" ปอบ " คืออะไร ? อาถรรพ์ ความเชื่อ เรื่องผี!!

ในห้อง 'Black Hole' ตั้งกระทู้โดย กาลีนะ, 27 เมษายน 2013.

  1. กาลีนะ

    กาลีนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +4,297
    :':)':)':)':)'( นี้ไม่ใช่ร้องไห้เสียใจนะคะ นี้คือร้องไห้เพราะดีใจที่พี่ระมิงค์มาเยี่ยมที่กระทู้หนูคะ ...... ที่เปลี่ยนชื่อใหม่เพิ่มไม่ใช่อะไรหรอกคะ " หนูขี้เกรียจตั้งหลายอันคะ " มันเยอะแหละตัวเองจะงงคะ ... คิดว่าทำแบบนี้ใครเข้ามาอ่านจะได้อ่านทีเดียวไม่ต้องไปตามหาหลาย ๆ กระทู้จะได้คุ้ม ๆ คะ ยุคนี้เราต้องช่วยกันประหยัด .. แถมเป็นการช่วยเว็ปประหยัดทรัพย์ยากรด้วยนะคะ ...

    ..... เพราะเรื่องเล่าก็มีเยอะด้วยคะ เพราะพ่อหนูเขาทำหลายอาชีพมาก ... ทั้งเป็นช่างซ่อมรถอันนี้งานหลัก , งานอดิเรกสมัยก่อนแกจะเดินสายหาพวกของขลัง จำพวกกันปืน คุณวิเศษ อะไรเทือกนี้ไปขายให้นายฝรั่งบ้าง คนไทยบ้าง เจ้านายใหญ่ ๆ บ้าง อีกทั้งเป็นความชอบส่วนตัวด้วยคะ แกไปหมดแหละคะที่แกอยากจะไปขนาดแกขาหักไปสี่ท่อนข้างซ้ายข้างเดียวเดินก็ยากแกยังดั้นด้นไปแคว้นสิบสิงปันนาไปตามหาพวก " คนข่า " เพื่อหาคุณวิเศษแห่งการอยู่ยงคงกระพันไม่ได้ไปแบบไฮโซนะคะ .... ไปแบบโลโซนี้แหละคะเดินเท้าเข้าไป เอาไว้จะเล่าให้ฟังนะคะ .... แม้แต่ภูเขาควายแกก้ไป ... ตอนแรกว่าจะตั้งกระทู้ว่า " เรื่องเล่าของพ่อ " ดีไหม๊ แต่ตอนนี้ก็ไม่ค่อยได้เจอกันแล้วไงคะจะมีแต่เรื่องอดีตเท่านั้นเลยเอาลงในนี้ดีกว่าสลับกันแค่สองกระทุ้ ...
     
  2. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,553
    ค่าพลัง:
    +18,998
    เคยนึกอยู่ว่าถ้าวิชาแก่กล้าแล้วอยากจะไป ทุ่งใหญ่นเรศวร กับหลวงพ่อเทพฯ เพื่อนมาบอกว่ามันเหลือแต่ด้านหน้าให้ดูเป็นป่า ข้างในโล้นเลี่ยนไปหมดแล้วจ้า...
    นึกไปว่าถ้าอย่างนั้นก็ยังมีที่ให้ไปคือ ภูควาย และ ป่าศรีเทพฯ

    ป่าศรีเทพฯนี่เดิมเป็นเมือง และเมืองนี้ต้องล่มสลายไปภายในคืนเดียว เกิดอาถรรพ์ขึ้นมากมายในนั้น ชาวเมืองในยุคนั้นมีจำนวนมากที่กลายเป็นผีดิบจนทุกวันนี้ ชาวบ้านยังไม่กล้าเข้าไปใกล้ แต่พวกฝึกไสยศาสตร์อาคมชอบไปกัน เพื่อไปลองวิชา ใครรอดมาได้ก็สอบผ่าน รอดไม่ได้ ไม่บ้า ก็ ตาย...
    สมัยหลวงพ่อเทพฯเข้าไปที่ป่านี้ ท่านอธิษฐานถึงสมบัติเก่าท่าน สมบัติเก่าก็ผุดขึ้นมาจากดิน ท่านหยิบมาเพียง 2 ชิ้นคือ ลูกแก้ว ออกเขียวๆหม่นๆ ลูกหนึ่ง กับพระพุทธรูปโลหะ องค์หนึ่ง
    หลวงพ่อเทพฯ ท่านเป็นพระอภิญญา ที่หาได้ยากแห่งยุค สำเร็จวิชาปรอท เล่นแร่แปรธาตุได้ เวลาพูดถึงเรื่องที่ท่านไปเจออะไรในป่าบ้าง ท่านไม่ค่อยยอมเล่า ท่านว่าเล่าไปมันก็เหลือเชื่อ สู้ไม่เล่าเสียดีกว่า...
     
  3. กาลีนะ

    กาลีนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +4,297

    ... มันเป็นแนวทางออกวิทยาศาสตร์คะ เป็นสารเคมีบางชนิดที่ทำปฏิกิริยากัน .. พ่อเคยสอนเรื่อง เหล็กไหล หินกินเหล็ก หินเปียก ฯ เพราะแกเคยไปเสาะหามาเหมือนกันเพื่อขายให้นายฝรั่ง ที่ตามเจอก็มีหลายสถานที่แต่ส่วนมากจะเป็นที่มีเจ้าของ พ่อบอกว่าเป็นเหมือนพวกสายแร่ ยูเรเนียม อะไรนี้แหละคะพวกเล่นแร่แปรธาตุจะชอบกัน พ่อเขาไม่ค่อยชอบสายนี้คะ บางทีพอขายได้แล้วตัวหารมันเยอะแกไม่ชอบคนมาก .. ถ้าเป็นสาย เหล็กไหล พ่อแกสู้ตายเพราะแกหลงไหลมันมาก .. ด้วยเมื่อครั้งหนึ่งเคยมีคนทำนายว่าแกจะได้เป็นเจ้าของมัน .. แล้วแกก็เชื่อแกทุ่มเทตามหามันมาหลายสิบปีจนหมดสิ้นทุกอย่างทั้งครอบครัวแกก็ยังไม่เลิกความฝันนี้ แต่เพราะแกอายุมากแล้วเดินเหินลำบากเลยไม่ค่อยได้ไปไหน .. ส่วนมากจะมีคนมาหาแกที่บ้านมากกว่าเพราะแกถือว่าเป็นผู้มีความรู้มากคนหนึ่งเลยทีเดียวในเรื่องจำพวกนี้ บางทีก็มีคนมารับตัวแกไปเพื่อดูทดสอบของว่าจริง หรือ ปลอม ... หนูยังคิดอยู่ว่าถ้าตอนนั้นไม่เกิดเหตุการณ์ร้าย ๆ กับครอบครัว ... พ่อคงจะสอนอะไรหนูมากกว่านี้คงจะได้ความรู้อะไรเยอะแยะตอนนี้ก็อาศัยศึกษาหาความรู้เองคะ .... และ เอาความรู้ที่ได้มาถ่ายทอดให้คนที่มาอ่านกระทู้ได้เรียนรู้ไปด้วยกัน ...

    ... เพราะชีวิต คือ การเรียนรู้ ..
    :cool::cool::cool:
     
  4. กาลีนะ

    กาลีนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +4,297

    ... โหหหห เรียกซะ ท่านศาสตราจารย์ เลยนะคะ ... หนูคงไม่อาจเอื้อมขนาดนั้นหรอกนะคะ มันสูงเกินไปสำหรับหนูคะ .. หนูเป็นเพียงคนชอบศึกษาหาความรู้ในสิ่งที่สนใจ แต่ไม่ใช่ไปเรียนวิชาพวกนั้นหรอกนะคะเพราะความสามารถไม่ถึงระดับที่จะเข้าไปเรียนลึกซึ้งแบบนั้น .. บอกตามตรงคะ คุณสมบัติไม่พอ .. แต่ด้วยความเป็นคนใฝ่รู้ค้นไปค้นมาก็พบว่ายังมีเพื่อน ๆ อีกหลายคนที่ยังไม่รู้เราน่าจะเอาส่วนที่เป็นประสบการณ์ของเรามาแชร์ให้เพื่อน ๆ พี่ ๆ ได้รู้บ้างนะคะ .. ความจริงประสบการณ์ยังน้อยกว่าอีกหลายท่านในนี้ด้วยซ้ำไปคะ ... :cool::cool:
     
  5. กาลีนะ

    กาลีนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +4,297
    ... ถ้าหินลักษณะแบบนั้นมีเยอะคะ 555555 พ่อชอบเอามาหลอมด้วยไฟแก็สให้เป็นก้อนคล้ายรูปลักบี้เอาไว้ให้เราเล่น .. พ่อบอกว่าหินแบบนี้มีคนเขาเอาไปหลอกขายเยอะแยะเลยว่าเป็นเหล็กไหล แถมมีคนหลงเชื่อซื้อไปด้วยสิคะ ... มันเป็นเล่ห์เหลี่ยมของพวกนักล่าของพวกนี้แหละคะ .. ส่วนเหล็กไหลที่เป็นของจริงที่พ่อแกไปทดสอบมาในเขตภาคอีสานเห็นจะเข้าเค้าก็ที่บุรีรัมย์แหละคะแต่เจ้าของเขาหวงมาก ๆ ไม่ได้เข้าใกล้ของเขาหรอกคะ เพราะพ่อเคยไปมาแล้วไม่รู้แกไปพูดกับเจ้าของเขาอีท่าไหนเขาเลยให้แกดูแล้วแกก็ยืนยันกับหนูว่าสิ่งที่พ่อไปเจอมาเป้น เหล็กไหลของแท้แน่นอนมันเป็นมรดกของเจ้าของเขา หนูเองก็ทราบแค่นี้แหละคะ .. เพราะพ่อมีแค่ " ขี้เหล็กไหล " เท่านั้นในตอนนี้ ..
     
