เรื่องนอกกรอบ

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย 2554, 21 มิถุนายน 2013.

  1. เทวะทะตะ

    เทวะทะตะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    452
    ค่าพลัง:
    +172
    สัตว์โลกก็เลยเป็นสัตว์ที่มีกรรมเป็นของของตน มีกรรมเป็นผู้แจกแจง มีกรรมเป็นผู้พาไป มีกรรมเป็นแดนเกิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ (เผ่าพ้นธุ์แห่งอวิชชาความไม่รู้)
     
  2. โปเย

    โปเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,231
    ค่าพลัง:
    +964
    ชิพยันต์เป็นตาย


    รหัสจะเหมือนเส้นดีเอ็นเอยาวๆ ร้อนเย็นสลับ 01
    อะไรแบบนั้น เวลาร้อนกำเริบ ฝืนเอาเย็นข่มก็จะ
    ถูกเย็นเล่นงาน เวลาเย็นเล่นงาน เอาร้อนสลายก็
    จะถูกร้อนเล่นงาน (สายมันจะม้วนเป็นเกรียวได้)


    เวลาแก้ เจอเย็น สลายเย็น เจอร้อน สลายร้อน
    ทำไปเรื่อยๆ จนกว่าจะหมดทั้งสาย (ไม่รู้ยาวแค่ไหน)


    บางคนโดนสั้นๆ บางคนโดนยาวๆ ก็ต้องไล่แก้จนหมดทั้งสายชิพนั้น
    ถ้าคุณอยากแก้เองก็ลองดู บอกให้แค่นี้ละ ขอตัวไปทำธุระก่อนละครับ
     
  3. เทวะทะตะ

    เทวะทะตะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    452
    ค่าพลัง:
    +172
    เมื่อเรารู้เช่นนี้แล้ว ปัจจุบันของพวกเราทั้งหลาย ถ้ายังไม่แก้ไข ใครเล่าจะแก้ให้เราได้ ถ้าเราไม่แก้เองด้วยตัวเราเอง เช่นมนุษย์ต่างดาว เหล่าอื่น ภพภูมิอื่น ที่ต้องล้วนกลับมาเพื่อเกิดเพื่อแก้ไข ในสิ่งที่ตนเอง ได้เคย เลือกผิด มา
     
  4. เทวะทะตะ

    เทวะทะตะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    452
    ค่าพลัง:
    +172
    หมอไม่มีปัญหา แต่ปัญหาเกิดจากคนป่วย คนไข้ที่รอให้หมอรักษา
    ปัญหาของคนไข้ ก็ กลายเป็นปัญหาของหมอ รักษาหา ปัญหาหาย ป่วยไข้หาย
    หมอก็พลอยหมดปัญหาไปด้วย

    ปัญหาของญาติพี่น้อง ลูกเมืย ครอบครัว ก็ย่อมต้อง รับผิดชอบร่วมกัน ตามกรรมของเผ่าพันธุ์ ถ้าแก้ไขไม่ได้ ปัญหาก็จะยังเป็นปัญหาต่อไป

    จะหนีปัญหา อย่าตัดปัญหา อย่าตัดช่องน้อยแต่พอตัว นั่นเพราะเรา ล้วนเป็นมนุษย์ที่อยู่ในโลกเดียวกัน มีปัญหาได้เช่นเดียวกัน เมื่อเรา ไม่ทุกข์ คนอื่นยังทุกข์ แล้ว เราจะทนอยู่ เห็นคนอื่น อยู่ในทะเลทุกข์ ได้อย่างไร ตราบใดที่เรายังมีลมหายใจ มีชีวิต ที่ยังต้องกิน ต้องอยู่ กับเขาเหล่านั้น ถ้าไม่พึ่งพาอาศัยกัน เขาอาศัยพึ่งพา เราไม่ได้ เราพึ่งพากันไม่ได้ ใครเล่าจะมาช่วยเรา
     
  5. เทวะทะตะ

    เทวะทะตะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    452
    ค่าพลัง:
    +172
    หยินหยาง ร้อนเย็น ความสมดุลของรูปนาม
    ชายร้อน หญิงเย็น เป็นดั่งขั้วบวกขั้วลบ ที่แต่ละคนแต่ละขั้ว ก็ได้รับอิทธิพล บวกลบ จากสนามแม่เหล็กโลก จักรวาล สรรพสิ่งล้วนอยู่ภายไต้ ภายในสนามแม่เหล็กนี้
    ความสมดุล ทางสายกลาง หรือมรรคา ก็คือ การดำเนินชีวิตให้อยู่ใน ความสมดุลแห่งหยินหยาง หรือสนามแม่เหล็ก โลกวัฏฏะนี้นี่เอง
    การผสมผสานหยินหยาง เพื่อ ผลิต มนุษย์ คนใหม่ ก็เหมือนการยกระดับ ของพ่อแม่ เพื่อ ให้ได้ผลิดผล มนุษย์คนใหม่ที่ดีกว่า ที่พ่อแม่เป็นอยู่ นี่คือผลงาน ของ ธรรมชาติ ที่ เป็นการ ถ่ายเท ผสมผสานร้อนเย็นหยินหยาง เพื่อเป็นการปรับสภาพ ของรูปนาม เพื่อให้ สามารถ อยู่ได้กับโลกที่เปลี่ยนแปลงไป จะเห็นว่า ระดับรูปนามของมนุษย์นั้น มันจะอยู่ได้ก็ด้วย สมดุลของธรรมชาติโลกด้วย ถ้าเราทำลายธรรมชาติมากไป ความสมดุลไม่มีในธรรมชาติ ความไม่สมดุลนี้ ก็จะส่งผลให้ การผลิดมนุษย์รุ่นต่อไป ต้อง สร้างมาเพื่อ ให้อยู่กับโลกที่ไม่สมดุล เท่านั้น เหมือน ตุ๊กแกที่ ปรับเปลี่ยนสี พัฒนาร่างกาย เพื่อความอยู่รอด

