หลงทาง

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย raming2555, 3 พฤษภาคม 2013.

  1. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    "เรื่องติดสินบนพระพุทธเจ้านั้น พระพุทธองค์ไม่เคยตรัสสอน...การไปเที่ยวกราบอ้อนวอน เพื่อขอให้ประสบความสำเร็จนี่พระผู้มีพระภาคเจ้าไม่เคยสอน...ทรงสอนให้ พึ่งตนเอง, เตือนตนเอง, สอน อิทธิบาท 4 เพื่อนำไปสู่ความสำเร็จทั้งทางโลกและทางธรรม..."
    กราบอนุโมทนาค่ะ
     
  2. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    "ที่เห็นติดกันมากอีกอย่างก็คือ ติดในธรรม... เมื่อปฏิบัติไปได้เห็นธรรมที่ปรากฎอยู่เบื้องหน้าแล้ว ก็อยากชวนคนอื่นๆมาฝึกบ้าง อยากเล่าให้เขาฟังบ้าง เป็นอาการคุยฟุ้งคุยอวด แล้วพอมีใครขัดบ้างก็จะมีอาการขุ่นเคืองเกิดขึ้น อันนี้ก็เคยเจอกับตัวเหมือนกัน...แต่ตรงนี้อยู่ใกล้ครูบาอาจารย์ โดนเขกกระบาลสักหลายทีก็หาย..."

    พระอาจารย์ท่านดุจริงๆค่ะท่านระมิงค์
    หากอาการหนักมาก พระอาจารย์ท่านก็ไมพูดด้วย คราวนี้ละ...ตับหดเลยค่ะ
     
  3. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    น้อยคนนัก ที่จะเอื้อเฟื้อประสบการณ์อย่างท่านเจ้าของกระทู้
    พออ่านแล้วก็ได้นำมาพิจารณา
    บางช่วง นอกจากอ่านแล้ว คงได้ไตร่ตรองให้มาก
    กราบขอบพระคุณมากค่ะท่าน
     
  4. เ่ต่าโบราณ

    เ่ต่าโบราณ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2010
    โพสต์:
    713
    ค่าพลัง:
    +3,624

    ขอบคุณข้อความนี้ค่ะ โดนมากๆเลย ยังไม่เก่งอย่างท่านค่ะ แต่ดันเกิดอาการที่ว่าจริงๆ "ไปไม่เป็น อะไรก็ไม่เอา พุทโธก็ไม่เอาเสียแล้ว... กลัวมาก กลัวตัวเองจะเอาดีไม่ได้เสียแล้ว"
     
  5. คมสันต์usa

    คมสันต์usa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,879
    ค่าพลัง:
    +11,861
    เรื่องวัตถุมงคลกว่าจะก้าวข้ามวางได้ลงก็ปาไปร่วมสิบปีเหมือนกัน
    ที่ชัดเจนที่สุด คือ ผีและวิญญาณนั้น ไม่ได้กลัวเหรียญด่างฯเลยแม้นแต่น้อยนิด
    พระเครื่องแต่ละองค์นั้น จะมีแสงพลังสีขาวนวล ขนาดเท่าฝาขวดน้ำอัดลม
    ห้าดวงเกาะกลุ่มกันเคลื่อนที่ไปมา อย่างช้าฯ  ขึ้นอยู่กับพลังที่ถูกบรรจุใว้ นานฯ จึงจะพบ พระสมเด็จที่มีแสงทองพุ่งขึ้นจากกลางองค์พระท่าน
     ผีและวิญญาณนั้น ไม่ได้กลัวเหรียญด่างฯเลยแม้นแต่น้อยนิด จากประสพการณ์ มาหลายครั้ง อย่างวิญญาณชาวต่างชาติยิ่งแล้วเลยทั้งพระเครื่อง
    ทั้งไม้กางเขนมันหัวร่อ และขำกลิ้งเลย เข้าร่างคนแล้วไม่ยอมออก บางครั้ง
    ผีมันกัดพระเครื่องแตกหมด ล้วนแต่พระผงรุ่นเก่าฯทั้งนั้น
    แม้นแต่พระสงฆ์ มันก็ไม่กลัว ส่วนที่วิญญาณกลัวนั้นก็คือจิตที่มีพลัง
    หรือท่านที่มีพลังจิตนั่นเอง   แต่ประโยชน์ของพระเครื่องเราได้นำมาใช้
    ในการฝึกสอนสมาธิ ได้ผลดีทีเดียวครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1 universe.jpg
      1 universe.jpg
      ขนาดไฟล์:
      130.5 KB
      เปิดดู:
      103
    • 57 flower.JPG
      57 flower.JPG
      ขนาดไฟล์:
      2 MB
      เปิดดู:
      88
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 พฤษภาคม 2013
  6. rungdao