  6. กาลีนะ

    กาลีนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +4,297
    ... ที่บ้านคนที่เหล็กไหลเขาไม่มีภูเขาหรอกคะ .. แต่ไม่ขอบอกว่าอำเภออะไรเพราะพ่อบอกมาเหมือนกันแต่ในเมื่อเจ้าของเขาหวงเราก็ต้องเคารพในจุดนี้ไป

    ... ถ้าลักษณะที่บอกมาเขาน่าเรียกว่า " ขี้เหล้กไหล " นะคะ เพราะพ่อก้เอาอันนี้แหละมาเป่าไฟให้กาลีนะเอามาเล่นตอนเด็ก ๆ มีอยู่เยอะคะถ้าขี้เหล็กไหล แค่คุณประโยชน์ไม่ทราบคะ ... พ่อได้มาขนาดเท่ากำมือผู้ใหญ่ได้ตอนแรกเป็นก้อนขรุขระสีดำ ๆ เป่าไฟแล้วหลอมได้ด้วย .. อันนี้มีรุปแต่ว่ามันเป้นแท่งคะ พ่อให้มา ไม่ทราบว่าลักษณะแบบนี้หรือเปล่าคะ .. องค์นี้มีคุณทาง ออกแนวป้องกันตัว // มีกระแสคงกะพัน // คงกระพันอายุยืน .. พ่อแกให้ลูกชายกาลีนะคะ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  7. กาลีนะ

    กาลีนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +4,297
    ... ถ้าคุณพญายมมีความมุ่งมั่นขนาดนี้ กาลีนะ แนะนำว่า ..ลองไปคุยกับพ่อกาลีนะเองไหม๊คะ ... ว่าท่านพอจะรู้จักไหม๊ .. เพราะการจะทำงานแบบที่คุณต้องการไม่มีใครเขาทำให้ฟรี ๆ หรอกนะคะ .. เพราะถ้าขั้นจะหาคนมานั้งดูเหล็กไหลของพระอาจารย์มั่นที่ท่านโยนลงไปในแม่น้ำโขง .. คงต้องใช้ผู้ที่มีตบะสูงมากจริง ๆ พอที่จะล่วงละเมิดกฏระหว่างภพภูมิได้ และ ตัวผู้ร่วมกระบวนการก็คงพร้อมจะรับสภาพที่จะต้องเจออาถรรพ์เหล่านั้นให้ได้ ... ไม่ใช่แค่อาถรรพ์ของเหล็กไหล แต่รวมไปถึงอาถรรพ์ของแม่น้ำโขงซึ่งระดับคุณพญายมคงพอจะทราบดีอยู่แล้วว่าโลกใต้บาดาลนั้นมีอะไรอยู่นะคะ .. ถ้าสนใจจริง ๆ คนพร้อม ทุนถึง ก็จะลองถามพ่อให้นะคะว่าท่านจะเล่นด้วยไหม๊ เพราะทีมที่เคยไปขุดเหล้กไหลที่ภูเขาควายก็ตายไปสามคนพ่อเลยเลิกไปขุดเพราะแกก็กลัวตายอยู่ ( กาลีนะ ก็กลัวคะไม่อยากเสี่ยงถ้าไม่จำเป็น ) .. ถ้าโทติดต่อท่านให้คะเพราะมีไม่กี่คนในอีสานหรอกคะที่ทำได้ ... แต่ไม่รับปากว่าแกจะช่วยไหม๊ ..
     
  8. กาลีนะ

    กาลีนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +4,297
    ... ขอโทษนะคะ เรื่องมีปอบออกอาละวาดในหมู่บ้านเราเองที่ลงไปนะทุกคนอาจคิดว่าถูกจับไปหมดแล้ว ... ความจริงคือ ยังไม่หมดคะ ... พวกเขายังเหลืออยู่หลายตนเลยทีเดียว พระท่านได้ทำพิธีกันไว้ให้ชาวบ้านเฉย ๆ นะคะ ... ก็ต้องลุ้นกันต่อไปว่าจะมีเหตุการณ์ระทึกขวัญอีกหรือเปล่า ..
     
  9. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,434
    ค่าพลัง:
    +35,013
    นึกว่ากระทู้ ปอบกับผีซะอีก มาถึงเหล็กไหลซะงั้น..เด่วขอพูดไว้หน่อยนะครับเรื่องนี้และก็อยากจะฝากเตือนๆบางท่านอาจยังคาดไม่ถึงในบางมุม
    ปัจจุบันนี้ไม่ทราบเหมือนกันว่าแตกแขนง.ออกลูกหลานไปกันกี่แบบและประเภทนะครับ.
    แต่ประเภทที่พระอาจารย์ท่านหนึ่งเคยโยนลงน้ำไปตามตำนานนะครับ..อันดับแรกต้อง
    ทำความเข้าใจก่อนนะครับ.ว่าที่เหล็กไหลมาอยู่กับท่านก็เพราะบารมีเฉพาะตนจริงๆนะครับ
    และสิ่งที่อยู่ในเหล็กไหลแต่ละท่านก็ใช่ย่อย..มีฤิทธิ์มากนะครับ.เรื่องนี้ส่วนตัวเคยพิสูจน์และเคย
    ปะชาดะและสัมผัสกับท่านๆเหล่านั้นมาแล้วเนื่องจากว่ายังไม่ทราบนะตอนนั้น..

    .บอกได้เลยว่าพวกความสามารถพิเศษต่างๆพวกกสิณ คาถาต่างๆหรืออาวุธพิเศษอะไร
    ที่ใครก็ตามสามารถทำได้ทางภพภูมิเนี่ย..ที่เราสามารถใช้ป้องกันตัวจากพวก
    อสูรกาย ภูต หรือ หรือใช้สำหรับบางกรณีสำหรับสหเดอะปอบทั้งหลายแบบที่ต้องไม่จับ
    ใส่กระบอกไม้ไผ่ให้ยุ่งยากที่เล่าๆและนำมาในกระทู้ได้สบาย หรือใช้ซัดใส่พวกชอบโชว์พาว์เวอร์ยกกายทิพย์มาเล่นงานเรา
    แบบที่เป็นทางอกุศลจิตก็เอาไม่อยู่ครับ..เพราะท่านๆเหล่านั้นกดลงแบบนิ่มๆ.เย็นๆได้หมด
    เรื่องนี้ยืนยันหลังจากฉะกันหลายยกเพราะเข้าใจผิด. ก่อนจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร..
    จึงถึงบางอ้อ...และไม่ใช่ว่าจะไปหาบุคคลท่านใดเพื่อที่จะมาดูหรือเชิญให้ท่านๆเหล่านั้นในเหล็กไหลมาแสดงให้ดู.

    หรือเชิญมาอยู่ด้วยง่ายๆหากแม้บารมีมิเสมอเหมือนพระอารย์สายพระป่าผู้มากบารมีท่านนั้น
    ..เหล็กไหลแบบนี้ทั่วไปจะเรียกว่าเป็นประเภทเชิญมาด้วยญานบารมีของครูบาร์ผู้สามารถ
    ทำได้โดยท่านจะเป็นคนกลาง.ผ่านครูบาร์อาจารย์ทางภพภูมิก่อนว่า.จะให้เหล็กไหลไป
    อยู่กับบุคคลใดส่วนมากกรณีนี้คือมาร่วมสร้างบารมีร่วมกันโดยเป็นส่วนช่วยเสริมเรื่อง
    ฤิทธิ์เรื่องกำลังในการนำไปใช้งานต่างๆที่เป็นประโยชน์ในทางธรรมไม่เหมือนการไป
    บังคับตัดเหล็กไหลมา..แล้วสกดไว้ด้วยคาถาและยันต์ที่เกี่ยวกับพระจันทร์ข้างขึ้น
    ข้างแรมนะครับ..และปกตินิสัยท่านเหล่านี้ก็ชอบท่องเที่ยวเป็นปกติ
    .
    แต่การเที่ยวจะเป็นแบบไปเที่ยวแล้วไม่มีกำหนดกลับ.ต้องรอท่านมาเอง..หรือให้ครูบาร์โลก
    ท่านไปขอให้อาจารย์ทางภพภูมิไปตามกลับมาให้..แต่ต้องเข้าใจนะครับว่าต้องเป็นเรื่องที่
    ต้องค่อนข้างมีประโยชน์..แม้ทำได้ก็ต้องรอเวลาอีกซักระยะด้วยนะครับไม่ใช่ว่าจะกลับมาเลย
    ขนาดอาจารย์ทางโลกท่านยังต้องรอให้เหล็กไหลกลับมาเองเลยครับ...ไม่ต้องไปคิดถึงแบบที่ยอมมาอยู่กับพระป่ามากบารมีท่านนั้นเลยครับ

    ..ปกติการได้มาจากการเชิญเหล็กไหลแบบนี้จะต้องมียันต์สกดด้วยนะครับ..
    เพื่อกันท่านหนีไปเที่ยว..และเพื่อรอบุคคลที่เหมาะสมเพื่อมาสร้างบารมีร่วมกัน...
    ส่วนเรื่อง ยิงไม่เข้า หรือหนังเหนียว กันวิญญานได้เรื่องทำนองไม่ใช่ประเด็นหลัก
    และไม่ได้พิศดารอะไรเลย.เพียงแต่เป็นเรื่องที่บุคคลเข้าถึงได้ง่าย
    จึงเป็นที่น่าสนใจมากกว่า..เหมือนน้ำทะเลปกติยังไงก็เค็มฉันใด..
    แต่คนชอบดันไปมองว่าน้ำเค็มเป็นอะไรที่พิศดารฉันนั้น......
    และปัจจุบันนี้.เหล็กไหลที่พระอาจารย์ได้โยนลงน้ำไปนั้นผ่านมากี่ปีแล้ว.