    ดังนั้น ปัจจุบัน การพัฒนาโลก แก้ไขโลก เพื่อให้ธรรมชาติสมดุล ดูจะเป็นเรื่องที่สำคัญกว่า เรื่องอื่นๆ เพราะ ตามความเป็นจริง ถ้า โลกนี้ ไม่เอื้ออำนวยให้สัตว์โลกอาศัยอยู่ไม่ได้ สัตว?โลก ก็ จะ กลายเป็น สัตว?ในภพภูมิ หรือ สัตว์เดรัจฉานที่ สามารถคงทนสภาพ โลกนี้ ที่พออยู่อาศัยได้ ไต้ดิน ไต้น้ำ สัตว์หนังหนา ทนแดด ทนฝน ทนสภาพที่ไม่สมดุล นั้น
    มนุษย์ ก็ จะ หาเผ่าพันธุ์ที่ทนโลกไม่ได้ ก็อยู่อาศัยไม่ได้ อาจกลายพันธุ์ กลายร่างไป
    ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมา ล้วนแล้วเพราะ ความไม่รู้ การใช่ชีวิตที่ผิด ฝืนธรรมชาติ ของมนุษย์เอง ซึ่งจะเห็นว่า คนที่จิตใจดี ที่อยู่อาศัยของเขาก็ จะ เป็นธรรมชาติ
    คนที่จิตใจไม่ดี ที่อยู่อาศัยของเขาก็ จะไม่ค่อยสมดุล สมบูรณ์ หรือ ถ้าย้ายไปอยู่ที่มันที่มันสมบูรณ์ ก็ ไปทำลาย ความสมดุล ตรงนั้นให้ เสียไป
     
  6. เทวะทะตะ

    เทวะทะตะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    452
    ค่าพลัง:
    +172
    ในตึก ในเมือง ร้อนระอุ อากาศร้อน ดั่งไฟนรก
    ในห้องแอร์ เย็นเท่านั้น แต่แอร์ ก็ปล่อย ลมร้อนออกมาเพิ่มให้โลก อีก
    ซึ่ง ที่ไม่มีแอร์ ก็คือ ดั่งนรก ที่มนุษย์ต้องอาศัยอยู่ น้ำคลำ สกปรกติ อากาศเสีย นี่ก็คือ กรรมที่มนุษย์ รับเอง สุดท้ายเมื่อ ถึงที่สุด จะไม่มีแอร์ เพราะ จะต้องมาร่วมกันชดใช้ ในความผิด ที่เห็นแก่ตัว ร่วมกัน ดั่งน้ำที่เคยท่วมครั้งใหญ่ ซึ่งก็เป็นการเตือน ตอนนี้ก็ยังเตือน อยู่ แผ่นดินไหว ลมพายุ น้ำท่วม ภัยจากธรรมชาติ ซึ่งสาเหตุ ก็เพราะ มนุษย์ผู้ไม่รู้นี่แหล่ะ ที่เป้นคนทำตนเอง กรรมนี้มันไม่ไปไหน มันก็จะย้อนกลับมา สนอง ต่อต้นตอ ผู้กระทำ นี่เอง ไม่หยุดวันนี้ วันหน้า ก็จะไม่มีผลที่เปลี่ยนแปลง
     
  7. เทวะทะตะ

    เทวะทะตะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    452
    ค่าพลัง:
    +172
    สัมคม ความปลอดภัย ความสงบสุข การเชื่อใจกัน นำพากัน อยู่ด้วยชีวิตที่มีความสุขนั้น
    ต้องปฏิวัติ เปลี่ยนแปลง เสียแต่วันนี้ ด้วยตัวพวกเราเอง
    ก่อนที่จะสายเกินไป
     
  8. 2554

    2554 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    70
    ค่าพลัง:
    +719
    ลักษณะกระแสจิตของมนุษย์ต่างดาว

    ลักษณะกระแสจิตของมนุษย์ต่างดาว นี้จะแตกต่างจากมนุษย์ทั่วๆไป

    และภพภูมิประเภทอื่นๆ มนุษย์ต่างดาวนี้ น้อยคนนักที่จะได้รู้หรือได้พบ หรือได้เห็น

    ด้วยสภาวะจิตในด้านอภิญญาของเขามีอยู่ ในระดับโลกีย์วิสัย ดังนั้นผู้ที่จะมีโอกาสได้