    rungdao เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    2,019
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +10,731
    ไม่ทราบว่านอกคอกแบบเดียวกันหรือเปล่า เพราะหาคอกไหนตำราไหนก็ไม่มีที่บันทึกไว้ เลยขออนุญาติ จขกท ใช้เนื้อที่แห่งนี้ มาฝาก กัลยาณธรรมทั้งหลายค่ะ สาธุ

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=2I1FT5udE6c]วิธีระงับความโกรธเด็ดขาด - YouTube[/ame]
     
  7. คมสันต์usa

    คมสันต์usa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,879
    ค่าพลัง:
    +11,861
    เป็นบุญของผู้เขียนที่ได้มีโอกาสกราบท่านและได้รับฟังธรรมะจากท่าน
    เป็นครั้งแรก และก็เป็นครั้งสุดท้าย พระเดชพระคุณท่านหลวงพ่อฤาษีลิงดำได้เดินทางมาสหรัฐอเมริกา รัฐแคริฟอเนีย เมือง Los Angeless เพื่อสอน มโนมยิทธิ แก่ศิษย์ที่สนใจ ปฏิบัติ ท่านเดินทางมาพร้อมกับครูฝึก
    และ พระครูปลัดอนันต์ ในราวต้นปี พ ศ ๒๕๓๕ หลายท่านได้ขึ้นไปฝึก
    มโนมยิทธิ บนห้องฝึก พร้อมด้วยครูฝึกอีก ๖ ท่าน ส่วนผู้เขียนมิได้ขึ้นไป
    บนห้องฝึก ชั้นบน แต่เลือกที่จะอยู่ ข้างล่างเพื่อรอสนทนาธรรมและฟังธรรมะ จากท่าน หลวงพ่อท่านได้พูดว่า ก่อนที่หลวงพ่อจะเดินทางมายัง สหรัฐอเมริกา หลวงพ่อได้อธิฐานว่า ลูกศิษย์ที่เคยสร้างบุญกุศลร่วมกับท่านในแต่อดีตชาติ จงมาพบท่าน ในครั้งนี้ และท่านได้บอกใว้ว่าอีกไม่นาน อภิญญาใหญ่ จะมาเผยแพร่ ที่สหรัฐอเมริกา และที่ยุโรป ครับ และหลวงพ่อ ท่านได้บอกว่า ครั้งนี้หลวงพ่อมาสหรัฐอเมริกา เป็นครั้งสุดท้าย
    ผู้เขียนได้ กราบเรียนถามหลวงพ่อว่าแล้วใครจะมาสอน มโนมยิทธิ ต่อ
    เล่าครับ ท่านชี้มือของท่านไปที่ พระครูปลัดอนันต์ และพูดว่าโน่นไง
    พระครูปลัด อนันต์ ท่านจะสอนต่อ จากหลวงพ่อเอง หลังจากท่านเดินทางกลับเมืองไทย และ ไม่กี่ปีถัดมาก็ได้ทราบข่าว ว่าหลวงพ่อได้มรณะภาพ ลง ไม่มีใครคาดคิดว่านั่นเป็นการบอกลา จากกับลูกศิษย์ ของท่าน
    เป็นครั้งสุดท้าย ครับ พร้อมนำรูปถ่ายในอดีตที่หาชมได้ยาก มาให้ชม กันครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • lusee2.jpg
      lusee2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      275.3 KB
      เปิดดู:
      104
    • lusee1.jpg
      lusee1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      292.2 KB
      เปิดดู:
      105
    • lusee.jpg
      lusee.jpg
      ขนาดไฟล์:
      251.9 KB
      เปิดดู:
      93
    • DSC05587.JPG
      DSC05587.JPG
      ขนาดไฟล์:
      474.5 KB
      เปิดดู:
      95
    • DSC05715.JPG
      DSC05715.JPG
      ขนาดไฟล์:
      557 KB
      เปิดดู:
      76
    • white chempaka.jpg
      white chempaka.jpg
      ขนาดไฟล์:
      92.8 KB
      เปิดดู:
      88
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 พฤษภาคม 2013
  8. ล้อเล่น