    .อาจไปอยู่กับพระธุดงค์ท่านอื่่นๆที่บารมีเสมือนหรือบุคคลคนใด
    ที่ท่านที่อยู่ในเหล็กไหลอยากจะมาสร้างบารมีร่วมกัน..และผ่านมาขนาดนี้ป่านนี้
    มีการสลับท่านที่อยู่ในเหล็กไหลเนื่องจากบารมีเต็ม.มาไม่รู้กี่รุ่นแล้วก็เป็นได้..
    เผลอๆท่านที่อยู่ในเหล็กไหลป่านนี้เข้านิพพานไปแล้วก็เป็นได้ครับ
    หวังว่าจะพอเข้่าใจว่าอะไรเป็นไร.และควรจะต้องรู้นะครับว่าอะไรควรไม่ควรลองพิจารณาดูนะครับว่าเราควรมาพูดเพียงเพื่อสนองกิเลสตัวเอง
    ในแนวทางอย่างนั้นเพื่อการพิสูจน์มันมีประโยชน์และความจำเป็นหรือเปล่า..ภพภูมิอย่าเอา
    ไปเปรียบกับจักรวาลฉันใด..ความสามารถทางจิตหรือกำลังจิตก็เปรียบไม่ได้กับร่างกายฉันนั้น.
    .จะเป็นผลทำให้เราห่างไกลเรื่องการสัมผัสภพภูมิและห่างไกลจาก
    การเข้าถึงความดีตลอดการปฏิบัติไม่ก้าวหน้าได้..หวังว่าบางคนจะเข้าใจสิ่งที่ผมพูดนะครัับ.
    สุดท้ายนี้.หากผิดถูกขัดใจประการใด ก็ขออโหสิกรรมมา ณ ที่นี้ ขอบคุณครับ.....
     
  10. กาลีนะ

    กาลีนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +4,297
    .. ส่วนเรื่องที่เรารับรุ้เกี่ยวกับเรื่องของภูเขาควายนั้นเป็นเพียงคำบอกเล่าจากคนรู้จักเท่านั้นคะส่วนตัวไม่เคยไป แต่เคยมีความคิดที่อยากจะไปสักครั้งในชีวิตถ้าเก่งกล้าสามารถพอ .. อย่างว่าแหละคะสมัยละอ่อนยังห้าวอยู่ ... ไม่เหมือนตอนนี้ที่เริ่มมีพระที่ท่านมีเมตตามาโปรดแนะนำสั่งสอน หรือ แม้แต่พี่ ๆ น้อง ๆ ที่ในเว็ปทมี่ถือได้ว่ามีความสามารถถือว่าเยอะพอสมควรคอยแนะนำ และ สั่งสอน เลยหายซ่าไปเยอะแล้ว ...

    .. แม่เมียเพื่อนพ่อคนนีัท่านเดิมทีเป็นคนมีถิ่นกำเนิดที่ตีนภูเขาควายแต่ท่านได้แฟนเป็นคนไทยจึงย้ายมาอยูในประเทศไทยตั้งแต่อายุ 16 แม่ท่านนี้บอกว่ามีพวกทั้งพระทั้งหมอผีมากมายมาที่นี้ และ มาจบชีวิตที่ภูเขาควายนับไม่ถ้วน ... อาถรรพ์มันมีมากแม้แต่คนในพื้นที่ก็ไม่ค่อยกล้ารุกล้ำเข้าไปยังมีความลึกลับ และ อาถรรพ์มากมายที่นี้ แม่แกบอกว่าไม่จำเป็นอย่าเสี่ยงเลย ..

    ... พ่อของเราเองก็เล่าให้ฟังเหมือนกันว่าท่านเคยไปมาครั้งหนึ่งเท่านั้นแหละท่านก็ไม่คิดจะไปอีก .. เพราะท่านยังอยากอยู่ดูโลกต่อไปเพราะแกได้รับรู้เรื่องราวของเพื่อนร่วมขบวนการในครั้งนั้นจนแกหายซ่าไปมากพอสมควร ...

    ... เรื่องมีอยู่ว่ามีเพื่อนของพ่อมาชวนแกไปหาเหล็กไหลที่ภูเขาควายเพื่อนำมาขายเพราะราคาค่าตอบแทนมันไม่น้อยเลย และ ถ้าโชคดีได้เหล็กไหลที่สีสันที่ถือว่ามีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงรักษายิ่งจะได้ราคาดีมากเป็นสิบล้านเลยทีเดียว ... แถมแกอาจมีโอกาสได้มันมาครอบครองด้วย แกเลยไปตามคำชวน .. ผลเหรอคะพวกแกคว้าน้ำเหลวมายกทีมพร้อมกับการเจออาถรรพ์จนต้องเสียเพื่อนไปหลายคน แกเล่าให้ฟังว่าพ่อแกไปกับพวกแล้วไปยังถ้ำแห่งหนึ่งแกบอกว่าเดินเท้าไปสองวันเห็นจะได้แล้วก็ตามเคยแบ่งออกเป้นสองทีมแกได้เฝ้าอยู่ปากถ้ำแต่พระกับหมอธรรมพร้อมคนสนิท คือ ทีมที่เข้าไปในถ้ำแห่งนั้นพ่อบอกว่าพ่อรอนานมากจะเข้าไปก็ไม่ได้เพราะมีการกางเขตสายสินญ์กำหนดไว้ และ พระที่ร่วมขบวนไปด้วยท่านสั่งห้ามเด็ดขาดว่าไม่ออกนอกเขตที่ท่านกำหนดไว้ พ่อรอนานจนทีมที่เข้าไปออกมาแต่ว่ามาไม่ครบเพราะหายไปสาม หรือ สี่ คนเราจำไม่ได้แน่ชัด จากคำบอกเราเล่า คือ ตายเพราะโดนหินถล่มทับตายในถ้ำ .. หลังจากนั้นมาไม่นานทีมเดิมก็มีชวนแกไปอีกแต่แกไม่ไปเพราะแกไม่มั่นใจว่าจะรอดกลับมาไหม๊ !!

    ... ถึงพ่อของเราจะเป็นพวกชอบในเรื่องลี้ลับต่าง ๆ ของโบราณ เครื่องลางของขลัง และ มีความบ้าระห่ำอยู่ในตัวสูงมากยิ่งตอนหนุ่ม ๆ นี้แกห้าวมาก แต่แกก็กลัวตายคะ อิอิ .. แต่มีเกจิอาจารย์อยู่ท่านหนึ่งที่ท่านให้ความเคารพมาก และ มักไปกราบไหว้ขอความรู้จากท่านบ่อยครั้ง .. แต่ด้วยความที่พ่อเราเป็นคนที่ชอบกินเหล้าเป้นชีวิตจิตใจแกเลยไม่กล้าไปสู้หน้าหลวงปู่ผางอีกเพราะพ่อรู้ว่าท่านไม่ชอบ .. เราเองก้คงจะได้นิสัยความห้าวจากพ่อเรามาเยอะพอสมควร .. เพราะตั้งแต่เข้าเว็ปนี้มาได้รู้จักกับพี่หลายท่าน บางท่านเรียกเราว่า " ยายโหด " ..
     
  11. กาลีนะ

    กาลีนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +4,297
    ... ในความเป็นจริงยังมีอะไรที่มากกว่าในเว็ปนี้อีกคะ บางเรื่องก็พูดได้ บางเรื่องก้พูดไม่ได้คะ .. กาลีนะก็บอกเท่าที่พูดได้คะ .. กับ จากที่พ่อสอน หรือ เล่าให้ฟัง .. สมัยก่อนกาลีนะมีลูกเล็ก ๆ แบเบาะ พ่อกาลีนะท่านเอาพวกของขลังมาลองปืนที่บ้านด้วยซ้ำคะ .. ลูกชายร้องไห้ไม่หยุดทุกครั้งที่พ่อทำแบบนี้กาลีนะก็ไม่ชอบเหมือนกันแต่ทำอะไรไม่ได้ เครื่องราง วัตถุโบราณหลายชิ้นที่ชาวบ้านขุดได้ถูกยิงลองไม่รู้กี่ชิ้นที่กาลีนะได้เห็น ... มันเป็นเรื่องเศร้ามากคะ ที่เล่าก็เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ และ เป็นอุทาหรณ์เตือนใจแก่ทุกคนที่เข้ามาอ่าน ....
     
  12. กาลีนะ

    กาลีนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +4,297
    -ขนาดอยู่ในครอบครัวเดียวกันยังขัดแย้งกัน โกรธกัน นี่คือความเป็นจริงเป็นปกติวิสัยของคนเรา เป็นสิ่งที่ไม่เที่ยง มีตัวทุกข์เกิดขึ้น ปัจจุบันยังมีชาวบ้านที่เล่นคอมฯไม่เป็นอีกมาก คนรุ่นใหม่ที่รู้จักแต่เว็บพระเครื่องก็ยังมีอีกมาก ที่ยังไม่ได้เป็นสมาชิกก็มี กรณีเหล็กไหลที่ภูเขาควายนั้น คนสมัยใหม่บางคนมองว่าเป็นการจัดฉากแบบมีกุศโลบายก็มี พญายาก็ได้แต่รับฟังไว้ บางคนก็มาบอกว่าท่านเอาไปถวายพระสังฆราช บางคนก็ว่าเอาไปไว้บนยอดธาตุพระเจดีย์สำคัญ บางคนก็ว่าลูกศิษย์ขอไปบูชาที่ถ่ายรูปมาลงในหนังสือ บางคนก็ว่าก้อนอื่นที่ยังไม่เสด็จเข้าถ้ำก็มีคืออาจมีหลายก้อนในถ้ำนั้น