    รับรู้หรือรู้เรื่องพวกนี้จะเป็นเฉพาะกลุ่มเฉพาะคน เพราะสภาวะความละเเอียดของจิตยัง

    ไม่พอที่จะสามารถจับกระแสของเขาเหล่านั้นได้ ถ้าต้องการรู้ว่า

    กระแสของมนุษย์ต่างดาวเป็นอย่างไร ลองไปเปิด youtube ดู อุกาบาต

    ที่เป็นข่าวตกที่รัสเซีย เมื่อต้นปีนี้ มา scan ดู จะรู้ว่า เป็นอย่างไร

    แต่ตามนุษย์ปล่าวๆ มองไม่เห็น จะเห็นแต่เป็นหินลูกไฟหล่นมาเฉยๆ นี้คือ กรณีหนึ่ง

    ที่เกิดขึ้นในโลกปัจจุบัน เหตุใด ถึงไม่มีการเตือนภัยในเรื่องนี้ ? ลองคิดดู ทั้งๆที่

    เทคโนโลยีในปัจจุบัน ก็สามารถ ตรวจจับได้ เหนือความคาดหมาย แปลกไหม?

    มันมาทำไม? .......

    จริงๆแล้ว โลกในปัจจุบัน เฉียดเรื่องภัยพิบัติหลายครั้งแล้ว

    ทั้งในและนอกโลก แต่ยังไม่ใช่ในยุคนี้ สิ่งศักดิ์สิทธิ์หลายๆด้าน

    ได้ ชะลอ และยับยั้งไว้ จะเป็นเหมือน ที่เจอแมมมอธ ในน้ำแข็ง

    หรือ ภูเขาไฟระเบิดทั้งบนบกและในทะเล แผ่นดินไหว หรือเปลือกโลกเคลื่นตัว

    หรืออื่นๆ ทำไมถึงมียุค จูลาสสิค หรือ มียุคน้ำแข็ง หรือ ช้างแมมมอธ

    ถูกแช่แข็งสดได้ยังไง ?

    โลกปั่นป่วนทางกายภาพ และภพภูมิ เพราะ อะไร? ............ต่อคราวหน้า ☺
     
  9. surachartnu

    surachartnu Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    9
    ค่าพลัง:
    +31



    กล่าวถึง รัตนชาติ หรือ อัญมณี

    ข้าพเจ้ามีข้อสังเกตมานานแล้วว่า ทำไม คนโบราณ โดยเฉพาะสถาบันชั้นสูง
    จึงนิยมนำรัตนชาติ มาประดับเครื่องทรง ของสูงในราชสำนัก
    ประดับยศเครื่องราชอิสริยาภรณ์ แม้การประดับถวายการสร้างพระ เจดียสถานก็มี
    ตัวอย่างเช่น อัญมณีประเภทนพเก้า เป็นต้น

    ๑) ว่ากันว่า ผู้ที่จะสมควรได้ครอบครองเป็นเจ้าของอัญมณีประเภทนพเก้า นั้น
    จะต้องเป็นบุคคล ผู้มีบุญบารมี จริงหรือ ? เพราะเหตุใด เกี่ยวข้องอย่างไร กับ
    มงคลจักรวาล หรือ สุริยะจักรวาลหรือเปล่า ? หมายถึงว่า บุคคลผู้ครอบครองได้
    จะต้องอยู่ในฐานะภูมิจิต เข้าถึงขอบขยายจักรวาลภูมิใช่หรือไม่ ?
    และหากปุถุชนธรรมดาสามัญ ใฝ่หานำมาประดับตกแต่ง
    จะเกิดทุกข์โทษหรือไม่ ประการใด ? (ที่ว่ามีความมงคล)

    ๒) กล่าวมาถึง รัตนมณีนพเก้า ทำให้นึกไปถึงคำว่า
    ดาวพระเคราะห์ เทวดานพเคราะห์ สวดนพเคราะห์
    ไม่ทราบจะมีความเกี่ยวพันกันอย่างไร หรือไม่
    ขอท่าน ๒๕๕๔ โปรดขยายความ

    ๓) รัตนชาติ อัญมณี เหล่านั้น ล้วนเป็นวัตถุธาตุ (รูปธรรม)
    จะมีความเหมือน หรือ แตกต่างอย่างไร กับ รัตนมณี
    ที่เล่ากล่าวกันว่า สมบัติของพญาจักรพรรดิราช
    อาทิ แก้วมณีโชติ (เป็นนามธรรม หรือเป็นอย่างรูปธรรม แตะต้องได้จริงๆ)
     
  10. surachartnu

    surachartnu Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    9
    ค่าพลัง:
    +31
    ธาตุกายสิทธิ์ มณีนาคา

    ในส่วนของ ธาตุกายสิทธิ์
    คำว่า แก้วเจ็ดสีมณีเจ็ดแสง หมายถึง มณีนาคา ใช่หรือไม่
    (ทำไมต้อง ๗ สี ทำไมต้อง ๗ แสง)

    ปัจจุบันมีวัตถุธาตุเหล่านี้มากมาย ท่านว่าผู้ที่ได้มีไว้ครอบครอง
    จะต้องเป็นผู้ที่มีความเกี่ยวเนื่อง จริงหรือไม่ เพราะเหตุไร
    และสามารถเปรียบคุณค่าได้เสมอรัตนชาติ อัญมณีได้หรือไม่ ?
     
