเป็นพระเดินวิปัสนาญาณล้วนๆเท่านั้น จะเป็นพระด้านวิชาอาคมไม่ได้ เพราะมีผลไม่ถึง เพราะผู้อธิษฐานต้องสามารถตั้งองค์พระได้ โดยน้อมเอาองค์พระพุทธนิมิตรบรรจุเอาไว้ภายในก้อนหินเหล่านั้นได้ ผลจึงจะสมบูรณ์ การอธิษฐานปฐวีธาตุ อาจไม่เหมือนกับการเสกพระเสียทีเดียว ผู้ทำการอธิษฐานต้องเข้าใจลึกซึ้ง และมีญาณทัศนะสูง จัดเป็นวัตถุกายสิทธิ์ ขั้นอจิณไตยชนิดหนึ่ง มีพลังงานสูงสามารถป้องกันอันตรายได้ทุกอย่าง ทุกกรณี ที่ไม่เกินกรรม แม้แต่ปรมาณู หลวงปู่ท่านก็รับรองว่าของท่านก็กันได้แน่นอน
การอธิษฐานปฐวีธาตุของหลวงปู่ท่าน จริงๆใช้เวลาไม่นาน แต่ส่วนมาก ลูกศิษย์ที่เก็บมาจะขอฝากไว้กับท่านถึง1 ไตรมาส แต่ว่าส่วนมาก ท่านจะไม่ค่อยสั่งให้ทำ ไม่ใช่ว่าไม่ดี แต่เนื่องก้อนหินในลำธารธรรมชาติไม่มีเอกลักษณ์ เพราะเกรงว่าคนจะเอาไปวางไว้ไม่รู้เรื่อง และลืมเสีย นอกจากคนที่ท่านพิจจารณาแล้วว่า เขารู้ และเข้าใจตรงนี้ท่านจึงสั่งให้ไปเก็บมาให้ท่านอธิษฐาน
บางครั้งมีคนมาหา เพื่อจะขอมวลสารของท่าน บางทีท่านก็สั่งให้ไปเก็บหิน งมทราย ในลำธารมาทำมวลสารสร้างพระก็มี โดยเฉพาะในยุคจตุคาม-รามเทพกำลังฮิตๆ มีคนมาขอมวลสารจากหลวงปู่ท่านหลายคน ท่านก็สั่งว่าให้ไปงมทรายในลำธารมา ท่านจะเสกให้ พอเก็บมาเสร็จ บางครั้งหลวงปู่ท่านก็บอกว่าให้เอาไปวางไว้กลางวัดบ้าง บางไว้ใต้ต้นไม้บ้าง เป็นเวลา 3 วัน ก่อนจะเอากลับไปแล้วค่อยเอาขึ้นมาท่านอฐิษฐานจิตอีกรอบ เป็นใช้ได้ รวมความแล้ว หากเม็ดหินในลำธารไม่ดีจริง หลวงปู่ท่านคงไม่สั่งให้เก็บเอามาเสกหรอกครับ พระอริยระดับหลวงปู่พิศดู เรื่องพลังงานนั้นเป็นสิ่งที่ท่านย่อมทราบดีกว่าใครๆครับ.. สาธุ

 

ได้รับข้อมูลมหาปฐวีธาตุแล้ว โอ้..น่าสนใจมาก.. ขอบคุณ คุณทุเรียนทอดมากๆครับเดี๋ยวผมจะเอาไปใส่กรอบให้ก่อน ผู้ทีประมูลได้ไป ก็สามารถแขวนได้เลย

 

เพิ่งกลับจากถวายภัตตาหารเช้าที่ สำนักสงฆ์สิริจันโทครับ วันนี้หลวงปู่มาโปรดอีก1องค์ครับ หมายเลข๗๑ (รวมได้ ๘ )เป็นมงคลมากๆ มอบโดยคุณพี่เล็กแห่งร้านเชอรี่ ตลาดน้ำพุ และคุณครู รศ.อัญชลี ไปค้นหิ้งพระได้ประคำมือมาอีก 1 พานเล็ก มอบให้อีก ขออนุโมทนาอย่างยิ่งครับ