    *** ท่านผู้มีความรู้มากอย่างท่านพญายมคงจะพอทราบอยู่แล้วว่า " ธาตุกายสิทธิ์ " พวกนี้กว่าจะมาเป็นแบบนี้ได้ต้องอาศัยปัจจัยหลายอย่างมากแถมมีหลากลายสีเสียด้วย .. ยิ่งสีสวยสุกใสออกขาวยิ่งหมายถึงบารมีของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่รักษา " ธาตุกายสิทธิ์ " เหล่านั้น และ ผู้ที่สามารถครอบครองได้ต้องเป็นผู้มีบารมีมากพอกัน เพราะไม่งั้นพวกเขาก็ไม่อยู่ด้วยหรอกคะ อย่างเช่นที่สามารถเปิดเผยได้พระองค์หนึ่ง คือ เหล็กไหลสีท้องปลาไหล รูปพรรณสรรฐานออกสีขาวคล้ายไข่มุก .. ผู้ครอบครอง คือ " ในหลวง " ของเรานี้แหละคะ และ เป็นที่รู้กันของพระป่าที่ฝึกกรรมฐานว่า " ภูเขาควาย " และ เหล่าถ้ำที่ติดเขตชายแดนลาว กับ เขมร หรือ จังหวัดสระแก้ว คือ ที่พระเหล่านี้ท่านปราถนาจะไปฝึกกรรมฐานเป็นที่สุด โดยเฉพาะสายพระอาจารย์มั่น .. และ ส่วนมากพวกนักล่าสมบัติมักจะเข้าไปแบบไม่ค่อยถูกต้องเท่าไหร่หรอกคะ พ่อยังบอกว่ามีพระไทยไปจำพรรษาฝึกกรรมฐานเยอะเหมือนกัน .. เพราะที่นั้นยังคงความเป็นธรรมชาติอยู่มากกว่าฝั่งไทยด้วย .. และที่น่ากลัวอีกอย่างของที่นี้ คือ ความเข้มขลังของคุณไสยย์ยังมีอยู่มากเลยทีเดียวคะ

    -ชาวนาบางคนพกขี้เหล็กไหลคล้ายกับที่เขาทุบออกเวลาเชื่อมโลหะ เพราะเราเคยเอาที่หล่นอยู่ตามร้านเชื่อมไปให้เขาดูเขาว่าเป็นชนิดเดียวกันแต่ต้องเอามาแช่น้ำผึ้งปลุกเสกเป็นปีๆ ทั้งๆที่บ้านเขาก็อยู่ใกล้กับวัดที่มีเหรียญเกจิดังๆแต่เขากลับพกก้อนขี้เหล็กไหลที่ไม่รู้ที่มาเพราะมีคนเอามาแจก แต่เหมือนกับที่เขาทุบออกเวลาเชื่อมโลหะเสร็จ

    *** ส่วนในหัวข้อนี้นะคะ คงต้องอาศัยความชำนาญคะ และ ผู้ที่มีความสามารถในการดูเข้าช่วยนะคะ แต่ถ้าแบบที่คุณพญาว่ามา ( ขี้เหล็กไหลคล้ายกับที่เขาทุบออกเวลาเชื่อมโลหะ ) ถ้าแบบนั้นแยกง่ายมากเลยคะผิดกันตั้งแต่น้ำหนัก กับ สี แล้วละคะที่กล้าพูดเพราะพ่อกาลีนะเป็นช่างซ่อมรถที่ทำเองทุกอย่างบอกได้เลยคะว่าคนละเรื่องกันเลย แม้แต่ก้อนที่เอามาให้ดูกันก็ไม่เหมือนหรอกคะ ถึงอันนั้นจะไม่ใช่เหล็กไหลเป็นแค่ขี้เล็บของมันก็ตาม .. นอกจากนี้ยังมี " หินภูเขาบางชนิด " ที่สามารถเอาไฟแก็สหลอมให้มันออกมาคล้ายเหล็กไหลที่เขาเอามาปล่อยให้บูชากัน .

    -พ่อใหญ่ท่านหนึ่งในหมู่บ้านที่สะสมพระเครื่องก็พกก้อนคล้ายแม่เหล็กดูดบอกว่าบูชามาจากวัด1,500บาทรักษาโรคได้ พอเราเอาที่มีขายอยู่หน้าโรงเรียนไปให้ดูท่านก็แกะกรอบของตนเองออกมาส่องเปรียบเทียบอยู่นานจึงสรุปว่าเป็นชนิดเดียวกัน และได้รบเร้าขอแลกเปลี่ยนกับเหรียญย่อยไปเพื่อนำไปให้เมียไว้ใช้บ้าง เมื่อเราแลกเหรียญย่อยมาก็ปล่อยต่อไม่ได้หรอกแต่อยากรู้ว่าช่วยรักษาโรคได้จริงรึเปล่าเผื่อว่าเราเกิดเจ็บป่วยจะได้ทำบ้าง

    ... อันนี้มันก้แล้วแต่ความเชื่อส่วนบุคคลเขาแหละคะ เพราะ " ของขลัง " จะมีคุณวิเศษได้เกิดจากสามอย่างใหญ่ ๆ ด้วยกัน
    - ผู้สร้าง หรือ เกจิอาจารย์ สิ่งศักดิ์ ที่มาทำพิธี
    - มวลสารที่ใช้
    - พลังของผู้ใช้ .. ข้อนี้ถือว่าเป็นหัวใจเลยก็ว่าได้ .. ถ้าเป็นคนไม่ดีจิตใจชั่วร้ายไม่อยู่ในศีลธรรมต่อให้มีของดีแค่ไหนก็คงช่วยไม่ได้อยู่ดี .. หรือ พลังจิตของผู้ใช้ที่กล้าแข็ง .. ทั้งนี้มีทั้ง พลังดี และ พลังไม่ดี

    .... ถ้าเหล้กไหลมันหามาครอบครองได้ง่าย ๆ ราคามันคงไม่แพงหรอกคะ ถ้าเหล็กไหลสีเงินยวงน่าจะเป็นสิบ ๆ ล้านมั้งคะนี้แค่ราคาต้นทางนะคะ ทำให้พวกนักล่าสมบัติยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อให้ได้ครอบครอง ... และ คนที่ได้ครอบครองแล้วเขาก็ไม่เอามาอวดกันหรอกคะ ต้องเก็บไว้ให้เงียบที่สุดเพื่อความสงบสุขของตนเอง และ ความปลอดภัยของครอบครัว พวกที่เอามาอวดอ้างส่วนมากของปลอมแต่ไปทำพิธีเสริมใส่มามากกว่า ... แต่ถ้าพวกขี้เหล็กไหลหาไม่ยากเท่าไหร่หรอกนะคะ ส่วนเรื่องคุณคงสู้เหล็กไหลของจริงไม่ได้หรอกคะ..


    -ทั้งหมดคือการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันเท่านั้น เพราะเราไม่มีกำลังมากพอมีแค่เงินจ่ายค่าชั่วโมงคอมฯซึ่งในสายตาคนอื่นอาจจะมองว่าไปซื้อข้าวกินดีกว่า น้ำมันก็แพง น้ำเปล่าก็ต้องซื้อ สวัสดี

    *** ก็เห็นท่านพญาสนใจอยากจะลองดูแล้วบอกให้หาให้ กาลีนะก็ต้องว่ากันแบบตรง ๆ นี้แหละคะ เพราะมัน คือ ความจริงที่กาลีนะได้เจอะเจอมา พร้อมทั้งผู้ใกล้ชิดก็เล่าให้ฟังอยู่เสมอ .. วงการพวกนี้มีเสือ สิงห์ กระทิงแรด ทั้งนั้นที่สำคัญเขี้ยวลากดินทุกคนคะขอบอก ไม่เหมือนที่เขาขึ้นห้างแล้วพ่อของกาลีนะอยู่ในส่วนของผู้จัดหามาก่อน ถึงตอนนี้แกจะเลิกร้างไปแล้วเพราะชรามากแล้วไปไหนมาไหนลำบากแต่ก็พอมีความรู้อยู่บ้างก็ได้นำมาสอนกาลีนะไว้เพื่อประดับความรู้ .. จำได้บ้างไม่ได้บ้าง ค้นข้อมูลเองบ้าง ศึกษาจากพระอาจารย์ที่ท่านเมตตาบ้าง .. ก็เอามาลงให้ผู้ที่สนใจใครรู้ได้อ่านกัน อันไหนตอบได้ก็ตอบ .. อันไหนตอบไม่ได้ก้บอกเลยว่าไม่ได้ หวังว่าประสบการณ์ที่เอามาเล่าคงพอให้ความรู้แก่คนอ่านไม่มากก็น้อยนะคะ
     
  13. กาลีนะ

    กาลีนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +4,297
    อันนี้เป็นของที่พ่อแกให้มาคะ มีทั้งของแท้ และ ไม่แท้ .. เพราะแกไปขุดมาพอดีไปเยี่ยมแกก็เลยให้เรากับลูกชายมา ส่วนมากแกจะไม่ค่อยมีแล้วเพราะปล่อยของไปหมด หรือ เอาไปแลกของกับเพื่อน

    .. มีพระเก่า และ งาสะเด็น

    .. สมัยก่อนแกเคยมีสมุดข่อยโบราณที่จารณเป็นภาษาเขมรโบราณซึ่งแกบอกว่าเป็นภาษาที่ตายแล้วหาคนอ่านออกได้ยาก .. แกเคยเอาไปแลกให้ฤษีตนหนึ่งอ่านเพื่อแลกกับการที่ให้เขาทำสาริกาลิ้นทองให้กาลีนะ ... แค่ให้เขาได้ลองอ่านนะคะไม่ใช่ให้เลยเพราะมันเป็นกองกลาง ...