  11. surachartnu

    surachartnu Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    9
    ค่าพลัง:
    +31
    พระธาตุเสด็จ

    ประเด็น พระธาตุเสด็จ มีของจริง ของปลอมมั้ย ?
    จากประสบการณ์ ข้าพเจ้าเคยมีเพื่อนญาติธรรมเข้าบวชอยู่ ๒ ท่าน
    ที่มีพระธาตุเสด็จในแต่ละวัน ๆ มากมายทุกวัน ๆ สามารถนำมาแจกจ่ายบูชากันได้
    องค์แรกทำการแจกจ่ายเพื่อสร้างบารมี อยู่ระยะหนึ่ง
    จนครูบาอาจารย์สั่งห้าม มิให้กระทำการต่อไปอีก จึงหยุดทำกิจนั้นแล้ว
    ข้าพเจ้าไม่รู้สาเหตุแท้จริงของการสั่งห้าม จนทุกวันนี้

    จึงขอเรียนถามความเห็น พระธาตุเสด็จ
    เป็นข้อคิดข้อธรรม จากท่าน ๒๕๕๔ ด้วยความเคารพ
     
  12. surachartnu

    surachartnu Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    9
    ค่าพลัง:
    +31
    องค์ใน กายทิพย์ ญาณแฝง

    องค์ใน กายทิพย์ ญาณแฝง ดวงวิญญาณแฝง คืออะไร
    บุคคลประเภทใด ที่จะเกี่ยวเนื่อง และมีคุณหรือโทษ อย่างไร หรือไม่ ประการใด
     
  13. Andromeda Galaxy

    Andromeda Galaxy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2011
    โพสต์:
    277
    ค่าพลัง:
    +314

    อย่าลืมเข้ามาโพสต่อนะท่าน
    กำลังอ่านเพลินๆ
     
  14. 2554

    2554 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    70
    ค่าพลัง:
    +719
    ๑) ว่ากันว่า ผู้ที่จะสมควรได้ครอบครองเป็นเจ้าของอัญมณีประเภทนพเก้า นั้น
    จะต้องเป็นบุคคล ผู้มีบุญบารมี จริงหรือ ?

    .....เป็นจริงตามนั้น.....

    เพราะเหตุใด.....เพราะโดยกฏของธรรมชาติแล้ว ทุกอย่างจะมีสมดุลซึ่งกัน

    และกัน ถ้าส่วนใดส่วนหนึ่งต่างกันแล้ว จะถูกปรับให้เท่ากันโดยอัติโนมัติ

    จากพลังของธรรมชาติ ในกรณีของคำถาม อัญมณีเป็นของสูง ผู้ที่จะได้

    ครอบครองย่อมต้องมีบุญบารมีหรือเหตุปัจจัยพอ คู่ควรสมน้ำสมเนื้อกัน จึง

    จะสามารถอยู่ครอบครองได้ ในกรณีนี้ใช้ได้กับทุกๆกรณีในโลก เพราะ

    ทุกอย่างอยู่ใต้กฎของธรรมชาติ เช่นในกรณีเนื่อคู่ หรือ คู่ชีวิต ทั้ง

    หญิงและชาย ก็เหมือนกัน ถ้า ฝืนธรรมชาติ ก็จะ มีเหตุให้ไม่สามารถอยู่

    ครองกันได้ ในส่วนของอัญมณี ถ้าผู้ครอบครองยังไม่คู่ควร ก็จะมีเหตุให้

    ไม่ได้ครอบครอง เช่น หาย ถูกขโมย หรือ อื่นๆ เพราะตนเองหมดบุญ

    หรือหมดวาสนาที่จะได้ครอบครอง ดังนั้นถ้าใครต้องการหรือปรารถนาในสิ่ง

    เหล่านี้ ต้องทำตนให้เหมาะสมที่จะครอบครอง ทำบุญเยอะๆแล้วอธิษฐานก็

    อาจจะสมปรารถนา.....

    เกี่ยวข้องอย่างไร กับ
    มงคลจักรวาล หรือ สุริยะจักรวาลหรือเปล่า ?

    ...มีความเกี่ยวข้องกันอยู่แล้ว ทั้งในระบบ หรือ เชิงลึก ให้โอกาสดีๆจะ

    มาเพิ่มให้ เด็ดดอกไม้ ยังกระเทือนถึงดวงดาว.....


    หมายถึงว่า บุคคลผู้ครอบครองได้

    จะต้องอยู่ในฐานะภูมิจิต เข้าถึงขอบขยายจักรวาลภูมิใช่หรือไม่ ?

    ....... นั้นส่วนหนึ่ง ส่วนหนึ่งได้จากเหตุปัจจัย หรือ วาสนาบารมีของแต่

    ละคน และ ส่วนหนึ่งได้ พรพิเศษ จากผู้ที่มีบุญญาธิการพิเศษ

    ก็จะสามารถได้ .......
    และหากปุถุชนธรรมดาสามัญ ใฝ่หานำมาประดับตกแต่ง
    จะเกิดทุกข์โทษหรือไม่ ประการใด ? (ที่ว่ามีความมงคล)

    ......ไม่เกิดทุกข์เกิดโทษ มีแต่คุณ อยู่ที่ว่า

    จะรักษาไว้ได้นานเท่าไร ......