    ล้อเล่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    4,924
    ค่าพลัง:
    +18,649
    ล้อเล่นได้ไปนมัสการ กราบท่าน ตอนที่ท่านนั่งรถเข็นแล้วค่ะ.......................
     
  9. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    ใจคอท่านระมิงค์จะหายไปปฏิบัติธรรม ๑ สัปดาห์จริงๆหรือคะ
     
  10. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,553
    ค่าพลัง:
    +18,998
    ความจริงเรื่องพระเครื่องนั้น เด็กๆชอบเอามานั่งดู เพราะของแม่เก็บไว้เป็นปี๊บ แฮ็ก กับกล่องขนมปัง ส่องไปก็สบายใจดี ไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไร...

    พอต้องมาเจอพี่ๆทั้งหลายสายหลวงปู่ดู่ ท่านเอาพระมาให้ แล้วก็เลยให้ลองจับพระดู ผมเองจับดูแล้วก็เป็นพระนะ ก็ไม่ได้เห็นจะเป็นเณร...แต่สายหลวงปู่ดู่ท่านสอนให้จับพลังงานแล้วจะรู้ว่าคงกระพันหรือเมตตา แต่วัตถุประสงค์จริงๆของหลวงปู่นั้นเน้นไปที่กำพระไว้เพื่อให้ช่วยในการรวมจิต ทำให้ง่ายต่อการเจริญกรรมฐานเสียมากกว่า...

    แต่ว่าผมจับพระแบบผมนี่ก็ขอบารมีพระก่อน จับแล้วก็เห็นหลวงปู่ดู่ท่านมานั่งตรงหน้า ข้างหลังท่านเป็นหลวงพ่อทวด(ผมเรียกหลวงพ่อมาแต่เด็กเลยไม่ได้เรียกหลวงปู่แต่ก็องค์เดียวกันน่ะครับ) ก็ถามพี่ท่านนั้น ก็บอกว่า องค์เดียวกัน แล้วก็สงสัยว่าทำไมผมจึงเห็นได้ ขณะเดียวกันก็ไปหาพระศรีอาริย์ ท่านยังอยู่สวรรค์ชั้นดุสิต ทรงชุดทรงเครื่องจักรพรรดิ์ ชุดนี้จะคล้ายๆกับชุดพระวิสุทธิเทพ แต่ไม่เหมือนเสียทีเดียว ตรงปิดที่ข้างพระกรรณ์จะใหญ่กว่า และรัดพระกรจะสูงกว่า
    ภายหลังได้ไปเห็นรูปที่หลวงปู่ดู่ท่านสร้างไว้ ก็ใช่เลยนะ องค์เดียวกัน...ก็อดสงสัยไม่ได้ว่าเพราะอะไร พระศรีอาริย์ก็ยังอยู่ ดวงจิตหลวงพ่อทวดก็ยังอยู่ หลวงปู่ดู่ท่านก็ยังอยู่....พี่ท่านนี้บอกว่า พระโพธิสัตย์นั้นแบ่งภาคมาเกิดได้... ก็นับเป็นความรู้ใหม่...ก็ดีไปอย่างนะครับ ทำให้มีเรื่องได้คุย...