    ... พูดถึงว่าเกิดมากาลีนะก็ไม่เคยเห็นฤษีแบบเป็น ๆ สักที ครั้งนี้เป็นครั้งแรกเลย เพราะตอนนั้นทำอาชีพเป็นเซลล์ขายของตามต่างจังหวัดพ่อแกเลยโทมาให้ขึ้นไปหาที่อุดร ฯ แกบอกแกมีของดีจะให้ เพราะฤษีท่านนี้สามปีท่านจะให้ครั้งหนึ่ง คือ 3 ปีเว้นไปปีที่ 4 ท่านจะทำให้คนที่ต้องการ ให้เราเตรียมของไปด้วยแกก็แจ้งรายการมาเราก็ไปตามที่นัดหมาย ... พอเข้าไปในป่าได้สักระยะรถก็เริ่มเข้าไม่ได้ต้องจอดไว้แล้วเดินขึ้นเขาไปเป็นเขาไม่สูงมากเดินไปได้สักสิบกว่านาทีก็เจอชายร่างสูงใหญ่ ล่ำสัน นุ่งผ้าคล้ายสโหร่งสีขาวกำลังปั้นคูน้ำอยู่ กะอายุจากสายตาที่มองเห็นไม่เกิน 60 ปีแน่นอน ไว้ผมยาวและคงไม่สระมานานแล้วเพราะผมที่ยาวรุงรังนั้นขมวดกันจนเป็นก้อนใหญ่แล้ว พอเดินไปถึงแกก็หันหน้ามาพ่อให้เรายกมือไหว้แล้วบอกเราว่านี้แหละ คือ ฤษี... ( จำชื่อไม่ได้ ) เราตกใจมากเพราะพ่อบอกแกอายุ 82 ปีแล้ว แต่ชายตรงหน้าเรานี้ไม่ใช่แล้วยังไงก็ดูไม่เกิน 60 ปีมากสุด .. ท่านพาเรากับพ่อไปที่อาศรมของท่าน แล้วก็ทำพิธีให้เราเรียบร้อย แล้วก็พูดกับพ่อเราว่าขอตอรองเก็บไว้สัก 7 วันได้ไหม๊ถึงอ่านไม่ออกแกก็อยากเห็น .. ตอนนั้นเราไม่ค่อยได้สนใจเท่าไหร่เสียด้วยสิจึงไม่ได้อาศัยใจจำเท่าไหร่ ปล่อยให้พวกแกคุยกันไปเราก็ออกมาเดินเล่นด้านนอกกระท่อมที่แกอยู่ ไม่น่าจะเรียกกระท่อมเสียด้วยซ้ำน่าจะเรียกว่าเพิงดีกว่าเพราะทำแบบว่าง่าย ๆ เอาเถาวัลย์รัดไว้กับใบตองกุงมาจับเป็นฝาเป็นหลังคา แค่พอคุ้มแดดแต่ไม่น่าคุ้มฝน ...

    ... จำได้ว่าตอนนั้นเราได้สาริกาลิ้นทองมา กับ นวดตลับหนึ่ง ... บางคนสงสัยว่าแล้วที่ได้มาใช้ได้ผลไหม๊ ... เราลองใช้แล้วสาริกาฤษีท่านให้อมไว้ใต้ลิ้นเวลาเราเจรจาเราก็ทำตามปรากฏว่าโครงการที่เราไปเจรจาให้กับบริษัทสำเร็จคะซึ่งถือว่าเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของบริษัทเลยทีเดียว แต่น่าแปลกตรงที่ว่าช่วงที่เราใช้นั้นเราจะพูดเยอะมากพุดไม่หยุดพูดจนจะเป็นลมเลยทีเดียว ... หลังจากที่เจรจาโครงการเรียบร้อยแล้วเราก็เอาใส่กระเป๋ากลับบ้านแต่พอมาถึงบ้านปรากฏว่า " สาริกา " ที่เราได้มา หาย!! เรางงมากเราไม่ได้ไปที่ไหนเลยตอนเอาใส่กระเป๋าเราก็นั้งในรถแล้วขับกลับมาบ้านไม่ได้แวะไหนถึงบ้านก็ล้วงกระเป๋าจะเอาออกมา .. ปรากฏว่าไม่มี .... พ่อด่าไปหลายวันเลยตอนนั้น ... ส่วนนวดที่ได้มาอันนี้เราไม่แตะอีกเลยเคยลองแค่ครั้งหรือสองครั้งนี้แหละ .. เหมือนมันจะไม่ใช่แนวทางเราไงรู้สึกไม่ดีเลยไม่ใช้เลยมีแต่เก็บไว้เฉย ๆ ...
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • SAM_1058.JPG
      SAM_1058.JPG
      ขนาดไฟล์:
      196.7 KB
      เปิดดู:
      115
    • SAM_0649.JPG
      SAM_0649.JPG
      ขนาดไฟล์:
      215.3 KB
      เปิดดู:
      115
    • SAM_0694.JPG
      SAM_0694.JPG
      ขนาดไฟล์:
      121.1 KB
      เปิดดู:
      148
    • SAM_1078.JPG
      SAM_1078.JPG
      ขนาดไฟล์:
      207.2 KB
      เปิดดู:
      111
    • SAM_0691.JPG
      SAM_0691.JPG
      ขนาดไฟล์:
      149 KB
      เปิดดู:
      104
  14. กาลีนะ

    กาลีนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +4,297
    ...... พระอรรถนารีศวร (ศิวะรวมร่างแม่อุมา) ..........


    'พลังทำลายศัตรู' แห่งบุรุษเพศ /'อำนาจควบคุม' แห่งสตรีเพศ
    ความสมดุลในการดำเนินชีวิต /รวมถึงแนบแน่นบริบูรณ์ในความรัก

    .... ปางนี้เป็นปางครึ่งหญิงครึ่งชายในรูปลักษณ์ทางประติมกรรมนั้น จะแบ่งซีกระหว่างพระศิวะกับพระอุมาโดยพระศิวะอยู่ทางซีกขวาและพระอุมาอยู่ทางซีกซ้ายซึ่ง ถ้าผู้ที่เข้าใจระบบความเชื่อแบบทวิลักษณะแบบจีนหรือ คัมภีร์หยิน-หยาง ย่อมเข้าใจได้ว่า -ชายขวา-หญิงซ้าย นั่นคือสูตรตามแบบฉบับของคัมภีร์นี้

    .... ปางนี้ได้กำเนิดขึ้นครั้งแรก ครั้งเดียว ในสมัยการสร้างจักรวาล กล่าวคือ พระพรหมได้ รับภารกิจให้สร้างมนุษย์เพศชายเพียงเพศเดียว แต่เพศชายเพียงอย่างเดียวไม่มี
    กำลังในการขยายเผ่าพันธุ์ในโลกใด้ ครั้งจะสร้างเพศหญิงขึ้นมาก็ไม่รู้ว่าจะเอาแบบ อย่างมาจากไหนพระพรหมจึงต้องบวงสรวงมหาเทวาธิเทวะมหาเทวะศิวะเทพเพื่อให้
    เสด็จมาแก้ปัญหาที่ค้างคาใจอยู่พระพรหมบวงสรวงจนเป็นที่พอใจก็เลยเสด็จมานับ เป็นครั้งแรกที่มาในปางอรรธนารีศวรเพศหญิงและเพศชายที่รวมกันอยู่ในร่าง เดียวกัน ทำให้พระพรหมเข้าใจในกำลังเสริมของเพศคู่นี้ อันจะนำมาซึ่งความอุดม สมบูรณ์และชีวิตใหม่
    ศิวะเทพมหาเทวะบอกกล่าวกับพระพรหมว่า " โอ้..พระพรหมบุตรที่รัก ข้าเข้าใจ ทุกสิ่งทุกอย่างถึงความปรารถนาของท่านดีเพื่อต้องการที่จะเพิ่มพูนสิ่งมีชีวิตให้มาก ขึ้นและเพื่อทำหน้าที่แห่งการสร้างให้เป็นที่สำเร็จสมบูรณ์ท่านจึงทำสมาธิระลึกถึงข้า ข้ายินดีและพอใจในการกระทำครั้งนี้ของท่านมาก ข้าจะให้พรตามที่เจ้าต้องการทุก อย่าง แต่ขอให้ท่านจงเข้าใจและระลึกไว้ว่า การสร้างสิ่งที่เป็นคู่กันนั้น มันเป็นสิ่งที่ เร้นลับมาก เป็นสิ่งที่จะนำความวิบัติ ยุ่งยากมาสู่การสร้างในภายภาคหน้าได้ อันสตรีนั้นเป็นสิ่งสวยงาม เป็นเครื่องประดับโลก มีความอ่อนช้อยในรูปร่าง มีจิตใจที่อดทน อ่อนไหวง่าย มีพลังอำนาจยิ่งใหญ่ สามารถทำลายล้างจักวาลนี้ให้สิ้นไปได้ แม้แต่ผู้บำเพ็ญพรตที่ยิ่งใหญ่ก็ยังพ่ายแพ้ต่ออำนาจนี้ ขอให้ท่านพิจารณาให้จงดี ว่าจะรับสร้างผู้หญิงขึ้นมาในจักวาลดีหรือไม่ "

    .... หลังจากที่พระพรหมตัดสินใจในการสร้างมนุษย์ผู้หญิงแล้วพระศิวะเทพจึงแยก ร่างจากคู่ของพระองค์ทันที พระศักติ-ศิวา จึงปรากฏต่อหน้าพระพรหมในรูปของอิตถีเพศ อย่างเต็มพระองค์

    "..ข้าแต่พระแม่ศิวา พระแม่พระผู้สร้าง ข้าพระพุทธเจ้าถูกสร้างขึ้นมาจากพระสวามีแห่งพระนาง และได้รับบัญชาให้สร้างสิ่งมีชีวิตขึ้นในจักวาล ข้าแต่พระแม่...อันเทพเจ้าและคนอื่นๆข้าพระพุทธเจ้าได้สร้างขึ้นมาเรียบร้อยแล้ว แต่ทว่าเขาทั้งหลายนั้นไม่มีการขยายเพิ่มจำนวนด้วยตัวของพวกเขาอีกเลย ด้วยเหตุนี้จึงเป็นปัญหาอันยิ่งใหญ่ที่ต้องสร้างสิ่งมีชีวิตขึ้นมาใหม่ ไม่มีสิ่งเป็นของคู่กัน ดังนั้น..ข้าพระพุทธเจ้าปรารถนาที่จะสร้างสิ่งมีชีวิตใหม่ให้มากขึ้นด้วยการสร้างของตัวเขาเอง จากสิ่งที่เป็นของคู่กัน อันหญิงทั้งหลายไม่เคยมีขึ้นมาก่อนเลยพระแม่ด้วยเหตุนี้ ข้าพระพุทธเจ้าซึ่งไร้อำนาจในการสร้างผู้หญิงในลักษณะเดียวกัับพระแม่ ขึ้นมาได้ ข้าแต่พระแม่ศักติ-ศิวา เพื่อเป็นการเพิ่มพูนสิ่งมีชีวิตให้มากขึ้น เพื่อจรรโลงจักวาลนี้เอาไว้ ขอทรงโปรดพระราชทานพระอำนาจและพลังในการสร้างผู้หญิง ให้แก่พระพุทธเจ้าด้วยเถิด พระเจ้าข้า