    ๒) กล่าวมาถึง รัตนมณีนพเก้า ทำให้นึกไปถึงคำว่า
    ดาวพระเคราะห์ เทวดานพเคราะห์ สวดนพเคราะห์
    ไม่ทราบจะมีความเกี่ยวพันกันอย่างไร หรือไม่
    ขอท่าน ๒๕๕๔ โปรดขยายความ

    ...ไม่เกี่ยวกัน แต่เนื่องถึงกัน ส่วนหนึ่งเป็นรูปธรรม (มณีนพเก้า)

    ส่วนหนึ่งเป็นนามธรรม (เทวดานพเคราะห์) เนื่องกันนั้น เพราะ สีกายของ

    เทพหรือเทวดาเหล่านั้น จะคล้ายกันหรือเหมือนกันกับสีของอัญมณีเหล่านั้น

    แต่ถ้าจะลงละเอียดลึก ทุกอย่างจะเกี่ยวกัน สัมพันธ์กัน ในระดับนี้รู้แค่นี้

    พอ......


    ๓) รัตนชาติ อัญมณี เหล่านั้น ล้วนเป็นวัตถุธาตุ (รูปธรรม)
    จะมีความเหมือน หรือ แตกต่างอย่างไร กับ รัตนมณี
    ที่เล่ากล่าวกันว่า สมบัติของพญาจักรพรรดิราช
    อาทิ แก้วมณีโชติ (เป็นนามธรรม หรือเป็นอย่างรูปธรรม แตะต้องได้จริงๆ)
    ...ย่อมต่างกันแน่นอน แก้ววัตถุธาตุ กับแก้วมณีโชติ ต่างกันที่ความ

    หยาบ ละเอียด และ พลังของแก้ว

    ของละเอียดพลังจะมากกว่า เพราะเป็น

    ของทิพย์ ดังนั้นคำว่า สมบัติพระจักรพรรดิ นั้น ถ้าตามกฎของธรรมชาติ

    แล้ว ต้องเป็นของทิพย์เท่านั้น และผู้ที่จะรู้ได้ ความละเอียดของจิตต้อง

    สัมผัสความเป็นทิพย์ได้ด้วยถึงจะรู้

    แต่ในกรณีที่เป็นวัตถุธาตุหรือเป็นรูปธรรม ถ้าผู้ที่ครอบครองนั้น

    บุญวาสนาบารมี ถึงที่พระจักรพรรดิแล้ว วัตถุหรือสิ่งของเหล่านั้น

    จะมีพลังทิพย์ หรือไอทิพย์ ตามเจ้าของหรือผู้ที่ครอบครอง

    โดยอัติโนมัติ สิ่งเหล่านี้ โลกทิพย์เขารู้กันอยู่แล้ว ยกเว้น มนุษย์ ปุถุชน

    ที่จิตยังหยาบอยู่จึงไม่สามารถรู้ได้ เช่น รองเท้า เสื้อผ้า พาหนะ นาง

    แก้ว หรืออื่นๆ ดังนั้น คำว่า จักรพรรดิราช ไม่ใช่ว่า อุปโลกน์ กันขึ้น

    มาเอง ทุกอย่างมีธรรมชาติรองรับ และขึ้นอยู่กับว่ามีใครรู้ธรรมชาติตรงนั้น

    หรือไม่.........
     
  15. 2554

    2554 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    70
    ค่าพลัง:
    +719
     
  16. 2554

    2554 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    70
    ค่าพลัง:
    +719
    .........พระธาตุเสด็จ ก็ต้องมาดูว่า รู้ได้อย่างไรว่าเป็นพระธาตุ

    ดูเป็นไหม ดูอย่างไร ในกรณีที่ เจอกับตนเองนั้นใช่ แต่ถ้าในกรณีที่

    เขาเอามาให้ดู หรือ ในพระธาตุ ในเจดีย์ หรือ

    ในที่ต่างๆเราจะรู้ได้อย่างไร

    หรือเขาบอกว่า เป็นพระธาตุ ก็เชื่อตามเขา

    ศาสนาพุทธเป็นศาสนาแห่งปัญญา ต้องพิสูจน์ได้

    ไม่ใช่ศาสนาแห่งความงมงาย เชื่อตามๆกันไป

    ๒๕๕๔ จะแนะวิธีให้ พระธาตุ พระบรมสารีริกธาตุ หรือ

    อัฏฐิธาตุ จัดอยู่ในธาตุ กายสิทธิ์

    มีพลังในตนเองตามสภาวะธรรมของเจ้าของธาตุนั้น เช่น

    พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระสาวก

    พลังของพระธาตุนั้นย่อมมีความแตกต่างกัน การที่จะรู้ได้ว่า อันไหน

    เป็นของท่านใดหรือพระองค์ใด ต้องมีจิตละเอียด ในระดับ

    มหาสติปัฏฐานในชั้น ธรรมานุปัสนามหาสติปัฏฐาน จะสามารถแยกแยะได้

    แต่จะรู้ได้ในระดับพระสาวกเท่านั้น ถ้าสูงกว่านั้น

    ต้องขออนุญาตครูบาอาจารย์ ในที่นี้คือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า