    เรื่องสู้กับผีนี่ ผมก็เห็นด้วยว่าอาศัยจิตที่ฝึกให้มีพลังกล้าแข็งพอก็สามารถทำได้ เมื่อผู้ฝึกทำได้จนถึงตรงนั้นแล้ว มักจะไม่ค่อยต้องแขวนพระเครื่อง เพราะคุ้มครองตัวเองได้แล้ว...

    ผมเคยได้ไปกับหลวงพ่อเทพฯ ท่านไปช่วยไล่ผีที่แม่ฮ่องสอน เพราะตรงนั้น ทำงานไม่ได้ รถขุด รถตัก วิ่งเข้าไป เครื่องดับบ้าง โซ่ขาดบ้าง หลวงพ่อท่านไปถึงให้จุดธูป แล้วท่านยืนยิ้มหน่อยๆ ประสานมือไว้ข้างหน้า ไม่ได้หลับตา ท่านมองไปแล้วสักพักลมพัด กระพือ...ท่านก็บอกว่า เสร็จแล้ว เรียบร้อยแล้ว ดีแล้ว ไม่มีอะไรแล้ว...

    พลังจิตหลวงพ่อเทพนี่ชั้นเทพจริงๆนะครับ แก่กล้ามากกว่าคำบรรยาย...เพียงแต่วันนั้นท่านไม่ได้ใช้พลังของท่านขับไล่ เพียงแต่แผ่เมตตาออกไป เพื่อสงเคราะห์วิญญาณเหล่านั้นด้วยเมตตา เมื่อเขาเหล่านั้นได้รับส่วนกุศลแล้วก็เปลี่ยนภพภูมิแล้วแยกย้ายกันไป...

    ซึ่งก็แปลกมากนะครับเมืองไทยเนี่ย...ผีสางคางแดงมันเยอะไปหมด ผมไปหลายประเทศ ก็ไม่เห็นจะมีผีมากมายขนาดเมืองไทย...อยู่ต่างประเทศกลางคืนก็เดินสบายๆ แต่พอกลับมาเมืองไทยไม่ได้เลยนะ การ์ดตกเป็นโดนหยอกเล่นทันที...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 พฤษภาคม 2013
  11. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,553
    ค่าพลัง:
    +18,998
    อันนี้ก็ขอให้ท่านคมสันต์ เม้นท์ดีกว่านะครับ...

    เพราะผมนี่ยังออกแนวหลงทาง...
    555+
     
  12. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,553
    ค่าพลัง:
    +18,998
    เล่าต่อก็ได้...มีแต่เรื่องหลงทางทั้งน้าน...นะ

    วันเวลาที่กรรมฐานทั้งหลายที่เคยทำมามันถอยไปจนถึงที่สุด...อย่างไม่รู้สาเหตุ ก็ได้แต่วิ่งหาครูบาอาจารย์ ก็ไม่มีองค์ไหนท่านจะแนะนำ ท่านบอกก็เลี่ยงๆ เลี่ยงไปคุยเรื่องอื่นหมด ... นึกถึงคำสั่งเสียก่อนมรณะภาพของพระธุดงค์ท่านบอกว่า "หลวงพ่อเป็นอาจารย์ของคุณไม่ได้หรอก คุณต้องเป็นอาจารย์ของคุณเอง ทำไปนะ ที่ทำอยู่ถูกต้องแล้ว"...

    มันเหมือนคนง่อย เปลี้ย เสียขา ปัญญาอ่อน แถม อัมพาตกิน....
    เมื่อคิดไม่ออกว่าจะทำอย่างไรดี....
    สิ่งที่ดีที่สุดคือ...
    คิดต่อไป จนกว่าจะคิดออก...

    เมื่อย้อนคิดไปถึงเมื่อวัย 4-5 ขวบ ตอนนั้น เพ่งไปที่แสงจากดวงอาทิตย์ สะท้อนไปที่กันชนรถยนต์ที่ชุบโครเมี่ยม....
    ตอนนั้นไม่ได้บริกรรมอะไร เพราะไม่รู้จัก...
    มันรู้อยู่อย่างเดียวว่ามันมองแล้วมันสบายใจ มันชอบใจ ก็เท่านั้น...