    ...ข้าแต่พระแม่ผู้ประทานพรข้าพระพุทธเจ้าขอพระราชทานพรสิ่งอื่นอีกจากพระแม่ ขอให้พระแม่ทรงเมตตามอบพรสิ่งนั้นด้วยเถิด พรสิ่งนั้นคือ ขอให้พระแม่ทรงแบ่งภาคกำเนิด มาสู่ยังจักวาล เป็นพระธิดาของพระทักษะประชาบดี พระโอรสของข้าพุทธเจ้า เพื่อที่จะทรงเป็นคู่ครองของ อิศรุทรเทพ และทรงสร้างสิ่งที่มีชีวิตให้มากขึ้นต่อไป "

    ... ด้วยคำกราบทูลในครั้งนั้น พระแม่ศักติ-ศิวา ทรงพอพระทัยมาก พระนางทรงพระราชทานอำนาจและพระสูตรในการสร้างผู้หญิงที่มีรูปลักษณะอันเป็นพิเศษเหมือนดั่ง
    พระนางให้แก่พระพรหมแล้วพระแม่แห่งจักวาลเข้ารวมเป็นหนึ่งเดียวกับพระศิวะเทพและทรงห่างหายไปทางที่แห่งนั้นทันที
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • SDC12696.JPG
      SDC12696.JPG
      ขนาดไฟล์:
      1.3 MB
      เปิดดู:
      157
  15. กาลีนะ

    กาลีนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +4,297
    เดี๋ยวจะมาเล่าประสบการณ์ที่เจอเกี่ยวกับเทวรูปองค์นี้ให้ฟังนะคะ
     
  16. tassumalee

    tassumalee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2013
    โพสต์:
    1,579
    ค่าพลัง:
    +8,825




    เข้ามารออ่านค่ะ... อิอิ
     
  17. กาลีนะ

    กาลีนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +4,297
    .... คิดว่าทุกคนคงจำเพื่อน อ. ของเรากันได้นะคะ ... งานนี้เราไปกับเธอคนนี้คะแล้วก็แฟนของเราด้วย สามชีวิตร่วมเดินทางไปอุบลเพื่อทำบุญร่วมกันตอนแรกก็ไม่มีปัญหาอะไรนะคถูกคอกันดี พวกเราเดินทางมาเรื่อย ๆ คะ แล้วตลอดทางเรารู้สึกถึงความผิดปกติของรถ คือ มันหนักคะเหมือนบรรทุกคนมาเยอะแยะเต็มรถเลย .. พอไปได้ครึ่งทางมีเสียงดังที่ล้อรถของเราเหมือนจะลูกปืนล้อแตก แว๊บหนึ่งเราเห้นภาพรถลงข้างถนนด้านซ้ายมือเราเลยต้องจอดรถตรงกลางถนนดับเครื่องแล้วเดินลงมาดูรถว่าเกิดอะไรขึ้น .. ปรากฏว่าไม่มีอะไรเราก้เริ่มระแวงด้วยสัญชาติตญาณของเรา คราวนี้เราขับรถอย่างระมัดระวังมากขึ้นพอเข้าใกล้เขตอุบลตรงที่มีป่าต้นยางเยอะ ๆ สองข้างทางน่าจะสักสิบนาทีได้เราเจอรถเสียหลักลงข้างทางเป็นรถกระบะคันหนึ่งน่าจะเพิ่งลงข้างทางไม่นานเพราะมีแค่คนจอดรถดูยังไม่มีหน่วยกู้ภัย .. พวกเราเดินทางต่อจนมาถึงอุบลแล้วก็พากันเข้าร่วมพิธีที่วัดพระธาตุอินแปลงจัดขึ้น จนเสร็จพิธีพวกเราก็หาที่พักกันขอบอกว่าช่วงดำเนินพิธีอยู่นั้นเพื่อนเราออกอาการร้องไห้เล้กน้อยคะ และ หน้ามืด .. พอเสร็จชวนเข้าไปไหว้พระธาตุอินแปลงกันมันก็ไม่ยอมเข้าไปมาหงุดหงิดใส่เราแถมให้แฟนเราไปนั้งเป็นเพื่อนอีก เราเลยปล่อยพวกเขาไปเพราะเราอยากเข้าไปไหว้พระในอุโบสถมากเราไปนั้งรอให้ทีมงานเขาเสร็จพิธีของเขาแล้วเราค่อยได้ไปไหว้ขอพรท่าน .. เป็นบุญของเรายิ่งแล้วมีความสุขมากคะ ...

    ... จากนั้นเราก้ไปหาที่พักกันตอนแรกสามคนที่ไปก็ถูกกันดีนะคะไม่มีปัญหา พอเราถึงที่พักไปหาข้าวกินเสร็จบอกตามตรงว่าเรารู้สึกเหนื่อยมาก แรงจะยกตาไม่ให้ปิดแทบไม่ค่อยจะมี เรานอนตรงกลางตอนแรกแล้วเราก็หลับหมดสติไปเลย พอรู้สึกตัวเราก็เลยไปอาบน้ำแล้วเปลี่ยนเป็นแฟนเรานอนตรงกลางแทนปรากฏว่าเช้ามาแฟนเราตัวร้อนไข้ขึ้นไม่ทราบสาเหตุ .. แล้วพอเช้าวันใหม่บรรยากาศทุกอย่างก็เปลี่ยนไปกลายเป็นตึงเครียด เพื่อนเรากับแฟนกลายเป็นไม่ถูกกันสะงั้น แค่คำพูดที่ไม่น่าจะเป็นปัญหาเราคนกลางก็พยายามไกล่เกลี่ยให้ เราไปวัดไหว้พระหลายวัดในอุบลเพื่อนเราก็พยายามพูดใส่แฟนเราตลอดแต่แฟนเราเงียบไม่พูดตอบโต้อะไร .. พอบ่ายเราได้พากันไปเที่ยวที่พิพิธภัณฑ์แห่งชาติของ อุบล เราข้าไปกับเพื่อนแค่สองคนเพราะแฟนเราปวดหัวมาก ๆ จนตาแดงเราก็ไม่เข้าใจว่าทำไม ..

    .. พอซื้อตั๋วแล้วพวกเราเดินเข้าไปเขาให้เวียนซ้ายใช่ไหม๊คะเราก็เดินชมของไปเรื่อย ๆ แต่ว่าครั้งแรกที่เดินเข้าไปห้องซ้ายมือสุดทางเดินจะสะดุดใจเรามากเลย เราเข้าไปเขาจะเรียงห้องกำเนิดโลกไว้เป็นยุค ๆ รวมเข้ากับประวัติเมืองอุบล .. พอเริ่มมาถึงห้องเครื่องใช้สมัยศรรตวัตที่ 12-13 ซึ่งเป็นห้องซ้ายสุด .. เราก็มาเจอกับรูปปั้นชิ้นนี้คะ .. พวกคุณเคยเป็นไหม๊คะเวลาที่เจอกับรักครั้งแรก !! หรือ เจอกับสิ่งที่คุณใฝ่ฝันครั้งแรกในชีวิต ฟิวศ์ประมาณโลกหยุดหมุน เวลาหยุดเดิน ลมหายใจเหมือนขาดหายไปชั่ววู๊บ .. มองไม่เห็นสิ่งรอบข้าง .. มีแค่เรากับรูปปั้นนี้เท่านั้น ... เราถ่ายรูปไว้เลยคะถาพหนึ่ง หรือ สองภาพไม่แน่ใจโดยที่มองไม่เห็น " ป้ายห้ามถ่ายรูป " ที่ตั้ง และ ใกล้เทวรูป .. เราไม่เห็นจริง ๆ นะ ... พอเพื่อนเราเดินเข้ามาเพื่อน อ. ถามว่าเขาให้ถ่ายรูปได้ด้วยเหรอ !! เราบอกไม่รู้แล้วก้เหลือบไปเห็นป้ายเข้าพอดี ... เอ๋อคะ ทำไงได้ถ่ายมาแล้ว .. ก็รูปที่โชว์นี้แหละคะถ่ายเองกับมือเลย 55555555 ...

    ... สัมผัสที่เราได้จากการเข้ามาในห้องนี้ คือ เรารู้สึกถึงการมีตัวตนของภพภูมิที่แรงแต่เป็นมิตร เหมือนเขายินดีที่เรามาที่นี้ แลการมีตัวตนในลักษณ์เป็นพลังงานลมคะ ทั้งที่ไม่มีลมภายในห้องนั้นแต่เราสัมผัสได้ว่ามีพลังงานลมอยู่เขาพยายามเข้ามาหาเราด้วยคะ และตัวเราเองรู้สึกว่ามาจากเทวรูปองค์นี้แน่นอน ... เราอยากอยู่ในห้องนี้นาน ๆ แต่เพื่อน อ. เราสิคะเธอบอกเธอไม่ชอบห้องนี้เธอกลัว และ รู้สึกอึดอัดกว่าทุกห้องทำไมความรู้สึกของเราสองคนแตกต่างกันมากนะ ทั้งที่ห้องนี้มีแต่เทวรูปเทพในศาสนาฮินดูทั้งนั้น ... เธอรีบเดินหนีเลยคะเราเลยจำเป็นต้องเดินตามเพื่อนมาอีกห้อง แต่พลังงานนั้นเขาก็ตามเรามาคะ ตามมาจนถึงสามห้องจนมาห้อง ศิลปแลวัฒนธรรม .. เรารู้สึกกลัวห้องนี้มากเลยคะเหมือนมีตาเป็นสิบคู่จ้องมองเรารับรู้ได้ถึงพลังงานที่ไม่ค่อยดีนัก เห้อ ๆเหมือนเข้าไปคนเดียวเราโดนรุมแน่นอน 555 เลยรอให้มีคนอื่นตามมาด้วยแต่ห้องนี้เราเข้าไปแป๊บเดียวแล้วออกมาพวกเราเดินดูจนมาถึงอีกห้องคะเป้นห้องศาตราวุธ และ พระไตรปิฏก ไม่เข้าใจทำไมเอามาไว้รวมกันมันเลยทำให้ห้องนี้ดูทมึนน่ากลัวยังไงไม่ทราบ .. แต่เพื่อนเรากลับรู้สึกชอบมากอยากเข้าไปแต่เราไม่กล้าพาเข้าไปเลยจริง ๆ แต่พอมีคนตามมาพวกเราก็เดินเข้าไปเพื่อรเามันไปติดใจกับที่นั้งว่าราชการ และ ออกรบของเจ้าเมืองสมัยก่อนยืนร้องไห้อยุ่แบบนี้และพร่ำพรรณาว่าชอบขนาดไหน ... แต่เรากลับรู้สึกกลัวอย่างบอกไม่ถูก ..