    ในกรณีที่เรายังไม่ถึงขั้นนั้น และยังคาใจหรือสงสัย

    แนะนำให้ดังนี้ ให้อธิษฐานต่อหน้าพระ

    บูชาที่บ้าน หรือ ที่พระประธานในโบสถ์ ขอให้ได้รู้และประจักษ์กับตนเอง

    ในทางใดทางหนึ่ง เช่น ในความฝัน หรือ นิมิตในสมาธิ เพื่อปลูกฝัง

    ศรัทธากับตัวเราให้ได้ประจักษ์

    ในปัจจุบันนี้ พุทธศาสนิกชน ส่วนมากเลย เข้าใจผิดกันอย่างแรง

    ว่า พระองค์นั้นองค์นี้ กระดูกเป็นพระธาตุ ร่างกายไม่เน่า แล้วเข้าใจว่า

    สำเร็จอรหันต์ ตรงนี้ยังวัดความเป็นอรหันต์ไม่ได้ การจะวัดต้องวัดที่ความ

    เย็นของจิต ในระดับ ธรรมธาตุเท่านั้น หรือ ความดับของกิเลส

    ถึงจะถูกต้องตามโลกบัญญัติ มีพระประเภทนี้ ตกนรกมากมาย

    ถ้าอยากพิสูจน์ ลองเอาชื่อของ พระเหล่านั้นมาบริกรรม หรือ ภาวนาดูสิ

    พอภาวนาถึงจุด จะรู้ได้เองว่า เป็นอย่างไร....
     
  17. 2554

    2554 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    70
    ค่าพลัง:
    +719
    ......ที่เหลือจะทยอยตอบให้ รู้สึกว่า จะเยอะและก็ยาว..........
     
  18. diya

    diya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,950
    ค่าพลัง:
    +13,031
    มาเจอกระทู้นี้แบบบังเอิญที่ไม่บังเอิญอีกแล้ว ติดตามตอนต่อไปนะคะ (f)
    ขออนุโมทนาบุญท่าน 2554 ด้วยค่ะ
     
  19. 2554

    2554 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    70
    ค่าพลัง:
    +719

    .........องค์ใน กายทิพย์ ญาณแฝง ดวงวิญญาณแฝง คืออะไร

    องค์ใน หมายถึง ภูมิโลกทิพย์ที่ ไปติดตามหรือคุ้มครอง บุคคล

    ที่เคยมีความเกี่ยวข้องกัน มาแต่ในอดีต หรือ เคยมีกรรมสัมพันธ์กันมา

    จึงเป็นเหตุให้ได้มามีความเกี่ยวข้องกันในภพปัจจุบัน หรือ

    ชาติปัจจุบัน โดยเฉพาะ ในยุคหลัง พ.ศ. ๒๕๐๐ เป็นต้นมา

    แทบจะทุกหย่อมหญ้า ต้นเหตุ หรือ มูลเหตุ เนื่องมาจาก

    ในช่วง หลัง พ.ศ. ๒๕๐๐ ศาสนาของท่าน สมณโคดม เริ่ม เสื่อม

    และ เกิด ความวุ่นวายทั่วโลก ภิกษุ หรือ พุทธบริษัท ในยุคนั้น

    เริ่มเละ

    และ ประกอบกับ มีพวกที่อยู่ในอบายภูมิ ขึ้นมาเยอะ ก่อความวุ่นวาย

    ทั้งในและนอกประเทศ เพราะ

    หมดยุคที่ มนุษย์จะรักษาพระศาสนาของท่านสมณโคดมไว้ได้

    เพราะคนที่รู้ธรรมหรือเข้าใจธรรมจริงๆ มีน้อยมาก ที่มีก็สู้ไม่ไหว

    จึงหลบอยู่ตามป่าตามเขา อยู่ในช่วงปลาย สำเร็จลุน ท่านมั่น

    (น้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ)

    ทีนี้ ข้างบนหรือเบื้องบน ก็ดูอยู่ พิจารณาแล้วก็ถึงช่วงถึงวาระของเหล่า

    โลกทิพย์ ที่จะต้องเข้ามาพยุงพระศาสนา หรือ กอบกู้พระศาสนา

    (ตอนนั้นเราเกิดอยู่ต่างประเทศ)

    บรรดาเหล่า พระโพธิสัตว์ทั้งหลาย และโลกทิพย์

    นำทีมโดยพระศรีอาริย์

    บรรดาโลกทิพย์เหล่านั้นก็ลงมาช่วย แต่ด้วยเหตุที่ว่า มนุษย์ในยุคนั้น

    ยังมีความละเอียดไม่พอที่จะรับรู้ถึงภพถูมิเหล่านั้น จึงต้องมาในแบบ

    ร่างทรง ครั้นพอลงมาแล้ว หรือ ลงมาช่วย พวกที่เป็นสัมมาทิฏฐิ

    ก็จะช่วยแบบไม่หวังผลตอบแทนและไม่เลือกที่รักมักที่ชัง

    แต่พวกมิจฉาทิฏฐิก็จะตรงกันข้าม เกิดหลอกลวง หากินกัน เป็นมิจฉาชีพ

    แทนทีจะดีขึ้น กับ เละลงไปอีก (พระศรีอาริย์ เอาไม่อยู่)