    สัก 7-8 ขวบ ก็มาคอยยืนพัดเตาถ่าน สมัยนั้นมีเตาแก๊สใช้กันแล้ว แต่ที่บ้านแม่ยังชอบให้ติดเตาถ่าน พัดๆไปก็มองเห็นเปลวไฟว่า ละเอียด นุ่มนวล สวยงาม ใจมันก็สบาย มองแล้วก็ชอบใจ...เวลานั้นมันก็ไม่ได้บริกรรมอะไร ไม่ได้รู้ว่าเป็นกสิณหรือเปล่า ไม่รู้ว่ากสิณโทษมันเป็นอย่างไร...
    มันรู้อย่างเดียว...มองดูแล้วสบายใจ...

    สวดมนต์ก็ยังไม่เป็น เพราะเตี่ยกะแม่ นิยมไปหาคนทรง ไม่ได้ไปวัดสักเท่าไร มีก็ไปศาลเจ้าพ่อเสือ.... เตี่ยนี่หนักหน่อย เวลาเมาๆเข้าก็จะท่องว่า "นะโม ตัสสะ ตำรวจ จับ เกะกะ"...

    เรื่องคำบริกรรมตอนนั้นยังไม่รู้จัก ก็ไม่ได้บริกรรม ลมหายใจก็ยังไม่รู้ว่าจะต้องกำหนดรู้อย่างไร จะสั้น จะยาว ไม่รู้ทั้งหมด จะมาเริ่มท่องพุทโธนี่ก็ปาเข้าไป 10 ขวบแล้ว ท่องเพราะตาลุง อดีตหมอผีเก่า บอกว่าท่องแล้วผีไม่กล้าเข้าใกล้..ก็ท่องเกือบตลอดเวลา เพราะกลัวผี...

    ตอน4-5ขวบนี่ บ้านอยู่ตรงข้ามบ้านอาจารย์เจ๊ก ลูกศิษย์หลวงปู่ทอง วัดราชโยธา เวลานั้นเป็นตึกแถวสองฝั่ง เมื่อเพ่งมองแสงสว่างจนสบายใจแล้ว ก็ไปยืนอยู่ตรงประตูหน้าบ้าน มองกราดไปทางซ้าย ผ่าน บ้านอาจารย์เจ๊ก กลับมาทางขวา ร้านก๊วยเตี๋ยวยายเล็ก แล้วกำหนดในใจว่า เราจะขอจดจำภาพนี้ นับจากนี้ต่อไปจนวันตาย...(จะจำไปทำบ้าอะไรของมันก็ไม่รู้นะ...ไร้สาระจริงๆ) แล้วภาพนั้นก็ยังจำได้จนถึงทุกวันนี้ ... ไม่เห็นมีประโยชน์....

    ในวันที่กรรมฐานเสื่อมทรามไปหมดแล้ว จึงนึกถึงเหตุการณ์เหล่านี้ในวัยเด็ก แล้วก็เริ่มกันใหม่...เริ่มจากสมัยมันเด็กๆ เอาแบบว่ามันไม่รู้เรื่องอะไรเลย กลับไปเริ่มต้นใหม่...

    เริ่มจากหายใจเข้า ให้รู้สึกว่าสบาย เหมือนกับว่าเราได้สูดเอาความสุขทั้งหลายในโลกนี้เข้ามาในตัวเรา แล้วก็อมยิ้มน้อยๆ....เวลาหายใจออก ก็ให้รู้สึกผ่อนคลาย ตรงไหนที่เกร็งที่อั้นอยู่ก็คลายออกไป...
    ไม่มีคำบริกรรม...
    ไม่สนใจว่าลมหายใจจะสั้นหรือจะยาว...
    และไม่สนใจอะไรใดๆทั้งสิ้น...
    มีแต่ความรู้สึกสบาย กับผ่อนคลาย...
    บทสวดมนต์ใดๆก็ไม่ต้องสวด
    ศีลก็ไม่ได้อารธนา..
    คิดอะไรก็ไม่ได้คิด..
    มันกลับไปเป็นเด็ก 4-5 ขวบอีกครั้ง...
    ครั้งที่ยังไม่รู้อะไรเลย...รู้สึกแต่ว่า สบายใจดี...
    เอาเท่านี้...ทำเพียงเท่านี้จริงๆ...
    ไม่ต้องไปคิดว่าจะสมาธิขั้นไหน
    ปฐมฌาณต้องประกอบด้วย วิตก วิจารณ์ ปีติ สุข เอกัตคตา...ไม่มี..
    เหมือนเครื่องโดนฟอร์แมตใหม่...