    ... พอเราเดินออกมาเจอเจ้าหฟน้าที่เราเลยเข้าไปคุยกับพี่เขา พี่เขาเลยให้ความรู้พวกเราว่า " ของทุกอย่างในนี้ส่วนมากเป็นของจริงทั้งหมด รวมทั้งเทวรูป พระอรรถนารีศวร นี้ด้วยตอนแรกไปอยู่เมืองนอกก่อนมีคนซื้อไป หรือ อย่างไรไม่ทราบ แล้วเจ้าของเขาเลยเอามามอบให้พิพิธภัณฑ์แห่งชาติไว้ แล้วจึงได้มาอยู่ที่นี้มีองค์เดียวในโลกด้วยนะ .. เจออะไรแปลก ๆ มาเหรอ เจ้าหน้าที่ที่นี้ก็เจอเหมือนกันแต่เขาไม่กล้าพูดกันหรอก เลิกงานก็รีบกลับบ้านแล้วละคะ " แสดงว่าที่เรารับรู้ก็เป็นเรื่องจริงสินะ ท่านมีตัวตนอยู่จริง ๆ และ คงเป็นเพราะอาถรรพ์ต่าง ๆ ที่เกิดทำให้เจ้าของเก็บไว้เป็นสมบัติไม่ได้ ตามความคิดเราเทวรูปนี้อายุเป็นพันปีราคาคงไม่น้อยบาทแต่ไม่มีใครกล้าขโมย .. เห้อ ๆ เป้นบุญอีกแล้วที่ได้สัมผัสพลังงานนี้ .. ขอบคุณคะ

    .. หลังจากที่เราไหว้พระกันแล้วก็เดินทางกลับกันตลอดทางเราต้องพยายามขับรถดี ๆ เพราะมีแต่ความระแวงตลอดเวลามันไม่ปลอดภัย เพื่อนเราก็พุดเสียงดังแหลม ๆ ฟังแล้วเราปวดหัวตุ๊บ ๆ แฟนเราเขาจับมือเราตลอดเวลา ถ้าเขาเป็นแบบนี้คือรู้เลยว่าต้องเจออะไรที่น่ากลัวแน่นอน เพราะหลายวัดที่ไปเขาจะมองเห็นผีคนโบราณคอยแอบมองพวกเราอยู่ ...

    .. ตะวันเริ่มตกดินแล้วเราเดินทางกันมาถึงประมาณ ยโสธร เริ่มมีบรรยากาศเริ่มไม่ดีหนักขึ้น คือ นอกจากรถดูเหมือนบรรทุกหนักแล้ว ยังเริ่มมีกลิ่นแปลก ๆ เกิดขึ้นภายในรถคะมันคือ " กลิ่นเลือด " ทั้งที่ตอนแรกไม่มีนะคะ ทุกคนได้กลิ่นเหมือนกันคะเหม็นจนต้องเปิดกระจกรถวิ่งเลยทีเดียว เพื่อนเราตั้งแต่เช้ายันมืดก็ยังคงเหน็บแฟนเราไม่ขาดช่วงเสียงดังขึ้นทำหน้าตาจนเรารับไม่ได้ .. แล้วความอดทนมันก็จบคะ .. แฟนเราตะคอกเพื่อนเราบอกว่าให้หยุดพูด ... ได้ทีเพื่อนเราก้สวนเลยว่า ก. ไม่หยุดเ..งจะทำไมคิดว่าก. กลัว เ.ม.ง หเหรอ ... เราเลยต้องทำการสงบศึกในรถ .. ปรากกว่าทุกคนยอมเงียบคะ เราเลยจอดรถแล้วเอาน้ำมนต์ที่เราไปเก็บมาจากวัดมารดทั่วรถเราเลยคะ ... กว่าจะถึงสารคามก็ดูจะทุลักทุเลสำหรับเรานะเพราะเหมือนภพภูมิเขาจะยังไม่ยอมลงให้กัน ... แฟนเราให้เราไปจอดรถที่ศาลหลักเมืองให้ไปขอพรให้เขาช่วยเราหน่อย และ ไล่ภพภูมิลงรถเรา นี้ขนาดเป็นอิสลามนะ อิอิ แล้วเราก็ไปนั้งกินก๋วยเตี๋ยวกันก่อนไปส่งเพื่อน ตอนลงรถแฟนเราถึงมาเล่าให้ฟังว่าเขามองเห็นอะไรในรถเราบ้าง ....


     
  18. wanakonth

    wanakonth เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2009
    โพสต์:
    2,153
    ค่าพลัง:
    +5,775
    ถ้าผมเจอคนแบบคุณ อ. นี่ผมคงไม่ไหวอะ เหอๆ มารอฟังประสบการณ์อยู่นะครับ ดูเนื้อเรื่องแล้วน่าจะมีต่ออะครับ ฮิๆ
     
  19. กาลีนะ

    กาลีนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +4,297
    ภาคต่อ .... ตามคำเรียกร้อง ...55555

    ... เพื่อนเราลงรถไปรอก่อนเพราะมันเดินลำบาก เราเอารถไปจอดแล้วแฟนเราก็เล่าให้ฟังว่าเขาเจออะไรบ้าง ... เขาบอกว่าเขาเจอคนโบราณบนต้นยางใหญ่ใส่ผ้าเตี่ยวสีน้ำหมากเป็นผู้ชายนั้งห้อยขาอยู่ในวัดสุดท้ายที่อุบล .. ส่วนตอนที่นั้งรถมาเป็นคนละคนกัน ...

    ... ตอนอยู่ในรถเขาเห็นว่ามีคนนั้งมาในกระบะหลังรถเราด้วย .. แถมนั้งอยู่หน้ากระโปรงรถเป็นผู้ชายทำหน้าถมึงทึงแทบจะถลนออกมาเหมือนคนโกรธจัดนั้งแบบชันเขาเอามือสองข้างประสานตรงด้านหน้า เหมือนเวลาเรานั้งเล่นนะคะ .. เขาไม่ใส่เสื้อใส่แค่ผ้าเตี่ยวเป็นผ้าดิบสีน้ำหมากโผกผ้าบนหัว ... เขานั้งจ้องเพื่อน อ. เราอยู่เหมือนโกรธแค้นมานาน ... ส่วนที่ตัวเพื่อน อ. เรานั้น แฟนบอกว่ามีแต่ผีเกาะเต็มตัวไปหมดจ้องหน้าแฟนเราแบบหาเรื่องสะด้วย ... แฟนเราเลยต้องมานั้งด้านหลังเราเพราะเป็นที่เดียวที่ผีไม่มากวน .. มิน่านั้งจับมือเราไว้ตลอดมือก็เย็นเจี๊ยบ .... มันเจอผีนี้เอง .... ตอนที่เหม็นกลิ่นเลือดแฟนเราบอกว่าเขาขอร้องชายที่อยู่หน้ารถอย่าทำร้ายเพื่อน อ. เราเลย ... แต่เขาคนนั้นไม่ฟังจะทำร้ายเะอคนนี้ให้ได้ท่าเดียว ... แล้วพอเพื่อนเราทะเลาะกับแฟนเรา ... ชายคนนัั้นก็ตะโกนในหัวแฟนเราว่า " เห็นไหม๊ ... มันไม่สำนึกหรอก .. มันไม่เคยสำนึกบุญคุณใครจริงหรอก .. นี้ขนาดแกอยากช่วยเขานะ " ตลอดเวลาที่คุยกันแฟนเราบอกว่าเขาไม่ได้ " ขยับปากเลย " แค่มองหน้ากับชายคนนั้นแค่นั้นเอง ....

    .... แล้วพอเราเดินมานั้งจะกินก๋วยเตี๋ยวเราก็สัมผัสได้ว่ามีภพภูมิมายืนด้านหลังเรา กับ แฟน 4-5 ตนยืนแบบแทบจะประชิดเลย ... ขนขาลุกซู่ตลอดเวลา ... เพื่อนเรามันก็นั้งกินหน้าตาเฉย ... แต่เรากับแฟนต้องทนอยู่ในสภาวะอึดอัดมาก ๆ แม้แต่ตอนขึ้นรถไปส่งเพื่อนพวกนั้นก็ยังตาม ... ตอนแรกเราคิดว่าคงตามมาจากอุบล .... แต่ความจริงกลับไม่เป็นเช่นนั้นนะสิ ....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 มิถุนายน 2013
  20. กาลีนะ

    กาลีนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +4,297
    ต่อภาค 2

    .... เมื่อเราขับรถมาส่งเพื่อนที่ร้านของเพื่อนแล้ว ... เราก็มุ่งหน้าไปกาฬสินธุ์ต่อเพราะเวลานั้นก็เริ่มดึกแล้วด้วย ... พอเพื่อน อ. ลงจากรถเราก็ขับรถออกมา ... แฟนเรากลับมองหันหลังกลับไปที่ร้านของเพื่อนเราที่ตอนนี้มันกำลังขนของเข้าร้านแล้วพูดกับเราว่า ... " พวกนั้นลงรถไปหมดแล้ว " เราก็เลยถามว่าลงตอนไหน ... " ลงไปกับเพื่อนแกนั้นแหละ .. ลงไปหมดรถเลย " เราเลยให้เขาอธิบายชัด ๆ ว่าลักษณะคนเหล่านั้นเป็นยังไง ..