    ดังนั้น มนุษย์ที่มีภพภูมิอยู่ด้วยและได้แสดงออกมาให้ได้รู้

    เรียกว่า คนมีองค์

    จริงๆแล้วมนุษย์ทุกคน จะมีภพภูมิที่เกี่ยวข้องกันคอยดูแลอยู่

    เช่น เคย เป็น

    พ่อ เป็นแม่ เป็น ลูก เป็น ครูบาอาจารย์ เป็น ผัวเป็นเมียกัน

    หรือเป็นคู่ครองกัน หรืออื่นๆ แต่เขาไม่แสดงให้ได้รู้ ยกเว้น

    ไปเจอสายครูบาอาจารย์ในสายเดียวกันหรือสายวิชาเดียวกัน

    จึงแสดงออกให้ได้รู้เในอาการทางกายต่างๆนานา แต่ละรายจะไม่เหมือนกัน

    ครูบาอาจารย์ในที่นี้ ได้แก่ ฤาษีต่างๆ ใน ๑๐๘ ตน หรือ พ่อแก่ สูง

    สุดจะได้แก่ บรมครูฤาษี เป็นเจ้าแห่งฤาษีทั้งปวง

    ตามสายวิชา และ เรียกว่า เป็น ตำหนัก หรือ สำนักทรง มีพิธีการ

    ครอบครู ไหว้ครู หรือ รับขันธ์ ๕ ต่างๆ อันนี้ในด้านสัมมาทิฏฐิ


    เป็นการแสดงความยอมรับนับถือกัน แต่ถ้าเป็นมิจฉาทิฏฐิ จะเป็นไสยเวทย์

    มนต์ดำ ต่อคราวหน้า.........
     
  20. 2554

    2554 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    70
    ค่าพลัง:
    +719
    ๒ ........