    กรรมฐานก็ค่อยๆกลับมาอย่างช้าๆ...
    จึงได้เห็นว่าที่ผ่านมาเราฝึกไปอย่างคนใจเร็วด่วนได้...
    พอสอบตกซ้ำชั้นจึงได้รู้ว่า...การพิจารณาโดยแยบคาย ต้องค่อยๆทำ ย้ำบ่อยๆ จนชัดเจนแจ่มแจ้งแล้ว ค่อยผ่านไปพิจารณาส่วนอื่นต่อ...
    และสำหรับผู้ฝึกใหม่
    ผู้ที่ บริกรรมก็ไม่ได้
    จับลมหายใจก็ฟุ้งซ่าน
    สวดมนต์ก็ไปคิดเรื่องอื่น...
    มองภาพพระก็นึกภาพพระไม่ออก..
    ไม่เอาไหนเอาอะไรเลยสักอย่างเดียว...
    เป็นพวกไม่มีวาสนา ไม่มีบุญ ไม่มีบารมี ไม่มีของเก่ามาก่อน
    แต่อยากจะฝึกสมาธิบ้าง...
    ควรจะเริ่มจากอะไรดี???

    เอาแค่สูดลมหายใจเข้า รู้สึกสบาย...
    หายใจออก รู้สึกผ่อนคลาย...
    เอาเท่านี้เอง...
    ใครๆก็ทำได้...
    ลองดูสิ...
    คุณทุกคนที่อ่านถึงตรงนี้...
    ทำได้ทุกคน...
     
  13. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    เริ่มจากหายใจเข้า ให้รู้สึกว่าสบาย เหมือนกับว่าเราได้สูดเอาความสุขทั้งหลายในโลกนี้เข้ามาในตัวเรา แล้วก็อมยิ้มน้อยๆ....เวลาหายใจออก ก็ให้รู้สึกผ่อนคลาย ตรงไหนที่เกร็งที่อั้นอยู่ก็คลายออกไป...
    ไม่มีคำบริกรรม...
    ไม่สนใจว่าลมหายใจจะสั้นหรือจะยาว...
    และไม่สนใจอะไรใดๆทั้งสิ้น...
    มีแต่ความรู้สึกสบาย กับผ่อนคลาย...


    สาธุค่ะ
    ติงเคยทำแบบนี้บ่อยค่ะ
    คิดว่าเอ๊ะ! นี่เราสะกดจิตตัวเองหรือเปล่า
    บางทีก็เลย
    หายใจเข้า...หายใจออก...
    แบบรู้สึกเฉยๆค่ะ
    บางทีก็ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี
    ไปวัดพระท่านก็บอกให้บริกรรม"พุทโธ"
    บางทีท่านก็ให้ดูจิตตัวเอง ดูเฉยๆว่ามันคิดอะไรไม่ต้องไปห้ามมัน
    แต่ติงเคยดื้อ
    ห้ามโดยการภาวนา"พุทโธ"ถี่ๆ
    หากทำแบบนี้แล้วยังห้ามไม่ได้ ก็กลั้นหายใจค่ะ
    มันหยุดแฮะ...สงสัยกลัวตายค่ะ...^-^
     
  14. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,553
    ค่าพลัง:
    +18,998
    " คำว่า พุทโธ นี้ ผีเกรงกลัวที่สุด
    เพราะอานุภาพของพุทโธ และจิตที่เป็นสมาธิ
    พวกภูติผีต่างๆ จึงไม่อาจทำอันตรายใดๆ แก่เราได้
    และเมื่อเราแผ่เมตตาให้ พวกนั้นก็น้อมรับในส่วนบุญ
    กลายเป็นมิตรไปกับเราเสียอีก
    ถ้าหากท่านผู้ใดกลัวผีขอให้ภาวนา พุทโธ พุทโธ
    จนจิตเป็นสมาธิ ความกลัวจักหายไปเอง "

    หลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม
    วัดอรัญญวิเวกบ้านข่า
    ต.บ้านข่า อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม
     
  15. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,553
    ค่าพลัง:
    +18,998
    อาการสะกดจิต จะต้องประกอบด้วยอาการเพ่ง เป็นหลัก มักจะให้เพ่งไปที่ความคิดใดความคิดหนึ่ง...

    การสูดลมหายใจเข้า ให้รู้สึกสบาย ความรู้สึกตรงนี้จะรู้ได้นั้น ต้องอาศัยสติ แม้จะเป็นสติอย่างอ่อน คือ อนุสติ แต่เมื่อทำบ่อยๆ สติตัวนี้จะเติบโตขึ้น และอาศัยเป็นเครื่องตามรู้ตามดูความคิดได้...
    เมื่อสติ รู้ทันความคิด ความคิดนั้นจะดับไปเอง ไม่ต้องไปเพ่ง ไปกดข่ม หรือไปบังคับแต่อย่างใด
    แต่เมื่อสติยังไม่มีกำลังพอ ย่อมเป็นธรรมดาที่จะไหลไปตามความคิดบ้าง เป็นธรรมดา...

    หายใจออกให้รู้สึกผ่อนคลายนั้น การจะรู้สึกผ่อนคลายกล้ามเนื้อและร่างกายได้ ก็ต้องรู้สึกตัวแล้วสำรวจตัวทั่วตัวว่าตรงไหนบ้างที่มีอาการเกร็งอยู่ เมื่อรู้สึกว่าตรงไหนเกร็งก็ผ่อนคลายออก ผู้รู้ที่ตามดูร่างกายนี้ คือสัมปชัญญะ อย่างอ่อน..

    เมื่อทำไปมากๆเข้า สัมปชัญญะ มีกำลังมากขึ้น จะรู้ถึงอาการตื่นอยู่ เป็นเครื่องป้องกัน ถีนนะมิททะ คือความง่วง ในเวลาเข้าสมาธิได้ดี...

    สำหรับเรื่องของความคิดที่เกิดขึ้นนั้น หากมีสติตามรู้แล้วความคิดนั้นก็ดับไปเอง เหมือนดังหนูเห็นแมว...แต่ก็มีเหมือนกัน ที่สติเอาไม่อยู่ ก็ต้องปล่อยให้คิดไป สติก็ตามดูไปเรื่อยๆ พอความคิดมันเหนื่อยหมดแรงแล้ว เราก็เอาสติเข้าไปจับ เอากำลังสมาธิเข้าไปประคองไว้ ก็จะทำสมาธิได้ทรงตัวดียิ่งขึ้น...

    บางคนนั้นก็มักจะไปกดข่มความคิดไม่ให้เกิดก็มี...
    บ้างก็คิดว่าตัวเองนั้นไม่คิดแล้ว...แต่หารู้ไม่ว่ากำลังคิด...คือ คิดว่าไม่คิด...

    ท่านผู้เฒ่าท่านหนึ่ง ท่านบอกว่า "ธรรมะ ไม่ใช่เรื่องลึกซึ้ง แต่เป็นเรื่องละเอียดอ่อน" ผมเข้าใจความหมายท่านว่า ธรรมะนั้นไม่ใช่เรื่องลึกซึ้ง เพราะปรากฎอยู่ตรงหน้านี้แล้ว..แต่ละเอียดอ่อน เพราะแม้ปรากฎอยู่ตรงหน้าแล้วก็ยังไม่สามารถรู้แจ้ง เห็นจริงได้..
    คือว่ารู้ แต่ยังไม่แจ้ง...
    เห็น แต่ยังไม่จริง..
     