    ..... นุ่งผ้าแบบคนโบราณ เป็นผ้าย้อมสีออกอิฐ หรือ น้ำหมาก ผู้ชายไม่ใส่เสื้อ ที่สำคัญพวกเขาตาแดงทุกตน ..... ซึ่งภายหลังพี่ในเว็ปเราบอกว่าเป้นลักษณะของพวกอสูรย์ หรือ อสุรกาย ...

    .... พอเรามาถึงโรงแรมที่กาฬสินธุ์เราเข้าพักกับพี่สาวของแฟน เพราะพี่สาวแฟนมาประชุมครูที่นี้เราเลยพาแฟนมาเยี่ยมพี่สาว ....

    ... คืนนั้นเรากลับมาฝันแปลก ๆ ฝันว่าเราตื่นมาในห้องเพราะมีเสียงคนมาเคาะประตูห้องพักแต่เราไม่ไปเปิด ... เป็รนแฟนเราเป็นคนไปเปิดประตู ... คนที่มาเคาะประตูเรา คือ เพื่อน อ. ใส่ชุดนอนสีขาว ๆ มีผู้ชายตัวสูง ล่ำ ผิวขาว ตี๋ ๆ ใส่เสื้อยืดคอกลมสีขาว ยืนอยู่ด้านหลัง ... และ ลุชายสองคนที่มายืนยิ้มตรงประตูทางเขา .. เสื้อผ้าของเด็ก ๆ เป็นชุดนอนสีขาวลายจุดสีฟ้า ๆ เราตกใจมากเมื่อมองเด็ก ๆ เพราะเสื้อสีขาวนั้น " เปรอะ เปื้อน ของเหม็นเน่า " ในฝันเราไม่รู้สึกอะไรเลยเฉย ๆ ออกแนวไม่พอใจถามเพื่อนว่า " แกมาทำไม " เพื่อนเรามันก็บอกว่า " ขอพวกชั้นอยู่ด้วยคนนะ ที่บ้านอยู่ไม่ได้แล้ว เขาไล่พวกชั้นออกมา " แล้วมันก็ร้องไห้ขอร้องเรา ... ในฝันเราไม่ยอมให้มาอยู่ด้วยแถมไล่เพื่อนไปด้วย ... เหมือนเราโกรธเพื่อนเรื่องอะไรสักอย่าง ... แล้วเราก็รู้สึกตัว ...

    .... ในช่วงนั้นจะมีเรื่องแปลกเกิดกับเรา และ แฟน คือ พวกเราสองคนมักฝันคล้ายกัน ไปในที่เดียวกัน เจอคนคล้าย ๆ กัน เหตุการคล้ายกัน และในฝันพวกเราทุกครั้งเราจะไปเป็นคู่คะ คือ ชีวิตจริงไปไหนก็ไปด้วยกัน ในฝันก็เช่นกัน ....

    .... แฟนเราเล่าให้ฟังในตอนเช้าว่าเขาฝันแปลก ๆ เขาฝันว่าเพื่อนเรามาหาพร้อมผู้ชายคนหนึ่งลักษณะเดียวกัน แต่เขาไม่เห็นเด็ก ๆ มาเคาะห้องเรานั้งบนเตียงแฟนเราเดินไปเปิดประตูเพื่อนเรามันดันจะเข้ามาในห้องแต่แฟนเราดันออกไม่ให้เข้ามา แล้วไล่เพื่อนเรากลับไป .....

    ... ไม่ว่าจะเป็นแค่ฝัน บังเอิญ หรือ อะไรก็แล้วแต่ ในตอนที่เรากลับมาหาเพื่อนเราเพื่อเอาแหวนที่เพื่อนมาฝากให้เรารักษาแทนเพราะมันไปบูชามาจากตำหนัก และ ไม่กล้าเก็บไว้เองมาคืน เนื่องจากเราไม่สามารถเก็บไว้ให้ได้อีกต่อไปเพราะมักเจอเรื่องแปลก ๆ เหมือนมีใครมารุกล้ำเวลาพวกเรานอนมายืนบนเตียง มาทำให้รู้ว่ามีสิ่งแปลกปลอมเข้ามาในบ้านเรา แฟนเราไม่พอใจเลยให้เอามาคืน โดยเราใส่ถุงพลาสติกมัดปากแล้วบรรจุน้ำมนต์ไว้ข้างใน ...

    .... วันนั้นเหมือนเพื่อนเราโกรธมากที่เราเอาของมาคืน เราคุยกันเยอะเหมือนกันเราใช้ความอดทนมากในการฟังเสียงเพื่อนเราคุย มันเป็นเสียงที่ฟังแล้วปวดหัวยังไงไม่รู้ แต่เราก็ข่มไว้ .. เพื่อนเราพยายามหว่านล้อมให้เราเลิกกับแฟนให้ได้ แถมยังอ้างว่า เพื่อนคบกันมาเป็นสิบปี กับ แฟนที่เพิ่งคบแค่ปีเดียว จะเลือกใครถ้าเราเลือกแฟนก็เลิกคบกับเพื่อน .. เรื่องที่มีปัญหากันคือ เพื่อนเราหาว่าแฟนเราไม่มีสัมมาคาราวะ !! ทั้งที่ตอนแรกถูกคอกันมากมีอะไรเพื่อนเราก้เรียกใช้แฟนเราทุกอย่างแฟนเราก็ทำให้ดี ตามสายตาที่เราเห็นเราก็มองว่าไม่มีสาเหตุอะไรที่ทำให้มองแบบนั้น เราก็พยายามเครียให้แต่เพื่อนเรายื่นคำขาดแบบนี้กับเรา เราเลยตัดสินใจว่าเมื่อเขาไม่หยุดมาพูดแบบนี้เราก็ไม่มีเพื่อนแบบนี้ดีกว่า เพราะเรามีตา มีหู มีสมอง รู้ว่าอะไรเป็นอะไร และ เขาไม่สมควรจะพูดแบบนี้เราเลยตัดสินใจจบเองคะ .. เราบอกว่าจะจบเรื่องนี้ได้หรือยัง ..ถ้าแกยังไม่จบ .. งั้นชั้นจบเอง .. แล้วเราก็เดินออกมาเลยคะไม่สนใจมองกลับไป เพราะเราคิดดีแล้วว่าเราก็ไม่ไหวกับเธอคนนี้เหมือนกันหลายสิ่งที่ผ่านมาสุดท้ายเราคือ หมา มาตลอด ... แต่เรื่องที่เราเคยคุยกันจะไปถวายกฐินที่วัดด้วยกันเพื่อนให้เราเป็นคนไปจองกฐินไว้ให้ แล้วเจ้าตัวก็จดวันเวลาไว้แล้วเราก็บอกแฟนว่าเรื่องทำบุญมันไม่เกี่ยวเราแยกได้เพื่อน อ. ก็รู้รายละเอียดทุกอย่างแล้วก้แล้วแต่เขา ... แล้วเรากับแฟนก็จะพยายามไม่พูดถึงเรื่องเพื่อนคนนี้อีก ...

    .... เหตุผลหนึ่งที่เราตัดสินใจตัดขาดเพื่อนคนนี้ ถ้าใครติดตามอ่านจะพอทราบว่า มีผู้ทรงคุณอย่างน้อย 2 ท่านที่แนะนำให้เราห่างเพื่อนคนนี้ไว้ เช่น พี่ร้านเสริมสวยที่เราพาเพื่อนไปหาเขา ก็บอกเราชัดเจนแล้ววว่า พวกที่อยู่กับเพื่อนเราเขาจะทำร้ายเรา และ ทุกคนที่อยู่รอบตัวเรา เพียงเพราะเราไปขวางทางพวกเขา ... พวกนั้นทำอะไรเราไม่ได้ .. เขาจะเล่นงานคนรอบข้าง ซึ่งตอนนั้นพี่เขาก็ระบุเลยว่าพวกนั้นจะเอาชีวิตลูกชายเรา ( แล้วช่วงกันยาปีเดียวกันลูกชายเราเกิดอาการไส้ติ่งอักเสบกระทันหันเกือบเข้าผ่าตัดไม่ทัน .. เกือบตายคะตอนนั้เราต้องไปร้องไห้อ้อนวอนพยาบาลให้่มาดูลูกเราเพราะไม่มีใครสนใจลูกเราเลย เขาตัวเหลืองซีด และช้อคไปสองรอบ ก่อนหน้านั้นก็มีหมอดูแขกมาดูให้แต่เราไม่เชื่อเขาก็ระบุว่ามีคนต้องการชีวิตลูกเราเพราะเขาทำอะไรเราไม่ได้ ) หรือ คนที่เรารักแทนตราบใดที่เรายังคบเพื่อนคนนี้อยู่ พร้อมทั้งบอกว่าเมื่อใดที่เพื่อนคนนี้ เสียงเปลี่ยน แววตาเปลี่ยน คำพูดเปลี่ยน หน้าตาเปลี่ยนไป เขาจะไม่ใช่เพื่อนเราตลอดกาล .. และ ตอนนี้เะอคนนั้นเปลี่ยนไปแล้วจริง ๆ คะตามที่พี่เขาบอกไว้ทุกอย่างเลย .. เราตกใจมากเลย.. พระอาจารย์ต๋องก็พูดเป็นนัย ๆ ว่า ( แกถามว่าเราอดได้ไหม๊ที่จะไม่ยุ่งเรื่องคนอื่น เราตอบว่าไม่ได้ถ้าเราสงสารเขา ) " ถ้าในเมื่อเราคิดจะช่วยใครสักคน .. ให้ทำใจยอมรับกับคำว่า .. เนรคุณ " .. อตนท่านพุดท่านหันไปมองหน้าเพื่อนเรานิ่ง ๆ ตอนแรกเราไม่เข้าใจแต่พอเกิดเหตุการณ์หลายอย่างเราเข้าใจเลยทุกคำพุดคำสอน ตั้งแต่นั้นเราก็พยายามไม่ยุ่งเรื่องคนอื่น พยายามเอาแค่คนในครอบครัว ตัวเอง " เพราะขนาดตัวเราเองยังเอาตัวไม่รอด .. แล้วเราจะไปช่วยใครได้ "..
     

แชร์หน้านี้

Loading...