    การประทับทรง และ ญาณแฝง เป็นอย่างไร

    เมื่อภพภูมิ จะใช้ร่างกายของมนุษย์ ในการสื่อนั้น จะใช้อำนาจพลังจิต

    ของภพภูมินั้นๆ บังคับ จิตของมนุษย์ผู้นั้นให้มีอาการทางร่างกายตามที่ภพ

    ภูมินั้นๆต้องการ แต่ถ้ามนุษย์ผู้นั้น มีพลังจิตอยู่บ้าง

    และไม่ยอมรับหรือต่อต้าน

    ก็จะเกิด อาการทางร่างกาย ต่างนานา หรือมีแรงปะทะ

    เกิดกับร่างกายหรือจิตใจของมนุษย์ผู้นั้น

    สุดท้ายสู้อำนาจพลังจิตของภพภูมินั้นๆไม่ได้

    จึงถูกจับเป็นร่างทรงของภพภูมินั้นๆ ในกรณีนี้ จะใช้กับผู้ที่มีสมาธิจิตดี

    หรือฝึกในด้านสมาธิในระดับที่เป็นฌาณหรือแก่กล้าไม่ได้ ยกเว้น

    ภพภูมินั้นๆจะอยู่ในฐานะครูบาอาจารย์ หรือมีสภาวะธรรมสูงกว่า

    แต่ท่านจะไม่ประทับทรง ตรงนี้ให้จำไว้เลย ระดับ

    พรหมที่มีสภาวะธรรมในระดับโลกุตระขึ้นไป จะไม่ประทับทรง


    จะไม่ประทับทรง แต่จะเป็นในลักษณะญาณแฝง หรือ ดลจิตดลใจ

    ถ้าเป็นปู่ฤาษี หรือ พ่อแก่

    แต่ละตำหนัก หรือ สำนักทรง ระดับของฤาษีเหล่านี้ จะอยู่ในขั้น

    โลกียะ คือ ยังมี อิทธิฤทธิ์ ปาฏิหาริย์ มาเกี่ยวข้อง แต่ก็จะแยกไปอีก

    ว่าเป็นสัมมาทิฏฐิ และ มิจฉาทิฏฐิ ส่วนใหญ่ พระโพธิสัตว์

    จะเป็นฝ่ายแรก พอบุญบารมี และสภาวะธรรมถึงเกณฑ์ ก็ถูกจัดในระดับ

    ๑ ใน ๑๐๘ ฤาษี โดยอัติโนมัติ เป็นที่มาของ ฤาษีโพธิสัตว์

    ส่วนจะชื่ออะไรนามอะไร ก็ว่ากันไป


    ทีนี้หลายตนคงจะเคยได้ยินว่า ทรงพระพุทธเจ้าบ้าง พระศรีอาริย์บ้าง

    กวนอิม ร.๕ ปู่ฤาษี เจ้าองค์โน้น เจ้าองค์นี้ หรือ ชื่ออื่นๆ

    ๒๕๕๔ บอกไว้เลย ไม่มี พระพุทธเจ้า พระองค์ใด ท่านมา

    ส่วนใหญ่เลย

    จะเป็นระดับหางแถวแล้วแอบอ้าง ส่วนตัวจริง ท่านก็ดูอยู่ มองดูอยู่

    พระศรีอาริย์ที่ทรงจริงๆมีอยู่ แต่เชื่อได้เลย ไม่มีใครดูออก

    แต่ตอนนี้ ถูกจัดระเบียบหมดแล้ว ยกเว้นพวกที่ดื้อ

    สรุุปคือ เทพหรือ เทวดาต่างๆ ฤาษีระดับโลกียะ ที่เป็นสัมมาทิฏฐิ

    ยังประทับทรงอยู่ แต่จะไม่เบียดเบียน

    มนุษย์ มาช่วยอย่างเดียว และไม่หวังผลตอบแทน

    คราวนี้ มาถึงจ้าวไม่มีศาล หรือ เจ้าที่เจ้าทาง หรือ ม้าทรง

    ตามเทศกาลของจีนต่างๆเช่น เทศกาลกินเจ

    จ้าวไม่มีศาล คือ พวก สัมภเวสี และ อสุรกาย และบริวารได้แก่

    (พวกผีตายโหง)ที่มี ฤทธิ์มีเดช

    ด้วยตกอยู่ในบ่วงกรรม จึงต้องมาอยู่ในภพภูมินี้ พวกนี้จะ

    มีพวกของเซ่นไหว้ เช่น เหล้า หมูต้ม ไก่ต้ม ขนมต้มแดง ขนมต้ม

    ขาว ข้าวปากหม้อ ผลไม้ต่างๆ

    เป็นเครื่องสังเวย หรือ บัตรพลี

    พวกนี้เวลาเจอ คน หรือ มนุษย์ ที่มีพลังจิตอ่อนแอ หรือ

    มีเคราะห์มีกรรม หรือ ในช่วงดวงตก หรือ เจ็บไข้ได้ป่วย

    หรือ หมดอายุ

    จะเข้า มาแทรก หรือ แฝง เรียก ผีซ้ำด้ามพลอย ถ้ารักษาไม่ได้

    หรือ แก้ไม่ได้ ก็จะถูกผีเข้า และก็ตายไปในที่สุด ตายไปก็ไปเป็นสัมภเวสี

    หรือ บริวาร ของพวกนั้น หรือ ไปตามกรรม


    ส่วนญาณแฝงอีกประเภท เช่นพวกมีญาณ ตาทิพย์ หูทิพย์

    หมอดู หมอผีทั้งหลาย ตรงนี้ ส่วนหนึ่งเกิดจาก ภพภูมิ และ

    ตัวของผู้ปฏิบัติ แต่จะอยู่ในระดับ เทวดา ใน ๖ ชั้นแล้วแต่

    เหตุปัจจัยของ เทวดา และ มนุษย์ผู้นั้น แต่ตรงนี้จะต่างจากระดับสูงคือ

    จะต้องมีลาภสักการะ บนโน่น บนนี่ ให้หวย บอกเลข เกี่ยวข้องกับ

    ความเป็นอยู่ เรื่อง สุขภาพ อาชีพ การงาน คู่ครอง การศึกษา

    ลาภ ยศ หรือ อื่นๆ มาเกี่ยวข้อง แต่ถ้าระดับสูงจะเน้น

    การถือศีล ทำบุญทำทาน เจริญภาวนาเป็นหลัก


    คราวนี้ มาถึง ภาษาเทพ ที่หลายๆคนกำลังสนใจ

    ภาษาเทพ มีจริงมั้ย? ......มีจริงตามนั้น

    แล้วเทพคุยกันเป็นภาษาอันเดียวกันทั้งหมดหรือ ? ......ใช่จะมีภาษากลาง

    แต่เป็นเทพที่อยู่ในระดับ สวรรค์ทั้ง ๖ ชั้น แต่ถ้าระดับสูงกว่านั้น

    จะใช้จิตคุยกัน หรือ สื่อถึงกัน นั้นคือ คุยกันในใจ ก็รู้ก็เข้าใจ

    นั้นคือ ระดับพรหมขึ้นไป

    และเทพแต่ละระดับชั้น ก็จะมีภาษาของแต่ละชั้น กันไปอีก

    เหมือน ในประเทศไทย มีทั้งภาษากลางและภาษาถิ่น

    สุดท้ายมันก็คุยรู้เรื่องกันจนได้

    น่าจะมองภาพรวมได้เข้าใจมากขึ้น หมั่นทำบุญทำกุศล

    ผลบุญจะป้องกันสิ่งไม่ดี พวกผีเข้า ผีแทรก และสิ่งอัปมงคล

    เหล่านี้ได้ แต่ถ้าในระดับสูง

    ก็ขึ้นอยู่กับเหตุและปัจจัยของแต่ละคน

    (ความจริงมันเรื่องเยอะแต่ขี้เกียจพิมพ์)

    อย่างแถวบ้าน ๒๕๕๔ มีตำหนักท้าวมหาพรหมอยู่ เราก็ผ่านไปผ่านมา

    ตอนหลังเปลี่ยนเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม

    ใครที่รู้จัก สำนักทรงที่เขาว่า เก่งๆ จัดๆ แนะนำให้ ๒๕๕๔ รู้บ้างก็ดี

    ...........
     

แชร์หน้านี้

Loading...