  16. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    กราบขอบพระคุณมากค่ะ ท่านอธิบายได้แจ่มแจ้งนัก
    วันนี้ติงเข้าใจว่าตนเองเข้าใจ
    แม้ว่าอาจยังไม่ลึกซึ้ง หรืออาจเข้าใจคลาดเคลื่อนไปบ้าง
    แต่ก็เป็นการเริ่มต้นทางสายใหม่ที่ดีค่ะ
    ติงไม่เพียงหลงทาง
    แต่ไม่ทราบเลยว่าตนเองจะไปทางไหนค่ะท่าน
    ทราบเพียงว่าอยากไป
    แต่ไปอย่างไรนั้น...ยังสับสนอยู่ค่ะ

     
  17. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    เป็นกระทู้ สอนธรรม นำให้คิด
    ชี้ถูกผิด แผ้วทาง สว่างใส
    โมทนา ท่านระมิงค์ ด้วยจริงใจ
    เริ่มต้นใหม่ สายตรง ไม่หลงทาง
     
  18. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,553
    ค่าพลัง:
    +18,998
    ไม่ควรน้อยเนื้อต่ำใจ

    "..พระพุทธองค์ทรงบัญญัติพระธรรมวินัย
    ก็ทรงบัญญัติแก่มนุษย์เรานี้เอง
    มิได้ทรงบัญญัติแก่ ช้าง มา โค กระบือ ฯลฯ ที่ไหนเลย

    มนุษย์นี้เองจะเป็นผู้ปฏิบัติถึงซึ่งความบริสุทธิ์ได้
    ฉะนั้นจึงไม่ควรน้อยเนื้อต่ำใจว่า
    ตนมีบุญวาสนาน้อย

    เพราะมนุษย์ทำได้
    เมื่อไม่มี ทำให้มีได้
    เมื่อมีแล้วทำให้ยิ่งได้.."

    หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  19. คมสันต์usa

    คมสันต์usa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,879
    ค่าพลัง:
    +11,861
    ระงับโกรธนั้นมีอุบายหลายวีธีด้วยกัน ขอยกคำสอนของหลวงพ่อพระอาจารย์เทพ
    ถาวโร มาเล่าให้ท่านฟัง โกรธก็เปรียบเหมือนมีคนเอาถ่านไฟร้อนฯมาวางใว้บนหัวเรา เราไปโกรธเขา แต่ไอ้ที่ไฟมันไหม้จนควันขึ้นน้ะ มันหัวเรา 
    แล้วเราจะปล่อยให้มันไหม้อยู่ทำไม เราก็เอาถ่านไฟร้อนฯมันออกเสียสิ

     
  20. คมสันต์usa

    คมสันต์usa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,879
    ค่าพลัง:
    +11,861
    จุดประสงค์ของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ในการสอนมโนยิทธินั้น ก็คือจะได้เข้าใจถึงเรื่องภพ-ชาติให้ได้ไปสัมผัสว่ามันมีจริง แล้วหาทางก้าวข้ามและวางเสียเพื่อความหลุดพ้น ที่จะไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิดกัน ชาติแล้วชาติเล่า ไม่จบสิ้น แต่มันไม่ใช่เป็นของง่ายฯ
    ต้องอาศัยความเพียร สั่งสมบุญบารมี กันไปจนกว่าจะบรรลุเป้าหมาย แต่อย่างน้อย
    ก็ควรจะเริ่มต้นให้ถูกทาง สำหรับผู้ที่เริ่มปฏิบัติใหม่หรือที่ยังคิดว่าตัวเองหลงทางอยู่
    ทุกคนจะต้องเดินผ่านสังสารวัฏเส้นทางเดียวกันหมด เพียงแต่การเดินทางนั้น ของใครจะยาวนานกว่ากันเท่านั้น 
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1 universe.jpg
      1 universe.jpg
      ขนาดไฟล์:
      130.5 KB
      เปิดดู:
      51
    • PICT0541.JPG
      PICT0541.JPG
      ขนาดไฟล์:
      853.4 KB
      เปิดดู:
      71
    • DSC04720.JPG
      DSC04720.JPG
      ขนาดไฟล์:
      547.5 KB
      เปิดดู:
      55

แชร์หน้านี้

Loading...