 

เกือบลืมครับ ยังมี 4 หู 5 ตา พิมพ์ใหญ่ ครูบากฤษดา หมายเลข ๙๗ ผู้มอบให้คือ คุณฉัตรชัย นวมนิ่ม หรือ NUAMNIM 1 ขออนุโมทนาอย่างยิ่งครับ

 

@คุณ Paiboon K : ขออนุญาตฝากรูปไว้ก่อนครับ วันจันทร์จะจัดส่งพระไปให้ทางEMS พระชุดนี้ ปี๕๔ ผมขอแบ่งมาจากสายตรง ผมรับประกันแท้ให้ครับ

 

พระสิวลี (หลวงพ่อรวย) หลวงปู่ทา วัดถ้ำซับมืด องค์ที่ ๑

 

พระสิวลี (หลวงพ่อรวย) หลวงปู่ทา วัดถ้ำซับมืด องค์ที่ ๒

 

โอ้โฮ รายการมากมายจริงครับ ท่านสมาชิกคงได้นั่งน้ำลายไหลกันหลายท่าน เพราะมีหลายรายการครับที่หายากและไม่เคยมีเข้างานประมูล สำหรับท่านสมาชิกใหม่คงมีหลายรายการครับให้ร่วมบุญกันเคาะราคากันแบบไม่ต้องเกรงใจสมาชิกเก่า ใจสู้ลงได้เลยครับเพราะว่าใกล้เวลาประมูลแล้ว ได้บุญได้วัตถุมงคลเป็นของขวัญด้วย เรียนเชิญทุกท่านอีกครั้งครับ

 

(ping-love(ping-love(ping-love(ping-love(ping-love(ping-love

 

มาแล้วครับบบบ..รายการประมูลที่ทุกท่านรอคอย รายการประมูลประจำวันจันทร์ที่ 7 ตุลาคม 2556
ชุดที่ 1 รายการที่ 1-10 ปิดประมูลเวลา 21.00 น. มีต่อเวลาภายใน 5 นาที จนกว่าไม่มีผู้เสนอราคาสู้
ชุดที่ 2 รายการที่ 11-20 ปิดประมูลเวลา 22.00 น. มีต่อเวลาภายใน 5 นาที จนกว่าไม่มีผู้เสนอราคาสู้ เช่นกัน

 

เดี๋ยวขออนุญาตลงภาพไปก่อนนะครับ ต้องขออภัยเนื่องจากไม่ค่อยคล่องตัว ประมูลงานหน้าจะเก่งกว่านี้ครับบบบ ทุกท่านชมไปก่อน อย่าเพิ่งให้ราคานะครับ

 

รายการที่ 1 ขออาราธนาพระบูชา 5 นิ้วหลวงปู่พิศดู เปิดงานประมูลมหากุศลครั้ง
นี้ พร้อมด้วยประคำมือ และ ลูกแก้วสารพัดนึก ที่หลวงปู่เสกไว้ครับบบบ เปิดที่ราคา 14,999 บาท ครับ

 

รายการที่ 2 ล็อกเก็ตมหาโภคทรัพย์ +สร้อยข้อมือเขียว ครับ เปิดที่ราคา 3,999 บาท ครับ

 

รายการที่ 3 เหรียญรุ่น 1 มาพร้อมลูกแก้วสารพัดนึก อีก 1 ลูกครับเปิดที่ราคา 2,399 บาท ครับ

 

รายการที่ 4 พระผงขุนแผนพุทธมงคล +ประคำมือจีน +ธนบัตรเสกราคา 20 อีก 1 ฉบับ ครับ เปิดที่ราคา 1,999 บาท ครับ

 

รายการที่ 5 พระอุปคุตจิ๋ว เนื้อทองเหลือง+ประคำคอ+ธนบัตรเสกฉบับราคา 20 ครับ เปิดที่ราคา 1,399 บาท ครับ